You are on page 1of 49

รู้จักกับตราสารหนี้และตลาดตราสารหนี้

สันติ กีร ะนันทน์

1
ตราสารหนี้ (Debt instruments)

“ สัญญา (ตราสาร) ที่แสดงการกูย้ ืมเงินระหว่างผู้กู้ (บริษัทผู้ออก


ตราสารหนี้) กับผู้ให้กู้ (นักลงทุนในตราสารหนี้)
โดยในสัญญาจะมีรายละเอียดเกีย่ วกับการกู้ยืมนั้นๆ
ทั้งนี้ กองหนี้สิน (สินทรัพย์) จะถูกแบ่งออกเป็นหน่วยย่อย
ซึ่งแต่ละหน่วยย่อยจะมีมูลค่าเท่ากัน”

2
ระบบการเงิน (Financial system)

ระบบ กา รเ งิ น

สถา บันก ารเง ิ น ตล าด กา รเ งิน


Financial Institution Financial Institution

ตลาดอ นุพั นธ์


ตลาดเ งิ น ตล าดท ุน
Derivatives
Money Market Capital Market
Market

3
ตลาดตราสารหนี้

ตล าดเง ิน ตล าดท ุน
Money Market Capital Market

ตลาดตราสารหนี้
เป็นส่วนหนึ่งของตลาดทุน (ตราสารหนี้ระยะยาว)
และตลาดเงิน (ตราสารหนี้ระยะสั้น)

4
ตลาดตราสารหนี้
• ตลาดตราสารหนี้ แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้องในการซื้อขาย
• ตลาดแรก (P rimary market )
• ตลาดรอง (S eco ndary market )
• ตลาดตราสารหนี้ แบ่งตามวิธีการซื้อขาย
• ตลาดทางการ Exchan ge
• ตลาดเจรจาต่อรอง (Over t he coun ter – OT C)
• ตลาดตราสารหนี้ แบ่งตามขนาดของการซื้อขาย
• ตลาดค้าปลีก (Ret ail mar ket)
• ตลาดค้าส่ง (Who lesal e market )

5
บทบาทและประโยชน์ของตลาดตราสารหนี้

บทบาท จุล ภาค บทบาทมห ภาค


 แหล่งระดมทุน ขององค์กร  ลดการพึง่ พาเงินทุนจากต่างประเทศ
ผู้ออกตราสารทั้งภาครัฐและ  ลดช่องว่างระหว่างเงินลงทุนและ
เอกชน เงินออม
 แหล่งลงทุน  สร้างความสมดุลของตลาดการเงิน
 สร้างเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ยในป
เป็นทางเลือกของนักลงทุน
ระเทศ
 ลดความเสี่ยงโดยรวมของระบบเศรษฐ
กิจ

6
ตราสารหนี้
(Debt instruments)
เครื่องมือเพื่อการจัดการสภาพคล่อง และการระดมทุนระยะยาว

7
องค์ประกอบของตราสารหนี้

 มูลค่าที่ตราไว้ (P ar Val ue) • ชือ่ ผู้ออก (Iss ue Nam e)

• ประเภทของตราสารหนี้
 อัตราดอกเบี้ย (Coup on
Rate )
• ข้อสัญญา ( Co venan ts)
 งวดการจ่ายดอกเบีย้
(C oupon F reque ncy)

 วันครบกำาหนดไถ่ถอน
(Mat uri ty Da te)
8
ประเภทของตราสารหนี้

 แบ่งตามองค์กรผู้ออกตราสาร
 แบ่งตามลักษณะการถือกรรมสิทธิ์
 แบ่งตามวิธีการจ่ายดอกเบี้ย
 แบ่งตามสิทธิในการเรียกร้อง
 แบ่งตามชนิดของอัตราดอกเบีย้
 แบ่งตามชนิดของสิทธิแฝงที่ติดมาพร้อมกับตราสารหนี้

9
ประเภทของตราสารหนี้

แบ่งตามองค์กรผู้ออก
ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชน
2. พันธบัตรรัฐบาล 2. หุ้นกู้ไม่มปี ระกัน
3. พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 3. หุ้นกู้มีประกัน
4. ตั๋วเงินคลัง 4. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ
5. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 5. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
ฯลฯ ฯลฯ

Supr anat ional Issue rs


10
ประเภทของตราสารหนี้

แบ่งตามลักษณะการถือกรรมสิทธิ์ แบ่งตามวิธีการจ่ายดอกเบีย้

 ตราสารหนีช้ นิดจ่ายเงินแก่ผู้ถอื  ตราสารหนีช้ นิดจ่ายดอกเบีย้ ประ


(B ear er B ond) จำา (F ix-I nt eres t B on d)
 ตราสารหนีช้ นิดจดทะเบียน  ตราสารหนีช้ นิดทบดอกเบีย้
(Reg ist ered B on d)  ตราสารหนีท้ ี่ไม่มีการจ่าย
 ตราสารหนีช้ นิดจดบัญชี ดอกเบี้ย (Z ero-Cou pon
(I nscrib ed B ond) Bond )

11
ประเภทของตราสารหนี้

แบ่งตามสิทธิในการเรียกร้อง แบ่งตามการใช้สินทรัพย์คำ้าประกัน
 หุ้นกู้ด้อยสิทธิ
(S ubo rdin ate Bond)  หุ้นกู้มีหลักประกัน
 หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (S ecu red B ond)
(S eni or B ond )  หุ้นกู้ไม่มหี ลักประกัน
(U nsecured Bond )

12
ประเภทของตราสารหนี้

แบ่งตามชนิดของอัตราดอกเบี้ย แบ่งตามชนิดของสิทธิแฝง
 หุ้นกูจ้ ่ายดอกเบี้ยคงที่  หุ้นกู้ปกติ (straight and option
(Fix-rate Bond) free Bond)
 หุ้นกูจ้ ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว  หุ้นกู้แปลงสภาพ
(Convertible Bond)
(Floating rate Bond)
 หุ้นกู้ทผี่ ู้ออกมีสิทธิขอไถ่ถอนก่อ
นครบกำาหนด
(Callable or Puttable Bond)

13
ประโยชน์ของตราสารหนี้: นักลงทุน

• ผู้ลงทุนสามารถคาดการณ์ผลตอบแทนได้ค่อนข้างแน่นอน
หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่คาดหวังในการ
ลงทุนใน ตราสารทุน
• มีความเสีย่ งในการลงทุน น้อยกว่านักลงทุนในตราสารทุน
• กระแสเงินสดทีน่ ักลงทุนได้รับค่อนข้างแน่นอน
• นักลงทุนสามารถใช้ตราสารหนี้ ประกอบใน Port foli o
เพือ่ ประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน
(D iversif ic at ion)
• ผลประโยชน์อื่นๆ เช่น เป็นหลักประกันในการทำาสัญญาใดๆ
กับองค์กรภาครัฐและ/หรือเอกชน

14
ประโยชน์ของตราสารหนี้: บริษัทผู้ออก

• ผู้ออกสามารถที่จะกำาหนดกระแสเงินสดจ่าย ทั้งสำาหรับดอกเบีย้
และมูลค่าไถ่ถอน ค่อนข้างแน่นอน ตั้งแต่วันออกตราสาร
• ต้นทุนในการระดมเงินทุนตำ่ากว่าระดมเงินทุนจากเจ้าของ
• ความเสี่ยงของนักลงทุนที่ต้องแบกรับ น้อยกว่าลงทุนใน
ตราสารทุน
• มีผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการประหยัดภาระภาษี (G ain
from lever age)

15
กระบวนการออกตราสารหนี้ในตลาดแรก

 พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง
 ธปท. เป็นผู้ดำาเนินการประมูล

 พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ
 กรมบัญชีกลางเป็นผู้ดำาเนินการจัดประมูล ผ่านสำานักงาน
บริหารหนี้สาธารณะ
 ส่วนใหญ่ สถาบันการเงินจะเป็นผู้จัดจำาหน่าย

 หุ้นกู้ภาคเอกชน
 สถาบันการเงินเป็นผู้ดำาเนินการจัดจำาหน่าย

16
การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

 อันดับความน่าเชือ่ ถือ
 Sover eign cr edit rat ing
 Com pany rat ing
 Iss ue rat ing
 ทำาไมต้องจัดอันดับความน่าเชือ่ ถือ
 นักลงทุนทราบระดับความเสี่ยงประเภท Cr edit risk
 ใช้ในการพิจารณาต้นทุนในการออกตราสารหนี้

17
ผู้จัดอันดับความน่าเชื่อถือ
(Credit rating agency ­ CRA) 

บริษั ท ทริส เรทติ ้ง จ ำา กัด (TRI S)

บริษัท ฟิ ทช์ เรทติ้ ง (ประ เทศ ไทย ) จำา กั ด


(FI TC H)

18
อันดับความน่าเชื่อถือของ TRIS
 ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจำานวน 8 อันดับ

AAA ความน่าเชือ่ ถือสูงสุด,ความเสี่ยงตำ่าสุด


AA
A
BBB
BB
B
C
D ความน่าเชือ่ ถือตำ่าสุด,ความเสี่ยงสูงสุด

หมายเ หตุ : + แสดงค วามแต กต่างอั นดับ ความน ่ า เชื่อถือร ะดับ เดี ยวกั น
BBB- ขึ้นไ ป คื อ หุ ้น กู้ ที ่เ หมาะสมสำาห รั บการลงทุ น
กองทุนบ ำาน าญ และบ ริษัทประก ัน ภัย ไม ่แ นะนำาใ ห้ล งทุน หุ้ นกู้อ ัน ดับ ตำ่า กว่า BBB -
19
ผลตอบแทนและราคาตราสารหนี้
Price and Yield calculation

20
ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้

 จากการซื้อ/ขายตราสารหนี้ (C apit al Ga in)


 จากดอกเบี้ย (I nt er est Inco me )
 จากส่วนลด (Discou nt )
 จากการนำาไปลงทุนต่อ (Int ere st on Int er est )

21
ภาษีของนักลงทุน

ประเภท
ดอกเบี้ยรับ กำาไรจากการขาย ภาษีสิ้นปี
นักลงทุน
บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย15% หัก ณ ที่จ่าย 15% เลือกรวมหรือไม่ก็ได้
ในประเทศ ยกเว้น Zero-coupon
บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย15% หัก ณ ที่จ่าย 15% ขึน้ กับแต่ละประเทศ
ต่างประเทศ ยกเว้น Government bond ยกเว้น - Zero-coupon (อนุสัญญาภาษีซอ้ น)
- Government bond
นิติบุคคล หัก ณ ที่จ่าย 1% ไม่หัก ณ ที่จา่ ย ทั้งหมด
ในประเทศ ต้องรวมคำานวณกำาไรสุทธิ
นิติบุคคล หัก ณ ที่จ่าย 15% หัก ณ ที่จ่าย 15% ขึน้ กับแต่ละประเทศ
ต่างประเทศ ยกเว้น Government bond ยกเว้น Government bond (อนุสัญญาภาษีซอ้ น)

22
มูลค่าของตราสารหนี้

มูลค่าของตราสารหนี้ คือ มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่นักลงทุนจะได้รับตลอด


อายุตราสารหนี้ นั่นเอง

23
หลักการ

 ทำาไมมูลค่าที่เหมาะสม (I nt rinsic value) ของตราสารหนี้ จึงเป็น


ผลรวมของมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่จะได้รบั ทั้งหมด
อันเนื่องมาจากการถือครองตราสารหนี้นั้น ตลอดอายุ
 เหตุผล นักลงทุนย่อมต้องวิเคราะห์ถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการ
ลงทุน เทียบกับต้นทุนที่ต้องลงทุนไป มูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์
ทั้งหมดนั้น จึงเป็นต้นทุนสูงสุดที่ผู้ซื้อจะยอมจ่าย และเป็นมูลค่าตำ่าสุดที่
ผู้ขายจะยอมขาย

24
อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้
อัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือตราสารหนี้ต้องการ
(requi red rat e of ret urn หรือ Yield)
• อัตราผลตอบแทนปัจจุบนั (Curren t Y ield)
• อัตราผลตอบแทนถึงวันครบกำาหนด (Y iel d to Mat uri ty)
• อัตราผลตอบแทนถึงวันเรียกคืน (Y iel d to Ca ll)
• Yield to wo rst
• อัตราผลตอบแทนเมื่อนับรวมผลประโยชน์ที่ได้รับจากการนำาดอกเบีย้ ไ
ปลงทุน (R eali zed Compou nded Yield )

25
การวัดอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือตราสารหนี้ต้องการได้รับ

 อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน (Current Yield)


Current Baht Coupon
Current Yield=
Payment
Market Price

 อัตราผลตอบแทนถึงวันครบกำาหนด (Yield to Maturity)

n FVbond
Pbond = ∑ CFt t +
(1+r)
n
t=1 (1+r)

26
การวัดอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือตราสารหนี้ต้องการได้รับ

 อัตราผลตอบแทนถึงวันเรียกคืน (Y iel d t o Call )

n Callprice
Pbond = ∑ CFt t + n
t =1(1+r) (1+r)


อัตราผลตอบแทนเมื่อนับรวมผลประโยชน์ที่ได้รับจากการนำาดอกเบี้ยไปล
งทุน (Realized Compounded Yield)

27
เส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve)

“ เส้นแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราผลตอบแทน (Yi el d)
กับอายุคงเหลือของตราสารหนี้ (Time to Mat uri ty)
โดยทุกๆ จุดบน Yi el d Curve จะแสดงอัตราผลตอบแทน
ตามอายุที่เหลือของตราสารหนี้ ”

28
รูปร่างของเส้นอัตราผลตอบแทน

 โดยทั่วไปมีอยู่ 4 รูปแบบ
1. แบบปกติ (N orma l Yi eld Cu rve )
-
อั ตร าผลตอ บแท นร ะย ะย าวสูง กว่า ระ ยะสั ้
อัตราผลตอบแทน % (Yield) น

อายุคงเหลือ (TTM)

29
รูปร่างของเส้นอัตราผลตอบแทน

2. แบบลาดลง (Inve rte d Yield Curve )

-
อัต รา ผลตอบ แท นร ะย ะสั ้นส ูงก ว่า ระ ยะ ยาว
อัตราผลตอบแทน % (Yield)

แบบลาดลง
(Inverted Yield Curve)

อายุคงเหลือ (TTM)

30
รูปร่างของเส้นอัตราผลตอบแทน
3. แบบหลังเขา (H umped Yiel d Curve)

- อั ตรา ผล ตอบแท นเพิ ่มข ึ ้น


จา กนั ้นล ดลงเมื่ ออา ยุต รา สา รห นี ้เพิ ่มขึ้น
อัตราผลตอบแทน % (Yield)

แบบหลังเขา
(Humped Yield Curve)

อายุคงเหลือ (TTM)

31
รูปร่างของเส้นอัตราผลตอบแทน
4. แบบราบ (Flat Y ield C urv e)

-
อั ตรา ผล ตอบแท นเท ่า กั นท ุกช่ วงอา ยุคง เห ลือ

อัตราผลตอบแทน % (Yield)

แบบราบ (Flat Yield Curve)

อายุคงเหลือ (TTM)

32
ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและอัตราผลตอบแทน
ราคาพันธบัตรและอัตราผลตอบแทนก็มีทิศทางตรงข้ามกัน
ราคา

ดอกเบี้ย
Price

Yield
33
ความสัมพันธ์ของราคาและอัตราผลตอบแทน

 มีความสัมพันธ์เชิงผกผัน
 ถ้า yiel d เพิม่ ขึ้น 1% ราคาลดลง x บาท และถ้า yiel d ลดลง 1%
ราคาเพิ่มขึ้น y บาท : x จะน้อยกว่า y เราเรียกคุณสมบัตินี้ว่า
Convexit y
 ตราสารหนี้อายุยาว มีความเสีย่ งในเรื่อง pri ce risk สูงกว่า
ตราสารหนี้อายุสั้น
 การวัด Price ri sk (Market ris k, I nt erest rat e risk)
อาจจะใช้ตัววัด PVBP (D V01), YVCP, Du rat io n (Maca ulay
and Modif ie d)

34
ความสัมพันธ์ของราคาและอัตราผลตอบแทน

 ความเสี่ยง pr ice risk ที่เพิ่มขึ้นตามอายุของตราสารหนี้ที่เพิ่มนั้น


เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง (decr eas ing r ate)
 ตราสารหนี้ที่จ่าย cou pon มาก มีความเสี่ยง pr ice risk น้อย

35
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าและผลตอบแทน
จากการลงทุนในตราสารหนี้

 อายุคงเหลือของตราสารหนี้ (T ime to Mat ur it y)


 อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วของตราสารหนี้ (Co upon Rat e)
 อัตราดอกเบี้ยในตลาด (Int er est R at e)
 การรายงานการจัดอันดับความน่าเชือ่ ถือ

36
ความผันผวนของราคาตราสารหนี้

 Du ra tio n : อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้
โดยให้นำ้าหนักตามมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินแต่ละงวด

 ประโยชน์ : เป็นตัววัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้ ตราสารหนี้ที่มี


Duration สูง จะมีการเปลี่ยนแปลงของราคามากกว่า

 การใช้งาน : หากคาดว่าราคาของตราสารหนี้จะสูงขึ้น ควรเลือกซื้อตราสารหนี้ที่มี


Duration สูง ซึ่งจะให้กำาไรจากส่วนต่างของราคาสูง
เนื่องจากราคาจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึน้ มากกว่าตราสารหนีท้ ี่มี Duration ตำ่า

37
Macaulay duration

 เป็นการวัดอายุเฉลีย่ คงเหลือของตราสารหนี้
เพือ่ สามารถเปรียบเทียบอายุคงเหลือของตราสารหนี้
ที่มกี ารจ่ายดอกเบีย้ ไม่เท่ากัน
 คำานวณจากอายุเฉลีย่ คงเหลือ
ถ่วงนำ้าหนักด้วยมูลค่าปัจจุบนั ของกระแสเงินสดทีไ่ ด้รับแต่ละงวด
 ปกติ durat ion จะสั้นกว่า time t o m aturit y
สำาหรับตราสารหนี้ประเภทที่จ่ายดอกเบีย้ แต่ zero-coup on
bond จะมี dura tion เท่ากับ time t o m aturit y

38
Duration and Convexity

Price

Pr icing E rror
from c onve xit y

Durat ion
Yiel d

39
ความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้

40
ความเสี่ยงคืออะไร

 ความเสี่ยงคือความไม่แน่นอน (U nc ertai nty )


 ความเสี่ยง หมายถึง อัตราผลตอบแทนที่เกิดขึน้ จริง
(R ea lized re turn)
มีโอกาสที่จะผิดไปจากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลง
ทุน (Ex pected ret urn )

41
ความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้
 Interest Rate Risk/Price Risk
ความเสีย่ งเกิดจากการเปลีย่ นแปลงอัตราดอกเบีย้
 Default Risk
ความเสีย่ งจากการผิดนัดชำาระดอกเบีย้ หรือเงินต้น
 Reinvestment Rate Risk
ความเสีย่ งจากการนำาดอกเบีย้ ไปลงทุนต่อในอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
 Event Risk
ความเสีย่ งที่เกิดจากเหตุการณ์ มีผลต่อราคาตราสารหนี้

42
ความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้
 Liquidity Risk
ความเสีย่ งเกิดจากสภาพคล่องของตราสารหนี้
 Inflation Risk
ความเสีย่ งเนือ่ งจากการลดลงของอำานาจซื้อ
 Option–Embedded Risk
ความเสีย่ งเนือ่ งจากสิทธิแฝงในตราสารหนี้
 Risk–Risk / Black–Box Risk
ความเนื่องจากการไม่ทราบราคาและอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง

43
การซื้อขายในตลาดรอง BEX

44
Bond Electronic Exchange (BEX)
BEX ETP
Retail bond market Wholesale bond market
- Exc hange mann er - Over-t he-coun ter
- Faci lit at e ret ail in vest or mann er
(smal l and l arger orde r) - Facil it at e inst it uti ons
- Trade through brok er (in vest ors and de alers )
- Propri et ary tr adin g

45
BEX Website

46
ข้อมูลข่าวสารเรื่องตราสารหนี้

47
Investment Information

48
Thank you
For further information
please contact
Bond Electronic
Exchange
Tel 0-2229-2783-91
bex@set.or.th

49

You might also like