You are on page 1of 46

บทคัดย่อ

ในทุกวันนี้ ระบบไมโครอิเล็กทรอนิ กส์ได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว


โดยเฉพาะการพัฒนา ด้านหน่ วยความจำาของไมโครโปรเซสเซอร์และ
เซมิคอนดักเตอร์ จึงมีความต้องการที่จะออกแบบ ระบบ
อิเล็กทรอนิ กส์ให้เป็ นไปอย่างกระทัดรัด นำ้าหนักเบา ประสิทธิภาพสูง
และต้นทุนการผลิตตำ่า สวิตซิ่งเพาเวอร์ซัพพลายจึงเป็ นทางเลือกหนึ่ ง
ของความต้องการเหล่านั้น ซึ่งในโครงงานนี้ จึงได้มีการศึกษาการ
ออกแบบสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายซึ่งเป็ นที่รู้จักดีอยู่ในขณะนี้ โดยได้
ศึกษาการออกแบบและสร้างสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายแบบฟลาย
แบคคอนเวอร์เตอร์ขึ้น และมีการนำาไมโครคอนโทรลเลอร์มาควบคุม
ด้านต่าง ๆ ของวงจร ทำาให้เป็ นการศึกษาและ เข้าใจการออกแบบ
ด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์มากขึ้น
สร้างสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายสำาหรับเพาเวอร์แอมป์
จากสวิตชิง
่ เพาเวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์ (ตอน 1)
โดย K_evens (evenscompany@gmail.com)

“ประสิทธิภาพสูงกว่า ขนาดเล็ก น้้าหนักเบา และดูเหมือนว่าจะมาแทนที่ลิเนียร์ เพาเวอร์


ซัพพลายมากขึ้นทุกวันบางครั้งเทคโนโลยีก็เปลี่ยนค้าตอบในใจท่านได้เหมือกัน”

สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายสำาหรับเพาเวอร์แอมป์ น้ัน ส่วนมากมักพบเห็นในเพาเวอร์แอมป์ ท่ี


ต้องการเน้นประสิทธิภาพ ขนาดเล็ก และนำ้าหนักเบา หลายคนอยากลองสร้างสวิตชิ่งเพา
เวอร์ซัพพลายสำารับใช้งานในเพาเวอร์แอมป์ ของตนเอง แต่ไม่ค่อยมีโครงงานสวิตชิ่งกำาลัง
สูงๆสำาหรับเพาเวอร์แอมป์ ออกมาเป็ นโครงงานให้บรรดานักอิเล็กทรอนิ กส์ได้ทดลองสร้าง
กันนัก คราวนี้ สมใจแน่ ครับ เพราะนอกจากจะได้สร้างแหล่งจ่ายไฟสวิตชิ่งให้กับเพาเวอร์
แอมป์ ตัวโปรดแล้ว ยังช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิ กส์อีกด้วยเพราะในคอนเซ็ปต์โครงงานนี้ คือ
การนำาเอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิ กส์ในสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายที่เสียแล้วนำากลับมาใช้ใหม่
ทำาให้ลดค่าใช้จ่ายกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิ กส์บางตัวลงได้มาก หากท่านใดไม่มีสวิตชิ่งเพา
เวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์ท่ีเสียแล้วก็สามารถใช้อุปกรณ์ท่ีมีจำาหน่ ายในท้องตลาดมา
ประกอบโครงงานได้เช่นกัน
1. สวิตชิง่ เพาเวอร์ซัพพลายที่จะนำามาสร้าง
รูปที่1 ATX Switching Power supply ที่เสียแล้วนำามาสร้างโครงงาน

อุปกรณ์ท่ีใช้ในโครงงานนี้ ไม่จำาเป็ นต้องไปซื้อตามบ้านหม้อ หรือ ในกรุงเทพเสมอไปเพื่อให้


ทุกท่านหาอุปกรณ์ทำาโครงงานได้ง่าย ผมพยามเลือกใช้อุปกรณ์สำาคัญที่มีในสวิตชิง ่ เพา
เวอร์ซัพพลายรุ่นที่พบเห็นได้มากที่สุดเท่าที่จะทำาได้ซึ่งส่วนมากจะเป็ นสวิตชิง
่ เพาเวอร์
ซัพพลายที่ติดมากับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบประกอบ สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายที่เสียแล้ว
ราคาไม่ควรจะเกินเครื่องละ 20-50 บาท ไม่จำาเป็ นต้องเป็ นรุ่นเดียวกับดังรูปที่1 ก็ได้ แต่
ต้องเป็ นสวิตชิง
่ แบบ ฮาร์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์ เพราะในโครงงานที่จะสร้างเป็ นฮาร์ฟบริดจ์
คอนเวอร์เตอร์เช่นกัน หม้อแปลงขนาด EI-35 พบมากที่สุดและสามารถใช้ได้ในกำาลังระดับ
150 – 250 วัตต์ หรือตามสเป็ กของสวิตชิง ่ เพาเวอร์ซัพพลายตัวนั้นๆ นับว่าเพียงพอต่อเพา
เวอร์แอมป์ วัตต์สูง แต่ถ้าได้ขนาดแกนที่ใหญ่กว่านี้ กย็ ิงดีเพราะสามารถออกแบบให้ได้กำาลัง
สูงมากขึ้นด้วย แต่ในโครงงานนี้ ได้ออกแบบให้กำาลังสูงสุดต่อเนื่ องเพียง 250 วัตต์ เพราะ
คิดว่ากำาลังระดับนี้ เหมาะสมกับขนาดของแกนหม้อแปลงสวิตชิง ่ EI-35 และเหมาะกับเพา
เวอร์แอมป์ ประมาณ 50-60 วัตต์ในแบบ สเตอริโอ หรือ 100-150 วัตต์ในแบบโมโน

2. อุปกรณ์ท่ีสำาคัญ จากสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย
2.1 หม้อแปลงสวิตชิ่ง

รูปที่2 หม้อแปลงสวิตชิ่งในสวิตชิง
่ เพาเวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์

หม้อแปลงสวิตชิ่งเป็ นส่วนที่สำาคัญที่สุด หากได้หม้อแปลงตัวใหญ่ๆจะดีมาก เพราะสามารถ


ออกแบบให้กำาลังออกมาได้สูงได้ดีกว่า ส่วนมากสวิตชิง ่ เพาเวอร์ซัพพลายที่เสียกันบ่อยๆมัก
เป็ นของคุณภาพไม่ดีเท่าไหร่ หม้อแปลงที่พบเห็นมากที่สุดคือขนาด EI-35 จึงถูกเลือกนำามา
ใช้ในโครงงานนี้

2.2 หม้อแปลงขับ

หม้อแปลงขับควรดูตำาแหน่ งการจัดเรียงขาให้ดี เพราะสวิตชิง


่ เพาเวอร์ซัพพลายแต่ละเครื่อง
มีการจัดตำาแหน่ งไม่เหมือนกันทั้งหมด แนะนำาให้ไล่ดจ
ู ากลายทองแดงว่ามีการใช้งานแต่ละ
ขาเป็ นอย่างไร

2.3 ไอซีควบคุม TL494

รูปที่4 ไอซีTL494 หรือ KA7500B

ไอซีควบคุมส่วนมากมักไม่เสีย สำาหรับเครื่องใดที่มี TL494 สามารถถอดนำามาใช้ได้แต่ไม่ได้


หมายความว่ามันจะไม่เสียเลย แต่เท่าที่ผมเคยถอดมาใช้ไม่ค่อยเสียครับ หากเครื่องใดไม่มี
TL494 ก็แนะนำาให้ซ้ ือเพราะไอซีตัวนี้ ราคาไม่แพง

2.4 เพาเวอร์ทรานซิสเตอร์

รูปที่5 เพาเวอร์ทรานซิสเตอร์

เพาเวอร์ทรานซิสเตอร์มักเสียบ่อยในสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย บางเครื่องเห็นรอยร้าวหรือ
ระเบิดไปเลยก็มี ก่อนนำามาใช้ ควรตรวจวัดดูก่อนนะครับว่าเสียหรือไม่ แนะนำาให้ใช้เบอร์ท่ี
ระบุตามโครงงานหรือเบอร์ท่ีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือสามารถทนกำาลังได้สูงกว่าครับ

2.5 แกนเทอร์รอยด์
รูปที่6 แกนเทอร์รอยด์ ในสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์

แกนเทอร์รอยด์สำาหรับทำา LO เป็ นชนิ ด Iron Powder สำาหรับใช้ในภาคฟิ ลเตอร์ไม่ต้องเสีย


เงินซื้อ สามารถใช้งานได้ดีแต่ต้องนำามาพันขดลวดใหม่ รายละเอียดการพันขดลวดจะกล่าว
รายละเอียดต่อไป

2.6 อุปกรณ์อ่ ืนๆ


รูปที่ 7 แสดงตัวอย่างอุปกรณ์ต่างที่หาได้จากสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายที่เสียแล้ว

เช่นทรานซิสเตอร์ขนาดเล็ก ไดโอด ตัวเก็บประจุ สามารถนำามาใช้ได้ แต่ต้องตรวจวัดก่อน


นำามาใช้ทุกครั้ง ในเครื่องรุ่นเก่าหรือเครื่องที่มีย่ีห้อดีๆ อุปกรณ์จะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องที่มา
จากจีนเหมือนดังปั จจุบัน เครื่องจีนจะลดต้นทุนมากๆ เพื่อทำาให้ราคาถูกแต่เกรดอุปกรณ์ต่ ำา
แก้ไขแล้ว โดย EVENS เมื่อเวลา 10 ธ.ค. 51 + 03:44.15 จำานวน 6 ครั้ง
#2 เมื่อ วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เมื่อเวลา • อ้างถึง
EVENS 03:21.02 นาฬิกา
(ชาว EC) 3. เทคนิ คการแกะหม้อแปลงสวิตชิง ่
การแกะหม้อแปลงสวิตชิ่งออกมาเพื่อพันหม้อแปลงใหม่น้ันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก
และต้องลองผิดลองถูกนานกันพอสมควรแต่ในที่สุดก็ค้นพบวิธีจนได้ เรียกได้ว่า
เป็ นกุนแจสำาคัญที่ทำาให้เกิดโครงงานนี้ ขึ้นมาเลยก็ได้ ขั้นตอนเทคนิ คการแกะ
หม้อแปลงสวิตชิ่งมีดง ั นี้
1. ลอกเทปที่พันรอบแกนหม้อแปลงออก
• 39
• 1

รูปที่8 ลอกเทปที่พันรอบแกนหม้อแปลงออก

2. นำาหม้อแปลงแช่ในทินเนอร์ ในภาชนะ เช่น แก้วหรือโลหะโดยให้ทน ิ เนอร์


ท่วมหม้อแปลงใช้เวลาประมาณ 30 นาทีหรือมากกว่าดังรูปที่5 ในระหว่างที่
กำาลังแช่ทนิ เนอร์อยู่น้ันใช้มือจับโยกแกนหม้อแปลงให้ทิเนอร์เข้าไปละลายนำ้ายา
วานิ ชที่แทรกอยู่ระหว่างแกนกับบ็อบบิ้นออกเมื่อรู้สึกว่าแกนหม้อแปลงขยับได้
หลวมๆจากบ็อบบิ้นแล้วให้นำาหม้อแปลงออกมาจากทินเนอร์ได้
รูปที่9 นำาหม้อแปลงสวิตชิ่งแช่ในทินเนอร์

3. ทำาความสะอาดหม้อแปลงให้แห้ง ใช้หัวแร้งให้ความร้อนที่แกนด้านที่เป็ นตัว I


หรือหากเป็ นแกน EE ใช้ด้านใดก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาทีดังรูปที่ เพื่อ
เป็ นการละลายกาวหรือนำ้ายาวานิ ชที่แทรกตัวอยู่ในรอยต่อของแกน E-I ที่ทิน
เนอร์ไม่สามารถแทรกเข้าถึง

รูปที่10 การให้ความร้อนหม้อแปลงสวิตชิ่ง

4. จากนั้นใช้ผ้ารองมือหรือถุงมือกันความร้อนเพื่อดึงแยกแกนหม้อแปลงออก
จากกัน หากแกนยังไม่แยกออกจากกันให้ใช้หัวแร้งให้ความร้อนอีกครั้ง และ
ทำาให้ร้อนมากกว่าเดิมอาจใช้ซิลิโคนทาเพื่อช่วยนำาความร้อนก็ได้ แต่ไม่ควรให้
ร้อนมากเกินไปเพราะแกน เฟอไรต์อาจแตกหรือร้าวได้และเมื่อถอดแกนออกได้
แล้วควรให้แกนค่อยๆเย็นตัวลงเอง

url=http://img.un-no.com/2008-12-10_03-20-30_0.859376.JPG]
[/url]

รูปที่11 แกนและบ็อบบิ้นเมื่อแกะออกมาแล้วพร้อมใช้งาน

หลังจากที่ได้ทำาความรู้จัก กับอุปกรณ์ท่ีจำาเป็ นในการสร้างโครงงานคร่าวๆแล้ว


ในตอนหน้าเราจะมาเริ่มออกแบบวงจรและลงมือสร้างกันนะครับโปรดติดตามใน
ตอนต่อไป ไม่นานเกินรอครับ.

สวิตชิ่งเพาเวอร์ซพ
ั พลายเบื้ องต้น
เรียบเรียงโดย
พงศ์ธวัช ชีพพิมลชัย
อโณ โชติมณี

สารบัญ
• บทนำำ

• สวิทชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยกับแหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้น

• หลักกำรทำำงำนของสวิทชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย

• คอนเวอร์เตอร์
• วงจรควบคุม

• วงจรตัวอย่ำงและไอซีท่ีใช้งำนในสวิทชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย

• บทสรุป

• เอกสำรอ้ำงอิง

บทนำา
สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย (Switching Power Supply) เป็ นแหล่งจ่ำยไฟตรงคงค่ำแรง
ดันแบบหนึ่ ง และสำมำรถเปลี่ยนแรงดันไฟจำกไปสลับโวลต์สูง ให้เป็ นแรงดันไฟตรงค่ำ
ตำ่ำ เพื่อใช้ในงำนอิเลคทรอนิ กส์ได้เช่นเดียวกันแหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้น (Linear Power
Supply) ถึงแม้เพำเวอร์ซัพพลำยทั้งสองแบบจะต้องมีกำรใช้หม้อแปลงในกำรลดทอน
แรงดันสูงให้เป็ นแรงดันตำ่ำเช่นเดียวกัน แต่สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยจะต้องกำรใช้
หม้อแปลงที่มีขนำดเล็ก และนำ้ำหนั กน้อย เมื่อเทียบกับแหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้น อีกทั้งสวิต
ชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยยังมีประสิทธิภำพสูงกว่ำอีกด้วย

ในปั จจุบน
ั สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยได้เข้ำมำมีบทบำทกับชีวิตเรำอย่ำงมำก เครื่องใช้
อิเลคทรอนิ กส์ขนำดเล็กซึ่งต้องกำรแหล่งจ่ำยไฟที่มีกำำลังสูงแต่มีขนำดเล็ก เช่น เครื่อง
คอมพิวเตอร์ เครื่องโทรสำร และ โทรทัศน์ จำำเป็ นจะต้องใช้สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย
แนวโน้มกำรนำำสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยมำใช้ในเครื่องใช้อิเลคทรอนิ กส์ทุกประเภทจึง
เป็ นไปได้สูง กำรศึกษำหลักกำรทำำงำนและกำรออกแบบสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยจึง
เป็ นสิ่งจำำเป็ นที่ไม่อำจหลีกเลี่ยงได้สำำหรับผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับงำนอิเ ลคทรอนิ กส์ทุก
ประเภท

บทควำมนี้ นำำเสนอหลักกำรทำำงำนเบื้ องต้นของสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย โดยเน้นใน


ส่วนของคอนเวอร์เตอร์ และวงจรควบคุม ซึ่งเป็ นหัวใจในกำรทำำงำนของสวิตชิ่งเพำ
เวอร์ซัพพลำย พร้อมทั้งยกตัวอย่ำงและอธิบำยกำรทำำงำนของวงจรสวิตชิ่งเพำเวอร์
ซัพลลำยที่สมบูร์ณ และใช้งำนได้จริง

สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายกับแหล่งจ่ายไฟเชิงเส้น
ข้อได้เปรียบของสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้น คือ
ประสิทธิภำพที่สูง ขนำดเล็ก และนำ้ำหนั กเบำกว่ำแหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้น เนื่ องจำกแหล่ง
จ่ำยไฟเชิงเส้นใช้หม้อแปลงควำมถี่ตำ่ำจึงมีขนำดใหญ่ และนำ้ำหนั กมำก ขณะใช้งำนจะมี
แรงดันและกระแสผ่ำนตัวหม้อแปลงตลอดเวลำ กำำลังงำนสูญเสียที่เกิดจำกหม้อแปลง
จึงมีค่ำสูง กำรคงค่ำแรงดันแหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้นส่วนมำกจะใชเ้เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์
ต่ออนุ กรมที่เอำต์พุตเพื่อจ่ำยกระแสและคงเค่ำแรงดัน กำำลังงำนสูญเลียในรูปควำมร้อน
จะมีค่ำสูงและต้องใช้แผ่นระบำยควำมร้อนขนำดใหญ่ซึ่งกินเนื้ อที่ เมื่อเพำเวอร์
ซัพพลำยต้อง่ำยกำำลังงำนสูงๆ จะทำำให้มีขนำดใหญ่และมีน้ ำำหนั กมำก ปกติแหล่งจ่ำย
ไฟเชิงเส้นจะมีประสิทธิภำพประมำณ 30% หรืออำจทำำได้สูงถึง 50% ในบำงกรณี ซึ่ง
นั บได้ว่ำค่อนข้ำงตำ่ำเมื่อเปรียบเทียบกับสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยซึ่งมีประสิทธิภำพใน
ช่วง 65%-80%

สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยมีช่วงเวลำโคลสต์อัพประมำณ 20x10-3 ถึง 50x10-3 วินำที ใน


ขณะที่แหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้นจะทำำได้เพียงประมำณ 2x10-3 วินำที ซึ่งมีผลต่อกำรจัดหำ
แหล่งจ่ำยไฟสำำรองเพื่อป้ องกันกำรหยุดทำำงำนของอุปกรณ์ท่ีใช้กับเพำเวอร์ซัพพลำย
เมื่อเกิดกำรหยุดจ่ำยแรงดันไฟสลับ รวมทั้งสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยสำมำรถทำำงำนได้
ในช่วงแรงดันอินพุตค่อนข้ำงกว้ำงจึงยังคงสำมำรถทำำงำนได้เมือเกิดกรณี แรงดันไฟค
กอีกด้วย

อย่ำงไรก็ตำม สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยจะมีเสถียรภำพในกำรทำำงำนที่ตำ่ำกว่ำ และก่อให้


เกิดสัญญำณรบกวนได้สูงเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งจ่ำยไฟเชิงเส้น รวมทั้งสวิตชิ่งเพำ
เวอร์ซัพพลำยยังมีควำมซับซ้อนของวงตรมำกกว่ำและมีรำคำสูง ที่กำำลังงำนตำ่ำๆ แหล่ง
จ่ำยไฟเชิงเส้นจะประหยัดกว่ำและให้ผลดีเท่ำเทียมกัน ดังนั้ นสวิคชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย
จึงมักนิ ยมใช้กันในงำนที่ต้องกำรกำำลังงำนตั้งแต่ 20 วัตต์ข้ ึนไปเท่ำนั้ น

หลักการทำางานของสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย
สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยโดยทัว่ ไปมีองค์ประกอบพื้ นฐำนที่คล้ำยคลึงกัน และไม่ซับ
ซ้อนมำกนั ก ดังแสดงในรูปที่ 1 หัวใจสำำคัญของสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยจะอยู่ท่ีคอน
เวอร์เตอร์ เนื่ องจำกทำำหน้ำที่ท้ ังลดทอนแรงดันและคงค่ำแรงดันเอำต์พุตด้วย องค์
ประกอบต่ำงๆ ทำำงำนตำมลำำดับดังนี้
รูป 1 องค์ประกอบพื้ นฐานของสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย

แรงดันไฟสลับค่ำสูงจะผ่ำนเข้ำมำทำงวงจร RFI ฟิ ลเตอร์ เพื่อกรองสำญญำณรบกวน


และแปลงเป็ นไฟตรงค่ำสูงด้วยวงจรเรกติไฟเออร์ เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์จะทำำงำนเป็ น
เพำเวอร์คอนเวอร์เตอร์โดยกำรตัดต่อแรงดันเป็ นช่วงๆ ที่ควำมถี่ประมำณ 20-200 KHz
จำกนั้ นจะผ่ำนไปยังหม้อแปลงสวิตชิ่งเพื่อลดแรงดันลง เอำต์พุตของหม้อแปลงจะต่อ
กับวงจรเรียงกระแส และกรองแรงดันให้เรียบ กำรคงค่ำแรงดันจะทำำได้โดยกำรป้ อน
กลับคำแรงดันที่เอำต์พุตกลับมำยังวงจรควบคุม เพื่อควบคุมให้เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์
นำำกระแสมำกขึ้นหรือน้อยลงตำมกำรเปลี่ยนแปลงของแรงดันที่เอำต์พุต ซึ่งจะมีผล
ทำำให้แรงดันเอำต์พุตคงที่ได้ รูปที่ 2 แสดงวงจรซึ่งแบ่งส่วนตำมองค์ประกอบหลักในรูป
1 เพื่อเป็ นตัวอย่ำง

คอนเวอร์เตอร์
คอนเวอร์เตอร์นับว่ำเป็ นส่วนสำำคัญที่สุดในสวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย มีหน่ำที่ลดทอน
แรงดันไฟตรงค่ำสูงลงมำเป็ นแรงดันไฟตรงค่ำตำ่ำ และสำมำรถคงค่ำแรงดันได้ คอน
เวอร์เตอร์มีหลำยแบบขึ้นอยู่กับลักษณะกำรจัดวงจรภำยใน โดยคอนเวอร์เตอร์แต่ละ
แบบจะมีขอ
้ ดีข้อเสียที่แตกต่ำงกันออกไป กำรจะเลือกใช้คอนเวอร์เตอร์แบบใดสำำหรับส
วิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยนั้ นมีข้อควรพิจำรณำจำกลักษณะพื้ นฐำนของคอนเวอร์เตอร์
แต่ละแบบดังนี้ คือ

• ลักษณะกำรแยกกันทำงไฟฟ้ ำระหว่ำงอินพุตกับเอำต์พุตของคอนเวอร์เตอร์

• ค่ำแรงดันอินพุตที่จะนำำมำใช้กับคอนเวอร์เตอร์
• ค่ำกระแสสูงสุดที่ไหลผ่ำนเพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ในคอนเวอร์เตอร์ขณะทำำงำน

• ค่ำแรงดันสูงสุดที่ตกคร่อมเพำเวอร์ทรำนซิสเคอร์ในคอนเวอร์เตอร์ขณะทำำงำน

• กำรรักษำระดับแรงดันในกรณี ท่ีคอนเวอร์เตอร์มีเอำต์พุตหลำยค่ำแรงดัน

• กำรกำำเนิ ดสัญญำณรบกวน RFI/EMI ของคอนเวอร์เตอร์

จำกข้อพิจำรณำดังกล่ำว จะทำำให้ผู้ออกแบบทรำบขีดจำำกัดของคอนเวอร์เตอร์และตัดสินใจ

เลือกใช้คอนเวอร์เตอร์แบบใดได้ ปั จจุบันได้มีกำรพัฒนำคอนเวอร์เตอร์ในรูปแบบต่ำงๆ ขึ้นมำ

มำกมำย ในที่น้ ี จะกล่ำวถึงเฉพำะคอนเวอร์เตอร์ท่ีนิยมใช้เป็ นในอุตสำหกรรมของสวิตชิ่งเพำ

เวอร์ซัพพลำย คือ

• ฟลำยแบคคอนเวอร์เตอร์ (Flyback converter)

• ฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์ (Forward converter)

• พุช-พูลคอนเวอร์เตอร์ (Push-Pull converter)

• Î ำล์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์ (Half-Bridge converter)

• ฟูลบริดจ์คอนเวอร์เตอร์ (Full-Bridge converter)

คอนเวอร์เตอร์ท้ ัง 5 แบบนี้ มีลักษณะกำรทำำงำนที่ไม่แตกต่ำงกันจนเกินไปนั ก และค่อนข้ำง

ง่ำยต่อกำรทำำควำมเข้ำใจและศึกษำ คอนเวอร์เตอร์เหล่ำนี้ ยังสำมำรถแบ่งย่อยได้อีกหลำย

ประเภทโดยกำรเพิ่มเทคนิ คบำงประกำรให้กับคอนเวอร์เตอร์ ในที่น้ ี จะกล่ำวถึงแต่เพียงกำร

ทำำงำนพื้ นฐำนเท่ำนั้ น

ฟลายแบคคอนเวอร์เตอร์
รูป CNV-1 วงจรพื้ นฐานของฟลายแบคคอนเวอร์เตอร์

จำกรูป CNV-1 เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ Q1 ในฟลำยแบคคอนเวอร์เตอร์จะทำำงำนใน


ลักษณะเป็ นสวิตช์ และจะนำำกระแสตำมคำำสัง่ ของพัลส์ส่ีเหลี่ยมที่ป้อนให้ทำงขำเบส
เนื่ องจำกหม้อแปลง T1 จะกำำหนดขดไพรมำรีแ
่ ละขดเซคันดำรีใ่ ห้มีลักษณะกลับเฟส
กันอยู่ ดังนั้ นเมื่อ Q1 นำำกระแส ไดโอด D1 จึงอยู่ในลักษณะถูกไบแอสกลับและไม่นำำ
กระแส จึงมีกำรสะสมพลังงำนที่ขดไพรมำรีข
่ องหม้อแปลง T1 แทน เมื่อ Q1 หยุดนำำ
กระแส สนำมแม่เหล็ก T1 ยุบตัวทำำให้เกิดกำรกลับขั้วแรงดันที่ขดไพรมำรีแ
่ ละเซคันดำ
รี่ D1 ก็จะอยู่ในลักษณะถูกไบแอสตรง พลังงำนที่สะสมในขดไพรมำรีข
่ องหม้อแปลงก็
จะถูกถ่ำยเทออกไปยังขดเซคันดำรี่ และมีกระแสไหลผ่ำนไดโอด D1 ไปยังตัวเก็บประจุ
เอำต์พุต Co และโหลดได้ ค่ำของแรงดันทีเอำต์พุตของคอนเวอร์เตอร์จะขึ้นอยู่กับค่ำ
ควำมถี่กำรทำำงำนของ Q1 ช่วงเวลำนำำกระแสของ Q1 อัตรำส่วนจำำนวนรอบของ
หม้อแปลง และค่ำของแรงดันที่อินพุต

เมื่อวงจรทำำงำนอยู่ในสภำวะคงที่ ค่ำแรงดันเอำต์พุตที่ได้จำกคอนเวอร์เตอร์จะเป็ นไป


ตำมสมกำร

T คือคำบเวลำกำรทำำงำนของ Q1 เป็ น
วินำที

tON คือช่วงเวลำ

Np คือจำำนวนรอบของขดไพรมำรี่

Ns คือจำำนวนรอบของขดเซคันดำรี่

คือแรงดันที่เอำต์พุตของคอนเวอร์เตอร์
Vout
เป็ นโวลต์

คือแรงดันที่อินพุตของคอนเวอร์เตอร์
Vin
เป็ นโวลต์

Vce(sa คือแรงดันตกคร่อม Q1 ขณะนำำกระแสที่


t) จุดอิ่มตัว เป็ นโวลต์

คือแรงดันคกคร่อมไดโอด D1 ขณะนำำ
VD
กระแส เป็ นโวลต์
กราฟแสดงลักษณะกระแสและแรงดันในวงจรขณะทำางาน

ฟลำยแบคคอนเวอร์เตอร์เป็ นคอนเวอร์เตอร์ท่ีให้กำำลังงำนได้ไม่สูงนั ก โดยอยู่ในช่วงไม่


เกิน 150 วัตตุ และให้ค่ำสัญญำณรบกวน RFI/EMI ค่อนข้ำงสูง แต่ใช้อุปกรณ์น้อยและ
มีรำคำถูก

ฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์
รูป CNV-2 วงจรพื้ นฐานของฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์

วงจรพื้ นฐำนของฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์แสดงไว้ในรูป CNV-2 จะเห็นได้ว่ำฟอร์เวิร์ด


คอนเวอร์เตอร์มีลักษณะใกล้เคียงกับฟลำยแบคคอนเวอร์เตอร์ แต่พื้นฐำนกำรทำำงำนจะ
แตกต่ำงกัน คือ หม้อแปลงในฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์จะทำำหน้ำที่ส่งผ่ำนพลังงำนใน
ช่วงที่เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์นำำกระแส ต่ำงจำกฟลำยแบคคอนเวอร์เตอร์ซึ่งหม้อแปลง
จะสะสมพลังงำนในช่วงที่เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์นำำกระแส แล้วจึงถ่ำยเทพลังงำนออก
ไปขณะที่เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์หยุดนำำกระแส กำรทำำงำนของวงจรจะเป็ นดังนี้

เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ Q1 จะทำำงำนโดยนำำกระแสและหยุดนำำกระแสสลับกันไป เมื่อ


Q1 นำำกระแส จะมีกระแส Ip ไหลผ่ำนขดไพรมำรี่ Np และตัวมัน เนื่ องจำกหม้อแปลง
T1 ในฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์จำำกำำหนดขดไพรมำรีแ
่ ละเซคันดำรีใ่ ห้มีเฟสตรงกัน ดัง
นั้ นไดโอด D1 จึงถูกไบแอสตรง ทำำให้มีกระแสไหลที่เซคันดำรี่ Ns ผ่ำนตัวเหนี่ ยวนำำ
Lo ไปยังตัวเก็บประจุเอำต์พุต Co และโหลดได้ ขณะที่มีกระแสไหลผ่ำน Lo จะมีกำร
สะสมพลังงำนไว้ในตัวมันด้วย ส่วนโดโอด D2 จะอยู่ในลักษณะไบแอสกลับ จึงไม่มี
กำรนำำกระแส เช่นเดียวกันไดโอด D3 เนื่ องจำกขดดีเมกเนไตซิ่ง Nr ถูกพันไว้ในทิศ
ตรงข้ำมกับขดไพรมำรี่ Np ไดโอด D3 จึงอยู่ในลักษณะไบแอสกลับ และไมีมีประแส
ไหล เมื่อ Q1 หยุดนำำกระแส ไดโอด D1 จะถุกไบแอสกลับและไม่มีกระแสไหลจำกขอ
เซคันดำรี่ Ns แต่ในขณะเดียวกันสนำมแม่เหล็กที่เกิดขึ้นใน Lo ยุบตัว ทำำให้มีกำรกลับ
ขั้วแรงดันที่ Lo ไดโอด D2 จึงถูกไบแอสตรง พลังงำนที่ถูกสะสมไว้ใน Lo จะถุกถ่ำยเท
ออกมำทำำให้มีกระแสไหลผ่ำไดโอด D2 ไปยังตัวเก็บประจุ Co และโหลดได้ กระแสที่
ไหลผ่ำนโหลดจึงมีลักษณะต่อเนื่ อง ทั้งในช่วงที่ Q1 นำำกระแสและหยุดนำำกระแส ทำำให้
มีกำรกระเพื่อมของแรงดันที่เอำต์พุตตำ่ำกว่ำฟลำยแบคคอนเวอร์เตอร์

ในขณะที่ Q1 หยุดนำำกระแส สนำมแม่เหล็กที่ตกค้ำงภำยในหม้อแปลงจะมีกำรยุบตัว


และกลับขั้วแรงดันที่ขด Np, Ns และ Nr ไดโอด D3 จะอยู่ในลักษณะถูกไบแอสตรง
ทำำให้มีกำรถ่ำยเทพลังงำนที่เหลือค้ำงนี้ ออกไปได้ ขดลวดดีแมกเนไตซิ่ง Nr และไดโอด
D3 นี้ มีควำมสำำคัญมำก เพรำะถ้ำไม่มีกำรถ่ำยเทพลังงำนที่ตกค้ำงออกไปจำกขด
ไพรมำรีใ่ นขณะที่ Q1 หยุดนำำกระแส เมื่อ Q1 เริม
่ นำำกระแสอีกครั้ง สนำมแม่เหล็กที่
หลงเหลืออยู่จะทำำให้ Q1 เป็ นอัตรำยได้

กราฟแสดงลักษณะกระแสและแรงดันในวงจรขณะทำางาน

สำำหรับฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์ เมื่อวงจรทำำงำนอยู่ในสภำวะคงที่ ค่ำแรงดันเอำต์พุตที่


ได้จำกคอนเวอร์เตอร์จะเป็ นไปตำมสมกำร
ฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์ให้กำำลังงำนได้ในช่วงเดียวกับฟลำยแบคคอนเวอร์เตอร์ (ใน
ช่วง 100 - 200 วัตต์) แต่กระแสที่ได้จะมีกำรกระเพื่อมตำ่ำกว่ำ อย่ำงไรก็ตำม ตัวอุปกรณ์
ที่เพิ่มเข้ำมำจะให้มีรำคำสูงกว่ำ

พุช-พูลคอนเวอร์เตอร์
พุช-พูลคอนเวอร์เตอร์เป็ นคอนเวอร์เตอร์ท่ีจ่ำยกำำลังได้สูง ในช่วง 200 - 1000 วัตต์ แต่มีข้อ

เสียคือมักเกิดกำรไม่สมมำตรของฟลักศ์แม่เหล็กของแกนหม้อแปลง ซึ่งจะมีผลต่อกำรพังเสีย

หำยของเพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ได้ง่ำย ในปั จจุบันเทคนิ คกำรควบคุมแบบควบคุมกระแสช่วยลด

ปั ญหำนี้ ลงได้ ดังนั้ นพุช-พูลคอนเวอร์เตอร์จึงเป็ นคอนเวอร์เตอร์ท่ีน่ำสนใจสำำหรับสวิตชิ่งเพำ

เวอร์ซัพพลำยที่ตอ
้ งกำรกำำลังสูง

กำรทำำงำนของพุช-พูลคอนเวอร์เตอร์ เปรียบเสมือนกำรนำำฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์สอง
ชุดมำทำำงำนร่วมกัน โดยผลัดกันทำำงำนในแต่ละครึง่ คำบเวลำในลักษณะกลับเฟส ทำำให้
จ่ำยกำำลังได้สูง เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ในวงจรยังคงมีแรงดันตกคร่อมในขณะหยุดนำำ
กระแสค่อนข้ำงสูงเช่นเดียวกับฟลำยแบคและฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์ รวมทั้งปั ญหำ
กำรเกิดฟลักซ์ไม่สมมำตรในแกนเฟอร์ไรต็ของวงจรทำำให้เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์พังเสีย
หำยง่ำย พุช-พูลคอนเวอร์เตอร์เป็ นพื้ นฐำนของ Î ำล์ฟบริดจ์ และฟูลบริดจ์คอนเวอร์
เตอร์ซึ่งมีกำรทำำงำนคล้ำยกัน แต่มีข้อบกพร่องน้อยกว่ำ
รูป CNV-3 วงจรพื้ นฐานของพุช-พูลคอนเวอร์เตอร์

วงจรพื้ นฐำนของพุช-พูลคอนเวอร์เตอร์ แสดงไว้ในรูป CNV-3


จำกรูป Q1 และ Q2 จะสลับกันทำำงำนโดยผลัดกันนำำกระแสในแต่ละครึง่ คำบเวลำ T
ในขณะที่ Q1 นำำกระแสจะมีกระแส Ip ไหลผ่ำนขดไพรมำรี่ Np1 และไดโอด D1 จะถูก
ไบแอสกลับ ส่วนไดโอด D2 จะถูกไบแอสตรง ทำำให้มีกระแสไหลที่ขดไพรมำรี่ Ns2
ผ่ำนไดโอด D2 และ Lo ไปยังตัวเก็บประจุ Co และโหลด
ในจังหวะนี้ แรงดันตกคร่อม Q2 จะมีค่ำเป็ น 2Vin (จำำนวนรอบ Np1 = Np2 และ Ns1
= Ns2) ในทำำนองเดียวกันขณะที่ Q2 นำำกระแส Q1 และ D2 จะไม่นำำกระแสเนื่ องจำก
ถูกไบแอสกลับ D1 ซึ่งถูกไบแอสตรงจะนำำกระแสจำกขดเซคันดำรี่ Ns1 ผ่ำน Lo ไปยัง
ตัวเก็บประจุ Co และโหลด จะเห็นได้ว่ำในหนึ่ งคำบเวลำกำรทำำงำน ขดเซคันดำรีจ
่ ะให้
กระแสไหลผ่ำน Lo ได้ถึงสองครั้ง พุช-พูลคอนเวอร์เตอร์จึงสำมำรถจ่ำยกำำลังงำนได้
มำกเป็ นสองเท่ำของฟอร์เวิร์ดคอนเวอร์เตอร์ท่ีค่ำกระแสสูงสุดด้ำนไพรมำรีม
่ ีค่ำเท่ำกัน
และโหลดมีกระแสไหลต่อเนื่ องตลอดเวลำ กระแสที่ได้ทำงเอำต์พุตจึงค่อนข้ำงเรียบ

Î าล์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์
Î ำลฟ์ บริดจ์คอนเวอร์เตอร์จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับพุชพูลคอนเวอร์เตอร์ แต่ลักษณะกำรจัด

วงจรจะทำำให้เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ในวงจรมีแรงดันตกคร่อมขณะหยุดนำำกระแสเพียงค่ำแรง
ดันอินพุตเท่ำนั้ น ทำำให้เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ท่ีใช้มีรำคำถูก และหำได้ง่ำยกว่ำ และลดข้อจำำกัด

เมื่อใช้กับระบบแรงดันไฟสูงได้มำก รวมทั้งยังไม่มีปัญหำกำรไม่สมมำตรของฟลักซ์ในแกน

เฟอร์ไรต์ของหม้อแปลงได้ด้วย

รูป CNV-4 วงจรพื้ นฐานของ Î าล์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์

วงจรพื้ นฐำนของ Î ำล์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์แสดงไว้ในรูป CNV-4 กำรทำำงำนเป็ นดัง


ต่อไปนี้ ตัวเก็บประจุ C1 และ C2 ถูกกำำหนดให้มีค่ำเท่ำกัน ต่ออนุ กรมกันอยู่ทำงด้ำน
อินพุตเพื่อแบ่งครึง่ แรงดัน แรงดันตกคร่อม C1 และ C2 จึงมีค่ำเท่ำกับครึง่ หนึ่ งของ
แรงดันที่อินพุต เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ Q1 และ Q2 จะสลับกันทำำงำนคนละครึง่ คำบ
เวลำเช่นเดียวกับพุช-พูลคอนเวอร์เตอร์ เพื่อให้ง่ำยต่อกำรพิจำรณำวงจร จะพิจำรณำใน
กรณี ที่ไม่มีตัวเก็บประจุ Cb ต่อยู่ในวงจร โดยให้ปลำยของขดไพรมำรี่ Np ที่ต่ออยู่กับ
Cb นั้ นต่อโดยตรงเข้ำกับจุดต่อระหว่ำงตัวเก็บประจุ C1 และ C2 ดังแสดงในรูป CNV-5
รูป CNV-6 (บน) ขณะ Q1 นำากระแส (ล่าง) ขณะ Q2 นำากระแส

เมื่อ Q1 เริม
่ นำำกระแส และ Q2 ไม่นำำกระแส แรงดันตกค่อม Q2 จะมีค่ำเท่ำกับ Vin-
Vce(sat) ส่วนแรงดันตกคร่อมของไพรมำรี่ Np จะมีค่ำเท่ำกับ Vc1 - Vce(sat) หรือมีค่ำ
เท่ำกับ Vin/2 - Vce(sat) นั ่นเอง ในทำำนองเดียวกัน เมื่อ Q2 นำำกระแส และ Q1 ไม่นำำ
กระแส แรงดันตกคร่อม Q1 จะมีค่ำเท่ำกับ Vin-Vce(sat) เช่นเดียวกัน แรงดันตก
คร่อมที่ขดไพรมำรี่ Np ก็ยังคงมีค่ำเท่ำกับ Vin/2 - Vce(sat) เนื่ องจำก Vce(sat) มีค่ำ
ประมำณ 0.5-1 โวลต์ ดังนั้ นจะเห็นได้ว่ำแรงดันตกคร่อม Q1 และ Q2 ขณะหยุดนำำ
กระแสจะมีค่ำเพียงแรงดันอินพุตเท่ำนั้ น ผลของกำรทำำงำนของ Q1 และ Q2 ที่ด้ำนเซ
คันดำรีจ
่ ะมีลักษณะเดียวกันกับพุช -พูลคอนเวอร์เตอร์

ฟูลบริดจ์คอนเวอร์เตอร์
ฟูลบริดจ์คอนเวอร์เตอร์ ขณะทำำงำนจะมีแรงดันตกคร่อมขดไพรมำี่เท่ำกับแรงดันอินพุต แต่

แรงดันตกคร่อมเพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์มีค่ำเพียงครึง่ หนึ่ งของแรงดันอินพุตเท่ำนั้ น และค่ำ

กระแสสูงสุดที่เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์แต่ละตัวนั้ น มีค่ำเป็ นครึง่ หนึ่ งของค่ำกระแสสูงสุด


ใน Î ำล์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์ที่กำำลังขำออกเท่ำกัน เนื่ องจำกข้อจำำกัดด้ำนเพำเวอร์

ทรำนซิสเตอร์ลดน้อยลงไป กำำลังงำนสูงสุดที่ได้จำกฟูลบริดจ์คอนเวอร์เตอร์จึงมีค่ำสูง ตั้งแต่

500 - 1000 วัตต์

รูป CNV-6 วงจรพื้ นฐานของฟูลบริดจ์คอนเวอร์เตอร์

วงจรพื้ นฐำนของฟูลบริดจ์คอนเวอร์เตอร์แสดงในรูป CNV-6 เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์


ทั้ง 4 ตัวจะทำำงำนโดยนำำกระแสและหยุดนำำกระแสสลับกันเป็ นคู่ๆ ในแต่ละครึง่ คำบ
เวลำ Q1 และ Q4 จะนำำกระแสพร้อมกันในครึง่ คำบเวลำ และเมื่อหยุดนำำกระแส Q2
และ Q3 จะนำำกระแสพร้อมกันในครึง่ คำบเวลำที่เหลือ สลับกันเช่นนี้ เรื่อยไป ลักษณะ
กำรทำำงำนของวงจรที่ได้จึงเป็ นเช่นเดียวกับ Î ำลฟ์ บริดจ์คอนเวอร์เตอร์ ยกเว้นแรงดัน
ตกคร่อมขดไพรมำรีจ
่ ะมีค่ำเท่ำกับ Vin - 2Vce(sat) ดังนั้ นผลของกำรทำำงำนของวงจร
จึงเหมือนกับผลที่ได้จำกพุช-พูล คอนเวอร์เตอร์น้ ั นเอง ส่วนตัวเก็บประจุบล็อกกิ้ง Cb
จะมีผลเช่นเดียวกับวงจร Î ำล์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์ จะเห็นได้ว่ำแรงดันที่ตกคร่อม Q1
และ Q4 ขณะหยุดนำำกระแสจะมีค่ำเท่ำกับ Vin-Vceq2(sat) และ Vin-Vceq3(sat) ตำม
ลำำดับ ส่วแรงดันที่ตกคร่อม Q2 และ Q3 ขณะหยุดนำำกระแสก็จะมีค่ำ Vin-Vceq1(sat)
และ Vin-Vceq4(sat) ตำมลำำดับเช่นเดียวกัน ส่วนไดโอด D3-D6 ทำำหน้ำที่เป็ นคอมมิว
เตติ้งไดโอดให้กับวงจร เพื่อป้ องกัน Q1-Q4 เช่นเดียวกับ Î ำล์ฟบริดจ์คอนเวอร์เตอร์

วงจรควบคุม
เนื่ องจำกคอนเวอร์เตอร์เกือบทุกแบบจะคงค่ำแรงดันเอำต์พุตได้ด้วยกำรควบคุมช่วง
เวลำนำำกระแส (tON) ของ เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ ดังนั้ นวงจรควบคุมกำรทำำงำนของ
คอนเวอร์เตอร์โดยทัว่ ไปจึงมักนิ ยมใช้เทคนิ คพัลส์วิดท์มอดูเลชัน
่ (Pulse Width
Modulation - PWM) เป็ นหลัก กำรใช้ PWM เพื่อควบคุมช่วงเวลำนำำกระแสของเพำ
เวอร์ทรำนซิสเตอร์ในคอนเวอร์เตอร์สำมำรถทำำได้สองลักษณะ คือ ควบคุมจำกแรงดัน
และ ควบคุมจำกกระแส

วงจรควบคุมในโหมดควบคุมจากแรงดัน
กำรทำำงำนของวงจรควบคุมในโหมดแรงดัน (Voltage Mode Control) จะอำศัยกำรตรวจ

จับกำรเปลี่ยนแปลงค่ำของแรงดันที่เอำต์พุตมำควบคุมช่วงเวลำนำำกระแสของเพำเวอร์

ทรำนซิสเตอร์ เพื่อกำรคงค่ำแรงดันเอำต์พุตเป็ นหลัก วงจรพื้ นฐำนเป็ นดังรูป CNT-1

รูป CNT-1 แสดงวงจรพื้ นฐานสำาหรับการควบคุมในโหมดควบคุมจากแรงดัน

จำกรูป วงจรควบคุมจะอำศัยกำรป้ อนกลับค่ำแรงดันที่เอำต์พุตและเปรียบเทียบกับแรง


ดันอ้ำงอิง Vref ของวงจร เพื่อตรวจจับกำรเปลี่ยนแปลงของแรงดันที่เอำต์พุต ค่ำควำม
แตกต่ำงที่ได้จะถูกขยำยโดยวงจรขยำยควำมแตกต่ำง E/A ก่อนที่จะส่งต่อไปยังวงจร
PWM โดยค่ำแรงดันที่ได้จำกวงจรขยำยควำมแตกต่ำง E/A ที่ตำำแหน่ง A จะถุกเปรียบ
เทียบกับแรงดันรูปฟั นเลื่อยที่ตำำแหน่ง B ของ PWM อีกครั้งหนึ่ ง เอำต์พุตที่ได้จำก
วงจร PWM จะมีลักษณธเป็ นพลัส์ส่ีเหลี่ยม ซึ่งมีคำบเวลำคงที่เท่ำกับคำบเวลำของแรง
ดันรูปฟั นเลื่อยและมีควำมกว้ำงของพัลส์ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปคำมผลมอดูแลชัน
่ ของ
ค่ำแรงดันที่ตำำแหน่ง A และ B ค่ำควำมกว้ำงของพัลส์น้ ี เองที่จะเป็ นตัวกำำหนดช่วงเวลำ
นำำกระแสของเพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ในคอนเวอร์เตอร์

รูป CNT-2 แสดงลักษณะความกว้างของพัลส์จาก PWM

เนื่ องจำกค่ำแรงดันป้ อนกลับจะถูกส่งมำยังวงจรขยำยควำมแตกต่ำง E/A ที่ขำอินเวอร์


ติ้ง ผลต่ำงของแรงดันเอำต์พุต และแรงดันอ้ำงอิงที่จุด A จึงมีลักษณะกลับเฟสอยู่ 180
องศำ กล่ำวคือ เมื่อแรงดันเอำต์พุตมีค่ำมำกขึ้น แรงดันที่จุด A จะมีค่ำลดลง ควำม
กว้ำงของพัลส์ท่ีเอำต์พุตของวงจร PWM จึงมีค่ำลดลงด้วย และช่วงเวลำนำำกระแสของ
เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ tON ก็จะมีค่ำลดลง ถ้ำแรงดันเอำต์พุตมีค่ำลดลง แรงดันที่จุด
A จะมีค่ำเพิ่มขึ้น ควำมกว้ำงพัลส์ท่ีเอำต์พุตของวงจร PWM จึงมีค่ำเพิ่มขึ้น tON ก็จะมี
ค่ำเพิ่มขึ้น ทำำให้คอนเวอร์เตอร์สำมำรถคงค่ำแรงดันเอำต์พุตไว้ได้ ลักษณะรูปคลื่นแรง
ดันขณะวงจรทำำงำนจะเป็ นดังรูปที่ CNT-2 ตัวอย่ำง IC ที่ใช้ควบคุมคอนเวอร์เตอร์ใน
โหมดควบคุมจำกแรงดันได้แก่ MC34060, MC34166 และ TL494 เป็ นต้น

วงจรควบคุมในโหมดควบคุมจากกระแส
กำรคงค่ำแรงดันเอำต์พุตของคอนเวอร์เตอร์ ด้วยวงจรควบคุมในโหมดควบคุมจำกกระแส

(Current Mode Control) มีข้อดีหลำยประกำรที่เหนื อกว่ำโหมดควบคุมจำกแรงดัน จึงเป็ น

วงจรควบคุมที่นิยมใช้กันมำก วงจรควบคุมในโหมดควบคุมจำกกระแสนี้ ยังคงใช้เทคนิ คพัลส์วิด

ท์มอดูเลชัน
่ เช่นกัน วงจรพื้ นฐำนแสดงในรูป CNT-3
รูป CNT-3 วงจรพื้ นฐานสำาหรับการควบคุมในโหมดควบคุมจากกระแส

เพื่อให้ง่ำยต่อกำรพิจำรณำ เรำจะแยกคิดกำรทำำงำนของวงจรควบคุมด้วยกำรตัดวงจร
ขยำยควำมแตกต่ำง E/A ออกไปก่อน และกำำหนดขำอินเวอร์ต้ ิงของวงจรเปรียบเทียบ
ให้ต่อเข้ำกับแรงดันอ้ำงอิง Ver ดังรูป CNT-4 วงจร latch จะทำำงำนโดยขำ Q ของวงจร
latch จะมีสถำนะเป็ น high เมื่อมีกำรกระตุ้นที่ขำ S และขำ Q จะมีสถำนะเป็ น low เมื่อ
มีกำรกระตุ้นที่ขำ R

รูป CNT-4 วงจรควบคุมเมื่อตัดตัวขยายความแตกต่างออก


เมื่อวงจรทำำงำน วงจรกำำเนิ ดสัญญำณนำฬิกำ จะให้กำำเนิ ดสัญญำณนำฬิกำที่มีคำบเวลำ
คงที่ไปกระคุ้นที่ขำ S ของ latch ขำ Q จึงมีสถำนะเป็ น high เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์
Q1 จะเริม
่ นำำกระแส เมื่อ Q1 นำำกระแสจะมีกระแสไหลผ่ำนขดไรมำรีแ
่ ละตัวต้ำนทำน
Rs ที่ต่ออนุ กรมไว้กับ Q1 ทำำให้เกิดแรงดัน Vs ตกคร่อมที่ตัวต้ำนทำน Rs ด้วย

แรงดันตกคร่อม Rs ที่เกิดขึ้นจะถูกเปรียบเทียบกับแรงดันอ้ำงอิง Ver โดยวงจรเปรี


บยเทียบ ดังนั้ นเมื่อค่ำของ Vs เพิ่มขึ้นจนมีค่ำมำกกำว่ำค่ำของแรงดันอ้ำงอิง Ver
เอำต์พุตของวงจรเปรียบเทียบจะมีสถำนะเป็ น High และไปกระตุ้นที่ขำ R ของวงจร
latch ทำำให้ขำ Q มีสถำนะเป็ น low และเพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์ Q1 หยุดนำำกระแส
จนกว่ำที่ขำ S ของวงจร latch จะได้รบ
ั กำรกระตุ้นจำกสัญญำณนำฬิกำอีกครั้ง

จะเห็นได้ว่ำควำมกว้ำงของเอำต์พุตพัลส์ท่ีขำ Q ของวงจร latch จะถูกควบคุมโดยค่ำ


ของแรงดัน Vs ที่ตกคร่อมตัวต้ำนทำน Rs ถ้ำค่ำแรงดันอินพุตของคอนเวอร์เตอร์มีค่ำ
เพิ่มขึ้น แรงดัน
Vs จะเพิ่มขึ้นจนมีค่ำมำกกว่ำแรงดันอ้ำงอิง Ver ได้เร็วขึ้นด้วย ทำำให้ควำมกว้ำงของ
เอำต์พุตพัลส์ลดลง เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์จะมีช่วงเวลำนำำกระแสน้อยลง ในทำงกลับ
กัน ถ้ำแรงดันอินพุตของคอนเวอร์เตอร์มีค่ำลดล แรงดัน Vs จะเพิ่มขึ้นได้ช้ำ ควำม
กว้ำงของเอำต์พุตพัลส์จึง เพิ่มขึ้น เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์จะมีช่วงเวลำนำำกระแสมำก
ขึ้นด้วย จะเห็นได้ว่ำเมื่อโหลดคงที่ คอนเวอร์เตอร์จะสำมำรถคงค่ำแรงดันเอำต์พุตเมื่อ
มีกำรเปลี่นแปลงของแรงดันอินพุตได้ โดยไม่ตอ
้ งอำศัยกำรป้ อนกลับแรงดันที่เอำต์พุต
เลย ทำำให้คอนเวอร์เตอร์ตอบสนองกำรเปลี่ยนแปลงของแรงดันอินพุตได้อย่ำงรวดเร็ว

พิจำรณำวงจรควบคุมอีกครั้งตำมวงจรในรูปที่ CNT-3 เมื่อต่อวงจรขยำยควำมแตกต่ำง


E/A เพิ่มเข้ำมำ วงจรในลักษณะนี้ เมื่อแรงดันเอำต์พุตมีค่ำลดลง เอำต์พุตของวงจร
ขยำยควำมแตกต่ำง E/A จะมีค่ำมำกขึ้น เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์จะใช้เวลำนำำกระแสมำก
ขึ้นด้วย เพื่อให้ค่ำแรงดัน Vs มำกกว่ำแรงดันที่เอำตพุตของวงจรขยำยควำมแตกต่ำง
E/A ในทำงกลับกัน เมื่อแรงดันเอำตุพุตของคอนเวอร์เตอร์มีค่ำเพิ่มขึ้น เอำต์พุตของ
วงจรขยำยควำมแตกต่ำง E/A จะมีค่ำลดลง เพำเวอร์ทรำนซิสเตอร์จึงใช้เวลำนำำกระแส
ลดลงด้วย ดังนั้ นคอนเวอร์เตอร์จะสำมำรถคงค่ำแรงดันที่เอำต์พุตเอำไว้ได้เมื่อมีกำร
เปลี่ยนแปลงที่โหลด ลักษณะรูปคลื่นและแรงดันขณะที่วงจรทำำงำนเป็ นดังรูป CNT-5
รูป CNT-5 ลักษณะการทำางานที่จุดต่างๆ ของวงจร

จำกลักษณะกำรทำำงำนดังกล่ำว ทำำให้วงจรควบคุมในโหมดควบคุมจำกกระแสมีข้อดี
มำกกว่ำวงจรควบคุมในโหมดควบคุมจำกแรงดันดังนี้

• ตอบสนองกำรเปลี่ยนแปลงของแรงดันอินพุตได้รวดเร็วกว่ำ ทำำให้ลดปั ญหำกำรคง


ค่ำแรงดันที่เอำต์พุตเมื่อเกิดทรำนเซียนส์และกำรกระเพื่อมของแรงดันสูงที่แรงดัน
อินพุต เพรำะไม่ต้องรอสัญญำณป้ อนกลับจำกเอำต์พุต

• สำมำรถป้ องกันกระแสโหลดเกินได้ ด้วยกำรจำำกัดค่ำกระแสสูงสุดที่ขดไพรมำรีใ่ น


ลักษณะพัลส์ต่อพัลส์อย่ำงรวดเร็ว

• ให้ค่ำไลน์เรกูเลชัน
่ ที่ดีมำก

• โดยกำรจำำกัดกระแสสูงสุดที่ขดไพรมำรี่ ปั ญหำกำรไม่สมมำตรฟลักซ์แม่เหล็กของพุช-
พูลคอนเวอร์เตอร์จะไม่เกิดขึ้น

• สำมำรถต่อขนำนคอนเวอร์เตอร์หลำยชุดเข้ำด้วยกันได้ เพื่อให้จ่ำยกระแสได้มำกขึ้น
และกระแสเฉลี่ยที่คอนเวอร์เตอร์แต่ละชุดจะมีค่ำเท่ำกัน

ตัวอย่าง IC ที่ใช้ควบคุมคอนเวอร์เตอร์ในโหมดควบคุม
จากกระแสได้แก่ UC3842/3/4/5, MC34023/5 และ
MC34129 เป็ นต้น
วงจรตัวอย่างและไอซีที่ใช้งานในสวิทชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย

SG 3524/5/6/7
รูปที่ 1 แสดงวงจรภำยในของไอซี สวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์เบอร์3524 จำกวงจรออส
ซิลเลเตอร์จะผลิตสัญญำณแรมป์ และสัญญำณ พัลส์ ออกมำในเบื้ องต้น เรำจะไม่สนใจ
วงจรจำำกัดกระแส (Current limit, CL) และวงจรชันท์ดำวน์ (shut down) เอ้ำท์พท
ุ ของ
คอมพำรำเตอร์ (Comparator) จะเป็ น "High"เมื่อแรงดันของสัญญำณแรมป์ มีค่ำ
มำกกว่ำแรงดัน เอ้ำท์พท
ุ ของภำคขยำยควำมผิดพลำด (Error Amplifier) เอ้ำท์พุทของ
NOR เกตจะตกลงเป็ น "Low"ทำำให้เอ้ำท์พุท ทรำนซีสเตอร์หยุดทำำงำน

รูปที่ 1 บล็อคไดอะแกรมภำยในของ SG 3524 ไอซีสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์


NOR เกตแต่ละตัวสำมำรถมีเอ้ำท์พุทเป็ น "High" ได้ก็ต่อเมื่ออินพุททั้งสำมของ
มันมีสภำวะเป็ น "Low" เอ้ำท์พุทของ ออสซีสเลเตอร์ท่ีเป็ นสัญญำณพัลส์จะเป็ นเอ้ำท์
พุทของออสซีสเลเตอร์จะไปทำำกำรอีนำเบิ้ล NOR เกตขำอินพุทที่เหลือ อีกขำหนึ่ งของ
NOR เกตจะต่ออยู่กับเอ้ำท์พุทของคอมพำรำเตอร์ซึ่งกำรทำำงำนของเกตทำำให้ทรำนซีส
เตอร์เพียงตัวเดียว ทำำงำนใน 1 ช่วงเวลำก่อให้เกิดกำรทำำงำนแบบ พุช-พูลขึ้น (Push-
Pull operation) เรำจะเลือกให้ทรำนซิสเตอร์ทำำงำนที่ จุดเริม
่ ต้นของแต่ละไซเคิ้ล และ
หยุดกำรทำำงำนทันทีเมื่อสัญญำณมีแรงดันมำกกว่ำแรงดันของภำคขยำยควำมผิดพลำด
ที่จุดสิ้นสุดของแต่ละไซเคิ้ล พุลส์ของออสซิสเลเตอร์จะขับให้เกตทั้งสองมีเอ้ำพุทเป็ น
"Low" เป็ นกำรป้ องกันไม่ให้ ทรำนซิสเตอร์ท้ ังสองตัวทำำงำนพร้อมกัน ภำคขยำย
จำำกัดกระแส (Current - limit amplifeir) มีหน้ำที่ป้องกันไม่ให้กระแสไหลในขณะโหลด
เกิน (Over Load) เอ้ำท์พท
ุ ของภำคขยำยจำำกัดกระแสเป็ นแบบคอลเล็คเตอร์เปิ ด
(Open Collector) วงจรเปิ ดเมื่อเป็ น "High" และถูกดึงลง กรำวด์เมื่อเป็ น "Low" ภำค
ของจำำกัดกระแสและชันดำวน์ ทรำนซิสเตอร์สำมำรถใช้นำำไปขับคอมพำรำเตอร์ให้มีเอ้
ำท์พท
ุ เป็ น "High" ได้เป็ นกำรบังคับให้ทรำนซิสเตอร์หยุดกำรทำำงำน รูปที่ 2
แสดงวงจร ดีซี-ดีซี คอนเวอร์เตอร์ (DC-DC Converter) ที่ให้ไอซี SG 3524 ควำมถี่ขอ
งออสซิสเลเตอร์ ประมำณ 60 KHz โดยกำรปรับที่ R5 และ C2 (ฟลิบ-ฟลอบ จะเป็ นตัว
หำรควำมถี่เอ้ำท์พุทของพุช-พูล ให้เหลือ 30 KHz) ภำคขยำยจำำกัดกระแสจะมีเอ้ำท์พุท
เป็ น "Low" เมื่ออินพุทของมันมีค่ำเกิน 0.2 โวลท์ R11 จะจำำกัดกระแสไม่ให้มีค่ำเกิน 2
แอมป์ ในกรณี ที่โหลดเกิน หรือ หม้อแปลงเกิดอิ่มตัวขึ้นมำ ทรำนซิสเตอร์ Q1 และ
Q2 ถูกใช้เป็ นตัวตัดต่อกระแส ให้กับหม้อแปลง (ทรำนซีสเตอร์แต่ละตัวมีอัตรำกำรทน
กระแสเพียง 100 mA เท่ำนั้ น) พัลส์ท่ีจ่ำยออกมำจำกวงจร จะถูกกรองด้วยคำปำซิเตอร์
C4

รูปที่ 2 SG 3524 สวิทชิ่งทรำนซิสเตอร์ 2 ตัว,หม้อแปลงและอุปกรณ์


อีกเล็กน้อย สำมำรถนำำมำสร้ำง พุช-พูล สวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์ 5 โวลท์ได้
เอ้ำท์พท
ุ ของภำคขยำยควำมผิดพลำดจะแปรผันตรงต่อควำมแตกต่ำงระหว่ำงขำ
อินพุทอ้ำงอิง (ขำ 2) และขำป้ อน กลับ(ขำ 1) ถ้ำแรงเอ้ำท์พุทเพิ่มมำกขึ้น แรงดันควำม
แตกต่ำงระหว่ำงขำอินพุททั้งสองจะลดลง แรงดันแรมป์ จะมีค่ำ มำกกว่ำแรงดันควำมผิด
พลำดเร็วมำกขึ้นและทรำนซิสเตอร์จะหยุดทำำงำนเร็วขึ้นจนกระทั้งแรงดันเอ้ำท์พุทถูก
ลดลง ให้กลับไปมีค่ำเท่ำกับ 5 โวลท์ เนื่ องจำกแรงดันป้ อนกลับและกรำวด์ถูกต่อ
โดยตรงเข้ำด้วยกัน ดังนั้ น กำรแยกกัน (Isolation) ระหว่ำงภำคอินพุท และ ภำคเอ้ำท์
พุทจึงไม่เกิดขึ้น ควำมต้ำนทำน R6 และ R7 เป็ นตัวจำำกัดกระแสของไดร์ฟ
ทรำนซิสเตอร์ภำยใน ซึ่งถูกใช้ตัดต่อทรำนซิสเตอร์ Q1 และ Q2 R10 และ C3 มีไว้
เพื่อชดเชยเสถียรภำพทำงควำมถี่ของวงจรลูป-ปิ ด (Closed Loop) ทรำนซิสเตอร์ Q1
และ Q2 ควรจะเป็ นทรำนซิสเตอร์แบบ "High speed switching power transistors" ที่มี
อัตรำกำรทนกระแสและแรง ดันไม่นอ
้ ยกว่ำ 5 แอมป์ และ 60 โวลท์ ตำมลำำดับ ไอโอด
D1 และ D2 ควรจะเป็ นไดโอด แบบ "Shottky diodes" หรือ แบบ "Fast recovery
diodes" เพรำะว่ำเอ้ำท์พุทของวงจรถูกทำำให้มีควำมสมดุลย์ ดังนั้ นแกนของหม้อแปลง
จึงไม่จำำเป็ นต้องมีช่องว่ำง (Air gap) แกนหม้อแปลงแบบเฟอร์ไรท์ท่ีมีขนำดเล็กจึง
สำมำรถนำำมำใช้ในวงจรนี้ ได้ ที่ควำมถี่สูงวงจรสมมูลย์ของค่ำควำมต้ำนทำน
อนุ กรม (The equivalent series resistance, ESR) ของฟิ ลเตอร์ คำปำซิเตอร์ C5 จะมีค่ำ
มำกกว่ำค่ำคำปำซิเตอร์แบบ "Low series resisance electrolytics" ซึ่งเป็ นคำปำซิเตอร์
ที่ออก แบบมำเป็ นพิเศษ สำำหรับสวิทซิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยโดยเฉพำะ

จาก SG 3524 - สู่ - SG 3524 A.

รูปที่ 3 แสดงบล็อกไดอะแกรมภำยในของ SG 3524 A. เป็ นไอซีสวิทชิ่งเร็คกูเลเต


อร์ท่ีพัฒนำมำจำก SG 3524 ซึ่ง SG 3524 A. มีขำที่เหมือนกับ SG 3524 ทุกประกำร ดัง
นั้ นจึงสำมำรถนำำ SG 3524 A. ไปแทน SG 3524 ที่ไม่มีอักษร A ต่อท้ำยได้ทน
ั ที SG
3524 A. รุ่นที่พุฒนำขึ้นมำนี้ ได้เพิ่มวงจร "Under voltage lockout circuit" ซึ่งวงจรนี้ จะ
ทำำหน้ำที่บังคับ ไม่ให้เร็คกูเลเตอร์ทำำงำนจนกว่ำแรงดันอินพุทมีค่ำเกินกว่ำ 8 โวลท์ข้ ึน
ไป ซึง่ จะรักษำกระแสที่ไหลให้อยู่ในระดับ แสตนบำย (Stan by) ขณะที่ทำำงำนอยู่
เป็ นกำรป้ องกันไม่ให้เกิดปั ญหำในระหว่ำงที่จะเริม
่ ต้นทำำงำนเกิดกระแสกระชำก และ
browouts นอกจำกวงจร "Under voltage lockout circuit" แล้วยังเพิ่มส่วน "Pulse
width modulator latch" ยังได้ถูก เพิ่มเติมเข้ำมำด้วย ส่วนนี้ มีหน้ำที่กำำจัด "Multiple
pulsing" ในสภำวะแวดล้อมที่มีนอ
๊ ยสมำก ๆ Pulse width modulator latch เซ็ตโดย
คอมพำรำเตอร์และถูกรีเซ็ตโดยสัญญำณพัลส์นำฬิกำ ซึ่งมันสำมำรถทำำกำรตัดต่อได้
เพียง 1 ครั้งต่อ 1 วัฏจักร กำรเปรียบเทียบเท่ำนั้ น

รูปที่ 3 SG 3524 A ได้แก้ไขอุปกรณ์เบื้ องต้นโดยกำรเพิ่ม Undervoltage


lockout Pulse-width modulator (pwm) Latch, กำรป้ องกันควำมร้อนเกิน,
และได้ปรับปรุงควำมละเอียดของแรงดันอ้ำงอิง (ขำ 16) ให้ดีข้ ึน
กำรป้ องกันที่เพิ่มเติมขึ้นมำคือวงจรป้ องกันควำมร้อนเกิน (ไม่ได้แสดงไว้ในรูปที่
3) ดั้งนั้ น SG 3524 A จึงมี คุณลักษณะเฉพำะในกำรทำำงำนดีกว่ำ SG 3524 เช่น แรงดัน
อ้ำงอิง 5 โวลท์ถูกปรับให้มีค่ำใกล้เคียงมำกยิ่งขึ้น (+- 1%) และเอ้ำท์พุทของภำคขยำย
ควำมผิดพลำดสำมำรถสวิงขึ้นไปถึงระดับแรงดัน 5 โวลท์ได้ จำกรูปที่ 4 แสดงกำร
ทำำงำนของ SG 3525 A/7 A. 3525 A และ 3527 A แตกต่ำงกันเพียงโลจิกทำงเอ้ำท์พุท
ของ พวกมัน 3525 A เอ้ำท์พท
ุ เป็ น "Low" เมื่อหยุดทำำงำน ส่วน 3527 A เอ้ำท์พท
ุ เป็ น
"High" เมื่อหยุดทำำงำน (ขำภำยนอก ของ 3525 A/7 A ไม่ต่ำงกับขำไอซีในอนุ กรม
3524 ระวังด้วย)
รูปที่ 4
กำรทำำงำนของ SG 3525 A/7 A มีควำมคล้ำยคลึงกับ SG 3524 แต่มีลักษณะ
พิเศษที่เพิ่มเข้ำมำ : ออสซิสเลเตอร์ จะมีอน
ิ พุทซิงค์ (Sync Input) ทำำให้มันง่ำยต่อกำร
ล็อคควำมถี่ของแหล่งจ่ำยทัว่ ๆ ไป เป็ นกำรกำำจัดปั ญหำที่เกิดจำก กำรบีท (beat) ของ
ควำมถี่ในบอร์ดที่มีซพ
ั พลำยหลำย ๆ ตัวหรือ หลำย ๆ ระบบ วงจรชันดำวน์และ
ลักษณะกำรทำำ ซอฟท์-สตำร์ท (Soft-Start) เป็ นส่วนหนึ่ งของวงจรป้ องกันที่ได้เพิ่มเติม
ขึ้นมำ ซึ่งจะได้กล่ำวถึงในกำรนำำไปใช้งำน ในส่วนถัดไป ที่จุดรวมขั้ว (push-pull) มี
อัตรำกระแสสูงสุดที่ 500 mA เพื่อให้มีควำมเร็วในกำรตัดต่อสูง โซลิดสวิทชิ่ง จึงใช้
สำำหรับกำรเปลี่ยนแปลงที่เร็วและช้ำ ภำคขยำยจำำกัดกระแสแบบแยกส่วนของ SG
3524 จึงได้ถูกตัดทิ้งไป รูปที่ 5 แสดงวงจรดีซี-ดีซี คอนเวอร์เตอร์ขนำด 15 วัตต์
R2, C2 จะเป็ นตัวกำำหนดควำมถี่ในกำรออสซิสเลตของ ตัวออสซิลเลเตอร์ ให้มีควำมถี่
เท่ำกับ 200 KHz (ที่เอ้ำท์พุทสุดท้ำยมีควำมถี่ 100 KHz) ทรำนซีสเตอร์คำยประจุ
ภำยใน (ขำ 7) เป็ นตัวที่ควบคุม ช่วงเวลำในกำรคำยประจุทุก ๆ กำรจบของแรงดันแรม
ป์ เพื่อให้แน่ใจช่วงเวลำหยุดระหว่ำง เอ้ำท์พท
ุ พัลส์ มีระดับเดียวกัน เวลำหน่วงของกำร
ตัดต่อทรำนซิสเตอร์ท้ ังสอง จึงไม่สำมำรถทำำงำนพร้อมกันได้ R6, C2 จะเป็ นตัวเช็ต
เวลำช่วงนี้ ให้มีช่วงเวลำคงที่ (Time Constant) เท่ำกับ 47 ns.

รูปที่ 5 พุช-พูล สวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์ ผลิตแรงดันทำงเอ้ำท์พุทที่ +/- 6 โวลท์ ที่ 15 วัตต์


แรงดันอ้ำงอิง 5 โวลท์ (ขำ 16) ถูกต่อเข้ำกับขำอินพุทนอน-อินเวอร์ต้ ิง (ขำ 2)
โดยควำมต้ำนทำนจำำกัดกระแส R3, ส่วน C9 เป็ นตัวบำยพำสควำมถี่สูงให้ผ่ำนลงกรำว
ด์ไป แรงดันป้ อนกลับแบบลบจะถูกแบ่งโดย R1-R4 เพื่อให้ แรงดันเอ้ำท์พุท 6 โวลท์
ลดลงเหลือ 5 โวลท์ ทฤษฏีเบื้ องต้นของกำรทำำงำนคล้ำยกับกำรทำำงำนของวงจรในรูปที่
2 แรงดันแรมป์ ถูกนำำมำเปรียบเทียบกับสัญญำณผิดพลำด เพื่อใช้ในกำรควบคุมกำรส
วิทช์ ON-OFF ของเอ้ำท์พุท A หรือ B เอ้ำท์พท
ุ ที่ถูกเลือกจะถูกสวิทช์ให้เป็ น "High"
ที่จุดเริม
่ ต้นของแต่ละแรงดันแรมป์ และถูกรีเซ็ตให้เป็ น "Low" โดย S-R ฟลิปฟลอปที่
ทำำหน้ำที่เป็ นตัวตั้งสัญญำณ (Latch) เมื่อแรงดันแรมป์ มีค่ำเกินเอ้ำท์พุทของภำคขยำย
ควำม ผิดพลำด เช่นเดียวกับในรูปที่ 2 เป็ นกำรต่อป้ อนกลับโดยตรง ดังนั้ น ภำคอินพุท
และเอ้ำท์พุทจะไม่แยกออกจำกกัน R6, R7 และ C4 มีไว้เพื่อกำรชดเชยสำำหรับ
เสถียรภำพของวงจรแบบลูปปิ ด "Switching spike currents" ถูกจำำกัด ไว้โดย R10,
R11 และ R12 ในภำคเอ้ำท์พุท ส่วน C5 และ R17 ต่อเป็ นวงจร "Snuber" เพื่อลดสวิท
ชิ่งทรำนเชียนท์ ทำงขดปฐมภูมิของหม้อแปลง T1 เมื่ออินพุทเพำเวอร์ถูกป้ อนให้
กับวงจร Q1 จะหยุดทำำงำนและคำปำซิเตอร์ ซอฟท์-สตำร์ท C3 จะถูกคำยประจุ ออก
เมื่อ C3 ถูกประจุด้วยกระแสจำกแหล่งจ่ำยกระแสขนำด 50 ไมโครแอมป์ ภำยในแรงดัน
ตกคร่อม C3 จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นด้วยจำำนวนของเวลำต่อวัฏจักร ซึง่ เอ้ำท์
พุทถูกทำำให้ "ON" ก่อให้เกิดกำรไต่ข้ ึนของแรงดันทำง เอ้ำท์พท
ุ อย่ำงนิ่ มนวลซึ่งทำำให้
ฟิ ลเตอร์ คำปำซิเตอร์ ถูกประจุอย่ำงช้ำ เป็ นกำรลด "Startup Current surges" ลงอย่ำง
มำก ถ้ำกระแสที่ไหลผ่ำน R9 มีค่ำเกินกว่ำ 3 แอมป์ (แรงดันตกคร่อม 0.7 โวลท์)
Q1 จะทำำงำนในทันทีทันใด วงจรชันท์ดำวน์จะดึงให้ขำ 8 มีโลจิกเป็ น "Low" และ
ทำำกำรคำยประจุ C3 ทำำให้ Q1 หยุดทำำงำน C7 คำยประจุออก ชันท์ดำวน์อินพุท ตก
เป็ นโลจิก "Low" และ ซอฟท์-สตำร์ทคำปำซิเตอร์ จะเป็ นตัวทำำให้เกิดกำรฟื้ นตัวกลับ
อย่ำงนิ่ มนวล แก่เพำเวอร์ซัพพลำย แกนเฟอร์ไรท์ของหม้อแปลงกำำลัง T1 เป็ น
แบบ EE 25 (ขำกลำงมีขนำดมีขนำด 0.25 นิ้ ว) หม้อแปลงกำำลังต่อกับ ฟูลเวฟบริดจ์
จ่ำยแรงดันบวกลบออกทำงเอ้ำท์พุท ตัวเหนี ยวนำำคัปเปิ้ ล T2 ประกอบด้วยคอยล์ 2 ตัว
ด้วยกัน พันอยู่บนแกนเฟอร์ไรท์แบบทรงกระบอกและเอ้ำท์พุทให้มีขนำดของริบเปิ้ ล
50 mVp-p Q2 และ Q3 เป็ น N-Channal เพำเวอร์มอสเฟทที่มอ
ี ัตรำกำรทนกระแสและ
แรงดัน 5A, 50 โวลท์ ไดโอดในบริดจ์เร็คติไฟเออร์เป็ นไดโอด แบบฟื้ นตัวเร็ว (Fast
Recovery diode) เพรำะสัญญำณทำงเอ้ำท์พุทมีควำมถี่สูง D1 - D4 เป็ นไดโอด 100
โวลท์, 8 แอมป์ ซึ่งมีเวลำในกำรฟื้ น (Recovery time) ตัวเท่ำกับ 35 ns

เร็คกูเลเตอร์ในโหมดกระแส

ตอนนี้ เรำจะมำดูสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์อีกแบบหนึ่ งที่มีลักษณะแตกต่ำงกับสวิทชิ่ง


เร็คกูเลเตอร์ท่ีกล่ำวมำในขั้นต้น คือ สวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์ในโหมดกระแสถึงแม้ว่ำทฤษฎี
กำรทำำงำนเบื้ องต้นยังคงคล้ำยกัน (วงจรแบบ Pulse width modulation) ส่วนที่แตกต่ำง
กันคือสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์ในโหมดกระแสไม่มีวงจรกำำเนิ ดแรงดันแรมป์ ภำยใน ในส่วน
นี้ สัญญำณแรมป์ คล้ำยกับกำรเพิ่มขึ้นของกระแสเหนี่ ยวนำำของหม้อแปลงซึ่งถูกนำำมำ
ใช้ควบคุมแทนวงจรกำำเนิ ดสัญญำณ แรมป์ ภำยใน
รูปที่ 6 ในโหมดกระแส คอมพำรำเตอร์ใช้สัญญำณกระแสป้ อนกลับ
คล้ำยสัญญำณแรมป์ เพื่อให้กำรจำำกัดกระแสแบบพัลซ์ต่อพัลซ์
รูปที่ 6 แสดงวงจรเบื้ องต้นของคอมพำรำเตอร์โหมดกระแส พัลซ์จำกวงจรสร้ำง
สัญญำณนำฬิกำจำก R1 และ C1 เป็ นตัวเซ็ต R-S ฟลิปฟลอป ทำำให้เอ้ำท์พุท Q ของฟ
ลิปฟลอปเป็ น "High" เฟต Q1 จึงทำำงำนและกระแสหม้อแปลง เริม
่ ต้นไหล กระแส
เหนี่ ยวนำำจะเพิม
่ ขึ้นในลักษณะแรมป์ กำรป้ อนกลับจำกควำมต้ำนทำนตรวจจับกระแส
R2 จะเพิ่มขึ้น ในที่สุดแรงดันป้ อนกลับมีค่ำเท่ำกับแรงดันเอ้ำท์พุทของภำคขยำยควำม
ผิดพลำด ที่จุดนี้ เอ้ำท์พุทของคอมพำรำเตอร์ จะไปรีเซ็ตฟลิปฟลอป Q1 จึงหยุดทำำงำน
จนกว่ำจะถึงพัลซ์สัญญำณนำฬิกำลูกต่อไปคล้ำย ๆ กับเร็คกูเลเตอร์ตอนที่แล้ว แรงดัน
ป้ อนกลับ VFB เท่ำกับแรงดันเอ้ำท์พุทที่ถูกกรองแล้ว ถ้ำแรงดันป้ อนกลับมีค่ำตำ่ำกว่ำ
หรือสูงกว่ำแรงดันอ้ำงอิง สัญญำณควำมผิดพลำดจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ฉะนั้ นกำรเพิ่ม
ขึ้นหรือกำรลดลงตรงเวลำนั้ นจะมีอย่จ
ู นกระทั้งแรงดันใน ขณะนั้ นกลับคืนมำสู่แรงดัน
ค่ำเดิม กำรเร็คกูเลตในโหมดกระแสมีข้อดีท่ีเห็นได้ชัดเจน 2 ประกำร
คือ 1. กำรจำำกัดกระแสแบบพัลซ์ต่อพัลซ์ (pulse by pulse current
limiting) 2. เป็ นกำรเร็คกูเลตแบบ feedforward line จะสังเกตได้ว่ำ
วงจรในรูปที่ 6 ไม่มี Current sensing comparator สมมุตวิ ่ำเมื่อแต่ละพัลซ์กระแสสิ้นสุด
ลง ค่ำแรงดัน ตกคร่อม R2 มีค่ำมำกกว่ำระดับที่เซ็ตโดยภำคขยำยควำมผิดพลำด ไม่ว่ำ
จะเป็ นสำเหตุใดก็ตำมที่ทำำให้เกิดโอเวอร์โหลด ขึ้น เช่น หม้อแปลงเกิดอิ่มตัว, เอ้ำท์
พุทช็อต หรือ แรงดันอินพุทมีค่ำเกิน วงจรจะทำำกำรจำำกัดกระแสที่ไหลทันที กำรจำำกัด
แบบพัลซ์ต่อพัลซ์ ทำำให้เรำสำมำรถตัดวงจรซอฟท์-สตำร์ทออกไปได้ กำรเร็คกูเลต
แบบ feedforward line สำมำรถอธิบำยได้จำกลักษณะของสัญญำณในรูปที่ 7 ที่ค่ำโหลด
คงที่อยู่ค่ำหนึ่ ง แรงดันอินพุทเกิดเพิ่มขึ้นบนสัญญำณพัลซ์ท่ีเปลี่ยนแปลงต่อมำ กำร
เหนี่ ยวนำำ I จะเพิ่มขึ้นในลักษณะแรมป์ อย่ำงรวดเร็ว เนื่ องจำกแรงดันตกคร่อมขดลวด
ปฐมภูมิของหม้อแปลงเพิ่มขึ้น เมื่อกำรป้ อนกลับและสัญญำณควำมผิดพลำดไม่เปลี่ยน
แปลง กำรจำำกัดกระแสเพิ่มมำกขึ้นและควำมกว้ำงของพัลซ์จะแคบลง ดังนั้ นกำร
เปลี่ยนแปลงแรงดันในสำยจะถูก ชดเชยก่อนที่จะมีผลกระทบไปยังแรงดันเอ้ำท์พุท

รูปที่ 7 Feedforward เป็ นกำรชดเชยของอินพุทที่เปลี่ยนแปลงไป


เกิดขึ้นเมื่ออัตรำกำรแรมป์ ของกระแสปฐมภูมิของหม้อแปลงเพิ่มขึ้น เมื่อแรงดันอินพุท
เพิ่มขึ้น

UC 384/3/4/5
รูปที่ 8 แสดงบล็อกไดอะแกรมของไอซีตัวควบคุมในโหมดกระแส UC 3842 เมื่อ
ทำำรูปที่ 8 มำเปรียบเทียบ กับวงจร ในรูปที่ 6 UC 3842 ได้เพิ่มส่วนของ Undervoltage
lockout และเอ้ำท์พุท NOR เกตเข้ำมำ วงจร Undervoltage lockout with hysteresis
เป็ นตัวบังคับเอ้ำท์พุทพัลซ์ไว้ไม่ให้เกิดขึ้นจนกว่ำแรงดัน Vcc จะมี ค่ำเกิน 16
โวลท์ เมื่อเริม
่ ทำำงำนเอ้ำท์พุทพัลซ์ยังคงเกิดขึ้นถึงแม้ว่ำแรงดัน Vcc จะมีค่ำลดลง
จนตำ่ำกว่ำ 10 โวลท์ วงจรจะ หยุดทำำงำน กำรทำำงำนของวงจร Undervoltagelockout ที่
มีชว่ ง Îิสเตอร์รซ
ี ีสเป็ นกำรป้ องกันไม่ให้เกิดกำรเปลี่ยน สภำวะอย่ำงทันทีทน
ั ใด ระหว่ำง
สภำวะ "Operate" และ "Lockout" เมื่อเรำทำำกำรควบคุมเอ้ำท์พท
ุ (ขำ 6) ไม่ให้ทำำงำน
เอ้ำท์พท
ุ จะอยู่ในสภำวะอิมพีแดนซ์สูง ควำมต้ำนทำน "bleeder" ควรจะต่อไว้ระหว่ำง
ขำ 6 กับกรำวด์ เพื่อเป็ นกำรป้ องกันกระแสรัว่ ไหลจำกกำรเปลี่ยนสวิทซิ่งเฟทให้
ทำำงำน เอ้ำท์พท
ุ NOR เกตเป็ นส่วนหนึ่ งของวงจร Lockout แต่ทำำหน้ำที่ป้องกัน
วงจรในอีกลักษณะหนึ่ ง เมื่อพัลซ์จำกออสซิสเลเตอร์เป็ น "High" เอ้ำท์พุทของ NOR
เกตจะเป็ น "Low" เอ้ำท์พุทของ OR เกตเป็ น "High" และขำ 6 เป็ น "Low" เอ้ำท์พุทที่
ขำ 6 ไม่สำมำรถเป็ น "High" ได้จนกว่ำสัญญำณนำฬิกำจะเป็ น "Low" สัญญำณนำฬิกำ
ถูกเซ็ตโดยไทม์ม่ิง คำปำซิเตอร์ C1 เก็บประจุผ่ำน R1 และคำยประจุผ่ำนแหล่ง รับ
กระแสคงที่ กำรเลือกคำปำซิเตอร์ท่ีมีค่ำมำก และควำมต้ำนทำนมีค่ำน้อย เวลำของกำร
เก็บประจุ (สัญญำณนำฬิกำช่วงเป็ น "Low") จะลดลงและช่วงเวลำของกำรคำยประจุ
(สัญญำณนำฬิกำช่วง "High") เพิ่มมำกขึ้น ทำำให้เรำสร้ำงเวลำทำำงำน (On time) ได้
มำกที่สุด หรือค่ำดิวตี้ไซเคิล (Duty Cycle) ซึ่งเป็ นตัว ที่สำำคัญอย่ำงยิ่งในวงจร เมื่อค่ำ
ดิวตี้ไซเคิลสูงกว่ำ 50% แกนของหม้อแปลงอำจสำมำรถเกิดกำรอิ่มตัวได้ เน็คเวิ
อร์ค D2 - D4, R1, R2 ระหว่ำงภำคขยำยควำมผิดพลำดและ Current sensing
comparator เป็ นตัว ลดสัญญำณควำมผิดพลำดลง เพื่อพลังงำนที่มำกเกินไปจะไม่ไป
สูญเสียในควำมต้ำนทำนตรวจจับกระแส ซีเนอร์ไดโอดจะยกระดับสัญญำณควำมผิด
พลำดขึ้นไป 1 โวลท์ ดังนั้ นระดับที่จะหยุดทำำงำนจะไม่เกิน 1 โวลท์ UC 3843 คล้ำย
กับ 3842 แต่มีแรงดัน Lockout ที่ตำ่ำกว่ำเจตนำสำำหรับใช้กับแรงดันตำ่ำ ๆ UC 3843
ทำำงำนที่ 8.4 โวลท์ และหยุดทำำงำนเมื่อ Vcc ตำ่ำกว่ำ 7.9 โวลท์ UC 3844 และ UC3845
(ไม่ได้แสดงไว้) มีลักษณะพิเศษที่เพิ่มขึ้นมำคือ ตัวฟลิปฟลอป จะควบคุมไม่ให้เกิดเอ้
ำท์พท
ุ ขึ้น ในขณะที่วัฏจักรสัญญำณ นำฬิกำเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็ นกำรรับประกันว่ำ ค่ำ
ของดิวตี้ไซเคิลจะมีค่ำน้อยกว่ำ 50% เสมอ สำำหรับกำร นำำวงจรไปใช้ในที่ซึ่งมีกำร
ปรับปรุงที่ต้องใช้ ควำมระมัดระวังสูง
รูปที่ 8 บล็อกไดอะแกรมภำยในของ UC 3842 ไอซี สวิทชิ่งเรกูเลเตอร์ ในโหมดกระแส
UC 3843 มีลักษณะที่คล้ำยกับ UC 3842 แต่ทำำงำนที่ Undervoltage lockout ตำ่ำกว่ำ
มำก ๆ

"Off-line" ฟายแบ็คคอนเวอร์เตอร์

รูปที่ 9 แสดงไอซี UC 3842 ของ SGS-Thomson ในวงจร "off-line" ฟำยแบ็คเร็ค


กูเลเตอร์ วงจรจะให้ แรงดัน +5 โวลท์ ที่ 4 แอมป์ และ +/- 12 โวลท์ 300 mA และ
สำมำรถจ่ำยพลังงำนได้ 27 วัตต์ เทอม "Off-Line" หมำยถึงตัวเร็คกูเลเตอร์อยู่บน
ตัวปฐมภูมิของหม้อแปลงและทำำงำนโดยตรงกับ "off the line" (ต่อตรงกับไฟบ้ำน)
ข้อดีก็คือ พลังงำนจำำนวนมำก ๆ สำมำรถคับเปิ้ ลผ่ำนไปยังส่วนที่ใช้ พลังงำนน้อย
หม้อแปลงมีควำมถี่สูงจึงมีขนำดเล็ก กำรทำำงำนกับ Line ต้องกำรทรำนซิสเตอร์ และ
ไดโอด ที่ทนแรงดันได้สูง และต้องป้ องกันไม่ให้เกิดกำรป้ อนกลับโดยตรงระหว่ำงเอ้ำท์
พุทและวงจรป้ อนกลับ
รูปที่ 9 แสดงวงจรของ Off-Line-Current Mode regulator ผลิตแรงดัน +5 โวลท์
และ +/- 12 โวลท์ แยกออกจำกกัน จำกแรงดันสำย 117 โวลท์

แรงดัน Line ถูกเร็คติฟำยและฟิ ลเตอร์โดย BR1 และ C1, R1 เป็ นตัวจัดกระแส


ทำำงำนเริม
่ ต้นให้แก่ IC วงจร Undervoltage lockout ของ UC 3842 จะป้ องกันไม่ให้
วงจรทำำงำนจนกว่ำแรงดันตกคร่อม C2 มีค่ำมำกกว่ำ 16 โวลท์ ขึ้นไป R6, C6 เป็ นตัว
เซ็ตให้ควำมถี่ในกำรทำำงำนของวงจรอยู่ท่ี 50 KHz ซึ่งมีค่ำ ดิวตี้ไซเคิลสูงสุดประมำณ
95% แหล่งจ่ำยแรงดัน 5 โวลท์ ภำยในถูกฟิ ลเตอร์โดย C5 เพื่อกำำจัดสัญญำณ สไปค์
(Spikes) ที่เกิดจำกกำรสวิทช์ เมื่อวงจรเริม
่ ทำำงำน แรงดันป้ อนกลับที่มำจำกขด
ลวดควบคุมจำำนวน 10 รอบ แรงดันที่ขำ 2 จะถูกนำำ มำเปรียบเทียบกับแรงดันอ้ำงอิง
ภำยใน 2.5 โวลท์ แรงดันที่แตกต่ำงกันเป็ นตัวกำำหนดให้ค่ำดิวตี้ไซเคิล เพิ่มขึ้นหรือลด
ลงจนกระทั้งแรงดันที่ขำ 7 มีค่ำเท่ำกับ 13.1 โวลท์ แรงดันที่ตกคร่อมไดโอดมีค่ำ
ประมำณ 14.6 Vp บนขดลวดควบคุม อัตรำส่วนรอบของขดควบคุมต่อทุติยภูมิ
เป็ นตัวกำำหนดแรงดันไฟฟ้ ำตรงทำงเอ้ำท์พุทขนำด 5 และ 12 โวลท์ จะสังเกตได้ว่ำ กำร
ควบคุมมำจำกแรงดันของขดลวดควบคุม แรงดันเอ้ำท์พุทไม่ได้ถูกเร็คติฟำย โดยตรง
พลังงำนสูญเสียเนื่ องจำกกระแสในขดลวดไดโอดและตัวเหนี่ ยวนำำ จะมีผลกระทบต่อ
แรงดัน เอ้ำท์พุท กำรเร็คกูเลตแรงดัน 5 โวลท์ จะมีควำมถูกต้องประมำณ 10% ส่วน
แรงดัน +/- 12 โวลท์ เร็คกูเลเตอร์ มีควำมถูกต้อง 5% ทรำนชิสเตอร์ Q1 เป็ น
Power MOSFET ขนำด 500 โวลท์, 5 แอมป์ ไดโอดที่ใช้เป็ นไดโอดแบบฟื้ นตัวเร็ว D3,
C9, R12 ต่อเป็ นวงจร Snubber เพื่อกำำจัดสไปค์ท่ีเกิดจำก Q1 เมื่อหยุดทำำงำน
Snubber D4, C8, R11 เป็ น ตัวหน่วงเวลำให้ Q1 ค่อย ๆ หยุดทำำงำนจนกระทัง่ กระแส
ของ Q1 หมดไป กำรออกแบบหม้อแปลงเป็ นสิ่งสำำคัญมำก ช่องว่ำงของอำกำศ
(air gap) ต้องมีมำกพอที่จะป้ องกันไม่ให้ แกนของหม้อแปลงเกิดอิ่มตัว แต่ก็ต้องมีน้อย
พอที่จะรักษำค่ำของควำมเหนี่ ยวนำำตำมที่เรำต้องกำรไว้ได้ (ข้อสังเกต ช่องว่ำงของ
อำกำศไม่จำำเป็ นต้องมีในวงจรแบบพุช-พูล) ในวงจรรูปที่ 9 ใช้แกนเฟอร์ไรท์ขนำด EC
35 (เส้นผ่ำนศูนย์กลำงของแกนกลำง 3/8 นิ้ ว) มีช่องว่ำง 0.5 mm. ที่ขำกลำงของแกน
ขดลวดปฐมภูมิ พันด้วยลวดเบอร์ 26 AWG จำำนวน 45 รอบ ขดลวด 12 โวลท์ แต่ละ
ขดใช้ลวดเบอร์ 30 AWG พัน 9 รอบ จำำนวน 2 ขดอนุ กรมกัน ขดทุติยภูมิ 5 โวลท์ใช้
ลวดเบอร์ 26 AWG พันเพียง 4 รอบจำำนวน 4 ขด แล้วนำำมำ ต่อขนำนกัน ขดป้ อน
กลับ (ขดควบคุม) พันด้วยลวดเบอร์ 30 AWG 10 รอบ 2 ขดต่อขนำนกัน ต่อไปจะเป็ น
กำรนำำเอำออปโต้ไอโซเลเตอร์มำใช้ในสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์

การป้ อนกลับแบบเชื่อมโยงทางแสง (Optocoupled feedback)

ออปโต้คัปเปอร์ให้ควำมเหมำะสมในหลำย ๆ ทำง เมื่อใช้ในกำรแยกกำรป้ อนกลับ


รูปที่ 10 แสดงวงจร ทำงทุตย
ิ ภูมิ 5 โวลท์ของสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์ ถ้ำแรงดันเอ้ำท์พุทมี
ค่ำลดลงตำ่ำกว่ำ 2.5 V และกระแส LED ของออปโต้คป
ั เปอร์ก็จะลดลง ทำำให้กระแสเอ้
ำท์พท
ุ ทรำนซิสเตอร์ของออปโต้คัปเปอร์ลดลงตำม VFB จะ เพิ่มขึ้น จนกระทั้งแรงดัน
เอ้ำท์พท
ุ กลับไปอยู่ท่ี 5 โวลท์ตำมเดิม
รูปที่ 10 ออปโต้คับเปอร์ ฟี คแบคเป็ นตัวสร้ำงสัญญำณควบคุม โดยแยกออกจำกวงจร
ทำงเอ้ำท์พท

การเลือกใช้ IC

เมื่อสวิทชิ่งเร็คกูเตอร์เกิดมีปัญหำขึ้นมำ วิธีตรวจสอบให้ข้ ันแรกคือดูว่ำ อินพุทเพำ


เวอร์และเอ้ำท์พุท เกิดกำรช้อตหรือไม่ , สำยหลุด, คอนเน็คเตอร์ไม่ปกติ จุดบัดกรีเกิด
ควำมเสียหำยขึ้น หน้ำขั้วสัมผัสทองแดง เสียหรือไม่ อุปกรณ์มีกำรไหม้หรือเปล่ำ ฮลฮ
ซึ่งบ่อยครั้งเมื่อเรำตรวจดูด้วยสำยตำแล้ว เรำสำมำรถหำจุดเสีย ได้ง่ำย ๆ อย่ำงน่ำ
ประหลำดใจ
Ou
tp
ut
M
(Si
od
ngl Pac I Ref
IC e Sup out Comme
Manufactures e kag Ma ere
Family V ply nts
or e x nce
or
Pu
I
sh-
Pul
l)
CS,ERIC,EXAR, 5 or
16 8- 100 See
3524/5/7 GE,IPS,LT,MOT, V P-P 5.1
Pin 35V mA Article.
NAT,SGS,SIL, SLG,TI,UNI V
8
CS,ERIC,IPS, LT,MOT,SGS, 8 (or See
3842-7 I S 1A 5V
SIG,TI,UNI Pin 16) - Article.
25V
Micropo
wer for
battery
applicati
8 2.4 - 150 1.31 ons,
4191-3 MAX, RAY V S
Pin 30V mA V 200uA
quiesce
nt
supply
current.
4391 MAX, RAY V S 8 4 to 100 1.25 Invertin
Pin 30V mA V g,
micropo
wer for
battery
applicati
ons,
250uA
supply
at 4V.

Full-
10.5 featured
16 - 40 3.72 .
Pin 18V mA V Flexible.
5560
V S 20 10 - 100 3.80
5562 CS, IPS, SIG
V S Pin 16V mA V
5561 Lower
8 10.5 20 3.75 cost,
Pin - mA V fewer
18V houseke
eping
function
s.
16
Pin
493/4/5 CS, EXAR, GS, IPS, MOT, 7 - 200
V P-P or 5V
593/4/5 NAT, TI, UNI 40V mA
18
Pin
Univers
16 2.5 - 1.5 1.24 al
uA78S40 MOT, NAT V S
Pin 40V V V subsyst
em IC.
16 8 - 100 5.1
125/7 IPS, SIL V P-P
Pin 35V mA V
33060/
14 7 - 500
34060/ IPS, MOT V S 5V
Pin 40V mA
35060
20
mA
into
16 5V 40 3.7
1060 IPS, PLES V S
Pin shu mA V
nt
regu
lator
Self-
5
contain
Pin 3 - 1.24
LT1070 LT I S 5A ed
Pow 40V V
power
er
IC
ตารางที่ 1 สรุปการเลือกใช้ ไอซีสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์

ค่ม
ู ือของไอซีท่ีเรำใช้เป็ นสิ่งสำำคัญ เรำควรจะมีไว้ไม่ว่ำจะเป็ นลักษณะขำภำยนอก
ของไอซี, วงจรทำงเดิน ไฟฟ้ ำต่ำง ๆ ที่มท
ี ้ ังแรงดันและรูปคลื่นบอกไว้อย่ำงสมบูรณ์ รูป
ที่ 11 แสดงถึงบล็อกไดอะแกรม ทัว่ ๆ ไป ซึ่ง ช่วยให้เรำพิจำรณำหน้ำที่ต่อหน้ำที่ของ
วงจรได้โดยสะดวก เมื่ออุปกรณ์ท่ีใช้อยู่บอร์ดมีอุณหภูมิสูงขึ้น แสดงว่ำสวิทชิ่งเร็คกู
เลเตอร์ผลิตพัลซ์กระแสสูงเร็วไป ขนำด ของตัวนำำและเครื่องห่อหุ้มของตัวนำำเป็ นสิ่ง
สำำคัญ อินพุทคำปำชิเตอร์ ควรวำงไว้ใกล้ ๆ กับไอซี ถ้ำแหล่ง จ่ำยหลักอยู่ห่ำงจำกวงจร
มำก ๆ เพิ่มคำปำซิเตอร์ค่ำประมำณ 100 uF คร่อมอินพุท บำยพำสคำปำซิเตอร์ไว้
ถึงแม้ว่ำเรำจะเข้ำใจกำรทำำงำนของสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์เป็ นอย่ำงดี ปั ญหำบำงอย่ำงก็ยัง
เป็ นเรื่องยำกอยู่ ควำมเสียหำยเพียง 1 จุด อำจทำำให้กำรทำำงำนของวงจรผิดพลำดไป
เลยก็ได้เช่น วงจรป้ อนกลับเกิดเสียหำย อำจทำำให้เกิดอำกำรแรงดันเกินกระแสเกิน
และวงจรหยุดทำำงำน โดยลักษณะกำรป้ องกันอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ ง วงจรหยุดทำำงำน
หรือไม่ กำรเร็คกูเลตสำมำรถทำำได้หรือไม่ สิ่งเหล่ำนี้ จะทำำให้เรำหำข้อบกพร่องของ
วงจรได้ง่ำยขึ้น ข้อแนะนำำที่อำจจะช่วยเรำในกำรหำข้อบกพร่องได้ คือ หลังจำกตรวจดู
วงจรด้วยสำยตำแล้ว ตรวจดูว่ำเอ้ำท์พุทช้อตไหม หรือ โหลดเกิน และตรวจแหล่งจ่ำย
ทำงอินพุทม เร็คติไฟเออร์, ฟิ ลเตอร์ และ หม้อแปลง บำงครั้งปั ญหำที่เกิดขึ้น อำจดู
เหมือนว่ำมำจำกสำเหตุโหลดทำงเอ้ำท์พุทเกิน แต่แท้จริงแล้ว มีสำเหตุมำจำกแรงดัน
อินพุทตกลง

รูปที่ 11 เป็ นบล็อกไออะแกรมทัว่ ๆ ไป ของสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์


ถ้ำเอ้ำท์พุทของวงจรไม่มี ตรวจดูเร็คติไฟร์เออร์ และฟิ ลเตอร์, ทรำนซิสเตอร์ภำค
ขับและหม้อแปลง หรือตัวเหนี่ ยวนำำเอ้ำท์พุทเสียหำยหรือไม่ ก่อนที่จะนำำเอำอุปกรณ์ตัว
ใหม่มำแทนตัวที่เสีย ตรวจดูว่ำ subber ทุก ๆ ตัว หรืออุปกรณ์ลดสัญญำณกระชำก
ก่อน ถ้ำอุปกรณ์เหล่ำนี้ เสีย จะทำำให้เกิดแรงดันสไปค์มีค่ำสูง ๆ ได้ สำมำรถทำำรำยสวิท
ชิ่งทรำนซิสเตอร์ และไดดอดเร็คติไฟเออร์ให้เสียหำยได้ เมื่อแทนอุปกรณ์ตัวใหม่ ลงไป
แล้วดูว่ำอุปกรณ์เกิดเสียอีกหรือไม่ ก่อนที่จะเปลี่ยนไอซี พยำยำมจำำกัดปั ญหำที่
เกิดขึ้นให้แคบลง ถ้ำอุปกรณ์ภำยนอกเกิดเสียไป แรงดัน เร็คกูเลตภำยในของไอซียังถูก
ต้องอยู่หรือไม่ ถ้ำไม่ แสดงว่ำไอซีเกิดควำมเสียหำยด้วย ออสซิเลเตอร์ของ ไอซีทำำงำน
หรือไม่ ? ถ้ำไม่ตรวจควำมต้ำนทำนและคำปำซิเตอร์ก่อนเปลี่ยนไอซีใหม่ ตรวจซอฟท์-
สตำร์ท คำปำซิเตอร์ และอินพุทชันท์ดำวน์ภำยนอก ถ้ำวงจรที่ใช้มีอุปกรณ์เหล่ำนี้ อยู่
ตรวจสอบอุปกรณ์ชดเชยทุก ๆ ตัว ถ้ำเอ้ำท์พท
ุ เกิดกำรออสซิลเลต หรือไม่มี
เสถียรภำพ ถ้ำวงจรทำำงำน แต่แรงดันเอ้ำท์พุทไม่ถูกต้องปั ญหำอำจเกิดมำจำกไอซี
หรือวงจรป้ อนกลับแรงดัน คำำแนะนำำที่ดีท่ีสุดคือเริม
่ ต้นจำกเอ้ำท์พุท และไปเป็ นขั้น
เป็ นตอนไปยังวงจรป้ อนกลับ อัตรำส่วนอินพุท, เอ้ำท์พท
ุ ของตัวแบ่งแรงดันควรจะถูก
ต้อง ถ้ำแรงดันไม่ถูกต้อง เอ้ำท์พท
ุ ของออปแอมป์ หรือคอมพำรำเตอร์ อำจจะสูงไปถ้ำ
อินพุทขำบวกมีค่ำสูงกว่ำอินพุทที่ขำลบ มิฉะนั้ นมันควรมีค่ำตำ่ำ ตรวจดูขดลวดย้อนกลับ
และเร็คติไฟเออร์ของวงจรป้ อนกลับ ออปโต้คบ
ั เปอร์ ฮลฮ ถ้ำยังไม่พบปั ญหำอีกลอง
เปลี่ยนไอซีดู ปั ญหำที่เกิดขึ้นกับสวิทชิ่งเร็คกูเลเตอร์สำมำรถเกิดขึ้นแบบแปลก ๆ
ได้จะต้องจำำไว้ว่ำต้องตรวจดูท้ ัง วงจรอย่ำงเป็ นขั้นตอน และจำำหลักกำรเบื้ องต้นไว้ในใจ
อย่เู สมอเมื่อพบกับปั ญหำ

บทสรุป
สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำย เป็ นแหล่งจ่ำยไฟตรงที่มีประสิทธิภำพในกำรทำำงำนสูงกว่ำ
และมีน้ ำำหนั กเบำกว่ำเพำเวอร์ซัพพลำยเชิงเส้น สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยทำำงำนโดย
แปลงแรงดันไฟสลับควำมถี่ตำ่ำจำกอินพุตให้เป็ นไฟตรง จำกนั้ นจึงเปลี่ยนกลับไปเป็ น
ไฟสลับ (พัลส์) ที่ควำมถี่สูง แล้วส่งผ่ำนหม้อแปลงเพื่อลดแรงดันลง และผ่ำนวงจรเรียง
กระแสและกรองแรงดันเพื่อให้ได้ไฟตรงอีกครั้งหนึ่ ง สวิตชิ่งเพำเวอร์ซัพพลำยประกอบ
ด้วย 3 ส่วนใหญ่ คือ วงจรฟิ ลเคอร์และเรกติไฟเออร์ทำำหน้ำที่แปลงแรงดันไฟสลับเป็ น
ไฟตรง คอนเวอร์เตอร์ ทำำหน้ำที่แปลงไฟตรงเป็ นไฟสลับควำมถี่สูง และแปลงกลับ
เป็ นไฟตรงโวลต์ตำ่ำ และวงจรควบคุมทำำหน้ำที่ควบคุมกำรทำำงำนของคอนเวอร์เตอร์
เพื่อให้ได้แรงดันเอำต์พุตตำมต้องกำร

เอกสารอ้งอิง
• ศิรช
ิ ัย คล่องกำรพำนิ ช, "เข้าใจไม่ยากกับการทำางานของสวิตชิ่งเรกูเลเตอร์", เซ
มิคอนดักเตอร์อิเล็กทรอนิ กส์ ฉบับที่ 160, มิถุนำยน 2539

• สุวัฒน์ ดัน
่ , "เทคนิ คและการออกแบบสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย", เอนเทลไทย,
มิถุนำยน 2538

• วิสุทธิ์ อัศวนนทวงศ์, วำรสำรคอมพิวเตอร์ อีเลคทรอนิ คส์เวิลด์ ฉบับที่ 137,


2535
บทคัดย่อ
ในทุกวันนี้ ระบบไมโครอิเล็กทรอนิ กส์ได้มีการพัฒนาไป
อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนา ด้านหน่ วยความจำาของ
ไมโครโปรเซสเซอร์และเซมิคอนดักเตอร์ จึงมีความต้องการ
ที่จะออกแบบ ระบบอิเล็กทรอนิ กส์ให้เป็ นไปอย่างกระทัดรัด
นำ้าหนักเบา ประสิทธิภาพสูง และต้นทุนการผลิตตำ่า สวิตซิ่ง
เพาเวอร์ซัพพลายจึงเป็ นทางเลือกหนึ่ งของความต้องการ
เหล่านั้น
ซึ่งในโครงงานนี้ จึงได้มีการศึกษาการออกแบบสวิตชิ่งเพา
เวอร์ซัพพลายซึ่งเป็ นที่รู้จักดีอยู่ในขณะนี้ โดยได้ศึกษาการ
ออกแบบและสร้างสวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายแบบฟลายแบค
คอนเวอร์เตอร์ขึ้น และมีการนำาไมโครคอนโทรลเลอร์มา
ควบคุมด้านต่าง ๆ ของวงจร ทำาให้เป็ นการศึกษาและ เข้าใจ
การออกแบบด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์มากขึ้น

You might also like