You are on page 1of 4

เมื่อวั นอาทิตย ที่ผานมามีโอกาสได ไปกราบและ เรี ยนธรรมะ

กั บ หลวงพ อมนตรี อาภั สสโร หลวงพ อมนตรี อาภั สสโร หลวงพ อมนตรี อาภั สสโร หลวงพ อมนตรี อาภั สสโร ณ สวนพุ ทธธรรม ปาละอู อ.หัวหิ น จ.
ประจวบฯ

หลวงพ อมนตรี ทานเมตตาสั่งสอน โดยได เลาใหฟ งวา สมั ยยัง
เป น ฆราวาส ทานเองมี โอกาสได เลาเรียนธรรมะ ไดใกล ชิด กั บ หลวงปู หลวงปู หลวงปู หลวงปู
ดู ลย อตุ โล ดู ลย อตุ โล ดู ลย อตุ โล ดู ลย อตุ โล มาเปนเวลาหลายป กั บ หลวงปู หลวงปู หลวงปู หลวงปู เป นพระอริยเจาที่ มี
คุณธรรมล้ําลึก ทานเน นการปฏิ บัติภาวนามากกวาการเทศนาสั่งสอน
สําหรับพระสงฆและญาติโยมที่ เขาไปกราบนมั สการและขอฟงธรรมะ
หลวงปูมั กจะใหธรรมะสั้นๆ แตมีความล้ําลึ กสู งชั้ นเสมอ ทานจะเทศน
เรื่องจิตเพี ยงอยางเดี ยว โดยจะย้ําให เรา พิ จารณาจิ ตในจิ ต พิ จารณาจิ ตในจิ ต พิ จารณาจิ ตในจิ ต พิ จารณาจิ ตในจิ ต อยู เสมอ

มีอยูคราวนึง หลวงพอทานปฏิ บั ติภาวนา แลวไดพบสภาวะที่ ทําใหคิดไดวา ถาไดรายงานสภาวะนี้นะ
หลวงปูดูลย ทานต องชมแน ๆ เลย จึงไดนําสภาวะดังกลาวไปรายงานหลวงปู ที่วั ดบูรพาราม จ.สุริ นทร หลวงพอ
ทานบรรยายสภาวะอยูราว ๑๕ นาที พอบรรยายจบ

หลวงปู ตอบกลั บดวยวลี สั้ น ๆ วา “ ““ “มั นก็ อยู ที่ จิ๊ ต มั นก็ อยู ที่ จิ๊ ต มั นก็ อยู ที่ จิ๊ ต มั นก็ อยู ที่ จิ๊ ต ¸สําเนี ยงภาษาอีสาน)” ”” ”
ตอนนั้ น หลวงพอมีความรูสึ กวายังมีความสงสั ย ยังไมเคลี ยรกั บสภาวะดังกลาว ก็ได พูดวก กลั บมารายงานเรื่อง
เดิมอี กครั้ง
หลวงปู ก็พูดกลั บ ดวยวลีเดิมแตเสี ยงเขมขึ้นวา “ ““ “ก็ ก็ ก็ ก็... ... ... ...มั นอยู ที่ จิ๊ ต มั นอยู ที่ จิ๊ ต มั นอยู ที่ จิ๊ ต มั นอยู ที่ จิ๊ ต” ” ” ”
เวลาผานไปหลังรั บประทานอาหาร ลางจานในโรงครัวกั นจนเสร็จ หลวงพอมีความพยายามจะรายงานเพื่ อ
สอบถามสภาวะเดิมอี กครั้ง
หลวงปู ก็พูดขึ้นวา “ ““ “ เฮ ย เฮ ย เฮ ย เฮ ย... ... ... ...ก็ มั นอยู ที่ จิ ต นั่ นแหละ ก็ มั นอยู ที่ จิ ต นั่ นแหละ ก็ มั นอยู ที่ จิ ต นั่ นแหละ ก็ มั นอยู ที่ จิ ต นั่ นแหละ..... ..... ..... .....ตอนนี้ เวลากี่ ตอนนี้ เวลากี่ ตอนนี้ เวลากี่ ตอนนี้ เวลากี่โมงแล ว โมงแล ว โมงแล ว โมงแล ว” ” ” ”
หลวงพอตอบวา “ ““ “บ ายสามโมงแล วครั บ บ ายสามโมงแล วครั บ บ ายสามโมงแล วครั บ บ ายสามโมงแล วครั บ” ” ” ”
หลวงปูจึงได พูดขึ้ นวา “ ““ “ไป ไป ไป ไป.. .. .. ..ไป ไป ไป ไป.. .. .. ..กลั บไปได แล ว กลั บไปได แล ว กลั บไปได แล ว กลั บไปได แล ว” ”” ”
หลวงปู ทานเน นเรื่องการปฏิ บัติภาวนา ใหพิจารณาจิตใจจิต จนรูแจง ทานเทศนาเพี ยงสั้ น ๆ แต เฉี ยบคม
ทานสอนวา “ ““ “หลั กธรร หลั กธรร หลั กธรร หลั กธรรม มม มที่ แท จริ งคื อจิ ต จิ ตขอ ที่ แท จริ งคื อจิ ต จิ ตขอ ที่ แท จริ งคื อจิ ต จิ ตขอ ที่ แท จริ งคื อจิ ต จิ ตของเราทุ กคนนั่ นแหละคื อหลั กธรรมสู งสุ ด ที่ อยู ในจิ ตในใจเรา งเราทุ กคนนั่ นแหละคื อหลั กธรรมสู งสุ ด ที่ อยู ในจิ ตในใจเรา งเราทุ กคนนั่ นแหละคื อหลั กธรรมสู งสุ ด ที่ อยู ในจิ ตในใจเรา งเราทุ กคนนั่ นแหละคื อหลั กธรรมสู งสุ ด ที่ อยู ในจิ ตในใจเรา
นอกจากนั้ นแล วมั นไม มี หลั กธรรมใด ๆเลย นอกจากนั้ นแล วมั นไม มี หลั กธรรมใด ๆเลย นอกจากนั้ นแล วมั นไม มี หลั กธรรมใด ๆเลย นอกจากนั้ นแล วมั นไม มี หลั กธรรมใด ๆเลย... ... ... ...ขอให เลิ กละการคิ ด และการอธิ บาย เสี ยให หมดสิ้ น จิ ตในจิ ตก็ จะ ขอให เลิ กละการคิ ด และการอธิ บาย เสี ยให หมดสิ้ น จิ ตในจิ ตก็ จะ ขอให เลิ กละการคิ ด และการอธิ บาย เสี ยให หมดสิ้ น จิ ตในจิ ตก็ จะ ขอให เลิ กละการคิ ด และการอธิ บาย เสี ยให หมดสิ้ น จิ ตในจิ ตก็ จะ
เหลื อแต ความบริ สุ ทธิ์ ซึ่ งมี ประจําทุ กคน เหลื อแต ความบริ สุ ทธิ์ ซึ่ งมี ประจําทุ กคน เหลื อแต ความบริ สุ ทธิ์ ซึ่ งมี ประจําทุ กคน เหลื อแต ความบริ สุ ทธิ์ ซึ่ งมี ประจําทุ กคน” ”” ”

เมื่อพูดถึง หลวงปู ดูลย คนสวนใหญ มักจะระลึ กถึง บทธัมม อันลึ กซึ้งของทาน ที่ สอนเกี่ ยวกั บ อริ ยสั จ อริ ยสั จ อริ ยสั จ อริ ยสั จ ที่ วา

จิ ตที่ ส งออกนอก เป นสมุ ทั ย จิ ตที่ ส งออกนอก เป นสมุ ทั ย จิ ตที่ ส งออกนอก เป นสมุ ทั ย จิ ตที่ ส งออกนอก เป นสมุ ทั ย
ผลอั นเกิ ดจากจิ ตที่ ส งออกนอก เป นทุ กข ผลอั นเกิ ดจากจิ ตที่ ส งออกนอก เป นทุ กข ผลอั นเกิ ดจากจิ ตที่ ส งออกนอก เป นทุ กข ผลอั นเกิ ดจากจิ ตที่ ส งออกนอก เป นทุ กข
จิ ตเห็ นจิ ต เป นมรรค จิ ตเห็ นจิ ต เป นมรรค จิ ตเห็ นจิ ต เป นมรรค จิ ตเห็ นจิ ต เป นมรรค
ผลอั นเกิ ดจากจิ ตเห็ นจิ ต เป นนิ โรธ ผลอั นเกิ ดจากจิ ตเห็ นจิ ต เป นนิ โรธ ผลอั นเกิ ดจากจิ ตเห็ นจิ ต เป นนิ โรธ ผลอั นเกิ ดจากจิ ตเห็ นจิ ต เป นนิ โรธ
แต สําหรั บหลวงพอมนตรี แลวกลั บ รูสึกประทั บใจ ซาบซึ้ ง ประโยคที่ประกอบด วย คํา๕ คําที่วา อย าส งจิ ตออก อย าส งจิ ตออก อย าส งจิ ตออก อย าส งจิ ตออก
นอก นอก นอก นอก เพราะดวยประโยคนี้ นั่ นเอง ทําให เราเห็นคุณคา ของกําลังสติ เพราะหากจิตใจเราตั้งมั่นอยู ใจมันจะไมซัด
สาย ไปตามกระแสโลก ซึ่งอาการกระเพื่อมของใจนี่ เอง ที่เปนตนตอ ของความทุ กข ทั้งปวง

ปญญาทางโลกที่ มาจาก การฟง การคิด ¸สุตะ จิ นตะ )
นั้น ไมไดเกื้อกู ล ใหคนพ นทุ กข อยางแทจริง แตปญญา จากการ
ปฏิ บั ติภาวนา จากการเจริญสติ นั้น หากปฏิ บั ติจนถึงที่ สุดแลว
สามารถชวยคนพ นทุ กข หยุดการเวี ยนวายในสั งสารวั ฏอั นยาวไกลได
ปญญาที่ เกิดจากการ ภาวนา นั้น จะเกิดขึ้ นได ก็ เมื่อ เราทํา
เหตุ ปจจัย ให ปญญาญาณนั้น หยั่งรากลึ กลงไป จนตั้งมั่น ในเบื้ องต น ในเบื้ องต น ในเบื้ องต น ในเบื้ องต น
เราก็ ต องมี รู ป เราก็ ต องมี รู ป เราก็ ต องมี รู ป เราก็ ต องมี รู ปแบบการปฏิ บั แบบการปฏิ บั แบบการปฏิ บั แบบการปฏิ บัติ ติ ติ ติ เพื่ อเสริ มกํ าลั งของสติ เพื่ อเสริ มกํ าลั งของสติ เพื่ อเสริ มกํ าลั งของสติ เพื่ อเสริ มกํ าลั งของสติ เพราะ
ธรรมชาติของ จิตปุ ถุชน โดยทั่วไปนั้ น พื้นฐาน กําลังสติ นั้ นยั งออน
จึงมักจะถู กกิเลส ลากไปตามกระแสโลก ถาเรามีรูปแบบ ซึ่งในที่นี้ หลวงพ อแนะนํ าเรื่ องของการเดิ นจงกรม หลวงพ อแนะนํ าเรื่ องของการเดิ นจงกรม หลวงพ อแนะนํ าเรื่ องของการเดิ นจงกรม หลวงพ อแนะนํ าเรื่ องของการเดิ นจงกรม ลอง
เดิ นดวยอัตราความเร็วปกติ ที่เหมาะกั บแตละคน ไมใหชาเนิ บนาบจนนาเบื่อหนาย และก็ไม เร็วเกินไปจนสติอาจ
หลุดหายไปตามทาง ความยาวของทางเดิ นประมาณ ๓๐ กาว ทําประจําอยางนอยเชา ๑ ชม. เย็นอี ก ๑ ชม.

จากประสบการณ สวนตัว ¸ผูเขี ยน) พบวา เวลาเชานั้น
เป นเวลาที่เป นจุดเริ่มตนของการฝ กฝนสติ ตื่นเชาขึ้นมา กําลัง
สติ จะยังดี เนื่ องจากเพิ่งผานการพั กผอน มีผลให รางกายรู สึ ก
สบาย ผอนคลาย จิตใจก็ มีกําลั ง เบิ กบาน ไปดวย จะเป นปญหา
ก็ตรงที่ สําหรับคนเพิ่งเริ่มตื่นเชาใหม ๆ จะมีโมหะ งวงหงาว
หาวนอน อาจรูสึกไมแชมชื่นบาง แตขอเพี ยงให เรามีจิตใจที่ตั้ง
มั่นแน วแน วางเปาหมายไวชัดเจน วา เราจะทําอะไรเพื่ออะไร
พึงระลึ กถึง สัจจะบารมี ที่ใหไว กั บตัวเอง และครูบาอาจารย
ถึงแมวา ก นบึ้ งของหั วใจอยากล มตั วลงนอน ก นบึ้ งของหั วใจอยากล มตั วลงนอน ก นบึ้ งของหั วใจอยากล มตั วลงนอน ก นบึ้ งของหั วใจอยากล มตั วลงนอนต อ ต อ ต อ ต อ แต ส วนสํ านึ กที่ อยู ชั้ นนอกก็ บอกตั วเองว าความพ ายแพ แต ส วนสํ านึ กที่ อยู ชั้ นนอกก็ บอกตั วเองว าความพ ายแพ แต ส วนสํ านึ กที่ อยู ชั้ นนอกก็ บอกตั วเองว าความพ ายแพ แต ส วนสํ านึ กที่ อยู ชั้ นนอกก็ บอกตั วเองว าความพ ายแพ ต องเวี ยน ต องเวี ยน ต องเวี ยน ต องเวี ยน
ว ายตายเกิ ดยื ดยาวเป นนิ รั นดร มั กเริ่ มจากจุ ดเล็ กๆ ว ายตายเกิ ดยื ดยาวเป นนิ รั นดร มั กเริ่ มจากจุ ดเล็ กๆ ว ายตายเกิ ดยื ดยาวเป นนิ รั นดร มั กเริ่ มจากจุ ดเล็ กๆ ว ายตายเกิ ดยื ดยาวเป นนิ รั นดร มั กเริ่ มจากจุ ดเล็ กๆ อย างเช นการยอมล มตั วลงนอนต อนี่ เอง อย างเช นการยอมล มตั วลงนอนต อนี่ เอง อย างเช นการยอมล มตั วลงนอนต อนี่ เอง อย างเช นการยอมล มตั วลงนอนต อนี่ เอง พึงระลึ กอยางนี้ อยู
เนือง ๆ จะเกิดมีพลังมี เรี่ยวแรงในการตื่นขึ้ นมายามเชามืดเพื่อปฏิ บัติใน
รูปแบบ แลวโมหะนั้ น ก็จะออนกําลังลง ดวย สติ นั่ นเอง ทําไปสั ก ๑
เดือนอยางตอเนื่อง จะพบวา การเดิ นจงกรม นั้น ชวยให เรามีกําลังสติ ที่
เขมแข็งขึ้ น รูตัวไดดีขึ้น ไวขึ้น เผลอสั้ นลง ฉะนั้ น การปฏิ บั ติในรู ปแบบ
ยามเชานั้ น จะชวยเตรี ยมกําลั งสติ ใหพรอมไวตั้ งรับผั สสะ รอบตัวที่
เกิดขึ้ นไดตลอดเวลาระหวางวัน ทั้งจากคนใกล ตัว คนในที่ ทํางาน ถาสติ
เราดี โอกาสพลาดทาเสี ยที กิเลส ก็ นอยลง


สวนใน ยามค่ํานั้น เป นการชําระนิวรณ จากผั สสะ ที่ กายใจ ไปกระทบมาทั้งวัน กลั บถึ งบาน นอกจากตอง
แบกรางกายที่อ อนลามาแลว ยังตองพาจิตใจอันไร เรียวแรงนั้นมาด วย มักมีความหมนหมองปกคลุม เหมื อน เหมื อน เหมื อน เหมื อนดวง ดวง ดวง ดวง
อาทิ ตย แต เดิ มนั้ น มั นสว าง แต มั วเพราะ เมฆ เปรี ยบได กั บ จิ ตใจเราที่ เดิ มนั้ น ผ องใส แต มั ว เพราะ มี อาคั นตุ กะ อาทิ ตย แต เดิ มนั้ น มั นสว าง แต มั วเพราะ เมฆ เปรี ยบได กั บ จิ ตใจเราที่ เดิ มนั้ น ผ องใส แต มั ว เพราะ มี อาคั นตุ กะ อาทิ ตย แต เดิ มนั้ น มั นสว าง แต มั วเพราะ เมฆ เปรี ยบได กั บ จิ ตใจเราที่ เดิ มนั้ น ผ องใส แต มั ว เพราะ มี อาคั นตุ กะ อาทิ ตย แต เดิ มนั้ น มั นสว าง แต มั วเพราะ เมฆ เปรี ยบได กั บ จิ ตใจเราที่ เดิ มนั้ น ผ องใส แต มั ว เพราะ มี อาคั นตุ กะ
ชื่ อ ราคะ โมหะ โทสะ มาเยื อน ชื่ อ ราคะ โมหะ โทสะ มาเยื อน ชื่ อ ราคะ โมหะ โทสะ มาเยื อน ชื่ อ ราคะ โมหะ โทสะ มาเยื อน เมื่อได ชําระรางกายใหสดชื่ นแลว ก็หั นมาชําระใจดวยการ เจริญสติในรู ปแบบ
จะชวยให มีแรง มี กําลังในการตามรูตามดู กายใจเพิ่ มขึ้น ขณะที่ เดิน เราหัดรูเทากระทบพื้น เมื่อใดใจเผลอคิด
เราก็ตาม “ ““ “รู รู รู รู” ”” ” ถาเราดูความคิดไปเรื่อยๆ จนถึงสภาวะที่ความคิดมันไมมี มั นหายไปเอง เปนพั กๆ ตรงนั้ นทานบอก
วาเป นต นทาง ให ทําชวงนั้ นใหมี กําลัง ยาวนานขึ้ น เป นสภาวะที่เรี ยกวาอยูในสภาวะรู เมื่ อไรที่ เรา อยูในสภาวะรู
โดย ไมมีความคิดเขาไป แทรกขณะนั้น สติ จะเกิ ด เป นการสรางเหตุปจจั ย ในการ หยุ ดการเวี ยนวายในสังสารวัฏฏ
ดังบทธรรม ณ ศาลา นาลั นทา...สวนพุ ทธธรรมปาละอู ที่วา “ “ “ “ หยุ ดความคิ ด หยุ ดความคิ ด หยุ ดความคิ ด หยุ ดความคิ ด... ... ... ...คื อ หยุ ดสั งสารวั ฏฏ คื อ หยุ ดสั งสารวั ฏฏ คื อ หยุ ดสั งสารวั ฏฏ คื อ หยุ ดสั งสารวั ฏฏ ” ”” ”

การ เจริญสติ นั้ นไม ยาก สิ่ งใดเกิ ดขึ้ น ผั สสะใดเขามากระทบ ก็ให ยอนมาดู ที่ใจตนเอง ทํ าตั วเหมื อน แม ทํ าตั วเหมื อน แม ทํ าตั วเหมื อน แม ทํ าตั วเหมื อน แม
โคที่ ชํ าเลื องดู ลู กน อยขณะที่ ตนเองกํ าลั งเคี้ ยวเอื้ องหญ าอยู คื อ หมั่ นชํ าเลื องดู บ อย ๆ แต ก็ ใช ว าจะจ องดู โคที่ ชํ าเลื องดู ลู กน อยขณะที่ ตนเองกํ าลั งเคี้ ยวเอื้ องหญ าอยู คื อ หมั่ นชํ าเลื องดู บ อย ๆ แต ก็ ใช ว าจะจ องดู โคที่ ชํ าเลื องดู ลู กน อยขณะที่ ตนเองกํ าลั งเคี้ ยวเอื้ องหญ าอยู คื อ หมั่ นชํ าเลื องดู บ อย ๆ แต ก็ ใช ว าจะจ องดู โคที่ ชํ าเลื องดู ลู กน อยขณะที่ ตนเองกํ าลั งเคี้ ยวเอื้ องหญ าอยู คื อ หมั่ นชํ าเลื องดู บ อย ๆ แต ก็ ใช ว าจะจ องดูตลอดเวลา ตลอดเวลา ตลอดเวลา ตลอดเวลา
ไม ใหคลาดสายตา ไม ใหคลาดสายตา ไม ใหคลาดสายตา ไม ใหคลาดสายตา จงทํ าตั วให เหมื อนแม โค แล วหั นชํ าเลื องมามาตั วเอง จงทํ าตั วให เหมื อนแม โค แล วหั นชํ าเลื องมามาตั วเอง จงทํ าตั วให เหมื อนแม โค แล วหั นชํ าเลื องมามาตั วเอง จงทํ าตั วให เหมื อนแม โค แล วหั นชํ าเลื องมามาตั วเอง

สติ สติ สติ สติ เป นธรรมอุ ปการะ ที่ทําให เกิด ปญญาญาณ ทําใหญาณ
” ”” ”รู รู รู รู” ”” ” นั้ น หยั่งลึ กลงเรื่อย ๆ จนมีความตั้งมั่ น ทุ กครั้งที่ เรามีการย อนกลั บ
มาดูจิตใจ จะเกิด ญาณ หรือ ปญญา ซึ่งจะมี การหยั่งรากลึ กลงไปทีละ
นอย ๆ ในทุ กขณะ ที่ เกิด ‘ ‘‘ ‘สติ สติ สติ สติ’ ’’ ’ ธรรมชาติจิตใจ ของคนเรานั้น ยั งมี การ
คอรัปชั่นทางอารมณ คือ มีการใหคา ใหคะแนนกั บอารมณ ซึ่ง อารมณ
นั้นมี อยูหลั ก ๆ ๒ ประเภท นั่นคือ ‘ ‘‘ ‘ชอบ ชอบ ชอบ ชอบ’ ’’ ’ กั บ ‘ ‘‘ ‘ไม ชอบ ไม ชอบ ไม ชอบ ไม ชอบ’ ’’ ’ เมื่อจิต มั น
ชอบ มันจะดึงเขามา แต เมื่อเจอกั บความ ’ไมชอบ’ จิต จะผลั ก ออกไป
ซึ่งนั่นเปน เพราะ จิต เรายั งขาดสภาวะ เป น กลาง ต อเมื่อญาณ หยั่ งรากลึ ก ตั้ งมั่น ก็จะมองเห็นทุ กสิ่งทุ กอยาง
เป นปกติ เป นปจจุ บัน การเห็ น การได ยิ น จะเป นปกติ ขึ้ น การเห็ น การได ยิ น จะเป นปกติ ขึ้ น การเห็ น การได ยิ น จะเป นปกติ ขึ้ น การเห็ น การได ยิ น จะเป นปกติ ขึ้ น สิ่ งใดมากระทบ จิ ตก็ จะฉลาดในการตั้ งรั บ สิ่ งใดมากระทบ จิ ตก็ จะฉลาดในการตั้ งรั บ สิ่ งใดมากระทบ จิ ตก็ จะฉลาดในการตั้ งรั บ สิ่ งใดมากระทบ จิ ตก็ จะฉลาดในการตั้ งรั บ อาการ อาการ อาการ อาการ
คอรั ปชั่ คอรั ปชั่ คอรั ปชั่ คอรั ปชั่นทางอารมณ ก็ จะลดลง นทางอารมณ ก็ จะลดลง นทางอารมณ ก็ จะลดลง นทางอารมณ ก็ จะลดลง
กวาที่เราจะได เกิดมา เป น มนุษย นั้ น เราตองเวี ยนวาย ในสั งสารวั ฏฏ มายาวนานนั ก ถาเราไมใชโอกาสนี้
ในการปฏิ บัตื ธรรมเพื่อใหพ นทุ กขแลว เราจะตองเวี ยนวายตายเกิดอี ก
ยาวนานแคไหน ก็ไมรู มั นนากลัวมากนะ สังสารวัฏนี้ พระพุทธเจา
ตรัสไววา คนเราวนเวี ยนในสั งสารวั ฏมายาวนาน ถ าจะ คนเราวนเวี ยนในสั งสารวั ฏมายาวนาน ถ าจะ คนเราวนเวี ยนในสั งสารวั ฏมายาวนาน ถ าจะ คนเราวนเวี ยนในสั งสารวั ฏมายาวนาน ถ าจะเอากระดู กมา เอากระดู กมา เอากระดู กมา เอากระดู กมา
กอง ก็ กอง ก็ กอง ก็ กอง ก็คง คง คง คงเท ากั บภู เขา เท ากั บภู เขา เท ากั บภู เขา เท ากั บภู เขา น้ํ าตาแห งความพลั กพรากสิ่ งอั นเป นที่ รั ก หาก น้ํ าตาแห งความพลั กพรากสิ่ งอั นเป นที่ รั ก หาก น้ํ าตาแห งความพลั กพรากสิ่ งอั นเป นที่ รั ก หาก น้ํ าตาแห งความพลั กพรากสิ่ งอั นเป นที่ รั ก หาก
รวมกั นก็ เท ากั บมหาสมุ ทร รวมกั นก็ เท ากั บมหาสมุ ทร รวมกั นก็ เท ากั บมหาสมุ ทร รวมกั นก็ เท ากั บมหาสมุ ทร ถ าเราต องเวี ยนว ายอยู จะเพิ่ มน้ํ าตาให กั บ ถ าเราต องเวี ยนว ายอยู จะเพิ่ มน้ํ าตาให กั บ ถ าเราต องเวี ยนว ายอยู จะเพิ่ มน้ํ าตาให กั บ ถ าเราต องเวี ยนว ายอยู จะเพิ่ มน้ํ าตาให กั บ
สั งสารวั ฏ อี กมากมายเท าไหร สั งสารวั ฏ อี กมากมายเท าไหร สั งสารวั ฏ อี กมากมายเท าไหร สั งสารวั ฏ อี กมากมายเท าไหร

จุดออนของ ฆราวาส คือ การขาดความสืบเนื่อง เพราะความ
สื บเนื่ อง นี้ คือ ความกาวหนา และความกาวหนา ต องอาศั ย วิริยะ ก็คือ ความเพียร นั่ นเอง พระพุ ทธเจาท านตรัส
วา “ ““ “ภาวิ ตา พหุ ลี กตา ภาวิ ตา พหุ ลี กตา ภาวิ ตา พหุ ลี กตา ภาวิ ตา พหุ ลี กตา” ”” ” ปญญาจะเกิดได จะตองเกิดจากการทําเป นประจํา ทําบ อยๆ นอกจากเราปฏิ บัติใน
รูปแบบแลว ในชี วิตประจําวัน เราก็ ตองหมั่ นยอนมาดูที่ใจตนเอง พยายามเก็ บเล็ กผสมนอยทั้งวัน หลอมรวมการ
ปฏิ บั ติใหอยูในชีวิตประจําวัน รูอิริยาบถ อยาทิ้งความรูสึ กตัว หมั่ นย อนมาดูตัวเองใหบ อย ๆปญญาญาณจะคอย ๆ
หยั่งรากลึ กไปเรื่อย ๆ

เป น ฆราวาส ยั งตอง อยูในโลก ถากระแสในโลกมั นแรงมากๆ เราก็อาจจะตานไมไหว โดนพัดพาไปหลาย
ระลอกอยู ตองหลีกเรนผั สสะเรารอน มาภาวนาใหจิตใจตั้งมั่นบาง เปรี ยบเสมือนการจุดเที ยน ถาลมพัดแรงมากๆ
เราจุดยังไงก็คงไม ติด การจุดเที ยน จึงต องหลบมาจุดกอน เอามือปองลม แลวคอยจุด เที ยนถึงจะติด จากนั้น ก็
ออกไปเผชิญกั บลมใหม วาทนไดแคไหน ถาดั บ ก็ หลบมาจุดใหม แลวคอยออกไปสูใหม ไปเรียนรูวาการ รู รู รู รู ที่ เรา
ฝ กมา ดีพอ เขมแข็ งพอ จะเผชิญกั บกิ เลส กั บผั สสะหรือยัง หลวงพ อทานขอใหเราทุ กคนหมั่ นซอมการเจริญสติ
ใหมาก แม ผูที่ มีความรูมาก ได ศึ กษามาดีแลวแตหากไมได ฝกฝนจิตของใจอยางแทจริงแลวนั บวายังประมาทอยู
ความรูแมมากเหลานั้นยอมไมเปนที่ พึ่งได

จิตเป นธรรมชาติ ที่ บังคับใหเป นไปดังใจไมได อยางถาสรางเหตุแหงความฟุ งซานไวมากๆก็จะตองทน
ทรมานกั บคลื่นความฟุ งไปนานถึงแมจะสั่ งวาจงฟุงนอยๆเถิด จงสงบ
เดี๋ ยวนี้ เถิดก็เป นไปไมได ที่จะฟุงน อย เป นไปไมได ที่จะสงบ

พระพุ ทธเจ าตรั สว าสร างเหตุ ไว อย างไร จิ ตก็ ยึ ดคติ ยึ ดภพ พระพุ ทธเจ าตรั สว าสร างเหตุ ไว อย างไร จิ ตก็ ยึ ดคติ ยึ ดภพ พระพุ ทธเจ าตรั สว าสร างเหตุ ไว อย างไร จิ ตก็ ยึ ดคติ ยึ ดภพ พระพุ ทธเจ าตรั สว าสร างเหตุ ไว อย างไร จิ ตก็ ยึ ดคติ ยึ ดภพ
ไว เป นอย างนั้ นถ าคิ ด พู ด ทํ าไว เป นสุ คติ ก็ ต องไปสุ คติ แม ว าจะไม ไว เป นอย างนั้ นถ าคิ ด พู ด ทํ าไว เป นสุ คติ ก็ ต องไปสุ คติ แม ว าจะไม ไว เป นอย างนั้ นถ าคิ ด พู ด ทํ าไว เป นสุ คติ ก็ ต องไปสุ คติ แม ว าจะไม ไว เป นอย างนั้ นถ าคิ ด พู ด ทํ าไว เป นสุ คติ ก็ ต องไปสุ คติ แม ว าจะไม
อยากไปสุ คติ หรื อภาวนาว าอยาไปสุ คติ ก็ ตามทุ กอย างขึ้นอยู กั บเหตุ อยากไปสุ คติ หรื อภาวนาว าอยาไปสุ คติ ก็ ตามทุ กอย างขึ้นอยู กั บเหตุ อยากไปสุ คติ หรื อภาวนาว าอยาไปสุ คติ ก็ ตามทุ กอย างขึ้นอยู กั บเหตุ อยากไปสุ คติ หรื อภาวนาว าอยาไปสุ คติ ก็ ตามทุ กอย างขึ้นอยู กั บเหตุ
ป จจั ย ป จจั ย ป จจั ย ป จจั ยที่ สั่ งสมมา ไม ง ายหรอก ที่ จะไปเตรี ยมบั งคั บจิ ตกั นตอนใกล ที่ สั่ งสมมา ไม ง ายหรอก ที่ จะไปเตรี ยมบั งคั บจิ ตกั นตอนใกล ที่ สั่ งสมมา ไม ง ายหรอก ที่ จะไปเตรี ยมบั งคั บจิ ตกั นตอนใกล ที่ สั่ งสมมา ไม ง ายหรอก ที่ จะไปเตรี ยมบั งคั บจิ ตกั นตอนใกล
ตาย ตาย ตาย ตาย

ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย ประโยคทิ้ งท าย

“ ““ “ ทางรอดจากวังวนวัฏสงสารนั้ นแคบ เดิ นยาก และมี แสงสวางฉายให เห็ นทางนั้ นไดวู บเดียว
ชาตินี้ เผอิญมาเห็ นก็ นั บวาโชคดีอยางไม อาจมีชาติไหนเทียบแลว
ฉันจะตองตะเกี ยกตะกายเดิ นใหทั นทางกอนแสงหายให จงได
เพราะถึงลําบากแคไหนก็คงดีกวา….
การตะเกี ยกตะกายอยูในนรกแหงความไมรูไปอี กชั่วกั ปชั่วกัลปแน นอน ”




ปฏิ บั ติ ภาวนา กั นจนให มั จจุ ราชหาตั วไม พบเลย นะ ปฏิ บั ติ ภาวนา กั นจนให มั จจุ ราชหาตั วไม พบเลย นะ ปฏิ บั ติ ภาวนา กั นจนให มั จจุ ราชหาตั วไม พบเลย นะ ปฏิ บั ติ ภาวนา กั นจนให มั จจุ ราชหาตั วไม พบเลย นะj jj j

“ “ “ “ อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา... ... ... ...ณชเล ณชเล ณชเล ณชเล ” ”” ”

You might also like