Professional Documents
Culture Documents
คำกล่าวรายงาน
การแสดงปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครัง้ ที่ 18
เรือ่ ง การบริหารองค์กรและเครือข่ายโดยมืออาชีพแบบ CEO
กับการพัฒนาสุขภาพ
โดย
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงศิรกิ ลุ อิศรานุรกั ษ์
ผูอ้ ำนวยการสถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน
วันที่ 12 ตุลาคม 2547
เวลา 09.10-09.20 น.
1
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
2
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
3
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
4
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
5
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
6
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
การบริหารองค์กรและเครือข่าย
โดยมืออาชีพแบบ CEO
กับการพัฒนาสุขภาพ
โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
วันที่ 12 ตุลาคม 2547
อารัมภบท
กราบเรียนท่านอาจารย์ และท่านแขกผูม้ เี กียรติทกุ ท่าน ผมรูส้ กึ เป็นเกียรติและขอบคุณ
ที่ได้รับเชิญให้มาแสดงปาฐกถาศาสตราจารย์ นายแพทย์ณัฐ ภมรประวัติ ในวันนี้
เพราะว่านอกจากจะเป็นเกียรติยศในทางวิชาการแล้ว ผมก็ยังรู้จักเป็นการส่วนตัว
กับท่านศาสตราจารย์ นายแพทย์ณฐั ภมรประวัตดิ ว้ ย เคยเป็นทีป่ รึกษานายกรัฐมนตรี
ครัง้ พลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี และท่านเป็นนักเรียนรุน่ พี่ เพราะฉะนัน้ ในวันนี้
ผมก็มคี วามยินดีเป็นพิเศษ
สถานะของเรื่องสุขภาพและปัญหาการจัดการในปัจจุบัน
เรื่องสุขภาพและเรื่องการสาธารณสุขนั้น ในปัจจุบันนี้ เราคงได้ยินได้ฟัง
กันมามากว่า ในขณะนี้ มีความจำเป็นที่เราจะต้องพูดถึงสาธารณสุข แต่ไม่พอเพียง
เสียแล้ว ที่การจัดการเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของประชาชนจะเป็นภารกิจของ
กระทรวงสาธารณสุขแต่เพียงกระทรวงเดียว
อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ที่มีความสนใจในเรื่องที่รัฐ ที่จะให้
7
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
กับเรื่องการสาธารณสุขว่าเป็นเรื่องส่วนรวม เป็นเรื่องของสาธารณะที่จะต้องมี
การจัดการมีการดำเนินการโดยองค์กร โดยคณะบุคคลทีไ่ ม่ได้ปล่อยให้เป็นเรือ่ งของ
ปัจเจกบุคคล โดยเฉพาะความเป็นมาของการสาธารณสุข เมื่อเทียบกับการศึกษา
ของประเทศไทยแล้ว หรือในขณะนี้ก็ตาม เราคงจะพบว่า เป็นบริการทางสังคมที่
น่าสนใจมาก
ทีจ่ ะเปรียบเทียบกัน เพราะว่าการสาธารณสุขแต่เดิมนัน้ ก็มงุ่ เฉพาะในเรือ่ ง
โรคภัยไข้เจ็บ และในเรื่องของทางกายของมนุษย์เรา อาจจะมีเรื่องทางจิตใจบ้าง
แต่เรื่องของการศึกษานั้น เป็นเรื่องของการกล่อมเกลาจิตใจของประชาชนเรา
เปรียบเทียบกันแล้วเราจะเห็นว่ากิจการสาธารณสุขในเชิงรูปธรรมแล้ว ก้าวหน้าไปกว่า
ความก้าวหน้าทางการศึกษามาก การปฏิรูปการสาธารณสุข หรือการปฏิรูประบบ
สุขภาพของประเทศไทย มีความคึกคัก มีชีวิตชีวาและมีความต่อเนื่องมากกว่า
การปฏิรปู การศึกษา
การบริหารองค์กรและเครือข่าย และพัฒนาการทีส่ ำคัญ
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เราก็สามารถมองย้อนไปเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ได้ว่า
การสาธารณสุขนัน้ ได้แปรเปลีย่ นแนวทางของการจัดการไปในทางทีเ่ ร็วกว่าการปฏิรปู
หรือการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา กล่าวคือ การสาธารณสุขนั้น มีการวางแผน
การจัดการด้วยการเน้นการมีสว่ นร่วมของประชาชนเมือ่ 30-40 ปีทแ่ี ล้ว
การเริ ่ ม ต้ น ของการบริ ห ารจั ด การสุ ข ภาพและอนามั ย ของประชาชน
เริ่มต้นด้วยการที่จะมีการจัดการที่ในปัจจุบันเรียกว่า การจัดการแบบเครือข่าย
มีประชาชนเข้ามามีสว่ นร่วม
เพราะฉะนัน้ ในชัน้ นี้ เราอาจจะกล่าวได้วา่ เรือ่ งของการจัดระบบสุขภาพของ
ประเทศของเราเอง เป็นเรื่องที่ฝ่ายอื่นๆ จะต้องเรียนรู้จากระบบงาน การประกัน
สุขภาพมาก และระบบงานประกันสุขภาพในขณะนี้ก็เป็นตัวอย่างของการจัดการ
เครือข่ายที่ดี วันนี้ผมก็เพียงแต่ที่จะเสริมต่อให้เห็นถึงสิ่งที่ระบบสุขภาพของชาติ
ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยการที่จะมาพูดถึงการบริหารองค์กรและเครือข่ายโดย
มืออาชีพกับการพัฒนาสุขภาพ
8
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
นโยบายสุขภาพและความยากลำบากของการจัดการ
ในระยะหลังๆ มีโรคระบาดที่ข้ามชาติมากมาย มีเรื่องของโรคที่เกิดจาก
สาเหตุอื่น ที่ไม่ใช่สาเหตุทางสุขภาพด้วย สาเหตุจากพฤติกรรม อย่างเช่นเรื่อง
9
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
10
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
11
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
บทบาทและอิทธิพลด้านบวกและลบ
ของการบริหารแบบเครือข่ายในสภาวการณ์ปัจจุบัน
แต่เครือข่ายต่างประเทศและระหว่างประเทศนัน้ เป็นเรือ่ งในแง่ของสุขภาพ
อนามัยแล้ว จะพบว่ามีลักษณะเครือข่ายที่ทรงอิทธิพลในแง่ของผลประโยชน์
ค่อนข้างมาก เพราะว่าผลประโยชน์ของบริษัทยาที่เป็นบริษัทข้ามชาติ ถือว่า
เป็นบริษทั ทีใ่ หญ่ทส่ี ดุ
เพราะฉะนั้น ปัญหาเรื่องโรคเอดส์ หรือเรื่องยารักษาโรคเอดส์ที่เกิดขึ้น
ในขณะนี้เอง ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ยาที่ประเทศกำลังพัฒนาได้รับมาใช้ หรือ
เรื่องของสาธารณสุข มีแง่มุมของเรื่องการรักษาสุขภาพด้วยตัวเองตามภูมิปัญญา
ท้องถิ่น ตามยาพื้นบ้านกับยาที่มาจากบริษัทยา สิ่งเหล่านี้ ก็เป็นเครือข่ายที่มีทั้ง
ด้านบวกและด้านลบ
นอกจากนั้น ที่สำคัญก็คือว่า เครือข่ายเหล่านี้เป็นแหล่งผลิตบุคลากร
เข้ามาทำงานตัง้ แต่แพทย์ พยาบาล ไปจนถึงผูป้ ฏิบตั งิ านด้านสุขภาพต่างๆ รวมไปถึง
ระบบของการประกันสุขภาพด้วย ซึ่งขณะนี้เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นว่า ในหลาย
ประเทศ ภาระในเรื่องของสุขภาพนั้น ได้ตกเป็นของเอกชน ตกเป็นของบริษัท
รับประกันสุขภาพต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมาย ทำให้เราต้องคิดว่าประเทศหนึ่งๆ นั้น
หรือสังคมหนึง่ ๆ นัน้ เริม่ ต้นเรือ่ งของสาธารณสุข เรือ่ งของสุขภาพมาในทิศทางใด
การขยายตัวของเครือข่ายสุขภาพจากฐานของรัฐและเอกชน
ในบริบทของสังคมไทย
ประเทศไทยเริม่ ต้นกิจการสาธารณสุขมา โดยอาศัยรัฐเป็นเครือข่ายทีส่ ำคัญ
อาศั ย การขยายตั ว ขององค์ ก รของรั ฐ มากกว่ า อาศั ย การขยายตั ว ของเอกชน
ในขณะที่ประเทศที่มีการประกันสุขภาพที่ดีนั้น อาศัยฐานของเอกชนเป็นด้านหลัก
อาศัยฐานของระบบประกันสุขภาพทีอ่ าศัยโครงสร้างของระบบประกันประเทศต่างๆ
ไม่ใช่ประกันภัยเท่านัน้
12
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
เครือข่ายสุขภาพกับประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาค
ในประการที่สอง นอกจากเครือข่ายต่างประเทศแล้ว ยังมีเครือข่าย
สุขภาพในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศใกล้เคียงประเทศเราอีกด้วย ซึ่งเราเริ่มเห็น
ความสำคัญของเรื่องนี้ว่า การสาธารณสุขหรือสุขภาพของประเทศไทยนั้น แต่เดิม
จำกัดขอบเขตอยูเ่ ฉพาะคนไทย แต่ในขณะนี้ จะพบว่า เหตุการณ์ไหลบ่า หรือการไหล
ของมนุษย์ที่เข้ามาทำงานตามบ้าน ตามที่ต่างๆ คนที่เป็นคนพม่า คนกะเหรี่ยง
อาจจะมาเป็นคนรับใช้ในบ้านแล้วตัง้ ท้อง ท้องแรกอาจจะกลับไปทีบ่ า้ น และเดินไป
ทีห่ มูบ่ า้ นไปคลอดลูกตามประเพณี แต่ทอ้ งทีส่ อง ทีส่ ามนัน้ ก็คลอด ในกรุงเทพฯ
เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า เรื่องของภูมิภาคนั้น นโยบายทางภูมิภาค
ทางสาธารณสุขนั้น เป็นนโยบายที่รัฐมีกับผลที่เกิดจากการดำเนินนโยบาย ก็คือ
นโยบายขยายฐานอุตสาหกรรม นโยบายของความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
มากกว่าในเรือ่ งของสาธารณสุข เพราะฉะนัน้ ประเด็นในเรือ่ งของภูมภิ าค อย่างเรา
จะเห็ น ในเรื ่ อ งของลุ ่ ม น้ ำ แม่ โ ขง ปั ญ หาของคนในลุ ่ ม น้ ำ แม่ โ ขง ซึ ่ ง มี ป ั ญ หา
ทางเรื่องโรคภัยไข้เจ็บหนักและมาก และเรื่องของสาธารณสุขมูลฐานก็ยังไม่ดี
เท่ากับประเทศไทย สิง่ เหล่านี้ เป็นสิง่ ทีจ่ ะต้องนำมาพิจารณา ทีเ่ ราเรียกว่า เครือข่าย
ภูมภิ าค
13
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
ความเป็นจริงและการดำรงอยูอ่ นั หลากหลาย
ของเครือข่ายระดับต่างๆ
นอกนัน้ ก็มเี ครือข่ายราชการ เครือข่ายวิชาชีพ และเครือข่ายทีไ่ ม่ใช่วชิ าชีพ
อีก ทีเ่ กีย่ วข้องกับกิจการสาธารณสุข และมีเครือข่ายของเอกชน
และสุดท้าย ทีส่ ำคัญคือ เครือข่ายประชาชน ซึง่ เป็นทีน่ า่ ยินดี ทีว่ า่ เครือข่าย
ประชาชนนัน้ ทางผูท้ ด่ี ำเนินงานด้านสาธารณสุขได้ไปกระตุน้ ก็มสี ว่ นสำคัญทีจ่ ะช่วย
จัดตัง้ เครือข่ายประชาชนมากมาย
แต่เครือข่ายทางด้านสาธารณสุข เวลาเราเห็นมีการประชุม เวลาจะพิจารณา
ว่า พระราชบัญญัติสุขภาพ จะเห็นมีองค์กรต่างๆ ขององค์กรประชาชนมามากมาย
สองร้อยองค์กร สามร้อยองค์กร สีร่ อ้ ยองค์กร มีมากมาย องค์กรเหล่านีเ้ ป็นเครือข่าย
ตัวเครือข่ายและการบริหารจัดการเครือข่าย
แต่เวลานีเ้ รากำลังจะพูดถึงเรือ่ งการจัดการเครือข่าย
การจัดการเครือข่ายกับตัวเครือข่าย จะต้องแยกออกจากกัน เป็นเรื่อง
เดียวกัน แต่จะต้องแยกกันพูด
ในประเทศไทยมีการพูดถึงเรื่องเครือข่ายแล้ว ก็มักจะนึกถึงเครือข่าย
องค์กรต่างๆ แต่การจัดการแบบเครือข่ายนั้นเป็นอีกแบบหนึ่ง เราอาจจะมีองค์กร
ต่างๆ มากมาย สี่ร้อย ห้าร้อยองค์กร แต่เราอาจจะไม่มีการจัดการแบบเครือข่าย
เหมือนกับในเชิงบริหารธุรกิจพูดว่า เราอาจจะมียุทธศาสตร์ แต่เราไม่ได้มีองค์กร
ที่บริหารแบบยุทธศาสตร์ หรือที่เน้นยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า Strategics Focal
Organization เพราะฉะนั้น ถ้าเราพูดถึง มีองค์กรหลายองค์กร องค์กรเอกชน
แต่บริหารแบบเครือข่ายนัน้ จะเป็นอย่างไร และถ้าเราพูดถึงเรือ่ ง CEO แล้ว CEO
นัน้ ควรจะเป็นอย่างไร
14
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
ลักษณะสำคัญของเครือข่าย ‘ชุมชนนโยบาย’
เพราะฉะนั้น ชุมชนนโยบายทางสุขภาพที่เรากำลังพูดถึงนี้ จะต้องเป็น
เครือข่าย ถ้าเพื่อจะต้องมีลักษณะทางเครือข่ายแล้วจะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง
เป็นเรื่องที่เราน่าจะลองมาแสวงกันว่าจะมีลักษณะที่สำคัญๆ อะไรบ้าง ผมเห็นว่า
มีอยูด่ ว้ ยกัน 5 ประการ
ประการแรกนั้น เป็นกลุ่มองค์กรที่เชื่อมโยงกัน เพราะมีความจำเป็น
ที่จะต้องใช้ทรัพยากรร่วมกัน เรายังไม่เรียกองค์กรว่าเป็นองค์กรแบบเครือข่าย
ตราบจนกระทั่งที่องค์กรนั้นมีการใช้งบประมาณ คน อุปกรณ์ ข้อมูล อำนาจตาม
กฎหมาย ความรู้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกัน จึงเรียกว่า เครือข่าย
ทางนโยบาย
ถ้าเป็นเครือข่ายทางนโยบายสาธารณสุข จะดูว่า องค์กรเหล่านี้มารวมกัน
เฉยๆ มีการประชุมก็มา หรือมีการเปรียบเทียบแผนงานกัน เวลาจะทำแผนงานกัน
15
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
16
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
ภาวะผู้นำและทักษะสำคัญของผู้บริหารจัดการเครือข่าย
พิจารณาในแง่น้ี อาจกล่าวได้วา่ ผูท้ จ่ี ะมาเป็นผูบ้ ริหารเครือข่าย หรือ CEO
นัน้ ก็จะต้องทำหน้าทีใ่ นหลายบทบาท และอย่างน้อยก็ใน 3 ฐานะ
ในประการแรก CEO หรือมืออาชีพในการบริหารองค์กรแบบเครือข่ายนัน้
จะต้องเป็นผู้รอบรู้ ผู้รอบรู้อย่างน้อยรู้ว่าในบรรดาเครือข่ายที่เข้ามาร่วมกันนั้น
องค์กรใดเป็น Focal Point ในเรื่องใด องค์กรใดเป็น Focal Point องค์กรใดมี
ลักษณะของการมาร่วมมือประสานกันเท่านัน้
ในประการที่สอง ผู้ที่เป็น CEO จะต้องเป็นผู้จัดการที่ดี เป็นผู้จัดการ
เครือข่ายที่ดี การเป็นผู้จัดการเครือข่ายที่ดีนั้น จะต้องรู้ว่าเครือข่ายมีกี่ประเภท
มีกี่ระดับ บรรดาเครือข่ายทั้งหลายนั้น เครือข่ายใดที่เราจะเลือกเป็นพันธมิตร
และเราจะดำเนินการเกีย่ วกับพันธมิตรอย่างไร
จุดเน้นและกุศโลบายที่สำคัญของการจัดการแบบเครือข่าย
ในประเทศไทยเรา เหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ เมือ่ ไม่นานมานี้ ในเรือ่ งความขัดแย้ง
ระหว่างองค์กรมหาชนกับคนในรัฐบาลก็ดี จะมองเห็นว่า ยังไม่เคยชินกับการ
บริหารงานแบบเครือข่าย เพราะกติกาของการจัดการแบบเครือข่ายนั้น เป็นคนละ
กติ ก ากั บ การจั ด การแบบองค์ ก รแบบราชการ ที ่ เ น้ น กฎเน้ น ระเบี ย บที ่ ต ายตั ว
เพราะฉะนั้น องค์กรที่เป็นเครือข่ายนั้น ผู้จัดการจะต้องมีอีกลักษณะหนึ่ง CEO
จะต้องมีลักษณะเป็นผู้จัดการในเชิงของการเอื้ออำนวยเป็น Facilitator มากกว่า
เป็นผูค้ วบคุม
ในประการสุดท้าย CEO จะต้องเป็นผูผ้ ลักดัน ทีภ่ าษาอังกฤษเรียกว่า Driver
ในการจัดการแบบเครือข่ายนั้น เนื่องจากองค์กรที่ร่วมอยู่ในเครือข่ายนโยบายนั้น
17
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
จุดคานงัดและการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานที่วิธีการตัดสินใจ
จุดใดเป็นจุดคานงัด หมายความว่า ถ้ากดไปทีจ่ ดุ นัน้ แล้ว ก็สง่ ผลสะเทือน
ให้เกิดการเปลีย่ นแปลงโดยไม่ตอ้ งไปผลักดันอีก และก็จะต้องรูว้ า่ การทีจ่ ะผลักดันนัน้
จะต้ อ งอาศั ย การจั ด การหรื อ วิ ธ ี ก ารจั ด การแบบใด ซึ ่ ง ผมจะเสนอความเห็ น
เป็นประการสุดท้ายว่า การจัดการแบบเครือข่ายทีจ่ ะเป็นไปได้นน้ั เงือ่ นไขขัน้ ต่ำทีส่ ดุ
ก็คอื ว่า จะต้องมีการเปลีย่ นแปลงวิธกี ารตัดสินใจ
เงื่อนไขและโครงสร้างที่เอื้อต่อพลังจัดการแบบเครือข่าย
วิธีการจัดการกับปัญหาจากวิธีการแบบจัดตั้ง คณะกรรมการไปเป็น
แบบเครือข่ายในประเทศใหญ่ๆ หลายๆ ประเทศ บริหารโดยคณะกรรมการทั้งสิ้น
แต่ว่าเวลามีคณะกรรมการ 900 กว่าชุด อยู่ในระดับชาติ หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า คนทีเ่ ป็นคณะกรรมการนัน้ ก็ไปจากองค์กรต่างๆ แต่ถามว่าความเป็น
เครือข่ายมีอยูห่ รือเปล่า...ไม่มี
ตัวแบบ คณะกรรมการนี้ น่าจะยกเลิก ภายในประเทศไทย อาจจะเอา
เป็นข้อยกเว้นมากกว่ากฎ เวลานี้ ตัวแบบการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดการ
ปัญหาเป็นกฎ ซึง่ ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม
ถ้าเราจะดูว่า ถ้าเราจะต้องการให้การบริหารแบบเครือข่ายเกิดขึ้นจริงๆ
อย่างน้อย เราก็ลองตรวจสอบดูว่า ในประการแรก องค์กรที่เกี่ยวข้องกัน ถึงแม้ว่า
จะเอาผู้แทนมาประชุมร่วมกัน มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการผนึกผสาน
ภารกิจทั่วทั้งองค์กรหรือไม่ หรือยังไม่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกันในการ
ผนึกผสาน
18
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
ความร่วมกันเรื่องข้อมูล
และการจัดองค์กรเพื่อบริหารพลวัตของเครือข่าย
เราจะเห็นองค์กรที่ทำหน้าที่อย่างนี้น้อยมาก แต่ว่า ถ้าเผื่อเป็นองค์กรที่มี
ลักษณะเป็นเครือข่ายจริงๆ เทคโนโลยีสารสนเทศทีม่ รี ว่ มกันนับตัง้ แต่ 3 ฐานด้วยกัน
คือ
หนึง่ ในเรือ่ งของฐานข้อมูล จะต้องมีการพัฒนาฐานข้อมูลทีใ่ ช้รว่ มกัน
ในประการที่สอง การสื่อสารจะต้องเป็นการสื่อสารแบบที่ใช้ร่วมกัน
อาจจะมีวารสารร่วมกัน อาจจะมี Internet ร่วมกัน เชื่อมโยงกันได้ อย่างนี้เป็นต้น
และที่สำคัญ ฐานความรู้ จะต้องเป็นฐานความรู้ที่องค์กรที่อยู่ในเครือข่าย สามารถ
เข้าถึงร่วมกันได้ และการพัฒนาการจัดการความรู้ ต้องมาจากฐานซึง่ สามารถเข้าถึงได้
ในประการทีส่ าม จะต้องมีโครงสร้างทีป่ รับตัวง่าย ลักษณะของโครงสร้างที่
ปรับตัวง่ายก็คอื โครงสร้างที่ Flat แบบราบ ไม่มสี ายบังคับบัญชามากนัก ในองค์กร
อาจมีแค่ 2 ระดับ หรือ 3 ระดับ องค์กรที่ Flat จริงๆ มี 3 ระดับจากเบอร์ 1 เป็นผูช้ ว่ ย
แล้วลงไปถึงผู้ปฏิบัติดำเนินการ
บางองค์กรที่มีโครงสร้างที่ปรับยาก มีถึง 9 ระดับด้วยกัน องค์กรใหญ่ๆ
หลายองค์กรมีความซับซ้อน มีโครงสร้างซึ่งปรับได้ยาก เนื่องจากเครือข่ายเป็น
พันธมิตร มีลักษณะเป็นพันธมิตร เพราะฉะนั้นเมื่อมีลักษณะเป็นพันธมิตรแล้ว
โครงสร้างไม่น่าจะขึงตึงมากนัก และมีการใช้เทคโนโลยีประสานงาน ทั้งหน่วย
หน่วยงาน และประสานงานทัง้ คน
ในประการต่อไป จัดระบบงานเป็นทีม เน้นความคล่องตัวของทีม Team
work และการจัดการตนเองที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงลักษณะของการทำงาน
ถ้าเกิดอุปสรรคขึ้น จัดงานเป็นทีม ถ้าในองค์กรมี ก็ไม่แบ่งเป็นกองอะไรตายตัว
รวมกันไว้ มีอะไรก็ไปร่วมกันเป็นทีม อันนี้เป็นลักษณะของการจัดองค์กรแบบ
เครือข่าย และผมพูดไปแล้วสายบังคับบัญชาทีส่ น้ั
19
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
ระบบและกลไกตลาดกับการบริหารแบบเครือข่าย
และในประการสุดท้าย มีลกั ษณะของการใช้กลไกทางการตลาดหรือใช้การ
Outsource ไปในทีอ่ น่ื
ยกตัวอย่าง เวลานีผ้ มช่วยรัฐบาลทำสถาบันพิพธิ ภัณฑ์ การเรียนรูแ้ ห่งชาติ
เป็นองค์กรขนาดเล็ก ตั้งขึ้นมาแล้ว เวลานี้มีคนทำงานแค่ 5 คนเท่านั้น และต่อไป
คงจะมีคนทำงาน 16 คน ขัน้ สุดท้ายจะมีคนทำงานประมาณ 30 คน ถามว่ามีฝา่ ยบัญชี
ไหม ไม่มี มีฝา่ ยการเงินไหม ไม่มี ฝ่ายบัญชีการเงินตรวจสอบนัน้ ใช้ Outsource
หมด ใช้ขา้ งนอกหมด เพราะฉะนัน้ องค์กรก็มี ผูอ้ ำนวยการ และก็มผี ชู้ ว่ ย และก็มี
คนมารวมกันอยู่ แล้วก็รว่ มกันทำงานเป็นทีม
การพัฒนาความพร้อมเพื่อการบริหารแบบเครือข่าย
ในประการสุดท้ายนี้ ผมอยากจะกล่าวว่า จริงๆ แล้วความร่วมมือกัน
ที ่ เ รี ย กว่ า Collaborative ผมเรี ย กว่ า Collaborative Model หรื อ ตั ว แบบ
ของการร่วมมือกันนัน้ จะเป็นตัวแบบทีต่ า่ งไปจากคณะกรรมการ และ CEO ต้องเริม่
ระบบนี้ให้ได้ ก็คือมีการทำผังการจัดการ หรือการดำเนินการ การปฏิบัติการ
อย่างจริงจัง อย่างน้อย 4 ด้านด้วยกัน
กลุ่มจัดการด้านบุคลากรกับการบริหารแบบเครือข่าย
ด้านบุคลากรในหน่วยงาน ถ้าเผื่อเราจะจัดการบริหารแบบเครือข่าย
บุคลากร แต่ละหน่วยงานทีม่ าร่วมอยูใ่ นเครือข่ายนัน้ จะต้องพิจารณาถึงทักษะและ
ประสบการณ์กอ่ นว่า พร้อมหรือไม่ อย่างไร สมมุตวิ า่ จะสร้างเครือข่ายทางวัฒนธรรม
ขึน้ มา มีองค์กรทีเ่ กีย่ วข้องอยูก่ ระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ รวมไปถึง
กรม จะดูแต่ละหน่วยงานว่า มีทักษะที่จะทำในเรื่องที่เรากำลังจะรุกในเรื่องของ
แผนยุทธศาสตร์ มีประสบการณ์พร้อมหรือไม่อย่างไร ในแง่บคุ ลากรต้องคิด เพราะว่า
ถ้าไม่พร้อม หน่วยงานใดพร้อม หน่วยงานอื่นๆ ยังไม่พร้อม ก็ต้องมีการช่วยกัน
ทำการฝึกอบรมให้รู้ในเรื่องยุทธศาสตร์ให้ตรงกันก่อน จะได้มีการปฏิบัติการ
ดำเนินการง่าย
20
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
การพัฒนาภาวะผู้นำเพื่อการบริหารแบบเครือข่าย
ต่อมาทีส่ ำคัญมากสำหรับเครือข่ายคือ ภาวะผูน้ ำ
ภาวะผู้นำนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของอาณัติ อาณัติ ชัดเจนหรือไม่
Mandate ทีไ่ ด้มา มีหรือไม่อย่างไร และใครเป็นผูใ้ ห้ Mandate นัน้ มา และใคร เป็นผูร้ บั
Mandate นัน้
ในประการที่สองนั้นก็คือ จะต้องมีการกำหนดกลยุทธ์และฐานะของ
หน่วยงานแต่ละหน่วยงาน
กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการบริหารแบบเครือข่าย
และในประการที ่ ส ามต้ อ งมี ก ารกำหนดกลุ ่ ม ผู ้ ม ี ส ่ ว นได้ เ สี ย แต่ ร ู ้ ว ่ า
กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับมูลค่าหรือคุณค่าของบริการนั้นตรงไหน อย่างไร
อันนีเ้ ป็นเรือ่ งของภาวะผูน้ ำ ทีจ่ ะต้องดำเนินการ เพราะฉะนัน้ ผูน้ ำในเครือข่ายก็ตอ้ ง
ดูท่ี Mandate ของตัวมีหรือไม่มี
บางคนอยู่ในองค์กรแต่อยากจะทำงานใหญ่ แต่อาณัติไม่ชัดเจน ต้องไป
ถามว่า อันนีเ้ บอร์ 1 เอาจริงหรือเปล่า เขาเอาจริงหรือเปล่า อย่างนี้
ประการทีส่ องไม่มกี ลยุทธ์ กลยุทธ์และบทบาทของตัวก็ไม่ชดั เจน
21
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
กลุ่มจัดการความเสี่ยงกับการบริหารแบบเครือข่าย
ในประการทีส่ าม เป็นเรือ่ งของกระบวนการกลุม่ ปัจจัยที่ 3 เป็นเรือ่ งของ
กระบวนการ ก็มีเรื่องของการจัดการ เรื่องของการจัดการเครือข่าย หรือเรื่องของ
การจัดการ ความเสีย่ ง ซึง่ เวลานีม้ คี วามสำคัญมากขึน้
ในสมัยก่อน เรื่องของความเสี่ยงไม่ค่อยพูดถึง แต่ในสมัยนี้ เรื่องของ
ความเสี่ยงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาควบคู่กันไปกับเรื่องของคุณภาพ ในเรื่องของ
คุณภาพ ในบางครัง้ องค์กรขนาดใหญ่มาก แต่มคี วามเสีย่ งในแง่ของ การปฏิบตั งิ าน
สูง ในแง่ Operation Risk สูง อย่างนีเ้ ป็นต้น
หรือเรากำหนดความเสี่ยงว่า ปัจจัยเรื่องของความเสี่ยงนั้นขึ้นอยู่กับอะไร
ก็แล้วแต่บริการ ถ้าเป็นบริการทีจ่ ะต้องใช้นำ้ มันมาก อย่างน้อยความเสีย่ งก็คอื การขึน้
ราคาของน้ำมัน แค่ขน้ึ ไปหนึง่ เซ็นต์กม็ ผี ลกระทบมาก
แต่ความเสี่ยงที่เห็นชัดเจน ที่มนุษย์ทำก็คือ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการ
ปฏิบัติงานไม่มีคุณภาพ เพราะฉะนั้น ก็มีการใช้เครื่องมือหลายอย่าง แล้วแต่
องค์กรใดจะเลือกใช้เครื่องมืออะไร บางองค์กรเลือกใช้เครื่องมือ Six-Sigma
บางองค์กรเลือกใช้ของ TQM บางองค์กรใช้เรือ่ งอะไรต่างๆ นานา มากมายหลายอย่าง
หลายองค์กรเลือกใช้ Balanced Scorecard เหล่านี้ เป็นเรื่องของความเสี่ยง
เป็นเรือ่ งพิเศษอีกเรือ่ งหนึง่ ทีเ่ วลานี้ คนให้ความสนใจมากขึน้
แต่ในประการที่สามก็เป็นการเชื่อมโยงการปฏิบัติการต่างๆ เพราะว่าใน
เครือข่ายนั้น อย่างที่พูดแล้ว มีหลาย Sector แต่ละส่วนอาจจะเป็น Focal Point
ในเรือ่ งหนึง่ แต่ไม่เป็นอีกเรือ่ งหนึง่
22
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
กลุ่มจัดการเทคโนโลยีกับการบริหารแบบเครือข่าย
กลุม่ สุดท้าย ก็เป็นเรือ่ งของเทคโนโลยีเป็นกลุม่ ปัจจัยทีส่ ่ี ที่ CEO ต้องดู
ก็คอื ในแง่ของการวางโครงสร้างทีจ่ ะใช้รว่ มกัน โครงสร้างของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทีจ่ ะใช้รว่ มกัน มีหรือยัง ในประเทศไทยเรามีแต่โครงสร้างขององค์กร แต่โครงสร้าง
ของเทคโนโลยีทใ่ี ช้รว่ มกัน เราไม่คอ่ ยมี
ในประการต่อไป การประสานงานทางเทคนิค
และประการสุดท้าย บริการทีม่ ใี ห้เทคโนโลยีมใี ห้ได้ ในการร่วมมือกันต่างๆ
เพราะฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่า การบริหารแบบเครือข่ายนั้น มีเครื่องมือ และมี
ความชัดเจนว่า ถ้าจะมีการร่วมมือกันใช้ตวั แบบของความร่วมมือกันแล้ว ตัวแบบของ
ความมีสว่ นร่วม ความร่วมมือกันแล้ว เราก็มคี วามชัดเจน แต่สามารถทีจ่ ะวัดได้
ประเด็นร่วมเพื่อพัฒนาการบริหารแบบเครือข่าย
สีป่ จั จัยกลุม่ ทีผ่ มพูด แต่ละกลุม่ มี 3 ข้อ
ผมไม่ได้นำภาพมา ถ้าเผื่อวาดเป็นภาพ เป็น Diagram เป็นใยแมงมุม
มีอยู่สี่ด้าน แล้วก็ 3 เรื่องท่านสามารถวัดได้ ถ้ามีองค์กรมาร่วมมือ ท่านถาม
ประโยคแรกได้ว่า ในเรื่องของทักษะ ประสบการณ์ก็ได้ มีพร้อมแล้วหรือยัง ท่าน
อาจจะ plot ได้วา่ ถ้าพร้อมมากทีส่ ดุ Scale 5 พร้อมมาก Scale 4....5 4 3 2 1 0
ก็ได้
0 ก็คอื ยังไม่เกิดอะไรขึน้ และถ้าท่าน plot ภาพอันนี้ ท่านก็จะวาดภาพ
ให้เห็นได้ว่า สถานภาพของความร่วมมือ หรือการจัดความร่วมมือใน Model
นี้เป็นอย่างไร
อันนั้นเป็นการลงมือทำ แต่ถ้าเราใช้คณะกรรมการมาประชุมกัน สิ่งที่ใช้
ในการประชุมกันคือ Agenda คือวาระการประชุม ไปถึงวาระที่ 1 2 3 4 5 ก่อน
เพราะฉะนัน้ เวลาทีผ่ มเป็นประธานทีป่ ระชุม ผมถึงไม่คอ่ ย สนใจในเรือ่ งของ
ระเบียบวาระ ในเรื่องของรับรองรายงานการประชุม รับรองรายงานการประชุม
23
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
การบริหารแบบเครือข่ายกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย
เพราะฉะนั้น เท่าที่ผมกล่าวมาแล้วพอเป็นสังเขป คิดว่าประเทศไทย
น่าจะเริม่ ต้นปรับปรุงเปลีย่ นแปลงการบริหารจัดการเสียใหม่ ต้องใจแข็ง ถ้าไม่ใจแข็ง
เราก็อาจจะต้องประชุมกันตลอด โดยไม่มผี ลออกมา แต่ถา้ เราทำงานแบบเครือข่าย
เราสามารถจะถามความก้าวหน้าในแต่ละเรือ่ งได้
ถ้าใครยังไม่พอเพียงในบางเรื่อง เราก็สามารถไปช่วยกันได้ แต่ที่สำคัญ
ทีส่ ดุ เราจะต้องทำให้เกิดขึน้ ก็คอื เรือ่ งของงบประมาณ ซึง่ เวลานี้ ผมก็อยากจะเรียนว่า
ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากที่เราพูดกันถึงเรื่องงบประมาณที่จะลงไปในพื้นที่
มาเป็นเวลานาน ทีจ่ ะให้จงั หวัดถือว่าเป็นส่วนราชการ
จังหวัดนั้นเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ได้เป็นส่วนราชการตามพระราชบัญญัติ
ของงบประมาณ เพราะฉะนัน้ งบประมาณจึงตัง้ ทีจ่ งั หวัดไม่ได้
เมื่อตั้งที่จังหวัดไม่ได้ เราจึงเห็นว่า งบประมาณตั้งอยู่ที่กรม แล้วลงไปที่
จังหวัดแตกแยกไปเยอะแยะ ผมเองบอกว่างบประมาณทำไมไม่แบ่งเป็น 2 ประเภท
งบประมาณส่วนกลาง ทำเรือ่ งเทคนิคเรือ่ งอะไรทีส่ ว่ นกลางทำ กับงบประมาณจังหวัด
งบประมาณจังหวัดก็แบ่งออกเป็นงบประมาณของรัฐบาลท้องถิ่นด้วยก็ได้ และ
งบประมาณทีจ่ ะใช้ในจังหวัดในเรือ่ งของการพัฒนาต่างๆ
24
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
ข้อสังเกตปิดท้ายบางประการ
การจัดการแบบเครือข่ายทีเ่ รากำลังพูดถึงนี้ ไม่ได้หมายถึง การมีเครือข่าย
ทีเ่ ป็นองค์กรแล้วนัดมาสำแดงพลังกันเยอะแยะ บอกว่าของเรามีผสู้ นับสนุนสองร้อย
สามร้อยเครือข่าย แต่ทุกคนกลับไปบ้าน ทุกคนก็รู้ว่า การทำงานไม่ได้มีแม้แต่การ
เอาแผนงานมาแชร์กนั มาดูรว่ มกัน
จริงๆ แล้ว ต้องเอาแผนงานและงบประมาณมาดูร่วมกัน จะได้เกิดการ
ร่วมมือกันมากกว่าการทีจ่ ะเกิดความขัดแย้งกัน หรือการทำงานทีเ่ ราเรียกว่าซับซ้อน
ผมก็ขอจบแต่เพียงแค่น้ี เพราะว่าให้เวลามาครึง่ ชัว่ โมง เวลาครึง่ ชัว่ โมงพอดี
ขอขอบคุณทีท่ า่ นให้เกียรติฟงั สิง่ ทีผ่ มมาแสดงความเห็นในวันนี้ ขอบคุณครับ.
25
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
ประวัติผู้แสดงปาฐกถา
ชือ่ -นามสกุล ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
วันเดือนปีเกิด 23 กุมภาพันธ์ 2487
ตำแหน่งปัจจุบัน ผูบ้ ังคับการโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
ประธานสถาบันนโยบายศึกษา
ประวัติการศึกษา
พ.ศ. 2505-2506 แผนกนิตศิ าสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2506-2509 B.A. Victoria University of Wellington
พ.ศ. 2512 M.A. University of Wisconsin (Madison)
พ.ศ. 2514 Ph.D. University of Wisconsin (Madison)
พ.ศ. 2515 Certificate in Social Planning, United
Nations Asian Institute
ประวัติรับราชการ
พ.ศ. 2510-2511 วิทยากรโท กรมวิเทศสหการ
พ.ศ. 2512 อาจารย์โท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
พ.ศ. 2518 รับราชการทีค่ ณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2518 ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์
พ.ศ. 2520 รองศาสตราจารย์ (เป็นกรณีพเิ ศษ)
พ.ศ. 2522 ศาสตราจารย์
พ.ศ. 2524 ราชบัณฑิต สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง
พ.ศ. 2525 ศาสตราจารย์ระดับ 10
26
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
เครือ่ งราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2533 มหาวชิรมงกุฎ
พ.ศ. 2537 มหาปรมาภรณ์ชา้ งเผือก
พ.ศ. 2541 เหรียญดุษฎีมาลาเข็มศิลปวิทยา
รางวัลเกียรติยศ
พ.ศ. 2505 ทุนเรียนดีสำหรับนิสติ ทีเ่ ป็นที่ 1
แผนกวิชานิตศิ าสตร์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2529 - นิสติ เก่าดีเด่นสาขาวิชาการ สมาคมศิษย์เก่า
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- นักวิจยั ดีเด่นแห่งชาติ สาขารัฐศาสตร์และ
รัฐประศาสนศาสตร์ สภาวิจยั แห่งชาติ
- รางวัลการแต่งตำราดีมาก รางวัลการแต่งตำรา
ทีเ่ ป็นงานใหม่ และรางวัลการแต่งตำรา
ขัน้ ดีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2542 ดุษฎีบณ ั ฑิตกิตติมศักดิ์ และศิษย์เก่าดีเด่น
มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน
พ.ศ. 2544 ดุษฎีบณ ั ฑิตกิตติมศักดิ์ วิทยาลัยเอดจ์วดู
พ.ศ. 2545 ปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
27
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
28
ปาฐกถา ณัฐ ภมรประวัติ ครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๗
29