You are on page 1of 7

ศูนย์ สิ่งแวดล้ อมศึกษาภาคตะวันตก

เส้ นทางศึกษาธรรมชาติแห่ งป่ าชุมชนบ้ านพุเตย


(ตอนที่ 2)
เรื องฤทธิ์ พรหมดํา ผู้ช่วยนักวิจัยโครงการ BRT

ลงป่ าพุ แห่งนี้ไปแล้วแน่แท้ อาจจะเป็ นเหยีย่ วหรื องูที่ได้ร่างกายของ


เส้น ทางต่อ ไปที่ เ ราจะเดิ น สํารวจกันคื อ ในส่ ว น มันเพื่อยังชีพตามระบบห่วงโซ่อาหารของธรรมชาติ
ของป่ าพุ อันเป็ นระบบนิ เวศที่ น่าสนใจที่ สุด (สําหรั บผม) เมื่ อ ลงมาถึ ง ป่ าพุ จ ะพบว่ า ต้น ไม้ ใ นพุ ย ัง อุ ด ม
ของศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาบ้านพุเตยแห่งนี้ ระหว่างทางที่ลง สมบูรณ์ ดีทีเดี ยว ไม้ยืนต้นหลายต้นยังคงยืนสู งและมี เส้น
ไปเราก็จะได้พบกับป่ าเบญจพรรณที่ มีตน้ ไผ่ข้ ึ นเป็ นชนิ ด รอบวงขนาดใหญ่ ให้ร่มเงาครึ้ ม ต้นเตยใหญ่ที่มาของชื่ อพุ
หลัก บนและริ ม ทางเดิ น จะพบกับ มด ปลวก แมลงต่ า งๆ เตยก็มีอยู่อย่างสมบูรณ์ พื้นล่างของป่ าพุดินจะดูช้ื น ๆ พบ
และแมงมุม พวกสัตว์เหล่านี้ ไม่มีพิษภัย ถ้าเราไม่ไปแหย่มนั ต้นเต่าร้างต้นน้อย ๆ ขึ้นอยูม่ ากมายไม่ไกลจากต้นใหญ่ที่ข้ ึน
หรื อพลาดพลั้งไปเหยียบทางเดินของมดและปลวกเข้า ต้อง กระจายอยูท่ วั่ ไป เต่าร้างจัดเป็ นไม้ในวงศ์ปาล์มที่พบในป่ าพุ
ช่วยกันระวังและสังเกตให้ดี แห่ ง นี้ เยอะที่ สุ ด อี ก ชนิ ด ที่ พ บบ้า งในวงศ์น้ ี คื อ ต้น หวาย
แล้วผมก็ตอ้ งไปหยุดชะงักที่จุดแห่งหนึ่ ง เพราะตา นอกจากนั้นพืชดอกโบราณที่ ยืนต้นให้เห็ นในบริ เวณนี้ คือ
สะดุดเข้ากับสี เหลือบฟ้ าบนเศษใบไม้แห้ง พอก้มลงพินิจดู ต้นยี่หุบปลี หรื อมณฑาขาว ที่ครั้งนี้ เจอแต่ผลที่มีรูปร่ างเป็ น
ก็พลันจินตนาการได้วา่ ขนนกที่มีสีเหลือบเขียวฟ้ านี้ เจ้าของ เอกลักษณ์ของมัน แต่ครั้งแรกที่พวกเรามากันในช่วงฤดูฝน
มันคงจะสิ้ นชี พไปเพราะสัตว์นักล่าชนิ ดใดชนิ ดหนึ่ งในป่ า เราได้ยลโฉมดอกสี ขาวขนาดใหญ่ของมันมาแล้ว
ส่ วนไม้พ้ืนล่างที่ใคร ๆ เข้ามาก็ตอ้ งถูกแนะนําให้ นิ่ งอยูบ่ นก้อนหิ นที่วางขวางลําธารอยู่ ในครั้งก่อนบนก้อน
รู ้จกั กับต้นโปร่ งฟ้ า ที่ เมื่อเอาใบมาส่ องดูกบั ท้องฟ้ าจะเห็ น หิ นแบบนี้ เราสามารถพบเห็นหอยคันตัวสี น้ าํ ตาลที่มีลายวง
เป็ นจุดใส ๆ อันเป็ นลักษณะของไม้ในวงศ์ส้ม แต่ตอนนี้ เริ่ ม เกาะอยู่อย่างมากมาย แต่ค รั้ งนี้ หาตัวพบได้ยากขึ้ น แล้วก็
จะพบเจอในป่ าแห่ งนี้ นอ้ ยลงแล้ว เนื่ องจากมีชาวบ้านมาขุด หมดเวลาสํารวจในวันนี้ วัน ต่อ ไปเราค่อ ยกลับ มาสํา รวจ
ไปขาย สําหรับผูท้ ี่เข้ามาใช้เส้นทางศึกษาธรรมชาติกห็ วังว่า สิ่ งมีชีวติ ในนํ้าของป่ าพุแห่งนี้กนั ครับ
จะไม่มีใครมาขุดหรื อมาทึ้งใบไปส่ องดูนะครับ เพราะเดี๋ยว
ได้หมดป่ า ไม่มีให้คนที่ มาใช้เส้นทางในภายหลังได้ศึกษา สํ ารวจสิ่ งมีชีวติ ในนํา้
กันพอดีครับ เราเริ่ มทํางานกันแต่เช้า คราวนี้ เป็ นภาระหน้าที่ที่
บนก้อ นหิ น ในป่ าพุ น้ ัน ความชื้ น ก็ มี อ ยู่สู ง ตาม จะต้องมาทดลองกิจกรรมกันล่ะ วันนี้ เราใช้เส้นทางเดินตัด
สภาพป่ าไปด้วย แตกต่างจากป่ าเต็งรังและป่ าเบญจพรรณที่ จากรี สอร์ ตโฮมพุเตยลงมายังพุโดยตรงเพื่อความรวดเร็ ว พอ
เราผ่านมาโดยสิ้ นเชิง มอสที่นี่ยงั คงเขียวชุ่มชื่น ชูกา้ นสปอร์ ลงจากถนนลาดยางก็ต ้อ งบุ กฝ่ าดงไม้พุ่ม ที่ มี ท้ งั ไมยราบ
ให้เห็น แต่หินที่มนั เกาะก็ต่างกันกับบนป่ าด้านบนด้วย หิ น ธรรมดา และไมยราบยักษ์ปะปนอยูด่ ว้ ย ส่ วนด้านซ้ายมือก็
ในป่ าพุ เ ป็ นลัก ษณะของหิ น ปู น แต่ ใ นป่ าด้า นบนเป็ น คื อสระเก็บ นํ้าที่ ถูกสร้ างขึ้ นเพื่อ เก็บกักนํ้าที่ พุข้ ึ นมาไว้ใช้
ลักษณะหิ นกรวดมน ที่ประกอบด้วยก้อนกรวดหลายขนาด ประโยชน์ นํ้าที่เราเห็นจึงเป็ นสี ฟ้าเขียวสวย เพราะมีที่มาจาก
แต่เดิมในป่ าพุแห่ งนี้ น่าจะมีน้ าํ เยอะกว่าที่เราเห็น นํ้าพุหินปูนนัน่ เอง
กัน แต่ เ นื่ อ งจากทางนํ้ าได้ ถู ก ปิ ดกั้ นเพื่ อ เก็ บ กั ก ไว้ใ ช้
ประโยชน์ ทําให้แหล่งนํ้าในป่ าพุที่มองเห็นได้ มีเพียงลําธาร 1. 2.
3. 4.
ที่น้ าํ ไหลเอื่อย ๆ ช่วงเวลาที่น้ าํ จะท่วมพุได้ก็เหลือเพียงช่วง
ที่มีน้ าํ หลากจากฝนตกหนักเท่านั้น สัตว์ที่เราได้พบใกล้กบั 1. ขนนกสี เหลือบฟ้ าอมเขียวกองอยูบ่ นพื้นป่ า
2. ดอกยีห่ ุบปลี หรื อมณฑาขาว (ภาพเดือนสิ งหาคม)
แหล่งนํ้านี้ เริ่ มจากลูกของจงโคร่ ง ที่ แอบอยู่ตามเศษใบไม้
3. มอสบนก้อนหิ นในป่ าพุกาํ ลังชูกา้ นสปอร์
แต่บนป่ าเต็งรังครั้งก่อนก็เคยเจอ แล้วก็กบตะนาวศรี ที่เกาะ 4. เปลือกหอยหอม (Cyclophorus sp.)
1. 2. 1. ลูกจงโคร่ ง (◌ฺ Bufo asper) 2. ลูกอึ่งลาย (Calluela guttulata)
3. 4. 3. กบตะนาวศรี (Ingerana tenasserimensis) 4. หอยคัน (Paludomus siamensis)
5. 6.
7. 8. 5. ปูน้ าํ ตก (Stelomon kanchanaburiense) 6. ปลาซิ วใบไผ่ (Devario regina)
7. จิงโจ้น้ าํ (Gerridae sp.) 8. แมงมุมนํ้า (Pisauridae sp.)
ลงมาถึ ง ลํา ธารในป่ า ขั้น แรกผมต้อ งหาตัว ปู โอกาสได้พิสูจน์ ซึ่ งถ้ามันยังเหลืออยูบ่ า้ ง การรักษาป่ าแห่งนี้
กลับไปจําแนกชนิ ดในแล็บให้ได้ เพราะการสังเกตลักษณะ ไว้ใ ห้ มี ส ภาพอุ ด มสมบู ร ณ์ อ าจจะช่ ว ยให้ ม ัน ขยายพัน ธุ์
ภายนอกสําหรับผมที่ไม่ชาํ นาญการมันไม่เพียงพอ แล้วผมก็ เพิ่ม เติ ม จนเราสามารถพบเจอมัน ได้อี ก ในป่ าแห่ งนี้ ก็ไ ด้
เจอปูที่จะช่วยให้ความกระจ่างถึงชนิ ดปูในป่ าพุแห่งนี้ จนได้ ใครจะรู้
มันคือปูตวั ผูท้ ี่โตเต็มวัย ทําไมถึงต้องเป็ นตัวผูท้ ี่โตเต็มวัย ก็ ฝอยเรื่ องปูมามากแล้ว ทีน้ ี ก็ลงไปสํารวจสิ่ งมีชีวิต
เพราะการจําแนกชนิดที่แน่นอนที่สุดสําหรับปูคือ การนําเอา ในลําธารกันบ้าง แม้ภาระกิ จจะเป็ นไปในแนวให้ทดลอง
อวัยวะเพศจากตัวอย่างปูไปส่ องขยายดูดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ การตรวจวัด คุ ณ ภาพนํ้า ด้ว ยสั ต ว์ห น้า ดิ น แต่ผ มไม่ ไ ด้ติ ด
แล้วเปรี ยบเทียบด้วยเอกสารรายงานวิชาการ ซึ่ งก่อนหน้าที่ หนังสื อลงมาในป่ าพุดว้ ย ก็เลยทดลองหาและเอามาถ่ายรู ป
จะได้เจ้าตัวผูต้ วั นี้ ผมจับได้ตวั เมียมาแล้ว แต่ก็ตอ้ งปล่อยมัน เสี ยทุ ก อย่ า ง อุ ป กรณ์ ที่ มี ติ ด ไปก็ มี เ พี ย งสวิ ง สี่ เหลี่ ย ม
กลับ ไปยัง ที่ เ ดิ ม ที่ จับ มา เพราะการจับ ปู ค รั้ งนี้ ก็ เ พี ย งแค่ ปากกว้างประมาณหนึ่งฟุตกับแว่นขยาย 1 อัน (เอาเลนส์ใกล้
ต้องการยืนยันชนิ ดของปูที่นี่อย่างเป็ นทางการ แม้ปูที่อาศัย ตาของกล้อ งส่ อ งทางไกลเก่ า ๆ ใช้) พอลงไปในนํ้าปุ๊ บก็
อยูใ่ นตอนนี้จะมีสีสันไม่สะดุดตา ดึงดูดใจ ให้คนมาเที่ยวมา สังเกตเห็นปลาตัวเล็ก ๆ ยาว ๆ ว่ายอยูท่ ี่พ้ืนด้านล่าง ซึ่ งช่วง
ดู แต่ลุงบุญมายืนยันมาว่าในอดีตในป่ าพุเตยแห่ งนี้ มีปูราชินี ลําธารที่ลงไปนี้ พ้ืนนํ้าจะเป็ นกรวดหิ นปูน บางชิ้นก็เป็ นเศษ
อาศัยอยู่ แต่ในภายหลังพวกมันได้หายไปจนไม่มีใครเจออีก กิ่งไม้ที่ถูกหิ นปูนเคลือบ อาจจะเป็ นเพราะจมนํ้ามานานจน
เข้า ใจว่า ในช่ ว งที่ ปู ร าชิ นี โ ด่ ง ดัง เป็ นที่ รู้ จัก คงจะมี ค วาม หิ นปูนที่ละลายอยูใ่ นนํ้าเข้าไปจับตามธรรมชาติครับ
ต้องการปูชนิ ดนี้ สูง ทําให้ชาวบ้านเข้ามาจับไปขาย จนไม่
เหลื อให้เห็ นได้อีกต่อไป ซึ่ งผมเองไม่กล้ายืนยันว่ามันจะ 1. 2.
3. 4.
หมดไปจริ งหรื อเปล่า เพราะแค่ปูน้ าํ ตกที่ เหลืออยู่ทุกวันนี้
1. ตัวอ่อนแมลงชีปะขาวตัวแบน (Epeorus sp.)
เวลาพวกเราเดิ น ก็ ห าตัว มัน เจอได้เ พี ย งไม่ กี่ ต ัว ปู ร าชิ นี 2. ตัวอ่อนแมลงชีปะขาว อีกชนิดหนึ่ง
อาจจะหลงเหลืออยู่บา้ งก็ได้ แถมยังอาจจะเหลือแต่พวกที่ 3. ตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกนํ้า (ไม่มีปลอก)
ออกหากิ น กลางคื น ก็ ไ ด้ อัน นี้ ไม่ มี ใ ครรู้ และผมก็ ไ ม่ มี 4. มวนแมงป่ องนํ้า (Ranatra sp.)
1. ตัวอ่อนแมลงปอ ที่ บ ริ เวณริ มลํา ธารช่ ว งนี้ ถ้า สั ง เกตให้ ดี จ ะเจอ
2. ลูกอ็อดในลําธาร เปลื อ กหอยสองฝากองอยู่ริ ม นํ้า ซึ่ งถ้า ลองใช้มื อ ช้อ นเอา
1. 2. 3. 3. ปลาค้อ (Schistura sp.) ก้อนกรวดพื้นนํ้ากลางลําธารขึ้นมาดูจะพบมีหอยสองฝาติด
4. 5. 4. แมลงสาบที่พบบนกองใบไม้ลอยนํ้า
ขึ้นมาด้วย หอยชนิดนี้มีชื่อเรี ยกทัว่ ไปว่าหอยขวาน ซึ่ งนําไป
5. กุง้ นํ้าจืดชนิด Macrobrachium hendersoni
ทําเป็ นอาหารได้ แต่หอยชนิดนี้ ไม่ได้พบทุกช่วงของลําธาร
จึงต้องพึ่งผูเ้ ข้ามาสํารวจต่อไปลองหาช่วงลําธารที่เจอหอย
ว่ากันที่เรื่ องปลาต่อ แล้วผมก็ใช้สวิงจับมันขึ้นมา ชนิ ด นี้ ดู ล่ ะ กัน ครั บ ว่ า ช่ ว งที่ เ จอกับ ไม่ เ จอนี่ มัน ต่ า งกัน
ได้ ถ่ายรู ปเสร็ จก็ปล่อยมันไป ไว้เอาไปหาผูช้ าํ นาญช่วยแยก อย่างไรบ้างครับ
ชนิ ดจากรู ปให้ในภายหลัง พอลงสวิงครั้ งต่อไป ก็เลือกไป เอาล่ะ เริ่ มผันเป้ าหมายไปหาแมลงนํ้ากันบ้าง ลองเลือกช้อน
ตักแถวท่อนไม้ลอยนํ้าดู คราวนี้ ได้กุง้ แคระตัวกระจ้อยมา ตามแถวเศษใบไม้กิ่งไม้ ก็เริ่ มมี ตวั อ่อนแมลงนํ้าติ ดขึ้ นมา
ครับ หลายตัวเลย ลักษณะแต่ละตัวจะมีสีคล้าย ๆ กันคือมีสี พร้อมกับใบไม้ มันคือตัวอ่อนของแมลงปอเข็ม ครับ มันคง
นํ้าตาล บางตัวก็สีแดง แต่ที่แนวหลังจะออกเป็ นสี ขาว แต่กงุ้ จะใช้เ ศษใบไม้เ ป็ นที่ อ าศัย และดัก ซุ่ ม เหยื่ อ ของมัน ซึ่ ง
ชนิ ดนี้ สามารถเปลี่ ยนสี ไปตามสภาพแวดล้อมได้ในระดับ อาจจะเป็ นลูกปลา ลูกกุง้ หรื อแมลงนํ้าอื่น ๆ ยืนอยูใ่ นนํ้าดี ๆ
หนึ่ งครั บ เพราะเคยเอาใส่ ข วดไว้ แล้ว มันก็เปลี่ ย นสี จ าก ก็มีกุง้ ตัวหนึ่ งมาป้ วนเปี้ ยนเล่นอยูแ่ ถวเท้าผม มันเป็ นกุง้ ใน
นํ้าตาลเป็ นฟ้ าได้ นอกจากนั้นในคราวเดี ยวกันยังมี กบติ ด กลุม้ เดียวกับกุง้ ก้ามกราม คือมีลกั ษณะหัวโต ก้ามใหญ่ยาว
สวิงขึ้ นมาด้วย 1 ตัว มี ลายสี ฟ้าเหมื อนกับที่ พบในวันแรก มันคงออกมาสํารวจดูวา่ ผมเป็ นตัวอะไร ระหว่างที่ชอ้ นสวิง
เจ้ากบตัวนี้กเ็ ป็ นกบตะนาวศรี ดว้ ยเช่นเดียวกัน ไปก็เจอเข้ากับแมงมุมชนิดหนึ่ งที่ริมนํ้า เมื่อนึกทบทวนให้ดี
เอ๊ะเคยเจอที่ริมนํ้าของศูนย์สิ่งแวดล้อมภาคกลางที่ปางสี ดา
หลายตัว เหมื อ นกัน ส่ ว นแมลงนํ้าที่ จับ ขึ้ น มาได้ที่ เ ป็ นตัว ก่อนหน้านี้ น้ ี พอควร และแมลงนํ้าที่พบในบริ เวณนี้ เป็ นตัว
อ่ อ นแมลงนํ้า คื อ แมลงชี ป ะขาว, ชี ป ะขาวตัว แบน และ อ่ อ นแมลงนํ้าได้แ ก่ แมลงหนอนปลอกนํ้าไม่ มี ป ลอก,
แมลงปอ ส่ ว นที่ เ ป็ นแมลงนํ้า ตัว เต็ม วัย ได้แ ก่ จิ ง โจ้น้ ํา 2 แมลงปอ และแมลงปอเข็ม ส่ วนที่ไม่ใช่แมลงมีกงุ้ แคระ
ชนิ ด, มวนแมงป่ องนํ้า และแมลงตัวสี แดงที่คล้ายแมลงสาบ ได้เพียงเท่านี้ ผมก็ถูกเรี ยกให้ข้ ึ นจากนํ้า เดิ นทาง
ซึ่ งแมลงสาบตัวนี้ อาจจะแอบอยูบ่ นกองใบไม้ที่ลอยนํ้าอยูก่ ็ กลับไปยังรถ ระหว่างทางที่เดินก็พบกับเชือกฟางสี แดงที่พี่
เป็ นได้ ส่ วนที่ไม่ใช่แมลงได้แก่ ลูกอ็อด และกุง้ ถาวร (เป็ นทีมงานจากฝ่ ายเลขานุ การ BRT) ขึงไว้เป็ นรู ป
หลังจากนั้นมีผชู้ ่วย ช่วยลงไปช้อนสวิง ปรากฏว่า สี่ เหลี่ยมกลางทางเดิน เพื่อหมายไว้ให้เห็นถึงพื้นที่ที่ควรจะ
จับได้ปลามาหนึ่ งชนิ ด ตะโกนดี ใจเสี ยลัน่ พอผมเข้าไปดู มีการเฝ้ าติดตามลักษณะและจํานวนรู ปู ซึ่ งลักษณะรู ปูน้ ี บาง
ปรากฏว่ามันคือปลาซิ วใบไผ่ ลายสี ฟ้าสลับเหลืองสวยงามดี ท่านได้สันนิ ษฐานไว้กบั ปูป่าชนิ ดอื่นว่า ลักษณะปากรู ปูที่
ตั้งแต่มาที่นี่ผมยังจับมันไม่ได้สักตัวเลย แต่ก็พอจะมองเห็น เป็ นวงกลมและวงรี สามารถแยกแยะได้ว่าปูที่เป็ นเจ้าของรู
มันว่ายอยูใ่ นนํ้าได้ ที่เคยจับได้ในนี้ ก็มีแต่ปลาหางนกยูง ซึ่ ง เป็ นปูเพศใด จํานวนที่พี่ถาวรนับไว้ตอนเริ่ มต้นคือ 19 รู โดย
ไม่ใช่ปลาประจําถิ่นของบ้านเรา แต่เป็ นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่มี ตัดรู ที่ไม่น่าจะเป็ นรู ปูออก ตามประสบการณ์ที่เคยเห็นรู ปูที่
ต้นกําเนิ ดไกลถึงอเมริ กาใต้โน่นเลยครับ ในสมัยก่อนมีการ ห้วยเขย่งมาก่อน แต่ตอนนี้ เป็ นเวลาปาเข้าไปบ่ายกว่า เริ่ มมี
ปล่อยลงในแหล่งนํ้าธรรมชาติของเราเพื่อไว้กินลูกนํ้า ลด คนบ่นหิ วข้าวแล้ว เราก็เลยต้องรี บเดินทางออกจากป่ าไปหา
ปริ มาณยุง แล้วมันก็ปรับตัวอยูก่ บั สภาพแหล่งนํ้าบ้านเราได้ ข้าวกิ นเอาดาบหน้ากันเป็ นอันจบการสํารวจและทดลอง
ดี ออกลูกออกหลานมากมายได้อย่างรวดเร็ ว เพราะมันเป็ น กิจกรรมในครั้งนี้
ปลาออกลูกเป็ นตัว เกิดออกมาปุ๊ บก็วา่ ยนํ้าได้ปั๊บ ผลกระทบ สําหรับข้อเสนอแนะที่ได้จากการทดลองกิจกรรม
ที่ ม ัน มี ต่ อ ระบบนิ เ วศยัง ไม่ แ น่ ชัด ส่ ว นที่ ช นิ ด อื่ น ๆ ที่ สํา รวจสิ่ ง มี ชี วิ ต ในนํ้า ซึ่ งในภายหลัง ถู ก เปลี่ ย นเป็ นการ
มองเห็น ได้แก่ ปลากั้ง, ปลาตะเพียนนํ้าตก และปลาซิ วไม่ ตรวจวัด คุ ณ ภาพแหล่ ง นํ้ าด้ว ยสั ต ว์ห น้ า ดิ น นั้ น เราไม่
ทราบชนิด จําเป็ นต้องใช้วิธีตามที่ระบุไว้ในคู่มือทุกระเบียดนิ้ว แต่ควร
หลังจากปล่อยสวิงให้ผูช้ ่วยลงไปช้อนเล่นอยู่พกั จะพลิกแพลงบ้างไปตามสภาพพื้นที่ เช่นลําธารของพุเตยนี้
หนึ่ ง ก็ได้เวลาสํารวจของผมต่อ คราวนี้ เปลี่ยนเป้ าหมายไป
ช้อนตรงที่เป็ นรากไม้อ่อนที่โผล่ปริ่ มนํ้าดูบา้ ง เพื่อความ
หลากหลายของที่อยูอ่ าศัย คราวนี้ เราได้พบปูน้ าํ ตกมาอาศัย
หลบอยู่ที่นี่อยู่ 2 ตัว และอาจจะมากกว่านั้น สองตัวที่ พบนี้
ยังเป็ นปูปูวยั รุ่ นอยู่ เนื่ องจากขนาดยังห่ างกับปูเต็มวัยที่เจอ

2.
1. 3.

1. ชาวบ้านที่มาเก็บเห็ดบริ เวณรอบป่ าพุ


2. กุง้ แคระ (Atyidae sp.)
3. ลักษณะรู ปูในบริ เวณป่ าพุ
พวกสัตว์หน้าดินที่เป็ นแมลงนํ้าซึ่ งถูกระบุให้เป็ นดัชนี ช้ ี วดั ขอขอบคุณ
ไม่ได้อาศัยอยูเ่ พียงตามก้อนกรวดพื้นท้องนํ้าเท่านั้น แต่บาง ลุงบุญมา และน้าเกียรติ ไกด์ทอ้ งถิ่นประจําป่ า
ชนิ ด ไปพบอาศัยอยูต่ ามเศษกิ่งไม้ใบไม้ที่ลอยกองอยู่ และ ชุมชนบ้านพุเตย
บริ เวณบริ เวณที่เป็ นรากไม้โผล่จากพื้นนํ้า และนอกจากจะ อ. ปิ ยะพร แห่ง ม.ราชภัฏกาญจนบุรี ช่วย
สํารวจสัตว์น้ าํ เหล่านี้ เพื่อ การตรวจวัดคุ ณภาพนํ้าแล้ว เรา ประสานงานเรื่ องที่พกั
ควรจะสังเกตไปด้วยว่าสิ่ งมีชีวติ เหล่านั้น มีความสัมพันธ์กนั คุณธัญญา จัน่ อาจ ช่วยฟันธงชนิดสัตว์ครึ่ งบกครึ่ ง
อย่างไร และสัมพันธ์กบั สิ่ งแวดล้อมที่มนั อาศัยอย่างไร จึ ง นํ้าจากรู ปถ่าย
จะได้ความรู้สมดังชื่อ ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา

รากหายใจของต้นไม้ในพุ

You might also like