Professional Documents
Culture Documents
การวิเคราะหความเหมาะสมของพื้นที่
(Site Suitability Analysis)
วัตถุประสงค
1. ใหนิสิตมีแนวคิดและเขาใจถึงกระบวนการการเลือกพื้นที่โดยขึ้นอยูกับวัตถุประสงคที่
ตองการ
2. ใหนิสิตสามารถประยุกตใชระบบสารสนเทศภูมิศาสตรเพื่อหาพื้นที่ที่ตองการตามสภาวะ
แวดลอมหรือเงื่อนไขที่กําหนด
10.1 คํานํา
บทปฏิบัติการนี้ใหนิสิตฝกปฏิบัติการวิเคราะหการเลือกพื้นที่ โดยจําลองเหตุการณตัวอยางดวย
การหาพื้นที่ที่เหมาะสม (Site Suitability) เพื่อการปลูกกลวยน้ําวาในบริเวณพื้นที่หมูบานขุนฝาง อําเภอ
เมือง จังหวัดอุตรดิตถ ซึ่งพื้นที่ดังกลาวมีการบุกรุกพื้นที่ปาสงวนที่เปนแหลงตนน้ําและมีสภาพระดับความ
ลาดชันสูง การใชพื้นที่เพื่อปลูกกลวยน้ําวา อาจมีผลตอความสมดุลของระบบทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอมบริเวณนั้น สําหรับการเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดใดก็ตาม ลวนมี
ปจจัยตางๆ ที่เกี่ยวของมากมาย เชน ลักษณะสภาพภูมิอากาศ ลักษณะสภาพภูมิประเทศ คุณสมบัติทาง
เคมีและทางกายภาพของดิน โครงสรางที่เปนปจจัยทางการตลาด รวมถึงสภาพแวดลอมอื่นๆ ที่มีผลตอการ
จัดการระบบการผลิตของพืชเศรษฐกิจเหลานั้น
บทปฏิบัติการนี้เปนเพียงตัวอยางงายๆ เพื่อใหนิสิตมีแนวคิดมุมกวางทําใหสามารถนําระบบ
สารสนเทศภูมิศาสตรมาประยุกตใชในการวิเคราะหหาความเหมาะสมของพื้นที่สําหรับกิจกรรมใดๆ ตอไป
ในอนาคต ดังนั้นการวิเคราะหหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อปลูกกลวยน้ําวาในบทปฏิบัติการนี้จะใชตัวแปรเพียง 4
ดาน คือ (1) เนื้อดิน (2) ความเปนกรดเปนดางของดิน (3) ความลาดชัน และ (4) แหลงน้ําเพื่อการเกษตร
จากลําน้ํา นอกจากนี้การวิเคราะหการเลือกพื้นที่ยังตองคํานึงถึงขอจํากัดบางอยางของพื้นที่ที่มีตอกิจกรรมที่
ตองการดวย ตัวอยางเชน พื้นที่ที่มีสภาพความลาดชันมากกวา 35 เปอรเซ็นต และมีสภาพเปนปาตนน้ํา ไม
ควรนํามาใชประโยชนทางการเกษตร เนื่องจากอาจมีปญหาเรื่องการพังทะลายของดินและความสมดุลของ
ระบบนิเวศ เปนตน
10.2 ขั้นตอนหลักในการวิเคราะหการเลือกพื้นที่
ในการศึกษาการวิเคราะหหาพื้นที่ที่เหมาะสมไดแบงออกเปน 4 ขั้นตอนคือ (1) การจําแนกระดับ
ความเหมาะสมของพื้นที่ในตัวแปรแตละตัว (2) การจําแนกระดับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมใน
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
102
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
103
ตารางที่ 1 (ตอ)
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
104
1.2) รายละเอียดของตัวแปรที่ใชในการวิเคราะห
เปนการอธิบายใหเหตุผลและความสําคัญของตัวแปรแตละตัวที่ถูกนํามาใชการวิเคราะห
ตัวอยางเชน
(1) เนื้อดิน (Soil Texture)
สัดสวนของอนุภาคดินแตละประเภทจะชวยบอกถึงความอุดมสมบูรณของดิน สภาพ
การถายเทอากาศในดิน และความชื้นที่เปนประโยชนตอพืช นอกจากนี้ยังสามารถทําใหทราบถึง
ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก (CEC: cation exchange capacity) ซึ่งเปนความสามารถใน
การดูดซับ ปลดปลอย และ แลกเปลี่ยนธาตุอาหารที่จาํ เปนตอการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นเนื้อดินจึงถือ
ไดวา เปนตัวแปรที่สําคัญในการเลือกชนิดพืชเศรษฐกิจที่จํานํามาเพาะปลูกในพื้นที่
(2) ความเปนกรดเปนดางของดิน (Soil pH)
ความเปนกรดเปนดางของดินแสดงถึงปฏิกิริยาของดิน (Soil reaction) ที่มีผลตอ
การเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากปฏิกิริยาดินจะทําใหสภาพตางๆ ทางดานเคมีและดานชีวภาพของดินถูก
เปลี่ยนไปในสภาพที่เหมาะสมหรือไมเหมาะสมตอพืช การวิเคราะหคาความเปนกรดเปนดางของดิน ไดจาก
คาปฏิกิริยาดินเฉลี่ยในระดับความลึก 0 ถึง 25 เซนติเมตร (Top soil layer)
(3) ความลาดชัน (Slope)
ความลาดชันของพื้นที่จะแสดงถึงความตางระดับของพื้นที่ รวมทั้งความสลับซับซอน
ของพื้นที่และทิศดานลาด โดยระบุเปนเปอรเซ็นตของความลาดชันที่มีความสัมพันธกับระดับความ
เหมาะสมเพื่อการปลูกกลวยน้ําวา และยังเปนตัวแปรหนึ่งที่เปนขอจํากัดของพื้นที่ในการปลูกพืชเศรษฐกิจ
ได
(4) เสนทางลําน้ํา (Stream network)
เสนทางลําน้ําที่ใชในเปนตัวแปรไดกําหนดจากเสนลําน้ําผิวดินที่เปนธรรมชาติ เชน แมน้ํา
ลําหวย และเสนลําน้ําจากการพัฒนา เชน คลองชลประทาน โดยเปนตัวแปรดานแหลงน้ําสนับสนุนและ
สามารถประเมินถึงการขาดแคลนน้ําของพื้นที่
1.3) การใหระดับคะแนนของประเภทในตัวแปรและคาความสําคัญของตัวแปร
โดยปกติการวิเคราะหเชิงพื้นที่เพื่อประเมินหาพื้นที่ที่เหมาะสมหรือพื้นที่เสี่ยงภัย มักจะใช
ปจจัยตัวแปรตั้งแต 2 ประเภทขึ้นไปรวมกับขอจํากัดของสภาพพื้นที่ โดยการกําหนดระดับคะแนนของตัว
แปร (rating or score) และคาคาน้ําหนักของตัวแปร (criteria weight) ซึ่งมีไดหลายวิธี อาจจะเปนการ
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
105
กําหนดจากผูเชี่ยวชาญ การอางอิงจากเอกสารงานวิจัยที่มีอยูและนํามาปรับปรุงใหเหมาะสมกับสภาพของ
พื้นที่ การกําหนดดวยวิธีการคํานวณทางคณิตศาสตรหรือทางสถิติ รวมทั้งการกําหนดโดยใชแนวคิดของ
การวิเคราะหเชิงพื้นที่ เชน การใชเทคนิค Fuzzy logic, Analytic Hierarchy Process (AHP),
Pairwise Comparison, Composite Mapping Analysis (CMA; Boonyanuphap, et al., 2001)
เปนตน สําหรับวิธี Simple Additive Weighting (SAW; Jack, 1999) ซึ่งเปนวิธีที่ใชกันอยางแพรหลาย
สําหรับแกไขปญหาที่เกี่ยวของกับตัดสินใจเชิง Spatial Multi-attribute or Multi-criteria Evaluation
และใชรวมกันไดอยางเหมาะสมกับความสามารถของระบบสารสนเทศภูมิศาสตรดานการวิเคราะหการ
ซอนทับ ซึ่งวิธีการดังกลาวเปนการกําหนดระดับคะแนนและคาความสําคัญของตัวแปรดวยวิธีการบนฐาน
ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร (GIS-based approach)
ในบทปฏิบัติการนี้ การจําแนกระดับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมเพื่อการปลูกกลวย
น้ําวา ไดทําการปรับแกความเหมาะสมของระดับคะแนนของประเภทภายในตัวแปร (Score of category)
และลําดับความสําคัญหรือคาถวงน้ําหนักของตัวแปรแตละตัว (Weight of Variable) จากแนวทางของ
องคการอาหารและการเกษตร แหงสหประชาชาติ (FAO) คูมือการประเมินคุณภาพที่ดินในระดับไรนา
เบื้องตน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ และรายงานการจัดการทรัพยากรดิน เพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจ
หลักตามกลุมชุดดิน ซึ่งการกําหนดตัวแปรในลักษณะนี้เปนแบบ Conventional GIS application
โดยตัวแปรที่มีลําดับความสําคัญมากถูกกําหนดใหมีคาถวงน้ําหนักมาก ในขณะที่ระดับ
คะแนนแสดงถึงความเหมาะสมเพื่อการปลูกกลวยน้ําวาของประเภทภายในตัวแปรแตละตัว ดังรายละเอียด
แสดงในตารางที่ 2 ถึง ตารางที่ 5
ตารางที่ 2 การกําหนดคาคะแนนและคาถวงน้ําหนักระดับความเหมาะสมของตัวแปรเพื่อการปลูกกลวย
น้ําวา
คาถวงน้ําหนัก ระดับความสําคัญ คาคะแนน ระดับความเหมาะสม
1 นอยมาก 2 นอยมาก
2 นอย 4 นอย
3 ปานกลาง 6 ปานกลาง
4 มาก 8 มาก
ตารางที่ 3. การถวงน้ําหนักของตัวแปรแตละดานที่ใชศึกษาความเหมาะสมของสภาพแวดลอมเพื่อการ
ปลูกกลวยน้ําวา
ตัวแปร คาถวงน้ําหนัก
ความเปนกรดเปนดางของดิน 4
เนื้อดิน 3
ระยะหางจากเสนทางลําน้ําที่มีน้ําไหลตลอดป 2
ความลาดชัน 1
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
106
การกําหนดระดับคะแนนความเหมาะสมของประเภทภายในตัวแปร ไดมีการปรับแกให
เหมาะสมกับลักษณะของพื้นที่ศึกษา โดยยึดแนวทางขององคการอาหารและการเกษตรแหงสหประชาชาติ
(FAO) คูมือการประเมินคุณภาพที่ดินในระดับไรนาเบื้องตน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ และรายงาน
การจัดการทรัพยากรดิน เพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจหลักตามกลุมชุดดิน แสดงในตารางที่ 4
ตารางที่ 4 การกําหนดระดับคะแนนของประเภทในตัวแปร
ขอมูลความเหมาะสมของตัวแปรดานเนื้อดิน ไดจากฐานขอมูลกลุมชุดดินจากกรมพัฒนา
ที่ดิน และถูกนํามากําหนดคาระดับคะแนนความเหมาะสมของพื้นที่ตามกลุมชุดดิน (ตารางที่ 6) สําหรับ
ขอมูลของตัวแปรดานความเปนกรดดางของดิน ไดจากการวิเคราะหคาปฏิกิริยาของดิน (Soil pH) ที่เก็บ
รวบรวมมาจากจุดสํารวจภาคสนามในบริเวณพื้นที่ศึกษา
ตารางที่ 5 การใหระดับคะแนนของกลุมชุดดินในตัวแปรดานเนื้อดิน
กลุมชุดดินที่ เนื้อดิน คะแนน
17 ดินรวนปนทราย (ls) 8
29 ดินเหนียว (c) 4
47 ดินเหนียวหรือดินรวน (c หรือ l) 4
62 เนื้อดินไมแนนอนขึน้ อยูกับชนิดของหิน 2
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
107
1.4) การจําแนกระดับความเหมาะสมของพื้นที่ในตัวแปรแตละตัว
ตัวแปรทุกตัวจะถูกสรางขึ้นมาจากชั้นขอมูลพื้นฐาน (ภาพที่ 1) ที่อยูในระบบฐานขอมูล
ภูมิศาสตร (Geodatabase) โดยมีการเปลี่ยนแปลงใหเหมาะสมดวยกระบวนการทางภูมิศาสตร สําหรับบท
ปฏิบัติการนี้ไดแปลงชั้นขอมูลทั้งหมดใหอยูในรูปของชั้นขอมูลแบบเชิงกริด (Raster Data หรือ Grid
Theme) ทั้งนี้เนื่องจากมีความสะดวกและถูกตองภายใตการวิเคราะหการซอนทับ (Overlay Analysis)
ดวยเทคนิคการคํานวณพีชคณิตเชิงแผนที่ (Map algebra) ซึ่งจะถูกนํามาใชในการวิเคราะหหาพื้นที่ที่
เหมาะสมในบทปฏิบัติการนี้
ภาพที่ 1 แสดงชั้นขอมูลพื้นฐานที่ใชในการสรางชั้นขอมูลตัวแปร
ขั้นตอน
ชั้นขอมูลขอบเขตพื้นที่ศึกษา (Std_area.shp) จะถูกแปลงไปเปนชั้นขอมูลเชิง Grid (grid
theme) ที่ชื่อวา “STD” โดยกําหนดขนาดของจุดภาพ (cell size หรือ pixel size) เทากับ “20” เมตร ทั้งนี้
จะตองกําหนด Map unit ใหกับ View document ใหมีหนวยเปน “meters” เสียกอน สําหรับการสราง
ชั้นขอมูลของตัวแปรแตละตัวมีรายละเอียดดังตอไปนี้
(1) ตัวแปรความลาดชัน (Slope) คํานวณมาจากแบบจําลองพื้นผิว DEM และ TIN ซึ่ง
สรางขึ้นจากเสนชั้นความสูง (Contour.shp) และ ชั้นขอมูลเสนลําน้ํา (Stream.shp)
วิธีการ
1. นําชั้นขอมูลเสนระดับความสูง (Contour.shp) และ ชั้นขอมูลเสนลําน้ํา (Stream.shp)
มาสราง TIN ดวย 3D Analyst Extension
2. ใชคําสั่ง Create TIN from Features… เพื่อสรางแบบจําลองพื้นผิว TIN (โดย
กําหนดพารามิเตอรตางๆ ดังนี้)
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
108
4. กําหนดขอบเขตของการวิเคราะหชั้นขอมูลกริดดังนี้
กําหนดขอบเขตของการวิเคราะหขอมูล
กําหนดขนาดของจุดภาพ
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
109
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
110
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
111
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
112
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
113
• ชั้นขอมูล Grid theme ใหมที่ได (Soil_ph) เปนชั้นขอมูล Floating Point data set ซึ่ง
จะแสดงขอมูลประเภท Continuous values หรือ ขอมูลที่มีคาตอเนื่องกัน ดังนั้น
จําเปนตองทําการ Reclassification เพื่อเปลี่ยนชั้นขอมูลใหเปน Integer Data set ที่
แสดงขอมูลที่มีคาไมตอเนื่อง หรือ discrete values ซึ่งมีความเหมาะสมมากกวา ในการ
กําหนดคาระดับคะแนนและคาถวงน้ําหนักใหแตละ cell
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
114
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
115
3. สราง Buffer เปนแบบ “As Multiple rings” กําหนดจํานวน Ring เทากับ “4” โดยมี
ระยะทางระหวาง Ring เทากับ “500” เมตร และ หนวยระยะทาง (Distance Unite)
เปน “Meters”
4. กําหนดชื่อของชั้นขอมูล Buffer เสนทางลําน้ํา เปน Strm.shp
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
116
(5) แสดงผลการจําแนกระดับความเหมาะสมของพื้นที่ในตัวแปรแตละตัว
ชั้นขอมูลตัวแปรทั้ง 4 ที่สรางขึ้น สามารถแสดพื้นที่ระดับความเหมาะสมตอการปลูก
กลวยน้ําวาบริเวณพื้นที่ศึกษาไดดังนี้
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
117
10.4 การจําแนกระดับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมในปจจุบันเพื่อการปลูกกลวยน้ําวา
ขั้นตอนนี้นําชั้นขอมูลตัวแปรระดับชั้นความเหมาะสมของทุกดานที่ถูกใหคาคะแนนและคาถวง
น้ําหนักแลวมาซอนทับกัน (overlay) เพื่อจําแนกจําแนกระดับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมในปจจุบัน
ของพื้นที่ โดยชั้นขอมูลใหมที่ได (Suit) จะแสดงถึงระดับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมในปจจุบันเพื่อ
การปลูกกลวยน้ําวาในพื้นที่ศึกษา โดยทุก Cell (Pixel) ของชั้นขอมูลความเหมาะสม (Suit) จะบรรจุคา
ความเหมาะสมของสภาพแวดลอม ซึ่งกริดที่มีคามากที่สุดแสดงถึงพื้นที่ที่มีความเหมาะสมของ
สภาพแวดลอมในปจจัยดานนั้นๆ มากที่สุด จากนั้นจึงจําแนกระดับความเหมาะสมใหม
(Reclassification) ออกเปน 4 ระดับความเหมาะสม ดวยสมการการกําหนดคาชวงแบบระยะหางเทากัน
(Equal Interval Range)
ชวงหางของชั้นความเหมาะสม = (คาความเหมาะสมสูงสุด – คาความเหมาะสมต่ําสุด)
จํานวนระดับความเหมาะสม
(1) การวิเคราะหการซอนทับตัวแปรทุกดานเพื่อหาความเหมาะสมของพื้นที่
ขั้นตอน
1. จากเมนู Analysis เลือกคําสั่ง “Map Calculator” เพื่อใชในการคํานวณการซอนทับ
แบบพีชคณิตเชิงแผนที่ (map algebra) ของชั้นขอมูลตัวแปรทุกตัว
2. ใน Map Calculation 1 เลือกชั้นขอมูลตัวแปรทุกตัว (Layers) ที่จะนําทําปฏิบัติการ
การซอนทับ (overlay operation) โดยเขตขอมูลที่ใชในการคํานวณคือ Score และ
Weight ซึ่งเปนเขตขอมูลที่เก็บคาระดับคะแนนและคาถวงน้ําหนักของชั้นขอมูลตัว
แปรแตละตัวตามลําดับ (ตามสมการในภาพขางลาง)
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
118
(2) การจําแนกระดับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมในปจจุบันของพื้นที่
ขั้นตอน
1. ใชทําสั่ง “Reclassify” จําแนกระดับชั้นความเหมาะสมใหมออกเปน 4 ระดับ
ความเหมาะสม โดยใชเทคนิคกําหนดคาชวงแบบระยะหางเทากัน (Equal
Interval Range)
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
119
10.5 การกําหนดพื้นที่ที่เปนขอจํากัดในการปลูกกลวยน้ําวา
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
120
10.6 การจําแนกระดับความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อการปลูกกลวยน้ําวา
เปนขั้นตอนสุดทายในการจําแนกระดับชั้นความเหมาะสมของพื้นที่ศึกษาเพื่อปลูกกลวยน้ําวา
โดยขั้นตอนนี้จะใชการซอนทับแบบคุณ (Multiply Overlay Operation) พื้นที่ที่มีขอจํากัด (กลุมชุดดินที่
62: “Strict”) ในการใชประโยชนกับขอมูลระดับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมในปจจุบัน (“Suit”) เพื่อ
กําหนดหาพื้นที่ที่จะตองมีมาตรการที่เหมาะสมในอนาคตสําหรับการใชพื้นที่เพื่อปลูกกลวยน้ําวา ในบริเวณ
ที่อาจเกิดผลกระบทตอระบบนิเวศภายในพื้นที่ได
1). จากเมนู Analysis เลือกคําสั่ง “Map Calculator” เพื่อใชในการคํานวณการซอนทับแบบ
คูณระหวางชั้นขอมูล “Strict” กับชั้นขอมูล “Suit”
2). ใน Map Calculation 1 เลือกเขตขอมูลชื่อ “Value” ของชั้นขอมูล “Strict” ([Strict])
คูณกับเขตขอมูลชื่อ “Value” ของชั้นขอมูล “Suit” ([Suit])
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
121
อยางไรก็ตามการจําแนกระดับความเหมาะสมของพื้นที่ในบทปฏิบัติการนี้เปนเพียงการฝกปฏิบัติ
ใหนิสิตไดสรางแนวคิดในการนําวิธีการและหลักการไปประยุกตใชในอนาคต ซึ่งโดยทั่วไปแลวกิจกรรมขั้น
ตอไป หลังจากการวิเคราะหหาพื้นที่เหมาะสมหรือพื้นที่เสี่ยงภัย (Site Suitability and Risk Analysis)
จะตองทําการประเมินความถูกตองของผลการวิเคราะห (Accuracy assessment of the model) ซึ่งเปน
สิ่งบงชี้ถึงความนาเชื่อถือของผลการวิเคราะหที่ได
การวิเคราะหการเลือกพื้นที่
122
สําหรับในบทปฏิบัติการครั้งนี้อาจมีแนวทางในการตรวจสอบความถูกตองของผลการวิเคราะห
โดยนําขอมูลผลผลิตกลวยน้ําวาจากแปลงของเกษตรกรในสภาพความเปนจริงของแตละป มาเปรียบเทียบ
กับผลที่ไดจากการวิเคราะห และผลของการจําแนกระดับชั้นความเหมาะสมของพื้นที่จะมีประสิทธิภาพ
ยิ่งขึ้นหากมีการปรับปรุงและพัฒนาฐานขอมูลที่เกี่ยวของทั้งหมดอยางสม่ําเสมอ นอกจากนี้การวิเคราะหการ
ตัดสินใจทางดานเศรษฐศาสตร สังคม และการจัดการระบบการผลิตกลวยเพื่อการคาและสงออก สามารถ
ใชเปนแนวทางอันจะนําไปสูการกําหนดทิศทางเพื่อการจัดการการผลิตที่ไมเสี่ยงตอการลงทุนสําหรับ และ
แผนการจัดการพื้นที่เพื่อระบบการผลิตกลวยน้ําวาเพื่อการคาและอุตสาหกรรมใหสอดคลองกับสภาพของ
พื้นที่เหลานั้นในสภาวะปจจุบัน
เอกสารอางอิง
บทปฏิบัติการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร