Professional Documents
Culture Documents
คลื่ น แม่ เ หล็ ก ไฟฟ้ า ซึ่ ง เป็ นสื่ อที่ ใ ชู เ ชื่ อมระหว่ า งเครื่อ งวั ด กั บ วั ต ถุ ที่
ตูองการสำารวจ
เครื่อ งมื อ วั ด ซึ่ ง เป็ นตั ว กำา หนดช่ ว งคลื่ นแม่ เ หล็ ก ไฟฟู าที่ จ ะใชู ใ นการ
ตรวจวัด ตลอดจนรูปลักษณะของขูอมูลที่จะตรวจวัดไดู
ยานที่ใช้ติดตั้งเครื่องมือวัด ซึ่งเป็ นตัวกำาหนดระยะระหว่างเครื่องมือวัด
กั บสิ่ง ที่ตูองการวั ด ขอบเขตพื้ นที่ท่ีเ ครื่องมื อ วั ดสามารถครอบคลุ มไดู
และช่วงเวลาในการตรวจวัด
การแปลความหมายของข้อ มูลที่ ได้ จากการวัด อันเป็ นกระบวนการใน
การแปลงขูอมูลความเขูม และรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟู าที่วัดไดู
อ อ ก เ ป็ น ขู อ มู ล ที่
ตู อ ง ก า ร สำารวจวัดอีก
ต่ อ ห นึ่ ง ซึ่ ง จะกล่ า ว
ใ นบท ถั ด ไป
3
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า(ElectromagneticRadiation)
คลื่นแม่เหล็กไฟฟู าเป็ นรูปแบบหนึ่ งการถ่ายเทพลังงาน จากแหล่งที่มี
พลังงานสูงแผ่รงั สีออกไปรอบๆ โดยมีคุณสมบัติที่เกี่ยวขูองกับ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟู า คือ ความยาวคลื่น (l) โดยอาจวัดเป็ น nanometer (nm)
หรือ micrometer (mm) และ ความถี่คลื่น (f) ซึ่งจะวัดเป็ น hertz (Hz) โดย
ช่ ว งรัง สี แ กมมา (gamma ray : l < 0.1 nm) และช่ ว งรัง สี เ อ็ ก ซ์ (x-
ray : 0.1 nm < l < 300 nm) เป็ นช่ ว งที่ มี พ ลั ง งานสู ง แผ่ ร ัง สี จ าก
ปฏิกิรย
ิ านิ วเคลียร์ หรือจากสารกัมมันตรังสี
ช่ วงอั ลตราไวโอเลต เป็ นช่ วงที่มีพลังงานสูง เป็ นอัน ตรายต่อ เซลสิ่ ง มี
ชีวิต
ช่วงคลื่นแสง เป็ นช่วงคลื่นที่ตามนุ ษย์รบ
ั รููไดู ประกอบดูวยแสงสีม่วง ไล่
ลงมาจนถึงแสงสีแดง
ช่ ว งอิ น ฟราเรด เป็ นช่ ว งคลื่ นที่ มี พ ลั ง งานตำ่ า ตามนุ ษย์ ม องไม่ เ ห็ น
จำาแนกออกเป็ น อินฟราเรดคลื่นสั้น และอินฟราเรดคลื่นความรูอน
o Near Infrared (NIR) ความยาวคลื่นจะอยู่ในช่วงระหว่าง 0.7 ถึง
1.5 µm.
o Short Wavelength Infrared (SWIR) ความยาวคลื่ นจะอยู่ ใ นช่ ว ง
ระหว่าง 1.5 ถึง 3 µm.
o Mid Wavelength Infrared (MWIR) ความยาวคลื่ นจะอยู่ ใ นช่ ว ง
ระหว่าง 3 ถึง 8 µm.
o Long Wavelength Infrared (LWIR) ความยาวคลื่ นจะอยู่ ใ นช่ ว ง
ระหว่าง 8 ถึง 15 µm.
o Far Infrared (FIR) ความยาวคลื่นจะมากกว่า 15 µm.
ช่ ว งคลื่ นวิ ท ยุ (radio wave) เป็ นช่ ว งคลื่ นที่ เ กิ ด จากการสั ่น ของผลึ ก
เนื่ องจากไดูรบ
ั สนามไฟฟู า หรือเกิดจากการสลับขั้วไฟฟู า สำาหรับในช่วง
ไมโครเวฟ มีการใหูช่ ือเฉพาะ เช่น
o P band ความถี่อยู่ในช่วง 0.3 - 1 GHz (30 - 100 cm)
5
o L band ความถี่อยู่ในช่วง 1 - 2 GHz (15 - 30 cm)
o S band ความถี่อยู่ในช่วง 2 - 4 GHz (7.5 - 15 cm)
o C band ความถี่อยู่ในช่วง 4 - 8 GHz (3.8 - 7.5 cm)
o X band ความถี่อยู่ในช่วง 8 - 12.5 GHz (2.4 - 3.8 cm)
o Ku band ความถี่อยู่ในช่วง 12.5 - 18 GHz (1.7 - 2.4 cm)
o K band ความถี่อยู่ในช่วง 18 - 26.5 GHz (1.1 - 1.7 cm)
o Ka band ความถี่อยู่ในช่วง 26.5 - 40 GHz (0.75 - 1.1 cm
ความยาวช่วงคลื่นและความเขูมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟู า ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ
ของแหล่งกำา เนิ ดคลื่นแม่เ หล็ กไฟฟู า เช่น ดวงอาทิ ตย์ มี อุณหภูมิ 6,000 K
จะแผ่พลังงานในช่วงคลื่นแสงมากที่สุด วัตถุต่างๆ บนพื้ นโลกส่วนมากจะมี
อุณหภูมิประมาณ 300 K จะแผ่พลังงานในช่วงอินฟราเรดความรูอนมากที่สุด
คลื่นแม่เหล็กไฟฟู าเมื่อเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศ จะถูกโมเลกุลอากาศ และ
ฝ่ ุนละอองในอากาศดูดกลืน และขวางไวูทำา ใหูคลื่นกระเจิงคลื่นออกไป คลื่น
ส่วนที่กระทบถูกวัตถุจะสะทูอนกลับ และเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศมาตกสู่
อุปกรณ์วัดคลื่น
6
เนื่ องจากวัตถุต่างๆ มีคุณสมบัติการสะทูอนคลื่นแม่เหล็กไฟฟู าที่ช่วงคลื่น
ต่างๆ ไม่เหมือนกัน ดังนั้ นเราจึงสามารถใชูคลื่นแม่เหล็กไฟฟู าในการสำา รวจ
จากระยะไกลไดู รูปต่อไปนี้ แสดงลักษณะการสะทูอนแสงเปรียบเทียบระหว่าง
วั ตถุ ต่างชนิ ดกั น ที่ ช่ว งคลื่ น ต่ างๆ กั น ความสามารถในการสะทู อ นแสงของ
วัตถุต่างๆ บนพื้ นโลกสามารถสรุปไดูดังนี้
• นำ้ าสะทู อ นแสงในช่ ว งแสงสี น้ ำ าเงิ น ไดู ดี และดู ด กลื น คลื่ นในช่ ว งอื่ นๆ
และใหูสังเกตว่านำ้าจะดูดกลืนคลื่น IR ช่วง 0.91 mm ในช่วงนี้ ไดูดีมาก
• ดินสะทูอนแสงในช่วงคลื่นแสงไดูดีทุกสี
• พืช สะทู อนแสงช่ว งสีเขี ยวไดู ดี และสะทูอนช่ว งอิ นฟราเรดไดู ดีกว่ านำ้ า
และดินมาก
เ ค รื่ อ ง มื อ ต ร ว จ วั ด (Sensor)
เครื่ องมื อ วั ด ในเทคโนโลยี ร ี โ มทเซนชิ ง คื อ เ ครื่ องมื อที่ วั ด พลั ง ง าน
คลื่นแม่เหล็กไฟฟู า เครื่องมื อซึ่ง เป็ นที่ รูจักกั น ดีคือ กลู องถ่ายรู ป กลูอ งถ่ าย
วี ดี โ อ และเรดาร์ โดยเครื่อ งมื อ วั ด จะประกอบดู ว ยส่ ว นสำา คั ญ สามส่ ว นคื อ
ส่ ว นรั บ คลื่ นแม่ เ หล็ ก ไฟฟ้ า (receiver) เป็ นส่ ว นที่ ทำา หนู า ที่ ร ับ และขยาย
คลื่นแม่เหล็กไฟฟู าใหูมีความเขูมเพียงพอที่จะทำาใหูอุปกรณ์วัดสามารถรับรููไดู
ตั ว อย่ า งของส่ ว นเครื่อ งมื อ นี้ คื อ เลนส์ ข องกลู อ ง และส่ ว นรับ คลื่ นวิ ท ยุ
(antenna) ซึ่ ง อาจเป็ นเสู น เหมื อ นเสาวิ ท ยุ หรือ เป็ นจานกลม (แบบจานรับ
สัญญาณดาวเทียม) ทั้งนี้ รูปแบบ ขนาด และวัสดุท่ีใชูของอุปกรณ์ส่วนนี้ จะขึ้น
อยู่กับช่วงคลื่นแม่เหล็กไฟฟู าที่ตูองการตรวจวัด และรายละเอียดของขูอมูล
7
ของสิ่งที่ตูองการสำารวจ เช่นในช่วงคลื่นแสง ส่วนที่รบ
ั มักจะเป็ นเลนส์ที่ทำา
จากผลึก quartz โดยมีขนาดและรูปทรงขึ้นอยู่กับว่าตูองการกำา ลังขยายภาพ
เท่าใด ในช่วงคลื่นวิทยุ ส่วนที่รบ
ั มักจะเป็ นจานวิทยุ หรือเสาวิทยุ โดยมีขนาด
ใหญ่ หรือ เล็ กขึ้ นอยู่ กับ ว่ าสิ่ ง ที่ เ ล็ ก ที่ สุ ด ที่ ตู อ งการใหู ม องเห็ น มี ข นาดเท่ าใด
• ปฏิ กิ ร ิย าเคมี โดยการเคลื อ บสารที่ ทำา ปฏิ กิ ร ิย ากั บ แสง (เช่ น silver
nitrate) ลงบนแผ่ น ฟิ ล์ ม ซึ่ ง ขนาดของปฏิ กิ ร ิย าเคมี ที่ เ กิ ด กั บ สารที่
เคลือบจะแปรผันตามความเขูมของแสงที่ตกกระทบ
• การเปลี่ย นพลังงานเป็ นสัญ ญาณไฟฟู า โดยใชู อุ ปกรณ์ ประเภทสารกึ่ ง
ตั ว นำา (semiconductor) ซึ่ ง จะใหู ค วามเขู ม ของสั ญ ญาณไฟฟู าแปรผั น
ตามความเขูมแสงที่ตกกระทบ
• นอกจากนั้ นส่วน detector อาจเป็ นแผ่นมีมิติกวูาง-ยาว เช่นแผ่นฟิ ล์ม
ซึ่งสามารถบันทึกภาพไดูท้ ังภาพในครั้งเดียว หรืออาจเป็ น scanner ซึ่ง
มักจะประกอบขึ้นจากแถวของอุปกรณ์รบ
ั แสง ที่จะบันทึกภาพดูวยการก
วาดอุ ป กรณ์ ร ับ แสงนี้ ไปที่ ล ะส่ ว นของภาพ (คลู า ยกั บ การทำา งานของ
เครื่อ งถ่ า ยเอกสาร ที่ จ ะค่ อ ยๆ กวาดภาพจากหั ว กระดาษไปยั ง ทู า ย
กระดาษจึงจะไดูภาพทั้งภาพ)
วงโคจรแบบค้างฟ้ า
(geostationary orbit)
ดาวเทียมจะปรากฏเหมือนอยู่
นิ่ งเมื่อสัมพัทธ์กับตำาแหน่งบน
พื้ นโลก ดาวเทียมโคจรในทิศ
11
เดียวกับการหมุนรอบตัวเองของโลก มีระนาบการโคจรอยู่ในแนว
เสูนศูนย์สูตร และมีความสูงประมาณ 36,000 กิโลเมตร
ตำาแหน่งของดาวเทียมสัมพัทธ์กับตำาแหน่งบนพื้ นโลกจะเสมือนว่าดาวเทียม
อยู่น่ิ งคูางอย่บ
ู นฟู าตลอดเวลา จึงเรียกดาวเทียมที่มีลักษณะวงโคจรเช่นนี้ ว่า
ดาวเทียมคูางฟู า (Geostationary satellite)
ดาวเทียมดูานอุตุนิยมวิทยาที่ใชูศึกษา และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ
สภาพอากาศโดยดูจากรูปทรงและการเคลื่อนตัวของเมฆ จะใชูวงโคจรลักษณะ
นี้ ตัวอย่างเช่น ดาวเทียม GMS ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้ นดาวเทียม
สื่อสารจำานวนมาก เช่น ดาวเทียมปาลาปู า ดาวเทียมของ StarTV รวมทั้ง
ดาวเทียมไทยคม ของบริษัทชินวัตร ก็
ใชูวงโคจรแบบ geostationary เช่นกัน
วงโคจรแบบใกล้แกนหมุนของโลก
(Near polar orbit)
ระนาบของวงโคจรของดาวเทียมจะ
อยู่ในทิศใกลูเคียงกับแนวแกนหมุนของโลก โดยดาวเทียมอาจอยู่ท่ีระดับ
ความสูงใดก็ไดูท่ีความเสียดทานของบรรยากาศมีนูอยจนไม่สามารถทำาใหู
ความเร็วของดาวเทียมลดลง
ดาวเทียมสำารวจส่วนมากจะมีวงโคจรในลักษณะนี้ โดยจะมีการกำาหนดระดับ
ความสูง และมุมของระนาบวงโคจรเทียบกับแนวเสูนศูนย์สูตร ที่เหมาะสม
(โดยมากจะมีความสูงประมาณ 700-1000 กิโลเมตร และมีมุมเอียงประมาณ
95 - 100 องศา จากระนาบศูนย์สูตร) ตัวอย่างเช่น ดาวเทียม Landsat
(สหรัฐอเมริกา) SPOT (ฝรัง่ เศส) ADEOS (ญี่ปุ่น) INSAT (อินเดีย)
12
RADARSAT (แคนาดา)
ดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร เช่น ดาวเทียมอีรเิ ดียม ใชูวงโคจรในลักษณะนี้ แต่
จะมีระนาบวงโคจรที่เอียงออกจากแนวแกนหมุนของโลกมากกว่านี้
ความละเอียด (Resolution)
จากภาพเป็ นการเปรียบเทียบขนาดของขูอมูลที่ไดูจากการตรวจวัดจาก
ดาวเทียมดวงต่าง ๆ กับพื้ นที่สนามฟุตบอล เช่น ดาวเทียม SPOT ชนิ ด
panchromatic ใหูความละเอียดที่ 10 เมตร ดาวเทียม Landsat ใหูราย
ละเอียดที่ 30 เมตร ผููใชูจำาเป็ นที่จะตูองเลือกขูอมูลจากดาวเทียมใหูเหมาะสม
กับการใชูงาน เนื่ องจากดาวเทียมที่รายละเอียดมาก มีราคาสูง และพื้ นที่ใน
การตรวจวัดแต่ละครั้งมีขอบเขตค่อนขูางแคบ ถูาผููใชูเลือกชนิ ดของขูอมูล
ดาวเทียมไม่เหมาะสม เช่น ผูใู ชูทำาการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งปกคลุมดิน เพื่อเป็ น
ตัวแปรในแบบจำาลองทางคณิ ตศาสตร์ท่ีพัฒนาขึ้นเพื่อทำานายการเกิดนำ้าท่วม
ในลุ่มนำ้าเจูาพระยาตอนล่าง แต่ผูใชูเลือกใชูขูอมูลจากดาวเทียม IKONOS ที่
ขนาดรายละเอียด 1 เมตร ทำาใหูเสียเวลา และงบประมาณในการแปรความ
หมายขูอมูลการใชูประโยชน์ท่ีดินมากเกินความจำาเป็ น
13