Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 5 อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
บทที่ 5 อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
๕
เทววิทยาเรื่อง “อนันตกาล” ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากบรรดานักเทววิทยาร่วมสมัย
ผู้ขยายทรรศนะและความเข้าใจเนื้อหาในแง่ต่างๆ มากกว่าในอดีต นักเทววิทยาร่วมสมัยมีความ
สำนึกว่า หนังสือเทววิทยาว่าด้วยอนันตวิทยายังขาดลักษณะที่สมบูรณ์ เพราะขาดทรรศนะที่ว่า การ
เปิดเผยในพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่มีลักษณะเป็นประวัติศาสตร์ คือ พระเจ้าทรงพระ-
เมตตาเข้าแทรกแซงในชีวิตของมนุษย์ เพื่อมนุษย์จะได้รับความสุขสมบูรณ์ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม
“เหตุการณ์สุดท้าย” เป็นทั้งจุดมุ่งหมายและวิถีทางที่พระเจ้าทรงเปิดเผยในประวัติศาสตร์
คือ เป็นเหตุการณ์ที่เริ่มต้นเมื่อพระคริสตเจ้าทรงรับธรรมชาติมนุษย์ ดังที่นักบุญเปาโลเรียกพระ-
คริสตเจ้าว่า “มนุษย์สมบูรณ์” (เทียบ อฟ 4:13) และจะสิ้นสุดบริบูรณ์เมื่อพระองค์เสด็จมาอย่าง
รุ่งโรจน์ เมื่อนั้น “ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่” (2 ปต 3:13) จะปรากฏ พระเจ้ายังทรงเปิดเผย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างสองเหตุการณ์นี้ คือ วาระของพระศาสนจักร ดังนั้น อนันตวิทยาจึงศึกษา
ทั้งความจริงบางประการที่พระเจ้าทรงเปิดเผยเกี่ยวกับอนาคตและทรรศนะใหม่ในความเข้าใจของ
การเปิดเผยทั้งหมด
68
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
69
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
การเปิดเผยของพระเจ้า และการค้นหาความหมายแท้ของอนันตวิทยาในพระวาจาและพระชนมชีพ
ของพระคริสตเจ้าจากข้อเขียนของคริสตชนสมัยแรก ๆ
ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การค้นคว้าพระคัมภีร์เพื่อที่จะได้เข้าใจอนันตวิทยาอย่างถูกต้องตาม
ความหมายของพันธสัญญาใหม่ มีอิทธิพลต่อวิชาอนันตวิทยามากกว่าวิชาเทววิทยาอื่นๆ จึงก่อให้
เกิดแนวความคิดหลายกระแสที่ค่อนข้างสับสน เพราะพันธสัญญาใหม่ไม่ชี้ให้เห็นแนวความหมายที่
ชัดเจนของอนันตวิทยา บรรดาผู้เชี่ยวชาญจึงมีความเห็นแตกต่างกันออกไป
เราไม่สามารถอธิบายอย่างละเอียดถึงความคิดเห็นต่างๆ ในศตวรรษนี้เกี่ยวกับเรื่องอนันต-
วิทยา แต่เราจะบรรยายถึงแนวโน้มที่สำคัญในเรื่องอนันตวิทยา ดังต่อไปนี้
• อนันตวิทยาที่สมเหตุสมผล (Consequent Eschatology)
• อนันตวิทยาปฏิพัฒนาการ (Dialectical Eschatology)
• อนันตวิทยาเชิงอัตถิภาวนิยม (Existential Eschatology)
• อนันตวิทยาที่เป็นความจริงแล้ว (Realized Eschatology)
• อนันตวิทยาในแง่ความสำเร็จของคำสัญญา (Eschatology as Fulfillment and
Promise)
• การฟื้นฟูอนันตวิทยาของนักเทววิทยาคาทอลิก (Renewal in Catholic Eschato-
logy)
• อนันตวิทยาในแง่ของการวิวัฒนาการ, การเมืองและการปฏิรูปสังคม (Evolutionary,
Political and Revolutionary Perspectives of Eschatology)
70
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
Predigt Jesu Vom Reiche Gottes) เจ. ไวส์ไม่เห็นด้วยกับพ่อตาของเขา คือ เอ. ริทเชิล (A. Ritchl)
และกับผู้ส่งเสริมเทววิทยาแบบเสรีนิยม (Liberal Theology)
เจ.ไวส์เชื่อว่า พระเยซูเจ้าไม่มีพระประสงค์จะประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าที่อยู่ใน
จิตใจมนุษย์ แต่ทรงคิดว่า พระเจ้าจะเสด็จเข้ามาปกครองเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์อย่าง
ฉับพลัน เพราะคำพยากาณ์ของบรรดาประกาศกและสัญลักษณ์ต่างๆ ในวรรณกรรมประเภทวิวรณ์
ที่พระเยซูเจ้าทรงใช้ในการเทศน์สอนนั้น ชี้ให้เห็นว่า พระองค์ทรงรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า
ที่กำลังจะมาถึง พระอาณาจักรนี้ไม่มีลักษณะเจริญเติบโตภายในจิตใจมนุษย์และค่อยๆ พัฒนาขึ้น
แต่เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเป็นการกระทำของพระเจ้าเมื่อระบบของโลกนี้จะสูญ
หายไปและจะเริ่มโลกใหม่
ในตอนแรก พระเยซูเจ้าทรงหวังว่า พระอาณาจักรจะมาถึงในช่วงเวลาทีย่ งั ทรงพระชนมชีพ
แต่ต่อมา พระองค์ทรงผิดหวังที่บรรดาศิษย์ส่วนใหญ่ละทิ้งพระองค์เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน และทรง
เห็นว่าบรรดาศัตรูต่อต้านพระองค์มากยิ่งขึ้น จึงทรงเปลี่ยนความคิดและทรงคาดว่า จะทรงต้องรับ
ทรมานและสิ้นพระชนม์ เพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง
เจ.ไวส์ สันนิษฐานความคิดของพระเยซูเจ้าว่า บุตรแห่งมนุษย์จะทรงปรากฏมาในระหว่าง
คนร่วมสมัยของพระองค์ บุตรแห่งมนุษย์ไม่ใช่พระเยซูเจ้า แต่เป็นผู้หนึ่งที่จะทำให้พระอาณาจักร
ของพระเจ้ามาถึง เจ.ไวส์คิดว่า คนในสมัยใหม่จะนำคำสอนของพระวรสารเรื่องอนันตวิทยามาปฏิบัติ
ในสังคมไม่ได้ เพราะคำสอนนั้นปฏิบัติได้เฉพาะระยะเวลาสั้นๆ คือ ในช่วงเวลาตั้งแต่พระเยซูเจ้า
ทรงพระชนมชีพจนถึงวันที่บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้าเท่านั้น
ดังนั้น เจ.ไวส์เป็นคนแรกที่เน้นว่า คำสอนของพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคต เป็น
เรื่องการกระทำของพระเจ้าในอนาคตอันใกล้ เหตุการณ์นี้ยังไม่เกิดขึ้นและเป็นเพียงความเพ้อฝัน
คำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าเรื่องอนันตวิทยาปฏิบัติไม่ได้ในปัจจุบัน แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเทศน์
สอนทัง้ หมด คริสตชนจึงต้องศึกษาการเทศน์เรือ่ งอืน่ ๆ ในพระวรสาร เพือ่ ค้นพบคำสอนทางจริยธรรม
ที่ปฏิบัติได้ในสมัยของเรา คริสต์ศาสนาจึงไม่ตั้งอยู่บนความเชื่อเรื่องอนันตกาล แต่อยู่บนคำสั่งสอน
71
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
72
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
พระอาณาจักรของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระองค์ ถ้าเราสามารถชนะอุปสรรคและความลำบากต่างๆ
ที่เราเผชิญในชีวิต ความเชื่อเรื่องพระอาณาจักรก็จะเข้มแข็งยิ่งขึ้น
ชไวน์เซอร์ ได้อธิบายอย่างชัดเจนอีกว่า แม้พันธสัญญาใหม่มีแนวความคิดหลากหลายทาง
เทววิทยา ก็มีมุมมองทางอนันตวิทยาอย่างสมเหตุสมผล อย่างไรก็ดี เทววิทยาของชไวน์เซอร์ไม่
ประสบผลสำเร็จ เพราะไม่ดำเนินตามมิติอนาคตทางอนันตวิทยาของพระเยซูเจ้า ดังที่เขาค้นพบใน
ประวัติศาสตร์ ดูเหมือนว่า ชไวน์เซอร์ไม่ปฏิบัติตามที่เขาสอน นักเทววิทยาบางวิพากษ์วิจารณ์ว่า
ชไวน์เซอร์ได้เสนอพระเยซูเจ้าทางประวัติศาสตร์ว่า ทรงเป็นเหมือนต้นไม้ที่โตขึ้นโดยมีรากฝังในดิน
ของอนันตวิทยา ถ้าย้ายต้นไม้มาปลูกในดินสมัยของเรา ต้นนั้นจะเหี่ยวแห้งไป เพราะเป็นไปไม่ได้ที่
ต้นไม้นี้จะเจริญเติบโตในดินสมัยของเราได้อีก
สรุปแล้ว ชไวน์เซอร์และศิษย์ของเขายืนยันว่า พระเยซูเจ้าทรงรอคอยอวสานของโลกเป็น
เหตุการณ์หนึ่งในอนาคตที่จะต้องเกิดขึ้นในพระชนมชีพของพระองค์ แต่ทรงคิดผิดในเรื่องนี้ ข้อดี
ในแนวความคิดของชไวน์เซอร์คือชวนเราให้มีความสนใจเรื่องอนันตวิทยาในคำสอนของพระเยซูเจ้า
แต่เขาอธิบายทัศนะคติของพระเยซูเจ้าเรื่องอนันตกาลไม่ถูกต้อง เพราะไม่สอดคล้องกับการเทศน์
สอนทั้งหมดของพระเยซูเจ้า ดังที่มีบันทึกไว้ในพระวรสาร
73
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
ทั้งหมดในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงเหตุการณ์สุดท้ายได้รับการอธิบายว่า เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งความ
จริงที่พระเจ้าทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง (อุตรภาพ Transcendence) ทรงอยู่เหนือสิ่งทั้งหลายที่อาจจะถูก
สร้างหรือไม่ถูกสร้าง (Contingence) และเป็นสัญลักษณ์แห่งความจริงที่พระเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพ
ทรงมีความสัมพันธ์กับสิ่งสร้างทั้งหลาย ซึ่งมีขอบเขตจำกัด
คาร์ล บาร์ทคิดว่า อนันตวิทยาไม่ใช่เรื่องอนาคต แต่เป็นเรื่องปัจจุบันที่พระเจ้าผู้สถิตนิรันดร
เสด็จมาพบกับมนุษย์ผู้ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ความรักเป็นปัจจัยสำคัญในการพบปะดังกล่าว เหตุการณ์
สุดท้ายซึ่งกล่าวไว้ในพันธสัญญาใหม่ จึงไม่เป็นเหตุการณ์ในกาลเวลา ไม่เป็นเรื่องเทพนิยาย
เกี่ยวกับอวสานของโลก ไม่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่เล่าถึงภัยพิบัติของโลกหรือของจักรวาลทั้งหมด
เหมือนกับว่าเป็นละครใหญ่ฉากหนึ่ง แต่ตรงกันข้าม เป็นวิธีเขียนเพื่อเน้นความใกล้ชิดระหว่าง
พระเจ้าในนิรันดรภาพกับมนุษย์ซึ่งอยู่ในกาลเวลา
ต่อมา เมื่อบาร์ทเขียนหนังสือ “พระสัจธรรมของพระศาสนจักร” (Church Dogmatics) เขา
ได้ปรับปรุงความเข้าใจเรื่องอนันตวิทยาของเทววิทยาปฏิพัฒนาการ (Dialectical Theology) และ
ยอมรับว่า ความคิดเดิมมีข้อบกพร่อง เพราะทำให้นิรันดรภาพของพระอาณาจักรอยู่ห่างไกลและพ้น
จากประวัติศาสตร์ของมนุษย์มากเกินไป ทำให้กาลเวลาที่มุ่งไปสู่อนาคตแท้จริงไร้ความหมาย บาร์ท
ยอมรับว่า ความคิดเดิมของตนทำให้นริ นั ดรภาพอยูใ่ นทุกขณะของชีวติ มนุษย์ เป็นความเข้าใจนิรนั ดร
ภาพตามความคิดเห็นของเพลโต (Plato) ไม่ใช่ตามความคิดในพระคัมภีร์
สรุปได้ว่า เทววิทยาปฏิพัฒนาการมีข้อบกพร่องในการเข้าใจประวัติศาสตร์ เพราะมีความ
หมายเพียงทางแนวตั้งอย่างเดียว คือ เป็นกิจการของมนุษย์ในความสัมพันธ์กับพระเจ้าเท่านั้น ไม่มี
ความหมายทางแนวนอน คือ ไม่พิจารณากิจการของมนุษย์ที่มุงไปสู่อนาคต ความคิดของบาร์ท
ถูกต้องในแง่ทเ่ี หตุการณ์สดุ ท้ายไม่เป็นเพียงภาคผนวกของประวัตศิ าสตร์ แต่ผดิ ในแง่ทเ่ี ป็นเหตุการณ์
ซึ่งเกิดขึ้นในพระเจ้าเบื้องบน ไม่ใช่ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เพราะพระเจ้าสถิตเบื้องบนและโลก
อยู่เบื้องล่าง มนุษย์ในประวัติศาสตร์ต้องพิจารณาเพียงความต่ำต้อยของตน เพราะพระเจ้าไม่ทรง
เลือกเขาให้มีบทบาทสำคัญ พระเจ้าเพียงพระองค์เดียวทรงกระทำทุกอย่าง
74
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
เราเข้าใจได้ยากว่า ประวัติศาสตร์และกาลเวลาในเทววิทยาปฏิพัฒนาการมีความหมาย
แท้จริงอย่างไร เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าในอนันตวิทยาจะไม่แตกต่างไปจากเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นแล้วในอดีต กระนั้นก็ดี เทววิทยาปฏิพัฒนาการทำให้อนันตวิทยาเป็นอิสระจากแนวความคิด
แบบจักรวาลและกายภาพ (Cosmic and physical conception) และได้รับแนวความคิดจากพระ-
คัมภีร์มากยิ่งขึ้น เช่น ทำให้เรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าและอนันตวิทยามีความหมายชัดเจนใน
ปัจจุบัน
75
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
สำหรับบูลท์มาน อนันตวิทยาจึงสูญเสียความหมายในแง่ที่เป็นจุดมุ่งหมายของประวัติ-
ศาสตร์มนุษยชาติ แต่เป็นจุดมุ่งหมายของชีวิตแต่ละคน ประวัติศาสตร์ของโลกไม่มีความสำคัญ
อีกแล้ว แต่เป็นประวัติศาสตร์ของแต่ละคนที่มีความสำคัญอย่างแท้จริง การที่แต่ละคนพบกับ
พระคริสตเจ้าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษย์แต่ละคน เพราะการเผชิญหน้ากับ
เหตุการณ์ในอนันตวิทยา ทำให้มนุษย์มีความเป็นอยู่อย่างแท้จริง อนันตวิทยาจึงหมายถึงการทำให้
ความเชื่อของเราเป็นจริงในปัจจุบัน เพื่อตอบสนองพระสุรเสียงของพระเจ้า ภาพต่างๆ ของพระ-
คัมภีร์เกี่ยวกับอนาคตในอนันตวิทยาของชาวยิว เป็นเพียงเทพนิยาย เราจึงจะต้องขจัดเรื่องเทพนิยาย
และตีความหมายในมิติเดียวของปัจจุบัน
บูลท์มานเสนอความคิดที่มีคุณค่าในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อกับชีวิตของแต่ละคน
แต่เขาไม่สามารถอธิบายอนาคตแท้จริงของโลกและประวัติศาสตร์ของมนุษย์ส่วนรวม เพราะเขานำ
ความคิดของไฮเดกเกอร์เรื่องประวัติศาสตร์ของมนุษย์มาใช้ในการตีความหมายข้อความในพระคัมภีร ์
นักเทววิทยาทั้งคาทอลิกและโปรเตสแตนต์เห็นพ้องต้องกันว่า ความคิดของบูลท์มานมีข้อบกพร่อง
76
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
77
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
78
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
อนันตวิทยาว่า ไม่ศึกษา “สิ่งสุดท้าย” (Last things) หรือ “สภาพถาวร” (Definite States) แต่
ศึกษาเหตุการณ์ที่จะเป็นจริงในอนาคต ดังที่พระเจ้าทรงเปิดเผย แก่นแท้ของอนันตวิทยาคือ ความ
สนิทสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เพราะพระคริสตเจ้าทรงเป็นทั้งจุดเริ่มต้น
และจุดสุดท้ายของหนทางที่นำมนุษย์ไปอยู่กับพระเจ้า พระคริสตเจ้าทรงกำหนดอนาคตของมนุษย์
และของโลก เพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
อีฟ มารี คองการ์ (Yves – Marie Congar) วิจารณ์ตำราการอธิบายเรื่อง “สิ่งสุดท้าย” ที่
นักเทววิทยาคาทอลิกมักได้สอนมาเป็นเวลานาน ตำราวิชาอนันตวิทยาเหล่านี้เขียนเป็นภาษาลาติน
(De Novissimis) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คองการ์ท้วงติง 3 หัวข้อคือ
ก) ตำรานี้อธิบายสิ่งสุดท้ายในแง่กายภาพและวัตถุมากเกินไป (Excessive Physicism)
เพราะเขาพิจารณาอนันตวิทยาโดยไม่สัมพันธ์กับเรื่องความรอดพ้น
ข) ตำรานี้ลดความสำนึกในธรรมล้ำลึกและในการริเริ่มอย่างอิสระของพระเจ้า ทำให้
“สิ่งสุดท้าย” เป็นข้อมูลที่ต้องอธิบายโดยการตั้งสมมุติฐานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ค) ตำรานี้อธิบายสิ่งสุดท้ายในข้อปลีกย่อยต่างๆ อย่างละเอียดมากเกินไป แต่คำสอน
ของพระศาสนจักรเรื่องอนันตกาลมีเพียงไม่กี่ข้อ
คองการ์จึงได้เสนออนันตวิทยาที่ ให้ความสนใจและยึดธรรมล้ำลึกเรื่องพระคริสตเจ้าเป็น
หลัก คือ ธรรมล้ำลึกปัสกาและธรรมล้ำลึกเรื่องการเสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์ของพระคริสตเจ้า
ยาง ดานีเอลู (Jean Danielou) เน้นความสัมพันธ์ระหว่างธรรมล้ำลึกเรื่องพระคริสตเจ้า
กับอนันตวิทยามากกว่าคองการ์ ดานีเอลูศึกษาพระสัจธรรมที่สภาสังคายนาเมืองคาลเซดอนได้
ประกาศและแสดงว่า พระคริสตเจ้าทรงเป็นเหตุการณ์สุดท้าย (Eschaton) ที่เปิดยุคปลายของ
ประวัติศาสตร์มนุษย์ เพราะพระองค์ทรงรวมทั้งธรรมชาติมนุษย์และธรรมชาติพระเจ้าในพระบุคคล
เดียว ทรงเป็นจุดมุ่งหมายสุดท้ายของมนุษยชาติ ทรงเป็นอวสานของทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงควบคุม
ทั้งช่วงเวลาแห่งพระสัญญาและเวลาแห่งความสำเร็จบริบูรณ์ และในฐานะที่พระองค์เป็นพระเจ้าก็
จะเสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์เพื่อทำให้ทุกสิ่งสำเร็จบริบูรณ์ ดังนั้น อวสานของสรรพสิ่ง (Eschaton) ไม่
เป็นเพียงอวสานของกาลเวลา แต่เป็นจุดมุ่งหมายสมบูรณ์ของการพัฒนามนุษย์และโลก
79
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
80
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
81
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
82
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
83
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
84
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
85
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
7.4 อนันตวิทยาในแง่ปฏิรูปสังคม
ริชาร์ด ชาอูลล์ (Richard Shaull) เป็นผู้หนึ่งในทวีปยุโรปที่สนับสนุนเทววิทยาการปฏิรูป
เขายืนยันว่า การขยายตัวของการปฏิรูปขึ้นอยู่กับมาตรการที่ฝ่ายต่างๆ ต่อสู้กันตอบสนองแรง
กระตุ้นที่ต้องการให้มีสังคมมีสภาพดีกว่าเดิม เทววิทยาการปฏิรูปขึ้นอยู่ว่าสังคมดังกล่าวจะต้องมี
ลักษณะอย่างไรในพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าและในความวุ่นวายของมนุษย์ สังคมในระบบใหม่
จะได้รับการสถาปนาขึ้นโดยการฟื้นฟูเปลี่ยนแปลงระบบปัจจุบัน แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
อาจจะทำให้สภาพของมนุษย์ตกต่ำลงไปอีก การปฏิรูปจะบรรลุเป้าหมายเท่าที่ทำได้ ก็ต่อเมื่อพัฒนา
สังคมให้รู้จักวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง และมีความรู้สึกไวต่อสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่พอใจ
กลุ่มคริสตชนมีแนวทางสร้างสรรค์สังคม ซึ่งตรงกับกิจการของพระเจ้าในการสร้างสรรค์
มนุษย์ กลุ่มคริสตชนแสดงความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียว (Koinonia) ที่ทำให้บุคคลมีโอกาสร่วมเป็น
หนึ่งในชีวิตของหมู่คณะและในการตัดสินต่างๆ ที่มีผลต่อจุดหมายของกลุ่ม เพราะเหตุนี้ บุคคลดัง
กล่าวจึงเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง กลุ่มคริสตชนมีพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเป้าหมาย
ในมุมมองพระอาณาจักรของพระเจ้า การเลือกวิธีการปฏิรูปก่อให้เกิดความตึงเครียดซึ่งจะ
เป็นพลังสร้างสรรค์ ความตึงเครียดนี้เป็นกำลังที่ใช้เพื่อสร้างสรรค์ระบบใหม่ของสังคม ระบบนี้ไม่
เป็นผลของการกระทำของเราแต่เป็นของประทาน ซึ่งเราได้รับจากพระเจ้า แม้ว่าเราจะมีขอบเขต
และความล้มเหลวก็ตาม ความหมายก็คือเรามีความวางใจว่า ทุกๆ ขณะในประวัติศาสตร์ได้รับการ
เสริมแต่งอาศัยการกระทำของพระเจ้า และเรารอคอยให้พระเจ้าทรงสำแดงกิจการของพระองค์ขณะ
ที่เราเดินทางไปสู่อนาคต
กุสตาโว กูเตียเรซ (Gustavo Gutierrez) นักเขียนชาวลาตินอเมริกา ผู้แต่งหนังสือ
“เทววิทยาแห่งการปลดปล่อย” ได้นำแนวคิดทางปฏิบัติเข้าในคำนิยามของเทววิทยา เขากล่าวว่า
เทววิทยาเป็นการไตร่ตรองทีว่ พิ ากษ์วจิ ารณ์ การกระทำของพระศาสนจักรในประวัตศิ าสตร์ของมนุษย์
เพราะพระศาสนจักรเกี่ยวข้องกับกระบวนการปลดปล่อย ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโลก การ
ปฏิบัติในประวัติศาสตร์เป็นแหล่งข้อมูลอันดับแรกของการศึกษาเทววิทยา
86
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
87
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๕ ... อนันตวิทยาในเทววิทยาร่วมสมัย
88
อ นั น ต วิ ท ย า