Professional Documents
Culture Documents
ท่านสาธุชนผู้มีเกียรติ
นอกจำกนั้นยังมีท่ำนที่ยังไม่เคยศึกษำมำก่อนเลย มำรวมสมทบด้วยอีกจำำนวนหนึ่ง
สำำหรับในวันนี้ ผมจะยังไม่ตั้งต้นแสดงถึงเนื้อหำของพระอภิธรรมแต่ประกำรใด
หำกแต่จะกล่ำวถึงควำมเป็นไปที่เกี่ยวแก่พระอภิธรรม ให้ท่ำนได้เห็นหน้ำตำเอำ
ไว้เสียก่อนว่ำ
กำรที่จะศึกษำพระอภิธรรมนั้น จะศึกษำกันในเรื่องอะไรบ้ำง จะศึกษำกันไปทำำไม
และเมื่อศึกษำแล้ว จะเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของผู้ศึกษำเองมำกน้อยแค่ไหน และ
กำรบรรยำยทุกครั้งผมจะเหลือเวลำตอนสุดท้ำยไว้เล็กน้อย เพื่อให้ทำ่ นนักศึกษำ
ได้ถำมปัญหำต่ำง ๆ ที่ท่ำนยังไม่สู้จะเข้ำใจทุก ๆ ครำว
ท่ำนนักศึกษำที่ได้มำร่วมประชุมกันในวันนี้ ผมเชื่อแน่ว่ำได้ผ่ำนกำรศึกษำวิชำกำร
ในด้ำนต่ำง ๆ มำมำก และได้มีประสบกำรณ์ต่ำง ๆ ในชีวิตมำมิใช่น้อย ดังนั้นท่ำน
ก็ย่อมจะเป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยเหตุผลอันเป็นของท่ำนเอง พร้อมทั้งมีหลักกำร
หรืออุดมกำรณ์ที่แน่วแน่
ดังนั้นจึงเป็นกำรเหมำะสมอย่ำงยิ่งสำำหรับท่ำนผู้ซึ่งมีควำมรู้ในวิชำกำรต่ำง ๆ มำ
เป็นอย่ำงดี ทั้งมีควำมปรำรถนำใคร่จะพิจำรณำหรือชอบค้นคว้ำหำควำมจริงใน
เรื่องของชีวิตซึ่งเป็นปัญหำที่ออกจะสลับซับซ้อนเป็นอย่ำงยิ่ง
สัญชำติญำณที่แสดงออกมำอย่ำงใด ก็นำำมำศึกษำแล้วตีควำมของกำรแสดงออกซึ่ง
พฤติกรรมนั้น ๆ แต่ไม่ทรำบว่ำ สัญชำตญำณเกิดขึ้นได้อย่ำงไร
และแม้กำรนอนหลับซึ่งเกิดอยู่ต่อหน้ำหรือเกิดอยู่เป็นประจำำทุกรูปทุกนำมก็ยัง
อธิบำยไม่ได้
ขอท่ำนได้ทดลองศึกษำพระอภิธรรมดูสักพัก ก็จะเห็นว่ำผมมิได้เจตนำที่จะกล่ำว
เท็จ และมิได้นำำพำท่ำนไปสู่เรื่องที่ปรำศจำกเหตุผลหรือข้อเท็จจริงอย่ำงใดเลย
แต่ย่อมจะไม่ทรำบว่ำอะไรคือชีวิตที่แท้จริง ชีวิตมีควำมเป็นมำและเป็นไปอย่ำงไร
?
และจิตใจให้กำำลังพลังแก่ร่ำงกำยอย่ำงไร?
เพรำะว่ำเมื่อเข้ำใจชีวิตดีแล้ว ก็จะได้ทรำบที่มำและที่ไปของชีวิตอันน่ำอัศจรรย์ก็
จะทรำบว่ำ มีอะไรบ้ำงที่นับว่ำมีสำระแก่นสำร อันชีวิตจะได้เข้ำไปพึ่งพำอำศัย
อย่ำงถำวร เมื่อเช่นนี้ จิตใจก็จะแช่มชื่นแจ่มใส อันไม่เคยได้คำดหวังไม่เคยได้รู้รส
เช่นนี้มำก่อน
ท่ำนผู้ศึกษำอำจใช้เวลำว่ำงวันละเล็กละน้อย เพื่อศึกษำชีวิตให้เข้ำใจได้อย่ำง
แตกฉำนภำยในเวลำไม่นำนนัก แล้วท่ำนจะพบควำมจริงว่ำเรื่องของชีวิตนี้น่ำ
ศึกษำเพียงไร ถ้ำศึกษำไปพอสมควรแล้ว จะรู้สึกว่ำมีควำมรู้อันไม่เคยได้เรียนรู้มำ
แต่ก่อนเกิดขึ้นเป็นอันมำก แล้วดูเหมือนมีชวี ิตขึ้นมำใหม่ที่น่ำภำคภูมิใจ
ผมขอให้ท่ำนทั้งหลำยที่ยังไม่เคยได้ศึกษำมำแต่ก่อนเลย ลองถำมท่ำนนักศึกษำเก่ำ
ๆ ดูว่ำ เขำมีควำมสุขควำมเยือกเย็นใจเพียงใดปีกลำยกับปีนี้มีควำมแตกต่ำงกันมำก
ไหม ท่ำนจะได้รับคำำอธิบำยจำกท่ำนนักศึกษำเก่ำ ๆ เขำจะเปรียบเทียบให้ท่ำนฟัง
ควำมเยือกเย็นใจอย่ำงแปลกประหลำด ซึ่งอธิบำยเป็นถ้อยคำำได้ไม่ง่ำยนัก ไม่
เหมือนกับควำมสุขที่ได้รับในทำงโลก
แต่ท่ำนจะไม่มีควำมสุขอีกชนิดหนึ่งดังเช่นผู้ที่เคยศึกษำมำแล้ว หรือกำำลังศึกษำอยู่
ได้รับ นั่นก็คือควำมรู้สึกเยือกเย็นใจอย่ำงประหลำด มีควำมรู้สึกว่ำชีวิตนี้มีค่ำ ชีวิต
นี้มีควำมหมำย ได้ที่พึ่งยึดเกำะอย่ำงมั่นคง จึงเบำสบำยคลำยจำกควำมเร่ำร้อน ซึ่ง
เป็นไปโดยอัตโนมัติ
ขอให้ท่ำนทั้งหลำยลองพิจำรณำดูชีวิตของตนเองที่ผ่ำนมำจนถึงปัจจุบันนี้ แล้วตั้ง
คำำถำมขึ้นในใจว่ำ ชีวิตของเรำนี้มีควำมเป็นมำอย่ำงไร ต่อไปข้ำงหน้ำจะเป็น
อย่ำงไรชีวิตนี้มำจำกไหน ต่อไปข้ำงหน้ำจะไปไหน ทำำไมในบำงครำวจึงมีควำม
รู้สึกว่ำว้ำเหว่ใจขึ้นมำ มีควำมรู้สึกคล้ำย ๆ กับว่ำ ชีวิตนี้ตกอยู่ในควำมเปล่ำเปลี่ยว
เสียเหลือเกิน ไม่มีที่พึ่งพำทำงใจอันจะทำำให้เกิดควำมมั่นคงได้ หรือมีควำมรู้สึกว่ำ
ชีวิตนี้ยังขำดอะไรสักอย่ำงยังไม่สมบูรณ์ แล้วก็ครุน่ คิดในเรื่องเหล่ำนี้ไปต่ำง ๆ
นำนำ
กำรที่ทำำได้เช่นนี้ก็เพรำะพระอภิธรรมนั้นมีคุณค่ำมำกมำยเหลือเกิน หรือพูดได้ว่ำ
หำค่ำมิได้ ทำำให้ท่ำนนักศึกษำได้รับควำมสุขใจ ผมเป็นผู้บรรยำยก็มีควำมสุขใจ
ยิ่งท่ำนนักศึกษำบำงท่ำนบอกว่ำเมื่อก่อนที่ยังไม่ได้เรียน ฐำนะควำมเป็นอยู่
ครอบครัวไม่ดี มีรำยได้ไม่พอ ลูกเต้ำหลำยคนผมเดือดร้อนทำงใจเหลือเกิน นอน
ไม่ค่อยหลับ เป็นห่วงครอบครัวว่ำจะยำกจนอดอยำกประเดี๋ยวจะเป็นอย่ำงนั้นจะ
เป็นอย่ำงนี้
ตำมที่ผมได้ยกตัวอย่ำงนี้ขึ้นมำก็เพื่อชี้ให้เห็นว่ำ พระอภิธรรมนี้ได้ช่วยให้ความรู้
แก่เราอย่างลึกซึ้งช่วยให้ชีวิตแจ่มใสรื่นเริงใจ ทำำให้ชีวิตมีควำมหมำย ไม่เปล่ำ
เปลี่ยวว้ำเหว่ คล้ำยกับได้ที่ยึดเหนี่ยวที่ดีที่สุดมำเป็นเพื่อนคอยติดตำมไปทุกหนทุก
แห่งไม่ว่ำที่ไหนแม้จะนอนป่อยเจ็บอยู่ในโรงพยำบำลหรืออยู่ในเรื่องจำำ ซึ่งมีคน
อยู่มำกเหมือนกันบอกว่ำช่วยให้เดือดร้อนน้อยลง
ตำมที่ผมยกเรื่องรำวเกี่ยวกับควำมสุขที่ได้รับจำกกำรศึกษำพระอภิธรรมมำแสดงนี้
ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่ำ ประโยชน์ที่ว่ำนี้เป็นประโยชน์อันคุ้มค่ำที่จะเสียสละเวลำมำเรียน
สัปดำห์หนึ่งในวันอำทิตย์เพียง ๑ หรือ ๒ ชัว่ โมงเท่ำนั้น เรำทำำงำนช่วยคนอื่นมำ
ตลอด ๗ วัน เรำมำสละเวลำให้ตัวเองจริง ๆ เพียง ๑ หรือ ๒ ชั่วโมงเท่ำนั้น ย่อมไม่
มำกเลย
๑. เหตุจำกบุคคลอื่นที่เข้ำมำพัวพันกับเรำ
๒. เหตุที่มำจำกธรรมชำติ
๓. เหตุที่มำจำกตัวของเรำเอง
เหตุที่เกิดมาจากคนอื่น
ก็เพรำะว่ำบุคคลทั้งหลำยที่มีชีวิตขึ้นมำแล้วจะอยู่แต่ลำำพังคนเดียวไม่ได้ ต้องอำศัย
บุคคลอืน่ ร่วมด้วย อำจจะเป็นญำติมิตรหรือบุคคลที่ไม่รู้จักมำก่อนมำรวมกัน
ด้วยเหตุนี้ย่อมจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ บำงครั้งก็ก่อควำมสะเทือนใจให้เกิดขึ้น
นอกจำกควำมเห็นขัดแย้งกันแล้ว ก็มำจำกควำมปรำรถนำของสำมี ภรรยำ บุตร
ธิดำ ที่เรำไม่สำมำรถสนองควำมต้องกำรได้
เมื่อแต่ละคนต่ำงมีควำมปรำรถนำด้วยกัน มีจุดหมำยปลำยทำงอันเดียวกันดังนี้แล้ว
จึงต้องต่อสู้เอำรัดเอำเปรียบกันเป็นสำมำรถ มือใครยำวก็สำวเต็มที่ เหตุเพรำะ
ควำมเจริญทำงวัตถุมีมำกขึ้น เมื่อผู้คนเกิดมำกขึ้น ควำมเบียดเบียนจึงต้องมีมำกขึ้น
ด้วย ดังนั้นจึงหนีไปไม่พ้นจำกควำมทุกข์ร้อนกังวลห่วงใย ควำมเศร้ำเสียใจ ไป
จนถึงรบรำฆ่ำฟันกันตำย โลกนี้จึงหำสันติได้ยำกยิ่ง
อำานาจจิตก็จะก่อให้เกิดความป่วยเจ็บออกมาทางกาย เป็นโรคเกี่ยวกับทำงเดิน
อำหำร เช่นท้องอือเฟ้อ อำหำรไม่ย่อย เป็นแผลที่ทำงเดินอำหำร ควำมดันโลหิตสูง
โรคหัวใจ วัณโรค จึงต้องรักษำคนป่วยที่เนื่องมำจำกจิตเสีย ๓ คน ในจำำนวน ๕
คน
เพรำะควำมครุ่นคิดกังวลทุกข์ร้อนมีอยู่ประจำำ บำงคนก็ทนอยู่ในควำมทุกข์เหล่ำนี้
ไม่ได้ สุขภำพของจิตจึงได้เสื่อมลง จนกลำยเป็นโรคประสำท โรคจิต ไปจนถึง
กำรฆ่ำตัวตำย
เหตุที่มาจากธรรมชาติ
ท่ำนลองพิจำรณำดูว่ำเรำจะต้องแก้ปัญหำจำกคนที่เข้ำมำเกี่ยวข้องพัวพันกับเรำ
แล้ว เรำยังต้องแก้ปัญหำที่เกี่ยวข้องกับดินฟ้ำอำกำศที่เป็นไปตำมธรรมชำตินี้อีก
ด้วย เมื่อยู่ที่นี่ร้อนไปก็ย้ำยไปที่นั่นเมื่อยุงชุมก็ต้องหำมุ้งมำกำง เมื่อป่วยเจ็บก็ต้อง
ดิ้นรนหำยำรักษำ เหล่ำนี้เป็นต้น
เหตุที่มาจากตัวเราเอง
เหตุที่มาจากทางกายก็คือ เรำจะต้องประคบประหงมบำำรุงปรุงแต่งร่ำงกำยของเรำ
อยู่ตลอดเวลำ เมื่อสกปรกก็ต้องอำบนำ้ำ แปรงฟัน ล้ำงหน้ำให้สะอำด แม้กระนั้น
มันก็ไม่ได้ดังใจ แต่ก็สำมำรถแก้ปัญหำให้จบสิ้นลงได้ นอกจำกที่กล่ำวมำแล้ว เมื่อ
หิวก็ต้องไปหำอำหำรกิน กินแล้วก็ต้องถ่ำย ต้องไปเที่ยวเตร่และพักผ่อน ไปจนถึง
หลับนอน และวนเวียนทำำเช่นนั้นซำ้ำแล้วซำ้ำเล่ำ
เหตุนี้จึงนับว่ำเป็นควำมลำำบำกในกำรแก้ปัญหำให้แก่รำ่ งกำยของเรำเองอยู่ตลอด
เวลำ โดยไม่มีวันสร้ำงซำ
ผมกล่ำวตำมควำมเป็นจริงเช่นนี้ก็เพื่อให้เห็นว่ำ ร่ำงกำยของเรำนี้ไม่อยู่ในอำำนำจ
บังคับบัญชำของเรำเลย มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยไม่ฟังใครทั้งนั้น เรำต้องแก้ไข
ควำมทุกข์ให้แก่มันอยู่ตลอดเวลำ
ท่ำนทั้งหลำยย่อมจะเห็นได้แล้วว่ำ เพียงร่ำงกำยเท่ำนั้นยังทำำให้เกิดควำมลำำบำก
มำกมำยถึงเพียงนี้
ทางจิตของเราก็เหมือนกัน ประเดี๋ยวมีควำมโลภ ประเดี๋ยวมีควำมโกรธ บำงทีเกิด
ควำมเสียใจเศร้ำหมอง กลุ้มอกกลุ้มใจในเรื่องต่ำง ๆ ร้อยแปดประกำยประดังกัน
เข้ำมำกระทบกระเทือนใจให้เรำหวั่นไหวไม่เป็นปกติ
ถ้ำควำมทะยำนอยำกเกิดขึ้นแก่จิตเมื่อใดก็ให้พยำยำมถดถอยลงมำเสีย จะได้ร้อน
ใจน้อยลงสักหน่อย แต่จะไม่สำำเร็จง่ำยนักต้องพยำยำมที่จะต่อสู้และอดทน ทั้งนี้
เพรำะว่ำมันมีอำำนำจมำกจึงเป็นเหตุให้เรำต้องใช้ควำมคิด ซึ่งบำงทีถึงกับนอนไม่
หลับก็มี
แม้เรำจะสร้ำงปรำกำรขึ้นให้แข็งแกร่งสักเพียงใด ปรำกำรที่ว่ำแข็งแกร่งนั้นก็มัก
จะถูกควำมปรำรถนำเข้ำมำทำำลำยจนย่อยยับไป แล้วเรำก็ตกอยู่ในฐำนะต้อง
พยำยำมดับควำมปรำรถนำ หรือพยำยำมให้สมควำมปรำรถนำนั้นจนได้ ทั้งนี้ก็
เพราะดวงจิตของเรานั้นหาใช่นักโทษที่อยู่ภายในที่กักกันไม่
และนอกจำกจะก่อควำมเร่ำร้อนให้ในชำตินี้แล้ว ในพระพุทธศำสนำยังแสดงว่ำ
อำานาจของควาททะยานอยากอันเป็นตัณหา ยังก่อกำาลังอำานาจผลักส่งให้ไปเกิดใน
ภพภูมิต่าง ๆ เป็นกำรสร้ำงควำมทุกข์ควำมเร่ำร้อนต่อ ๆ ไป ชำติแล้วชำติอีก
ตำมที่ผมได้กล่ำวมำทั้งหมดนั้น มิได้เพ่งเล็งแต่ในแง่ร้ำยซึ่งจะทำำให้ใจคอไม่ดี ใน
พระพุทธศำสนำไม่ได้สอนให้เพ่งเล็งในแง่ร้ำย แม้ในแง่ดีก็ไม่ให้เพ่งเล็งเข้ำไป แต่
สอนให้เล็งไปยังควำมจริงซึ่งไม่มีใครจะเถียงได้
เพรำะควำมแก่เฒ่ำก็กำำลังคืบคลำนเข้ำมำอยู่ทุกวี่ทุกวัน ควำมตำยก็มำเรียกร้องถำม
หำอยู่เสมอ ขณะนี้อำยุเรำก็ไม่ใช่เล็กน้อยแล้ว แต่เรำก็ยังแก้ปัญหำให้แก่ชีวิตอย่ำง
เต็มที่อยู่ทั้งวัน ไม่มีเว้นตลอดเวลำอันยำวนำนมำจนถึงปัจจุบันนี้
และถ้ำหำกว่ำชำติหน้ำมีอีกเรำก็จะต้องแก้ปัญหำอย่ำงนี้อีก หรือแก้ไขในชำติ
โน้นๆ ต่อ ๆ ไปอีกร้อยชำติ กี่พันชำติ โดยไม่รจู้ ักจบจักสิ้นเลย แล้วถ้ำหำกไปเกิด
ในที่ ๆ ไม่ดีเช่นสัตว์เดรัจฉำนก็ยิ่งน่ำกลัวขึ้นอีกตั้งพันเท่ำ
ด้วยเหตุดังกล่ำวนี้เอง ความไม่เข้าใจชีวิตจึงนับว่าเป็นภัยอันใหญ่หลวงน่าเกรง
ขามยิ่งกว่าใดๆ ทั้งสิน้ เพรำะควำมทุกข์ที่จะต้องแก้ มิใช่ติดตำมเรำไปเพียงครั้ง
หนึ่งครำวเดียว หรือชำติหนึ่งชำติเดียวเท่ำนั้น
พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำจึงได้แสดงธรรมเพื่อแก้ทุกข์ หรือแก้ปัญหำชีวิตโดยแบ่ง
ออกเป็น ๓ ประกำรด้วยกัน คือ
๑. สอนเพื่อให้ได้รับประโยชน์สำาหรับในชาตินี้
คือให้คนเรำอยู่เย็นเป็นสุข มีกำรสอนให้ขยันหมั่นเพียรทำำมำหำกินตั้งตัวให้ได้
สอนให้รู้จักรักษำทรัพย์สินที่ทำำมำหำได้ สอนให้คบกัลยำณมิตร สอนให้ดำำรงชีวิต
ชอบโดยสมำ่ำเสมอ ที่รู้กันทัว่ ไปคือ คำถำเศรษฐี
๒. ให้รจู้ ัดทำาบุญทำากุศล
๓. สอนปรมัตถประโยชน์
ในสมัยหนึ่งท่ำนทั้งหลำยก็ทรำบมำแล้ว เมื่อพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำเสวยพระ
กระยำหำรแล้ว ในสมัยนั้นพระองค์ได้บรรลุมรรคผลใหม่ ๆ หลังจำกปัญจวัคคีย์
ได้เดินทำงหนีไป ปัญจวัคคีย์มองเห็นว่ำพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำมีควำมมักมำก เมื่อ
ก่อนไม่ยอมฉันอำหำรมำกเวลำนี้มำฉันอำหำรเพิ่มขึ้น ปัญจวัคคีย์ก็ขำดควำม
เลื่อมใส จึงเดินทำงหนีไปอยู่ในที่แห่งหนึ่ง
เมื่อพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำตรัสรู้แล้ว พระองค์มีควำมปรำรถนำจะโปรดปัญจวัคคีย์
เป็นเบื้องต้น ควำมจริงปัญวัคคีย์เหล่ำนั้นได้เพียรพยำยำมค้นคว้ำหำหนทำงมำเป็น
เวลำนำนแล้ว หนทำงนั้นคือ “อมตธรรม” แปลว่ำ ธรรมที่ไม่ตำย แต่คน้ คว้ำเท่ำใด
ก็มิได้พบจนกระทั่งมำถึงสมัยพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ ด้วยควำมหวังว่ำจะได้รับผล
คือ “ธรรมที่ไม่ตำย” จำกพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ
แต่ครั้นมำบัดนี้ พระองค์เสวยพระกระยำหำรเสียแล้วจึงได้ชวนกันหลีกหนีไปอยู่
ยังที่อีกแห่งหนึ่ง ครั้งเมื่อพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำตรัสรู้อนุตรสัมมำสัมโพธิญำณแล้ว
พระองค์ก็เพ่งเล็งว่ำจะต้องไปแสดงธรรมโปรดแก่ปัญจวัคคีย์ก่อนเพรำะว่ำมีกิเลส
เบำบำง
เมื่อพระองค์เดินทำงไปถึงแล้ว ปัญจวัคคีย์เหล่ำนั้นเห็นพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำเสด็จ
มำแต่ไกล จึงลงมติกันว่ำพวกเรำจะไม่ต้อนรับและจะไม่รับใช้ตำมที่เคยมำแต่ก่อน
เมื่อพระองค์ปรำรถนำอะไรก็ให้พระองค์ชว่ ยตัวเอง
ทั้งนี้ก็เพรำะได้ฟังคำำตรัสของพระองค์ท่ำนเพียงประโยคเดียวเท่ำนั้นที่เป็นแรง
ดลใจ คือพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำได้ตรัสแล้ว “บัดนี้เรำได้พบอมตธรรมแล้ว”
พระองค์ทรงทรำบแน่ว่ำปัญจวัคคีย์ได้ค้นคว้ำหำอมตธรรมกันมำนำนนักหนำแล้ว
ผมจะไม่ขออธิบำยให้ยืดยำว กำรที่พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำแสดงให้ปัญจวัคคีย์เห็น
ว่ำ ควำมสุขอันสถำพรนั้น ก็คือว่ำไม่ต้องหมุนเวียน เกิดแล้วเกิดอีกต่อไป เพรำะ
เมื่อชีวิตมิได้มีเสียแล้ว ควำมทุกข์ก็ไม่มีโอกำสที่จะเกิดขึ้นมำไดเพรำะเมื่อชีวิต
ไม่มีเสียแล้ว จะเอำควำมทุกข์ไปวำงลงตรงไหน และเมื่อชีวิตมิได้เกิดมีเสียแล้ว จะ
เอำควำมตำยไปใส่ไว้ตรงที่ใด
คือเมื่อผู้ใดได้มรรคผลเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระอรหันต์ สิ้นชีวิตลงแล้วไม่มีกำร
เกิดอีกต่อไป แล้วควำมตำยก็มีไม่ได้ ดังนัน้ กำรแก้ไม่ให้ตำยก็ต้องอย่ำให้เกิด
เท่ำนั้นเอง
ปัญหำสำำคัญจึงอยู่ที่ว่ำ ทำาอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดเสีย
ได้
เพรำะว่ำพระอภิธรรมปิฎกได้กล่ำวถึง เรื่องควำมเป็นมำและเป็นไปของชีวิต
โดยตรง เมื่อเข้ำใจชีวิตดีแล้วก็จะแก้ปัญหำให้แก่ชีวิตได้ ทำำให้ควำมทุกข์ควำม
เดือดร้อนเบำบำงลง ไปจนถึงกำรพ้นจำกควำมทุกข์โดยเด็ดขำดสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้เอง ท่ำนทั้งหลำยที่มำศึกษำหำหนทำงดังกล่ำวจึงนับว่ำมีประโยชน์
มำกมำยต่อชีวิตของท่ำน ถ้ำจะว่ำไปแล้วก็มำกกว่ำวิทยำกำรใด ๆ ในโลกนี้
ในวันนี้ ผมเพียงนำำทำงเพื่อให้ท่ำนได้เห็นหน้ำตำของพระอภิธรรมเพียงเล็ก ๆ
น้อย ๆ เท่ำนั้น
เพื่อให้ท่ำนได้ทรำบถึงประโยชน์จะได้นำำมำประกอบกำรตัดสินใจว่ำ สมควรจะ
เริ่มต้นศึกษำกันหรือยัง ควรจะสละเวลำที่มีค่ำเพียงสัปดำห์ละไม่กี่ชั่วโมงนี้หรือ
หำไม่
ถ้ำเห็นสมควรก็ขอให้มำศึกษำเป็นประจำำ ผมขอให้ท่ำนสละเวลำมำศึกษำให้
ติดต่อกันสัก ๒ เดือน รวมกันเข้ำก็ ๘ ครั้งเท่ำนั้น แล้วต่อจำกนั้นไป ถ้ำท่ำนเห็นว่ำ
ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่ำไร ไม่คุ้มค่ำกับกำรเสียเวลำมำก ท่ำนจะหยุดเสียก็แล้วแต่ใจ
ของท่ำน
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ท่ำนทดลองดูว่ำกำรศึกษำพระอภิธรรมจะมีประโยชน์จริงหรือไม่
เป็นวิชำกำรที่น่ำศึกษำเพียงใดเท่ำที่ผมได้บรรยำยอยู่ที่พุทธสมำคมฯ นีม้ ำนำนแล้ว
สังเกตเห็นว่ำมีท่ำนนักศึกษำบำงท่ำนพอมำฟังเริ่มต้นครั้ง ๒ ครั้ง ต่อจำกนั้นบำงที
ก็ไม่มำอีกเลย ซึ่งเป็นกำรน่ำเสียดำยอย่ำงยิ่ง
ผมเหลือเวลำในตอนท้ำยเพื่อเปิดโอกำสให้ท่ำนได้ซักถำม เพื่อให้ท่ำนทั้งหลำยได้
แสดงควำมคิดเห็นอะไรบ้ำง เพรำะว่ำบำงทีผมพูดฝ่ำยเดียวก็ไม่ทรำบควำมคิดเห็น
ของท่ำนว่ำมีควำมคิดเห็นอย่ำงไร หรือว่ำท่ำนจะถำมปัญหำอะไรที่คิดมำจำกบ้ำน
ก็ได้ หรือจะขอร้องให้ผมวำงแนวกำรบรรยำยอย่ำงไรก็ขอเชิญ
ผมพูดถึงเรื่องเทวดำแต่ไม่ใช่เป็นกำรเริ่มเรื่องเป็นเรื่องเทวดำที่ต่อมำจำกครำวก่อน
ๆ ดังนัน้ เหตุผลในเรื่องเทวดำก็ไม่ได้พูดอะไรมำกนัก ตั้งแต่วันนั้นมำ ท่ำนผู้นั้นก็
ไม่มำอีกเลย ผมไปพบเข้ำเขำก็บอกว่ำ "พูดเรื่องเทวดำอะไร เป็นกำรเพ้อฝัน เทวดำ
ไม่มีจริง ๆ เขำบอกว่ำเขำฟังต่อไปไม่ไหว"
กำรแสดงเรื่องเทวดำก็เป็นกำรแสดงถึงสัตว์ประเภทหนึ่งที่มีรำ่ งกำยละเอียดเป็น
ปรมำณู (ปรมำณูในทำงธรรมะ) นอกจำกนั้นยังได้นำำไปเข้ำถึงเหตุผลตำมหลัก
วิทยำศำสตร์ ที่เรำกำำลังศึกษำกันอยู่ในปัจจุบันนี้ เขำก็ได้รับฟัง
ถาม เมื่อเรำเอำเรื่องธรรมะไปบรรยำยที่มหำวิทยำลัยหลำยแห่งพอพูดถึงธรรมะ
แล้ว นักศึกษำคุยกัน หัวเรำะกัน ไม่ค่อยสนใจ ทำำไมจึงเป็นดังนั้น? ทำำไมคนสมัยนี้
จึงไม่ชอบธรรมะเหมือนในครั้งพุทธกำล
ตอบ คนส่วนมำกกล่ำวว่ำ ที่มหำวิทยำลัยนั้นนักศึกษำไม่สนใจในธรรมะเท่ำใดนัก
ผมคิดว่ำผู้บรรยำยธรรมะไม่สอดคล้องกับปัญญำของผู้รับ เพรำะสถำนที่แห่งนั้น
นักศึกษำเป็นผู้มีปัญญำ มีเหตุผลมำก ถ้ำผู้แสดงธรรมะเอำเรื่องศีลธรรมจรรยำ
เบื้องต้นไปแสดง หรือเอำนิทำนชำดกไปเล่ำ หรือนักศึกษำถำมว่ำคนตำยแล้วไป
เกิดได้อย่ำงไร ก็หำทำงหลีกเลี่ยงไม่ตอบ หรือตอบไปโดยขำดเหตุผล นักศึกษำจะ
มีควำมสนใจอย่ำงไรได้
ผมเอำพระอภิธรรมไปแสดงที่จุฬำลงกรณมหำวิทยำลัยหลำยครั้ง นักศึกษำสนใจ
กันมำก เลิกบรรยำยแล้วยังตำมผมไปจนถึงรถ เพื่อซักถำมต่อไปอีก ที่พูดว่ำทำำไม
คนทั้งหลำยในสมัยนี้จึงไม่พำกันศึกษำให้มำก ก็เพรำะคนในสมัยนี้ไม่ใช่คนใน
สมัยพุทธกำล ยิ่งขณะนี้วัตถุกำำลังเจริญ คนก็เพลิดเพลินไปกับวัตถุโดยไม่ต้องคิด
พิจำรณำในปัญหำที่ลึกซึ้งอะไร
ดังนั้นผู้ที่ศึกษำวิชำวิทยำศำสตร์ก็มีจำำนวนจำำกัดเหมือนกัน อย่ำงไรก็ดีถ้ำในอดีต
ชำติ ไม่ได้อบรมปัญญำบำรมีมำให้เพียงพอ หรือชำตินี้อกุศลยังมีกำำลังมำกอยู่แล้ว
ถึงจะพูดอย่ำงไรก็ไม่มีทำง เพรำะว่ำเขำยังไม่สนใจหรือไม่ศรัทธำ แต่ในวันนี้กลับ
ตรงกันข้ำม แม้จะยังอยู่ในท่ำมกลำงวัตถุที่กำำลังเจริญอย่ำงสูงสุด ท่ำนทั้งหลำยยัง
อุตส่ำห์มำนั่งศึกษำกันเป็นจำำนวนมำก จึงนับว่ำเป็นกุศลอย่ำงยิ่ง และกุศลเป็นแรง
ผลักส่งมำเป็นแน่
นักศึกษำทุกท่ำนที่มีควำมเข้ำใจดีพอใช้ เขำก็จะกระจำยควำมรู้ของเขำออกไปอยู่
เรื่อย ๆ และในที่สุดจะกว้ำงขวำงมำกขึน้ ยกตัวอย่ำงเช่น พุทธสมำคมฯเปิดกำร
บรรยำยครั้งแรก มีนักศึกษำประมำณ ๔๐ คน เรียนไปเรียนมำเหลือประมำณ ๒๐
คน ค่อย ๆ หำยไปทีละคนสองคน แต่เดี๋ยวนี้ถ้ำรวมทั้งนักศึกษำต่ำงจังหวัด ที่เรียน
โดยอำศัยหนังสือจำกวำรสำร "ชีวิต" ที่อภิธรรมมูลนิธิจัดพิมพ์ออกสู่มือประชำชน
ก็มิใช่จำำนวนร้อยสองร้อย แต่เป็นจำำนวนพัน ๆ
ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับวันเริ่มเปิดโรงเรียนพุทธสมำคมฯเรำมีชั้นเรียนชั้นเดียว
จนถึงวันนี้ เป็นเวลำ ๑๒ ปีแล้ว เรำก็มีชั้นเรียนหลำยชั้นและผู้บรรยำยหลำยคน
แล้วยังได้ขยำยกำรศึกษำไปยังอีกหลำยจังหวัดด้วย ท่ำนนักศึกษำบำงท่ำนไปเปิด
กำรบรรยำยขึ้นใหม่ก็มี แต่อย่ำงไรก็ดี จะเอำจำำนวนของผู้ที่มีควำมสนใจเหมือน
โรงหนัง ที่ผู้ดูพำกันเข้ำแย่งซื้อตั๋วนั้นยำก เพรำะว่ำเรื่องของพระอภิธรรมนั้นลึกซึ้ง
ยิ่งนัก ต้องศึกษำมำก ต้องสนใจ และต้องใช้ควำมคิดพิจำรณำมำกจึงจะเข้ำใจได้ ผู้
ศึกษำเริ่มต้นไปไม่กี่ครำวพำกันท้อถอยเสียก็มีอยู่เป็นอันมำก
ต่อไปนี้ท่ำนจะได้ศึกษำว่ำ ในพระอภิธรรมนั้นมีระเบียบกำรศึกษำอย่ำงไร ไป
จนถึงเรื่องของจิต ว่ำจิตคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่ำงไร เป็นต้น
พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมำสัมโพธิญำณแล้ว
พระองค์มีพระมหำกรุณำอันยิ่งใหญ่แก่เวไนยสัตว์ทั้งหลำย เพรำะพระองค์ได้
เทศนำสั่งสอนเรื่องสำำคัญอันเกี่ยวแก่ชีวิต และหนทำงที่พ้นไปจำกควำมทุกข์ มำ
เป็นเวลำยำวนำนถึง ๔๕ ปี ตลอดเวลำ ๔๕ ปีนี้ รวมคำำสอนได้ถึง ๘๔,๐๐๐ พระ
ธรรมขันธ์ เมื่อรวมรวมกันเข้ำจัดเป็นหมวดเป็นหมู่ก็ได้ ๓ หมวด ซึ่งได้แก่พระ
ไตรปิฎกนั่นเอง
หมวดที่ ๑ พระวินัยปิฎก
หมวดที่ ๒ พระสุตตันตปิฎก
หมวดที่ ๓ พระอภิธรรมปิฎก
ถ้ำเรำไม่ได้พระคันถรจนำจำรย์ผู้นี้แล้ว กำรศึกษำพระอภิธรรมก็แทบว่ำจะเป็นไป
ไม่ได้เลย ท่ำนได้รวบรวมพระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ ซึ่งละเอียดประณีตนัน้ ออกมำ
โดยย่อแล้วตั้งชื่อว่ำพระอภิธรรมมัตถสังคหะ ซึ่งมีอยู่ ๙ ปริจเฉทด้วยกัน เพื่อ
ประโยชน์สำำหรับอนุชนจะได้ศึกษำกันง่ำยขึ้น โดยได้อำศัยบำลี อรรถกถำ ฎีกำ
และอนุฎีกำ เป็นหลัก
นับว่ำเป็นพระคุณแก่นักศึกษำรุ่นต่อมำเป็นอันมำก ผู้ศึกษำมีควำมรู้ในอภิธรรม
มัตถสังคหะนี้ดีแล้ว ก็จะได้ใช้เป็นพื้นฐำนหรือเป็นบันไดก้ำวขึ้นไปสู่พระ
อภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีรน์ ั้นต่อไป อภิธรรมมูลนิธิได้ดำำเนินกำรอยู่ คือ เวลำนี้มีกำร
บรรยำยพระอภิธรรมมัตถสังคหะ และบรรยำยพระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ด้วย
คัมภีร์พระอภิธรรมมัตถสังคหะนี้ จะปรำกฏอยู่ท่ำมกลำงประชำชนจำำนวนมำก
เสมอ ตำมวัดวำอำรำมที่มีกำรฌำปนกิจศพ เมื่อผู้ใดผู้หนึ่งถึงแก่กรรมลม เรำเรียก
กันว่ำสวดพระอภิธรรม ประชำชนถือว่ำเป็นคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธ
ศำสนำ ใครสวดแล้วได้บุญมำก แต่ก็สวดเป็นภำษำบำลีอยู่เช่นนี้นำนนับร้อย ๆ ปี
ถึงแม้มีผู้ใดแปลแล้วถ่ำยทอดออกมำเป็นภำษำไทยให้อ่ำนได้ง่ำยสำำหรับ
ประชำชนจะได้ใช้ศึกษำยังไม่มี
ทั้งนี้ก็เพรำะพระอภิธรรมนี้มีข้อควำมละเอียดและสุขุมคัมภีรภำพยิ่งนัก ศัพท์ภำษำ
บำลีบำงทีก็จะแปลไปตรง ๆ ไม่ได้ เช่นคำำว่ำ “ชีวิต” ซึ่งแปลว่ำอำยุหรือควำมเป็น
อยู่ แต่อธิบำยตำมแนวของพระอภิธรรมแล้ว คำำว่ำชีวิตจำำเป็นต้องใช้เวลำไม่ตำ่ำกว่ำ
๑ ชั่วโมง ท่ำนนักศึกษำจึงจะเข้ำใจดี
ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้มีควำมเข้ำใจในพระอภิธรรมเป็นจำำนวนน้อย นอกจำกนี้พระ
อภิธรรมยังประกอบไปด้วยตัวเลขเป็นอันมำก ประชำชนส่วนใหญ่ก็ได้แต่ฟังพระ
ท่ำนสวดเพื่อเอำบุญเท่ำนั้น ควำมเข้ำใจดีมีไม่มำก หรือไม่มีเลย แล้วหลำยท่ำนก็
กล่ำวหำว่ำพระอภิธรรมนั้นไม่ใช่พุทธพจน์ เป็นธรรมที่ไม่จำำเป็นต้องศึกษำ เป็น
ธรรมที่กล่ำวแต่ทฤษฎีไม่มีภำคปฏิบัติ และเป็นธรรมที่เอำไว้สนทนำโต้ตอบ
ปัญหำต่ำง ๆ กัน เพื่อควำมสนุกสนำนพอสมควรแล้ว ก็จะพบว่ำ
อภิธรรมมัตถสังคหะ คืออะไร?
อภิ = ประเสริฐยิ่ง
ธรรม = สภำพที่ทรงไว้ไม่มีกำรผันแปร
อภิธรรม แปลว่ำ ธรรมอันยิ่ง ธรรมอันประเสริฐ เป็นธรรมที่มีอยู่จริงมิได้สมมติ
ขึ้น ได้แก่พระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์นั่นเอง
ที่ว่ำเป็นธรรมอันประเสริฐนั้นมิได้หมำยถึงควำมประณีต หำกแต่หมำยถึงอวิปริต
คือไม่มีกำรเปลี่ยนแปลง สภำพของตนเป็นอย่ำงไรก็จะเป็นอย่ำงนั้น ไม่เลือกชั้น
วรรณะ ไม่เลือกคนหรือสัตว์เดรัจฉำน ทั้งไม่เลือกว่ำที่ใดเวลำไหน
นอกจำกนี้ยังเป็นธรรมที่นำำให้ผู้ศึกษำเข้ำใจในเรื่องชีวิตและหนทำงที่จะพ้นไป
จำกควำมทุกข์ ตำมที่อรรถกถำจำรย์ได้แสดงไว้ในอัฎฐสำลินีอรรถกถำ ว่ำ
“อภิธมฺโม นาม น อญฺเสสำ วิสโย สพฺพญฺญุพุทธานำ เยว วิสโย เตสำ วเสน เทเสตพฺพ
เทสนา”
สำ แปลว่ำ โดยย่อ
ถ้ำจะประมวลคำำเหล่ำนี้แล้วก็มีควำมหมำยว่ำ ได้รวบรวมธรรมที่พระสัมมำสัม
พุทธเจ้ำแสดงเอำไว้ในอภิธรรมปิฎกนั้นโดยย่อ ซึ่งได้แก่เรื่อง จิต เจตสิก รูป
นิพพาน และบัญญัติ
พระอภิธรรมสอนเรื่องอะไร ?
ก. ไม่มีกำรผันแปร เปลี่ยนแปลงแต่อย่ำงใด
ข. เป็นที่โคจรแห่งญำนอันประเสริฐของพระอริยะและบุคคลผู้มีปัญญำทั้งหลำย
พระอภิธรรมมัตถสังคหะ อันพระอนุรุทธำจำรย์รจนำขึ้นจำกพระอภิธรรมทั้ง ๗
คัมภีร์นั้น ท่ำนได้แบ่งออกเป็น ๙ปริจเฉท
จิตตสังคหวิภาค
๑. สมฺมำสมฺพุทฺธมตุลำ สสทฺธมฺมคณุตฺตมำ
อภิวำทิย ภำสิสฺสำ อภิธมฺมตฺถสงฺคหำ ฯ
จิตคืออะไร ?
จิตเป็นธรรมชำติอย่ำงหนึ่งที่มีลักษณะรู้ หรือรู้อำรมณ์ อีกนัยหนึ่ง จิตเป็น
ธรรมชาติที่รับอารมณ์ หรือคิดอ่ำนซึ่งอำรมณ์นั้น
ตำมบำลีว่ำ จิตฺเตตีติ จิตฺตำ อำรมฺมณำ วิชฺชำนำตีติ อตฺโถ ฯ ซึ่งแปลว่ำ ธรรมชาติใด
ย่อมคิด ธรรมชาตินั้นชื่อว่าจิต มีอรรถว่ำ ธรรมชำติที่รู้อำรมณ์คือจิต
จิตเป็นธรรมชาติที่รู้ในเรื่องอะไร?
ความจริงรูปเหล่านั้นรู้อารมณ์ไม่ได้เลย หากแต่เป็นสถานที่ซึ่งจิตเข้าไปทำาการงาน
“เห็น” และมีสถำนที่ซึ่งจิตเข้ำไปทำำกำรงำน “ได้ยนิ ” เป็นต้น ส่วนกำรทำำงำนของ
จิต และสถำนที่คือรูป ทำำกำรงำนอย่ำงไรโดยพิสดำร จะได้ศึกษำต่อไป
มีอยู่บ่อยครั้งทีเดียวที่รูปมำกระทบตำแล้วเรำไม่เห็น และเสียงมำกระทบหูแต่เรำ
ไม่ได้ยิน ทั้งนี้ก็เพราะเรามิได้ยกจิตขึ้นมาสู่อารมณ์เหล่านั้นด้วย เหตุนี้ เมื่อเรำเดิน
ไปตำมถนนคลื่นแสงที่สะท้อนจำกสิ่งต่ำงๆ เป็นอันมำกเข้ำกระทบตำเรำจึงได้เห็น
บำงอย่ำง และเสียงต่ำง ๆ มำกมำยที่เข้ำมำกระทบหูในเวลำที่เรำหลับสนิทจึงไม่
ได้ยิน ทั้งนี้ก็เพรำะร่ำงกำยของเรำทั้งหมดนั้นเป็นรูป จึงไม่มีควำมสำมำรถรับรู้
อำรมณ์ได้
จิตเกิดขึ้นที่ไหน?
บุคคลทั้งหลำยอำศัยประตูบ้ำน เพื่อออกไปทำำกิจกำรงำนต่ำงๆ ดังนัน้ บ้ำนเรือนจึง
ต้องมีประตูสำำหรับจะได้ออกไปข้ำงนอก บำงบ้ำนต้องกำรควำมสะดวกมำกขึ้น
จึงมีประตูหลำยประตู
หรือเข้ำใจว่ำ คนเรำเมื่อตำยลงไปแล้วก็จมฝังดินหรือเผำเป็นเถ้ำถ่ำนไปเกิดอีกไม่
ได้ เป็นต้น
"เหตุ" คืออะไร?
ผมเคยถำมบำงท่ำนที่กล่ำวถึงคำำนี้ เมื่อขอคำำแปลและคำำอธิบำยในควำมแตกต่ำง
กันของเหตุกับปัจจัย ก็จะได้รับคำำอธิบำยไม่เหมำะสมเหมือนในธรรมะ
คำำว่ำ "ปัจจัย" นัน้ มิได้หมำยถึงตัวต้นเหตุที่ทำำให้ผลเกิด หำกแต่หมำยถึงตัวกำรที่
สนับสนุนเหตุอีกทีหนึ่ง ในพระพุทธศำสนำแยกปัจจัยออกถึง ๒๔ ปัจจัย แล้วใน
๒๔ ปัจจัย ยังแยกย่อยออกไปอีกมำก ซึ่งปรำกฏอยู่ในพระอภิธรรมปิฎก
ด้วยเหตุนี้เอง ถ้ำมีท่ำนผู้ใดมำแสดงว่ำจิตใจนั้นมีพระผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์
เป็นผู้บันดำลขึ้นมำ มันเป็นสิ่งกำยสิทธิ์เกิดขึ้นมำได้เอง ไม่ได้อำศัยเหตุเป็นแดน
เกิดแต่ประกำรใดแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลย ควำมเชื่อของเรำก็คงจะหมดสิ้นลงเป็น
แน่
ตำมหลักของพระอภิธรรมหรือปรมัตถธรรม ซึ่งพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำทรงสั่งสอน
นัน้ จิตใจก็อยู่ในฐำนะเหมือนสรรพสิ่งทั้งหลำยในข้อที่ว่ำ จะต้องมีเหตุจึงจะมีผล
เกิดขึ้นมำได้ มิได้มีผู้หนึ่งผู้ใดมีอิทธิพลมำบันดำล มิได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไร
เสกสรรขึน้ มำ ทั้งตัวของจิตเองก็มิได้เป็นสิ่งกำยสิทธิ์ที่จะอธิบำยไม่ได้ และมันก็
มิได้มีควำมสำมำรถเกิดขึ้นมำเองเลย
๑.อดีตกรรม
ทั้งนี้ก็ด้วยอำศัยสีแดงที่เก็บอยู่ภำยในใจในอดีตออกมำตัดสินรวมกับอำรมณ์
ปัจจุบัน ซึ่งเด็กเล็กๆที่ยังไม่รู้จักสีแดง ย่อมวำดภำพสีแดงเอำไว้ในใจไม่ได้ หรือรู้
ว่ำสีแดงก็ไม่ได้
เมื่อได้ยินเสียงคนนินทำว่ำร้ำย ก็ยังเกิดควำมไม่พอใจ ควำมไม่พอใจหรือควำม
โกรธนี้ มีเก็บไว้ในจิตใจนำนหนักหนำแล้ว แม้ในขณะนี้ท่ำนนักศึกษำจะมิได้
โกรธเพรำะกำำลังเรียนธรรมะอยู่ แต่ควำมโกรธก็ยังแอบแฝงหลบซ่อนอยู่ในใจ
๒. อารมณ์
๓.เจตสิก
ทำำงำนเห็นที่จักขุปสำท = จักขุทวาร
ทำำงำนได้กลิ่นที่ฆำนปสำท = ฆานทวาร
ทำำงำนลิ้มรสที่ชิวหำปสำท = ชิวหาทวาร
ทำำงำนรู้สึกสัมผัสที่กำยปสำท = กายทวาร
ทำำงำนคิดนึกที่ใจ = มโนทวาร
เมื่อศึกษำต่อไปในไม่ช้ำควำมลึกซึ้งของชีวิตที่เป็นปัญหำโลกแตก เป็นปัญหำดำำ
มืดก็จะค่อยๆคลี่คลำยลงทีละน้อยๆ ควำมสุข ควำมเยือกเย็นใจก็จะมำกขึ้นๆ ตำม
ควำมเข้ำใจที่ได้ศึกษำติดต่อกันไปตำมลำำดับ
จิตตั้งอยู่อย่างมัน่ คงหรือไม่?
ถ้ำหำกทุกวินำทีเหล่ำนั้นมันคงอยู่ในสภำพเดิม มันมิได้เปลี่ยนแปลงไปได้แล้ว
นำนนำทีที่ผ่ำนไป เป็น ๑ วัน ๑ เดือน และ ๑ ปี เรำก็จะต้องเห็นมันเหมือนเมื่อยัง
ทำำเสร็จใหม่ๆ
ผู้ที่มิได้ศึกษำพระอภิธรรมก็คิดว่ำ พระพุทธศำสนำนั้นสอนแต่เรื่องของศีล
ธรรมจรรยำและเรื่องของจิตใจเท่ำนั้น ซึ่งเป็นควำมเข้ำใจที่ไม่ถูกต้อง
เพรำะในอภิธรรมนั้นได้สอนเรื่อง"รูป"มำกมำยเหลือเกิน เรำจะพบเรื่องของรูปอยู่
ทั่วไปในพระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ แต่มิได้เป็นรูปโดยทั่วไปเหมือนวิชา
วิทยาศาสตร์
ทุกๆปรมำณูมิได้ติดกันมีปริจเฉทรูปคือช่องว่ำงคั่นอยู่ และทุกๆปรมำณู
เปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เรื่อยๆ ด้วยอำำนำจของอุณหเตโชคือควำมร้อน ด้วยเหตุนี้ รูป
ทั้งหลายจึงเป็นอนิจจังคือควำมไม่เที่ยง เป็นทุกขังคือควำมทุกข์ ด้วยทนอยู่ใน
สภำพเดิมไม่ได้ และเป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตนคนสัตว์ ทั้งไม่อำจบังคับบัญชำได้
นอกจำกเรื่องรูปแล้ว ในพระพุทธศำสนำยังได้แสดงถึงเรื่องจิตใจด้วยว่า มีความ
เกิดขึ้น ตัง้ อยู่ สลายตัวไปอยู่ตลอดเวลาโดยรวดเร็ว ดังนั้นจิตใจจึงอยู่ในฐำนะที่
เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เช่นเดียวกันกับรูป
ท่ำนนักศึกษำอำจสงสัยในเรื่องจิตใจที่ว่ำมิได้เที่ยงแท้แน่นอน มีควำมเกิดดับอยู่
เสมอเป็นนิจ ทั้งควำมเกิดขึ้น สลำยตัวไปเหล่ำนี้ก็รวดเร็วเสียด้วย แม้ควำมเร็วของ
แสงที่ว่ำเร็วมำกอยู่แล้วก็ไม่อำจเทียบเคียงกันได้ เพรำะแสงเดินทำงได้เร็วเพียง
๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ต่อวินำทีเท่ำนั้น ส่วนจิตใจมีควำมเกิดดับรวดเร็วแม้จะบอกว่ำเป็น
ร้อยเป็นพันเท่ำของแสงก็ยังนับว่ำน้อยไป
ในเรื่องนี้ผมขอยกตัวอย่ำงจำกเรื่องที่ผมได้เขียนเอำไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งเป็นการ
สนทนาระหว่างลุงกับหลานมำเปรียบให้เข้ำใจได้ง่ำยขึ้น
ลุง : ศำสนำในโลกนี้มีมำกมำย ต่ำงก็มีหลักคำำสอนต่ำงๆกัน แต่ในเรื่องของจิตนัน้
บางศาสนาถือว่าเรามีวิญญาณ คือ โซล (Soul) สัตว์เดรัจฉานหามีโซลไม่ กำรที่จะ
ไปเกิดชำติหน้ำนั้นแล้วแต่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้ำองค์เดียวเท่ำนั้นที่จะทรง
บังคับบัญชำให้โซลของผู้ใดไปสวรรค์หรือลงนรก แม้จะไปอยู่ในที่นั้นชั่วนิรันดร
เหตุนี้ทุกคนจึงต้องคำรวะอ่อนน้อม ยอมตัวลงอ้อนวอนเคำรพนับถือพระผู้เป็นเจ้ำ
เพื่อจะได้ทรงพระกรุณำช่วยให้หลุดรอด ช่วยใไถ่บำป ช่วยให้ได้ขึ้นสวรรค์
พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำทรงสอนเรื่องจิตไว้พิสดารกว่าศาสนาอื่นมากนัก แล้วยังมี
เจตสิกอันเป็นเรื่องใหญ่และสำาคัญประกอบกับจิตอีกซึ่งศาสนาอื่นไม่มี ทั้งจิตก็
มิได้คงทนถำวรอยู่ได้ ไม่มีวนั ตำยเหมือนศำสนำอื่นเช่นอำตมัน จิตย่อมเกิดดับ
ติดต่อกันอยู่เป็นนิจ ถี่ยิบไม่มีวันหยุดหย่อนกันเลยเป็นสันตติ คือกำรสืบต่อจิตที่
ดับไปแล้วจะเป็นปัจจัยให้จิตใหม่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป แล้วก็เป็นเหตุปัจจัย
ให้เกิดต่อๆไป คือ เกิด-ดับ-เกิด-ดับอยู่ไม่ขำดสำยติดต่อกันไป เรื่องนี้หลำนจะ
เข้ำใจยำกอยู่สักหน่อย แต่ถ้ำเข้ำใจดีแล้วก็จะเป็นกุศลอย่ำงยิ่ง
หลาน : ผมไม่เข้ำใจเรื่องสันตติและจิตเก่ำกับจิตใหม่ ที่คุณลุงว่ำ เกิด-ดับ เกิด-ดับ
เลย
ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปนี้รวดเร็วยิ่งนัก แล้วต่อเนื่องกันไม่ขาดตอนเสียด้วย ตา
ของเราจึงจับไม่ได้ เห็นแต่ไฟตะเกียงลุกโพลงอยู่ แต่ควำมจริงนั้นไฟที่จุดครั้งแรก
ดับไปเสียนำนแล้ว แต่ไฟที่ลุกขึน้ ครั้งแรกเป็นปัจจัยให้ไฟดวงหลังเกิดขึ้นแล้วก็
ต่อๆกันไป ถ้ำไฟดวงแรกมิได้ลุกขึน้ ไฟดวงหลังและดวงต่อๆมำก็จะมีไม่ได้
ในเรื่องควำมเกิดดับสืบต่อกันไปของจิจเป็นเรื่องละเอียดมำก ในระยะเริ่มต้นนี้ ขอ
ให้ท่านนักศึกษาจำาไว้เพียงเท่านั้นก่อน ยังเข้ำใจไม่ดีหรือหำเหตุผลอะไรยังไม่ได้
มำกก็ไม่เป็นไร เพรำะในปริจเฉท ๑ นี้วำ่ กันด้วยเรื่องจิตทั้งนัน้ ก็จะเข้ำใจดีในดอก
ำสต่อไป
จิตล่องลอยไปเกิดได้หรือไม่?
เมื่อจิตมีแต่ควำมเกิดดับสืบต่อเนื่องกันไปดังนี้แล้ว จิตก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะล่อง
ลอยไปเที่ยวหาที่เกิด จิตมิได้ล่องลอยไป ทั้งกำรเกิดใหม่ก็มิได้มีแต่จิตใจเพียงอย่ำง
เดียวดังที่ประชำชนส่วนใหญ่เข้ำใจกัน ถ้ำเช่นนั้นจิตไม่ไปเกิดดอกหรือ?
ในพระพุทธศำสนำถือว่ำ ตรำบใดที่บุคคลยังมีกิเลสอยู่แล้ว ควำมเกิดก็ไม่มีปัญหำ
จะต้องเกิดอีกอย่ำงแน่นอนทีเดียว หำกแต่ควำมเกิดอีกมิได้เป็นไปในรูปแบบของ
กำรล่องลอย หรือที่พูดกันว่ำวิญญำณล่องลอยไปหำที่เกิดใหม่ หากแต่เป็นไปแบบ
ของการสืบต่อ (สันตติ) ซึ่งมีทั้งจิตทั้งรูปที่เป็นปรมาณูเกิดร่วมกัน
ตำมธรรมดำคนไทยเรำก็ชอบตั้งชื่อคำำว่ำจิตนี้ออกไปหลำยอย่ำง และใช้กันมำจน
ชินเลยไม่ได้รู้สึกตัวว่ำทำำไมจึงได้ตั้งชื่อไว้ซำ้ำๆกัน เช่น จิต ใจ หทัย มโน หัวใจ
ดวงกมล เป็นต้น
เหตุใดจิตจึงมีถึง ๘๙ หรือ ๑๒๑ ประเภท
คนเป็นอันมำกพำกันเข้าใจไปตามสามัญสำานึกของตนว่า กำรกระทำำบำปนั้นจะ
ต้องมีผู้เสียหำยหรือผู้ที่ได้รับควำมเดือดร้อน เช่น จะต้องไปคดโกงคนอื่น ไปฆ่ำ
สัตว์ หรือลักทรัพย์ เป็นต้น
ควำมโลภเกิดขึ้นมำพร้อมกับควำมเห็นผิดว่ำ ควำมโลภนี้ไม่เป็นบำป
ควำมโลภเกิดขึ้นมำแม้จะเคยรู้ว่ำ ควำมโลภนี้เป็นบำป
ควำมโลภเกิดขึ้นมำพร้อมกับควำมยินดีมำก
ควำมโลภเกิดขึ้นมำพร้อมกับควำมยินดีน้อย
เหมือนเด็กเล็กที่คลำนป้วนเปี้ยนอยู่บนนอกชำนด้วยไม่ทรำบเลยว่ำตรงไหนเป็น
หลุมเป็นบ่อ เป็นร่องเป็นคู และที่ตรงไหนเป็นที่สุดกระดำนแล้วจะตกลงไป ดัง
นัน้ จึงคลำนไปพลำง เล่นสนุกสนำนไปพลำง โดยมิได้คำำนึงถึงอะไรเลย
ในเรื่องเหล่ำนี้ แม้ว่ำชำวโลกจะพำกันถือว่ำเป็นปัญหำโลกแตก ตั้งแต่สร้ำงโลกขึน้
มำก็ไม่มีใครแก้ปัญหำ หรืออธิบำยได้ก็จริง แต่ถ้ำได้ศึกษำพระอภิธรรมละเอียดลึก
ซึ้งขึน้ ไปเรื่อยๆแล้ว ก็จะเห็นว่ำเป็นเรื่องมิได้ใหญ่โตอะไรเลย เหตุผลตลอดจนข้อ
เท็จจริงก็มีอยู่ทั่วไปที่จะกลับควำมคิดเห็นของคนที่มีควำมรู้ดีๆ เฉลียวฉลำดมำกๆ
ได้ ข้อสำำคัญจึงอยู่ที่ว่ำจะยอมศึกษำจริงๆหรือไม่เท่ำนั้น
ผมก็ขอให้เป็นเช่นนั้น ผมก็ขอแสดงควำมยินดีด้วยที่ไม่เป็นไปอย่ำงที่ผมตั้งคำำถำม
แต่ผมก็จะขอตั้งปัญหำใหม่ถำมว่ำ เหตุใด ท่ำนจึงกลับไปบ้ำนของท่ำนได้ถูกต้อง
ทรำบได้อย่ำงไรว่ำ บ้ำนของท่ำนอยู่ที่ไหน ขึ้นรถ ลงเรืออะไรไป หน้ำตำของบุตร
ภรรยำ สำมี เป็นอย่ำงไร เหตุใดท่ำนจึงจำำได้ ไม่เคยไปตู่เอำบุตร ภรรยำ สำมีของ
คนอื่นเขำเลยแม้แต่หนเดียว
ผมเชื่อว่ำคำำถำมนี้คงตอบไม่ได้ง่ำยนัก ในชั้นต้นนี้เรำมำพูดกันให้เข้ำใจง่ำยๆ
สะดวกๆใจ ไม่ต้องคิดมำกเสียก่อนว่ำ กำรที่เรำไม่ได้หลงลืมอะไรไปก็เป็นเพรำะ
เรำจำำได้ และที่เรำจำำได้ก็เพรำะเรำขุดเอำควำมจำำที่เรำเก็บไว้ในอดีตขึ้นมำจำก
จิตใจ แน่ละ เรำเก็บเอำสิ่งเหล่ำนี้ไว้ในจิตใจ จึงระลึกขึน้ มำได้
ถ้ำเช่นนั้นควำมดีควำมชั่วเก็บเอำไว้ในจิตใจบ้ำงไม่ได้หรือ และควำมดีควำมชั่วที่
เก็บไว้ในจิตใจจะโผล่หน้ำขึ้นมำไม่ได้หรืออย่ำงไร
ยิ่งในอดีตชาติเคยได้อบรมความถือตัวไว้มาก เช่นในชำติก่อนเคยเป็นเจ้ำคุณมียศ
ถำบรรดำศักดิ์ ใครๆต้องคำรวะกรำบไหว้ยำำเกรงมำมำกด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะเป็นคนที่
สำมัญชนทั้งหลำยเข้ำถึงได้ยำกทีเดียว กระทบนิดเดียวอาจเป็นฟืนเป็นไฟก็ได้
บำงคนเพียงเพื่อนฝูงพูดเป็นเชิงแสดงถึงควำมยำกจนเข้ำสักเล็กน้อยเท่ำนั้นก็โกรธ
เสียยกใหญ่ เพรำะไปกระทบกระเทือนเอำกำรอบรมที่ได้สั่งสมประทับไว้ในใจ
ของเขำ ส่วนเรื่องหนักหรือเบำนั้นก็แล้วแต่ได้สั่งสมมำมำกน้อยอย่ำงไร
ถาม : ผลของกรรมคือกำรกระทำำนั้น เก็บเอำไว้ในจิตใจทั้งหมดหรือว่ำมีกำร
สูญหำยไปได้
ถ้ำเรำโยนก้อนอิฐลงไปกลำงสระนำ้ำอันสงบนิ่ง นำ้ำที่สงบนิ่งนั้นได้ถูกก้อนอิฐเบียด
ลงไป อณูของนำ้ำที่ถูกเบียดก็จะจมลง แล้วก็จะกลับขึ้นมำเพรำะนำ้ำเป็นของเหลว
ย่อมรักษำระดับ แต่ด้วยกำำลังแรงของมัน มันก็จะดันนำ้ำที่อยู่ข้ำงๆให้นูนสูงขึ้น
สมมุติวำ่ เกิดเป็นคลื่นลูกที่ ๑
ถ้ำเรำเอำจอกหรือแหนไปลอยไว้ใกล้ขอบสระ เรำก็จะเห็นจอกแหนกระเพื่อมขึ้น
ลง ครั้งตั้งคำำถำมว่ำคลื่นลูกที่ ๑ เป็นตัวกำรทำำให้จอกแหนกระเพื่อมขึ้นลง หรือคำำ
ตอบที่ถูกต้องก็วำ่ หำมิได้ คลื่นลูกที่ ๑ มิได้เป็นตัวกำร หำกแต่เป็นคลื่นลูกต่อๆมำ
ต่ำงหำก
ถ้ำจะเปรียบเรื่องของเสียงก็จะทำำให้บังเกิดควำมเข้ำใจได้ดีเหมือนกัน เพรำะเสียง
นัน้ มิได้หยุดนิ่ง มีควำมเกิดดับสืบต่อกันไปอยู่เสมอ นีว่ ่ำตำมหลักของสภำวธรรม
ในทำงโลกอธิบำยเรื่องของเสียงดังนี้
ถ้ำเรำตีกลองหรือตีระฆังให้แรงสักหน่อย แล้วจึงเอำมือวำงลงไปบนกลองหนัง
หรือระฆังนั้นเบำๆ ก็จะรู้สึกว่ำมันสั่น ขณะนี้เสียงก็ยังคงดังอยู่ แต่ถ้ำเรำเอำมือกด
แรงๆ กลองหรือระฆังมันก็จะหยุดสั่น เสียงก็จะหยุดดัง
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ำ เทหวัตถุที่กำาลังสั่นนั่นเองก่อให้เกิดเสียงขึ้น ถ้ำลองดีดสำย
ไวโอลินที่ขึงไว้ตึงก็จะมองเห็นได้ง่ำยว่ำมันสั่นอย่ำงไร และอำกำศก็จะต้องถูกสำย
กระทบกระเทือน แม้เรำจะมองไม่เห็นอำกำศว่ำมันสั่นอย่ำงไรก็ตำม
ถ้าการทำาให้สายนี้สั่นในสูญญากาศเสียงก็จะมีขึ้นไม่ได้ และกำรสั่นนี้ถำ้ เป็นกำร
สั่นอย่ำงสมำ่ำเสมอมันก็จะได้ยินเป็นเสียงดนตรี ถ้ำเป็นกำรสั่นไม่สมำ่ำเสมอมันก็
จะเป็นเสียงอึกทึกไป
อัตรำเร็วของเสียงนัน้ มีควำมเคลื่อนตัวไปเร็วมำกหรือน้อยก็ย่อมแล้วแต่ที่ๆมันไป
ถ้ำมันไปในอำกำศในเวลำที่คลื่นลมสงบนิ่งมันก็เดินทำงหรือเคลื่อนตัวไปเร็ว
ประมำณ ๑,๑๐๐ ฟุตต่อวินำที แต่ถ้ำมันไปในนำ้ำก็เร็วประมำณ ๕,๐๐๐ ฟุตต่อ
วินำที
คำำว่ำเสียงในพระพุทธศำสนำได้แก่ "สัททะ" สัททะหรือเสียงนัน้ มิได้วิ่งไป
กระทบหูโดยตรง หำกแต่ว่ำมีควำมเกิดดับสืบต่อกันไป เรียกว่ำเป็น "สันตติ" คือ
จำกอันหนึ่งไปทำำให้อีกอันหนึ่งเกิดแล้วก็ต่อๆกันไป
แม้ว่ำกำรยกเรื่องของเสียงขึ้นมำเปรียบเทียบกับจิตจะไม่เหมือนกันทีเดียว แต่ก็
เป็นกำรทำำให้ผู้ศึกษำได้พิจำรณำเพื่อให้เกิดควำมเข้ำใจมำกขึ้น เพรำะธรรมชำติ
ของจิตก็อยู่ในลักษณะเช่นนั้น คือจิตดวงหนึ่งดับลงก็เป็นปัจจัยให้จิตอีกดวงหนึ่ง
เกิดขึ้น แล้วก็ต่อๆไปเป็นเช่นนี้โดยเร็ว ไม่ว่ำจะเป็นจิตของมนุษย์หรือของสัตว์
เดรัจฉำน หรือแม้ของพระอรหันต์ผู้ไม่มีกิเลสเลย
สัตว์ทั้งหลำยย่อมทำำสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้นโดยอำศัย
รูปนั้น ฉะนั้นรูปที่เป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลำยทำำสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็น
ประโยชน์นั้น จึงชื่อว่ำ หทยรูป
หมำยถึงกำรงำนทั้งหลำยจะเกิดขึ้นมำได้จะต้องอาศัยหทยวัตถุรูป (ในปัญจโวการ
ภูมิ) ถ้ำไม่มีหทยวัตถุรูปแล้ว ย่อมทำำกำรงำนต่ำงๆ เช่น เห็น ได้ยนิ คิดนึกไม่ได้เลย
อย่ำงไรก็ดี จิตจะเกิดขึ้นทำางานอยู่เสมอที่หทยวัตถุ และทำางานในที่นี้มากที่สุด
นอกจำกจิตจะขึ้นวิถีรับอำรมณ์ทำงตำ หู จมูก ลิ้น กำย เท่ำนั้น เต่ทำ่ นนักศึกษำก็
ต้องไม่ลืมว่ำ ในขณะเห็นและขณะได้ยิน เป็นต้น จิตจะทำำงำนที่ตำและที่หูก็จริง
แต่ยังไม่รู้ควำมอะไร ได้ชื่อว่ำ "เห็น" หรือ "ได้ยิน" เท่ำนั้นเอง
แต่ในพระพุทธศำสนำแสดงว่ำสมองเป็นรูป ธรรมดำรูปก็จะต้องเป็นอนารัมมณัง
แปลว่ารู้อารมณ์ไม่ได้ คิดนึกไม่ได้ รูจ้ ักคิดรู้จักอ่ำน รูจ้ ักดี รู้จักชั่ว รู้จักบุญ รูจ้ ัก
บำป ไปจนถึงรู้จักทำำลำยกิเลสของตนเองไม่ได้
หำกแต่ควำมรู้สึกนึกคิดเหล่ำนี้จะเกิดขึ้นได้กับธรรมที่เป็นนำมที่เรียกว่ำ จิตใจ
เท่ำนั้น ส่วนสมองเป็นสถำนที่หรือทำงแสดงออกของจิตใจอีกต่อหนึ่ง เหมือน
ประสำทกำยเป็นทำงออกของควำมรู้สึก เย็นหรือร้อน และรู้สึกเย็น ร้อนด้วยใจ
ไม่ใช่ที่ตัวของประสำทกำย เป็นต้น
ในพระพุทธศำสนำแสดงว่ำ จิตใจ วิญญาณ หรือมโน นัน้ เกิดอยู่ภายในหัวใจ หรือ
ภำยในกล้ำมเนื้อหัวใจที่โตเท่ำกำำมือบุคคลและมีหน้ำที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยง
ร่ำงกำยนั่นเอง
แต่เป็นรูปของปรมำณูที่แฝงอยู่ภำยในกล้ำมเนื้อหัวใจอีกทีหนึ่ง มีขนำดที่เล็กมำก
จนไม่อำจเห็นได้ด้วยตำ หรือแม้แต่จะส่องดูด้วยกล้องขยำย
เมื่อผมศึกษาพระอภิธรรมใหม่ๆ มีความรู้สึกไม่พอใจเลยที่พระอภิธรรมแสดงว่า
จิตใจนั้นอยู่ในหัวใจ เพรำะมีควำมเชื่อมั่นมำตั้งแต่เด็กว่ำ มันสมองของเรำนี่เองที่
เป็นจิตใจ
ฉะนัน้ จึงได้พูดว่ำมันสมองส่วนไหนที่ทำำหน้ำที่เห็นหรือได้ยิน คิดนึกหรือจำำ
ตลอดจนกำรเคลื่อนไหวอิริยำบถต่ำงๆ อยำกจะให้ธรรมะย้ำยจิตใจไปเป็นมัน
สมองเสียตำมควำมเข้ำใจเดิม เพรำะควำมรู้อันใหม่มำขัดขวำงควำมเข้ำใจเดิมที่เชื่อ
มั่นจริงๆจังๆมำตั้งแต่เด็กๆ ตลอดจนมำเป็นครูอีกสิบกว่ำปีก็ได้สอนนักเรียนอยู่
เช่นนั้น
ครัน้ ศึกษำพระอภิธรรมมำกขึ้น ได้เหตุผลข้อเท็จจริงมำกขึ้น ก็ทนต่ออำำนำจของ
เหตุผลจำกพระอภิธรรมไม่ได้ เพรำะพระอภิธรรมนั้นมีทฤษฎีที่จะเข้ำถึงควำมลึก
ซึ้งจริงๆ ยิ่งไปถึงการปฏิบัติด้วยแล้ว คนไหนก็คนนั้น ย่อมจะต้องยอมจำานน
บาปและบุญมาสนองผู้กระทำาอย่างไร?
หำกท่ำนผู้ใดคิดหรือเล็งผลเลิศที่จะให้มีควำมเข้ำใจเร็วนักก็ย่อมไม่ได้ ต้องให้
เหมือนนำ้ำลอดใต้ทรำยไปทีละน้อยๆแล้วก็จะได้เหตุผลหนักแน่นมำกขึ้นด้วย ผม
ขอยกตัวอย่ำงขึ้นมำให้พิจำรณำสักตัวอย่ำงหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ให้ทำ่ น
เข้ำใจเรื่องกำรให้ผลของกรรม
เขำทั้งสองต้องมำฝึกหัดพูดภำษำไทย และตั้งต้นเรียนหนังสือไทยกันใหม่เหมือน
กับคนจีนแท้ๆทั้งสองคน
ในเรื่องนี้ผมขอให้ท่ำนนักศึกษำช่วยตัดสินให้ด้วยว่ำ คนทั้งสองนี้จะมีควำม
สำมำรถแตกต่ำงกันหรือไม่ คือใครจะเก่งกว่ำใครในหัวข้อต่อไปนี้ เพรำะเหตุใด?
๑.ใครจะหัดพูดภำษำไทยได้เร็วกว่ำกัน?
๒.ใครจะพูดภำษำไทยได้ชัดเจนกว่ำกัน?
๓.ใครจะเรียนหนังสือไทยได้ดีกว่ำกัน?
๔.ถ้ำให้หัดร้องเพลงไทย ใครจะมีควำมสำมำรถหัดได้ง่ายไม่หนักใจครู ทั้งร้องได้
ดีมีสุ้มเสียงใกล้เคียงกับคนไทยมำกที่สุด?
ผมหวังว่ำ ท่ำนคงจะพิจำรณำได้แล้วว่ำอย่ำงไร และผมก็มีควำมเชื่ออย่ำงที่ท่ำน
นักศึกษำตอบมำ เพรำะว่ำเด็กที่ไปจากเมืองไทยย่อมจะชนะเพื่อนของเขาอย่ำงเห็น
ได้ชัดเจน
เขำจะต้องพูดภำษำไทยได้ง่ำยและเร็วกว่ำ เขำจะต้องพูดภำษำไทยได้ชัดเจนใกล้
เคียงคนไทยยิ่งกว่ำ เขำจะเรียนหนังสือไทยได้ดีกว่ำ และเขำจะต้องร้องเพลงได้ชัด
ได้ดี มีสุ้มเสียงคล้ำยคนไทยมำกที่สุด
ผมจึงขอตอบเพิ่มเติมตำมสภำวธรรมในเรื่องนี้ซึ่งในวิชำกำรทำงโลกไม่อำจที่จะ
อธิบำยให้เห็นจริงได้
เมื่อเรำขึ้นไปนั่งอยู่บนรถเมล์เรียบร้อยแล้ว นึกขึ้นได้ว่ำ ไม่มีสตำงค์ติดกระเป๋ำมำ
เลยแม้แต่สตำงค์เดียว ก็คงจะตกใจหน้ำซีดแล้วก็คิดว่ำจะหำทำงแก้ไขอย่ำงไรดี
มองดูคนโดยสำรทั้งหมดว่ำมีใครรู้จักชอบพอกันนั่งมำด้วยบ้ำงไหม ถ้ำไม่มีก็ควร
จะรีบลงจำกรถเมล์แล้วเดินหรือนั่งรถแท๊กซี่กลับไปบ้ำน หรือไปแวะหำคนที่รู้จัก
กันแถบนี้ออกปำกขอยืมสตำงค์เขำ
ควำมดีหรือควำมชั่วที่เกิดขึ้นแล้วนี้มิได้สูญหำยไปไหนย่อมเก็บประทับเอำไว้ใน
จิตใจ ถ้ำมีโอกำสเมื่อใดมันก็ย่อมจะแสดงตัวของมันออกมำอยู่เสมอ
กรรมที่เก็บไว้ในใจอันหนึ่งที่เรำรู้แน่แก่ใจก็คือ ถ้ำขึ้นรถเมล์แล้วจำำเป็นที่จะต้อง
ควักสตำงค์ให้ค่ำโดยสำร
กรรมที่เก็บไว้ในใจอีกอันหนึ่งก็คือ เคยเอำประเป๋ำสตำงค์ใส่ใว้ในกระเป๋ำกำงเกง
อยู่เสมอเป็นประจำำทุกๆเวลำเช้ำที่เปลี่ยนกำงเกง
ฉะนัน้ เรื่องไม่ได้เอำสตำงค์ใส่ในกระเป๋ำเมื่อเช้ำนี้ซึ่งเป็นอารมณ์เดิมและเก็บอยู่
ในใจมากระทบใจให้เรารู้ว่าในขณะนี้สตางค์ไม่มีเลย แล้วจึงเกิดตกใจในขณะจิต
ต่อมำ
ผมขอสมมุติอีกสักตัวอย่ำงหนึ่ง นำย ก. เมื่อยังเด็กๆ เคยอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนมี
ความประพฤติเรียบร้อย มีสัมมาคารวะดี ไม่ลักไม่ขโมยเลย ครั้นมำบัดนี้มีคนมำ
ชวนให้ทำำทุจริตว่ำคดโกงคอรัปชั่นแล้วจะรวยมำก คนที่ไม่คดโกงคอรัปชั่นนั้นคือ
คนโง่ แล้วจะลำำบำกยำกจนอยู่ตลอดไป
ในชัน้ แรก นำย ก. จะรู้สึกไม่สบายใจเลย เพรำะกรรมดีที่ทำำไว้ตั้งแต่เด็กๆมำคอย
กระทบใจ หรือมำกระตุ้นเตือนใจอยู่เสมอว่ำ "ไม่ดี ไม่ดี" ไม่สมควรที่จะกระทำำ
ควำมดีในอดีตจะออกมำกระทบใจหรือสนับสนุนจิตใจในขณะนั้นให้งดเว้น
กรรมในอดีตที่กระตุ้นเตือนชนิดนี้นับว่าเป็นกุศล ซึ่งมาเป็นปัจจัยให้กุศลเกิดขึ้น
ทำาให้รู้ผิดรูช้ อบ อย่ำงน้อยกุศลก็เกิดขึ้นมำบ้ำง แต่ควำมโลภยินดีอยำกได้มีกำำลัง
มำกกว่ำจึงชนะไป
โดยทำำนองเดียวกันนี้ ถ้าชาติก่อน นาย ก. เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาไว้มาก เคยยิงนก
ตกปลำแทบไม่เว้นแต่ละวัน ครั้นมำในชำตินี้มีคนมำชวนว่ำ "ไปยิงนกกันเถิด
เตรียมปืนเตรียมลูกไว้พร้อมแล้ว ทั้งเพื่อนๆก็ล้วนถูกคอกันทั้งนั้น มีหลำยคนด้วย
กัน และที่ตำำบลนีน้ กก็ชุมยิงได้สบำยเลย เรำจะทำำอำหำรเลี้ยงกันทีน่ ั่นเลย"
ต้นไม้มีวิญญาณหรือไม่?
ผู้ที่มิได้เคยศึกษำวิชำวิทยำศำสตร์แขนงพฤกษศำสตร์ และทั้งไม่เคยศึกษำพระ
อภิธรรมด้วย บางท่านก็ย่อมจะมีความเชื่อมัน่ ว่า ต้นไม้นั้นมีจิตหรือมีวิญญาณ
หรือมีธาตุรู้ กำรตัดสินทั้งนี้ก็โดยอาศัยพฤติกรรมของพืชบางชนิดที่แสดงออกมา
เช่นพืชบำงชนิดที่ดูเหมือนจะพักผ่อนหลับนอนได้ในตอนเย็น ด้วยกำรทำำงำน
ตรำกตรำำหำกินมำตลอดทั้งวัน เพราะเมื่อเย็นหรือคำ่าลงเห็นมันหุบใบกันหมด พืช
บำงชนิดเคลื่อนไหวหรือหุบใบได้เมื่อถูกกระทบเข้ำ กำรแสดงของมันทั้งหมดนี้
ย่อมเป็นกำรเพียงพอที่จะทำำให้ผู้ขำดกำรศึกษำ ขำดกำรพิจำรณำโดยละเอียด เข้ำใจ
ผิดคิดว่ำมันมีวิญญำณครอง
ในทางพระพุทธศาสนามิได้กล่าวถึงเรื่องต้นไม้ว่ามีวิญญาณอยู่ในพระไตรปิฎก
เลยแม้แต่สักแห่งเดียว นอกจำกนี้ในพระอภิธรรมปิฎกยังได้แสดงเหตุผล ตลอด
จนหลักฐำนข้อเท็จจริงเป็นอันมำกที่จะใช้เป็นหลักยืนยันว่ำ ต้นไม้มิได้มีจิตหรือ
วิญญำณ ดังที่มีบำงท่ำนเข้ำใจอยู่
แม้ในวิชำพฤกษศำสตร์ซึ่งผมก็เคยศึกษำมำบ้ำง ผมก็ยังไม่เคยพบตำำรำเล่มใดที่
แสดงถึงว่ำ ต้นไม้มีวิญญำณ ต้นไม้รจู้ ักใช้ควำมคิดนึกจดจำำ ต้นไม้รู้จักเกลียดรู้จัก
โกรธ และต้นไม้รู้จักมีสัญชำตญำณหลีกภัยเมื่อใครมำกระทบกระเทือนก็รีบหุบ
ใบ ในเรื่องนี้เรำอำจได้บทพิสูจน์ทั้งฝ่ำยพฤกษศำสตร์ และทำงฝ่ำยพระอภิธรรม
ทั้งสองทำง
เรื่องของต้นไม้ที่แสดงควำมเป็นไปต่ำงๆ ผมได้เขียนไว้ในหนังสือหลำยเล่มแล้ว
ดังนั้นผมจึงขอยกมำกล่ำวเพื่อนำำให้ท่ำนนักศึกษำได้พิจำรณำอีกเล็กน้อยเท่ำนั้น
เรำชอบพูดกันว่ำ ต้นไม้กินอาหาร และเมื่อเรำพูดว่ำ ต้นไม้กินอำหำรแล้ว เราก็เลย
เข้าใจไปว่าต้นไม้มนั กินเหมือนคนหรือเหมือนสัตว์ แม้มันมิได้ตักข้ำวเข้ำปำก แต่
มันก็มีรำกดูดเข้ำไปก็คงเหมือนเรำดูดกำแฟเย็น แท้จริงยังเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูก
ต้อง เพรำะต้นไม้มันไม่ได้กิน ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้ดูด ไม่ได้ซึมนำ้ำหรืออำหำรเข้ำไปใน
ลำำต้นเลย ทั้งมันก็ไม่มีทำงทำำเช่นนั้นได้ด้วย
ในเรื่องนี้ก็เหมือนกับเรำชอบพูดกันอยู่เสมอๆว่ำ "รถยนต์คันนี้กินนำ้ำมันจุ" เรำพูด
ว่ำรถยนต์กินนำ้ำมันทั้งๆที่มันมิได้กินสักนิด นำ้ำมันเข้ำไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อจุด
ระเบิดให้ลุกสูบเคลื่อนที่เท่ำนั้นเอง ไม่มีท่ำทีแสดงถึงกำรกินเลยแม้แต่น้อย
นอกจำกนี้ วิธีที่จะให้อำหำรเข้ำไปทำำประโยชน์แก่ต้นพืชก็แตกต่ำงกว่ำสัตว์หรือ
มนุษย์มำก เพรำะต้องมีกำรปรุงอำหำรขึ้นที่ใบเสียก่อน โดยกำรรวมคำร์บอนไดอ๊
อกไซด์กับนำ้ำ แล้วมีแสงของดวงอำทิตย์เข้ำช่วยโดยมีคลอโรฟิลล์(Chlorophyll)
ก่อให้เกิดปฏิกิริยำเร็วเข้ำ
นอกจำกนี้ ชอบมีผู้ตั้งคำำถำมว่ำ เหตุใดต้นพืชจึงโน้มเอนไปในทางที่มีแสงสว่าง ใน
เรื่องนี้ผู้ที่ช่ำงสังเกตก็จะเห็นอยู่เสมอว่ำ ถ้ำปลูกพืชไว้ใกล้ชำยคำบ้ำนแล้วมันจะ
เอนออกไปในทิศทำงที่ตรงกันข้ำมกับบ้ำน เพื่อหนีจำกร่มเงำไปสู่แสงแดด จนดู
เหมือนว่ำมันมีจิตหรือธำตุรู้อะไรสักอย่ำง ว่ำมันต้องกำรเช่นนั้น แล้วจึงบังคับให้
ต้นพืชค่อยๆเอนออกไป
ตำมหลักฐำนควำมจริงของวิชำพฤกษศำสตร์ ต้นไม้จะเจริญเติบโตขึ้นตำมทิศทำง
ของแสงสว่ำง คุณลักษณะเช่นนี้ก็เกิดจำกกำรสะสมฮอร์โมน สำำหรับควำมเจริญ
เติบโตทำงด้ำนตรงกันข้ำมกับที่ไม่มีแสงสว่ำงได้ถูกสะสมไว้จนมีจำำนวนมำกขึ้น
เกินกว่ำธรรมดำ ฮอร์โมนที่เหลือเฟือเหล่ำนี้ ช่วยให้ปฏิกิริยำทำงเคมีในพืชดำำเนิน
ไปอย่ำงสมำ่ำเสมอ ฮอร์โมนนี้มีชื่อว่ำ อ๊อกซินส์ (auxins)
อ๊อกซินส์นี้เป็นฮอร์โมนของต้นไม้ที่รู้จักกันมำนำนแล้ว ในวงกำรวิทยำศำสตร์
แขนงพฤกษศำสตร์มีควำมเชื่อว่ำ เซลล์ของพืชจะเจริญเติบโตได้ ในเมื่อมีอ๊อก
ซินส์อยู่ อ๊อกซินส์นี้เกิดอยู่ในเนื้อเยื่อของใบไม้และเกสรอ่อนๆ แล้วอ๊อกซินส์ก็จะ
ถูกนำำไปยังส่วนต่ำงๆของต้นไม้ในโอกำสต่อไป
อ๊อกซินส์จะหมุนเวียนไปทำงด้ำนที่ไม่ได้รับแสงสว่ำงเป็นจำำนวนมำกกว่ำทำง
ด้ำนอื่น หมำยควำมว่ำ ต้นไม้ทำงด้ำนที่ได้รับแสงสว่ำงน้อย จะมีอ๊อกซินส์มำกกว่ำ
ทำงด้ำนที่มีแสงสว่ำงมำก
ด้วยเหตุนี้เอง เซลล์ของต้นไม้ทำงด้ำนที่ทึบแสงจะต้องขยำยตัวยำวออกไป
มำกกว่ำทำงด้ำนที่รับแสงสว่ำง จึงเป็นเหตุทำาให้ต้นไม้เอนหรือโค้งงอออกไปทาง
ด้านที่มีแสงสว่างมาก จนเป็นเหตุทำำให้ดูประหนึ่งว่ำ ต้นไม้ต้องกำรเอนออกไป
เพื่อต้องกำรแสงสว่ำง รำวกับว่ำมันมีชีวิตจิตใจ
สำำหรับต้นไม้ผมก็ไม่เคยได้พบว่ำตรงไหนเป็นที่ตั้งที่อำศัยของจิตใจหรือธำตุรู้
ตรงไหนแสดงว่ำต้นไม้เป็นหญิงหรือเป็นชำย ส่วนเกสรตัวผู้ตัวเมียของต้นไม้นั้น
เป็นอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องเพศอันเป็นเรื่องของพืชโดยเฉพำะซึ่งไม่เหมือนกับ
สัตว์ที่ผมก็เคยบรรยำยไว้ในหนังสือเล่มอื่นแล้วเหมือนกัน
ถ้าต้นไม้มีวิญญาณหรือธาตุรู้แล้ว พุทธศำสนิกชนก็ไม่ควรจะไปตัดหรือไปเด็ด
ต้นไม้ใบไม้ตลอดจนผักหญ้ำมำเป็นอำหำร เพรำะเป็นกำรเบียดเบียนสัตว์ตน้ ไม้
จำำทำำให้สัตว์ต้นไม้ใบหญ้ำทั้งหลำยต้องตำยไป เป็นกำรทำำปำณำติบำต ดีไม่ดีอำจ
จะต้องไปลงนรกเข้ำก็ได้
ก. สำมัญลักษณะ
ข. วิเสสลักษณะ
ธรรมชำติของสรรพสิ่งทั้งหลำยย่อมผันแปรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลำ ไม่ว่ำผู้
ใดจะศึกษำเข้ำใจหรือไม่ ไม่ว่ำใครจะเห็นหรือไม่เห็นก็ตำม ทั้งนี้ไม่วำ่ จะเป็น
สสำรหรือเป็นพลังงำนในวิชำวิทยำศำสตร์ และไม่ว่ำเรื่องจิตใจที่กล่ำวใน
พระพุทธศำสนำก็ตำม
พุทธศำสนิกชนคนไทยส่วนมำกไม่ค่อยได้ศึกษำพระอภิธรรม ย่อมจะมีควำม
เข้ำใจผิดคิดว่ำ จิตใจนั้นเป็นสิ่งกำยสิทธิ์ เมื่อคนเรำได้ตำยลง จิตใจหำได้แตกดับ
หรือได้ตำยไปอย่ำงใดไม่ หำกแต่จะล่องลอยไปหำที่เกิดใหม่ตำมบุญตำมบำปที่ได้
กระทำำเอำไว้ในอดีต บำงท่ำนเชื่อถือเรื่องเช่นนี้เสียจริงๆจังๆ แม้เวลำจะได้ล่วงเลย
มำนำนก็ไม่เปลี่ยนแปลง ควำมเข้ำใจดังนี้เป็นควำมเข้ำใจตำมลัทธิของพรำหมณ์
บำงลัทธิ หำใช่พระพุทธศำสนำไม่
๓. อนิจจลักษณะ เป็นแต่เพียงปรากฏการณ์ของธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมา
ด้วยอาศัยเหตุปัจจัย แล้วก็ดับลงไปเพราะหมดเหตุปัจจัย ดังนัน้ จิตจึงไม่ใช่คน
ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่สิ่งของอะไรเลย ทั้งใครจะบังคับบัญชำให้เป็นไปตำมใจชอบก็ไม่
ได้ด้วย จึงได้ชื่อว่ำเป็นอนัตตำ
มีหลำยท่ำนแสดงถึงเรื่องอนัตตำว่ำ ไม่มีตัวไม่มีตน เป็นสิ่งว่ำงเปล่ำ หรือบำงท่ำน
ก็แสดงว่ำ สิ่งทั้งหลำยมำจำกควำมว่ำง ซึ่งหมำยถึงว่ำ สรรพสิ่งทั้งหลำยเมื่อแยก
ย่อยออกไปจนถึงที่สุดแล้ว สิ่งนั้นก็จะไม่มีอะไร เป็นควำมว่ำงแท้ๆ
ควำมเข้ำใจดังกล่ำวนี้ยังไม่ถูกต้องตำมสภำวธรรม เพรำะว่ำสิ่งทั้งหลำยเป็นอนิจจัง
เมื่อมีควำมไม่เที่ยงแล้วมันก็จะต้องมี "สิ่ง" อันจะเป็นตัวรองรับความไม่เที่ยงนั้น
ถ้ำไม่มีอะไรเสียเลยแล้ว จะเอำอะไรมำไม่เที่ยงเล่ำ และถ้ำไม่มีอะไร มีแต่ควำมว่ำง
เปล่ำเสียแล้ว ใครเล่ำจะเป็นทุกข์
กิจจรส ควำมร้อนของไฟฟ้ำทำำให้สิ่งต่ำงๆถูกเผำไหม้หรือสุก
สัมปัตติรส แสงของไฟฟ้ำทำำให้เกิดแสงสว่ำง
สำมัญลักษณะของจิต คือ
วิเสสลักษณะหรือลักขณำทิจตุกะของจิต คือ
๖. วิจิตรด้วยอารมณ์ต่างๆ ในข้อนี้หมำยถึงว่ำจิตจะเป็นไปด้วยกับอำรมณ์ต่ำงๆ
ที่มำกระทบ ไม่วำ่ อำรมณ์นั้นจะเป็นทำงตำ ทำงหู และทำงใจ เมื่อจิตได้รับประทบ
อำรมณ์แล้ว จิตนั้นก็จะวิจิตรพิสดำรขึ้นทันที เมื่อจิตได้รับกระทบคำำติเตียนด่ำว่ำก็
บังเกิดควำมดกรธ หน้ำนิ่วคิ้วขมวด ครั้นได้รับคำำชมเชยสักนิด ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส
หน้ำตำชื่นบำน
กำรอธิบำยถึงควำมวิจิตร ๖ ประกำรนี้เป็นกำรบรรยำยตำมหลักวิชำ ในเรื่องควำม
วิจิตรของจิตนี้ผมจะขอขยำยควำมไปอีกแนวทำงหนึ่ง ซึ่งคงจะทำำให้ท่ำนนักศึกษำ
มีควำมเข้ำใจแล้วก็จะได้เหตุผลที่สนับสนุนกันเป็นลูกโซ่ เป็นวงกลม ซึ่งคงจะ
ทำำให้ท่ำนได้ควำมเข้ำใจในเรื่องจิตมำกยิ่งขึ้น
ความวิจิตรของจิต ๖ ประการ
๑. เพรำะจิตวิจิตรจึงทำำให้สัตว์ทั้งหลำยวิจิตร
๒. สัตว์ทั้งหลำยวิจิตรก็เพรำะกำำเนิดวิจิตร
๓. กำำเนิดวิจิตรก็เพรำะกำรกระทำำวิจิตร
๔. กำรกระทำำวิจิตรก็เพรำะตัณหำวิจิตร
๕. ตัณหำวิจิตรก็เพรำะสัญญำวิจิตร
๖. สัญญำวิจิตรก็เพรำะจิตวิจิตร
๑. เพราะจิตวิจิตรจึงทำาให้สัตว์ทั้งหลายวิจิตร
อย่ำงไรก็ดี ธรรมชำติของนำมธรรมคือจิตใจก็มีควำมวิจิตรพิสดำรยิ่งกว่ำธรรมชำติ
ที่เป็นรูปมำกมำยก่ำยกองนัก เพรำะควำมพิสดำรของจิตนี่เองที่ทำำให้สัตว์ทั้งหลำย
ไม่ว่ำเล็กหรือใหญ่ ทั้งมองเห็นตัวได้ และที่มองเห็นตัวไม่ได้ กลำยเป็นสิ่งที่นำ่
อัศจรรย์ไป
สัตว์ทั้งหลำยที่มีรูปกายแปลกๆ ใหญ่โตรำวกับภูเขำก็มี เล็กจนมองไม่เห็นก็มำก
รูปร่ำงลักษณะ ควำมเป็นอยู่ ควำมเป็นไปก็สุดที่จะพรรณนำ บำงชนิดก็บินไปได้
ในอำกำศ บำงชนิดก็เดินได้บนดิน บำงชนิดก็กินอยูห่ ลับนอนในนำ้ำ บำงชนิดก็กิน
อำหำรเข้ำไปทำงปำกแล้วก็ถ่ำยออกมำทำงทวำรหนัก แต่บำงชนิดกินเข้ำไปทำง
ปำกแล้วไม่มีกำรถ่ำยเลย บำงชนิดมีตำสำำหรับดูเพียงสองตำ แต่บำงชนิดมีตำ
สำำหรับดูตั้งพันตำ บำงชนิดหำยใจทำงจมูก แต่บำงชนิดกลับหำยใจทำงร่ำงกำย
สัตว์ทั้งหลำยแม้มันจะมีรูปร่ำงลักษณะควำมเป็นอยู่ควำมเป็นไปอย่ำงน่ำอัศจรรย์
ถึงเพียงนี้ก็จริง แต่ถ้ำมิได้มีจิตใจเข้ำไปครองอยู่ภำยในร่ำงกำยนั้นๆแล้ว ควำมน่ำ
อัศจรรย์ดังกล่ำวก็คงจะไม่บังเกิดขึ้น สัตว์เหล่ำนั้นจะเห็นไม่ได้ ได้ยนิ ไม่ได้ คิด
อะไรไม่ออก ทำำอะไรก็ไม่เป็น
เพรำะจิตนี้ทีเดียวที่ทำำให้สัตว์ทั้งหลำยแสดงออกถึงควำมมหัศจรรย์ต่ำงๆ ทำำให้
ตำมองเห็นได้ หูได้ยินได้ ใจคิดนึกได้ ยืนได้ เดินได้ แสดงปฏิกิริยำสนองตอบต่อ
สิ่งที่มำเร้ำได้อย่ำงจงใจแปลกๆต่ำงๆ ตลอดไปจนกำรยิ้ม กำรหัวเรำะ หรือร้องไห้
ทั้งรู้จักพรรณนำควำมรักกันอย่ำงดูดดื่มซำบซึ้งใจ รู้จักระบำยควำมทุกข์ร้อนจนผู้
ฟังนำ้ำตำไหลไปตำมกัน รู้จักมีควำมเมตตำกรุณำต่อกันอย่ำงลึกซึ้ง และรู้จักทำำลำย
ร้ำงกันได้อย่ำงเหี้ยมโหดจนถึงกับพินำศล่มจม ด้วยเหตุที่จิตใจมีควำมวิจิตร
พิสดำรถึงเพียงนี้ จึงทำำให้สัตว์ทั้งหลำยแตกต่ำงกันไปรำวฟ้ำกับดิน
๒. สัตว์ทั้งหลายวิจิตรก็เพราะกำาเนิดวิจิตร
มันชอบแทะไม้และหนังสือเอำไปเป็นอำหำร แต่ไม้และหนังสือก็ประกอบไปด้วย
เซลลูโลส ลำำไส้ของปลวกย่อยเซลลูโลสไม่ได้ แต่ปลวกมันก็ไม่กลัวว่ำจะย่อยไม่
ได้ เพรำะในลำำไส้ของปลวกเลี้ยงสัตว์เซลล์เดียวไว้ช่วยย่อยเซลลูโลสให้กลำยเป็น
แป้งและนำ้ำตำลอีกทีหนึ่ง เป็นอำหำรแก่สัตว์เซลลืเดียวในลำำไส้ไปเสียหน่อยหนึ่ง
เหมือนเป็นค่ำป่วยกำร นอกนั้นก็ตกเป็นอำหำรของตนเอง
ด้วยเหตุนี้ ถ้ำเอำสัตว์เซลล์เดียวในลำำไส้ของปลวกออกเสียให้หมด ปลวกก็จะ
ถึงแก่ควำมตำยเพรำะตัวเองย่อยอำหำรจำำพวกเซลลูโลสเหล่ำนัน้ ไม่ได้
ในบรรดำสัตว์ทั้งหลำย สัตว์มนุษย์แปลกประหลำดมหัศจรรย์ยิ่งไปกว่ำสัตว์
เดรัจฉำนเสียอีก สัตว์มนุษย์สำมำรถยืนตัวได้ฉำกกับโลกซึ่งสัตว์อื่นทำำไม่ได้ รูป
ร่ำงก็ผิดกว่ำสัตว์เดรัจฉำนมำก ทั้งยังแสดงความรู้สึกนึกคิดได้ดียิ่งกว่าสัตว์
เดรัจฉานด้วย
อันควำมวิจิตรทั้งหลำยที่กล่ำวมำแล้วก็เพรำะเหตุแห่งกำรเกิดขึ้นมำเป็นสัตว์
นัน่ เอง ถ้ำไม่ใช่สัตว์แล้วก็ไม่มีหนทำงเลย
๓. กำาเนิดวิจิตร ก็เพราะการกระทำาวิจิตร
ปัญหำที่ตั้งกันมำแต่ดึกดำำบรรพ์ก็คือ สัตว์และพืชมำกมำยก่ำยกองที่เรำเห็นกันอยู่
ในโลกนี้นั้น มำจำกไหน? ชีวิตทั้งพืชและสัตว์เริ่มขึ้นจากอะไรก่อน?
ส่วนใหญ่อธิบายเหมือนกันว่า ชีวิตทั้งหลำยประกอบด้วยโปรโตปลำสซึม
( Protoplasm) ซึ่งมีสำรประกอบหลำยอย่ำงเช่น คำร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
เกลือแร่ นำ้ำ เป็นต้น จำกโปรโตปลำสซึมเล็กๆเหล่ำนี้จะค่อยๆ วิวัฒนำกำรมำเป็น
พืชเซลล์เดียว สัตว์ก็สัตว์เซลล์เดียว แล้วจึงค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเองไปทีละน้อยๆ
จำกชีวิตที่ตั้งต้นขึ้นง่ำยๆ ไปสู่ควำมเป็นชีวิตที่ยุ่งยำกซับซ้อน จำกสิ่งที่เล็กๆ ไป
จนถึงสิ่งใหญ่โต และจำกสิ่งที่ไม่รู้อะไรเลยไปจนรู้ได้สำรพัด ซึ่งควำม
เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ อำจใช้เวลำนำนเป็นล้ำนปีทีเดียว
นักวิทยำศำสตร์ทำงชีววิทยำหลำยท่ำน เช่น ชาลส์ ดาร์วนิ เชื่อว่ำ สัตว์ทั้งหลำย
วิวัฒนำกำรขึ้นตำมหลักกำรที่ว่ำ กำรเลือกคัดตำมธรรมชำติ (Natural Selection)
ซึ่งหมำยถึงธรรมชำติของชีวิตก็ย่อมจะต่อสู้กับสิ่งแวดล้อมทุกชนิดเพื่อยังชีวิตให้
ตนเองรอดหรือปลอดภัย สัตว์ใดที่สู้กับสิ่งแวดล้อมไม่ได้ก็ล้มตำยไป สัตว์ที่แข็ง
แรงปรำดเปรียวเฉลียวฉลำดก็จะคงรอดอยู่ แล้วถ่ำยทอดลูก หลำน เหลน ต่อๆมำ
ด้วยเหตุนี้ สัตว์ต่ำงๆที่ปรำกฏในเวลำนี้ก็ย่อมจะเป็นสัตว์ที่ได้ต่อสู้มำแล้วอย่ำง
โชกโชน และเป็นสัตว์ที่ธรรมชำติได้เลือกสรรคัดเอำไว้แล้วว่ำ เป็นผู้มีควำม
สำมำรถที่จะอยู่ในโลก หรือปรับตัวเองเข้ำกับสิ่งแวดล้อมอย่ำงเหมำะสม จึงได้
วิวัฒนำกำรขึ้นมำเรื่อยๆ
ถ้ำเสือในป่ำตัวของมันขำวหรือเหลืองเห็นได้ง่ำย เห็นได้แต่ไกลแล้ว เกิดมำไม่ช้ำ
มันก็ตำยหมด เพรำะที่ไหนเลยจะจับสัตว์ต่ำงๆมำกินเป็นอำหำรได้ สัตว์ทั้งหลำย
มองเห็นได้แต่ไกลก็จะพำกันวิ่งหนีไปหมด ดังนั้นเสือก็ยังคงอยู่ และตัวก็จะต้อง
ลาย ต้องเป็นจุดให้เข้ากันกับร่มเงาของป่า จะได้ซ่อนเร้นคอยเหยื่อที่จะมำเป็น
อำหำร
แม้ในพระอภิธรรมมิได้แสดงหลักฐำนคัดค้ำนควำมเห็นของท่ำน แต่ถ้ำผู้ใดได้
ศึกษำพระอภิธรรมเข้ำใจดีแล้ว ก็จะพบควำมจริงว่ำ การวิวัฒน์ของสัตว์นั้นยังขาด
ข้อเท็จจริงอันสำาคัญที่สุดไปเสียประการหนึ่งอย่ำงน่ำเสียดำย
สัตว์ที่เกิดขึ้นมำจำำนวนมำก ก็ย่อมจะต่อสู้กันเองอย่ำงเต็มควำมสำมำรถเพื่อหวัง
ให้ชวี ิตของตนดำำรงคงอยู่ เพรำะนำ้ำ พื้นแผ่นดิน หรือดินฟ้ำอำกำศ หรือเพรำะกำร
ขำดแคลนอำหำรย่อมจะทำำให้สัตว์ทั้งหลำยบังเกิดควำมทุกข์ แล้วหำทำงใช้ชีวิต
ของตนอยู่รอดและปลอดภัย จึงกระทำาทุกทางที่จะหลีกหนีจากทุกข์เหล่านัน้
อำานาจแห่งเจตนาหรือควำมปรำรถนำของสัตว์ดังกล่ำวย่อมจะเป็นสาเหตุอัน
สำาคัญที่จะทำาให้รูปกายของสัตว์ต้องเปลี่ยนแปลงไปในกำลข้ำงหน้ำ จนสัตว์เหล่ำ
นัน้ มีรูปกำยที่ผิดออกไปจำกพันธุ์ดั้งเดิมทีละน้อยๆจำกเวลำที่ยำวนำน (แม้ควำม
ทุกข์ที่เกิดกับคนเวลำนี้ก็ทำำให้รูปผิดไปได้เหมือนกัน เช่นหน้ำตำเศร้ำหมองไป
จนถึงควำมป่วยเจ็บทำงกำย)
ในพระอภิธรรมแสดงไว้ละเอียดลออพิสดำรถึงสัตว์ที่ตำยและเกิดว่ำ ทำำไมจึงได้
ตำย ทำำไมจึงได้เกิด เมื่อตำยแล้วไปเกิดได้อย่ำงไร และมีรูปอะไรเกิดขึ้นบ้ำง ด้วย
เหตุผลประกำรใด
เมื่อสัตว์ปฏิสนธินั้น อำำนำจของเจตนำและตัณหำนั้นเป็นกรรมอันหนึ่ง ในขณะที่
สัตว์นั้นกำาลังปฏิสนธิ อำานาจเหล่านีม้ ีอิทธิพลทำาให้รูป ซึ่งได้แก่เซลล์ในท้องของ
สัตว์ที่ปฏิสนธินั้นเปลี่ยนแปลงไปตำมเจตนำ คือกรรม
ควำมจริงในพระพุทธศำสนำมิได้มีควำมมุ่งหมำยดังที่ประชำชนส่วนมำกเข้ำใจ คำา
ว่า "ตัณหา" หมายถึงความยินดีติดใจในอารมณ์ต่างๆจะเป็นอำรมณ์ที่เกิดขึน้ ทำง
ไหนก็ได้ จะเป็นอำรมณ์ทำงเพศหรือไม่ก็ได้ เช่นเห็นรูปที่ดีก็ติดใจในรูป ได้ยิน
เสียงที่ไพเรำะก็ติดใจในเสียง เป็นต้น
สัตว์ทั้งหลายย่อมมีตัณหาติดตัวมาด้วยกันทั้งนั้น และมีมากเสียด้วย ไม่ยกเว้นว่ำ
จะเป็นท่ำนนักศึกษำ ทั้งพระ ทั้งฆรำวำส รวมทั้งผมด้วย เพรำะเป็นสัญชำตญำณ
อันติดตัวมำตั้งแต่ไหนแต่ไร จะกันมันให้ออกไปก็ไม่สำำเร็จ เพราะเราได้อบรมให้
มันฝังประทับอยู่ในจิตใจอย่างแน่นหนามานับชาติไม่ได้ เพียงแต่กล่อมเกลำมัน
บ้ำง เพื่อให้อยูร่ ่วมกันไปได้ในสังคมเท่ำนั้น
คำำตอบที่ประกอบด้วยเหตุผลนี้เห็นจะไม่ง่ำยนัก แต่ถ้ำศึกษำพระอภิธรรมให้เข้ำใจ
ดี คำำตอบต่อคำำถำมนี้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่ำนั้น ด้วยเหตุที่สัญญาคือความจำานี้เกิด
อยู่ในจิต ดังนัน้ จึงได้ชื่อว่า สัญญาวิจิตรขึ้นมาได้เพราะว่ามีจิตใจนั่นเอง
ถ้าจิตใจมิได้มีเสียแล้ว สัญญาคือความจำาก็จะไม่บังเกิดขึ้น และเมื่อมีจิตใจวิจิตร
แล้วจึงก่อให้สัตว์ทั้งหลายผู้ซึ่งมีจติ ใจครองวิจิตรไปด้วย แล้วก็วนกลับไปข้อหนึ่ง
ใหม่ ขอให้ทำ่ นนักศึกษำจงได้พิจำรณำดูตำมที่ผมอธิบำยไปแล้ว
ในวันนี้ผมก็ได้อธิบำยเรื่องของจิตมำก็หลำยเรื่องหลำยรำว เป็นเวลำพอสมควร
แล้ว ผมขอให้ท่ำนที่มีควำมข้องใจสงสัยในเรื่องที่ผมอธิบำยไปแล้วซักถำมได้ทุก
อย่ำง
แต่บัดนี้ได้ศึกษำไปสองครั้งแล้ว ก็มีควำมเห็นตรงกันข้ำมกับที่เคยเข้ำใจมำแต่เดิม
แต่กลับสงสัยต่อไปอีกว่ำ เมื่อศึกษำต่อไปจนเข้ำใจเรื่องของชีวิตจิตใจแล้ว ก็ยัง
มองไม่เห็นว่ำ จะได้ประโยชน์มำกจริงๆอย่ำงไร
สำำหรับในข้อนี้ ผมได้กล่ำวไปบ้ำงแล้วว่ำ ผู้ศึกษำจะต้องมีสติปัญญำ มีควำมเห็น
ในเรื่องของชีวิตที่ถูกต้อง จะก่อให้เกิดความสงบ ความสุข ความเยือกเย็นใจ และ
จะแก้ปัญหาให้แก่ชีวิตได้ ตลอดไปจนได้เห็นหนทำงที่จะพ้นไปจำกทุกข์โดยเด็ด
ขำด
แต่ครั้นมำศึกษำเรื่องชีวิตมีควำมเข้ำใจมำกขึ้นแล้ว อำรมณ์ที่มำกระทบก็มีกำำลังเท่ำ
เดิมนั่นแหละ แต่กำรรับกระทบนั้นไม่ยอมรับทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ดังแต่ ก่อน
รับเพียงหกสิบ เจ็ดสิบ แปดสิบเปอร์เซ็นต์เท่ำนั้น ความกระทบกระเทือนจึงได้ลด
ลงมาก ทำาให้มคี วามสุขยิ่งกว่าแต่ก่อน อำรมณ์ที่เคยคิดมำกกลัดกลุ้ม
กระวนกระวำยนอนไม่หลับก็มีน้อยกว่ำแต่ก่อน
ตัวอย่ำงเช่น นำย ก. อยู่ในครอบครัวที่มีเสียงอันรบกวนต่อโสตประสำท เป็นเสียง
บ่นเสียงว่ำกล่ำวซึ่งเป็นอัปมงคลอยู่มิได้เว้นวัน และบำงวันก็หลำยครั้งหลำยหน
นำย ก. ก็จะทุกข์ก็จะเดือดร้อนใจ บำงครำวกลัดกลุ้มจนถึงขนำดดูตำำรับตำำรำไม่
ไหว นอนหลับก็ไม่สนิท บำงทีถึงกับต้องหนีออกจำกบ้ำนไป ในเรื่องนี้พยำยำม
ปัดเป่ำอย่ำงไรก็ไม่ได้ผล เพรำะผู้ก่อกวนนั้นเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จะหนีไปเสียก็ไม่ได้
เหตุกำรณ์เช่นนี้อำจเป็นอยู่หลำยปี
ความครุ่นคิดเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำา เพราะมีเหตุการณ์ที่ไม่สู้ดีเฉพาะหน้ามาก
ระทบอยู่ตลอดเวลาจนเป็นเหตุให้สุขภำพทรุดโทรม ต้องเจ็บป่วยออดแอดก็เพรำะ
ควำมกังวลใจที่อดคิดไม่ได้ ต้องไปโรงพยำบำลประสำทก็หลำยครั้งแต่ก็ไม่หำย
จึงเสมือนหนึ่งตกนรกทำงใจภำยในเมืองมนุษย์ท่ำมกลำงวัตดุ ซึ่งได้แก่ตึกรำมบ้ำน
ช่องระฟ้ำสูงตระหง่ำนท่ำมกลำงสิ่งบำำเรอควำมสุขควำมสะดวกสบำย อันได้มำ
จำกฝีมือของนักวิทยำศำตร์และวิศวอุตสำหกร และท่ำมกลำงวัดวำอำรำมที่
สวยงำมตระกำรตำ รวมทั้งพระสงฆ์องค์เจ้ำมำกมำย
แต่บัดนี้เหตุกำรณ์ที่ก่อควำมเร่ำร้อนเหล่ำนั้นก็ยังมิได้ลดน้อยลงไปกว่ำเดิม รำยได้
ไม่ค่อยจะสมดุลก็ยังคงอยู่อย่ำงเก่ำ แต่ควำมทุกข์ควำมเดือดร้อนกลับน้อยลงไป
มำก ควำมครุ่นคิดกังวลจนนอนไม่หลับก็ไม่ค่อยมี ทัง้ นี้ก็เพราะได้ศึกษาเรื่องของ
ชีวิตจากพระอภิธรรมปิฎกจนพอจะเข้าใจอยู่บ้าง จึงได้จัดระบบชีวิตเสียใหม่
ควำมดิ้นรนทะยำนอยำกอันรุนแรงที่แล้วมำ ปรำกฏว่ำได้ลดลงไปโดยอัตโนมัติไป
ตำมควำมเข้ำใจที่เพิ่มขึ้น เฉพำะอย่ำงยิ่งมำศึกษำได้เหตุผลข้อเท็จจริงในเรื่องของ
กรรม รูแ้ น่นอนว่ำกรรมดีกรรมชั่วนั้นมำให้ผลได้อย่ำงแน่นอน
เมื่อได้ศึกษำเล่ำเรียนเข้ำใจในเหตุผลของชีวิตมำกขึ้น จิตใจก็เยือกเย็นสุขุมมำกขึ้น
กำรประกอบภำรกิจก็บังเกิดผลเป็นเงำตำมตัว ควำมกระทบกระทั่งกับเพื่อนร่วม
งำนก็เบำบำง มีผู้ที่มำรับสำรภำพกับผมในเรื่องที่คล้ำยๆกันนี้กับผมหลำยท่ำน แล้ว
ก็กล่ำวว่ำดีกว่ำสอนศีลธรรมตั้งพันเท่ำ เพรำะสอนศีลธรรมไปแล้วไม่ประกอบ
ด้วยเหตุผล คนไม่ค่อยทำำตำม แต่กำรเรียนเรื่องชีวิตจริงๆ เช่นนี้มันจะค่อยๆ ทำำ
ของมันไปเองทีละน้อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ตัวอย่ำงในกำรสอนศีลธรรม เช่นสอนว่ำ อย่ำฆ่ำสัตว์จะเป็นบำป เพรำะสัตว์นั้นก็มี
ชีวิต มีควำมเจ็บปวดและกลัวควำมตำยเช่นเดียวกับเรำเหมือนกัน ถ้ำเรำไปทำำเข้ำก็
จะทำำให้จิตเศร้ำหมอง เพรำะทำำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
ตอบ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภำคเจ้ำประทับอยู่ที่อำรำมเชตวันของท่ำนอนำถบิณฑิก
เศรษฐีใกล้นครสำวัตถี ครั้งนั้นพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อว่ำ สำติ เป็นบุตรของชำว
ประมง มีควำมเห็นเป็นบำปขึ้นมำอย่ำงนี้ว่ำ
กำรทำำให้จิตสะอำดหมดจดจำกกองกิเลสนั้นก็คือ กำรปฏิบัติวิปัสสนำกรรมฐำน
แต่ผลจะเกิดขึ้นสมบูรณ์นั้นก็จะต้องผ่ำนญำณต่ำงๆเป็นลำำดับ แล้วก็จะต้องเห็น
ขันธ์ ๕ รูปนำมตำมควำมเป็นจริง คือ อนิจจังได้แก่ควำมไม่เที่ยง ทุกขังได้แก่ควำม
ทุกข์ และอนัตตำได้แก่ควำมไม่ใช่ตัวตน คน สัตว์ และจะบังคับบัญชำก็ไม่ได้
ถ้ำจิตใจของผู้ใดไม่ได้รับกำรศึกษำ ไม่ได้อบรมให้เข้ำใจในเหตุผลตำมสภำวธรรม
หำกมีควำมเชื่ออย่ำงมั่นคงว่ำจิตนั้นเป็นอมตะ เป็นสิ่งกำยสิทธิ์ที่พระผู้เป็นเจ้ำดล
บันดำลขึ้นมำ หรือเข้ำใจว่ำเมื่อเวลำคนหรือสัตว์ตำยลง จิตใจหรือวิญญำณก็ล่อง
ลอย หรือแล่นไปตำมบุญบำปที่ทำำเอำไว้
เพราะความเชื่อมัน่ ดังกล่าวนี้ยังมีแนบแน่นอยู่กับจิตใจแล้ว ก็ย่อมจะขวางกั้น
หนทางปฏิบัติเสียสิ้น เมื่อควำมเชื่อมีแน่นอนอยู่ในใจว่ำ วิญญำณมิได้เป็นปัจจัย
ทำำให้เกิดขึ้น วิญญำณเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นของกำยสิทธิ์เกิดขึ้นมำได้เองโดย
ไม่มีเกิดดับเช่นนี้ อนิจจำ ทุกขำ อนตฺตา ก็ย่อมจะไม่มีหวังโผล่ขึ้นมาให้เห็น ด้วย
เหตุผลดังนี้ ควำมเห็นผิดดังกล่ำวมำแล้วจึงนับอยู่ในพวกที่เป็นภัยใหญ่หลวง เป็น
เพรำะกำรปิดกั้นหนทำงอันประเสริฐ คือทำงที่จะไปสู่มรรคผลนิพพำน
ผมเคยเห็นผู้เข้ำปฏิบัติหลำยท่ำนเมื่อเวลำเข้ำปฏิบัติก็มิได้ศึกษำเหตุผลให้เข้ำใจยัง
ไม่รู้จักด้วยซำ้ำว่ำรูปนำมนั้นเกิดดับได้ อำจำรย์สั่งให้ทำำก็ทำำตำมคำำสั่ง ไม่ช้ำไม่นำน
ก็บอกโดยตรงหรือโดยปริยำยว่ำ ได้มรรคผลนิพพำนแล้ว ได้เป็นพระโสดำบัน
แล้ว ไม่ต้องไปอบำยภูมิแล้ว ในเรื่องนี้ก็นับว่ำเป็นควำมเสียหำยมิใช่เล็กน้อย
เหมือนกัน
ในวันนี้ผมก็ได้บรรยำยและก็ตอบปัญหำเกินเวลำไปแล้ว คำำถำมทีผ่ มยังตอบไม่หมดจะขอเลื่อนไป
ตอบในสัปดำห์หน้ำ คือ
๑. พระพุทธศำสนำสอนแต่เรื่องทุกข์จริงหรือ? ถ้ำจริงเช่นนั้นก็เท่ำกับสอนให้คนทุกข์หนักยิ่งขึ้น
โดยจะทำำให้งอมืองอเท้ำคอยอำศัยแต่กรรมดีที่ได้ทำำไว้ในชำติก่อนไม่คิดต่อสู้ แล้วยอมจำำนนเสีย
ง่ำยๆ
๓. เด็กอยู่ในท้องรับกรรมหรือเปล่ำ ถ้ำรับได้รับอย่ำงไร?
คำำบรรยำยพระอภิธรรมมัตถสังคหะปริจเฉทที่ ๑ (ครั้งที่ ๔)
ณ พุทธสมำคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมรำชูปถัมภ์
วันที่ ๒๔ มกรำคม พ.ศ.๒๕๐๘ เวลำ ๑๑.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.
ในกำรบรรยำยนี้ก็อำศัยตำมแนวอย่ำงพระอภิธรรมัตถสังคหะ ซึ่งเริ่มต้นจำกจิต
ปรมัตถ์ เป็นต้นไป ดังที่เคยได้ศึกษำกันแล้วในครำวก่อนให้ทรำบถึงสภำวะของ
จิตก่อนว่ำ เป็นธรรมชำติที่รู้อำรมณ์ ทำำหน้ำที่เป็นประธำนธรรมทั้งปวง มีกำรเห็น
กำรได้ยินเป็นต้น เป็นอำกำรปรำกฏ และอำศัยนำมรูปเป็นเหตุใกล้ให้จิตเกิด
นอกจำกนั้นยังได้ศึกษำถึงควำมเป็นไปของจิตว่ำ จิตนั้นมีการเกิดดับสืบต่อกัน
พร้อมกับเก็บสั่งสมอารมณ์ ทุกครั้งที่จิตเสพอำรมณ์ ไม่วำ่ อำรมณ์นั้นจะปรำกฏแก่
จิตมำกหรือน้อย ดีหรือเลว และไม่ว่ำจิตจะเสพอำรมณ์นั้นทำงตำ หู จมูก ลิ้น กำย
หรือใจก็ตำม ย่อมเก็บอำรมณ์ไว้ทั้งหมดทุกทำง
นอกจำกนั้นยังได้รู้ว่ำ ควำมผูกพันระหว่ำงจิตกับอำรมณ์ที่แน่นอน อีกอย่ำงหนึ่งก็
คือ มีจิตที่ไหนจะต้องมีอำรมณ์ที่นั่น จิตจะปรำศจำกอำรมณ์ไม่ได้เป็นอันขำด จะ
ต้องรับอำรมณ์รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสเรื่องรำวต่ำงๆ ทำงตำ หู จมูก ลิ้น กำย และ
ใจ สลับสับเปลี่ยนกันอยู่เสมอ
ดังที่พระอนุรุทธำจำรย์ได้แสดงเป็นบำลีหัวข้อบอกเนื้อควำมตำมปริจเฉทที่ ๑ ซึ่งมี
ควำมว่ำ " ตตฺถ จิตฺตำ ตาว จตุพฺพิธำ โหติ กามาวจรำ รูปาวจรำ อรูปาวจรำ โลกุตฺตรญฺเจ
ติ" ซึ่งแปลว่ำ "ในบรรดาปรมัตถธรรม ๔ ประการ คือ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
จิตปรมัตถ์ที่แสดงเป็นอันดับแรกนั้น มีอยู่ ๔ ประเภท คือ กามาวจรจิต รูปาวจร
จิต อรูปาวจรจิต และโลกุตตรจิต"
กำมวจรจิต ๕๔ ประเภท
รูปำวจรจิต ๑๕ ประเภท
อรูปำวจรจิต ๑๒ ประเภท
โลกุตตรจิต ๘ หรือ ๔๐ ประเภท
จิตบางประเภทมีความสามารถรู้มหัคคตอารมณ์ คือมีควำมสำมำรถรู้ในเรื่องรำว
ของรูปฌำน อรูปฌำน คือกำรทำำสมำธิได้ขนำดมำกและมำกที่สุด หรือจะพูดว่ำ
ควำมหยำบและประณีตของอำรมณ์ไปจนถึงควำมประณีตมำกที่สุด และยิ่งไปกว่ำ
นัน้ ยังมีจิตอีกประเภทหนึ่งเป็นจิตพิเศษ ประกอบด้วยปัญญำอันแก่กล้ำยิ่ง
สำมำรถรับโลกุตตรอำรมณ์คือนิพพำนอำรมณ์ได้อีก
กามคืออะไร?
แต่ถ้ำจะพิจำรณำกันอย่ำเจำะจงลงไปในตัวกำมแล้ว ก็จะได้แก่กิเลสกำมอย่ำงเดียว
ที่เป็นตัวกำม เพรำะอำรมณ์อันหลำกหลำยทั้งมวลบรรดำมีอยู่ในโลก อำรมณ์อัน
เป็นตัวยืนให้จิตกำำหนดเหล่ำนั้นหำใช่กำมไม่ ความกำาหนัดรักใคร่ของคนต่างหาก
ที่เป็นตัวกาม
แล้วพระสำรีบุตรก็ทรงชี้ให้เห็นข้อเปรียบเทียบนั้นว่ำ ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
จักษุและรูปำรมณ์มิได้เกำะเกี่ยวกัน แต่ควำมพอใจรักใคร่เกิดขึ้นเพรำะอำศัยจักษุ
และรูปำรมณ์นั้น เป็นเครื่องเกำะเกี่ยวในจักษุและรูปำรมณ์นั้น ฯลฯ
กำรที่ได้แสดงกำมในควำมหมำยโดยทั่วไปนั้น จะต้องหมำยรวมทั้งกิเลสกำมและ
วัตถุกำมด้วย เพรำะเมื่อกล่ำวถึงกำรบริโภคกำม หรือเสวยกำมคุณอำรมณ์ที่เรียกผู้
บริโภคกำมว่ำ กามโภคี คือผู้ที่บริโภคกำมนั้น หมำยถึงผู้ที่ยังมีควำมกำำหนัดยินดี
ในอำรมณ์กำมอันมีวัตถุกำม เป็นเครื่องรับควำมกำำหนัดยินดีนั้น จึงจะบริโภคกำม
ได้
นอกจำกโทษแห่งกำมดังกล่ำวเปรียบเทียบไว้แล้วนั้น จะยังผลให้เกิดควำมทุกข์ใน
แสนสำหัส กำมนัน้ ยังเป็นบ่อเกิดแห่งควำมวิวำทเบียดเบียนซึ่งกันและกันใน
บรรดำผู้ครองเรือนทั้งหลำย ดังที่เห็นกันง่ำยๆ เช่น
ในกำรประกอบกำรงำนอำชีพทั้งหลำยนั้น เรำมักจะเบียดเบียนเอำเปรียบแก่กัน
และกัน เพื่อหวังให้ได้ประโยชน์มำกนั่นเอง แม้ในกำรไปไหนมำไหนเช่น
โดยสำรรถหรือเรือ เรำก็แย่งกันขึ้นแย่งกันลง แย่งกันขึน้ เพื่อหำที่นั่งให้สบำย แย่ง
กันลงเพื่อจะรีบไปให้ถึงก่อน ซึ่งสิ่งเหล่ำนี้ล้วนเป็นไปด้วยอำำนำจของกำม และที่
นำำผลให้ปรำกฏก็คือ กำรทะเลำะวิวำท
พระอริยะย่อมเห็นภัยอันเกิดแต่สิ่งเหล่านี้ว่าเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว จึงหาทางที่
จะออกไปให้พ้นจากกาม ไม่ยอมที่จะรับรู้ว่ำ สัตว์ทั้งหลำยย่อมเสวยกำมนี้เป็นสุข
อย่ำงยิ่ง เพรำะเห็นสุขอื่นที่ดียิ่งกว่ำ และที่ประณีตกว่ำสุขนี้ยังมีอยู่อีก สุขอื่นที่ดี
กว่ำและประณีตกว่ำก็คือ ควำมสงัดจำกกำม สงัดจำกอกุศลธรรมทั้งปวง เข้ำสู่
ควำมสุขในสมำธิไปจนถึงปฐมฌำน อันมีวิตก วิจำร ปีติ และสุข ที่เกิดแต่วิเวก
เป็นต้น
ควำมปรำรถนำต่ำงๆอันเป็นอนำคตอำรมณ์เหล่ำนี้ ก็จะผูกพันใจให้กังวลทุกข์ร้อน
อยู่ตลอดเวลำ และยิ่งไม่ได้ดังปรำรถนำด้วยแล้ว ก็จะก่นแต่เศร้ำโศกเสียใจ พอดี
พอร้ำยหันเข้ำพอใจกับฝ่ำยอกุศลธรรม มีกำรเสพสุรำยำเมำเพื่อหวังทุเลำควำม
ทุกข์ร้อนใจ นีแ่ หละ ชีวิตของกำมบุคคล ต้องเคลิบเคลิ้มมัวเมำไปตำมอำรมณ์กำม
และกำมจิตที่กลุ้มรุมอยู่อย่ำงถอนตัวไม่หลุด
ภิกษุผู้อบรมแล้วทั้งกำยและใจ จะต้องจำำไว้ในใจโดยควำมเป็นของไม่งำมใน
ร่ำงกำยนี้ ต้องกระทำำไว้ในใจให้แยกคำยอยู่เสมอ
ถ้ำอำรมณ์ย่อมได้มำโดยควำมเห็นว่ำเป็นของงำมแล้ว พระพุทธองค์ก็ได้ทรงตรัสแก้อำรมณ์นั้นๆไว้
อีกว่ำ "ภิกษุทั้งหลำย เธอจงเป็นผู้มีทวำรอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลำยอยู่เถิด เมื่อเธอเห็นรูป
ด้วยตำแล้ว จงอย่ำเป็นผู้ถือเอำโดยนิมิตเครื่องหมำย อย่ำงเช่นผู้ถือเอำโดยอนุพยัญชนะลักษณะส่วน
ย่อย จงปฏิบัติเพื่อสำำรวมจักขุนทรีย์ กล่ำวคือ ต้องพิจำรณำกำรเห็นเป็นปรำกฏกำรณ์ของรูปนำม
โดยควำมเป็นไตรลักษณ์ เป็นอำกำรสักแต่ว่ำเห็น เป็นกำรเห็นที่ไม่ประกอบไปด้วยสักกำยทิฏฐิ คือ
เห็นควำมเป็นตัวตนคนสัตว์
กำมฉันทนิวรณ์ ควำมยินดีติดใจในอำรมณ์กำมที่เป็นเครื่องกั้นควำมดีถูกข่มไม่ให้
เกิดขึ้นมำ ด้วยอำำนำจของสมำธิที่ได้จนถึงฌำนนั่นเอง แต่กำรออกจำกกำมชนิด
ปฏิบัติสมถภำวนำนี้ เป็นกำรออกจำกกำมคือพ้นจำกควำมยินดีติดใจในอำรมณ์
ต่ำงๆ ไม่ได้เด็ดขำด เพรำะถ้ำอำำนำจของฌำนเสื่อมลงเมื่อใดแล้ว กำมย่อมปรำกฏ
ได้ใหม่อีก ถ้ำปรำรถนำออกจำกกำมโดยเด็ดขำดแล้วจะต้องเจริญวิปัสสนำ (กำร
ทำำจิตให้เกิดปัญญำ) คือ กำำหนดรูปนำมเป็นอำรมณ์ โดยควำมเป็นไตรลักษณ์
ทำำลำยสักกำยทิฏฐิและวิปลำสธรรมให้สิ้นไปจนมรรคจิตเกิดขึ้น
เมื่อมรรคเบื้องตำ่ำเกิดแล้ว ก็ยังไม่สำมำรถประหำณกำมได้เด็ดขำดเป็นสมุจเฉท
ปหำนได้ ต้องเจริญให้ถึงมรรคเบื้องบนคืออนาคามิมรรค กามราคะทั้งหลายจึงถูก
ทำาลายโดยสิ้นเชิงเป็นสมุจเฉทปหาน กำมรำคะจึงไม่เกิดแก่อนำคำมิบุคคลและ
อรหันตบุคคล จึงเห็นได้ว่ำขอบเขตของกำมนัน้ มีกว้ำงขวำงยิ่งนัก
สัตว์ทั้งหลำยย่อมไหลไปตำมควำมปรำรถนำในกำรบริโภคกำมของตน และจะ
ดิ้นรนกระเสือกกระสนไปจนกว่ำจะสมควำมปรำรถนำ หรือล้มหำยตำยไป เปรียบ
เหมือนนำ้ำที่เอิบอำบไปในแผ่นดินย่อมจะซำบซึมขยำยบริเวณออกไปจนหำ
ขอบเขตมิได้และสัตว์ทั้งหลำยหำทรำบไม่ว่ำ เพราะกามของเขานั้นก็เป็นศัตรูของ
เขาเอง
ควำมดิ้นรนกระเสือกกระสนของมนุษย์ก็เป็นไปอย่ำงรุนแรง หรืออย่ำงสุดกำำลัง
ตรำบเท่ำที่ยังมีลมหำยใจอยู่ เมื่อข่ำวว่ำกำรขุดทองคำำได้ผลดี แม้จะห่ำงไกลไปสุด
หล้ำฟ้ำเขียว เขำก็จะพำกันยกขบวนออกไป แม้จะยำกลำำบำกแสนเข็ญสักเพียงใดก็
อดทนได้ เมื่อมีข่ำวว่ำ ที่ไหนสนุกสนำนถึงใจ เขำก็จะหำทำงฝ่ำควำมลำำบำก
ทุรกันดำรไปจนถึง และเมื่อมีข่ำวว่ำ ท่ำนผู้ใดให้หวยลอตเตอรี่ถูกรำงวัลใหญ่ เขำก็
จะไม่เห็นแก่ควำมเหนื่อยยำกแต่ประกำรใด หนทำงเดินแม้จะไกลก็คลำคลำ่ำไป
ด้วยผู้มีควำมปรำรถนำอย่ำงแรงกล้ำ จะเฝ้ำออดอ้อนด้วยถ้อยคำำที่จะจูงใจให้ท่ำนผู้
นัน้ แสดงออกมำ
กำาลังแรงของความปรารถนาย่อมจะจูงพาหรือผลักส่งให้ผู้มีกำาลังแรงของความ
ปรารถนาเหล่านั้น ไปยังทิศทางที่ตนตั้งใจเอาไว้ ดังจะเห็นได้ว่ำ ผู้ที่มีควำมยินดี
ติดใจในกำรเล่นรื่นเริง และโอบกอดเพศตรงข้ำม เขำก็จะพำกันไปชุมนุมตำมไนท์
คลับยำมคำ่ำคืน โอบกอดซึ่งกันและกันแล้วสนุกสนำนรื่นเริงกันอย่ำงสุดเหวี่ยง
เมื่อกลับมำบ้ำนก็ยังมำฝันถึงคำ่ำคืนอันน่ำอภิรมย์ เมื่ออำำนำจของควำมปรำรถนำใน
ควำมมึนเมำ มำเร้ำอยู่ในดวงจิตเสียจนเคยชินแล้ว ในเวลำเย็นคำ่ำ เขำทั้งหลำยก็จะ
พำกันมำชุมนุมอยู่ ณ ร้ำนเครื่องดองของเมำสนทนำปรำศรัยหยอกล้อหรืออวด
อิทธิพลกันครื้นเครง ด้วยอำำนำจของกำมผลักส่งมำ
เมื่อควำมปรำรถนำในพระเจ้ำเงินตรำมีกำำลังมำก เมื่อควำมต้องกำรรำ่ำรวยมีอำำนำจ
เหนือ เขำทั้งหลำยก็จะทอดทิ้งควำมดีเอำไว้เบื้องหลัง แล้วก็ทุ่มโถมตัวเองลงไปใน
กำรต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยมิได้คำำนึงควำมเมตตำกรุณำ
ไม่ได้คิดถึงศีลธรรมจรรยำ ไม่เอำใจใส่ว่ำใครจะเดือดร้อนหรือล้มลงนอนดิ้น
เพรำะพ่ำยแพ้ในกำรต่อสู้นี่คือฤทธิ์ของกำมผลักส่งให้เกิดขึ้น
กำำลังอำำนำจอันเกิดจำกควำมปรำรถนำอันเป็นกำมดังกล่ำวนี้ ไม่ว่ำจะเป็นไปใน
ทำงบุญหรือบำปก็ตำม ย่อมจะประทับ ย่อมจะสั่งสมให้เกิดกำาลังมากขึ้นๆ ไว้ใน
จิตใจแล้วเก็บเอาไว้เหมือนกับนำ้ำที่ตั้งอยู่บนไฟมันก็จะร้อนเพิ่มขึ้นๆ เป็นลำำดับไป
จนกว่ำจะออกเสียงร้องแล้วมีไอพวยพุ่งเกิดควำมดันขึ้นมำ
เหมือนชำยหนุ่มผู้ผูกสมัครรักใคร่หญิงสำวปำนชีวิตจิตใจ ได้พูดได้คุย ได้ถูกเนื้อ
ต้องตัวจนเกิดควำมรักท่วมท้นหัวใจ ควำมรักได้ทวีตัวเองเพิ่มพูนตัวเองอยู้มิได้
ขำดสำยกำำลังอำำนำจของควำมรัก มันจะเกิดขึ้นมำกมำกมำย
กำำลังอำำนำจนี้ก็จะทำำให้ชำยหนุ่มผู้หลงใหลยอมเป็นทำสของควำมรัก ยอมอุทิศ
ตนอุตส่ำห์ทรหดอดทนบุกเบิกหนทำงเพื่อสร้ำงตัวสร้ำงชีวิตครอบครัวให้เป็นปึก
แผ่น ทั้งจะยอมเป็นยอมตำยเมื่อควำมรักได้ถูกขวำงกั้น และเมื่อควำมปรำรถนำได้
ถูกเรียกร้องด้วยกำำลังแรงกล้ำ แม้แม่นำ้ำกว้ำง หรือภูเขำจะสูงอย่ำงไร หรือจะเป็น
ป่ำช้ำที่มีภูติผีปีศำจที่น่ำกลัว หรือว่ำที่พ่อตำในอนำคตจะถือตะพดอันโตสักเพียง
ไหน กำำลังอำำนำจของควำมรักที่สะสมอยู่ภำยในจิตใจคุกรุ่นอยู่ ก็จะผลักส่งให้หำ
หนทำงไปให้จนได้ แม้ควำมตำยจะเยื้องกรำยขวำงหน้ำก็ไม่หวั่นไหว
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลำยก็เป็นเช่นเดียวกันทั้งนั้น ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมำในเวลำเช้ำจน
กระทั่งหลับนอนลงในเวลำกลำงคืน ได้ทุ่มเทควำมปรำรถนำ คือ ควำมยินดีติดใจ
ในอำรมณ์กำมต่ำงๆ ที่เกิดขึ้นทำงตำ หู จมูก ลิ้น กำย และใจ อยู่ตลอดเวลำ หรือได้
กระทำำทำงกำย วำจำ และทำงใจ เพื่อให้ควำมยินดีติดใจในอำรมณ์กำมนั้นสม
ควำมประสงค์ และจะเป็นไปอยู่เช่นนี้ทุกเมื่อทุกวัน ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ ที่คลอด
ออกมำจำกครรภ์ของมำรดำ ไปจนกระทั่งเติบโต แล้วก็ต่อไปจนกว่ำจะถึงแก่ควำม
ตำย ควำมยินดีติดใจต่ำงๆอันเป็นกำมำรมณ์ อันเป็นกำมตัณหำนั้น ก็จะฝังประทับ
สร้ำงสมกำำลังอำำนำจอยู่ทุกวี่ทุกวัน สะสมรวบรวมเพิ่มเติมอยู่ภำยในดวงจิต
เหมือนกำรเติมเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์กลไก
แต่ในสำมัญชนทั้งหลำยกลับเห็นตรงข้ำม เพรำะเห็นควำมเกิดเป็นของดีของงำม
จะได้กินได้อยู่ ได้เสพอำรมณ์ใหม่ๆแปลกๆ ด้วยเหตุนี้ ถ้าผู้ใดมาแช่งว่า ขออย่าได้
ผุดได้เกิดเลย ผู้ถูกแช่งก็จะเป็นเดือดเป็นแค้น เกิดความโกรธขึ้นมาทันที
ผู้ที่เดินอยู่ท่ำมกลำงควำมมืดมักจะพูดว่ำ เพรำะควำมมืดนี้ทีเดียวที่ทำำให้เดินไม่ถูก
ทำง ผูท้ ี่เดินอยู่ท่ำมกลำงแสงสว่ำงก็มักจะพูดว่ำ ด้วยเหตุนี้ที่มีแสงสว่ำงจึงเดินทำง
ได้ถูกต้อง แต่อำจหลงทำงหรือเดินผิดทำงทั้งสองท่ำนก็ได้ เพรำะในเรื่องของชีวิต
เป็นปัญหำอันเร้นลับและลึกซึ้งยิ่งนัก เรำหำได้มีควำมเข้ำใจไม่ว่ำ ชีวิตมีควำมเป็น
มำอย่ำงไรและเป็นไปอย่ำงไร ทั้งๆที่เรำพัวพันอยู่กับมันทุกเช้ำคำ่ำ ดังนั้นจึงไม่ควร
พูดว่ำแสงสว่ำงทำำให้เรำเดินถูกทิศทำงได้
"รูปาวจรจิต" เป็นจิตที่เข้ำถึงสมำธิแนบแน่นแล้ว ทำำลำยควำมต้องกำรกำมได้
เป็นกำรชั่วครำว เมื่อไม่มีควำมต้องกำรกำม ต้องกำรแต่ควำมสุขจำกควำมสงบเป็น
สมำธิแต่อย่ำงเดียวเช่นนี้แล้ว เมื่อชีวิตได้ถึงที่สุดแล้ว จึงไปเกิดยังภูมิที่มีแต่ควำม
ต้องกำรกำม เช่น มนุษย์ เทวดำ และสัตว์เดรัจฉำนไม่ได้ ดังนัน้ จึงได้ไปเกิดยัง
พรหมภูมิ ซึ่งก็เป็นเทวดำพวกหนึ่งที่มีควำมประณีตมำกแต่ไม่มีควำมติดใจในกำม
แล้วจะอยู่ ณ ทีน่ ี้จนกว่ำจะหมดแรงที่ส่งไป
นอกจำกนี้กำรเรียนรู้เรื่องของทุกข์และควำมเป็นไปในวัฏฏะให้เข้ำใจดี กำรปฏิบัติ
กำรงำนกลับยิ่งเป็นผลดี จิตใจมีควำมมั่นคงยิ่งขึน้ ควำมสะดุ้งสะเทือนใจหวั่นไหว
กลับลดลง ควำมทุกข์กังวล ห่วงใย เศร้ำหมอง เร่ำร้อน ถอยออกไปเป็นอันมำก
เรื่องทั้งหลำยเหล่ำนี้จะมีรำยละเอียดให้ท่ำนได้ศึกษำกันมำกทีเดียว อำจจะใช้เวลำ
ถึงหนึ่งปีก็ได้ แต่อย่ำงไรก็ดี กำรบรรยำยต่อๆไปกว่ำจะถึงปริจเฉทที่ ๕ ท่ำนจะได้
ทรำบมำกขึ้นไปเป็นลำำดับ