Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 3 พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
บทที่ 3 พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
๓
1. ความหมายของ “พระอาณาจักรของพระเจ้า”
เมื่อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ยืนยันความหวังของชาวอิสราเอลเรื่องอนาคต มักจะใช้
สำนวนที่ว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้า” สำนวนนี้เป็นการแปลวลีภาษากรีกว่า “Basileia tou Teou”
ภาษาอังกฤษแปลได้สองความหมายคือ
1. Sovereignty, royalty หมายถึง บทบาทของการเป็นกษัตริย์หรือเจ้านาย พระเจ้าจึง
ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองมนุษย์
2. Kingdom, reign หมายถึง ขอบเขตหรือดินแดนที่พระเจ้าทรงปกครอง
ในพระวรสารสหทรรศน์ (Synoptic) พระอาณาจักรของพระเจ้ามีความหมายดังกล่าวทั้งสอง
คือ การปกครองของพระเจ้า และอาณาเขตการปกครองของพระองค์ นักบุญยอห์นสื่อความหมาย
เดียวกันโดยใช้คำว่า “ชีวิตนิรันดร” นักบุญเปาโลใช้คำว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้า” น้อยมาก แต่
มักจะใช้คำว่า “สิ่งสร้างใหม่”
34
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
2. ทรรศนะของชาวอิสราเอลในสมัยของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับพระอาณาจักรของพระเจ้า
เราจะเข้าใจคำสอนของพระเยซูเจ้าในเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าง่ายขึ้น ถ้าเราทราบ
ทรรศนะของชาวยิวร่วมสมัยเดียวกับพระองค์ เพราะทุกคนในเวลานั้นมีความหวังว่าพระเจ้าจะเสด็จ
มาปกครองเขา ความหวังเกี่ยวกับอนาคตแสดงออกใน 3 ลักษณะคือ
2.1 ความหวังเชิงการเมืองของผู้รอคอยพระเมสสิยาห์ (Political - Messianic Hope)
ประชากรอิสราเอลส่วนใหญ่หวังว่าพระเจ้าจะสถาปนาราชวงศ์ดาวิดอีกครั้งหนึ่ง และ
อาศัยกษัตริย์พระองค์นี้ผู้รับเจิมจากพระเจ้า พระเจ้าจะทรงปกครองชาติอิสราเอลหลังจากที่ทรงช่วย
เขาให้พ้นจากการปกครองของคนต่างชาติ แนวความคิดนี้คล้ายกับความคิดของบรรดาประกาศกว่า
พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์มนุษย์ พระเจ้าทรงอนุญาตให้คน
ต่างชาติปกครองอิสราเอล เพื่อสักวันหนึ่งพระองค์จะทรงช่วยอิสราเอลให้เป็นอิสระพ้นจากการเป็น
เมืองขึน้ โดยจะทรงขับไล่ชาวต่างชาติ เหตุการณ์นจี้ ะสำเร็จได้โดยทางกษัตริยพ์ ระองค์ใหม่ในราชวงศ์
ดาวิด คือ พระเมสสิยาห์ พระองค์นี้จะทรงเป็นผู้นำอิสราเอลในการปราบปรามต่อสู้กับศัตรูต่างชาติ
และจะได้รับชัยชนะ ทรงชำระกรุงเยรูซาเล็มให้พ้นมลทิน ทรงรวบรวมเผ่าต่างๆ มาเป็นอาณาจักร
เดียวกันอีกครั้งหนึ่ง และในที่สุด ชนชาติต่างๆ จะมาคารวะกษัตริย์อิสราเอลและชื่นชมการปกครอง
ของพระยาห์เวห์โดยทางพระเมสสิยาห์
35
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
36
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
3. ทรรศนะของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า
คำสอนของพระเยซูเจ้าเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าไม่สอดคล้องกับแนวความคิดทั้ง
3 แบบที่ได้กล่าวมา
3.1 ไม่สอดคล้องกับความหวังเชิงการเมืองของผู้รอคอยพระเมสสิยาห์
พระเยซูเจ้าตรัสสอนว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าขึ้นกับพระบุคคลและการกระทำ
ของพระองค์ “ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของพระเจ้า ก็หมายความว่า พระอาณาจักรของพระเจ้า
มาถึงท่านแล้ว” (ลก 11:20) พระองค์ไม่ได้เป็นพระเมสสิยาห์เชิงการเมืองแบบที่ชาวอิสราเอลทั่วไป
รอคอย เนื่องด้วยคนทั่วไปคิดว่าพระเมสสิยาห์จะต้องเป็นกษัตริย์ผู้ขับไล่ศัตรูของประเทศชาติ
พระเยซูเจ้าจึงไม่ทรงยอมให้ใครเรียกพระองค์ว่าพระเมสสิยาห์หรือพระคริสตเจ้า เพราะชื่อนี้อาจจะ
สร้างความเข้าใจผิด เมื่อพระองค์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า พระองค์ไม่ทรงทำตามที่ชาว
อิสราเอลคาดหมาย คือ ไม่เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในฐานะกษัตริย์หรือผู้นำกองทัพ แต่ทรงประทับ
บนหลังลูกลาแทนทรงม้า (เทียบ มก 11:1-10)
3.2 ไม่สอดคล้องกับความหวังในทรรศนะของบรรดาธรรมาจารย์
พระเยซูเจ้าไม่ได้ตรัสสอนว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าขึ้นกับการกระทำของมนุษย์
ราวกับว่าพระเจ้าทรงตอบแทนความประพฤติชอบธรรมของมนุษย์ ตรงกันข้ามพระเยซูเจ้าทรงเน้นว่า
พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของประทานจากพระองค์ผู้ทรงพระทัยเมตตากรุณา การกระทำของ
มนุษย์เป็นเพียงการตอบสนองการกระทำของพระองค์เท่านัน้ “เวลาทีก่ ำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณา-
จักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” (มก 1:15)
น่าสังเกตว่า พระวาจานี้เป็นประโยคแรกที่พระเยซูเจ้าตรัสในพระวรสารตามคำบอกเล่าของ
นักบุญมาระโก พระวาจานี้มีโครงสร้างพื้นฐานของการเทศน์สอนของพระเยซูเจ้า คือ แบ่งเป็นสอง
ภาค ภาคแรกเป็นประโยคบอกเล่า (indicative) และภาคที่สองเป็นประโยคคำสั่ง (imperative)
ภาคแรกพระเยซูเจ้าตรัสว่า “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้” ซึ่งเป็น
ประโยคบอกเล่าในแง่ข่าวดี ภาคสองพระเยซูเจ้าตรัสสั่งว่า “จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” ในทำนอง
37
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
38
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
4. พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเหตุการณ์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ในพระวรสารสหทรรศน์ พระเยซูเจ้าตรัสถึงพระอาณาจักรของพระเจ้าในสองลักษณะ คือ
พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นปัจจุบันแล้วในพระคริสตเจ้า และจะสมบูรณ์เพียงในอนาคตเท่านั้น
4.1 พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นปัจจุบันแล้วในพระคริสตเจ้า
ในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโกเราพบว่า นักบุญบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง
เป็นผู้เตรียมการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ที่จะต้องมาในยุคสุดท้าย เขาเปรียบเทียบสถานการณ์ของ
อิสราเอลเวลานัน้ กับสมัยกลับจากแดนเนรเทศเมืองบาบิโลนไปสูแ่ ผ่นดินอิสราเอล และเตือนประชากร
ให้กลับใจเปรียบเสมือนการอพยพอีกแบบหนึ่ง “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (มก 1:3) ชาว
ยิวร่วมสมัยจะมีประสบการณ์เหมือนกับประชากรอิสราเอลเมื่ออยู่ในถิ่นทุรกันดาร และกำลังเดินทาง
ไปสู่แผ่นดินแห่งพันธสัญญา การเทศน์สอนของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้างเกิดขึ้นในถิ่นทุรกันดาร
เช่นกัน
นักบุญยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐ (เทียบ มธ 3:4) เหมือนประกาศกเอลียาห์ (เทียบ 2
พกษ 1:8) ซึ่งเป็นประกาศกที่จะต้องมาก่อนวันแห่งพระยาห์เวห์ (เทียบ มลค 3:1,23) นักบุญยอห์น
ไม่เป็นผู้นำพระอาณาจักรมาให้ แต่เป็นเพียงผู้เตรียมทางให้พระอาณาจักรนั้นมาถึงโดยเร็ว “มีอีกผู้
หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัด
รองเท้าของเขา” (มก 1:7) นักบุญยอห์น “เทศน์สอนเรื่องพิธีล้างซึ่งแสดงความเป็นทุกข์กลับใจ เพื่อ
จะได้รับการอภัยบาป” (มก 1:4) และจะ “หนีการลงโทษที่กำลังจะมาถึง” (มธ 3:8) นักบุญยอห์น
ใช้ภาพเปรียบเทียบของขวานและพลั่ว เมื่อกล่าวถึงการพิพากษาของพระเจ้า “บัดนี้ ขวานกำลังจ่อ
อยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่เกิดผลดี จะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ” (มธ 3:10) พระเมสสิยาห์
“กำลังถือพลั่วอยู่แล้ว จะชำระลานนวดข้าวให้สะอาด รวมข้าวใส่ยุ้ง ส่วนฟางนั้นจะเผาทิ้งในไฟที่ไม่
รู้ดับ” (มธ 3:12) “อาณาจักรสวรรค์ อยู่ใกล้แล้ว” (มธ 3:2)
ผู้นิพนธ์พระวรสารทุกคนกล่าวว่านักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้างเทศน์สอนเช่นนี้ น่าจะถาม
ต่อไปว่า พระเยซูเจ้าทรงรับรองความคิดของนักบุญยอห์นหรือไม่ พูดอีกนัยหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงมี
39
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
40
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
• การขับไล่ปีศาจ
ตามเทววิทยาของชาวยิว เครื่องหมายที่แสดงว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง
ก็คือ การพ่ายแพ้ของซาตาน พระเยซูเจ้าทรงอ้างอำนาจขับไล่ปีศาจเพื่อแสดงว่าภารกิจของพระองค์
มาจากพระเจ้าอย่างแท้จริง เป็นไปไม่ได้ที่พระองค์ทรงขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจ ดังที่
ชาวยิวกล่าวหาพระองค์ ถ้าพระองค์ทรงขับไล่ปีศาจก็หมายความว่า พระองค์ทรงมีอำนาจเหนือกว่า
ทำให้ปีศาจต้องพ่ายแพ้เมื่อเผชิญหน้าพระอาณาจักรของพระเจ้าที่เข้ามาครอบครอง (เทียบ มก 3:
22-27)
ในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเห็นซาตาน
ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ” (ลก 10:18) หมายความว่า การที่ซาตานพ่ายแพ้เป็นความจริงแล้ว ใน
ทำนองเดียวกัน พระอาณาจักรของพระเจ้าก็มาถึงแล้วเช่นกัน “ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของ
พระเจ้า ก็หมายความว่า พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงท่านแล้ว” (ลก 11:20)
เราพบข้อความอีกตอนหนึ่งในพระวรสาร ตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา ที่
แสดงว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้ว เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่
ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” (ลก 17:21) หมายความว่า พระอาณาจักรอยู่ในโลกและเริ่มทำงานแล้ว
พระอาณาจักรจึงไม่เป็นเพียงเรื่องภายในจิตใจมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเท่านั้น แต่หมาย
ความว่า พระอาณาจักรยังเป็นเรื่องภายนอกที่สังเกตได้ และเกิดขึ้นแล้วที่นี่ เวลานี้ ไม่ต้องไป
แสวงหาที่อื่น
• การทำอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงใช้พระอานุภาพของพระเจ้าทำอัศจรรย์เพื่อรักษาผู้ป่วยให้หาย
และประทานชีวิตมนุษย์อย่างสมบูรณ์ พระองค์ไม่ทรงรักษาเพียงร่างกายเท่านั้น แต่ทรงรักษาจิต-
วิญญาณให้พ้นจากบาปอีกด้วย เพื่อมนุษย์จะได้รับความรอดพ้นอย่างสมบูรณ์ พระเจ้าทรงแสดง
พระเมตตาต่อมนุษย์อาศัยกิจการของพระเยซูเจ้า การทำอัศจรรย์ของพระองค์พสิ จู น์วา่ พระอาณาจักร
ของพระเจ้ามาแล้ว
41
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
การให้อภัยบาปเป็นอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญ
มาระโก พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนอัมพาตโดยการทำอัศจรรย์ทั้งฝ่ายจิตวิญญาณและฝ่ายร่างกาย
พระองค์ทรงรักษาจิตวิญญาณคนอัมพาตเมื่อตรัสว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” (มก
2:5) ธรรมาจารย์บางคนคิดว่า “ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” (มก 2:7) และพระ-
เยซูเจ้าทรงรักษาร่างกายของคนอัมพาตเมื่อตรัสว่า “เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัย-
บาปได้บนแผ่นดินนี้ ... เราสั่งท่านจงลุกขึ้นแบกแคร่กลับไปบ้านเถิด” (มก 2:10-11) น่าสังเกตว่า
พระเยซูเจ้าไม่ตรัสว่าเป็นพระเจ้าผู้ทรงอภัยบาปของคนอัมพาต แต่เป็นพระองค์เองผู้ทรงให้อภัยบาป
เหตุการณ์นี้แสดงว่าพระองค์ทรงมีอำนาจเท่าเทียมพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงตระหนักว่า พระองค์ทรงได้รับภารกิจจากพระบิดาให้นำพระ-
อาณาจักรของพระเจ้าเข้ามาในประวัติศาสตร์มนุษย์ ไม่เพียงประกาศว่าพระอาณาจักรจะมาถึงใน
อนาคต พระเจ้าเสด็จมาปกครองมนุษย์เป็นความจริงในพระเยซูเจ้าแล้ว โดยกิจการต่างๆ ของ
พระองค์ เช่น ขับไล่ปีศาจ ทำอัศจรรย์ และให้อภัยบาป พระวาจาของพระองค์ว่า ทรงยิ่งใหญ่
กว่าประกาศกโยนาและกษัตริย์ซาโลมอน (เทียบ มธ 12:41-42) แสดงว่าพระเยซูเจ้าทรงสำนึกใน
พระอานุภาพของพระองค์ พระองค์ยังทรงแสดงความสำนึกนี้อีก เมื่อทรงชี้แจงว่าพระองค์ทรงเป็น
จุดมุ่งหมายของความหวัง ที่บรรดาประกาศกและผู้ชอบธรรมมีในพันธสัญญาเดิม ดังที่พระเยซูเจ้า
ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ประกาศกและผู้ชอบธรรมจำนวนมาก ปรารถนาจะเห็นสิ่งที่
ท่านได้เห็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านฟังอยู่แต่ก็ไม่ได้ฟัง” (มธ 13:17)
นักบุญมัทธิวใช้อีกวิธีหนึ่งเพื่อแสดงว่า พระเยซูเจ้าทรงนำพระอาณาจักรของ
พระเจ้าเข้ามาในประวัติศาสตร์ของมนุษย์แล้ว คือ วิธีเล่าเหตุการณ์เมื่อพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์
โดยใช้ภาษาสัญลักษณ์ ตามวรรณกรรมประเภทวิวรณ์ (Apocalyptic) การสิ้นพระชนม์ของพระ-
เยซูเจ้าทำให้ยุคเก่าสิ้นสุดแล้ว เปรียบเทียบกับการสิ้นพิภพ “ตั้งแต่เวลาเที่ยง ทั่วแผ่นดินก็มืดจนถึง
เวลาบ่ายสามโมง…ทันใดนั้น ม่านในพระวิหารก็ฉีกขาดเป็นสองส่วนตั้งแต่ด้านบนลงมาถึงด้านล่าง
แผ่นดินสั่นสะเทือน ก้อนหินแตก คูหาที่ฝังศพเปิดออก ร่างของผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายร่างที่ล่วงหลับไป
42
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
43
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
พระเยซูเจ้าทรงใช้ภาษาสัญลักษณ์ตามวรรณกรรมประเภทวิวรณ์ เพื่ออธิบายเรื่อง
การพิพากษา (เทียบ มธ 12:32) และการกลับคีนชีพของบรรดาผู้ตาย ทรงแยกยุคนี้จากยุคหน้า
หรือโลกนี้จากโลกหน้า โลกนี้ยังรอคอยการสิ้นสุด อุปมาเรื่องข้าวละมานและเรื่องอวนอธิบายเช่น
เดียวกันว่า มนุษย์ยังต้องรอคอยวันสิ้นพิภพ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าวละมานถูกมัดเผาไฟฉันใด เวลา
อวสานแห่งโลกก็จะเป็นฉันนั้น” (มธ 13:40) “เมื่อถึงเวลาสิ้นโลกก็จะเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงคราวสิ้นโลก
ทูตสวรรค์จะมาแยกคนชั่วออกจากคนชอบธรรม” (มธ 13:49) จึงต้องมีการรอคอยวันสิ้นพิภพแล้วยุค
ใหม่จึงจะเกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อพระอาณาจักรจะสมบูรณ์ ก็คือ การพิพากษา การ
กลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย ชีวิตนิรั นดร และความตายนิรันดร
• การพิพากษา บรรดาประกาศกเคยกล่าวถึง “วันของพระยาห์เวห์”
เป็นวันที่พระยาห์เวห์ทรงลงโทษคนชั่ว และทรงให้รางวัลตอบแทน
คนดี พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนเรื่องการพิพากษาบ่อยๆ ในความหมาย
เช่นเดียวกันนี้ (เทียบ มก 8:38; มธ 10:15, 11:12, 12; 41-42;
19:28, 24:40-41, 25:31-46)
• การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย ในพระวรสารสหทรรศน์ พระเยซูเจ้า
ตรัสถึงเรื่องนี้น้อยมาก เมื่อพระองค์ทรงเถียงกับชาวสะดูสีในเรื่องการ
กลับคืนชีพ พระองค์ทรงสำแดงความเชื่อเช่นเดียวกับชาวฟาริสี (เทียบ
มก 12:18-27)
• ชีวิตนิรันดร (เทียบ มก 9:43-48; 10:30) พระเยซูเจ้าตรัสหลายครั้ง
ถึงสถานการณ์ถาวรในอนาคตของคนดีและคนชั่ว คนดีจะนั่งร่วมโต๊ะ
ในงานเลี้ยงของพระเมสสิยาห์ (เทียบ มธ 22:1-10; ลก 14:16 24;
มธ 8:11-12)
44
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
45
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
46
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
5. ทรรศนะของนักบุญเปาโลเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า
ข่าวดีที่นักบุญเปาโลประกาศ คือ เรื่องพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ
นักบุญเปาโลจึงคิดว่ายุคเก่าสำเร็จลุล่วงไปแล้ว เช่น “เหตุการณ์เหล่านี้บังเกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อ
เป็นตัวอย่าง และมีบันทึกไว้เพื่อเตือนสติเราซึ่งกำลังเผชิญกับวาระสุดท้ายของยุค” (1 คร 10:11)
“แต่เมื่อเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง” (กท 4:4)
การที่พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืน
พระชนมชีพเป็นการเริ่มยุคใหม่ เป็นการสร้างสิ่งใหม่ “พระองค์ตรัสว่า ‘ในเวลาที่เหมาะสม เราได้
รับฟังท่าน และในวันแห่งความรอดพ้น เราได้ช่วยเหลือท่าน’ ขณะนี้คือเวลาที่เหมาะสม ขณะนี้
คือวันแห่งความรอดพ้น” (2 คร 6:2) “แต่บัดนี้ ความเที่ยงธรรมที่พระเจ้าทรงช่วยให้รอดพ้นตามที่
หนังสือธรรมบัญญัติและประกาศกเป็นพยานถึงนั้น ปรากฏให้เห็นแล้วนอกเหนือธรรมบัญญัติ”
(รม 3:21) “ดังนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพเก่าผ่านพ้นไป สภาพใหม่
เกิดขึ้นแล้ว” (2 คร 5:17)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ทรงมี “ร่างกายที่มี
พระจิตเจ้าเป็นชีวิต” (1 คร 15:44) เมื่อพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ทรง
ชนะความตาย และทรงกลับเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตใหม่ “ข้าพเจ้าถูกตรึงกางเขนกับพระคริสตเจ้าแล้ว
47
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
48
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
6. ทรรศนะของนักบุญยอห์นอัครสาวกเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า
นักบุญยอห์นบรรยายว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นปัจจุบันแล้ว พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผย
ความรอดพ้นให้แก่มนุษย์ ความรอดพ้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เรามีชีวิตนิรันดรและได้รับความ
รอดพ้นแล้วอาศัยความเชื่อในพระคริสตเจ้า “โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์
ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลก
อย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตร
จะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร” (ยน 3:14-16; เทียบ 16:36, 5:21, 24:40, 11:25-26, 17:3)
นักบุญยอห์นเรียกชีวิตของผู้มีความเชื่อในโลกนี้ว่า เป็นผู้มีชีวิตนิรันดรแล้ว เราจึงอยู่ในยุคสุดท้าย
เมื่อพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพและทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ดู
เหมือนว่าการเสด็จครั้งที่ 2 ของพระคริสตเจ้าสำเร็จไปแล้ว “เมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้ว
เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย” (ยน 14:3)
“เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า เราจะกลับมาหาท่าน ในไม่ช้าโลกจะไม่เห็นเรา แต่ท่าน
ทั้งหลายจะเห็นเรา เพราะเรามีชีวิต และท่านก็จะมีชีวิตด้วย ในวันนั้น ท่านจะรู้ว่า เราอยู่ในพระบิดา
ของเรา ท่านอยู่ในเรา และเราอยู่ในท่าน” (ยน 14:18-20)
ในทำนองเดียวกัน การพิพากษาเกิดขึ้นแล้วเมื่อคนหนึ่งยอมรับ หรือไม่ยอมรับพระคริสต-
เจ้าและคำสอนของพระองค์ “ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อ
ก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของ
พระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือ ความสว่างเข้ามาอยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มนุษย์รักความมืด
มากกว่าความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย” (ยน 3:18-19) “เราบอกความจริงแก่ท่าน
ทั้งหลายว่า ผู้ที่ฟังวาจาของเรา และมีความเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ก็ย่อมมีชีวิตนิรันดร และ
ไม่ต้องถูกพิพากษา แต่เขาได้ผ่านจากความตายเข้าสู่ชีวิตแล้ว” (ยน 5:24) แม้การกลับคืนชีพของ
บรรดาผู้ตายดูเหมือนเป็นปัจจุบัน เมื่อพระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เวลานั้น
กำลังจะมาถึง และขณะนี้ก็กำลังเริ่มแล้ว เมื่อผู้ตายจะได้ยินพระสุรเสียงของพระบุตรพระเจ้า และผู้
49
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
50
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
7. สรุป
พันธสัญญาใหม่มีความคิดเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติที่เป็นเหตุการณ์เชิงอนันต-
กาล คือ พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นปัจจุบันและจะสมบูรณ์ในอนาคต แนวความคิดเกี่ยวกับ
ปัจจุบันและอนาคตไม่ขัดแย้งกันแต่มีความต่อเนื่องกัน พระเจ้าประทานความรอดพ้นแก่มนุษย์ใน
ปัจจุบันแล้ว แต่ความรอดพ้นนี้มุ่งหน้าไปสู่ความสมบูรณ์ในอนาคต พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนมนุษย์
ให้มีความเชื่อในพระองค์ คือ ยอมรับพระเมตตาของพระบิดาเจ้าและกลับใจดำเนินชีวิตด้วยความรัก
ผู้ที่ตัดสินใจเลือกจะเชื่อฟังพระองค์ก็รับความรอดพ้นซึ่งเป็นชีวิตนิรันดรที่เริ่มในโลกนี้แล้ว แต่ยังต้อง
รอคอยโลกหน้าเพื่อจะกลับคืนชีพและมีชีวิตรุ่งโรจน์อย่างสมบูรณ์ตลอดไป
51
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๓ ... พระอาณาจักรของพระเจ้าในมิติอนันตกาล
52
อ นั น ต วิ ท ย า