Professional Documents
Culture Documents
เครื่องคอมพิวเตอร์
4.1 องค์ประกอบพื้นฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์
ดังที่ทราบกันแล้วว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็ นอุปกรณ์ท่ีช่วยใน
การคำานวณ และการทำางานของมนุษย์ เครื่องคอมพิวเตอร์
สามารถประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็ นสารสนเทศ สามารถเปรียบ
เทียบและตัดสินใจ สามารถทำางานทางตรรกศาสตร์ สามารถ
คำานวณค่าทางคณิตศาสตร์ท่ีมนุษย์เองต้องใช้เวลามากในการแก้
ปั ญหา และสามารถออกแบบและสร้างสรรค์งานทางกราฟิ กได้
หากเปรียบเทียบกับมนุษย์เราสามารถทำางานให้ลุล่วงได้เนื่ องจาก
มีสมองที่ช่วยคิดคำานวณ ตัดสินใจและออกแบบงาน แล้วเครื่อง
คอมพิวเตอร์จะใช้ส่วนประกอบใดมาทำาหน้าที่เหมือนสมองเพื่อให้
งานสำาเร็จลุล่วงได้ ในหัวข้อนี้ เราจะศึกษาว่าองค์ประกอบพื้นฐานที่
ทำาให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำางานได้น้ันประกอบด้วยกี่ส่วน
และอะไรบ้าง
ในการทำางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์
หน่วยความ
ประกอบพื้นฐาน 5 ส่วนด้วยกันจำา ได้
รองแก่
4.2 หน่วยรับเข้า
หน่ วยรับข้อมูลทำาหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่อง
คอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลอาจส่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลได้โดยตรง เช่น
ผ่านแผงแป้ นอักขระ (keyboard) เมาส์ (mouse) ปากกาแสง (light
4.2.2 อุปกรณ์รับเข้าแบบชี้ตำาแหน่ ง
4.2.3 อุปกรณ์รับเข้าระบบปากกา
4.2.4 อุปกรณ์รับเข้าแบบจอสัมผัส
4.2.5 อุปกรณ์รับเข้าแบบกราดตรวจ
4.2.6 อุปกรณ์รับเข้าแบบจดจำาเสียง
4.2.1 อุปกรณ์รับเข้าแบบกด
การเลือกซื้อแผงแป้ นอักขระควรพิจารณารุ่นใหม่ท่ีเป็ น
มาตรฐานและสามารถใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีมีอยู่
สำาหรับเครื่องขนาดกระเป๋ าหิ้วไม่ว่าจะเป็ นแล็ปท็อปหรือ
โน้ตบุุค ขนาดของแผงแป้ นอักขระยังไม่มีการกำาหนดมาตรฐาน
เพราะผู้ผลิตต้องการพัฒนาให้เครื่องมีขนาดเล็กลงโดยลดจำานวน
แป้ นลง แล้วใช้แป้ นหลายแป้ นพร้อมกันเพื่อทำางานได้เหมือนแป้ น
เดียว
4.2.2 อุปกรณ์รับเข้าแบบชี้ตำาแหน่ง
ภาพภายในของเมาส์แบบทางกล เมาส์
แบบใช้แสง
(2) อุปกรณ์ช้ีตำาแหน่งสำาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์
โน้ตบุุก
เนื่ องจากเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุุกเป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ี
ผลิตขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการพกพาไปในที่ต่างๆ จึงจำาเป็ นต้อง
ออกแบบให้มีอุปกรณ์ท่ีต่อพ่วงน้อยที่สุด และใช้เนื้ อที่ในการใช้งาน
น้อยที่สุด ดังจะเห็นว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวมีแผงแป้ นอักขระ
ติดอยู่กับจอภาพ และอุปกรณ์อีกอย่างหนึ่ งที่ถือเป็ นสิ่งจำาเป็ นใน
การใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ในปั จจุบันคือเมาส์ จึงต้องมีการ
คิดค้นอุปกรณ์ท่ีจะทำาหน้าที่แทนเมาส์ โดยจะต้องออกแบบให้
สามารถติดอยู่กับตัวเครื่องได้เลย สะดวกในการพกพา และให้พ้ ืนที่
ในการทำางานน้อย ในปั จจุบันเรามีอุปกรณ์ท่ีทำาหน้าที่และมี
คุณสมบัติดังที่กล่าวมาอยู่ 3 ชนิ ด ได้แก่
แผ่นรองสัมผัสบนคอมพิวเตอร์โน้ตบุุก
(3) ก้านควบคุม (Joystick) อุปกรณ์รับเข้าชนิ ดนี้ เป็ นที่คุ้น
เคยของนักเรียนที่นิยมเล่นเกมคอมพิวเตอร์ชนิ ดที่มีการแสดงผล
เป็ นกราฟิ ก ที่ตัวผู้เล่นที่ปรากฏบนจอภาพต้องมีการเคลื่อนที่เพื่อ
ทำาภารกิจตามกติกาของเกม ตัวผู้เล่นที่ปรากฏบนจอภาพเปรียบได้
กับตัวชี้ตำาแหน่ งที่ปรากฏในการซอฟต์แวร์ประยุกต์ท่ัวไป และก้าน
ควบคุมนี้ ก็ทำาหน้าที่เหมือนเมาส์ท่ีคอยกำาหนดการเคลื่อนที่ของตัว
ชี้บนจอภาพ โดยลักษณะของก้านควบคุมจะคล้ายกล่องที่มีก้านโผล่
ออกมา และก้านนั้นสามารถบิดขึ้น ลง ซ้าย ขวาได้การเคลื่อนที่
ของก้านนี้ เองที่เป็ นการกำาหนดทิศทางการเคลื่อนที่ของตัวชี้
ตำาแหน่ ง
หลักการทำางานของก้านควบคุม จะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ภายในที่
เรียกว่า โพเทนชันมิเตอร์ (potentionmeter) 2 ตัว โพเทนชันมิเตอร์
จะหมุนตามและอ่านค่าทิศทางการบิดของก้านควบคุม โพเทนชัน
มิเตอร์ตัวหนึ่ งจะรับรู้ทิศทางในแนวแกน x หรือแนวนอน
ก้านควบคุม (Joystick)
4.2.3 อุปกรณ์รับเข้าระบบปากกา
อุปกรณ์รับเข้าในกลุ่มนี้ จะมีส่วนประกอบอยู่ชิ้นหนึ่ งเป็ นส่วน
ประกอบสำาคัญ คือ อุปกรณ์ท่ีมีรูปร่างเหมือนปากกา แต่จะมีแสงที่
ปลาย งานที่ใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ มก
ั เป็ นงานเกี่ยวกับกราฟิ กที่ต้องมีการ
วาดรูป งานวาดแผนผัง และงานคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ
(Computer Aided Design : CAD) ซึ่งถ้าใช้อุปกรณ์ท่ีรูปร่างเหมือน
ปากกาจะช่วยให้ทำางานได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น อุปกรณ์รับเข้า
ระบบปากกาที่มีใช้งานอยู่แพร่หลายได้แก่
(1) ปากกาแสง เป็ นอุปกรณ์ท่ีไวต่อแสงที่นอกจากจะใช้ใน
การวาดรูปสำาหรับงานกราฟิ กแล้ว ยังสามารถทำาหน้าที่เหมือน
เมาส์ในการชี้ตำาแหน่ งบนจอภาพ หรือทำางานกับรายการเลือกและ
สัญรูปเพื่อสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยที่ปลายข้างหนึ่ งของ
ปากกาชนิ ดนี้ จะมีสายเชื่อมที่สามารถต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์
เมื่อมีการแตะปากกาที่จอภาพข้อมูลจะถูกส่งผ่านสายนี้ ไปยังเครื่อง
คอมพิวเตอร์ทำาให้สามารถรับรู้ตำาแหน่ งที่ช้ีและกระทำาตามคำาสั่งได้
นอกจากนี้ เมื่อมีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิ ดพกพาหรือ
ปาล์มท็อปอย่างแพร่หลายก็มีการนำาปากกาชนิ ดนี้ มาใช้ในการรับ
ข้อมูลที่เป็ นลายมือบนเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิ ดนี้ ด้วย
(ก) ปากกาแสง ปลายด้านหนึ่ งมีสายเชื่อม
(ข) แสดงการใช้ปากกาแสงเลือก
ไปต่อกับคอมพิวเตอร์ รายการ
บนจอภาพ
(2) เครื่องอ่านพิกัด (digitizing tablet) หรืออาจเรียกว่า
แสดงการใช้เครื่องอ่านพิกัดช่วยในงาน
ออกแบบ
4.2.4 อุปกรณ์รับเข้าแบบจอสัมผัส
(infrared-beam) ซึ่งเทคโนโลยีสด
ุ ท้ายเป็ นที่นิยมมากเนื่ องจากมี
ความละเอียดมาก แต่ก็มีราคาแพง
ถึงแม้ว่า การใช้จอภาพสัมผัสจะช่วยให้การใช้งานเครื่อง
คอมพิวเตอร์ทำาได้ง่ายขึ้น โดยสามารถใช้นิ้วมือสั่งงานบนจอภาพ
โดยตรง แต่ก็ไม่เหมาะกับการนำามาใช้งานทั่วไป เนื่ องจากอุปกรณ์
ประเภทนี้ มีน้ ำาหนักมาก และต้องใช้พลังงานไฟฟ้ าสูง
แสดงการใช้งานจอสัมผัสเลือกตำาแหน่ งบนจอภาพ
4.2.5 อุปกรณ์รับเข้าแบบกราดตรวจ
เครื่องอ่านรหัส
แท่งแบบต่างๆ
เครื่องกราดตรวจ
(3) กล้องถ่ายภาพดิจิทัล (digital camera) เป็ นอุปกรณ์รับ
เข้าที่นิยมมากในปั จจุบัน อุปกรณ์ชนิ ดนี้ สามารถนำาเข้าข้อมูลที่เป็ น
รูปภาพหรือกราฟิ ก มีลักษณะและการใช้งานเหมือนกล้องถ่ายรูป
ธรรมดาทั่วไป แต่กล้องดิจิทัลไม่ต้องใช้ฟิล์มในการบันทึกภาพ แต่
จะเก็บข้อมูลภาพไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิ กส์ ข้อมูลที่เก็บเป็ นข้อมูล
แบบดิจิทัล ที่รูปแต่ละรูปประกอบด้วยจุดภาพ (pixel) เล็กๆ จำานวน
มาก ความละเอียดของภาพขึ้นอยู่กับจำานวนจุดดังกล่าว กล้อง
ั ผลิตได้ในปั จจุบันมีความละเอียดของภาพอยู่ระหว่าง 1 ล้าน
ดิจิทล
กล้องถ่ายภาพดิจิทัลและหน่ วยความจำาแบบแฟลช
ที่เก็บข้อมูล
4.2.6 อุปกรณ์รับเข้าแบบจดจำาเสียง
การใช้งานคอมพิวเตอร์ในยุคใหม่น้ี มีความพยายามทำาให้
เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถรับคำาสั่งหรือข้อมูลที่เป็ นเสียงพูดได้
ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการสั่งงานคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รับเข้าที่
ได้รับการพัฒนามาเพื่อประโยชน์ดังกล่าวเรียกว่า อุปกรณ์
วิเคราะห์เสียงพูด (speech recognition device) ซึ่งเป็ นอุปกรณ์ท่ีเกิด
ขึ้นจากความร่วมมือระหว่างนักคอมพิวเตอร์และนักภาษาศาสตร์
การใช้อุปกรณ์ชนิ ดนี้ ต้องมีซอฟต์แวร์ท่ีเก็บฐานข้อมูลของคำาศัพท์
และความหมายของคำา นอกจากนี้ ยังต้องจดจำานำ้าเสียงและสำาเนี ยง
ของผู้ท่ีจะใช้งานด้วย เนื่ องจากการพูดของคนแต่ละคนมีความแตก
ต่างกันในแง่ของนำ้าเสียงและสำาเนี ยง ดังนั้นก่อนการใช้งานอุปกรณ์
ู ละจดจำานำ้าเสียง สำาเนี ยงของผู้
ชิ้นนี้ ต้องทำาให้คอมพิวเตอร์เรียนร้แ
ใช้งานระยะหนึ่ งก่อนจึงใช้เริ่มงานจริงได้ ส่วนการทำางานของ
อุปกรณ์ชิ้นนี้ จะรับข้อมูลเข้าทางไมโครโฟน (microphone) แล้ว
แปลงข้อมูลเสียงให้เป็ นข้อมูลแบบดิจิทัล หลังจากนั้นนำาข้อมูลที่
แปลงได้ไปเปรียบเทียบกับคำาศัพท์ในฐานข้อมูล หาความหมายของ
คำานั้นซึ่งอาจเป็ นคำาสั่ง เมื่อได้ความหมายก็ส่ังให้คอมพิวเตอร์
กระทำาการตามความหมายของคำาสั่งดังกล่าว
ถึงแม้อุปกรณ์ชิ้นนี้ จะสามารถการรับเข้าข้อมูลสะดวกสบาย
ขึ้น อีกทั้งสามารถช่วยคนตาบอดที่ไม่สามารถสั่งงานเครื่อง
คอมพิวเตอร์ผ่านแผงแป้ นอักขระหรือเมาส์ได้ แต่ก็ยังมีข้อเสียที่
ต้องได้รับการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เช่น ปั ญหาในเรื่องของนำ้าเสียง
และสำาเนี ยง เนื่ องจากผู้ส่ังการถึงแม้จะเป็ นคนเดียวกัน แต่หากสั่ง
การในสภาวะอารมณ์ท่ีแตกต่างกันก็มีผลให้น้ ำาเสียงแตกต่างจาก
เดิม มีผลให้การทำางานของอุปกรณ์อาจผิดพลาดไปได้ และปั ญหา
ในเรื่องความสามารถในการจดจำาคำาศัพท์ยังมีข้อจำากัดในเรื่องของ
หน่ วยความจำา ทำาให้จำานวนคำาศัพท์ท่ีจำาได้มีจำากัด และไม่สามารถ
แยกแยะคำาศัพท์ท่ีท่ีพ้องเสียงกัน เช่น คำาศัพท์ภาษาอังกฤษ to too
และ two
4.3 หน่วยประมวลผลกลาง
หน่ วยประมวลผลกลาง หรือไมโครโพรเซสเซอร์ของไมโคร
คอมพิวเตอร์ มีหน้าที่นำาคำาสั่งและข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่ วยความจำา
มาแปลความหมายและกระทำาตาม คำาสั่งพื้นฐานของไมโคร
โพรเซสเซอร์ซึ่งแทนได้ด้วยรหัสเลขฐานสอง
การทำางานของหน่ วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วยการ
คำานวณทางคณิตศาสตร์พ้ ืนฐาน เช่น การบวก ลบ คูณ หาร การ
เปรียบเทียบข้อมูลสองจำานวน การควบคุมการเคลื่อนย้ายข้อมูลใน
ส่วนต่างๆ ของระบบ เช่น เคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์รับ
ข้อมูล อุปกรณ์แสดงผลกับหน่ วยความจำา เป็ นต้น
ไมโครโพรเซสเซอร์เพนเทียม ไมโครโพรเซสเซอร์เพนเทียม
ร่น
ุ แรกๆ โฟร์
ไมโครโพรเซสเซอร์เอเอ็มดี ไมโครโพรเซสเซอร์เอเอ็มดี
ร่น
ุ ต่างๆ
Unit : ALU)
ภาพขยายวงจร
อิเล็กทรอนิ กส์
ภาพด้านหลังของไมโคร ภายในไมโคร
โพรเซสเซอร์เพนเทียม มีขาที่ โพรเซสเซอร์
สามารถเสียบบนช่องสล็อต
(slot) และตรงกลางเป็ นวงจร
อิเล็กทรอนิ กส์กว้าง 24
มิลลิเมตร
4.3.1 หน่วยควบคุม
หน่ วยควบคุมเป็ นหน่ วยที่ทำาหน้าที่ประสานงาน และควบคุม
การทำางานของระบบคอมพิวเตอร์ หน่ วยนี้ ทำางานคล้ายกับสมอง
คนซึ่งควบคุมให้ระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกายทำางานประสานกัน
นอกจากนี้ ยังทำาหน้าที่ควบคุมให้อุปกรณ์รับข้อมูล ส่งข้อมูลไปที่
หน่ วยความจำา ติดต่อกับอุปกรณ์แสดงผลเพื่อสั่งให้นำาข้อมูลจาก
หน่ วยความจำาไปยังอุปกรณ์แสดงผล โดยหน่ วยควบคุมของ
คอมพิวเตอร์จะแปลความหมายของคำาสั่งในโปรแกรมของผู้ใช้ และ
ควบคุมให้อุปกรณ์ต่างๆ ทำางานตามคำาสั่งนั้น ๆ จากที่กล่าวมา
สามารถเปรียบเทียบการทำางานของหน่ วยควบคุมกับการทำางาน
ของสมองได้ดังนี้
สมอง หน่วยควบคุม
ควบคุมอวัยวะสัมผัสทั้ง ควบคุมการทำางานของอุปกรณ์รับ
ห้า ข้อมูล
จดจำาและระลึกเรื่องราว ควบคุมการเก็บและการนำาข้อมูลจาก
ต่าง ๆ หน่ วยความจำามาใช้
วิเคราะห์ปัญหา แก้ ควบคุมการทำางานของหน่ วยคำานวณ
ปั ญหาและตัดสินใจ และตรรกะ ให้ทำาการคำานวณและ
เปรียบเทียบ
ควบคุมการแสดงออก ควบคุมการทำางานของหน่ วยแสดง
โดยการพูดหรือการ ผลให้พิมพ์หรือบันทึกผล
เขียน
4.3.2 หน่วยคำานวณและตรรกะ
หน่ วยคำานวณและตรรกะเป็ นหน่ วยที่ทำาหน้าที่คำานวณทาง
เลขคณิต ได้แก่ การบวก ลบ คูณ หารและเปรียบเทียบทางตรรกะ
เพื่อทำาการตัดสินใจ เช่น ทำาการเปรียบเทียบข้อมูล เพื่อตรวจสอบ
ว่าปริมาณหนึ่ ง น้อยกว่า เท่ากับ หรือมากกว่า อีกปริมาณหนึ่ ง
แล้วส่งผลการเปรียบเทียบว่าจริงหรือเท็จไปยังหน่ วยความจำาเพื่อ
ทำางานต่อไป ตามขั้นตอนที่กำาหนดไว้ในเงื่อนไข การทำางานของเอ
แอลยูคือ รับข้อมูลจากหน่ วยความจำามาไว้ในที่เก็บชั่วคราวของเอ
แอลยูซึ่งเรียกว่า เรจิสเตอร์ (register) เพื่อทำาการคำานวณแล้วส่ง
ผลลัพธ์กลับไปยังหน่ วยความจำา ทั้งนี้ ในการส่งข้อมูลระหว่าง
อุปกรณ์ต่างๆ ข้อมูลและคำาสั่งจะอยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้ าแล้วส่ง
ไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านระบบส่งถ่ายข้อมูลผ่านในที่เรียกว่าบัส
(bus)
กลไกการทำางานของหน่ วยประมวลผลกลาง มีความสลับซับ
ซ้อน ผู้พัฒนาซีพียูได้สร้างกลไกให้ทำางานได้ดีขึ้น โดยแบ่งการ
ทำางานเป็ นส่วนๆ มีการทำางานแบบขนาน และทำางานเหลื่อมกัน
เพื่อให้ทำางานได้เร็วขึ้น
ในด้านความเร็วของซีพียูถูกกำาหนดโดยปั จจัย 2 อย่าง ปั จจัย
แรกคือ สถาปั ตยกรรมภายในของซีพียูแต่ละรุ่น ซีพียูท่ีได้รับการ
ออกแบบภายในที่ดก ี ว่าก็มีประสิทธิภายในการประมวลผลที่ดีกว่า
การพัฒนาทางด้านสถาปั ตยกรรมก็มีส่วนทำาให้ลก ั ษณะของซีพี
แตกต่างกันไป
นอกจากนี้ อีกปั จจัยหนึ่ งที่เป็ นตัวกำาหนดความเร็วของซีพียู
คือ ความถี่ของสัญญาณนาฬิกา (clock) ซึ่งเป็ นสัญญาณไฟฟ้ าที่
คอยกำาหนดจังหวะการทำางานประสานของวงจรภายในให้
สอดคล้องกัน ในอดีตสัญญาณดังกล่าวจะมีความถี่ในหน่ วยเป็ น
เมกะเฮิรตซ์ (megahertz) หรือล้านครั้งต่อวินาที ดังนั้น สำาหรับซีพียู
ที่มส
ี ถาปั ตยกรรมภายในเหมือนกันทุกประการ แต่ความถี่
สัญญาณนาฬิกาต่างกัน ซีพียูตัวที่มีความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงกว่า
จะทำางานได้เร็วกว่า และซีพียูท่ีมีอยู่ในปั จจุบันมีความถี่ในระดับจิ
กะเฮิรตซ์
4.3.3 วิวัฒนาการของหน่วยประมวลผลกลาง
เทคโนโลยีไมโครโพเซสเซอร์ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเริ่ม
จากปี พ.ศ. 2518 บริษท
ั อินเทลได้พัฒนาไมโครโพรเซสเซอร์ท่ีเป็ น
ขีดความสามารถของซีพียูท่ีจะต้องพิจารณา นอกจากขีดความ
สามารถในการประมวลผลภายใน การรับส่งข้อมูลระหว่างซีพียูกับ
อุปกรณ์ภายนอกแล้ว ยังต้องพิจารณาขีดความสามารถในการ
เข้าไปเขียนอ่านในหน่ วยความจำาด้วย ซีพียู 8088 สามารถเขียน
ไบต์) ซึ่งถือว่ามากในขณะนั้น
ความเร็วของการทำางานของซีพียูขึ้นอยู่กับการให้จังหวะที่
เรียกว่า สัญญาณนาฬิกา ซีพียู 8088 ถูกกำาหนดจังหวะด้วย
16 บิต ทำางานด้วยความเร็วของจังหวะสัญญาณนาฬิกาสูงกว่า
และยังติดต่อเขียนอ่านกับหน่ วยความจำาได้มากกว่า คือ ติดต่อได้
สูงสุด 16 เมกะไบต์ หรือ 16 เท่าของคอมพิวเตอร์รุ่นพีซี
พัฒนาการของเครื่องพีซีท่ีทำาให้ผู้ผลิตอื่นออกแบบเครื่อง
คอมพิวเตอร์ตามอย่างไอบีเอ็ม โดยเพิ่มขีดความสามารถเฉพาะ
ั ญาณนาฬิกาสูงขึ้นเป็ น 8
ของตนเองเข้าไปอีก เช่น ใช้สญ
ถ่ายข้อมูลได้ถึง 64 บิต
การพัฒนาทางด้านซีพียูเป็ นไปอย่างต่อเนื่ อง ไมโคร
โพรเซสเซอร์รุ่นใหม่จะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ใช้งานได้มาก
ขึ้น และจะเป็ นซีพียูในรุ่นที่ 8 ของบริษท
ั อินเทล โดยมีช่ ือว่า
80386 หลายบริษท
ั รวมทั้งบริษท
ั ไอบีเอ็มเร่งพัฒนาโดยนำาเอาซีพียู
4.4 หน่วยความจำาหลัก
หน่ วยความจำาหลัก คือ หน่ วยความจำาที่ต่อกับหน่ วยประมวล
ผลกลางและหน่ วยประมวลผลกลางสามารถใช้งานได้โดยตรง
หน่ วยความจำาชนิ ดนี้ จะเก็บข้อมูลและชุดคำาสั่งในระหว่างการ
ประมวลผลและมีกระแสไฟฟ้ า เมื่อปิ ดเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อมูลใน
หน่ วยความจำานี้ จะหายไปด้วย หน่ วยความจำาหลักที่ใช้ในระบบ
คอมพิวเตอร์ปัจจุบันเป็ นชนิ ดที่ทำามาจากสารกึ่งตัวนำา หน่ วยความ
จำาชนิ ดนี้ มีขนาดเล็ก ราคาถูก แต่เก็บข้อมูลได้มาก และสามารถให้
หน่ วยประมวลผลกลางนำาข้อมูลมาเก็บและเรียกค้นได้อย่าง
รวดเร็ว
หน่ วยความจำาของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยวงจร
อิเล็กทรอนิ กส์ ที่รับและส่งสัญญาณไฟฟ้ าในรูปแบบของรหัส โดย
นิ ยมแทนด้วยตัวเลข 0 และ 1 ซึ่งแทนสถานการณ์มีสัญญาณไฟฟ้ า
ตำ่าและสถานการณ์มีสัญญาณไฟฟ้ าสูง หรืออาจเปรียบเทียบได้กับ
สถานะของหลอดไฟฟ้ าคือ สถานะปิ ด และสถานะเปิ ด ดังนั้น ถ้ามี
หลอดไฟฟ้ าอยู่ 2 ดวง จะใช้สถานะปิ ดหรือเปิ ดแทนรหัสแบบต่าง ๆ
2 01
3 10
4 11
จะได้จำานวนรหัสที่เกิดจากการแทนสถานะของหลอด
ไฟฟ้ า 2 หลอด = 2 = 4 รหัส
2
= 2 = 16 รหัส
4
= 2 = 256 รหัส
8
ๆ ได้
4 รหัส
1,048,576 ไบต์
เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องอาศัยหน่ วยความจำาหลัก
เพื่อใช้เก็บข้อมูลและคำาสั่ง ซีพียูทำาหน้าที่นำาคำาสั่งจากหน่ วยความ
จำาหลักมาแปลความหมายแล้วกระทำาตาม เมื่อทำาเสร็จก็จะนำา
ผลลัพธ์มาเก็บในหน่ วยความจำาหลัก ซีพียูจะกระทำาตามขั้นตอน
เช่นนี้ เป็ นวงรอบเรื่อยๆ ไปอย่างรวดเร็ว เรียกการทำางานลักษณะนี้
ว่า วงรอบของคำาสั่ง (execution cycle)
จากการทำางานเป็ นวงรอบของซีพียูน้ี เอง การอ่านเขียนข้อมูล
ลงในหน่ วยความจำาหลักจะต้องทำาได้รวดเร็ว เพื่อให้ทันการทำางาน
ของซีพียู โดยปกติถ้าให้ซีพียูทำางานที่ความถี่ของสัญญาณนาฬิกา
2,000 เมกะเฮิรตซ์ หน่ วยความจำาหลักที่ใช้ท่ัวไปมักจะมีความเร็ว
หน่ วยความจำาสามารถใช้กับซีพียูท่ีทำางานเร็วขนาด 33
เมกะเฮิรตซ์ โดยการสร้างหน่ วยความจำาพิเศษมาคั่นกลางไว้ ซึ่ง
เรียกว่า หน่ วยความจำาแคช (cache memory) ซึ่งเป็ นหน่ วยความจำา
ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อนำาชุดคำาสั่ง หรือข้อมูลจากหน่ วยความจำาหลักมา
เก็บไว้ก่อน เพื่อให้ซีพียูเรียกใช้ได้เร็วขึ้น
4.4.1 หน่วยความจำาหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว
หน่ วยความจำาหลักแบบอ่านได้อย่างเดียวหรือที่เราเรียกว่า
รอม (Read Only Memory : ROM) เป็ นหน่ วยความจำาที่บริษท
ั ผู้
ผลิตไมโครคอมพิวเตอร์ได้บรรจุโปรแกรมมาเรียบร้อยแล้ว
โปรแกรมนี้ เก็บในลักษณะถาวร คือข้อมูลที่บรรจุในหน่ วยความจำา
แบบนี้ จะยังอยู่แม้จะปิ ดเครื่องไปแล้ว และเมื่อเปิ ดเครื่องใหม่หน่ วย
ประมวลผลกลางจะอ่านโปรแกรมหรือข้อมูลในรอมมาใช้ประมวล
ผลได้เท่านั้น โดยไม่สามารถที่จะนำาข้อมูลอื่นใดมาเขียนลงในรอม
ได้ สาเหตุท่ีต้องมีโปรแกรมเก็บไว้ถาวรก็เนื่ องจากเมื่อเวลาเริ่มต้น
ทำางานไมโครคอมพิวเตอร์จะต้องทำาการเรียกระบบปฏิบัติการจาก
แผ่นบันทึกมาบรรจุในหน่ วยความจำา หน่ วยความจำารอมที่ใช้ใน
ระบบไมโครคอมพิวเตอร์ จะมีขนาดประมาณ 8 KB ขึ้นไป
โปรแกรมที่เก็บไว้ในรอมและเป็ นหน่ วยสำาคัญของระบบนี้ มีช่ ือว่า
ไบออส BIOS (Basic Input Output System)
รอมส่วนใหญ่เป็ นหน่ วยความจำาไม่ลบเลือน แต่อาจยอมให้ผู้
พัฒนาระบบลบข้อมูลและเขียนข้อมูลลงไปใหม่ได้ การลบข้อมูลนี้
ต้องทำาด้วยกรรมวิธีพิเศษ เช่น ใช้แสงอัลตราไวโอเลตฉายลงบนผิว
ซิลค
ิ อน หน่ วยความจำาประเภทนี้ มก ั จะมีช่องกระจกใสสำาหรับฉาย
แสงขณะลบ และขณะใช้งานจะมีแผ่นกระดาษทึบปิ ดทับไว้ เรียก
หน่ วยความจำาประเภทนี้ ว่า อีพร็อม (Erasable Programmable Read
Only Memory : EPROM)
4.4.2 หน่วยความจำาหลักแบบแก้ไขได้
หน่ วยความจำาหลักแบบแก้ไขได้หรือที่เราเรียนกว่า แรม
(Random Access Memory : RAM) เป็ นหน่ วยความจำาหลักที่
สามารถนำาโปรแกรมและข้อมูลจากอุปกรณ์ภายนอกหรือหน่ วย
ความจำารองมาบรรจุไว้ หน่ วยความจำาแรมนี้ ต่างจากรอมที่
สามารถเก็บข้อมูลได้เฉพาะเวลาที่มีไฟฟ้ าเลี้ยงวงจรอยู่เท่านั้น หาก
ปิ ดเครื่องข้อมูลจะหายไปหมดสิ้น เมื่อเปิ ดเครื่องใหม่อีกครั้งจึงจะ
นำาข้อมูลหรือโปรแกรมมาเขียนใหม่อีกครั้ง หน่ วยความจำาชนิ ดนี้
ทำางานเหมือนกระดานดำา คือสามารถลบข้อมูลที่ไม่ใช้งานแล้วออก
ได เ้ พื่อเพิ่มพื้นที่ว่างในการเก็บข้อมูลใหม่ ไมโครคอมพิวเตอร์ 16
พ.ศ.2538 โดยบริษท
ั ไมครอนในประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ในเครื่อง
คอมพิวเตอร์ระดับเพนเทียมเอ็มเอ็มเอ็กซ์ เพนเทียมโปร ซึ่งไม่เป็ น
ที่นิยมแล้วในปั จจุบัน หลักการทำางานของแรมชนิ ดนี้ เหมือนกับเอฟ
พีเอ็มดีแรม แต่ใช้เวลาในการอ่าข้อมูลแต่ละไบต์เร็วกว่า โดย
สามารถส่งสัญญาณระบุตำาแหน่ งส่วนที่เป็ นสดมภ์ของไบต์ถัดไปได้
เลยโดยไม่ต้องรอให้การอ่านข้อมูลปั จจุบันเสร็จสิ้นก่อน ทำาให้เข้า
ถึงข้อมูลได้เร็วกว่าเอฟพีเอ็มดีแรมร้อยละ 5-10 แรมชนิ ดนี้ ทำางาน
133 เมกะเฮิรตซ์
เอสดีแรม (SDRAM)
สามารถทำางานได้เร็วกว่าเอสดีแรมธรรมดา 2 เท่าที่ความถี่
อาร์ดีแรม
(2) สแตติกแรม (Static RAM : SRAM) เป็ นหน่ วยความจำา
ที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้เร็วกว่าดีแรม เนื่ องจากไม่ต้องมี
การรีเฟรชอยู่ตลอดเวลา แต่หน่ วยความจำาชนิ ดนี้ มีราคาแพงและจุ
ข้อมูลได้ไม่มาก จึงนิ ยมใช้หน่ วยความจำาชนิ ดนี้ เป็ นหน่ วยความจำา
แคช ซึ่งเป็ นอุปกรณ์ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำางานของดีแรม และ
เราจะกล่าวถึงรายละเอียดของหน่ วยความจำาชนิ ดนี้ ในหัวข้อต่อไป
นอกจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิ กส์ท่ีกล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมี
อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่ ง ที่เป็ นอุปกรณ์หลักภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
เนื่ องจากเป็ นอุปกรณ์ท่ีรวมองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ทุกหน่ วย
เข้าด้วยกัน อุปกรณ์ชิ้นนั้นคือ แผงวงจรหลัก หรือเมนบอร์ด (main
ส่วนประกอบบนแผงวงจรหลักภายในเครื่อง
คอมพิวเตอร์
จากรูป เมนบอร์ดประกอบด้วยอุปกรณ์หลักดังนี้
1. พอร์ตต่อเชื่อมกับอุปกรณ์รอบข้าง พอร์ต (port) เป็ น
ช่องสำาหรับต่อเข้ากับหน่ วยรับเข้า หน่ วยแสดงผล รวมทั้งอุปกรณ์
สนับสนุนทั้งหลาย อาจเป็ นแผงแป้ นอักขระ เมาส์ เครื่องพิมพ์ ใน
ปั จจุบันพอร์ตที่มีการใช้อยู่ ได้แก่ พอร์ตแบบอนุกรม (serial port)
4.5 หน่วยความจำารอง
ในยุคสังคมสารสนเทศทุกวันนี้ ข้อมูลและโปรแกรม
คอมพิวเตอร์จะมีจำานวนหรือขนาดใหญ่มาก ตามความเจริญ
ก้าวหน้าของเทคโนโลยีและความซับซ้อนของปั ญหาที่พบในงาน
ต่าง ๆ หน่ วยความจำาหลักที่ใช้เก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์จึงต้องมี
ขนาดใหญ่ตามไปด้วย โดยทั่วไป หน่ วยความจำาหลักจะมีขนาด
จำากัด ทำาให้ไม่พอเพียงสำาหรับการเก็บข้อมูลจำานวนมาก เป็ นการ
เพิ่มขีดความสามารถด้านจดจำาของคอมพิวเตอร์ให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ถ้ามีการปิ ดเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะทำางาน ข้อมูล
และโปรแกรมที่เก็บไว้ในหน่ วยความจำาหลักหรือแรมจะสูญหายไป
หมด หากมีข้อมูลส่วนใดที่ต้องการเก็บไว้ใช้งานในภายหลังก็
สามารถเก็บไว้ในหน่ วยความจำารอง หน่ วยความจำารองที่นิยมใช้
กันมากจะเป็ นจานแม่เหล็กซึ่งจะมีแผ่นบันทึกและฮาร์ดดิสก์
4.5.1 ฮาร์ดดิสก์
4.5.2 แผ่นบันทึก
4.5.3 ซีดีรอม
4.5.4 ดีวีดี
4.5.1 ฮาร์ดดิสก์
การเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์เข้ากับระบบ
ฮาร์ดดิสก์ คอมพิวเตอร์
โดยมีสายส่งสัญญาณ IDE เป็ นสื่อ
กลางเชื่อมฮาร์ดดิสก์
กับเมนบอร์ด
ฮาร์ดดิสทั่วไปจะประกอบด้วยแผ่นบันทึกมากกว่าหนึ่ งแผ่นมา
ประกบซ้อนทับกัน แล้วบรรจุในกล่องปิ ดมิดชิด หน่ วยขับฮาร์ดดิสก์
จะต้องมีจำานวนหัวอ่านบันทึกเท่ากับจำานวนผิวหน้าของแผ่นบันทึก
หัวอ่านบันทึกทุกตัวจะเชื่อมต่อกันในลักษณะที่ให้ทุกตัวเคลื่อนย้าย
ในเวลาเดียวกันได้ ฮาร์ดดิสก์จะมีหน่ วยอ้างอิงตำาแหน่ งเป็ นไซ
ลินเดอร์ (cylinder) แทนการเรียกเป็ นแทร็กเหมือนแผ่นบันทึก
ข้อมูล เพราะฮาร์ดดิสก์ประกอบด้วยแผ่นบันทึกหลาย ๆ แผ่นซ้อน
กันเป็ นทรงกระบอก จึงมีตำาแหน่ งแทร็กตรงกันหลายแผ่น หลังจาก
นั้นจะมีการบอกข้อมูลที่ต้องการว่าอยู่หน้าใด หรือตรงหัวอ่าน
บันทึกตัวใด จำานวนไซลินเดอร์ของฮาร์ดดิสก์แปรเปลี่ยนไปตามรุ่น
หัวอ่านบันทึกของหน่ วยขับแผ่นบันทึก และหน่ วยขับฮาร์ดดิสก์จะ
แตกต่างกัน โดยหัวอ่านบันทึกของหน่ วยขับบันทึกจะสัมผัสโดยตรง
กับผิวจานแม่เหล็ก จึงมีวธิ ีการอ่านและบันทึกข้อมูลคล้ายกับวีดิ
ทัศน์หรือเครื่องเล่นเกม ส่วนหัวอ่านบันทึกของหน่ วยขับฮาร์ดดิสก์
จะลอยสูงจากผิวจานแม่เหล็ก ขณะที่จานหมุนด้วยความเร็วสูง
หลายพันรอบต่อวินาที การลอยสูงขึ้นนี้ จะอยู่ในระยะประมาณ 4
อีก 7 อุปกรณ์
เชื่อมโยงกับช่องเสียบแผงวงจร (slot)
ในการเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์นอกจากจะต้องพิจารณาเครื่องขับ
แล้วจะต้องคำานึ งถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ความเข้ากันได้ของตัวควบคุม โดยตัวควบคุม
ฮาร์ดดิสก์จะต้องเข้าได้พอเหมาะกับตัวฮาร์ดดิสก์เอง ถ้าเข้ากันไม่
ได้ก็จะมีผลกระทบต่อระบบความเชื่อถือของข้อมูลด้วย
2. อัตราการโอนย้ายข้อมูลและเวลาแสวงหา
4.5.5 หน่วยความจำาแบบแฟลช