You are on page 1of 5

เรื องของหลวงตา ตอน มะละกอ หลวงตาอายุมากแล้ ว พาสามเณรน้ อย ออกเดินบิณฑบาตรผ่านตะลาดสด ระหว่างนั น ชายคนจรคนหนึง เอามะละกอลูกงาม ไปเร่ขาย ขอฝากขายให้ กับ แม่ค้าในตลาดนั นอยู่

แม่ค้าเอามะละกอขึ น างกิโล บนตาช่างของร้ านตนบ้ าง ร้ านข้ างๆทีติดกันอยู่อีก ช่ บ้ าง แล้ วก็บอกราคา ด้ วยสายตาและนํ าเสียงทีเย็นชา อย่างเสียไม่ได้ เป็ นอย่างนีอยูทุกๆร้ านไป ชายคนจรก็ไม่ได้ ขายมะละกอของตน ให้ แม่ค้าคนไหน ่ ซํ ายัง ่นพึมพํา ตําหนิแม่ค้าทุกๆร้ านทีผ่านมาว่า โกงราคามะละกอของตน บ ด้ วยการชังนํ าหนักทีไม่เท่ากัน บางครั ง ชายคนจร ผู ้ เร่ขายมะละกอของตน ก็ทะเลาะกันกับแม่ค้า บ้ างครั งแม่ค้า ทีร้ านติดๆกัน ก็ทะเลาะกันเอง ด้ วยเรืองมะละกอลูกเดียวนั นแหละ บางครั งก็มีเรืองว่า คนขายโกง บางครั งก็ว่า คนซื อโกง บางครั งก็ว่าตาชังมันโกง บางครั งก็ว่ามะละกอมันโกง มันหลอกตาว่าเป็ นมะละกอดี ด้ วยข้ างในมันอาจจะไม่ดีก็ได้ อะไรประมาณนั น "ฮุ ฮุ" หลวงตาให้ เสียง ฮึมฮําเบาๆ ในลําคอ แล้ วพูดขึ นลอยๆ ว่า "มะละกอลูกนี งามแท้ แต่ใจคนไม่งามเลย " แล้ วถามเบาๆ กับสามเณรน้ อย ทีเดินตามมาข้ างหลัง โดยไม่ได้ หันหน้ าไป "เณรน้ อย เธอว่า มะละกอมันโกง หรือ คนมันโกง" "ตอนนี ไม่ทราบ ครับ" สามเณร ตอบ "ดี ตอนนี เธออายุเท่าไรแล้ ว หลวงตาถาม " "สิบสี ครับ" สามเณรตอบโดยไม่ได้ หยุดคิด

"ดีแล้ ว แล้ วตอนนี เธอหนักเท่าไร" หลวงตาถามซํ า "สีสิบครับ" “ดี” หลวงตาตอบเบาๆ ในท่าเดินอยู่อย่างนั น กับสามเณร ้ อยผู ้ มีใบหน้ ายิ มอยู่ น เป็ นปกติเหมือนตั งแต่ มเห็นเดินเข้ ามาในตลาด เริ "ตอนนี ถ้ าเธอจําเป็ นต้ องเป็ นมะละกอ เป็ นตราชัง เป็ นคนขายมะละกอ เป็ นแม่ค้า คนซื อมะละกอ เธอจะเลือกทีจะเป็ นอะไร หลวงตาถามสามเณร " "เป็ นมะละกอ ครับ" “ดี” หลวงตาตอบ "แล้ วจริงๆ ถ้ าไม่มีใครบังคับเธอ เธออยากเป็ นอะไร" หลวงตาถาม "ไม่อยากเป็ นอะไรอีกแล้ วครับ" สามเณรตอบ " ดี เธอบรรลุธรรมแล้ ว รักษาธรรมนี ไว้ ให้ มันนะ ต่อไปเธอก็จะไม่ต้องกลับมาเป็ น อะไรๆกับเขาอีกทั งนั "น หลวงตาพูดไปเบาๆ กับความเงียบ ท่ามกลางเสียงของตลาดที จอแจอยู่ตลอดเวลา ในทุกๆย่างเท้ าทีก้ าวไปในเวลานั น "หลวงตา" พระหนุม เดินแซงสามเณรขึ นมาจากข้ างหลัง อย่างไรไม่รู้ ทั งหลวงตาและ ่ สามเณรไม่ทันได้ ดู แต่เขาก็เร่งถามขึ นมาอย่างดังแล้ ว โดยมี อทั งสองยังอุ ้ มบาตรอยู่ มื "เณรน้ อยนี บรรลุธรรมได้ ง ัย ยังไม่ได้ บวชพระเลย" พระหนุ่มอุ ้ มบาตรเดินตีคู่ขึ นมาเสมอด้ วยหลวงตา พร้ อมถาม้ วยเสียง อย่างดัง ด ท่ามกลางพระรูปอืนๆ ทีเดินตามพระหนุ่มนั นมาอีก๕ รูป โดยมีชาวบ้ านสนใจชําเลืองตา มองอยู่ หลวงตาชะลอฝี เท้ าแล้ วหยุดนิงลง หันตาไปมองพระหนุ่มทีอยู่ทางซ้ ายมือ มี สามเณรหยุดยืนนิงอยู่ด้านท้ ายหลวงตา ด้ วยสายตาทียังอยู่ในระดับเดิม ส่วนพระหนุ่ม

ทั งหมด แม้นจะยังยืนอยู่เหมือนว่าเรี ยงแถว แต่ก็ไม่ใช่แถวแล้ ว ทุกคนสนใจสายตาของ หลวงตา และจับจ้ องอยู่ทีปากของหลวงตาตลอดเวลา "ธรรมดามะละกอมันโกงใครไม่ได้ อยู่แล้ ว ตราช่างมันก็ตรงกันมังไม่ตรงกันมัง คน ช่างก็ตาดีมังไม่ได้ มัง คนทีพูดกันไปมาก็ปากดีมังไม่ดีมัง เอาอะไรแ ่กับมันเหมือน น มะละกอลูกงามลูกนั นก็ไม่ได้ " หลวงตาตอบเบาๆ เหมือนด้ วยอาการของพระกําลังแสดงธรรม "ผมก็รู้ ก็เห็น แบบหลวงตาพูดอยู่นีแหละ อย่างนีผมก็บรรลุแล้ วซิ ใช่ไหมครับ หลวงตา" พระหนุ่มถามอย่างรนราน หลวงตายังสงบนิงอยู่เช่นเดิม ทั งด้ วยสายตาและนํ าเสียง อมกับพูดขึ นอีกว่า พร้ "ผู ้ รู้ ทีมีมากแล้ ว ก็รู ้ อยู่อย่างนั น เป็ นเรืองธรรมดา ” “ผู ้ ไม่รู้ ก็มีมาก ่ ก็ยังไม่รู ้ ต่อไปเป็ นธรรมดา" อยู ทุกอย่างเหมือนว่าจะเงียบลงสักหลายอึดใจ "แล้ วงัยหละหลวงตา แล้ วสามเณรน้ อยนี บรรลุธรรมได้ งัย หลวงตาอวดอะไร หรือ ป่ าว" นํ าเสียงของพร หนุ่มเหมือนจะไม่ใช่พระขึ นมาทุกที ะ "เณรน้ อยนี เวลานี ทีว่าไม่รู้ คือไม่รู้ เรืองของคนอืน เขารู ้ แต่เรืองของตนเอง เขา เลือกทีจะเป็ นมะละกอ ผู ้ โกงใครไม่ได้ ถ้ าต้ องถุกบังคับให้ เลือก เขาไม่เลือกทีจะเป็ นอะไร เลย ถ้ าเขามีอิสระเป็ นของตนเองแล้ ว อย่างนี เราเรี ยกว่า บรรลุธรรมแล้ ว " หลวงตาตอบอย่างราบเรียบแต่มีพลัง ในระหว่างทีพระหนุ่มคนแรกยังตาโตอยู่ แล้ วพระรุปอืนๆในหางแถว ขมวดเข้ ามาเบียดทั งสามเณรและหลวงตาไว้ แล้ ว โดยมี ชาวบ้ านเริ มหยุดดูอยู่ด้วย รวมทั ง ายคนจรผู ้ ชายมะละกอลูกงามลูกนั น ช “หลวงตา ผมงง” พระหนุ่มเริ มพูดต่ออีก หลังจากเหมือนว่าจะหยุดแล้ ว หรือรออะไรอยู่ หลวงตา จึงหยุดเดินแล้ วพูดขึ นว่า

"เธอเมือเห็นธรรม ทีเกิดแต่มะละกออยู่เบื องหน้ า ก็ไม่พิจารณาตามไปในเรืองอืนที ผ่านมาแล้ ว ละวางมันไว้ ไม่คาดหวังเรืองทียังไม่เกิด มันจะเป็ นอย่างไรก็ช่างมัน เห็นแต่ เรืองของตนในปั จจุบันเวลา พิจารณาแต่สภาวะ ของเรืองทีเกิดผุดขึ นอยู่ในใจของตน เรียกว่าธรรมอันเกิดแต่เหตุเฉพาะหน้ า ทําความเพียรนี ไปอย่างนีตั งแต่เวลานีไม่ถอนคืน กลับ ให้คิดไว้ ด้วยว่า พรุ่งนี ก็อาจจะต้ องตายแล้ วหรือคืนนี ถ้ าต้ องหลับไป ก็อาจจะไม่ตืน มาอีกแล้ วก็ได้ ให้ รู ้ ไว้ ด้วยว่า เราไม่สามารถต่อรองกับพญามัจจุราชผูมีบริวารมากได้ ให้ ้ ท่านเพียรพยายามอยู่อย่างนี ทั งกลางวันกลางคืน เพียงผ่านไปในหนึงราตรี ท่าน ทั งหลาย ก็อาจจะบรรลุธรรมของท่านเองได้ แล้ ว เป็ นมะละกอทีสุกงอมสวยงามของท่าน เองได้ แล้ ว ไม่ต้องไปให้ ตาช่างทีไหน หรื อใครๆมาบอกท่านอีก ว่าท่านหนักเท่าไร ราคา เท่าไร แล้ วกินได้ อร่อยไหม ให้ ท่านรู ้ ด้วยตัวของท่านเอง รู ้ แต่เรืองในตัวของตนเองให้ มาก เพียงอย่างเดียว ก็พอแล้ ว" หลวงตาพูดแล้ วหันหลังกลับไปเดินต่อ มีสามเณรน้ อยเดินตาม พระหนุ่มทั งขบวน เดินแบบกึงวิงกึงเดินตามมา บอกกับหลวงตาว่า "สาธุครับ พวกผมเข้ าใจแล้ ว" หลวงตาตอบ อนุโมทนาสาธุการ ต่อพระหนุ่มเหล่านั น โดยไม่ได้ หยุดรออะไร ไม่ได้ มองไปทีไหน อยู่ในอาการขอสมณผุ ้ สงบในกรเดินบิณฑบาตรเหมือนเดิม แต่เบื องหน้ าหลวงตา มี ชายคนจรทีเร่ขายมะละกอยืนถือมะละกอรออยู่ เขาบอก ถวายมะละกอ “ผมไม่ขายมันแล้ วครับหลวงตา” เขาพูดพร้ อมกับยกมะละกอขึ นสูงเหนือหัว “ผมได้ ยินทีหลวงตาพูดหมดแล้ ว วันนี ผมไม่ต้องการเงินแล้ ว ผมไม่ต้องซื อข้ าวกิน แล้ ว ผมอิมแล้ วครับ ผมขอถวายมะละกอลูกนี ให้ หลวงตาครับ ชายคนจร พูดพร้ อมกับ ” จะวางลงในบาตร หรื อบนบาตรของหลวงตา หลวงตา ไม่ได้ เปิ ดบาตรรับมะละกอลูกนั น แต่ บชายคนจรนั นว่า บอกกั

“มะละลูกนี งามนัก แต่ก็ใหญ่เกินไปทีพระจะรับกลับไปเอง เธอมีสัทธาบอกถวาย แล้ ว อาตมาขอรับบุญนี ไว้ ขอบุญ จงมีกับเธอในเวลานี ด้ วย แล้ วเธอจงสละเวลาทุก นี อย่างทีจะมีในตอนนี ตามอาตมาไปปลอกมะละกอ ถวายให้ พระทีวัดด้ วย แล้ วไปกราว นํ า รับพระพระทีนั น นะหลวงตาบอกบุญให้ ชายคนจรด้ วยอาการสงบ ” ชายคนจร เดินตามหลังหลวงตาและสามเณรน้ อยนั นพ้ นออกจากเขตตลาดไป พอพ้ นเขตตลาดได้ สักพัก หลวงตาบอกกับสามเณรว่า "วันหน้ าถ้ าเธอไม่รู้ ว่า คนทีฟั งเธออยู่ เขาจะรับหรือไม่รับอย่างพระหนุ่มพวกนี เธอ ก็จงเฉยเสียนะ ไม่ต้องตอบ ถ้ าจะตอบ ก็ตอบคําว่า ไม่รู้ คําเดียวนะ" หลวงตาบอกเณรน้ อย "ครับ" สามเณรรับคําไว้ ด้ วยใจทีเบิกบานสุดจะบรรยาย พร้ อมนึกถึงว่า นีเป็ นบุุญของเรา แล้ วจริงๆ และด้ วยบุญอย่างนี ทีอิมเอิบอยู่อย่างนี ถ้ ามีไปถึงโยมแม่ด้วยแล้ ว โยมพ่อด้ วย แล้ ว ให้ เขาทั งสองเป็ นเหมือนเราในเวลานี อยู่ ท่านคงจะมีความสุขมาก และแม้ นว่าใครก็ ตามทีจะสิ นลม หายใจ จักต้ องตายจากกันไปด้ วยอาการทีเอิบอิมอยู่ในความสุขนี แล้ ว เขาทั งหลาย านั นคงมีแต่ความสุข มีสุคติเป็ นทีไปเพียงฝ่ ายเดียวอย่างแน่นอน เหล่ ... ... จบ เรื องของหลวงตา ตอน มะละกอ ... ...

You might also like