Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 12 การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
บทที่ 12 การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
๑๒
1. บทนำ
เป็นเวลา 50 ปีมาแล้วที่ อีวส์ คองการ์ (Ives Congar 1904-1995) นักเทววิทยาชาว
ฝรั่งเศสเรืองนามผู้หนึ่ง ได้ขอร้องให้นักเทววิทยาและนักเทศน์คาทอลิกทั้งหลายให้ถ่ายทอดความคิด
เกี่ยวกับ “ไฟชำระ”อย่างถูกต้อง เพราะคำสอนข้อความเชื่อนี้ได้รับอิทธิพลจากความคิดไม่ถูกต้อง
หลายกระแสมาปะปนกัน จนบิดเบือนการเปิดเผยของพระเจ้า
ความเลื่อมใสศรัทธาของสัตบุรุษก็มีส่วนเป็นเหตุทำให้คำสอนข้อนี้ผิดเพี้ยนไปบ้าง เช่น
แทนทีจ่ ะมองไฟชำระในฐานะเป็นพระพรของพระเจ้า ทีป่ ระทานแก่มนุษย์เพือ่ เขาจะได้เจริญเติบโตขึน้
ในความรักของพระองค์ และมีชีวิตที่สมบูรณ์กับพระองค์ในอนาคต กลับมองว่า ไฟชำระเป็นการ
ลงโทษของพระเจ้าต่อมนุษย์ที่ทำบาปในอดีต และแทนที่จะมองไฟชำระเป็นการเตรียมตนเพื่อมี
ความสุขแท้จริงในสวรรค์และชื่นชมยินดีในพระเมตตาของพระเจ้า กลับมองไฟชำระเป็นเหมือนนรก
ชั่วคราว คือ เป็นสถานที่รับการทรมานอย่างสาหัส เปรียบเทียบกับคุกที่หนาวจัด หรือร้อนจัดที่สุด
ในศตวรรษที่แล้ว แม้ที่กรุงโรมเคยมีห้องพิพิธภัณฑ์เพื่อรวบรวมสิ่งของที่เป็นหลักฐาน
ร่องรอยของวิญญาณในไฟชำระ เช่น รอยมือที่บานประตู ฝาผนัง พรม ฯลฯ แต่ในภายหลัง
พระสันตะปาปาทรงสั่งให้ปิดห้องพิพิธภัณฑ์นั้น
240
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
2. คำสอนของพระคัมภีร์
แม้เราไม่พบคำสอนเรื่องการชำระให้บริสุทธิ์ ในหนังสือพระคัมภีร์อย่างกระจ่างเเจ้ง แต่
คำสอนนี้เป็นนัยอย่างเเน่นอนในการอธิษฐานภาวนอุทศิ แก่บรรดาผู้ตาย ตามธรรมประเพณีของพระ-
ศาสนจักรที่ปฏิบัติสืบกันมา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพระคัมภีร์ของนิกายคาทอลิก
และนิกายโปรเตสแตนต์ถกเถียงกันในเรือ่ งทีว่ า่ ข้อความเชือ่ เรือ่ ง “ไฟชำระ” จะพิสจู น์จากพระคัมภีร์
ได้หรือไม่ แน่นอน ถ้าเราค้นหาข้อเขียนที่กล่าวถึงข้อความเชื่อเกี่ยวกับไฟชำระอย่างชัดเจนและตรง
ไปตรงมา เราจะไม่พบแน่ เราพบเพียงข้อความทีอ่ าจจะนำมาอธิบายแบบประยุกต์ใช้ เช่น พระวรสาร
โดยนักบุญมัทธิวบันทึกพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสว่า “ใครที่กล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้
รับการอภัย แต่ใครที่กล่าวร้ายต่อพระจิตเจ้าของพระเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลยทั้งในโลกนี้และโลก
หน้า” (มธ 12:32)
241
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
242
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
243
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
244
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
มีความหวังว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพ การอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้ตายคงไม่มีประ-
โยชน์และไร้ความหมาย แต่ถ้าเขาทำไปเพราะคิดว่าผู้ที่ตายขณะที่ยังเลื่อมใส
ต่อพระเจ้าจะได้รบั บำเหน็จรางวัลงดงาม ก็เป็นความคิดทีด่ แี ละศักดิส์ ทิ ธิ์ เขา
สั่งให้ถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป” (2 มคบ
12 :39-45) ถึงแม้ว่าข้อความนี้ไม่ได้อ้างถึงไฟชำระโดยตรง แต่ก็ยืนยันความ
เชื่อที่ว่า บรรดาผู้ตายรอคอยการกลับคืนชีพ นอกนั้นยังสอนอย่างชัดเจน
อีกว่า ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปแทนบรรดาผู้ตาย
ที่สิ้นใจในสภาพบาป
ยังมีหลักฐานในตำนานของธรรมจารย์ชาวยิวคนหนึ่ง เขามีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับพระ-
เยซูเจ้า และบันทึกไว้ว่า “ในวันพิพากษา มนุษย์จะถูกแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ บางคนจะได้รับชีวิต
นิรันดรอีกบางคนซึ่งเป็นคนบาปโดยสิ้นเชิงก็จะได้รับความอับอายชั่วนิรันดร ส่วนผู้ที่อยู่ตรงกลางคือ
ไม่เป็นคนดีทั้งหมดหรือชั่วทั้งหมด จะต้องลงใต้บาดาลเพื่อรับการลงโทษและชำระตน เมื่อเขาบริสุทธิ์
ก็จะได้รับชีวิตนนิรันดร”
2.3 ความคิดของนักบุญเปาโล
นักบุญเปาโลคงคิดเช่นนี้เหมือนกัน จากหลักฐานที่เรามี พบว่าเมื่อเขาเขียนจดหมาย
ฉบับที่ 1 ถึงชาวโครินธ์ บทที่ 15:29 เขาอ้างถึงขบนธรรมเนียมประเพณีที่ชาวโครินธ์เคยทำพิธีล้าง
สำหรับบรรดาผู้ตาย โดยที่ญาติของผู้ตายเป็นผู้ทำพิธีแทน เพราะเขาเหล่านี้คิดว่า พิธีกรรมนี้ช่วย
ผู้ตายได้ นักเทววิทยามักจะอ้างข้อความจากจดหมายฉบับที่ 1 ถึงชาวโครินธ์ บทที่ 3:11-15 เป็น
หลักฐานที่พูดถึงไฟชำระ แต่คงไม่ค่อยตรงประเด็นเท่าใดนัก เราจงพิจารณาข้อความที่นักบุญเปาโล
เขียนไว้ เพื่อเราจะเข้าใจความคิดของเขากระจ่างชัดยิ่งขึ้น
“10พระเจ้าประทานพระหรรษทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้วางรากฐานไว้ประหนึ่ง
เป็นสถาปนิกผูเ้ ชีย่ วชาญ และผูอ้ นื่ ก็สร้างขึน้ บนรากฐานนัน้ แต่ละคนจะต้องระมัด-
ระวังว่าเขาก่อสร้างอย่างไร 11รากฐานทีว่ างไว้แล้วนีค้ อื พระเยซูคริสตเจ้าและไม่มีใคร
245
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
246
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
3. วิวัฒนาการของความเข้าใจเรื่องความเชื่อในพระศาสนจักร
3.1 สมัยปิตาจารย์
ตั้งแต่ศตวรรษแรกๆ ธรรมประเพณีของพระศาสนจักรมีหลักฐานมากมายที่อ้างอิงถึง
การอธิษฐานภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงหลับ เช่น เราพบบทภาวนาจารึกไว้บนหลุมฝังศพในสุสานของ
คริสตชน ในหนังสือของ แตร์ตูลเลี่ยน (Tertullian 155-230) ผู้เขียนประมาณกลางศตวรรษที่ 3
เราพบข้อความชื่นชมธรรมประเพณีการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวันระลึกถึงผู้ล่วงหลับรวมทั้ง
ในหนังสือของนักบุญเอเฟรม (Ephrem 306-373) เขาได้เตือนสัตบุรุษให้ระลึกถึงผู้ล่วงหลับใน
โอกาส 30 วันหลังจากความตายและได้ให้เหตุผลว่า ผู้มีชีวิตอยู่ที่ร่วมถวายบูชาขอบพระคุณสำหรับ
ผู้ตาย ก็จะช่วยผู้ตายได้ เขาอ้าง 2 มัคคาบี 12:39-46 สนับสนุนความคิดนี้
เรายังพบคำยืนยันข้อความเชือ่ นี้ในหนังสือทีน่ กั บุญซีรลิ พระสังฆราชแห่งกรุงเยรูซาเล็ม
ได้เขียนเพื่ออบรมผู้เตรียมตัวรับศีลล้างบาปว่า “คริสตชนมีความเชื่อว่า การอธิษฐานภาวนาของกลุ่ม
247
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
248
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
3.2 ความเข้าใจต่างกันระหว่างนิกายคาทอลิกกับนิกายออร์โทด็อกซ์
ในปี ค.ศ. 1254 เมือ่ สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ท่ี 4 (Innocent IV, 1195-1254)
ทรงพยายามเรียกร้องให้ชาวกรีก และชาวลาตินรวมตัวกัน และเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน
อีกครัง้ หนึง่ ปรากฏว่าความเชือ่ ของชาวกรีกและชาวลาตินยังคงยึดถือหลักคำสอนทีเ่ หมือนกัน แต่วา่
ชาวกรีกไม่ชอบที่จะใช้คำว่า “ไฟชำระ” ซึ่งชาวลาตินนิยมใช้ ความแตกต่างไม่เพียงอยู่ในคำศัพท์ที่
ใช้ แต่เป็นความแตกต่างในความคิดซึ่งปรากฏชัดเจนในปี 1274 เมื่อทั้งสองนิกายเข้าประชุมสภา-
สังคายนาที่เมืองลีออง ในการอภิปรายที่ประชุม ชาวกรีกแสดงความเชื่อที่ว่า วิญญาณของบรรดา
ผู้ตายที่ยังมีบาปติดอยู่ จะต้องชำระตนให้บริสุทธิ์ ซึ่งอาจเรียกได้ว่า “การชำระ” แต่ไม่ใช่ “ไฟ
ชำระ” เพราะการชำระดังกล่าวเป็นเพียงสภาพของวิญญาณมิใช่สถานที่แห่งหนึ่งและไม่เป็นสถานที่
ที่มีไฟอยู่ นักเทววิทยาชาวกรีกยังอ้างเหตุผลอีกประการหนึ่งเพื่อปฏิเสธว่า การชำระไม่เกี่ยวข้องกับ
“ไฟ” ก็เพื่อเน้นลักษณะที่แตกต่างจากนรก เขาสอนว่า การชำระนี้เป็นการเจริญเติบโตของวิญญาณ
ในชีวิตพระเจ้า ไม่เป็นการใช้โทษใดๆ เขามองการชำระนี้ในแง่บวกเท่านั้น
ส่วนของนักเทววิทยาลาตินยอมรับเช่นเดียวกันว่า “ไฟชำระ” ไม่เป็นสถานที่ เป็นพียง
สภาพของวิญญาณที่กำลังชำระตนให้บริสุทธิ์ และยอมรับว่า “ไฟ” เป็นเพียงคำเปรียบเทียบเท่านั้น
แต่เขาไม่เห็นด้วยกับนักเทววิทยาออร์โทด็อกซ์ในเรือ่ งทีจ่ ะต้องมองการชำระนี้ในแง่บวกเท่านัน้ เพราะ
ต้องคำนึงถึงแง่ลบอีกด้วย คือ การชำระนีย้ งั มีลกั ษณะเป็นการใช้โทษบาป เพือ่ ทำให้สงิ่ ที่ไม่เรียบร้อย
กลับสมบูรณ์ หลังจากที่ได้อภิปรายกันเป็นเวลานาน ในที่สุดที่ ประชุมก็ลงมติยอมรับความคิดนี้
3.3 ความขัดแย้งระหว่างนิกายคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์
ในช่วงแรกของการปฏิรูป มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther 1483-1546) ไม่ได้ปฏิเสธ
คำสอนของคาทอลิกเกี่ยวกับ “ไฟชำระ” เขาเพียงชี้แจงว่า ไม่มีคำสอนเรื่อง “ไฟชำระ” โดยตรงใน
หนังสือพระคัมภีร์ เขาไม่ยอมรับหนังสือมัคคาบีที่อยู่ในสารบบที่สอง และคิดว่าข้อความอื่นๆ ที่
คาทอลิกมักจะอ้างถึงเพื่อสนับสนุนความเชื่อในไฟชำระก็จะใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ แต่เขายอมรับ
คำสอนนี้ เพราะได้พบในหนังสือของบรรดาปิตาจารย์
249
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
250
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
251
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
“พระศาสนจักรของบรรดาผู้กำลังเดินทางได้สำนึกรู้ถึงความสัมพันธ์ของพระกายทิพย์ทั้งหมดของ
พระคริสตเจ้าแต่แรกเริ่มมาแล้ว ฉะนั้น นับแต่เริ่มต้นคริสตศาสนา พระศาสนจักรได้ปลูกฝังธรรม-
เนียมการระลึกถึงบรรดาผู้ตายด้วยความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก “เพราะคิดว่าผู้ที่ตายขณะที่ยังเลื่อมใส
ต่อพระเจ้าจะได้รับบำเหน็จรางวัลงดงาม ก็เป็นความคิดที่ดีและศักดิ์สิทธิ์ เขาสั่งให้ถวายเครื่องบูชา
ชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป” (มคบ. 12:45) ตลอดจนถวายบูชาอุทิศแก่เขาด้วย” (ข้อ
50)
พระธรรมนูญเรื่องพระศาสนจักรยังให้คำแนะนำด้านอภิบาล โดยรื้อฟื้นคำเตือนของ
สภาสังคายนาเมืองเตรนท์ว่า “ความเชื่ออันน่าเคารพของบรรดาบรรพบุรุษของเรา เรื่องการร่วมโชค
ชะตาทางชีวติ กับบรรดาญาติพนี่ อ้ งผูบ้ รรลุถงึ เกียรติมงคลในสวรรค์แล้วก็ด,ี ผูท้ หี่ ลังจากจบอายุขยั แล้ว
และกำลังชำระล้างตนอยู่ก็ดี ขอตักเตือนบรรดาผู้รับผิดชอบทุกๆ คน, ในกรณีที่มีการออกนอกลู่
นอกทาง เกินไปบ้าง ขาดตกไปบ้าง ในที่นี่ที่นั้นก็ขอให้กำจัดออกไปเสีย หรือแก้ไขให้ทุกๆ สิ่ง
ดำเนินไปเพือ่ แก้ไขให้ทกุ ๆ สิง่ ดำเนินไปเพือ่ เกียรติมงคลของพระคริสตเจ้า และพระเจ้าจะได้บริบรู ณ์
ถูกต้อง” (ข้อ 51) สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 มีเจตนาหลีกเลี่ยงใช้คำว่า “ไฟ” แต่กลับใช้คำว่า
“การชำระ” และคำว่า “ใช้โทษ” แทน
หนังสือ “คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก” อธิบายว่า “ทุกคนที่ตายในพระหรรษทานและใน
มิตรภาพกับพระเจ้า แต่ชำระตนให้บริสุทธิ์ยังไม่เพียงพอ เขามั่นใจว่า จะได้รับความรอดพ้นนิรันดร
แต่เมื่อตายแล้ว เขายังต้องชำระตนให้บริสุทธิ์ เพื่อจะบรรลุความศักดิ์สิทธิ์ ที่จำเป็นเพื่อเข้าสู่ความ
ชื่นชมยินดีในสวรรค์ พระศาสนจักรเรียกการชำระตนให้บริสุทธิ์ครั้งสุดท้ายของผู้ได้รับเลือกสรรว่า
“ไฟชำระ” ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการลงโทษผู้ตกนรก” (Catechism of the Catholic Church
ข้อ 1030-31)
252
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
4. คำสอนในปัจจุบันเรื่อง “การชำระ”
ในสมัยปัจจุบันนี้ เราต้องคิดอย่างไรเกี่ยวกับ “ไฟชำระ” ขอซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า จำเป็นที่จะ
ต้องเลิกคิดถึง “ไฟชำระ” ว่าเป็นนรกชั่วคราวหรือเป็นสถานที่เพื่อรับการทรมานอันน่าสะพึงกลัว แต่
จงคิดว่าเป็นสภาพของวิญญาณที่กำลังชำระตนให้บริสุทธิ์
ในพิธีกรรมสำหรับผู้ล่วงหลับเราเรียกผู้ตาย “เป็นผู้นอนหลับในสันติ” หมายความว่า ผู้ตาย
คืนดีกับพระเจ้าแล้ว มีพระหรรษทานของพระองค์ แต่ยังมีบางส่วนในชีวิตของเขาที่ติดกับบาป หรือ
เป็นผลตามมาของความบกพร่อง ในแง่นี้วิญญาณก็รู้ว่ามีชีวิตพระอยู่ในตนเอง ชีวิตนี้ต้องเจริญ
เติบโตให้สมบูรณ์ยงิ่ ขึน้ วิญญาณดีใจเป็นล้นพ้นทีร่ วู้ า่ พระเจ้าทรงรักตนและประทานพระพรนี้ แต่ใน
เวลาเดียวกัน พระหรรษทานของพระเจ้ายังทำให้เขาได้เห็นสภาพที่แท้จริงของตน สภาพที่เป็น
อุปสรรคในการเข้าสู่ความสุขแท้จริงกับพระองค์ เขาเห็นว่าต้องสละความเห็นแก่ตัว ต้องออกจาก
ตนเอง ต้องตัดใจจากสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า การตัดใจเช่นนี้จะก่อให้เกิดความเจ็บปวดและความทรมาน
ซึ่งเขาต้องยอมรับจนพ้นจากสิ่งเหล่านี้ การใช้โทษบาปจึงเป็นการตัดใจจากสิ่งต่างๆ เราต้องยอมรับ
การเปลี่ยนแปลงนี้อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า จนกระทั่งเราสามารถมอบตนเองทั้งครบแด่
พระองค์ และผลที่ได้รับคือจะมีความสุขแท้จริงกับพระเจ้า
ก) “ความชื่นชมยินดี”
เราต้องเข้าใจว่า วิญญาณใน “ไฟชำระ” มีความชืน่ ชมยินดีเพราะรักพระเจ้า เป็น
ขบวนการของความรัก และความยินดีที่พระเจ้าก่อให้เกิดในวิญญาณของผู้กำลังชำระตนให้บริสุทธิ์
ในเวลาเดียวกัน วิญญาณมีความเสียใจที่ยังไม่พบกับพระองค์ เพราะโทษของตนเอง นักบุญ
คาธารีนา ชาวเยโนวา (Caterina da Genova 1447-1510) ได้เขียนคำเปรียบเทียบไว้อย่างลึกซึ้ง
ว่า ความรักของพระเจ้าเป็นดั่งไฟที่จะต้องช่วยเราให้ชนะสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อความรักของพระองค์
ความสุขของวิญญาณในไฟชำระเป็นความสุขยิ่งใหญ่มากกว่าความสุขล้นพ้นในโลก เพราะผู้ตายรู้ว่า
พระเจ้าทรงรักเขาและเขาก็รักพระองค์ เขาแน่ใจว่า จะรักพระองค์อย่างไม่มีวันที่สูญเสียพระองค์
ไปได้ เขาเพียงแต่ยังมีความทุกข์ใจที่ยังไม่สามารถพบพระองค์เฉพาะพระพักตร์ การรอคอยนี้จึงเป็น
ความทรมานของเขา
253
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
ประสบการณ์ในโลกนี้ที่ช่วยเราให้เข้าใจสภาพของผู้ที่กำลังชำระตนให้บริสุทธิ์
คือ ประสบการณ์ของผู้เข้าฌาน บรรดานักบุญผู้มีประสบการณ์เข้าฌานสามารถที่จะเข้าใกล้ชิดกับ
พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงช่วยให้เขาตัดใจออกจากตนเอง ดังที่ นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน
(Juan de la Cruz 1542-1591) ได้เปรียบเทียบไว้ว่า “ไม้ที่อยู่ในกองไฟ แรกเริ่มก็มีปฏิกิริยาต่างๆ
แต่สุดท้ายก็กลับเป็นเหมือนไฟฉันใด ถ้าเราอยากจะเป็นเหมือนกับพระองค์ เราก็ต้องผ่านการพลี-
กรรมและการทรมานฉันนั้น”
ข) “สหพันธ์นักบุญ”
เมื่อเราพูดถึงผู้ตายที่กำลังชำระตนให้บริสุทธิ์ เราต้องคิดอยู่เสมอว่า ไม่มีผู้ใดอยู่
ลำพังคนเดียวได้ ผู้ร่วมมีความเชื่อตามพระศาสนจักรก็ร่วมเป็นพระศาสนจักรหนึ่งเดียว ร่วมในพระ-
กายทิพย์ของพระคริสตเจ้า การร่วมกันในความรักของพระเจ้าจึงมีพลังแน่นแฟ้นมากกว่าความตาย
เพราะความรักของพระเจ้าช่วยหล่อเลี้ยงความรักซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้ การอธิษฐานภาวนาอุทิศ
แก่ผู้ที่กำลังชำระตนให้บริสุทธิ์จึงมีความหมาย
5. สรุป
คำสอนเกี่ยวกับ “ไฟชำระ” เตือนเราในชีวิตนี้ให้เอาจริงเอาจังเรื่องความเชื่อ ความรักและ
ความหวังในพระเมตตากรุณาของพระเจ้า เราไม่ควรนิ่งเฉย ตรงกันข้าม เราต้องปลุกเร้าความ
ปรารถนาที่จะให้พระเจ้าพอพระทัย เพราะพระองค์ทรงพระทัยดีต่อเรามากที่สุด เราทุกคนมีแนวโน้ม
ที่จะปล่อยตัวครึ่งๆ กลางๆ และไม่เอาจริงเอาจังที่จะมุ่งสู่ความบริบูรณ์ อิสรภาพของเราไม่ได้
หมายความว่า เราเลือกหรือละทิ้งพระเจ้าเพียงครั้งเดียว โดยแท้จริงแล้ว แม้ผู้ยอมรับพระเจ้าและ
มอบตนเองแด่พระองค์ด้วยความเชื่อก็อาจสงวนส่วนหนึ่งของจิตวิญาณไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของตน และ
จะใช้สว่ นนัน้ เพือ่ ตนเอง แม้เรายอมฟืน้ ฟูจติ ใจและกลับใจ แต่เรากลัวว่าพระเจ้าจะทรงเรียกร้องทัง้ หมด
จากเรา เรายังสงวนบางส่วนเผื่อไว้ในภายหลัง นี่คือประสบการณ์ประจำวันของเราแต่ละคน
254
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
255
อ นั น ต วิ ท ย า
บ ท ที่ ๑๒ ... การชำระตนให้บริสุทธิ์หลังความตาย
256
อ นั น ต วิ ท ย า