You are on page 1of 141

41232 กฎหมายอาญา 2 : ภาคความผิด

Criminal Law II : Offenses

หน่วยที่ 1 ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

1. พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ในฐานะซึ่งมีความสำาคัญยิ่ง


ต่อความมั่นคงของประเทศชาติ กฎหมายจึงต้องให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษเหนือกว่าบุคคลทั่วไป
2. รัฐมีความจำาเป็นที่จะต้องบัญญัติเอาผิดแก่การกระทำาใดๆ อันเป็นการคุกคามต่อความมั่นคงปลอด ภัย
ของรัฐ ไม่ว่าการคุกคามนั้นจะมาจากภายในประเทศ เช่น การกบฏ หรือมาจากภายนอกประเทศ เช่น
การทำาให้เอกราชของรัฐสูญสิ้นหรือเสื่อมไป ทั้งนี้ก็เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของรัฐเอง
3. กฎหมายจำาต้องให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษแก่ประมุขของรัฐต่างประเทศ ซึ่งมีสัมพันธไมตรีกับไทยและ
แก่ผู้แทนรัฐต่างประเทศที่มาประจำา ในราชสำา นักเพื่อให้สัมพันธไมตรีกับมิตรประเทศดำา เนินไปโดย
ราบรื่น

1.1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์


1. ความผิดที่กระทำา ต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้
สำา เร็ จราชการแทนพระองค์ กฎหมายเอาผิ ดตั้ งแต่ก ารกระทำา ในขั้น ตระเตรี ยมการและถ้า
พยายามกระทำา ความผิ ด ก็ ล งโทษเท่ า กั บ ความผิ ด สำา เร็ จ นอกจากนั้ น ผู้ ส นั บ สนุ น การกระ
ทำาความผิดเช่นว่านั้น กฎหมายก็ลงโทษเท่าตัวการผู้ลงมือกระทำา
2. การหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
และผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์ ก็เป็นความผิด
3. พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์เป็นผู้ที่อยู่ในถานะอัน
มีความสำา คัญยิ่งต่อประเทศชาติ กฎหมายจึงให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษแตกต่างจากการให้
ความคุ้มครองบุคคลทั่วไป

1.1.1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์
แดงและดำาคบคิดกันจะลอบปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ จึงไปปรึกษาเขียวของยืมรถยนต์และอาวุธ
ปืนเพื่อใช้กระทำา ผิด จากนั้นแดงและดำา ก็ขับรถไปจอดบริเวณวัดที่ทราบว่าพระมหากษัตริย์จะเสด็จมาทรง
ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่แดงและดำาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียก่อนเช่นนี้ แดง ดำา และเขียว มีความผิด
หรือไม่
2

การที่แดงและดำาคบคิดกันกระทำาผิด และหาอาวุธปืนมาไว้นั้นเป็นการเตรียมเพื่อปลงพระชนม์พระ
มหากษัตริย์ซึ่งมาตรา 107 วรรคท้ายบัญญัติเป็นความผิด แดงและดำาจึงผิดฐานตระเตรียมเพื่อปลงพระชนม์
พระมหากษัตริย์
สำาหรับเขียวซึ่งให้ยืมรถยนต์และอาวุธปืนเพื่อกระทำาผิด การกระทำาของเขียวจึงเป็นการช่วยเหลือใน
การที่แดงและดำา กระทำา ผิด เขียวเป็นผู้สนับสนุนการตระเตรียมเพื่อปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ ซึ่งมาตรา
111 ผูส้ นับสนุนในกรณีนี้ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการ

1.1.2 ความผิดต่อพระราชินี รัชทายาท และผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์


ไก่ เป็นผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ไปหาซื้อของที่ศูนย์การค้า ขณะที่เดินซื้อของอยู่ ไก่เสียหลัก
เซไปปะทะเป็ดล้มลง เป็ดโกรธและพูดตะคอกไก่ว่า ให้ระวังตัวให้ดีเดี๋ยวจะเจ็บตัว นายตำารวจซึ่งติดตามคอยให้
ความอารักขาแก่ไก่ จึงจับกุมเป็ด ในข้อหาแสดงความอาฆาตมาดร้ายผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์ เป็ดมีความ
ผิดตามที่กล่าวหาหรือไม่
คำาพูดของเป็ดต่อไก่ที่ว่า “ให้ระวังตัวให้ดี เดี๋ยวจะเจ็บตัว” นั้นเป็นการขู่เข็ญไก่ ด้วยประสงค์รา้ ยว่าจะ
ทำา อันตรายต่อร่างกายของไก่ ถือได้ว่าเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อไก่ ซึ่งเป็นผู้สำา เร็จราชการแทน
พระองค์ ตามบทบัญญัติในมาตรา 112 แต่เป็ดจะมีความผิดหรือไม่ต้องพิจารณาจากเจตนาของเป็ดอีกชั้น
หนึ่งกล่าวคือ
(1)ถ้าเป็ดรู้ว่าไก่ เป็นผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์ เป็ดก็ผิดตามมาตรา 112
(2)ถ้าหากเป็ดไม่รู้ว่าไก่ เป็นผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์ เป็ดไม่ผิดตามมาตรา 112 แต่อาจมี
ความผิดตามมาตรา 392 และมาตรา 397 ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ
ประมวลกฎหมายอาญาให้ความคุ้ ม ครองต่ อ องค์ พระมหากษั ต ริ ย์ พระราชินี รัช ทายาท ผู้สำา เร็ จ
ราชการแทนพระองค์ แตกต่างจากให้ความคุ้มครองบุคคลทั่วไปอย่างไร
ประมวลกฎหมายอาญาให้ความคุ้มครองแตกต่างกันดังนี้
(1)กำาหนดโทษไว้หนักกว่าความผิดอย่างเดียวกันกับที่กระทำาต่อบุคคลทั่วไป
(2)ในความผิดต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ถ้ากระทำา ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้
สำาเร็จราชการแทนพระองค์ แม้จะอยู่ในชั้นเตรียมการก็ผิด แต่ถ้าตระเตรียมกระทำาการต่อบุคคล
ทัว่ ไปยังไม่เป็นความผิด
(3)การพยายามกระทำาความผิดในข้อ (2) ถ้ากระทำา ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ผู้
สำา เร็จราชการแทนพระองค์ กฎหมายลงโทษเท่าความผิดสำา เร็จ แต่ถ้าพยายามกระทำา ต่อบุคคล
ทัว่ ไป ลงโทษเพียงสองในสามของโทษสำาหรับความผิดนั้น
(4)ผู้สนับสนุนความผิดในข้อ (2) ที่กระทำา ต่อพระมหากษัตริย์ ฯลฯ ต้องโทษเท่า กับ ตัว การผู้
ลงมือกระทำา แต่ถ้าสนับสนุนความผิดที่กระทำา ต่อบุคคลทั่วไปคงต้องโทษเพียงสองในสามของ
โทษสำาหรับความ ผิดนั้น

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
3

(5)การแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์นั้น ฯลฯ เป็นความผิด แต่ถ้ากระทำาต่อบุคคล


ทัว่ ไปไม่ผิด แต่อาจจะมีความผิดตามมาตรา 392 และมาตรา 397

1.2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร
1. กบฏต้องเป็นการกระทำา เพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มอำา นาจนิติบัญญัติ บริหาร
หรือ ตุลาการ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักร เป็นต้น และแม้เพียงสมคบกับเพื่อนเป็นกบฏก็
เป็นความผิดแล้ว
2. การยุยงหรือจัดให้มีการหยุดงาน ปิดงาน หรือไม่ยอมค้าขาย กฎหมายเอาผิดทั้งผู้ยุยงหรือผู้
จัดให้มีการกระทำา นั้นๆ รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมหรือเข้าช่วยการหยุดงาน ปิดงาน หรือไม่ยอม
ค้าขาย และผู้ที่บังคับให้ผู้อื่นเข้าร่วมหรือเข้าช่วยการหยุดงาน ปิดงาน หรือไม่ยอมค้าขาย
3. การกระทำาต่อธงหรือเครื่องหมายอันมีความหมายถึงประเทศไทย ด้วยความมุ่งหมายจุดูถูก
เหยียดหยามประเทศไทย กฎหมายถือเป็นความผิด

1.2.1 ความผิดฐานเป็นกบฏ
เก่งกับพวกลักพาตัวนายกรัฐมนตรีไปควบคุมไว้ และขู่ให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำาแหน่ง
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ถ้านายกรัฐมนตรีลาออกจากตำาแหน่ง รัฐบาลชุดนั้นก็ย่อมสิ้นสุดลง
ฉะนัน้ การขู่ให้นายกรัฐมนตรีลาออก จึงเป็นการที่มุ่งหมายจะล้มล้างรัฐบาลย่อมผิดฐานเป็นกบฏ
เก่ง กั บ พวกถื อ อาวุ ธ สงครามครบมื อ บุ ก เข้ า ไปในสภานิ ติ บั ญ ญั ติ ขณะสมาชิ ก สภากำา ลั งประชุ ม
พิจารณาร่างกฎหมาย บังคับให้สมาชิกเลิกประชุม แล้วคุมตัวไว้
สภานิติบัญญัติย่อมเป็นผู้ใช้อำานาจนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ การบังคับให้สมาชิกสภานิติบัญญัติเลิก
ประชุมเป็นการกระทำาที่ทำาให้สภานิติบัญญัติไม่อาจใช้อำานาจได้ ผู้กระทำาผิดฐานเป็นกบฏ
เก่งกับพวกบังคับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยุบสภาจังหวัดและให้มีการเลือกตั้งใหม่
สภาจังหวัดมิใช่ผู้ใช้อำานาจนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ การขู่บังคับให้ยุบสภาจังหวัด จึงมิใช่เป็นการ
กระทำาที่มุ่งล้มล้างอำานาจนิติบัญญัติไม่ผิดฐานเป็นกบฏ
เก่งกับพวกเข้าปิดล้อมศาลจังหวัดน่าน บังคับให้ศาลดำา เนินการพิจารณาพิพากษาคดี และกักตัวผู้
พิพากษาทุกคนไว้
ศาลจังหวัดน่านเป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งของอำานาจตุลาการ การบังคับมิให้ศาลจังหวัดน่านพิจารณา
พิพากษาคดี มิใช่เป็นการล้มล้างหรือทำาให้ใช้อำานาจตุลาการไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำาต่อศาลใดศาลหนึ่งโดย
เฉพาะ ไม่ผิดฐานเป็นกบฏ
มาตรา 113 เมื่อผู้ใดใช้กำาลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้ายเพื่อ
(1)ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(2)ล้มล้างอำานาจนิติบัญญัติ อำานาจบริหาร หรืออำานาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือให้ใช้อำานาจดัง
กล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
4

(3)แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำานาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผูน้ ั้นกระทำาความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำาคุกตลอดชีวิต

1.2.2 ยุยงทหารหรือตำารวจให้หนีราชการ
ฟ้า เป็นพลตำารวจ ชักชวนตำารวจด้วยกันทำาการเรียกร้องเป็นหนังสือต่อกรมตำารวจให้จัดสวัสดิการที่
อยู่อาศัยให้ เมื่อถูกปฏิเสธ ฟ้าชักชวนให้พลตำารวจหยุดปฏิบัติงานตามหน้าที่ ให้วินิจฉัยการกระทำาของฟ้า ว่ามี
ความผิดหรือไม่
การที่ฟ้าชักชวนพลตำารวจทำา หนังสือเรียกร้องด้านสวัสดิการนั้น ฟ้าไม่มีความผิดทางอาญา เพราะ
เป็นการกระทำาไปโดยสงบ มิใช่ยุให้พลตำารวจกำาเริบ แต่เมื่อกรมตำารวจปฏิเสธแล้ว ฟ้ากับชักชวนพลตำารวจให้
หยุดปฏิบัติหน้าที่ฟ้าย่อมมีความผิดฐานยุให้ตำารวจไม่กระทำาตามหน้าที่
มาตรา 115 ผู้ใดยุยงทหารหรือตำารวจให้หนีราชการ ให้ละเลย ไม่กระทำาการตามหน้าที่ หรือให้
ก่อการกำาเริบ ต้องระวางโทษจำาคุก ไม่เกินห้าปี
ถ้าความผิดนั้นได้กระทำา ลงโดยมุ่งหมายจะบ่อนให้วินัย และสมรรถภาพของกรมกองทหารหรือ
ตำารวจเสื่อมทรามลง ผู้กระทำา ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี

1.2.3 กระทำาให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมาย
แดงทำา ใบปลิวซึ่งมีข้อความส่งเสริมสนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์ว่า เป็นลัทธิการปกครองที่ถูกต้อง
ยุติธรรมและวิจารณ์รัฐบาลว่าใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการกระทำาอันเป็นคอมมิวนิสต์ไปในทางกดขี่
ข่มเหงประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเรียกร้องให้ประชาชนใช้กำาลังบีบบังคับรัฐบาลให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว แล้ว
แดงนำาใบปลิวนั้นแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไป การกระทำาของแดงเป็นความผิดหรือไม่
การกระทำา ของแดงเป็นการกระทำา ให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยหนังสือ โดยมุ่งหมายจะให้มี การ
เปลี่ยนแปลงในกฎหมายของแผ่ น ดิน เนื่ อ งจากเรี ย กร้ อ งให้ ป ระชาชนใช้ กำา ลั งบี บ บั งคั บ ให้ รั ฐบาลยกเลิก
กฎหมาย จึงมีความผิดตามมาตรา 116
มาตรา 116 ผู้ใดกระทำาให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการ
กระทำาภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำา ลังข่มขืนใจ หรือใช้
กำาลังประทุษร้าย
(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบ
ขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี

1.2.4 ยุยงหรือจัดให้เกิดการหยุดงาน ปิดงาน ไม่ยอมค้าขาย


ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
5

สหภาพแรงงานกรรมกรในโรงงานทอผ้าไม่พอใจรัฐบาลที่อนุญาตให้มีการสั่งผ้าจากต่างประเทศเข้า
มาจำาหน่ายได้อย่างเสรี เพราะทำาให้โรงงานทอผ้าหลายแห่งต้องเลิกกิจการไป สหภาพฯ จึงให้กรรมกรชุมนุม
ประท้วงรัฐบาล ให้รัฐบาลยกเลิกการอนุญาตสั่งผ้าเข้ามาจากต่างประเทศ แต่กรรมกรโรงงานทอผ้าของขาวไม่
ยอมหยุดงานไปชุมนุมประท้วงด้วย ขาวจึงขู่ว่าจะเลิกจ้างผู้ที่ไม่ไปร่วมประท้วง ขาวมีความผิดหรือไม่
การชุมนุมประท้วงของ สหภาพฯ มีความมุ่งหมายในอันที่จะบีบบังคับรัฐบาลให้ยกเลิกคำาสั่งอนุญาต
ให้สั่งผ้าจากต่างประเทศ ขาวย่อมทราบถึงความมุ่งหมายนี้ของ สหภาพฯ การที่ขาวขู่จะเลิกจ้างกรรมกรใน
โรงงานของตนที่ไม่ยอมหยุดงานไปประท้วงร่วมกับ สหภาพฯ เป็นการทำาให้กรรมกรหวาดกลัว โดยมุ่งจะให้
กรรมกรเข้าร่วมในการหยุดงานประท้วงด้วย ขาวผิดตามมาตรา 117 วรรคท้าย
มาตรา 117 ผู้ใดยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน การร่วม กันปิดงานงดจ้าง หรือการร่วม
กันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจ กับบุคคลใด ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อ
บังคับรัฐบาลหรือเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าวและเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการ ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิด
งานงดจ้างหรือการร่วมกันไม่ยอมค้า ขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับบุคคลใด ๆ นั้น ต้องระวางโทษจำาคุก ไม่เกิน
สามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าว และใช้กำาลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำาลังประทุษร้ายหรือทำาให้
หวาดกลัวด้วยประการใด ๆ เพื่อ ให้บุคคลเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงด
จ้างหรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับ บุคคลใด ๆ นัน้ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือ
ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

1.2.5 กระทำาต่อธงหรือเครื่องหมายแห่งรัฐ
ดำาเข้าไปปัสสาวะในที่มืด โดยไม่ทราบว่าที่ตรงนั้นมีธงไตรรงค์เก็บอยู่ ดำาจึงปัสสาวะรดธงไตรรงค์
พอดียามรักษาการณ์มาพบเข้าจึงจับกุมดำาส่งตำารวจ ดำาจะมีความผิดหรือไม่
ไม่ผิด เพราะไม่รู้ว่าตัวเองปัสสาวะรดธงไตรรงค์ จึงขาดเจตนาในการกระทำาความผิด

1.3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร
1. การกระทำาใดๆ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศจากภายนอก ได้แก่การกระ
ทำา ให้เอกราชของประเทศเสื่อมไป ทำา การเพื่อประโยชน์ของต่างประเทศ ทำา การรบต่อประเทศ
อุปการะแก่ข้าศึก กระทำาให้ได้มาซึ่งความลับ ให้ผู้อื่นรู้ความลับ ทำาแก่เอกสารอันเกี่ยวกับส่วนได้
ส่วนเสียของรัฐ ทำาการที่ได้รับมอบหมายโดยทุจริต ทำาให้เกิดเหตุร้ายจากภายนอก กฎหมายถือว่า
เป็นความผิดอาญา
2. การกระทำาดังกล่าวแม้จะอยู่เพียงขั้นตระเตรียม หรือพยายามกระทำา กฎหมายลงโทษเท่าความผิด
สำาเร็จ และผู้สนับสนุนก็ลงโทษเท่าตัวการ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
6

1.3.1 กระทำาเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป
รัฐบาลไทยยอมรับความช่วยเหลือทางทหารจากต่างประเทศ และยินยอมให้ป ระเทศดั งกล่าวตั้ง
ฐานทัพในประเทศไทยได้ โดยตกลงว่า ถ้าทหารของประเทศนั้นกระทำาความผิดใดๆ ในประเทศไทยก็ไม่ต้อง
ขึ้นศาลไทย ให้วินิจฉัยว่า คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดทางอาญาในการกระทำานี้หรือไม่
การกระทำา ในกรณีนี้เป็นการกระทำา ของรัฐ มิใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นเรื่องที่รัฐยินยอมรับ
ความช่วยเหลือและยอมรับข้อผูกพันโดยใจสมัครเอง แม้ข้อผูกพันนัน้ จะทำาให้ศาลไม่มีอำานาจพิจารณาพิพากษา
คดีที่ทหารต่างชาติกระทำาผิดก็ตาม แต่เมื่อรัฐยินยอมเช่นนั้น ไม่ถือว่าเป็นการกระทำาให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสีย
ไป คณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศไม่มีความผิดทางอาญาแต่ประการใด
มาตรา 119 ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำานาจสั่ง บังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่
ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว ฝ่ายที่ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือ พนักงาน
อัยการมีอำานาจอุทธรณ์ได้ คำาวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้ เป็นที่สุด"

1.3.2 คบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำาการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ
หว่า คนญวนอพยพอยู่ที่จังหวัดสกลนคร ปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่สถานทูตของตนเรื่องไทยจะส่ง
คนญวนอพยพกลับประเทศเวียดนาม โดยเสนอความเห็นว่า เวียดนามควรต่อต้านการกระทำา ของไทย อย่า
ยอมรับพวกตนกลับประเทศ หว่า จะมีความผิดหรือไม่
การที่ หว่า ปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่สถานทูตเวียดนามให้ต่อต้านการที่ไทยจะส่งคนญวนอพยพกลับ
ประเทศนั้นเป็นการกระทำาที่มุ่งจะให้เกิดการดำาเนินการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศไทย แม้หว่าจะเป็นคนญวน
หว่าก็มีความผิดตามมาตรา 120 เพราะผู้ที่หว่าปรึกษาหารือนั้นคือเจ้าหน้าที่ทูตเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ที่ต้อง
กระทำาการเพื่อประโยชน์แก่ประเทศเวียดนามอยู่แล้ว
มาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคล ซึ่งกระทำา การเพื่อ ประโยชน์ ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความ
ประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำาเนินการรบต่อรัฐ หรือทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำาคุกตลอดชีวิต
หรือ จำาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

1.3.3 คนไทยทำาการรบต่อประเทศ
กบเกิ ด ที่ จั ง หวั ด อุ บ ลราชธานี พ่ อ แม่ ข องกบเป็ น ชาวเวี ย ดนามซึ่ ง อพยพมาตั้ ง หลั ก แหล่ ง อยู่ ใ น
ประเทศไทย กบได้เข้าร่วมกับกองกำาลังทหารต่างชาติที่ตั้งประชิดชายแดนไทยด้านตะวันตก แต่ไม่มีการสู้รบ
กับฝ่ายไทยแต่อย่างใด และประเทศที่กบเข้าร่วมนั้นก็ไม่มีสงครามกับไทย วันหนึ่งกบนำานายทหารกลุ่มหนึ่งรุก
ลำ้า เข้ามาในดินแดนไทย และเกิดปะทะกับกองกำา ลังตำา รวจตระเวนชายแดน ซึ่งพยายามผลักดันกองกำา ลังดัง
กล่าวออกจากเขตไทย กบถูกจับเป็นเชลย กบมีความผิดฐานทำาการรบต่อประเทศหรือไม่

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
7

แม้กบจะเป็นคนไทย เพราะมีสัญชาติไทยเนื่องจากเกิดในประเทศไทย แต่ขณะที่กบปะทะกับตำารวจ


นั้นประเทศไทยมิได้ทำา การสู้รบกับประเทศใดจึงไม่ถื อว่ากบได้ทำา การสู้รบกับประเทศไทย กบไม่ผิดฐาน
ทำาการรบต่อประเทศแต่อาจมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ ตามมาตรา 289
มาตรา 121 คนไทยคนใดกระทำาการรบต่อประเทศ หรือเข้าร่วมเป็นข้าศึกของประเทศต้องระวาง
โทษประหารชีวิต หรือจำาคุกตลอดชีวิต

1.3.4 อุปการะแก่การรบของข้าศึก
แดงเป็นคนไทย ทำาหน้าที่เป็นโฆษกให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แดงอ่านบทความทาง
วิทยุกระจายเสียงโจมตีรัฐบาลไทยไปในทางเสียหายเป็นประจำา ต่อมาแดงถูกจับกุมตัวและถูกฟ้องในข้อหา
กระทำาการเพื่ออุปการะแก่การรบหรือตระเตรียมการรบของข้าศึกตามมาตรา 122 แดงผิดตามที่ถูกกล่าวหา
หรือไม่
แม้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจะทำา การต่อสู้กับรัฐบาลไทยด้วยกำา ลังอาวุธก็ตาม แต่พรรค
คอมมิวนิสต์มิได้เป็นกระเทศคู่สงครามกับประเทศไทย การกระทำาของแดงแม้จะเป็นการอุปการะในการรบ แต่
มิใช่อุปการะแก่ข้าศึกของประเทศ แดงไม่ผิดตามมาตรา 122
มาตรา 122 ผู้ใดกระทำา การใด ๆ เพื่ออุปการะแก่การดำา เนิน การรบหรือการตระเตรียมการรบ
ของข้าศึก ต้องระวางโทษจำาคุก ตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
ถ้าการอุปการะนั้นเป็นการ
(1) ทำาให้ป้อม ค่าย สนามบิน ยานรบ ยานพาหนะ ทางคมนาคม สิ่งที่ใช้ในการสื่อสาร ยุทธภัณฑ์
เสบียงอาหาร อู่เรืออาคาร หรือสิ่ง อื่นใดสำาหรับใช้เพื่อการสงครามใช้การไม่ได้หรือตกไปอยู่ในเงื้อมมือ ของ
ข้าศึก
(2) ยุยงทหารให้ละเลยไม่กระทำาการตามหน้าที่ ก่อการกำาเริบ หนีราชการหรือละเมิดวินัย
(3) กระทำาจารกรรม นำาหรือแนะทางให้ข้าศึก หรือ
(4) กระทำาโดยประการอื่นใดให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบ
ผู้กระทำา ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำาคุกตลอดชีวิต

1.3.5 กระทำาให้ได้มาซึ่งความลับ
จอห์นเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันเดินทางมาทำา ข่าวในประเทศไทย จอห์นอยากทราบแผน
ป้องกันประเทศด้านตะวันออกของไทยในกรณีที่มีข้าศึกรุกราน เพื่อนำาไปเขียนบทความในหนังสือพิมพ์ จอห์น
จึงติดต่อขอซื้อสำาเนาของแผนที่นั้นจากข้าราชการผู้หนึ่งแต่ถูกปฏิเสธ จอห์นมีความผิดแล้วหรือไม่
แผนป้องกันประเทศนั้นย่อมเป็นเอกสารที่ต้องปกปิดเป็นความลับ เฉพาะเกี่ยวกับความปลอดภัยของ
ประเทศ การที่จอห์นติดสินบนข้าราชการให้เอาแผนที่นั้นมาให้ เป็นการกระทำาเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสารปกปิดไว้
เป็นความลับสำาหรับความปลอดภัยของประเทศตามมาตรา 123 แม้จอห์นจะมิใช่คนไทย และกระทำาเพียง

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
8

แต่พูดขอซื้อยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็ตาม จอห์นมีความผิดตามมาตรานี้แล้ว เพราะมาตรานี้ผู้กระทำาจะเป็นใคร


ก็ได้ และจะได้มาซึ่งความลับนั้นหรือไม่ ก็ไม่สำาคัญ
มาตรา 123 ผู้ใดกระทำาการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ อันปกปิดไว้เป็น
ความลับสำาหรับความปลอดภัย ของประเทศ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี

1.3.6 กระทำาให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งความลับ
ร.อ. ขาว ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของกองทัพภาคที่ 4 ที่ใช้กำาลังทหารเข้าปราบปรามผู้ก่อการ
ร้ายคอมมิวนิสต์ ร.อ. ขาวจึงเอาแผนปฏิบัติการยุทธโจมตีค่ายใหญ่ ของผู้ก่อการร้ายม้วนส่งทางไปรษณีย์ ไป
ยังหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ให้วนิ ิจฉัยการกระทำาของ ร.อ. ขาว ในกรณีนี้
แผนปฏิบัติการยุทธของกองทัพภาคที่ 4 ย่อมเป็นเอกสารลับอันเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศ
การที่ ร.อ. ขาวส่งแผนนั้นไปยังหนังสือพิมพ์ จึงเป็นการกระทำาเพื่อให้ผู้อื่นรู้ความลับ แม้ยังไม่มีผู้ใดจะได้รู้ถึง
แผนนั้น ร.อ. ขาวก็ผิดตามมาตรา 124
มาตรา 124 ผู้ใดกระทำาการใด ๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไป ซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ
อันปกปิดไว้เป็นความลับสำาหรับ ความปลอดภัยของประเทศต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี
ถ้าความผิดนั้นได้กระทำาในระหว่างประเทศอยู่ในการรบหรือการสงครามผู้กระทำาต้องระวางโทษจำา
คุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
ถ้าความผิดดังกล่าวมาในสองวรรคก่อน ได้กระทำา เพื่อให้รัฐต่างประเทศได้รับประโยชน์ ผู้กระทำา
ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำาคุกตลอดชีวิต

1.3.7 กระทำาแก่เอกสารอันเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐ
เขี ยวไม่ พอใจการดำา เนิ น นโยบายต่ า งประเทศของรั ฐ บาลไทย ที่ นำา ประเทศไปผู ก พั น กั บ สหรั ฐ
อเมริกามากเกินไป จึงเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวิจารณ์การดำา เนินนโยบายต่างประเทศของ
รัฐบาล และตอนหนึ่งของบทความกล่าวว่ารัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ตกลงให้สหรัฐอเมริกามาตั้ง
ฐานพักที่อู่ตะเภาได้อีก โดยอ้างว่าข้อมูลนี้ได้มาจากเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่าง
ประเทศจึงแจ้งความต่อตำารวจให้ดำาเนินคดีกับเขียวในข้อหาปลอมเอกสารอันเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐในการ
ระหว่างประเทศให้วินิจฉัยมูลกรณีนี้
เอกสารที่เขียวทำา ขึ้น คือ บทความที่เขียนไปลงหนังสือพิมพ์เป็นบทความที่เขียวเขียนขึ้นเอง เป็น
บทความของเขียว มิได้ทำาให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารของผู้อื่น จึงมิใช่การปลอมเอกสาร ส่วนที่อ้างว่าเอา
ข้อมูลมาจากเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ ก็มิใช่ปลอมเอกสารขึ้น อาจจะเป็นเพียงการเขียนเพื่อให้อ่าน
ดูแล้วน่าเชื่อถือเท่านั้น เขียวไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
มาตรา 125 ผู้ใดปลอม ทำา เทียมขึ้น กักไว้ ซ่อนเร้น ปิดบัง ยักย้าย ทำา ให้เสียหาย ทำา ลาย หรือ
ทำาให้สญ
ู หายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารหรือแบบใด ๆ อันเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐในการ ระหว่างประเทศ
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
9

1.3.8 กระทำากิจการที่ได้รับมอบหมายโดยทุจริต
เสือเป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลมอบหมายให้ไปเจรจาขายนำ้า ตาลทรายให้แก่รัฐบาล
ไนจีเรียในราคาตันละ 500 เหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกันประเทศผู้ผลิตนำ้าตาลทรายอื่นก็ส่งตัวแทนไปเจรจา
ขายนำ้า ตาลทรายให้แก่ไนจีเรียเหมือนกัน จึงต้องมีการแข่งขันในการเสนอขายนำ้า ตาลทรายแก่ไนจีเรีย เสือ
ตัดสินใจเสนอขายในราคาตันละ 450 เหรียญสหรัฐ ส่วนประเทศอื่นๆ เสนอขายในราคาตันละกว่า 500
เหรียญสหรัฐ ทั้งสิ้น ไนจีเรียจึงตกลงซื้อนำ้าตาลทรายของไทย ซึ่งความจริงหากเสือเสนอขายในราคาที่รัฐบาล
กำาหนดให้ไป ไนจีเรียก็คงซื้อเพราะเป็นราคาตำ่าสุด เสือจึงถูกกล่าวหาว่า ไม่ปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบหมาย
โดยทุจริต อันเป็นความผิดตามมาตรา 126 เสือจะมีความผิดหรือไม่
ไม่ผิดเพราะเสือมิได้กระทำาโดยทุจริต การที่เสือเสนอขายนำ้าตาลทรายแก่รัฐบาลไนจีเรียในราคาตัน
ละ 450 เหรียญสหรัฐ แม้จะปฏิบัติไม่ตรงตามที่รัฐบาลกำาหนด ซึ่งก็ไม่เป็นการปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย
อย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่เสือกระทำาไปโดยสุจริตเพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้
มาตรา 126 ผู้ใดได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้กระทำา กิจการของรัฐกับรัฐบาลต่างประเทศ ถ้า
และโดยทุจริตไม่ปฏิบัติการตาม ที่ได้รับมอบหมาย ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี

1.3.9 กระทำาให้เกิดเหตุร้ายแก่ประเทศจากภายนอก
นกประสงค์จะให้ธนาคารโลกระงับการให้กู้ยืมเงินแก่รัฐบาลไทยนำามาพัฒนาแหล่งนำ้าในภาคอีสาน
จึงเขียนจดหมายถึงประธานกรรมการธนาคารโลกอ้างว่า โครงการพัฒนาแหล่งนำ้าเป็นโครงการที่ไม่เหมาะสม
และมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเวียดนามอาจจะบุกประเทศไทยเมื่อไรก็ได้ ธนาคารจึงควรระงับการให้เงินกู้
สำาหรับโครงการดังกล่าวเสีย นกมีความผิดหรือไม่
นกกระทำาโดยมุ่งจะให้ธนาคารโลกระงับการให้กู้เงินแก่ประเทศไทย การที่ธนาคารโลกระงับการให้
กู้ยืมเงิน ย่อมทำาให้เกิดเหตุร้ายในทางเศรษฐกิจของประเทศขึ้นได้ และเหตุร้ายนี้มาจากภายนอกประเทศ นกมี
ความผิดตามมาตรา 127
มาตรา 127 ผู้ใดกระทำาการใด ๆ เพื่อให้เกิดเหตุร้ายแก่ประเทศ จากภายนอก ต้องระวางโทษจำาคุก
ไม่เกินสิบปี
ถ้าเหตุร้ายเกิดขึ้น ผูก้ ระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือ จำาคุกตลอดชีวิต หรือจำาคุกตั้งแต่สองปีถึง
ยี่สิบปี

1.3.10 ตระเตรียม พยายามกระทำาและเป็นผู้สนับสนุน


แดงต้องการได้แผนป้องกันประเทศของกองทัพไทย เพื่อนำาไปขายแก่นักข่าวต่างประเทศ แดงจึงไป
ขอยืมกล้องถ่ายรูปจากดำาโดยบอกความประสงค์ให้ดำารู้ว่า จะนำาไปใช้ถ่ายแผนป้องกันประเทศของกองทัพไทย
และบอกว่าเมื่องานเสร็จแล้วก็จะเอากล้องมาคืนและแบ่งรายได้ให้ด้วย ดำาจึงให้แดงยืมกล้องถ่ายรูปและให้ฟิล์ม
ไปด้วย 1 ม้วน แดงกับดำามีความผิดอย่างไรบ้าง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
10

การกระทำา ของแดงที่ไปยืมกล้องถ่ายรูปของดำา มา ถือว่าเป็นการเตรียมการกระทำา เพื่อให้ได้มาซึ่ง


ความลับอันปกปิดไว้สำาหรับความปลอดภัยของประเทศ การตระเตรียมการในกรณีนี้ถือเป็นการกระทำาที่ร้าย
แรงเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยของรัฐเอง กฎหมายจึงลงโทษผู้กระทำาเท่าความผิดสำาเร็จ ตามมาตรา 128
สำาหรับดำาที่ให้แดงยืมกล้องถ่ายรูปเพื่อไปถ่ายเอกสารลับดังกล่าว ถือว่าเป็นการช่วยเหลือในการกระ
ทำาความผิดของแดง ดำาจึงเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งการสนับสนุนในกรณีนี้กฎหมายลงโทษเท่ากับตัวการ ตามมาตรา
129
มาตรา 129 ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำาความผิดใด ๆ ใน หมวดนี้ต้องระวางโทษเช่นเดียว
กับตัวการในความผิดนั้น

1.4 ความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ
1. กฎหมายอาญาให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษแก่กษัตริย์ ราชินี ราชสามี รัชทายาท และประมุขของรัฐต่าง
ประเทศ การประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของบุคคลดังกล่าว กฎหมายลงโทษหนักกว่าปกติ
2. กฎหมายอาญาให้ความคุ้มครองเกียรติยศ ชื่อเสียงของกษัตริย์ ราชินี ราชสามี รัชทายาท และประมุข
ของรัฐต่างประเทศไว้เป็นพิเศษเช่นกัน และจะลงโทษผู้กระทำาการดูหมิ่น หมิ่นประมาทบุคคลดังกล่าว
หนักกว่าปกติ
3. ธงหรือเครื่องหมายแห่งรัฐต่างประเทศซึ่งมีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย ได้รับความคุ้มครอง
จากกฎหมายไทย การกระทำาใดๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายแห่งรัฐเพื่อเหยียดหยามรัฐนั้น กฎหมายถือเป็น
ความผิด

1.4.1 ประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของประมุขหรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ


การฆ่าคือ การทำาให้บุคคลอื่นซึ่งมีชีวิตอยู่ถึงแก่ความตายไม่ว่าจะกระทำาด้วยประการใดๆ เช่น ยิง ตี
ฟัน แทง วางยาพิษ เป็นต้น และความตายต้องเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำานั้น ส่วนการพยายามฆ่า คือ ลงมือ
กระทำาแล้วแต่กระทำาไปไม่ตลอด หรือกระทำาไปตลอดแล้วแต่การกระทำาไม่บรรลุผล คือบุคคลที่ถูกฆ่าไม่ตาย
เพราะเหตุใดๆก็แล้วแต่ตามหลักในมาตรา 80
มาตรา 80 ผูใ้ ดลงมือกระทำาความผิดแต่กระทำาไปไม่ตลอด หรือกระทำาไปตลอดแล้วแต่การกระทำา
นัน้ ไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายาม กระทำาความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำา ความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำา หนดไว้
สำาหรับความผิดนั้น
แดงคิดจะลอบสังหารผู้นำาของประเทศใดประเทศหนึ่ง เพื่อให้ตนเองมีชื่อตกเป็นข่าวไปทั่วโลก แดง
ทราบว่าประธานาธิบดีประเทศสิงคโปร์เดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทย และพักที่โรงแรงแห่งหนึ่ง แดงจึง
เอาปืนพกเหน็บไว้ที่สะเอว แล้วไปที่โรงแรมแห่งนั้น เพื่อหาโอกาสยิงประธานาธิบดี แต่แดงมีพิรุธทำา ให้เจ้า
หน้าที่รักษาความปลอดภัยสงสัย จึงจับและค้นตัวแดงพบอาวุธปืนดังกล่าว แดงมีความผิดหรือไม่

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
11

การกระทำาของแดงยังอยู่ในขั้นเตรียมการเท่านั้น แดงยังมิได้ลงมือกระทำาการแต่อย่างใด การเตรียม


สังหารประมุขแห่งรัฐต่างประเทศกฎหมายมิได้บัญญัติว่าเป็นความผิด ฉะนั้น แดงจึงไม่มีความผิด แต่อาจผิด
ฐานพกพาอาวุธปืนหรือมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
มาตรา 130 ผู้ ใ ดทำา ร้ า ยร่ า งกายหรื อ ประทุ ษ ร้ า ยต่ อ เสรี ภ าพของ ราชาธิ บ ดี ราชิ นี ราชสามี
รัชทายาทหรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ซึ่งมีสัมพันธไมตรี ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบห้าปี
ผู้ใดพยายามกระทำาการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
มาตรา 131 ผู้ใดทำาร้ายร่างกาย หรือประทุษร้ายต่อเสรีภาพของ ผู้แทนรัฐต่างประเทศ ซึ่งได้รับ
แต่งตั้งให้มาสู่พระราชสำานักต้องระวาง โทษจำาคุกไม่เกินสิบปี
ผู้ใดพยายามกระทำาการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
มาตรา 132 ผู้ใดฆ่า หรือ พยายามฆ่าบุค คลหนึ่งบุคคลใด ดั งระบุ ไว้ ใน มาตรา 130 หรื อ
มาตรา 131 ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือ จำาคุกตลอดชีวิต

1.4.2 หมิน่ ประมาท ดูหมิ่นประมุขหรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ


ศรีเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลประเทศหนึ่ง และตอนหนึ่งกล่าวว่า สม อุปทูต
ต่างประเทศของประเทศนัน้ ซึ่งประจำาประเทศไทยเป็นกุ๊ย จงวินจิ ฉัยการกระทำาของศรี
การกล่าวว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นกุ๊ย ย่อมเป็นการดูถูกเหยียดหยามผู้นั้น จึงเป็นการดูหมิ่นผู้อื่น สม
เป็นอุปทูตต่างประเทศซึ่งประจำาประเทศไทย สมจึงเป็นผู้แทนรัฐต่างประเทศที่ได้รับแต่งตั้งให้มาประจำา พระ
ราชสำานัก การกระทำาของศรีจึงผิดฐานดูหมิ่นผู้แทนรัฐต่างประเทศตามมาตรา 134
มาตรา 134 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายผู้แทนรัฐต่างประเทศซึ่งได้
รับแต่งตั้งให้มาสู่พระราชสำานัก ต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งพัน บาท ถึง
หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

1.4.3 กระทำาต่อธงหรือเครื่องหมายแห่งรัฐต่างประเทศ
ศรชอบธงชาติของอังกฤษเพราะรู้สึกว่าสีสันสวยงาม จึงจ้างช่างทำาธงชาติอังกฤษผืนหนึ่ง แล้วศรนำา
ธงนั้นไปขึงไว้ในห้องนำ้าเป็นเครื่องประดับ ศรมีความผิดหรือไม่
การที่ศรเอาธงชาติอังกฤษไปขึงในห้องนำ้า แต่ศรก็ทำาด้วยความมุ่งหมายให้เป็นเครื่องประดับเพราะศร
ชอบสีสันของธงชาติมิได้มีความมุ่งหมายเหยียดหยามประเทศอังกฤษ ศรไม่มีความผิด
มาตรา 135 ผู้ใดกระทำาการใด ๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใด อันมีความหมายถึงรัฐต่างประเทศ
ซึ่งมีสัมพันธไมตรี เพื่อเหยียดหยาม รัฐนัน้ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท

แบบประเมินผลตนเอง หน่วยที่ 1

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
12

1. การกระทำาความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรได้แก่ หาซื้อปืนมาเก็บไว้เพื่อใช้ยิงพระมหา
กษัตริย์
2. การกระทำา ที่ยังไม่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรได้แก่ พกพาอาวุธปืนเพื่อจะยิง
นายกรัฐมนตรี
3. การตระเตรียมที่มีโทษเท่ากับความผิดสำา เร็จได้แก่ ตระเตรียมการทำา ร้ายร่างกายผู้สำาเร็จราชการแทน
พระองค์
4. กบฏเป็นการกระทำาด้วยมูลเหตุชัดจูง เพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักร
5. การกล่าวปราศรัยต่อสาธารณะชนทัว่ ไป ผูป ้ ราศรัยอาจมีความผิดในกรณี เมื่อพูดโดยมีความประสงค์ที่
จะให้ประชาชนฝ่าฝืนกฎหมาย
6. การชักชวนให้ผู้อื่นร่วมกันหยุดงาน หรือร่วมกันปิดงานงดจ้าง ผูก ้ ระทำาการชักชวนอาจมีความผิดได้ถ้า
กระทำาเพื่อความมุ่งหมายในการบีบบังคับรัฐบาล
7. การกระทำาใดๆแก่ธงชาติ ผูก ้ ระทำามีความผิดเมื่อมีเหตุจูงใจ เพื่อการเหยียดหยามประเทศ
8. ระหว่า งไทยประกาศสงครามกั บประเทศหนึ่ง การกระทำา ที่ ไ ม่ ถื อ ว่ า เป็ น การอุ ป การะแก่ ข้ า ศึ ก ของ
ประเทศได้แก่ เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยทำาการสู้รบแก่ฝา่ ยบ้านเมือง
9. บุคคลที่ไม่ได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษจากกฎหมายอาญาของไทยได้แก่ นายกรัฐมนตรีของประเทศ
สิงค์โปร์ (พระสวามีของกษัตริย์แห่งต่างประเทศ จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ประธานาธิบดีของอินโดนีเชีย
และพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ)
10. บุคคลในคณะทูตที่มาประจำา ราชสำา นักซึ่งได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ จากกฎหมายอาญาของไทย
ได้แก่ อุปทูต (ทูตวัฒนธรรม ทูตพาณิชย์ ทูตทหาร และกงสุล ไม่ได้รับการคุ้มครอง)
11. ผู้กระทำามีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรได้แก่ แดงกับดำายืมปืนของเพื่อนมาเตรียมไว้
เพื่อกระทำาการปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์
12. การกระทำาที่แดงจะมีความผิดฐานเป็นกบฏได้แก่ การที่แดงใช้ปืนจี้บังคับให้นายกรัฐมนตรีลาออกจาก
ตำาแหน่งเพราะต้องการให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
13. การพูดในที่ประชุม ซึ่งผู้พูดไม่ต้องรับผิดทางอาญาได้แก่กรณี ชักชวนมิให้ประชาชนเลิกให้ความร่วม
มือกับตำารวจในการปราบปรามอาชญากรรม
14. แดงชักชวนเพื่อนกรรมกรนัดหยุดงานเพื่อความประสงค์ ให้รัฐบาลปลดปล่อยผู้นำากรรมกรที่ถูกตำารวจ
จับกุมตัว จะมีความผิด
15. ดำา แดง เขียว ขาว ไม่พอใจนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลไทย ดำาเอาไปเผาไฟ แดงปัสสาวะรด เขียว
กระทืบ ขาวฉีกทิ้ง การกระทำาทั้งหมดทุกคนมีความผิด

หน่วยที่ 2 ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
13

1. เจ้าพนักงานเป็นบุคคลที่มีความสำาคัญยิ่งต่อการบริหารงานของรัฐ รัฐจึงต้องให้ความคุ้มครองแก่เจ้า
พนักงานไว้เป็นพิเศษ โดยบัญญัติลงโทษผู้ที่ดูหมิ่น ต่อสู้ขัดขวางหรือให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน
2. โดยที่เจ้าหน้าที่นั้นกฎหมายให้อำา นาจในอันที่จะปฏิบัติการตามหน้าที่ รัฐจึงจำา เป็นต้องควบคุม การ
ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน มิให้ใช้อำานาจไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร โดยบัญญัติลงโทษเจ้าพนักงานที่
ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ความผิดต่อเจ้าพนักงาน
1. ในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เจ้าพนักงานย่อมได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษจากการกระทำาของ
บุคคลอื่น เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การดูหมิ่น การแจ้งความเท็จ
การต่อสู้ขัดขวาง หรือการข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ย่อมมีความผิด
2. ในกรณีที่เจ้าพนักงานได้ทำาการรักษาตรา เครื่องหมาย ทรัพย์สิน หรือเอกสารใดเพื่อประโยชน์ของ
ราชการ หากผู้ใดกระทำาให้สิ่งของดังกล่าว เสียหายหรือสูญหาย ทำาลายลงผู้กระทำาย่อมมีความผิด
3. การให้สินบนแก่เจ้าพนักงานให้กระทำาการหรือไม่กระทำาการในหน้าที่ซึ่งเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่
บุคคลใดๆ ผู้กระทำาย่อมมีความผิด
4. การแสดงตนหรือการกระทำาเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำานาจกระทำาการ
นัน้ กฎหมายถือเป็นความผิด

ความผิดที่กระทำาต่อเจ้าพนักงาน
แดงเสพสุราเมามายจนครองสติไม่ได้ เดินโซเซไปตามถนน ส.ต.ต. ดำามาพบเข้า จึงจับกุมแดง แต่
แดงกลับพูดกับ ส.ต.ต. ดำาว่า “คุณแกล้งจับผม” แดงผิดหรือไม่
คำากล่าวของแดงในลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ แดงผิดตามมาตรา
136
ดำา เป็นปลัดอำา เภอ ถูกสอบสวนทางวินัยข้อหารับสินบนโดยมีดีนายอำา เภอเป็นประธานกรรมการ
สอบสวน แดงไปให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนว่าได้ทราบจากราษฎรหลายคนว่า ถูกดำาเรียกเอาเงินเวลามา
ติดต่อราชการ แต่แดงไม่ยืนยันว่าเรื่องนี้จะเท็จหรือจริง แดงผิดฐานแจ้งความเท็จหรือไม่
แดงไม่ท ราบว่าข้อ ความที่ใ ห้ก ารต่ อคณะกรรมการสอบสวนเป็ น ความเท็ จ จึ งขาดเจตนาในการ
ทำาความผิด
ตำารวจสืบทราบว่า ดำากับพวกรักรอบเล่นการพนันอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งจึงไปทำาการจับกุม ขณะตำารวจ
เข้าจับกุมดำากับพวกนั้น ดำารีบดับไฟฟ้าเพราะกลัวจะถูกจับ ทำาให้บ้านมืดไม่สะดวกแก่ตำารวจในการจับกุม และ
พวกของดำาบางคนก็สามารถอาศัยความมืดหลบหนีการจับกุมไปได้ แต่ดำาหนีไม่พ้น ถูกตำารวจตั้งข้อหาว่า ต่อสู้
ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ จงวินิจฉัยกรณีนี้

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
14

ดำา ดับไฟเพราะกลัวถูกจับ เป็นกระทำา เพียงเพื่อให้ตนเองสามารถหลบหนีการจับกุมของตำา รวจได้


ฉะนั้น เจตนาในการกระทำาของดำา จึงมิใช่เจตาที่จะต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน เมื่อดำาไม่มีเจตนาเช่นนี้ก็ยังไม่ผิด
ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา 138 กับความผิดฐานข่มขืนใจ เจ้าพนักงานให้
ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามมาตรา 139 นัน้ มีความแตกต่างกันอย่างไร
ความผิดในสองมาตรานี้มีความแตกต่างที่สำาคัญคือมาตรา 138 เป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
ซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่มาตรา 139 เป็นการบังคับข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติ
การอันมิชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ เช่นตำารวจจะจับกุมผู้ร้ายตามหน้าที่ แต่มีผู้มา
ดึงแขนตำารวจไว้ เป็นเหตุให้คนร้ายหนีไปได้ เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา 138 วรรค 2 แต่ถ้า
ทำาร้ายและขู่บังคับไม่ให้ตำารวจจับ แม้ตำารวจจะไม่กลัว และจับผู้ร้ายได้ ก็เป็นพยายามกระทำาความผิดตาม
มาตรา 139
มาตรา 136 ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำาการตามหน้าที่หรือ เพราะได้กระทำาการตามหน้าที่
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจ ทำาให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 138 ผู้ใดต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ใน
การปฏิบัติ การตามหน้าที่ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการต่อสู้หรือขัดขวางนั้นได้กระทำาโดยใช้กำาลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย ผู้
กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกิน สองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 139 ผู้ใดข่มขืนใจเจ้าพนัก งานให้ป ฏิบั ติก ารอันมิ ชอบด้ วยหน้า ที่ หรื อให้ล ะเว้นการ
ปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้ กำาลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกิน
สี่ปี หรือปรับไม่เกินแปดพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

ความผิดที่กระทำาต่อตา เครื่องหมาย ทรัพย์สิน หรือเอกสารอันเจ้าพนักงานได้ทำาหรือรักษาไว้


เจ้าพนักงานป่าไม้ประทับตราเลขประจำาต้นไม้เพื่อแสดงให้ผู้รับสัมปทานทำาป่าไม้ทราบว่า ได้
อนุญาตให้ตัดฟันต้นไม้นั้นได้ แก้วไม่ต้องการให้ผู้รับสัมปทานตัดไม้ต้นนั้น จึงใช้ขวานถากตราที่ประทับไว้
นัน้ ออกเสีย แก้วจะมีความผิดฐานทำาลายตราที่เจ้าพนักงานประทับไว้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่
ตราเลขประจำาต้นไม้ที่เจ้าพนักงานป่าไม้ประทับไว้นั้นเป็นตราประทับเพื่อรักษาต้นไม้นั้นไว้ เพื่อให้
ผู้รับสัมปทานตัดได้ การทำาลายตรานั้น จึงเป็นความผิดตามมาตรา 141
แก้วใช้ปืนยิงฟ้าตาย ตำารวจจับแก้วและสั่งให้สิงเก็บปืนของกลางไว้ แต่สิงกับเอาปืนนั้นไปวางทิ้งไว้
หน้าบ้านซึ่งมีคนเดินผ่านไปมา ทำาให้ปืนหายไป สิงจะมีความผิดหรือไม่
ปืนนั้นเป็นปืนของกลางที่จะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา และเจ้าพนักงานสั่งให้สิงรักษาไว้
การที่สิงเอาปืนไปวางทิ้งไว้หน้าบ้านทำาให้ปืนของกลางหายไป ย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 142
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
15

มาตรา 141 ผูใ้ ดถอน ทำาให้เสียหาย ทำาลายหรือทำาให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งตราหรือเครื่องหมายอันเจ้า


พนักงานได้ประทับหรือหมายไว้ที่สิ่งใด ๆ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัด หรือ
รักษาสิ่งนั้น ๆ ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่พันบาท หรือทั้งจำา ทั้งปรับ จำาคุกไม่เกิน
หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 142 ผู้ใดทำาให้เสียหายทำาลาย ซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำาให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่ง
ทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานหรือเพื่อบังคับการ
ให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่วา่ เจ้าพนักงานจะรักษา ทรัพย์ หรือเอกสารนั้นไว้เองหรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อนื่ ส่งหรือ
รักษาไว้ก็ตามต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน
แก้วถูกจับกุมในข้อหาปล้นทรัพย์ ดำาจึงไปพบเขียวบิดาของแก้วบอกว่าตนสนิทสนมกับภรรยาของ
นายอำาเภอสามารถจะวิ่งเต้นกับภรรยาของนายอำาเภอ ให้พูดกับพนักงานสอบสวนเพื่อล้มคดีได้และเรียกเงินจาก
นายเขียว 10,000 บาท เป็นค่าวิ่งเต้น ดำามีความผิดฐานเรียกทรัพย์สินเพื่อจูงใจเจ้าพนักงานหรือไม่
ไม่ผิดเพราะผู้ที่จะถูกจูงใจนัน้ มิใช่เจ้าพนักงาน
แดงให้สินบนกับเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ซึ่งประจำาอยู่ที่ศูนย์อพยพชาวเวียดนามจังหวัดสงขลา เพื่อ
ให้สั่งซื้ออาหารของแดงในราคาแพง แดงจะมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานหรือไม่
เจ้าพนักงานนั้นจะต้องเป็นเจ้าพนักงานที่รัฐบาลไทยแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการของรัฐบาล
ไทย เจ้าหน้าที่สหประชาชาติประจำาศูนย์อพยพจึงมิใช่เจ้าพนักงาน แดงไม่ผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน
จ่าสิบตำารวจขาว จับกุมเขียวขณะกำาลังขายเฮโรอีน ส่งให้พนักงานสอบสวนดำาเนินการสอบสวนแล้ว
บิดาของเขียวจึงไปพบจ่าสิบตำารวจขาวขอปล่อยตัวเขียวโดยจะให้เงินจำานวนหนึ่ง บิดาของนายเขียวจะมีความ
ผิดฐานให้สินบนหรือไม่
จ่าสิบตำา รวจขาวจับกุมเขียวส่งให้เจ้าพนักงานสอบสวนไปแล้ว การจะดำา เนินการสอบสวนหรื อ
จัดการอย่างใดต่อไปกับเขียวเป็นอำานาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน มิใช่อำานาจหน้าที่ของจ่าสิบตำารวจขาว
แล้ว บิดาของเขียวจึงไม่ผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน
มาตรา 144 ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน สมาชิก
สภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภา จังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อจูงใจให้กระทำาการไม่กระทำาการ หรือ
ประวิงการกระทำาอันมิชอบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษจำาคุกไม่ เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง
จำาทั้งปรับ

การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน
แสนบอกส้มว่าเป็นตำารวจ ขอค้นบ้านของส้มแล้วแสนก็เข้าไปในบ้านของส้มเอาปืนขู่ส้มบังคับให้ส่ง
ทรัพย์ให้ เมื่อได้ทรัพย์แล้วแสนก็หลบหนีไป แสนจะมีความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานหรือไม่
ไม่ผิด เพราะแสนยังไม่ได้กระทำาการเป็นเจ้าพนักงานด้วย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
16

มาตรา 146 ผู้ใดไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่อง หมายของเจ้าพนักงาน สมาชิก


สภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล หรือไม่มีสิทธิใช้ยศตำา แหน่ง เครื่องราช
อิสริยาภรณ์หรือสิ่งที่หมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กระทำาการเช่นนั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพับาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

ความผิดต่อตำาแหน่งหน้าที่ราชการที่กระทำาโดยทุจริต
1. เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยุติธรรม หากเบียดบังเอาทรัพย์
ที่ตนได้มาหรือถือไว้เพื่อจัดการตามหน้าที่ กฎหมายถือเป็นความผิด
2. ในกรณีที่เจ้าพนักงานใช้อำานาจในตำาแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลอื่นมอบให้
หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น กฎหมายถือเป็นความผิดแม้ยัง
มิได้มอบทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นแก่กันก็เป็นความผิดสำาเร็จแล้ว
3. เจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำา หรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิ
ชอบ เพื่อกระทำาการหรือไม่กระทำาการอย่างใดในตำาแหน่งของตนไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบ
ด้วยหน้าที่ ย่อมมีความผิดแม้ยังมิได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นดังกล่าว กฎหมายก็ถือเป็นความ
ผิดสำาเร็จแล้ว
4. ในบางกรณีความผิดสำาเร็จเมื่อผู้นั้นได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงาน และได้กระทำาการหรือไม่กระทำา
การในตำาแหน่งโดยเห็นแก่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดซึ่งตนได้เรียก รับ หรือยอมจะรับไว้ก่อนที่
ตนจะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานในตำาแหน่งนั้น
5. เจ้าพนักงานผู้ใดที่อาศัยตำาแหน่งหน้าที่ที่ตนมีเกี่ยวกับทรัพย์อันใดอันหนึ่ง หาผลประโยชน์อื่นนอก
เหนือจากการเอาทรัพย์นั้น ย่อมมีความผิด
6. เจ้าพนักงานผู้ใดมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด หากได้เข้ามีส่วนได้เสียประโยชน์ สำาหรับตนเอง
หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ย่อมมีความผิด
7. เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่จ่ายทรัพย์ ถ้าได้จ่ายทรัพย์นั้นเกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์ของตนเอง
หรือผู้อื่น กฎหมายถือเป็นความผิด
8. เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เรียกเก็บ หรือตรวจสอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใด รวมทั้งเจ้า
พนักงานที่ไม่มีหน้าที่ดังกล่าว แต่ได้แสดงตนว่ามีหน้าที่เช่นว่านั้น หากไม่เรียกเก็บเพื่อไม่ให้ผู้เสีย
ภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมต้องเสีย หรือเรียกเก็บน้อยไปกว่าที่เขาพึงจะต้องเสีย ย่อมมีความผิด
9. เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่กำาหนดราคาทรัพย์สินหรือสินค้าเพื่อเรียกเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมตาม
กฎหมาย ถ้าได้กระทำาเพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมนั้นไม่ต้องเสียหรือเสียน้อย
ไปกว่าที่พึงจะต้องเสีย ย่อมมีความผิด
10. เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีตามกฎหมาย หากได้กระทำา การใดเพื่อไม่ให้มีการเสียภาษี
อากรหรือค่าธรรมเนียมหรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสียย่อมมีความผิด

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
17

11. เจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้


หนึ่งผู้ใด หรือโดยทุจริต ย่อมมีความผิด

เจ้าพนักงานยักยอก
แดงรับราชการในตำาแหน่งผู้ช่วยพยาบาล ดำาเป็นลูกจ้างรายวัน ทำางานในโรงพยาบาลเดียวกัน แดง
มีหน้าที่จำาหน่ายยาแก่คนไข้ ดำามีหน้าที่เก็บรักษาเงินค่าจำาหน่ายไว้เพื่อส่งให้แก่เจ้าหน้าที่การเงินด้วย แดงและ
ดำา ขายยาได้เงินทั้งสิ้น 30,000 บาท แต่ได้ร่วมกันทำา สำา เนาใบเสร็จรับเงินว่าขายได้เงิน 20,000
บาท และนำา เงินจำานวนนี้ส่งแก่เจ้าหน้าที่การเงิน ส่วนเงินค่าขายยาอีก 10,000 บาท แดงและดำาแบ่งกัน
คนละครึ่ง แดงและดำามีความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกหรือไม่
แดงรับราชการในตำาแหน่งผู้ช่วยพยาบาลจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย แต่แดงไม่มีหน้าที่เก็บรักษา
เงินจึงไม่ผิดตามาตรา 147 เพราะความผิดตามมาตรานี้ผู้กระทำาความผิดต้องมีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงิน
นัน้ เมื่อไม่มีหน้าที่เช่นนี้ ก็ไม่ผิด (แต่แดงผิดฐานยักยอกตามมาตรา 352)
มาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำา จัดการ หรือ รักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้น
เป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ต้องระวาง โทษจำาคุก
ตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่น เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบัง
เอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคล ที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำาความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษ จำาคุกไม่
เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำาความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำาคัญผิด
ไปด้วยประการใดหรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำาความผิดเก็บได้ผู้กระทำาต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง

ใช้อำานาจในตำาแหน่งข่มขืนใจเอาทรัพย์
ดำา ผู้ใหญ่บ้านและแก้วกับเขียว ราษฎร แกล้งจับแดงหาว่าลักโค และพูดว่าถ้าไม่อยากรำาบากก็หาเงิน
มาให้ 500 บาท จะปล่อยตัวไป แดงปฏิเสธและไม่ยอมให้เงินตามที่ถูกเรียก ดังนี้ ดำา แก้ว เขียว จะมีความผิด
หรือไม่
ดำา ผิด ฐานเจ้าพนักงานใช้อำานาจในตำาแหน่งโดยมิชอบ ตามมาตรา 148 เพราะเป็นการแกล้งจับ
โดยไม่ปรากฏว่าได้มีการกระทำาผิด แม้แดงจะไม่ยอมให้เงินตามที่ถูกเรียกเก็บก็เป็นความผิดสำาเร็จแล้ว
แม้ แก้วกับเขียวจะร่วมกับดำา แกล้งจับ แดง แต่แ ก้วและเขียวเป็นราษฎรจึงไม่อาจเป็นตั วการร่ว ม
กระทำาผิดตามมาตรา 148 ได้ แก้วและเขียวจึงผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ตามมาตรา 86
มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำา นาจในตำา แหน่งโดย มิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้
บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ ซึ่ง ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษ จำาคุกตั้งแต่
ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
18

มาตรา 86 ผู้ใดกระทำาด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่น


กระทำา ความผิด ก่อนหรือขณะกระทำา ความผิด แม้ผู้กระทำา ความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความ
สะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้น เป็นผู้สนับสนุนการกระทำาความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำาหนด
ไว้สำาหรับความผิดที่ สนับสนุนนั้น

เรียก รับ หรือยอมจะรับสินบน


ความผิดตามมาตรา 148 และมาตรา 149 มีข้อแตกต่างกันอย่างไร
มาตรา 148 เป็นเรื่องเริ่มต้นด้วยการใช้อำานาจในตำาแหน่งโดยมิชอบก่อน แล้วเรียกทรัพย์ เช่น ผู้
ถูกจับมิได้กระทำาผิด แต่แกล้งจับเขา แล้วเรียกทรัพย์สินหรือประโยชน์
มาตรา 149 เป็นเรื่องของการใช้อำานาจในตำาแหน่งโดยชอบ แล้วเรียกเอาทรัพย์ เช่น ผู้ถูกจับเป็นผู้
กระทำาผิดจริง และผู้จับก็จับตามอำานาจหน้าที่โดยชอบแล้วเรียกทรัพย์หรือประโยชน์เพื่อปล่อยตัว
มาตรา 148 จำากัดเฉพาะการเรียกทรัพย์สินหรือประโยชน์ ส่วนมาตรา 149 รวมถึงการรับหรือ
ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ด้วย
มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิก
สภาเทศบาล เรียก รับหรือยอมจะ รับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำาหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ หรือ
กระทำาการหรือไม่กระทำาการอย่างใด ในตำาแหน่งไม่ว่าการนั้น จะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษจำา
คุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือ ประหารชีวิต

เรียกสินบนก่อนรับตำาแหน่ง
นายดาบตำารวจแดงสอบได้เลื่อนยศตำารวจเป็นชั้นสัญญาบัตร แต่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง ได้เรียกเงิน
จากขาวโดยพูดว่า เมื่อตนได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวนแล้ว ตนจะช่วยเหลือขาวในเรื่องคดี ขาวจึง
มอบเงินจำานวนหนึ่งให้ไป ต่อมานายดาบตำารวจแดงได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวน และได้กระทำาตาม
ที่พูด ถามว่า ร.ต.ต. แดง (ยศใหม่) มีความผิดหรือไม่ อย่างไร
ร.ต.ต. แดง เป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีอำานาจในการสอบสวน ได้เรียกเงินจากขาวไว้ก่อนที่ตนจะได้รับ
แต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวน เพื่อจะช่วยเหลือขาวในเรื่องคดี ความผิดย่อมเกิดขึ้นสำาเร็จแล้วเมื่อได้รับแต่งตั้ง
ให้มีอำานาจสอบสวนและได้กระทำาการหรือไม่กระทำาการในตำาแหน่ง เพื่อช่วยเหลือให้ขาวไม่ต้องถูกดำาเนินคดี
ร.ต.ต. แดง จึงมีความผิดตามมาตรา 150
มาตรา 150 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน กระทำาการหรือไม่กระทำาการ อย่างใดในตำาแหน่งโดยเห็นแก่
ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดซึ่งตน ได้เรียก รับ หรือยอมจะรับไว้ก่อนที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงาน ใน
ตำา แหน่งนั้น ต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจำา คุก ตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่
หมื่นบาท

ใช้อำานาจในตำาแหน่งโดยทุจริต
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
19

ความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกตามมาตรา 147 แตกต่างจากความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำานาจ


ในตำาแหน่งโดยทุจริต ตามมาตรา 151 อย่างไร
ความผิดตามมาตรา 147 เป็นการเบียดบังเอาตัวทรัพย์ที่ซื้อ ทำา จัด การหรือ รัก ษานั้นเป็นของ
ตนเองหรือของผู้อื่น ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือยักยอกทรัพย์ในหน้าที่นั่นเอง
ความผิดตามมาตรา 151 มิใช่เรื่องยักยอกหรือเบียดบังตัวทรัพย์ในหน้าที่ของตน หากเป็นการ
อาศัยตำาแหน่งหน้าที่ที่ตนมีเกี่ยวกับทรัพย์อันใดอันหนึ่ง หาประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเอาทรัพย์นั้น
มาตรา 151 ผู้ใดเป็น เจ้า พนัก งานมี หน้า ที่ ซื้อ ทำา จั ด การหรื อ รั ก ษาทรั พย์ ใ ด ๆ ใช้อำา นาจใน
ตำาแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการ เสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำา คุก
ตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำาคุกตลอดชีวิต และ ปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

เข้ามีส่วนได้เสียในกิจการในหน้าที่
แสวงเป็นอาจารย์ประจำา โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้มอบหมายให้เป็นผู้จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์สำา หรับใช้ใน
ห้องประชุมโรงเรือน แสวงถือโอกาสไปซื้อของจากร้านค้าของภริยาของตน โดยคิดว่าซื้อของร้านไหนๆ ก็ราคา
เหมือนกัน และยังจะได้ช่วยเหลือภริยาของตนด้วย ในกรณีดังกล่าว แสวงมีความผิดหรือไม่ อย่างไร
กรณีตามข้อเท็จจริง แสวงเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการซื้อวัสดุอุปกรณ์สำาหรับใช้ในห้องประชุม
ของโรงเรียน การที่แสวงถือโอกาสซื้อของจากร้านค้าของภริยาของตนโดยมุ่งหวังจะช่วยเหลือภริยา จึงเป็นการ
เข้ามีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำาหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น แสวงจึงมีความผิดตามมาตรา
152
มาตรา 152 ผู้ ใ ดเป็ น เจ้ า พนั ก งาน มี ห น้ า ที่ จั ด การหรื อ ดู แ ล กิ จ การใด เข้ า มี ส่ ว นได้ เ สีย เพื่ อ
ประโยชน์สำาหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับ
ตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

จ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่าย
ดำาเป็นข้าราชการได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่รับประมูลซื้อเครื่องพิมพ์ดีดสำาหรับใช้ในราชการ แดงเข้า
ประมูลขายเครื่องพิมพ์ดีดด้วย และตกลงกับดำาว่าถ้าประมูลได้จะให้ดำาไปทัศนาจรทวีปยุโรปกับบริษัท นำาเที่ยว
โดยจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง ดำาจึงจัดการช่วยให้แดงประมูลขายเครื่องพิมพ์ดีดได้ แต่ภายหลังจากนั้นแดงก็
เพิกเฉยไม่ดำาเนินการให้ดำาไปทัศนาจรตามที่สัญญาไว้ให้วินิจฉัยการกระทำาของดำาว่าผิดหรือไม่
ดำาผิดตามมาตรา 152 เพราะดำามีหน้าที่จัดการดูแลการกระมูลซื้อเครื่องพิมพ์ดีด แต่เข้ามีส่วนได้
ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำาหรับตนเองในกิจการนั้น

เรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บภาษีอากรโดยทุจริต
ความผิดตามมาตรา 154 แตกต่างจากความผิดตามมาตรา 147 อย่างไร

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
20

ข้อแตกต่างของมาตรา 154 และมาตรา 147 อยู่ที่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจ


สอบภาษีอากรค่ าธรรมเนี ย มหรื อ เงิน อื่ น ใดตามมาตรา 154 นั้นได้เ รี ย กเก็ บ เกิ นจำา นวน ที่ ต้ อ งเสีย ตาม
กฎหมายแล้วเอาส่วนที่เกินเป็นประโยชน์ส่วนตน รวมทั้งกระทำาการหรือไม่กระทำาการอย่างใดเพื่อให้ผู้มีหน้าที่
เสียภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมมิต้องเสียหรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสีย แต่มาตรา 147 เป็นกรณีเจ้า
พนักงานผู้มีหน้าที่เรียกเก็บนั้น ได้เรียกเก็บตามอัตรา ในกฎหมาย แล้วเอาเงินที่เรียกเก็บนั้นไป จึงมีความผิด
ฐานเจ้าพนักงานยักยอกตามมาตรา 147 ไม่ใช่มาตรา 154
มาตรา 154 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่หรือแสดงว่าตนมีหน้าที่ เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษี
อากร ค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใด โดย ทุจริตเรียกเก็บหรือละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียมหรือ เงิน
นั้นหรือกระทำาการหรือไม่กระทำาการอย่างใดเพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสีย ภาษีอากร หรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้องเสีย
หรือเสียน้อยไปกว่าที่ จะต้องเสีย ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำาคุกตลอด ชีวิต และปรับตั้งแต่
สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

กำาหนดราคาทรัพย์สินหรือสินค้าโดยทุจริต
แห้ว ต้องการจะเสียภาษีที่ดินของตน จึงไปถามกำานันห้าว ขอให้ช่วยกำาหนดราคาที่ดินเพื่อเสียภาษี
ซึ่งกำานันห้าว ก็ตีราคาที่ดินและกำาหนดจำา นวนเงินเสียภาษีที่ดินให้แห้ว แต่เมื่อแห้วไปถึงที่ว่าการอำาเภอ กลับ
ปรากฏว่าราคาที่ดินที่กำาหนดนั้นตำ่ากว่าที่ทางอำาเภอกำาหนดไว้ จงวินิจฉัยความรับผิดของห้าว
ห้าว มีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน แต่ไม่มีหน้าที่กำาหนดราคาที่ดินเพื่อเรียกเก็บภาษีอากร จึงไม่มีความผิด
ฐานใดแม้จะได้กำาหนดราคาที่ดินให้ แห้ว ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษี เสียน้อยไปกว่าที่ต้องเสีย แต่คำา พูดดังกล่าวเป็น
เพียงคำาแนะนำาซึ่งไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด

ตรวจสอบบัญชีโดยทุจริต
แดงเป็นพนักงานเทศบาล มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวกับการเสียภาษีอากร เมื่อตรวจพบว่าผู้ใด
มิได้เสียภาษีก็จะต้องแนะนำาให้ยื่นแบบประเมินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไป แดงตรวจพบว่าดำายังมิได้เสียภาษี
โรงเรือนจึงบอกดำาว่า ถ้าดำาไม่ต้องการจะมีเรื่องยุ่งยากก็ต้องเอาเงินให้ตน 1,000 บาท ดำาก็ยอมให้เงินแก่
แดงไป แดงจึงไม่รายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ให้เรียกเก็บภาษีจากดำา แดงจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
แดงเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวกับการเสียภาษีอากร ละเว้นไม่รายงานเรื่องที่ดำายัง
มิได้เสียภาษีโรงเรือนต่อเจ้าหน้าที่ โดยเรียกเก็บค่าตอบแทนจากดำา จึงเป็นการละเว้นไม่กระทำาการตามกฎหมาย
โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อมิให้ดำาผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีไม่ต้องเสียภาษี แดงมีความผิดตามมาตรา 156
มาตรา 156 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีตาม กฎหมาย โดยทุจริต แนะนำา หรือ
กระทำาการหรือไม่กระทำาการ อย่างใด เพื่อให้มีการละเว้นการลงรายการในบัญชี ลงรายการเท็จ ในบัญชี แก้ไข
บัญชีหรือซ่อนเร้นหรือทำาหลักฐานในการลงบัญชีอันจะเป็นผลให้การเสียภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้อง
เสีย หรือเสียน้อยกว่าที่จะต้องเสียต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือ จำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่
สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
21

การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
อธิบายความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
ความผิด ตามมาตรา 157 จะต้ อ งเป็น การปฏิ บัติ หรือ ละเว้ น การปฏิ บั ติ ซึ่ งอยู่ ใ นหน้ า ที่ข องเจ้ า
พนักงานนั้นเองโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต ถ้าเป็นการกระทำานอกหน้าที่
ไม่ผิดมาตรานี้
แดงเป็นพัศดีเรือนจำา ดำาเป็นผู้คุม ดำาคุมนักโทษไปทำางานนอกเรือนจำา แล้วนักโทษหลบหนีไป ดำาจึง
รายงานให้แดงทราบ แดงให้ปกปิดไว้ก่อนเพื่อติดตามตัว เมื่อติดตามไม่ได้ แดงและดำา ก็ ปกปิด เรื่ อ งไว้ไ ม่
รายงานต่อผู้บัญชาการเรือนจำาตามระเบียบ แดงและดำาจะมีความผิดหรือไม่
การที่แดงและดำาซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาการเรือนจำาตามระเบียบใน
กรณีมีนักโทษหลบหนี แต่กลับปกปิดเรื่องนี้ไว้ ถือว่าแดงและดำามีความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น
การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157
ร.ต.ท. เหลืองเป็นพนักงานสอบสวน ทำาการสอบสวนเขียวผู้ต้องหาคดีปล้นทรัพย์ ร.ต.ท. เหลือง
พยายามพูดโน้มน้าวให้เขียวรับสารภาพ ร.ต.ท. เหลืองอารมณ์เสียจึงใช้ก้นบุหรี่ที่ยังมีไฟอยู่ จี้ที่แขนของเขียว
ดังนี้การกระทำาของ ร.ต.ท. เหลืองจะมีความผิดตามมาตรา 157 หรือไม่
การที่ ร.ต.ท. เหลืองใช้ก้นบุหรี่ที่ยังมีไฟอยู่จี้ที่แขนของเขียวเพื่อให้เขียวยอมรับสารภาพ ถือเป็นการ
ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อเขียว จึงมีความผิดตามมาตรา 157
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความ
เสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึง
สิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำาทั้งปรับ

ความผิดต่อตำาแหน่งหน้าที่ราชการแต่ไม่ถึงกับกระทำาโดยทุจริต
1. เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาทรัพย์หรือเอกสารใด หากมีเจตนาทำาให้เสียหาย ทำาลาย ซ่อนเร้นเอาไปเสีย
ทำาให้สญู เสียหรือทำาให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์หรือเอกสารดังกล่าว ย่อมมีความผิดแม้ไม่มีเจตนาทุจริต
2. เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ดูแล รักษาทรัพย์หรือเอกสารที่มีตราหรือเครื่องหมายประทับหรือหมายไว้เพื่อ
เป็นหลักฐานในการยึดหรือหลักฐานในการยึดหรือรักษาสิ่งนัน้ ถ้าได้กระทำาให้ตราหรือเครื่องหมายดัง
กล่าวเสียหายไม่ว่าจะกระทำาเองหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำา กฎหมายถือเป็นความผิด
3. เจ้าพนักงานผู้มีหน้ารักษาหรือใช้ดวงตราหรือรอยตราของราชการหรือของผู้อื่น ถ้าได้ใช้ดวงตราหรือ
รอยตรานั้นจนอาจทำาให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย กฎหมายถือเป็นความผิด
4. กรณีเจ้าพนักงานปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่กฎหมายถือเป็นความผิด
5. เจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำาเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความในเอกสาร ถ้าได้ทำาเอกสารเท็จ กฎหมาย
ถือเป็นความผิด

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
22

6. ในบางกรณี กฎหมายมุ่งคุ้มครองรักษาประโยชน์ของเอกชนหรือผู้ที่ใช้บริการไปรษณีย์ โทรเลข หรือ


โทรศัพท์ โดยบัญญัติห้ามพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกิจการดังกล่าวเปิดเผยข้อความหรือทำา ให้
จดหมายหรือสิ่งอื่นที่ส่งทางไปรษณีย์ โทรเลข หรือโทรศัพท์เสียหายหรือสูญหาย
7. ในบางกรณี กฎหมายมุ่งคุ้มครองรักษาประโยชน์ของทางราชการโดยบัญญัติห้ามเจ้าพนักงานที่รู้หรือ
อาจรู้ความลับของทางราชการ กระทำาการใดๆ ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับนั้น
8. ในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือคำา สั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย หากเจ้าพนักงานป้องกันหรือขัด
ขวางการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวย่อมมีความผิด
9. เจ้าพนักงานละทิ้ งงานหรือกระทำา ให้งานหยุดหรือเสียหาย หรือกระทำา ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน
กฎหมายแผ่นดิน หรือเพื่อบังคับรัฐบาล หรือเพื่อข่มขู่ประชาชนย่อมมีความผิด

ทำาให้เสียหายซึ่งทรัพย์หรือเอกสาร
ดำาเป็นลูกจ้างกรมสรรพกร ทำาหน้าที่ยามรักษาการณ์ ดำาไม่พอใจที่ถูกอธิบดีตำาหนิ จึงแอบใช้มีดกรีด
ตัวถังรถประจำาตำาแหน่งอธิบดี ทำาให้ตัวถังรถมีรอยขีดหลายแห่ง ดำาผิดตามมาตรา 158 หรือไม่
ดำาเป็นลูกจ้างประจำา จึงมิใช่เจ้าพนักงาน ไม่อาจกระทำาผิดตามมาตรา 158 ได้ แต่ดำาก็มีความผิด
ฐานทำาให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 358
มาตรา 358 ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลาย ทำาให้เสื่อมค่าหรือทำาให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น
หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำาความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

ทำาให้เสียหายซึ่งตราหรือเครื่องหมาย
แดงเป็นอาจารย์ประจำาโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดูแลรักษาข้อสอบของโรงเรียน
ซึ่งถูกเก็บไว้ในตู้ที่ได้รับการประทับตราและลงชื่อกำากับไว้ที่บานประตูตู้ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเปิดตู้ออกก่อนถึง
วันเวลาสอบไล่ ดำาซึ่งเป็นเพื่อนรักของแดงอยากให้ลูกของตนสอบไล่ได้ จึงไปขอร้องแดงให้เปิดตู้เก็บข้อสอบ
เพื่อจะดูข้อสอบบางวิชา แดงยินดีให้ดำาเปิดตู้ดูข้อสอบได้ การกระทำาของแดงจะเป็นความผิดตามมาตรา 159
หรือไม่อย่างไร
แดงเป็นเจ้าพนักงานผู้ดูแลรักษาเอกสารของทางราชการ เมื่อแดงยินยอมให้ดำา เปิดตู้ดูข้อสอบของ
โรงเรียน จึงเป็นการกระทำาอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยการทำาลายตราหรือเครื่องหมายที่ได้ประทับหรือหมายไว้ที่
ทรัพย์เพื่อเป็นหลักฐานในการรักษาสิ่งนัน้ แดงจึงมีความผิดตามมาตรา 159
มาตรา 159 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ดูแล รักษาทรัพย์ หรือเอกสารใด กระทำาการอันมิชอบ
ด้วยหน้าที่ โดยถอน ทำาให้ เสียหายทำาลายหรือทำาให้ไร้ประโยชน์ หรือโดยยินยอมให้ผู้อื่นกระทำา เช่นนั้น ซึ่ง
ตราหรือเครื่องหมาย อันเจ้าพนักงานได้ประทับหรือหมาย ไว้ที่ทรัพย์หรือเอกสารนั้นในการปฏิบัติตามหน้าที่
เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดหรือรักษาสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
23

ใช้ดวงตราหรือรอยตราโดยมิชอบ
แดงมีตำาแหน่งเป็นผู้ช่วยป่าไม้จังหวัด แดงประทับตราประจำาตัวของตนเองและประทับตราค่า ภาค
หลวงอันเป็นตราของทางราชการ ซึ่งแดงมีหน้าที่รักษาและใช้ตามอำานาจหน้าที่ที่ไม้ของกลางซึ่งเป็นไม้ที่ไม่ได้
รับอนุญาตให้ตัดและฝ่าฝืนระเบียบของกรมป่าไม้ โดยมิได้ประทับตราประจำาตัวพร้อมเลขเรียงลำาดับท่อนภาค
หลวงของไม้ท่อนที่ตัดทอนจากตอนั้น และเลขปี พ.ศ. ที่ประทับตรา ไว้ที่หน้าตัดของตอไม้ทุกตอ ให้วินิจฉัย
ความรับผิดของแดงกรณีตามปัญหานี้แดงจะอ้างว่าตนได้กระทำาไปโดยสุจริตหรือกระทำาไปด้วยความสำาคัญผิด
ได้หรือไม่
แดงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาหรือใช้ดวงตราหรือรอยตราของทางราชการ และได้ใช้
ดวงตราหรือรอยตรานั้นโดยมิชอบทำาให้กรมป่าไม้เสียหาย จึงมีความผิดตามมาตรา 160 เพราะการที่แดง
ประทับตราฝ่าฝืนระเบียบดังกล่าวของกรมป่าไม้ที่วางไว้เพื่อป้องกันการลักลอบตัดไม้อื่นแล้วนำามาสวยรอยอ้าง
ว่าเป็นไม้ที่เจ้าพนักงานได้ตรวจสอบคัดเลือกอนุญาตให้ตัดนั้น เป็นการกระทำาโดยมิชอบด้วยหน้าที่ แดงย่อม
เล็งเห็นผลเสียหายของการกระทำานั้น และก็ได้เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว แดงจะอ้างว่ากระทำาไปโดยสุจริตหรือ
กระทำาไปด้วยความสำาคัญผิดหาได้ไม่ ต้องถือว่าแดงมีเจตนากระทำาความผิด
มาตรา 160 ผูใ้ ดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาหรือใช้ดวงตรา หรือรอยตราของราชการหรือของ
ผู้อื่น กระทำาการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้ดวงตราหรือรอยตรานั้น หรือโดยยินยอมให้ผู้อื่นกระทำาเช่นนั้น ซึ่ง
อาจทำาให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง
จำาทั้งปรับ

ปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสทีม่ ีหน้าที่
แดงเป็นพนักงานเทศบาล มีหน้าที่ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ดำายื่นขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร
โดยไม่เว้นระยะห่างแนวเขตที่ดิน 50 ซ.ม. แดงออกใบอนุญาตให้ดำาปลูกสร้างได้ตามคำาขอ และดำารับใบ
อนุญาตไปแล้ว ต่อมามีผู้ร้องเรียนเรื่องนี้ขึ้นกล่าวหาว่าแดงกระทำาโดยทุจริต แดงจึงเรียกใบอนุญาตนั้นคืนไป
จากดำา แล้วทำา ใบอนุญาตขึ้นใหม่ทั้งฉบับ ไม่อนุญาตให้ดำา ปลูกสร้างโดยไม่เว้นระยะห่างแนวเขตที่ดิน 50
ซ.ม. เอกสารใบอนุญาตนี้ลงเลขที่ และวันเดือนปีตรงกับเอกสารใบอนุญาตเดิม แล้วเอาใบอนุญาตเดิมออก
จากแฟ้มเรื่องเอาใบอนุญาตใหม่เก็บไว้แทน แดงผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมเอกสารตามมาตรา 161 หรือไม่
เป็นการปลอมแปลงเอกสารตาม มาตรา 161 เพราะแม้เอกสารฉบับแรกจะเป็นของแดงทำาขึ้นเอง
ตาม อำานาจหน้าที่ที่จะออกเอกสารนั้นได้ก็ตาม แต่เอกสารนี้ไปอยู่ในความครอบครองของดำา แล้ว การที่แดง
เรียกเอาเอกสารกลับคืนมาและทำาเอกสารขึ้นใหม่ทั้งฉบับเนื่องจากแดงหมดอำานาจที่จะแก้ไขเอกสารนั้นแล้ว
มาตรา 161 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำาเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษา
เอกสารกระ ทำาการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี และปรับ
ไม่เกินสองหมื่นบาท

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
24

รับรองหรือกรอกข้อความลงในเอกสารอันเป็นเท็จ
ร.ต.ท. ขาว จับกุมเขียว ที่บ้านของเขียว แล้วไปทำาบันทึกจับกุมที่สถานีตำารวจ โดยเขียนว่าบันทึก
นั้นได้ทำาขึ้นที่บ้านเขียว ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะความจริงทำาที่สถานีตำารวจ ส่วนข้อความอื่นในบันทึกถูกต้อง
ตรงตามความเป็นจริง นอกจากสถานที่ที่ทำาบันทึกเท่านั้น ร.ต.ท. ขาว ผิดฐานกรอกข้อความเท็จตามมาตรา
162 หรือไม่
การที่ ร.ต.ท. ขาวทำา บันทึกการจับกุมที่สถานีตำา รวจ แม้ระบุว่าทำา ที่บ้านซึ่งจับกุมเขียวก็ตาม แต่
ข้อความอื่นตรงกับความจริง เพียงเท่านี้ยังไม่ถือได้ว่า ร.ต.ท. ขาว กรอกข้อความเท็จลงในเอกสารอันเป็น
ความผิดตามมาตรา 162
มาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำาเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร
กระทำาการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการ ตามหน้าที่
(1) รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำาการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำา ต่อหน้าตนอัน
เป็นความเท็จ
(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มี การแจ้ง
(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจด เปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น หรือ
(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ ความจริงอันเป็นความเท็จ
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

พนักงานไปรษณีย์โทรเลข หรือโทรศัพท์กระทำามิชอบ
สมศักดิ์เป็นพนักงานขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย มีหน้าที่ควบคุมการติดต่อสายโทร ศัพท์
ได้แอบดักฟัง และบันทึกเทปเสียงการสนทนาของประธานบริษัทรุ่งกิจกับประธานบริษัทรวยกิจทั้งนี้เนื่องจาก
ทราบว่าบริษัททั้งสองกำาลังแข่งขันกันทางการค้ากับบริษัทจนกิจสมศักดิ์ได้เสนอเทปเสียงดังกล่าวต่อประธาน
บริษัทจนกิจเพื่อแลกกับเงินจำานวนหนึ่ง เมื่อเป็นที่ตกลงกันแล้ว สมศักดิ์ได้นำาเทปเสียงมาเปิดให้ประธานบริษัท
จนกิจฟังแต่ปรากฏว่าการสนทนาในเทปเสียงนั้นเป็นเรื่องทั่วๆไปไม่ใช่เรื่องทางการค้าที่กำา ลังแข่งขันกันอยู่
ประธานบริษัทจนกิจจึงไม่ยอมรับเทปเสียงนัน้ และไม่ยอมจ่ายเงินให้สมศักดิ์ ให้วินิจฉัยความรับผิดของสมศักดิ์
กรณีตามข้อเท็จจริงถือว่า สมศักดิ์มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการต่อสายโทรศัพท์การที่สม
ศักดิ์แอบบันทึกเทปเสียงการสนทนาระหว่างประธานบริษัทรุ่งกิจกับประธานบริษัทรวยกิจ แล้วนำา ไปเปิดให้
ประธานบริษัทจนกิจฟัง ถือว่าเป็นการกระทำาอันมิชอบด้วยหน้าที่ แม้สมศักดิ์จะไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทน
และไม่ได้ทำาให้ผู้ใดเสียหายก็ตาม สมศักดิ์ก็ต้องรับผิดตามมาตรา 163
มาตรา 163 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ในการไปรษณีย์โทรเลข หรือโทรศัพท์ กระทำาการอันมิ
ชอบด้วยหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) เปิด หรือยอมให้ผู้อื่นเปิด จดหมายหรือสิ่งอื่นที่ส่งทาง ไปรษณีย์โทรเลขหรือโทรศัพท์ กระทำา
การอันมิชอบด้วยหน้าที่ดังต่อไปนี้

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
25

(2) ทำาให้เสียหาย ทำาลาย ทำาให้สูญหาย หรือยอมให้ผู้อื่นทำาให้เสีย หาย ทำาลายหรือทำาให้สูญหาย


ซึ่งจดหมายหรือสิ่งอื่นที่ส่งทางไปรษณีย์ หรือโทรเลข
(3) กักส่งให้ผิดทางหรือส่งให้แก่บุคคลซึ่งรู้ว่ามิใช่เป็นผู้ควรรับซึ่งจดหมายหรือสิ่งอื่นที่ส่งทาง
ไปรษณีย์หรือโทรเลข หรือ
(4) เปิดเผยข้อความที่ส่งทางไปรษณีย์ ทางโทรเลขหรือทาง โทรศัพท์
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

กระทำาให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับในราชการ
นายชมเป็นข้าราชการประจำาศาลากลางจังหวัด ทำางานในตำาแหน่งพนักงานพิมพ์ดีด ผู้บังคับ บัญชามี
คำาสั่งให้พิมพ์ดีดหนังสือราชการส่งถึงหน่วยงานต้นสังกัดโดยมีข้อความรายงานการดำาเนินงานทั่วไปของหน่วย
งานเสนอต่อผู้บังคับบัญชาระดับเหนือหนังสือดังกล่าวถูกส่งออกโดยมีตราประทับไว้ที่หัวกระดาษ และที่ซอง
ใส่หนังสือว่า “ลับ” นายชมได้เล่าเรื่องเนื้อความในหนังสือนั้นให้นายเชยฟัง โดยไม่รู้ว่าหนังสือฉบับดังกล่าว
เป็นหนังสือลับ นายชมจะมีความผิดตามมาตรา 164 หรือไม่
นายชมเป็นข้าราชการจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ได้รู้ความลับในหนังสือราชการ เนื่องจากเป็นผู้พิมพ์
หนังสือดังกล่าว การที่นายชมได้เล่าเรื่องเนื้อความในหนังสือราชการอันเป็นความลับให้นายเชยฟัง นายชมไม่
ได้มีเจตนาและไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่ตนกระทำาให้ผู้อื่นล่วงรู้นั้นเป็นความลับทางราชการ นายชมจึงไม่มีความผิดตาม
มาตรา 164
มาตรา 164 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน รู้หรืออาจรู้ความลับในราชการ กระทำาโดยประการใด ๆ อันมิ
ชอบด้วยหน้าที่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับนั้น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ
ทั้งจำาทั้งปรับ

ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย
คนร้ายกระชากสร้อยคอเจ้าทรัพย์ในตลาด เจ้าทรัพย์จึงร้องขอให้พลตำารวจขาว ซึ่งอยู่ ณ ทีน่ ั้น ช่วยจับ
คนร้าย พลตำารวจขาวไม่จับและบอกให้คนร้ายหลบหนีไป พลตำารวจขาวจะมีความผิดฐานใด
พลตำา รวจขาว เป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำา ผิดกฎหมาย แต่ไม่จับคนร้ายกับบอกให้
คนร้ายหลบหนีไป จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์
เป็นความผิดตามมาตรา 157 ไม่ใช่ความผิดตามมาตรา 165 เนื่องจากว่า แม้พลตำา รวจขาวจะมีหน้าที่
ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายแต่ละเว้นไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไป
ตามกฎหมาย
มาตรา 165 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไป ตามกฎหมายหรือคำาสั่งซึ่งได้สั่ง
เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายหรือคำา สั่งนั้น ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือ ทั้งจำาทั้งปรับ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
26

ละทิ้งงานหรือกระทำาเพื่อให้งานหยุดชะงักหรือเสียหาย
ข้าราชการในกองหนึ่งไม่พอใจผู้อำา นวยการกองที่ทำา งานเอาแต่ใจตัวเองไม่ฟังความเห็นผู้อื่น ใคร
ทำางานไม่ถูกใจก็ตำาหนิติเตียนอย่างรุนแรง ทำาให้บรรดาข้าราชการอึดอัดใจในการทำางานมาก ข้าราชการจำานวน
20 คน ในกองจึงหยุดงานเข้าพบอธิบดี เพื่อขอให้พิจารณาย้ายผู้อำานวยการกองผู้นั้น ข้าราชการดังกล่าวจะมี
ความผิดตามมาตรา 166 หรือไม่
ไม่ผิด เพราะไม่ได้กระทำาโดยมีความมุ่งหมายที่จะให้งานหยุดชะงักหรือเสียหาย แต่กระทำาเพื่อให้มี
การย้ายผู้บังคับบัญชาของตน
มาตรา 166 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานละทิ้งงานหรือกระทำาการอย่าง ใด ๆ เพื่อให้งานหยุดชะงักหรือ
เสียหาย โดยร่วมกระทำาการเช่นนั้น ด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่
เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าความผิดนั้น ได้กระทำาลงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมาย แผ่นดิน เพื่อบังคับรัฐบาลหรือ
เพื่อข่มขู่ประชาชน ผู้กระทำาต้องระวาง โทษจำาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

แบบประเมินผลตนเอง หน่วยที่ 2

1. บุคคลที่มิใช่เจ้าพนักงานตามความหมายของกฎหมายอาญา ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ทหาร


ผู้ใหญ่บ้าน พนักงานเทศบาล ครูอาจารย์ ถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน)
2. คำากล่าวที่จะถือว่าเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานได้แก่ ด่าเจ้าพนักงานว่าหมา
3. ความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน ผู้กระทำา ความผิดต้องกระทำา โดยมีเจตนาพิเศษ เช่น เพื่อจูงใจให้
กระทำาการ ไม่กระทำาการหรือประวิงการกระทำาอันมิชอบด้วยหน้าที่
4. ผู้ไ ม่มี สิ ทธิ แต่ ง เครื่อ งแบบตำา รวจ ถ้ า แต่ ง เครื่ อ งแบบดั ง กล่ า วอาจมี ค วามผิ ด ในกรณี แต่ ง เพื่ อ หลอก
บุคคลอืน่ ให้เชื่อว่าตนเป็นตำารวจ
5. แดงเป็นข้าราชการได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำาหน้าที่ซื้อตลับเทป สำาหรับบันทึกรายการ
วิทยุเพื่อใช้ในราชการ แดงอนุญาตให้ดำาเอาตลับเทปที่ซื้อมาไปใช้ส่วนตัว 10 ม้วน แดงมีความผิด
ฐานเจ้าพนักงานยักยอกตามมาตรา 147
มาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำา จัดการ หรือ รักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้น
เป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ต้องระวาง โทษจำาคุก
ตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
6. ความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำานาจในตำาแหน่งข่มขืนใจเอาทรัพย์ตามมาตรา 148 เช่นกรณี ตำารวจ
จราจรแกล้งจับผู้ที่มิได้ขับรถฝ่าฝืนกฎจราจรแล้วเรียกเอาทรัพย์แต่เขาไม่ยอมให้
มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำา นาจในตำา แหน่งโดย มิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้
บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ ซึ่ง ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษ จำาคุกตั้งแต่
ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
27

7. พลตำารวจจับคนร้ายลักกระบือ เมื่อถึงสถานีตำารวจก็ชกผู้ต้องหา เนื่องจากโมโหที่ผู้ต้องหาปฏิเสธความ


รับผิด พลตำารวจผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 หรือไม่เพราะเหตุใด
ไม่ผิดเพราะการทำาร้ายมิได้อยู่ในหน้าที่ของพลตำารวจ
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความ
เสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึง
สิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำาทั้งปรับ
8. ขาวเป็นข้าราชการระดับ 3 มาทำาหน้าที่อยู่เวรยามที่ทำางานตามคำาสั่ง กลางดึกขาวนอนไม่หลับเพราะ
รำาคาญเสียงนาฬิกาของที่ทำางานที่รบกวนประสาทอยู่ตลอดเวลา ขาวจึงเอานาฬิกานั้นไปโยนทิ้งในสระ
ขาวจะมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทำาให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหายตามมาตรา 158 หรือ
ไม่ คำาตอบ ผิด เพราะขาวต้องมีหน้าที่ปกครองทรัพย์นั้นในขณะอยู่เวรยาม
มาตรา 158 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ทำา ให้เสียหาย ทำา ลายซ่อน เร้น เอาไปเสีย หรือทำา ให้สูญหาย
หรือทำาให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ หรือเอกสารใดเป็นหน้าที่ของตนที่จะปกครองหรือรักษาไว้ หรือ ยินยอมให้ผู้
อื่นกระทำาเช่นนั้น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
9. การกระทำาที่พนักงานไปรษณีย์ไม่มีความผิด คือการกระทำา ดังต่อไปนี้ คือ เปิดจดหมายที่มิได้ปิดผนึก
ส่งทางไปรษณีย์ออกอ่านข้อความ และ ส่งจดหมายของผู้อื่นผิดทางโดยความสะเพร่า
10. ศึกษาธิการอำาเภอลงชื่อรับรองว่า สามีภรรยาได้จดทะเบียนหย่าต่อหน้าตน ซึ่งเป็นความเท็จ ไม่ถือว่า
เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานทำาเอกสารเท็จ ตามมาตรา 162
11. บุคคลที่ไม่มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญาคือ ลูกจ้างประจำาของราชการ
12. ตำารวจจับแดงฐานขับรถผิดกฎจราจร แดงด่าว่าตำารวจว่า “ห่วยมาก” การกระทำา ดังกล่าวเป็นความผิด
ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
13. เหลืองเป็นข้าราชการแผนกสรรพกรอำาเภอมีหน้าที่รับเงินค่าภาษี เขียวเอาเงินค่าภาษีฝากเหลืองไว้โดย
จะมายื่นแบบรายการในวันหลัง เหลืองกลับเบียดบังเอาเงินภาษีที่รับฝากไว้ เสีย เหลื องผิด ฐานเจ้า
พนักงานยักยอกหรือไม่ เพราะเหตุใด คำาตอบคือ ไม่ผิด เพราะมิได้กระทำาการในหน้าที่ แต่เป็นการรับ
ฝากเป็นส่วนตัว
14. พลตำา รวจจับนางแดงฐานเป็นเจ้ามือสลากกินรวบแล้วเข้าไปกระทำา มิดีมิร้ายต่อนางแดงในทางชู้สาว
พลตำารวจผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 หรือไม่ เพราะเหตุใด คำาตอบ
คือ ไม่ผิด เพราะการกระทำาดังกล่าวมิได้อยู่ในหน้าที่ของตำารวจ
15. เขียวเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีหน้าที่รับส่งถุงไปรษณีย์อันเป็นกิจการส่วนหนึ่ง
ของการรถไฟ เขียวได้เปิดถุงไปรษณีย์ออกและนำาจดหมายในถุงนั้นไปเผาเสีย ดังนี้ เขียวจะมีความผิด
ตามมาตรา 163 หรือไม่ เพราะเหตุใด คำาตอบ ไม่ผิด เพราะไม่ได้มีหน้าที่ในการไปรษณีย์

หน่วยที่ 3 ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
28

1. เจ้าพนักงานในการยุติธรรมเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ในการอำานวยความยุติธรรมให้แก่ประ ชา
ชน การกระทำาความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ผู้กระทำาผิดจะต้องรับโทษต่างหากจากการกระ
ทำาผิดต่อเจ้าพนักงานอื่น
2. เจ้ า พนั ก งานในการยุ ติ ธ รรมเป็ น เจ้ า พนั ก งานที่ ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ในการอำา นวยความยุ ติ ธ รรมให้ แ ก่
ประชาชน การที่เจ้าพนักงานในการยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจึงต้องรับโทษหนักขึ้นกว่าเจ้า
พนักงานอื่น

ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม (1)
1. ในการให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ผู้กระทำา ความผิดจะต้องระวางโทษหนักกว่าการให้
สินบนเจ้าพนักงานอื่น
2. ประชาชนต้องให้ความร่วมมือในการผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม การขัดขืนคำาบังคับ หมาย คำาสั่งของ
เจ้าพนักงานในการยุติธรรมย่อมทำาให้เจ้าพนักงานในการยุติธรรมไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดี
3. การแสดงข้อเท็จจริงต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมเป็นสิ่งสำาคัญอย่างยิ่งในอันที่เจ้าพนักงานในการ
ยุติธรรมจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม ผู้กระทำาการอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานใน
การยุติธรรม จึงมีความผิดและต้องได้รับโทษ

ให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม
เหลืองกระทำา ความผิดอาญาเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีพยานหลัก ฐานพอที่พนักงานอัยการจะสั่งฟ้องได้ แต่
เหลืองเสนอให้เงินจำานวนหนึ่งแก่พนักงานอัยการผูน้ ั้นเพื่อสั่งไม่ฟ้อง ดังนี้เหลืองจะมีความผิดฐานให้สินบนเจ้า
พนักงานในการยุติธรรมหรือไม่
การที่เหลืองเสนอให้เงินจำานวนหนึ่งแก่พนักงานอัยการเพื่อให้สั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่พยานหลักฐานสามารถ
สั่งฟ้องได้เป็นการขอให้ทรัพย์สินแก่พนักงานอัยการ เพื่อจูงใจให้พนักงานอัยการกระทำาการคือการสั่งไม่ฟ้อง
คดีอันเป็นการไม่ชอบด้วยหน้าที่ การกระทำาของเหลืองเป็นความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม
มาตรา 167 ผูใ้ ดให้ ขอให้หรือรับว่าให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานในตำาแหน่ง
ตุลาการ พนักงานอัยการผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เพื่อจูงใจให้กระทำาการไม่กระทำาการหรือ ประวิงการก
ระทำาใดอันมิชอบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษ จำาคุกไม่เกินเจ็ดปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

ขัดขืนคำาบังคับ หมาย คำาสั่ง ของเจ้าพนักงานในการยุติธรรม


เขียวถูกกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนว่า กระทำาความผิดฐานลักทรัพย์ และได้รับการประกันตัวไป
ในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนประสงค์จะสอบปากคำาเขียวเพิ่มเติม จึงได้ออกหมายเรียกไปยังเขียวให้มา
พบ เขียวได้รับหมายเรียกแล้วไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวน โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร เขียวจะมีความผิดฐาน
ใดหรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
29

เขียวตกเป็นผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน เมื่อเขียวขัดขืนหมายเรียกของพนักงานสอบสวน ปวอ.


มาตรา 66(3) บัญญัติทางแก้ไขไว้แล้ว โดยให้พนักงานสอบสวนมีอำา นาจออกหมายจับ ได้ ซึ่งเป็น การ
ลงโทษอยู่แล้ว เขียวจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 168 อีก
พระภิกษุแดงมาเบิกความเป็นพยานโจทก์แก่ศาล และตอบคำาซักถามของทนายโจทก์จนจบแล้ว เมื่อ
ทนายจำาเลยถามค้าน พระภิกษุแดงกลับไม่ยอมตอบคำา ถามซึ่งศาลขอให้ตอบ ดังนี้ พระภิกษุแดงจะมีความผิด
ตาม ปอ. มาตรา 171 หรือไม่
ตาม ปวพ. มาตรา 115 กำาหนดสิทธิพระภิกษุในพุทธศาสนา จะไม่ตอบคำาถามใด ๆ ก็ได้ ดังนั้น
การที่พระภิกษุแดงไม่ยอมตอบคำา ถามค้านของทนายจำา เลยจึงชอบที่จะกระทำา ได้ตาม ปวพ. มาตรา 115
การกระทำาของพระภิกษุแดงจึงไม่เป็นความผิดตาม ปอ. มาตรา 171
มาตรา 168 ผู้ ใ ดขั ด ขื น คำา บั งคั บ ตามกฎหมายของพนั ก งานอั ย การ ผู้ ว่ า คดี หรื อ พนั ก งาน
สอบสวน ซึ่งให้มาเพื่อให้ถ้อยคำา ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำา
ทั้งปรับ
มาตรา 171 ผู้ใดขัดขืนคำา สั่งของศาลให้สาบาน ปฏิญาณให้ถ้อยคำา หรือเบิกความ ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

การกระทำาอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม
ทองได้ยื่นฟ้องเทียนเป็นจำาเลยต่อศาลแพ่งว่า เทียนเช่าที่ดินของทองปลูกบ้านอยู่ โดยสัญญาเช่าได้สิ้น
อายุลงแล้วขอให้เทียนและบริวารออกจากที่ดินและรื้อบ้านไป เทียนยื่นคำาให้การรับว่าเป็นความจริงดังฟ้อง ขอ
เวลารื้อบ้านภายใน 10 วัน แต่ความจริงที่ดินเป็นของมารดาทอง จอนเช่าที่ดินจากมารดาทองปลูกบ้านอยู่
โดยเทียนไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย การฟ้องเท็จและให้การเท็จดังกล่าวทำาให้จอนเสียหาย เพราะถูกหาว่าเป็นบริวาร
ของเทียนและขัดขืนไม่ยอมออกไปจากบ้านตามคำาพิพากษา ดังนี้ การที่ทองฟ้องเทียนดังกล่าวจะเป็นความผิด
ฐานฟ้องเท็จหรือไม่
การฟ้องเท็จนั้น ตาม ปอ. มาตรา 175 ต้องเป็นการฟ้องเท็จในคดีอาญาการฟ้องเท็จในคดีแพ่ง
ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดทางอาญาแต่อย่างใด ทองจึงไม่มีความผิดฐานฟ้องเท็จ
จันทร์มีสาเหตุโกรธเคืองกับอังคาร จันทร์แกล้งฟ้องอังคารต่อศาลว่าลักทรัพย์และศาลสั่งประทับรับ
ฟ้องระหว่างสืบพยานจำา เลย จันทร์ถอนฟ้องโดยแถลงความจริงว่าอังคารมิได้กระทำา ผิดตามข้อกล่าวหา ดังนี้
ศาลจะลงโทษจันทร์ฐานฟ้องเท็จอย่างไร
การกระทำาของจันทร์เป็นการเอาความอันเป็นเท็จฟ้องอังคารต่อศาล จันทร์จึงมีความผิดตาม ปอ . แต่
การที่จันทร์ถอนฟ้องก่อนสืบพยานจำาเลยโดยแถลงว่าความจริงอังคารมิได้กระทำาผิดตามข้อกล่าวหาเป็นการลุ
แก่โ ทษต่อ ศาล และขอถอนฟ้อ งก่ อนมีคำา พิพากษา จั น ทร์ ย่ อ มได้ รั บ ผลตามมาตรา 176 ซึ่งศาลอาจใช้
ดุลพินิจลงโทษจันทร์น้อยกว่าที่มาตรา 175 กำาหนดไว้เพียงใดก็ได้
ดำาเป็นพยานรู้เห็นในขณะที่แดงยืมเงินจากเขียว เมื่อเขียวมาฟ้องแดงเรียกเงินกู้ที่ยืมคืน และอ้างดำาเป็น
พยาน ดำากลับเบิกความว่า ดำาไม่เห็นแดงยืมเงินจากเขียว ในที่สุดศาลพิพากษายกฟ้อง เขียวจึงมาฟ้องดำาว่าเบิก
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
30

ความเท็จในคดีดังกล่าว ดำาต่อสู้ว่า การจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จได้ จะต้องเป็นการเบิกความเท็จในคดี


อาญาเท่านั้น ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างของดำาฟังขึน้ หรือไม่
ดำามีความผิดฐานเบิกความเท็จ เพราะการที่ดำารู้เห็นในขณะแดงยืมเงินถือว่าเป็นข้อสำาคัญในคดี แม้คดี
ที่ดำาเบิกความจะเป็นคดีแพ่งดำาก็มีความผิดฐานเบิกความเท็จตาม ปอ. มาตรา 177 ซึ่งบัญญัติความผิดฐาน
เบิกความเท็จทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ต่างจากกับการฟ้องเท็จตามมาตรา 175 ซึ่งจะต้องเป็นการฟ้องเท็จ
เฉพาะความผิดอาญาเท่านั้น
มาตรา 175 ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำา ความผิดอาญา หรือว่ากระทำา
ความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นจริง ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา 176 ผู้ใดกระทำาความผิดตาม มาตรา 175 แล้วลุแก่โทษ ต่อศาลและขอถอนฟ้องหรือ
แก้ฟ้องก่อนมีคำาพิพากษา ให้ศาลลงโทษ น้อยกว่าที่กฎหมายกำาหนดไว้หรือศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้
มาตรา 177 ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำาคัญใน
คดี ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำาในการพิจารณา คดีอาญา ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกไม่
เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท

ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม (2)
1. พยานหลักฐานหรือทรัพย์สินแห่งคำา พิพากษาหรือคำา สั่งจำา เป็นต้องได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้เพื่อ
ประโยชน์ในการพิจารณาพิพากษา และบังคับคดีแพ่งและคดีอาญา
2. เมื่อศาลวินิจฉัยว่าจำา เลยมีความผิดและลงโทษจำา เลย จำา เลยจะต้องได้รับโทษตามคำา พิพากษาของ
ศาล การกระทำาให้ผู้ต้องโทษไม่ได้รับโทษตามคำาพิพากษา จึงเป็นเรื่องที่รัฐต้องลงโทษแก่ผู้กระทำา
3. วิธีการเพื่อความปลอดภัย นอกจากจะเป็นการคุ้มครองบุคคลนั้นแล้ว ยังคุ้มครองสาธารณชนอีกด้วย
การฝ่าฝืนวิธีการเพื่อความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องลงโทษ
4. ศาลหรือผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่ในการอำานวยความยุติธรรม ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว การดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา กฎหมายจึงเอาโทษหนักกว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานอื่น

ทำาลายทรัพย์สินในคดีหรือเอกสารของผู้อื่น
โจทก์ฟ้องจำา เลยเรียกหนี้ตามสัญญาต่อศาล จำา เลยทำา สัญญาประนีประนอมยอมความโดยขอผ่อน
ชำาระต่อโจทก์ ต่อมาจำาเลยสมคบกับพวกขายเรือนของจำาเลยให้บุคคลอื่นไปเสีย จนโจทก์ไม่อาจยึดเรือนมาขาย
ทอดตลาดเพื่อชำาระหนี้ตามคำาพิพากษาได้ ดังนี้จำาเลยจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
การที่จำาเลยสมคบกับพวกขายเรือนของจำาเลยให้บุคคลอื่นไป จนโจทก์ไม่อาจยึดเรือนขายทอดตลาด
เพื่อชำาระหนี้ตามคำาพิพากษาได้ ถือว่าการกระทำาของจำาเลยเป็นการทำาให้ทรัพย์ซึ่งน่าจะถูกยึดสูญหายไป การก
ระทำาของจำาเลยย่อมเป็นความผิดตาม ปอ. มาตรา 187

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
31

จน กู้ยืมเงิน มี ไป 1,000 บาท จนเขียนในกระดาษแผ่นหนึ่งความว่า กู้ยืมเงินมีไป 1,000


บาท รับเงินไปครบแล้วลงลายมือชื่อจนไว้ แล้วมอบให้มีไป ต่อมาจนพบหนังสือฉบับนี้ในลิ้นชักโต๊ะทำา งาน
ของมีซึ่งทำา งานอยู่แห่งเดียวกัน จน แอบใช้นำ้า ยาลบหมึกลบข้อความและชื่อของตนในหนังสือดังกล่าวออก
หมดสิ้น ดังนีจ้ นมีความผิดฐานใดหรือไม่
การที่จนลบข้อความและชื่อของตนในกระดาษดังกล่าวออกเป็นการทำาให้สัญญากู้ยืมเงินเสียหายและ
ไร้ประโยชน์ต่อนายมี การกระทำาของนายจนจึงมีความผิดตาม ปอ. มาตรา 188
มาตรา 187 ผู้ใดเพื่อจะมิให้การเป็นไปตามคำาพิพากษาหรือคำาสั่งของศาล ทำาให้เสียหาย ทำาลาย
ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำาให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัด หรือที่ตนรู้ว่าน่าจะถูกยึด
หรืออายัด ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 188 ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทำาให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์
ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

การกระทำาเพื่อมิให้ต้องโทษ
วอนไปเยี่ยมวันผู้ต้องหา ซึ่งถูกคุมตัวระหว่างสอบสวนอยู่ที่สถานีตำา รวจแห่งหนึ่ง ขณะเจ้าหน้าที่
ตำารวจเผลอวอนแอบส่งใบเลื่อยให้วัน วันใช้ใบเลื่อยนั้นเลื่อยลูกกรงเหล็กห้องขังหลบหนีไปได้ ดังนี้ วอนมี
ความผิดฐานใดหรือไม่
การกระทำา ของวอน มิ ใช่ เป็น การกระทำา ให้ วั นหลุ ด พ้น จากการคุ มขั งตามบทบั ญ ญั ติ แ ห่ งมาตรา
191 แต่ เ ป็ น การสนั บ สนุ น ให้น ายวั น ผู้ ถู ก คุ ม ขั งหลบหนี ไ ประหว่ า งคุ ม ขั ง อยู่ ต ามอำา นาจของพนั ก งาน
สอบสวน จึงเป็นความผิดตาม ปอ. มาตรา 190 , 86
มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำา นาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของ
พนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำา นาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับ ไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรกได้กระทำาโดยแหกที่คุมขัง โดยใช้กำาลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญ
ว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำาความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผูก้ ระทำาต้องระวางโทษจำาคุก
ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าความผิดตาม มาตรานี้ ได้กระทำา โดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิดผู้กระทำา ต้องระวางโทษ
หนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติ ไว้ในสองวรรคก่อนกึ่งหนึ่ง

ฝ่าฝืนวิธีการเพื่อความปลอดภัย
เหลืองกระทำาความผิดอาญาเรื่องหนึ่ง ศาลไม่พิพากษาลงโทษเพราะเห็นว่า เหลืองกระทำาความผิดใน
ขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง แต่เห็นว่าหากปล่อยเหลืองไปจะ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
32

ไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ศาลจึงสั่งให้คุมตัวเหลืองไว้ในสถานพยาบาล ในระหว่างที่ถูกคุมตัวอยู่นั้น เหลือง


หลบหนีไปจากสถานพยาบาลดังนี้เหลืองจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
วิธี การที่ศาลสั่งให้คุ มตั วเหลือ งไว้ ในสถานพยาบาล เป็น วิ ธี ก ารใช้ วิ ธี ก ารเพื่อ ความปลอดภัย แก่
ประชาชน ตามปอ.มาตรา 48 มิใช่ตามปอ. มาตรา 49 ซึ่งเป็นการกระทำาความผิดเกี่ยวเนื่องกับการเสพ
สุราเป็นอาจิณ หรือติดยาเสพติดให้โทษ ซึ่งหากศาลใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยโดยคุมตัวไว้ในสถานพยาบาล
ตามมาตรา 49 แล้ว และผู้ถูกคุมตัวหลบหนีจากสถานพยาบาล ผู้หลบหนีจ ะมี ความผิด ตามปอ. มาตรา
195 ดังนั้นการหลบหนีของเหลืองจากสถานพยาบาล ผู้หลบหนีจึงมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 195 ดัง
นัน้ การหลบหนีของเหลืองจากสถานพยาบาลจึงไม่มีความผิด เพราะเหลืองมิได้ถูกคุมตัวไว้ตามมาตรา 49
มาตรา 48 ถ้าศาลเห็นว่า การปล่อยตัวผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือนซึ่งไม่ต้องรับโทษ
หรือได้รับการลดโทษตาม มาตรา 65 จะเป็นการไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ศาลจะสั่งให้ส่งไปคุมตัวไว้ ใน
สถานพยาบาลก็ได้ และคำาสั่งนี้ศาลจะเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้
มาตรา 49 ในกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษจำาคุก หรือพิพากษาว่า มีความผิดแต่รอการกำาหนดโทษ
หรือรอการลงโทษบุคคลใด ถ้าศาล เห็นว่าบุคคลนั้นได้กระทำา ความผิดเกี่ยวเนื่องกับการเสพสุราเป็น อาจิณ
หรือการเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ ศาลจะกำาหนดในคำา พิพากษา ว่าบุคคลนั้นจะต้องไม่เสพสุรา ยาเสพติดให้
โทษ อย่างหนึ่งอย่างใด หรือทั้งสองอย่างภายในระยะเวลาไม่เกินสองปีนับแต่วันพ้นโทษหรือ วันปล่อยตัว
เพราะรอการกำาหนดโทษ หรือรอการลงโทษก็ได้
ในกรณีที่บุคคลดังกล่าวในวรรคแรกไม่ปฏิบัติตามที่ศาลกำาหนด ศาลจะสั่งให้ส่งไปคุมตัวไว้ในสถาน
พยาบาลเป็นเวลาไม่เกินสองปีก็ได้

กีดกันหรือขัดขวางการขายทอดตลาด
ในระหว่างการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำา พิพากษาคดีหนึ่ง เขียวญาติลูกหนี้ตามคำา
พิพากษาได้ขู่เข็ญผู้เข้าสู้ราคามิให้สู้ราคา หากเข้าสู้ราคาจะทำาร้าย จนไม่มีบุคคลใดกล้าสู้ราคา และในที่สุดเจ้า
พนักงานบังคับคดีต้องเลื่อนการขายทอดตลาดไป ดังนี้ เขียวจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
การกระทำาของเขียว เป็นความผิดตามปอ. มาตรา 197 เพราะการที่เขียวขู่เข็ญผู้เข้าสู้ราคามิให้สู้
ราคา หากเข้าสู้ราคาจะถูกทำาร้าย เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย เพื่อกีดกันหรือขัดขวางการขายทอด
ตลาดแล้ว
มาตรา 197 ผู้ใดใช้กำาลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้ายให้ประโยชน์ หรือรับว่าจะให้
ประโยชน์ เพื่อกีดกันหรือขัดขวางการขาย ทอดตลาดของเจ้าพนักงานเนื่องจากคำาพิพากษาหรือคำา สั่งของศาล
ต้อง ระวางโทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้ง จำาทั้งปรับ

ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำาเลยแพ้คดี จำาเลยอุทธรณ์โดยกล่าวในอุทธรณ์ว่า ศาลตัดสินไม่ต้องด้วยความ
ยุติธรรม ดังนี้ การกระทำาของจำาเลยเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาหรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
33

จำาเลยไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา เพราะเป็นการอุทธรณ์ ฎีกาภายในขอบเขตของการ


ดำาเนินคดีและวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเป็นธรรมต้องด้วยข้อยกเว้นตามบทบัญญัติความผิดฐานหมิ่นประมาท
แดงส่งเสียงเอะอะและทุบโต๊ะเก้าอี้ในระหว่างการพิจารณาคดีเรื่องหนึ่ง เจ้าพนักงานศาลเข้าห้าม
ปรามกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จนศาลต้องเลื่อนการพิจารณาไป และได้ไต่สวนในเรื่องที่แดงประพฤติตนไม่เรียบร้อย
ในบริเวณศาลโดยลงโทษจำา คุกฐานละเมิดอำา นาจศาล 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ดังนี้ แดงจะมีความผิดฐานขัดขวางการพิจารณาคดีของศาลอีกหรือไม่
การกระทำาของแดงเป็นความผิดต่อกฎหมาย 2 ฉบับคือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
และตามประมวลกฎหมายอาญา แม้ศาลจะลงโทษแดงฐานละเมิดอำานาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพ่งไปแล้ว ก็ไม่ลบล้างความผิดฐานขัดขวางการพิจารณาคดีของศาล ตาม ปอ.มาตรา 198
มาตรา 198 ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือ พิพากษาคดี หรือกระทำาการขัด
ขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของ ศาลต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาท
ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

ซ่อนเร้นศพ
แดงฆ่าพี่เขยตายในบ้านพักแล้วตัดศีรษะพี่เขยนำาไปทิ้งไว้อีกที่หนึ่ง ดังนี้ นอกจากแดงจะมีความผิด
ฐานฆ่าผู้อื่นแล้ว แดงจะมีความผิดฐานใดอีก
การที่แดงตัดศีรษะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศพพี่เขย แล้วนำาไปทิ้งไว้ที่แห่งหนึ่ง ถือว่าแดงได้ย้ายส่วนของ
ศพเพื่อ ปิ ด บั งเหตุ แ ห่ งการตาย การกระทำา ของแดงจึ งเป็ น ความผิ ด ตาม ปอ. มาตรา 199 อีก ฐานหนึ่ ง
นอกจากความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
มาตรา 199 ผู้ใดลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำาลายศพหรือส่วน ของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย
หรือเหตุแห่งการตาย ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม (3)
1. เจ้าพนักงานในงานยุติธรรมมีหน้าที่อำา นวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน การที่เจ้าพนักงานในการ
ยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะต้องได้รับโทษหนักกว่าเจ้าพนักงานอื่น
2. การบังคับคดีตามคำาพิพากษาหรือคำาสั่งศาล เป็นกระบวนสำาคัญที่จะทำาให้คำาพิพากษาหรือคำาสั่งมีผลใช้
บังคับ ดังนั้น การกระทำา ในลักษณะที่ไม่อาจให้คำา พิพากษาหรือคำา สั่งศาลมีผลใช้บังคับได้ ย่อมเป็น
ความผิดและมีโทษ

เจ้าพนักงานในการยุติธรรมช่วยบุคคลมิให้ต้องโทษ
ในระหว่างการสอบสวนคดีอาญาเรื่องหนึ่ง ร้อยตำา รวจเอกขาวได้จดคำา พยานผิดไปจากที่พยานให้
ถ้อยคำา เพื่อมีเจตนาจะช่วยผู้ต้อหามิให้รับโทษ แต่ต่อมาเมื่อผู้ต้องหาถูกฟ้องเป็นจำา เลย พยานปากนั้นได้เบิก

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
34

ความต่อศาลและศาลได้ลงโทษจำาเลยโดยอาศัยพยานดังกล่าว ดังนี้ ร้อยตำารวจเอกขาวจะมีความผิดฐานใดหรือ


ไม่
การที่ร้อยตำา รวจเอกขาวซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนจดคำา พยานผิดไปจากที่พยานให้ถ้อยคำา ก็เพื่อมี
เจตนาช่วยผู้ต้องหามิให้ต้องรับโทษ การกระทำาของร้อยตำารวจเอกขาวจึงเป็นความผิดตาม ปอ.มาตรา 200
แม้ต่อมาศาลจะเชื่อคำา พยานปากนั้นและนำา ไปลงโทษจำา เลยซึ่งไม่สมประโยชน์ของร้อยตำารวจเอกขาวก็ตาม
การกระทำาของร้อยตำารวจเอกขาวก็ยังเป็นความผิดอาญาอยู่
มาตรา 200 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำาแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้า
พนักงานผู้มีอำานาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำาการหรือไม่กระทำาการ อย่าง
ใด ๆ ในตำาแหน่งอันการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใด มิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลงต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าการกระทำา หรือไม่กระทำา นั้นเป็นการเพื่อ จะแกล้งให้บุคคลหนึ่ง บุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษ
หนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการ เพื่อความปลอดภัยผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตลอดชีวิตหรือ จำาคุก
ตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

เจ้าพนักงานในงานยุติธรรมเรียกรับ หรือยอมรับสินบน
ร้อยตำารวจเอกแดง เรียกเงินจำานวนหนึ่งจากญาติของผู้ต้องหาในความผิดอาญาเรื่องหนึ่ง เพื่อทำาความ
เห็นสั่งไม่ฟ้องซึ่งจากพยานหลักฐานในคดี ร้อยตำารวจเอกแดงต้องมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องอยู่แล้ว ดังนี้ ร้อยตำารวจ
เอกแดงจะมีความผิดตามปอ. มาตรา 201 หรือไม่
ร้อยตำารวจเอกแดง มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 201 แม้ตามพยานหลักฐานในคดี ร้อยตำารวจเอก
แดงจะต้องทำา ความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเป็นการกระทำา ที่ชอบด้วยหน้าที่ก็ตาม เพราะการเรียกเงินจากญาติผู้
ต้องหาเป็นการกระทำาโดยมิชอบ
มาตรา 201 ผู้ใดเป็นเจ้าพนัก งานในตำา แหน่งตุ ลาการพนักงาน อัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงาน
สอบสวน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำาหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำา
การหรือไม่กระทำา การอย่างใดในตำา แหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำา คุก
ตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำาคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือประหารชีวิต

เจ้าพนักงานในงานยุติธรรมเรียกสินบนก่อนรับตำาแหน่ง
ดำาเป็นพนักงานอัยการ ต่อมาดำาทราบว่าตนจะย้ายไปดำารงตำาแหน่งอัยการจังหวัดแห่งหนึ่ง ขณะยังไม่
ได้ย้ายไปประจำาต่างจังหวัด ได้เรียกเงินจำานวนหนึ่งจากญาติของผู้ต้องหาซึ่งกระทำาความผิดโดยสัญญาว่าเมื่อ
ย้ายไปเป็นอัยการจังหวัดแล้วจะสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหานั้น และเมื่อดำาย้ายไปเป็นอัยการจังหวัดได้มีคำาสั่งไม่ฟ้องผู้
ต้องหา ดังนี้ ดำาจะมีความผิดตามปอ. มาตรา 202 หรือไม่

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
35

การที่ดำาเรียกเงินจำานวนหนึ่งจากญาติของผู้ต้องหาก่อนที่จะย้ายไปเป็นอัยการจังหวัด และเมื่อย้ายไป
มิได้มีคำาสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหานั้น เป็นการเรียกทรัพย์สินก่อนที่ดำาได้รับตำาแหน่ง และการคำาสั่งไม่ฟ้องก็โดย เห็น
แก่ทรัพย์สินทีด่ ำาได้เรียกไว้ก่อนจะได้รับตำาแหน่ง การกระทำาของดำาจึงเป็นความผิดตามปอ. มาตรา 202
มาตรา 202 ผู้ใ ดเป็นเจ้าพนั ก งานในตำา แหน่งตุ ลาการพนั กงาน อั ยการผู้ว่าคดี หรื อพนักงาน
สอบสวน กระทำาการหรือไม่กระทำาการ อย่างใด ๆ ในตำาแหน่ง โดยเห็นแก่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ซึ่ง
ตนได้เรียก รับ หรือยอมจะรับไว้ก่อนที่ตนได้รับแต่งตั้งในตำาแหน่ง นั้น ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบ
ปีหรือจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต

เจ้าพนักงานป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามคำาพิพากษาหรือคำาสั่ง
เขียวเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดี มีหน้าที่ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำาพิพากษา เขียวได้บอกให้ลูกหนี้
ยักย้ายทรัพย์ไปเสียก่อนวันยึดทรัพย์ ดังนี้ เขียวจะมีความผิดตามปอ.มาตรา 203 หรือไม่
เขียวเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดี มีหน้าที่ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อขายทอดตลาด แต่เขียวกลับบอก
ให้ลูกหนี้ตามคำาพิพากษายักย้ายทรัพย์ไปเสียก่อนวันยึดทรัพย์ การกระทำาของเขียวจึงเป็นการป้องกันและขัด
ขวางมิให้การเป็นไปตามคำาพิพากษา และคำาสั่งของศาล เป็นความผิดตามปอ.มาตรา 203
มาตรา 203 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไป ตามคำา พิพากษาหรือคำา สั่งของ
ศาล ป้องกันหรือขัด ขวางมิให้การเป็น ไปตามคำาพิพากษาหรือคำาสั่งนั้น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

เจ้าพนักงานทำาให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขัง
ดำาเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พาผู้ต้องขังออกจากเรือนจำาไปเยี่ยมบ้านโดยพลการ และพากลับเข้าเรือนจำา
ในตอนเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ดังนี้ ดำาจะมีความผิดฐานทำาให้ผู้ที่อยู่ระหว่างคุมขังพ้นจากการคุมขังไปหรือไม่
การที่ดำาพาผู้ต้องหาออกจากเรือนจำาไปเยี่ยมบ้านโดยพลการ ถือได้ว่าดำาทำาให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจาก
การคุมขังแล้ว แม้ดำา จะไปด้วยและพากลับเข้าเรือนจำา ในเย็นวันนั้นเองก็ตาม เพราะการหลุดพ้นอาจเป็นการ
หลุดพ้นไปเลยหรือเป็นการชั่วคราวก็ได้
มาตรา 204 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีตำาแหน่งหน้าที่ควบคุมดูแล ดูแลผู้ที่ต้องคุมขังตามอำานาจของ
ศาล ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำานาจสืบสวนคดีอาญา กระทำาด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ที่อยู่
ในระหว่างคุมขังนั้นหลุดพ้นจากการคุมขังไป ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่สองพัน
บาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้ า ผู้ ที่ห ลุ ด พ้น จากการคุ ม ขั งไปนั้ น เป็ น บุ ค คลที่ ต้ อ งคำา พิ พากษาของศาลหนึ่ งศาลใด ให้ ล งโทษ
ประหารชีวิต จำา คุกตลอดชีวิตหรือจำา คุก ตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป หรือมีจำา นวนตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทำา ต้อง
ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึง สองหมื่นบาท

เจ้าพนักงานทำาให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังโดยประมาท
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
36

แดงเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ใช้ให้เขียวผู้ต้องขังล้างรถจักรยานยนต์ใกล้ประตูเรือนจำา ระหว่างล้างอยู่
นัน้ เขียวสบโอกาสเห็นแดงเผลอ จึงขับรถจักรยานยนต์ออกจากประตูเรือนจำาไป ดังนี้ แดงจะมีความผิดฐานใด
การที่แดงใช้ให้เขียวผู้ต้องขังล้างรถจักรยานยนต์ใกล้ประตูเรือนจำา จนเขียวขับรถจักรยานยนต์หลบ
หนีไปได้นั้น เป็นการกระทำาโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อื่นแล้วจะไม่ทำาอย่าง
นั้น การกระทำาของแดงจึงเป็นการกระทำา ให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังโดยประมาท เป็นความผิดตาม
ปอ. มาตรา 205
มาตรา 205 ถ้าการกระทำาดังกล่าวใน มาตรา 204 เป็นการกระทำา โดยประมาท ผูก้ ระทำาต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังไปด้วยการกระทำาโดยประมาทนั้นเป็น บุคคลที่ต้องคำาพิพากษาของศาล
หนึ่งศาลใดให้ลงโทษประหารชีวิต จำาคุกตลอดชีวิตหรือจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป หรือมีจำานวนตั้งแต่ สามคน
ขึ้นไป ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับ ไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าผู้กระทำาความผิดจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังคืนมาภายในสามเดือนให้งดการลงโทษแก่ผู้
กระทำาความผิดนั้น

แบบประเมินผลตนเอง หน่วยที่ 3

1. สินบนหมายความว่า ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด
2. สมศักดิ์เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนแห่งหนึ่งเสนอต่อพนักงานอัยการว่า หากสั่งไม่ฟ้องคดีที่น้องชายสม
ศักดิ์ตกเป็นผู้ต้องหา จะรับบุตรของพนักงานอัยการคนนั้นเข้าเรียนในโรงเรียนที่สมศักดิ์เป็นอาจารย์
ใหญ่ ดังนี้ สมศักดิ์จะมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรมหรือไม่ สมศักดิ์มีความผิด
เพราะการรับว่าจะให้บุตรของพนักงานอัยการเข้าโรงเรียนเป็นการรับว่าจะให้ประโยชน์อื่นใดแล้ว
3. พนักงานสอบสวนมีหมายเรียกให้ผู้ต้องหามาพบเพื่อสอบถามคำา ให้การเพิ่มเติม แต่ผู้ต้องหาไม่มาพบ
โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร ดังนี้ ผูต้ ้องหาจะมีความผิดฐานขัดขืนคำาบังคับของพนักงานสอบสวนหรือ
ไม่ คำา ตอบ ไม่ มี ค วามผิ ด เพราะหากผู้ ต้ อ งหาไม่ ม าตามหมายเรี ย ก โดยไม่ มี ข้ อ แก้ ตั ว อั น ควร
ปวอ.มาตรา 66(3) ได้บญ ั ญัติทางแก้เอาไว้แล้วคือให้พนักงานสอบสวนมีอำานาจออกหมายจับ
4. การที่จะเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นจะต้องมีสาระสำาคัญคือ เป็นการแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความ
ผิดอาญา
5. ความผิดฐานเบิกความเท็จเป็นความผิดที่กระทำาต่อศาลในการพิจารณาคดีแพ่งและคดีอาญา และ ความ
เท็จนั้นต้องเป็นข้อสำาคัญในคดี
6. มารดาที่ให้ที่พักแก่บุตรซึ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำารวจในคดีลักทรัพย์ ดังนัน ้ มารดาจะมี
ความ ผิดและต้องรับโทษหรือไม่ คำา ตอบ มารดามีความผิดฐานช่วยผู้กระทำาผิดเพื่อมิให้ถูกจับกุมแต่
ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
37

7. การที่มีผู้ส่งเสียงเอะอะในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล จะเป็นความผิดฐานขัดขวางการพิจารณา
ของศาลหรือไม่ คำาตอบ อาจเป็นความผิดหากการส่งเสียงเอะอะนั้นทำาให้ศาลไม่อาจพิจารณาคดีต่อไป
ได้ จนต้องเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป
8. พนักงานอัยการตรวจสำานวนคดีอาญาเรื่องหนึ่งแล้วเห็นว่าควรสั่งไม่ฟ้องเพราะพยานหลักฐานอ่อน แต่
พนัก งานอัยการผู้นั้นกลับไปเรียกเงินจากญาติของผู้ต้องหาเพื่อสั่งไม่ฟ้องดังนี้ พนักงานอัยการจะมี
ความผิดหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดเพราะเป็นการเรียกเอาทรัพย์สินเพื่อตนเองเพื่อสั่งไม่ฟ้องแม้ตามพ
ยานหลักฐานจะไม่พอฟ้องผู้ต้องหาก็ตาม
9. ก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์ลูกหนี้ตามคำาพิพากษา เจ้าพนักงานบังคับคดีอีกคนหนึ่งบอก
ให้ลูก หนี้ตามคำา พิพากษาย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้าน ดังนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมีความผิดทาง
อาญาหรือ ไม่ คำา ตอบ มีความผิดเพราะเจ้า พนัก งานบั งคั บคดีมี หน้าที่ ปฏิ บัติ การให้ เป็น ไปตามคำา
พิพากษาของศาล การบอกให้ลูกหนี้ยักย้ายทรัพย์ไป จึงเป็นการป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไป
ตามคำาพิพากษาหรือคำาสั่งศาล
10. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กระทำา โดยประมาททำา ให้ผู้ต้องขังหลุดพ้นจากการคุมขังไป แต่ได้พยายามติดตาม
จับกุมมาได้ภายในกำาหนด 3 เดือน ดังนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะมีความผิดอย่างไรหรือไม่ คำาตอบ เจ้า
หน้าที่ราชทัณฑ์ยังมีความผิดอยู่แต่กฎหมายให้งดการลงโทษ
11. สมศักดิ์ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาเรื่องหนึ่ง สมพงษ์น้องชายของสมศักดิ์ไปพบพนักงานสอบสวนเสนอ
แก่พนักงานสอบสวนว่าหากมีความเห็นไม่ฟ้องจะพาพนักงานสอบสวนไปเที่ยวต่างประเทศ ดังนี้ สม
พงษ์จะมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรมหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดฐานให้สินบน
เจ้าพนักงานในการยุติธรรม แม้เป็นเพียงข้อเสนอว่าจะพาไปเที่ยวต่างประเทศก็ตาม
12. ผู้ต้องหาไม่ยอมมาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนซึ่งเรียกมาเพื่อให้ถ้อยคำา ในฐานะพยาน โดย
ไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร ดังนี้ ผู้ต้องหาจะมีความผิดฐานขัดขืนคำาบังคับของพนักงานสอบสวนหรือไม่
คำา ตอบ เป็ น การเรี ย กผู้ ต้ อ งกามาให้ ถ้ อ ยคำา ในฐานะพยาน การที่ ผู้ ต้ อ งหาไม่ ย อมมาพบพนั ก งาน
สอบสวนโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร จึงเป็นความผิดฐานขัดขืนคำาบังคับของพนักงานสอบสวน
13. ข้อที่ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จคือ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่ง
14. ผู้ที่กระทำา ความผิดฐานเบิกความเท็จอาจไม่ต้องรับโทษกรณี ลุแก่โทษและกลับแจ้งความจริงต่อศาล
ก่อนจบคำาเบิกความ
15. มารดาให้ที่พำานักแก่สมพงษ์บุตรชายซึ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำารวจ เนื่องจากสมพงษ์ถูก
กล่าวหาว่าพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ ดังนี้ มารดาจะมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 189 หรือไม่
คำาตอบ ไม่ผิดเพราะสมพงษ์ยังมิได้ถูกเจ้าพนักงานตำารวจจับกุม
16. ในกรณีกล่าวในอุทาหรณ์โดยสุจริตว่า ศาลตัดสินไม่ต้องด้วยความยุติธรรม ไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นศาล
หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาคดี

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
38

หน่วยที่ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา ความสงบสุขของประชาชนและการค้า

1. ศาสนาเป็ น สถาบั น ที่ สำา คั ญ ของสั งคม กฎหมายจึ งต้ อ งให้ ค วามคุ้ ม ครองแก่ ศ าสนาและให้ ค วาม
คุ้มครองโดยเท่าเทียมกันทุกศาสนา แต่การคุ้มครองนี้เป็นการคุ้มครองแก่ตัวสถาบัน มิใช่คุ้มครองตัว
บุคคลโดยเฉพาะ
2. ความสงบสุขของประชาชนย่อมเป็นสิ่งสำาคัญ กฎหมายจึงลงโทษการกระทำาอันเป็นภัยคุกคามต่อความ
สงบสุขนี้
3. ความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินเป็นสิ่งที่รัฐต้องให้ความคุ้มครอง ฉะนัน้ การก่อให้เกิดอัคคี
ภัย และการละเมิด ที่นา่ จะเป็นอันตรายแก่ประชาชนจึงเป็นความผิด
4. ความปลอดภั ย ของประชาชน ตลอดจนการใช้ ป ระโยชน์ ใ นสาธารณู ป โภคเป็ น สิ่ งที่ รั ฐ ให้ ค วาม
คุ้มครอง กฎหมายจึงบัญญัติให้การกระทำาที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสิ่งดังกล่าวเป็นความผิด
5. การหลอกลวงหรือเอาเปรียบกันในทางการค้าโดยวิธีการที่มิชอบจะต้องได้รับโทษทางอาญา

ความผิดเกี่ยวกับศาสนา
1. การกระทำาเหยียดหยามศาสนา ต้องเป็นการกระทำาแก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในศาสนาไม่ว่า
จะเป็นศาสนาใด แต่ไม่รวมถึงการกระทำาต่อตัวบุคคล แม้จะเป็นที่เคารพของ ศาสนิกชนก็ตาม
2. การก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชนประชุมกัน มนัสการ หรือการกระทำาพิธีกรรม
ทางศาสนาจึงเป็นความผิด ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ที่ไปประชุมกันจะมีปฏิกิริยาวุ่นวายหรือไม่ก็ตาม
3. การแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช โดยไม่มีสิทธิเป็น
ความผิดถ้ากระทำาเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นนั้น

การกระทำาเหยียดหยามศาสนา
ฟ้านักทัศนาจรจากอังกฤษมาท่องเที่ยวในเมืองไทย และซื้อพระพุทธรูปจากร้านของเก่าโดยคิดว่าเป็น
วัตถุโบราณ เมื่อกลับถึงโรงแรมที่พักก็เอาพระพุทธรูปวางไว้กับพื้นห้อง และเอาเสื้อผ้าใช้แล้วปิดทับ ฟ้ามีความ
ผิดฐานกระทำาการเหยียดหยามศาสนาหรือไม่
ฟ้าไม่ผิดฐานกระทำาการเหยียดหยามศาสนา เพราะแม้พฤติการณ์ในการกระทำาจะเป็นการกระทำาอัน
เป็นการเหยียดหยามศาสนาพุทธ แต่ฟ้าก็ไม่เจตนากระทำาผิดเนื่องจากไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประ กอบของ
ความผิดตามมาตรา 59 วรรค 3 ว่า พระพุทธรูปนั้นเป็นวัตถุอันเป็นที่เคารพในศาสนาพุทธ โดยเข้าใจว่าเป็น
โบราณวัตถุชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ก่อให้เกิดความวุ่นวายในที่ประชุมศาสนิกชน

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
39

ขณะพุทธศาสนิกชนหลายคนนั่งฟังเทศน์ทางวิทยุโทรทัศน์ในบ้าน แดงแกล้งร้องตะโกนว่า ไฟไหม้


ทำาให้ผู้ที่นั่งฟังเทศน์ตกใจวิ่งหนีกันชุลมุน แดงจะผิดฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายในการประชุมศาสนิกชนตาม
มาตรา 207 หรือไม่
กรณีจะเป็นอย่างไร ถ้าแดงกระทำาเช่นนั้นในขณะที่ผู้อื่นนั่งฟังเทศน์อยู่บนศาลาพักร้อนในวัด โดยฟัง
จากลำาโพงที่ต่อจากเครื่องขยายเสียงในโบสถ์ที่พระกำาลังเทศน์อยู่
ความผิดตามมาตรา 207 นั้น ต้องประทำาลงในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมกันมนัสการ หรือ
กระทำาพิธีกรรมตามศาสนาโดยชอบด้วยกฎหมาย
กรณีแรก แดงจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 207 เพราะแม้การกระทำาของแดงจะเป็นการก่อให้เกิด
ความวุ่นวายขึ้นก็ตามแต่ก็มิได้ทำาขึ้นในเวลาที่ ศาสนิกชนประชุมกันทำาพิธีกรรมทางศาสนา แต่กรณีหลังแดงผิด
ตามมาตรา 207 นี้ เพราะได้ก่อความวุ่นวายในที่ป ระชุม ศาสนิ กชนในเวลาประชุ มกั นฟังเทศน์ อัน เป็น
พิธีกรรมทางศาสนาแม้จะเป็นการนั่งฟังเทศน์บนศาลาพักร้อนในวัดก็ตาม
มาตรา 207 ผู้ใดก่อให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชน เวลาประชุมกัน นมัสการ หรือ
กระทำา พิธีกรรมตามศาสนาใด ๆ โดย ชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกิน
สองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายในศาสนาโดยมิชอบ
นายโธมัสช่างภาพนิตยสารแฟชั่นได้ว่าจ้างนางสาวโยโก๊ะใส่ชุดว่ายนำ้า และให้กอดกับพระภิกษุใน
พุทธศาสนารูปหนึ่ง แล้วถ่ายภาพไปลงนิตยสารดังกล่าวโดยนายโธมัสรู้ว่าพระภิกษุเป็นที่เคารพในศาสนาพุทธ
นายโธมัสจะมีความผิดฐานกระทำาการเหยียดหยามศาสนาตามมาตรา 206 หรือไม่
นายโธมัสไม่ผิดตามมาตรา 206 เพราะแม้การกระทำาของนายโธมัสจะเป็นการกระทำาอันเป็นการ
เหยียดหยามศาสนาพุทธก็ตาม แต่นายโธมัสก็ได้กระทำาต่อพระภิกษุซึ่งเป็นบุคคลไม่ใช่วัตถุหรือสถานที่อันเป็น
ที่เคารพในศาสนาพุทธ
มาตรา 206 ผู้ใดกระทำาด้วยประการใด ๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่
ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีหรือปรับตั้งแต่สองพันบาท
ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน
1. อั้งยี่ได้แก่คณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำาเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อ
บุคคลเป็นสมาชิกของอั้งยี่ก็มีความผิดโดยไม่จำาต้องมีการกระทำาตามความมุ่งหมายนั้นแล้ว และจะต้อง
รับโทษหนักขึ้นถ้ามีตำาแหน่งหน้าที่ในอั้งยี่
2. การสมคบกันในความผิดฐานซ่องโจรนั้น จะต้องมีการประชุมหารือระหว่างผู้ร่วมกระทำา ผิดด้วยกัน
และต้องมีการตกลงในการที่จะกระทำาความผิดที่บัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ที่มีโทษจำา
คุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป มิใช่เพียงแต่มาประชุมหารือกันโดยมิได้มีการตกลงหรือตกลงกันไม่ได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
40

3. ผู้เข้าร่วมประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร มีความผิดฐานเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรด้วย แม้ว่าจะไม่ได้


เป็นสมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซ่องโจรก็ตาม
4. ผู้ที่ช่วยเหลืออุปการะอั้งยี่หรือซ่องโจรโดยให้ทรัพย์หรือโดยประการอื่น จัดหาที่ประชุมหรือที่พำานัก
ช่วยจำาหน่ายทรัพย์หรือชักชวนผู้อื่นให้เข้าเป็นสมาชิกอั้งยี่ หรือพรรคพวกซ่องโจร แม้จะไม่ใช่สมาชิก
อั้ งยี่ ห รื อ พรรคพวกซ่อ งโจรก็ ต าม ก็ ต้ อ งวางโทษในอั ต ราเดี ย วกั น กั บ สมาชิ ก อั้ งยี่ ห รื อ พรรคพวก
ซ่องโจร
5. สมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซ่องโจรอาจต้องรับโทษในความผิดที่สมาชิกอั้งยี่ หรือพรรคพวกซ่องโจร
คนอื่นกระทำา ไปตามความมุ่งหมายของอั้งยี่หรือซ่องโจร แม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นผู้กระทำา ผิดหรือร่วม
กระทำาผิดนั้นก็ตาม
6. การจัดหาที่พำา นั กที่ ซ่อ นเร้น หรื อที่ ประชุม ให้ แ ก่ผู้ กระทำา ผิด ที่บัญญั ติไว้ ในภาค 2 ของประมวล
กฎหมายอาญา ถ้าทำาเป็นปกติธุระ ก็เป็นความผิดอาญา
7. การมั่วสุมจะเป็นความผิดต่อเมื่อได้ใช้กำาลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญ หรือทำาให้เกิดความวุ่นวายในบ้าน
เมืองขึ้นแล้ว ลำาพังแต่การมั่วสุมเพื่อกระทำาผิด ยังไม่เป็นความผิด แต่ถ้าเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้ว ไม่
ยอมเลิ ก ก็เ ป็นความผิ ด แต่ต้ อ งสั่ง ก่ อ นผู้ ที่ มั่ ว สุม จะลงมื อ ใช้ กำา ลั งประทุ ษ ร้ า ย ขู่ เข็ ญ ว่า จะใช้ กำา ลัง
ประทุษร้าย หรือกระทำาการอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

ความผิดฐานเป็นอั้งยี่
ดำา ได้รวบรวมผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเดียวกันจำา นวนรวม 20 คน ตั้งเป็นกลุ่มรักษาความ
ปลอดภัยประจำาหมู่บ้าน เพื่อสอดส่องดูแลความปลอดภัย และแจ้งเหตุลักทรัพย์ที่เกิดในบริเวณหมู่บ้านจัด สรร
นั้นให้ทางการได้ทราบโดยกลุ่มรักษาความปลอดภัยนั้นได้ปกปิดวิธีดำาเนินการและเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการ
ดำาเนินการนั้นจากผู้ที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านนั้น ดำาและพวกมีความผิดฐานเป็นอั้งยี่ตามมาตรา 209 หรือไม่
การเป็น สมาชิ ก ของคณะบุ ค คลซึ่งปกปิ ด วิ ธี ก ารดำา เนิ น การ อัน เป็ น ความผิ ด ฐานอั้ งยี่ ต ามมาตรา
209 นัน้ ต้องเป็นคณะบุคคลที่มีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
แม้ดำาและพวกจะเป็นสมาชิกของกลุ่มรักษาความปลอดภัยประจำาหมู่บ้าน ซึ่งเป็นคณะบุคคลที่ปกปิด
วิธีดำาเนินการก็ตาม แต่ดำาและพวกก็ไม่มีความผิดฐานเป็นอั้งยี่ตามมาตรา 209 เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว
มีความมุ่งหมายเพื่อสอดส่องดูแลความปลอดภัยและแจ้งเหตุลักทรัพย์ให้ทางการทราบ ซึ่งเป็นความมุ่งหมาย
เพื่อการอันชอบด้วยกฎหมาย

ความผิดฐานเป็นซ่องโจร
เปรียบเทียบความแตกต่างของความผิดฐานเป็นอั้งยี่และฐานเป็นซ่องโจร
(1)ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ผิดเมื่อเข้าเป็นสมาชิกของอั้งยี่ แต่ซ่องโจรผิดเมื่อตกลงกระทำาความผิด
(2)ความผิดฐานเป็นอั้งยี่นั้นต้องมีผู้กระทำาความผิดอย่างน้อย 2 คน แต่ซ่องโจรจะต้องมีผู้กระทำา
ผิดอย่างน้อย 5 คน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
41

(3)ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ คณะบุคคลต้องตั้งขึ้นอย่างถาวร แต่ซ่องโจรไม่จำา เป็นต้องเป็นการถาวร


อาจตั้งขึ้นเพื่อกระทำาผิดครั้งหนึ่งคราวเดียวแล้วเลิกไปก็ได้
(4)ความผิดฐานเป็นอั้งยี่นั้นคณะบุคคลต้องมีความมุ่งหมายเพื่อกระทำาการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
ใดๆก็ได้ และจะมีโทษหนักเบาแค่ไหนก็ได้ แต่ซ่องโจรต้องมีความมุ่งหมายเพื่อกระทำาความผิด
ในภาค 2 ของประมวลกฎหมายอาญาเท่านั้น และจะต้องเป็นความผิดซึ่งมีกำา หนดโทษจำา คุก
อย่างสูงตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
(5)ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ การที่ต้องรับโทษหนักขึ้นนั้นพิจารณาจากตัวบุคคลว่าเป็นผู้มีตำา แหน่ง
หน้าที่ในอั้งยี่หรือไม่ (มาตรา 209 วรรคท้าย) แต่ซ่องโจรนั้นพิจารณาจากความร้ายแรงของ
โทษที่บัญญัติไว้สำาหรับความผิดที่มุ่งหมายกระทำาเป็นหลัก (มาตรา 210 วรรคท้าย)
มาตรา 209 ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำาเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการ
อันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำา ความ ผิดฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกิน
หนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าผู้กระทำาความผิดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตำาแหน่งหน้าที่ ในคณะบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่ เกินสองหมื่นบาท
มาตรา 210 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำาความผิด อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติ
ไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำาหนดโทษจำาคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำาความผิดฐาน เป็น
ซ่องโจร ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทำาความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำาคุกตลอดชีวิตหรือจำาคุกอย่าง
สูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท

ประชุมกับอั้งยี่หรือซ่องโจร
ดำาได้เดินพลัดหลงเข้าไปในห้องซึ่งสมาชิกอั้งยี่กำาลังประชุมอยู่ ดำาจึงค่อยๆย่องออกจากห้องดังกล่าว
ดำามีความผิดฐานประชุมกับอั้งยี่ตามมาตรา 211 หรือไม่
แม้ดำาจะได้อยู่ในที่ประชุมอั้งยี่ก็ตาม แต่ดำามิได้กระทำาผิดตามมาตรา 211 เนื่องจากเดินพลัดหลง
เข้าไปโดยไม่รู้ว่าเป็นที่ประชุมอั้งยี่ ดำาไม่มีเจตนากระทำาความผิดตามมาตรานี้
มาตรา 211 ผู้ใดประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร ผู้นั้นกระทำา ความผิดฐานเป็นอั้งยี่หรือ
ซ่องโจร เว้นแต่ผู้นั้นจะแสดงไว้ว่าได้ประชุม โดยไม่รู้ว่าเป็นการประชุมของอั้งยี่หรือซ่องโจร

อุปการะอั้งยี่และซ่องโจร
อั้งยี่เอาทองคำาที่ได้มาจากการกรรโชกทรัพย์ผู้อื่น มาให้ดำาช่วยขาย ดำารับเอาไว้แต่ยังไม่ได้ขาย ต่อมา
ตำารวจได้ปราบปรามอั้งยี่คณะนั้นจนต้องเลิกไป ภายหลังจากอั้งยี่ล้มไปแล้ว ดำาจึงได้เอาทองคำาที่รับไว้ไปขาย
ดำาจะมีความผิดฐานช่วยจำาหน่ายทรัพย์ให้อั้งยี่หรือไม่

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
42

การที่ดำา ช่วยขายทองคำา ที่อั้งยี่ได้มาจากการกระทำา ความผิดฐานกรรโชกนั้น ดำา ย่อมีความผิด ตาม


ปอ.มาตรา 212(4) ฐานช่วยจำา หน่ายทรัพย์ที่อั้งยี่ได้มาโดยการกระทำาความผิด แม้เป็นการช่วยจำา หน่าย
ทรัพย์ภายหลังที่อั้งยี่เลิกไปแล้วก็ตาม
มาตรา 212 ผู้ใด
(1) จัดหาที่ประชุมหรือที่พำานักให้แก่อั้งยี่หรือซ่องโจร
(2) ชักชวนบุคคลให้เข้าเป็นสมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซ่องโจร
(3) อุปการะอั้งยี่หรือซ่องโจรโดยให้ทรัพย์ หรือโดยประการอื่น หรือ
(4) ช่วยจำาหน่ายทรัพย์ที่อั้งยี่หรือซ่องโจรได้มาโดยการกระทำา ความผิด
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำาความผิดฐานเป็นอั้งยี่หรือ ซ่องโจรแล้วแต่กรณี

สมาชิกอั้งยี่หรือซ่องโจรกระทำาผิด
ดำา ฟ้า และผู้อื่นอีก 7 คน สมคบกันวางแผนไปปล้นร้านค้าทองคำา แต่เมื่อถึงวันนัดปรากฏว่าทำาการ
ปล้นไม่ได้เพราะมีตำารวจมาเฝ้าร้าน รุ่งขึ้นมีการประชุมวางแผนปล้นใหม่ แต่ในการประชุมคราวนี้ ดำาและ ฟ้า
ไม่ได้เข้าประชุมด้วย เพราะติดธุระอื่น และพรรคพวกได้ทำาการปล้นสำาเร็จ ดำาและฟ้า ต้องรับผิดเพียงใด
ดำาและฟ้า สมคบกับผู้อื่นอีก 7 คน เพื่อปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดตาม ปอ. ภาค 2 และมีกำาหนด
โทษจำาคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ดำาและฟ้าจึงผิดฐานเป็นซ่องโจร ตาม ปอ.มาตรา 210 วรรค 2 แม้
จะมิได้มีการลงมือปล้นทรัพย์ในการสมคบกันครั้งแรกก็ตาม
แต่ดำาและฟ้าไม่ได้รวมประชุมวางแผนปล้นครั้งหลัง เมื่อพรรคพวกซ่องโจรอื่นไปปล้นทรัพย์สำาเร็จ
ตามแผนการที่ประชุมครั้งหลัง อันเป็นสมคบกันคนละคราวคนละวาระ ดำา และฟ้าซึ่งไม่ได้ร่วมประชุมหรือ
สมคบในแผนการวางแผนปล้นครั้งหลัง จึงไม่ต้องรับผิดฐานปล้นทรัพย์ที่ตนไม่ได้ร่วมกระทำาด้วย กรณีไม่เข้า
ปอ. มาตรา 213

ประพฤติตนเป็นปกติธุระจัดหาที่พำานัก ที่ซ่อนเร้น หรือที่ประชุมแก่ผู้กระทำาความผิด


เข้มได้ฆ่าผู้อื่นแล้วหนีมาขอหลบซ่อนตัวที่บ้านแข็ง แข็งสงสารเพราะเห็นว่าเข้มฆ่าคนโดยบันดาล
โทสะจึงยอมให้เข้มซ่อนตัวอยู่ 2 วัน แข็งมีความผิดตามมาตรา 214 หรือไม่อย่างไร
แข็งไม่มีความผิดตามมาตรา 214 เนื่องจากแม้แข็งจะเป็นผู้จัดหาที่พำานักหรือที่ซ่อนเร้นให้แก่เข้ม
ซึ่งตนรูว้ ่าเป็นผู้กระทำาผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 ก็ตาม แต่แข็งก็ไม่ได้ประพฤติตนดังกล่าวเป็น
ปกติธุระ
มาตรา 214 ผู้ใดประพฤติตนเป็นปกติธุระเป็นผู้จัดหาที่พำานักที่ ซ่อนเร้นหรือที่ประชุมให้บุคคล
ซึ่งตนรู้ว่าเป็นผู้กระทำาความผิดที่บัญญัติ ไว้ในภาค 2 นี้ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน
หกพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำาความผิดนั้น เป็นการกระทำาเพื่อช่วยบิดา มารดา บุตร สามีหรือภริยาของผู้กระทำา ศาล
จะไม่ลงโทษก็ได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
43

มัว่ สุมทำาให้เกิดความวุน่ วายในบ้านเมือง


กรรมกรก่อสร้าง 12 คน และกรรมกรรถไฟ 11 คน เข้าไปนั่งกินอาหารในร้านแห่งหนึ่ง โดย
แยกนั่งคนละโต๊ะ กรรมกรก่อสร้างคนหนึ่งเกิดทะเลาะกับกรรมกรรถไฟคนหนึ่ง แล้วต่อสู้ชกต่อยกัน กรรมกร
ทั้งสองฝ่ายจึงเข้าช่วยเพื่อนของตน เกิดชุลมุนต่อสู้กัน ทำาให้เกิดความวุ่นวายในร้านอาหาร กรรมกร 23 คน
นัน้ ผิดฐานมั่วสุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมาตรา 215 หรือไม่
กรรมกรทั้ง 23 คนนั้นไม่ผิดตามมาตรา 215 เพราะแม้ในการชุลมุนต่อสู้กันนัน้ จะมีการใช้กำาลัง
ประทุษร้าย แต่การชุลมุนต่อสู้นั้นได้เกิดในลักษณะต่างคนต่างทำา แต่ละฝ่ายมิได้ตกลงที่จะร่วมกระทำา กันมา
ก่อน แต่อาจผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ตามมาตรา 299 ถ้ามีบุคคลได้รับอันตรายสาหัส หรือมีความ
ผิดลหุโทษตามมาตรา 372
มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำาลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย
หรือกระทำาการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิด การวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าผู้กระทำาความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดาผู้ที่กระทำาความ ผิดต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสอง
ปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าผู้กระทำา ความผิดเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการ กระทำา ความผิดนั้น ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน (1)
1. การวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นการเผาทรัพย์ของผู้อื่นโดยเจตนา ไม่ใช่เผาทรัพย์สินของตนเองหรือที่
ตนเองเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย หรือเผาทรัพย์ไม่มีเจ้าของ กฎหมายบัญญัติให้ผู้กระทำาผิดต้องรับ
โทษหนักขึ้น ในกรณีวางเพลิงเผาทรัพย์บางประเภท อนึ่งแม้เพียงตระเตรียมการวางเพลิงเผา
ทรัพย์ผู้อนื่ ก็ต้องระวางโทษเช่นเดียวกันกับความผิดฐานพยายามวางเพลิง
2. การทำาให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุหรือทรัพย์ของตนเองหรือทรัพย์ไม่มีเจ้าของ ก็เป็นความผิดได้ ถ้า
การกระทำานั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์ของผุ้อื่น
3. การทำาให้เกิดระเบิดจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อมีลักษณะน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น หรือทรัพย์ของผู้
อื่น
4. ผู้วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น หรือทำาให้เกิดระเบิดต้องรับโทษหนักขึ้น ถ้ากระทำาให้ผู้อื่นตายหรือรับ
อันตรายสาหัส ผู้วางเพลิงเผาทรัพย์ หรือทำาให้เกิดเพลิงไหม้วัตถุ หรือทำาให้เกิดระเบิด ต้องระวาง
โทษน้อยลง ถ้ากระทำาต่อทรัพย์ที่มีราคาน้อยหรือการกระทำานั้นไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น
5. การกระทำาให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท จะเป็นความผิดเมื่อเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย
หรือน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของผู้อื่น

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
44

วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น
แดงโกรธดำาและต้องการแกล้งดำา จึงแก้เชือกผูกเรือยนต์ที่จอดไว้แล้วนำาไปจุดไฟเผาปล่อยให้ลอยไป
ตามนำ้า ไฟไหม้หลังคาเรือเล็กน้อย พอมีฝนตกหนักไฟเลยดับ แดงมีความผิดหรือไม่
การที่แดงจุดไฟเผาเรือยนต์ของดำา เป็นการวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น เมื่อหลังคาเรือยนต์นั้นติดไฟ
ลุกไหม้แม้เพียงเล็กน้อย ก็เป็นความผิดสำาเร็จ แดงมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นตามมาตรา 217
อนึ่งถ้าเรือยนต์ดังกล่าวนั้นมีระวางตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไปและใช้ในการขนส่งสาธารณะ แดงย่อมมีความ
ผิดตามมาตรา 218 ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้แดงต้องรับโทษหนักขึ้น
มาตรา 217 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำา คุก ตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และ
ปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
มาตรา 218 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ดังต่อไปนี้
(1) โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย
(2)โรงเรือน เรือ หรือแพอันเป็นที่เก็บหรือที่ทำาสินค้า
(3)โรงมหรสพหรือสถานที่ประชุม
(4) โรงเรื อนอันเป็น สาธารณสมบั ติ ข องแผ่ น ดิน เป็น สาธารณสถาน หรือ เป็ น ที่ สำา หรั บ ประกอบ
พิธีกรรมตามศาสนา
(5)สถานีรถไฟ ท่าอากาศยานหรือที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ
(6) เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ อันมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไปอากาศยาน หรือรถไฟที่ใช้ในการขนส่ง
สาธารณะ
ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำาคุกตลอดชีวิต หรือจำาคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี

กระทำาให้เกิดเพลิงไหม้วัตถุ
แดงจุดไฟเผาเรียวไผ่ที่โคนกอไผ่ ขณะที่ลมพัดแรง ที่ที่แดงจุดไฟมีป่าไผ่ติดต่อกันเป็นพืด 20 กอ
แห้งบ้างสดบ้าง และใกล้ๆ กันนัน้ ก็มีบ้านเรือนเกษตรกรอยู่หลายหลัง มีคนมาห้ามไม่ให้แดงจุดไฟ แต่แดงก็ไม่
เชื่อไฟไหม้กิไผ่ และลูกไฟถูกลมพัดแรงไปตกบนหลังคาแฝกบ้านเรือนของผู้อื่น ไหม้บ้านเรือนของผู้อื่น ไหม้
บ้านเรือนไปหลายหลัง ให้วินิจฉัยว่าแดงมีความผิดตามมาตรา 220 หรือไม่
การที่แดงจุดไฟเผาเรียวไผ่นั้น เป็นการกระทำาให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ เมื่อได้ทำาขณะที่ลมแรง
และ ณ ที่ที่นั้นมีป่าไผ่ติดต่อกันเป็นพืด โดยมีบ้านเรือนเกษตรกรอยู่ใกล้ๆหลายหลัง จึงเป็นเหตุการณ์ทำาให้เกิด
เพลิงไหม้ในลักษณะที่นา่ จะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น แดงจึงมีความผิดตามมาตรา 220 วรรคแรก และ
เมื่อการกระทำาดังกล่าวเป็นผลให้บ้านอันเป็นโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยตามมาตรา 218(1) เกิดเพลิงไหม้ แดง
จึงผิดตามมาตรา 220 วรรคท้าย ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้แดงต้องรับโทษหนักขึ้น
มาตรา 220 ผู้ใดกระทำาให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ แม้เป็นของ ตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่
บุคคลอืน่ หรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้อง ระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
45

ถ้าการกระทำาความผิดดังกล่าวในวรรคแรก เป็นเหตุให้เกิดเพลิง ไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ใน มาตรา


218 ผูก้ ระทำาต้องระวางโทษ ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 218

กระทำาให้เกิดการระเบิด
ดำาโมโหแดงที่เกี่ยวพาราสีแฟนของตน จึงได้นำา ระเบิดขวดขว้างเข้าไปในบ้านของแดง เป็นเหตุให้
ห้องรับแขกในบ้านของแดงเสียหาย ดำามีความผิดหรือไม่ อย่างไร
ดำาขว้างระเบิดขวดเข้าไปในบ้านของแดง เป็นเหตุให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์สินของ
แดง ดำาจึงมีความผิดตามมาตรา 221
เนื่องจากการกระทำาดังกล่าวของดำาเป็นเหตุให้ห้องรับแขกในบ้านของแดง ซึ่งเป็นโรงเรือนที่คนอาศัย
อยู่ตามมาตรา 218(1) เสียหายแม้เพียงบางส่วน ดำาจึงต้องระวางโทษตามมาตรา 218 ตาม ปอ.มาตรา
222
มาตรา 221 ผู้ใดกระทำาให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล อื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปีและปรับไม่ เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
มาตรา 222 ผู้ใดกระทำา ให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตราย แก่ทรัพย์ดังกล่าวใน มาตรา
217 หรือ มาตรา 218 ต้องระวางโทษ ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา นัน้ ๆ

เหตุที่ทำาให้รับโทษน้อยลงหรือหนักขึ้น
แดงวางเพลิงเผารถยนต์ของขาว เขียวเอานำ้าเข้าไปช่วยดังเพลิง พอดีกับถังนำ้ามันในรถระเบิดขึ้น เขียว
ถูกไฟลวกตามร่างกายอาการสาหัส ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและถึงแก่กรรมเพราะทนพิษบาดแผล
ไม่ไหวในเวลาต่อมา ถามว่า จะลงโทษแดงตามมาตรา 224 วรรคแรกได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
มาตรา 224 วรรคแรกเป็น บทบัญญัติ ให้ผู้ก ระทำา ความผิ ด ตามมาตรา 217, 218, และ
มาตรา 222 ต้องรับโทษหนักขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำา ดังนั้น ผลของการกระทำาดังกล่าวต้องเป็นผลที่
ตามธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้ ตาม มาตรา 63
ความตายของเขียวมิใช่ผลซึ่งตามปกติย่อมเกิดจากการวางเพลิงเผารถยนต์ แต่เกิดจากการที่เขียวเข้าไป
ช่วยดังเพลิง ความตายจึงมิใช่ผลธรรมดาของการกระทำาของแดง จึงลงโทษแดงตามมาตรา 224 ไม่ได้
มาตรา 63 ถ้าผลของการกระทำา ความผิดใดทำา ให้ผู้กระทำา ต้องรับโทษหนักขึ้น ผลของการกระ
ทำาความผิดนั้นต้องเป็นผลที่ตามธรรมดา ย่อมเกิดขึ้นได้
มาตรา 224 ถ้าการกระทำาความผิดดังกล่าวใน มาตรา 217 มาตรา 218 มาตรา 221
หรือ มาตรา 222 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำาคุกตลอด
ชีวิต
ถ้าเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิต จำาคุกตลอดชีวิต หรือ
จำาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
46

กระทำาให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
ฟ้าเจียวนำ้ามันหมูในกระทะ แต่ใช้ไฟแรงเกินไป ไฟจึงลุกนำ้ามันในกระทะลุกลามไหม้เสื้อผ้าของฟ้า
เป็นอันตราย และแฝกมุงหลังคาบ้านเสียหาย บ้านของฟ้าก็อยู่ใกล้ชิดกับบ้านผู้อื่นอีกหลายหลัง แต่เพื่อบ้านช่วย
กันดับไฟทันไฟจึงไม่ลุกลามไปไหม้บ้านผู้อนื่ การกระทำาของฟ้าจะเป็นความผิดตาม มาตรา 225 หรือไม่
ไม่มีเจตนาที่จะทำาให้เกิดเพลิงไหม้ แต่ฟ้าไม่ระมัดระวังให้ดีในการเจียวนำ้ามันจึงเกิดเพลิงไหม้ ถือว่า
ฟ้าประมาททำาให้เกิดเพลิงไหม้ แต่เพลิงไหม้นี้ไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตผู้อื่นคงมีแต่ฟ้าที่ได้รับอันตราย และ
ไม่เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น เพียงแต่น่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นเท่านั้น จึงยังไม่
เป็นความผิดตามมาตรา 225
มาตรา 225 ผู้ใดกระทำา ให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุ ให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย
หรือการกระทำาโดยประมาทนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือ
ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน (2)
1. การกระทำาใดๆ แก่โรงเรียน อู่เรือ ที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ ฯลฯ หรือกระทำาเพื่อให้เกิดอุทกภัย
หรือเพื่อให้เกิดขัดข้องแก่การใช้นำ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภค หรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
อันพึงกระทำา ในการออกแบบ ควบคุมหรือทำา การก่อ สร้าง ฯลฯ อาคารหรือสิ่งปลูก สร้าง ถ้าได้
กระทำาในลักษณะน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นแล้ว ก็เป็นความผิด
2. การกระทำาอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจร ไม่ว่ากระทำาต่อทางสาธารณะ ที่ขึ้นลงของ
อากาศยาน ทางรถไฟหรือทางรถราง หรือสิ่งซึ่งเป็นสัญญาณเพื่อความปลอดภัยในการจราจร ก็เป็น
ความผิด
3. การกระทำาแก่ยานพาหนะบางอย่าง เช่น เรือเดินทะเล อากาศยาน รถไฟหรือรถราง ฯลฯ หรือการใช้
ยานพาหนะรับจ้างขนส่งคนโดยสาร ถ้ามีลักษณะน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล ก็เป็นความผิด
4. การกระทำาแก่สิ่งที่ใช้ในการผลิต ในการส่งพลังไฟฟ้า หรือส่งนำ้า นั้น เป็นความผิด ถ้าเป็นเหตุให้
ประชาชนขาดความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน การกระทำา ให้การ
สื่อสารขัดข้องนั้น จะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการสื่อสารสาธารณะเท่านั้น
5. การปลอมอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภคและการเอาของที่มีพิษหรือสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายแก่
สุขภาพเจือลงในอาหาร หรือในนำ้า แม้ยังไม่เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น ก็อาจเป็นความผิด
6. ผู้กระทำาความผิดตามมาตรา 226 ถึงมาตรา 237 ต้องรับโทษหนักขึ้น ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย
หรือได้รับอันตรายสาหัส
7. การกระทำาตามมาตรา 226 ถึงมาตรา 237 แม้ได้กระทำาโดยประมาท ก็เป็นความผิด ถ้าใกล้
จะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น
มาตรา 226 ผู้ใดกระทำาด้วยประการใด ๆ แก่โรงเรือน อู่เรือ ที่ จอดรถหรือเรือสาธารณ ทุ่นทอด
จอดเรือ สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร เครื่องกลสายไฟฟ้า หรือสิ่งที่ทำาไว้เพื่อป้องกันอันตรายแก่บุคคลหรือ ทรัพย์
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
47

จนน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษ จำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท


หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 227 ผู้ใดเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุมหรือ ทำาการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อ
ถอน อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำาการนั้น โดย ประการที่น่า
จะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษ จำาคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง
จำาทั้งปรับ

การกระทำาอันน่าจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์
เขียวปิดกั้นทำานบเพื่อให้นำ้าไหลเข้าสู่นาของตน ตั่งใจว่าเมื่อได้นำ้าทำานาพอแล้วก็จะเปิดทำานบ แต่เกิด
ฝนตกหนักมาก ทำาให้เกิดนำ้าท่วมเหนือทำานบอย่างรวดเร็ว เพราะไม่สามารถไหลผ่านทำานบได้ สุกรในเล้าของผู้
อื่นจมนำ้าตายหลายตัวให้วินิจฉัยว่าเขียวผิดตามมาตรา 228 หรือไม่
การกระทำาตามมาตรา 228 นัน้ ผู้กระทำาต้องมีเจตนาพิเศษ เพื่อให้เกิดอุทกภัย
การที่เขียวปิดทำานบเพื่อชักนำ้าเข้านาของตนเองนั้น แม้จะเป็นการกระทำาใดๆ ให้เกิดอุทกภัยนำ้า ท่วม
เป็นเหตุให้สุกรของผู้อื่นตายก็ตาม เขียวก็ไม่ผิดตามมาตรานี้เนื่องจากไม่มีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดอุทกภัยนำ้าท่วม
แต่อย่างใด
มาตรา 228 ผู้ใดกระทำาการด้วยประการใด ๆ เพื่อให้เกิดอุทกภัย หรือเพื่อให้เกิดขัดข้องแต่การใช้
นำ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคถ้าการ กระทำา นั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์ของผู้อื่นต้อ ง ระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง จำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำา ผิดดังกล่าวในวรรคแรก เป็นเหตุให้เกิดอันตราย แก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ผู้
กระทำาต้องระวางโทษจำาคุก ตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

กากระทำาอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจร
เหลืองเห็นรถไฟแล่นตามรางมาในระยะไกล จึงเอาไม้กระดานเก่าผุแล้วบางๆ วางขวางทางรถไฟเพื่อ
ให้รถไฟทับ เหลืองจะมีความผิดตามมาตรา 230 หรือไม่
การกระทำาความผิดตามมาตรา 230 นั้น ต้องมีลักษณะน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การเดินรถ
ไฟ หรือรถราง
แม้เหลืองจะเอาไว้กระดานเก่าผุแล้วบางๆ 1 แผ่น อันเป็นสิ่งใดๆ วางกีดขวางทางรถไฟก็ตาม เหลือง
ก็ไม่ผิดตามมาตรานี้ เพราะการกระทำาดังกล่าวไม่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การเดินรถไฟ
มาตรา 230 ผู้ใดเอาสิ่งใด ๆ กีดขวางทางรถไฟหรือทางรถรางทำา ให้รางรถไฟหรือรางรถรางหลุด
หลวมหรือเคลื่อนจากที่หรือกระทำาแก่เครื่องสัญญาณจนน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การเดินรถไฟ หรือรถ
รางต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่ หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

การกระทำาแก่ยานพาหนะหรือใช้ยานพาหนะรับจ้างขนส่งคนโดยสาร
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
48

ดำาเอาเรือยนต์ไปรับจ้างบรรทุกผลไม้ จนเต็มทั้งลำาเรือและต้องบรรทุกไว้บนหลังคาเรือด้วย ไม่มีที่จะ


รับคนโดยสารได้ จนทำาให้เรือเพียบอย่างหนักและในเรือก็มีดำาคนเดียว แม้ดำาจะเห็นว่าเรือบรรทุกจนเพียบผิด
ธรรมดาอย่างนั้นก็ตาม แต่ดำาก็คงขับเรือเพื่อเอาของไปส่ง ดำาจะมีความผิดตามมาตรา 233 หรือไม่
ความผิดตามมาตรา 233 ต้องเป็นการใช้ยานพาหนะรับจ้างขนส่งคนโดยสาร และต้องมีลักษณะ
หรือการบรรทุกจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลในยานพาหนะซึ่งหมายถึงคนโดยสารที่ขนส่งมาในยานพาหนะ
นัน้
ดำาไม่ผิดตามมาตรานี้ เพราะดำาเอาเรือยนต์ไปรับจ้างบรรทุกผลไม้ไม่ใช่ขนส่งคนโดยสารและแม้ดำาจะ
บรรทุกของจนเพียบหนัก การบรรทุกนั้นก็น่าจะเป็นอันตรายแก่ดำา เพียงคนเดียว ไม่ได้เป็นอันตรายแก่คน
โดยสาร
มาตรา 233 ผู้ใดใช้ยานพาหนะรับจ้างขนส่งคนโดยสารเมื่อ ยานพาหนะนั้น มีลักษณะหรือมีการ
บรรทุกจนน่าจะเป็นอันตราย แก่บุคคลในยานพาหนะนั้น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน
สองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

การกระทำาให้เกิดความขัดข้องในกิจการสาธารณูปโภค
ดำาโกรธแดง และต้องการจะแกล้งแดง จึงแอบตัดสายโทรศัพท์เข้าบ้านแดง ทำาให้แดงไม่สามารถใช้
โทรศัพท์ได้ ดำามีความผิดตามมาตรา 235 หรือไม่
ความผิดตามมาตรา 235 จะต้องเป็นการกระทำา ใดๆให้การสื่อสารสาธารณเกิดขัดข้อง คือต้อง
ทำาให้ประชาชนทั่วไปได้รับความสะดวกในการสื่อสารสาธารณะ
ดำา ไม่ผิดตามมาตรา 235 เพราะแม้การตัดสายโทรศัพท์เข้าบ้านแดงจะทำา ให้การสื่อสารขัดข้อง
แดงไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่การสื่อสารสาธารณะ เนื่องจากคงมีแต่แดงเจ้าของโทรศัพท์ที่ไม่
ได้รับความสะดวกเท่านั้น
มาตรา 235 ผู้ใดกระทำาการด้วยประการใด ๆ ให้การสื่อสารสาธารณ ทางไปรษณีย์ ทางโทรเลข
ทางโทรศัพท์หรือทางวิทยุขัดข้องต้อง ระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำา ทั้ง
ปรับ

การปลอมปนอาหารหรือเจือของมีพิษในอาหาร
ดำาเป็นคนใช้ทำางานบ้าน ดำาไม่พอใจนายจ้างที่ชอบดุด่าและใช้ให้ทำางานแทบไม่ต้องพักผ่อน ดำาขอลา
ออกกลับบ้านนายจ้างก็ไม่ยอม วันหนึ่งดำาจึงลอบเอายาเบื่อมาใส่ลงไปในแกงที่ปรุงให้นายจ้างกินเพื่อจะได้หนี
ออกจากบ้านไป พอนายจ้างกินก็มีอาการวิงเวียนศีรษะ เป็นลมไป ดำาจะมีความผิดหรือไม่
ดำาผิดตาม ปอ.มาตรา 236 เพราะการเอายาเบื่อมาใส่ลงในแกงนั้น เป็นการปลอมปนอาหารเพื่อ
ให้บุคคลอื่นคือนายจ้างกิน เมื่ อการปลอมปนนั้นน่า จะเป็น เหตุให้ เกิ ดอั นตรายแก่ สุขภาพของผู้ อื่น นั่นคื อ
นายจ้างมีอาการวิงเวียนศีรษะเป็นลมไป ดำาจึงผิดตามมาตรานี้

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
49

แต่ดำา ไม่ผิ ด ตามมาตรา 237 เนื่อ งจากเป็ นอาหารที่ จั ด ให้ นายจ้ า งกิ น โดยเฉพาะ ไม่ ใ ช่ เ พื่อ ให้
ประชาชนทั่วไปบริโภค
มาตรา 236 ผู้ใดปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภค อื่นใดเพื่อบุคคลอื่นเสพย์หรือใช้
และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุ ให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำา หน่าย หรือเสนอขายสิ่งเช่นว่านั้น เพื่อ
บุคคลเสพย์หรือใช้ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับ ไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 237 ผู้ใดเอาของที่มีพิษหรือสิ่งอื่นทีน่ ่าจะเป็นอันตรายแก่ สุขภาพเจือลงในอาหาร หรือใน
นำ้าซึ่งอยู่ในบ่อ สระหรือที่ขังนำ้าใด ๆ และอาหารหรือนำ้านั้นได้มีอยู่หรือจัดไว้เพื่อประชาชนบริโภค ต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงสองหมื่นบาท

เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
ฟ้าวางเพลิงเผาบ้านม่วง เป็นเหตุให้ม่วงถึงแก่ความตาย ฟ้าต้องรับผิดตามมาตรา 238 หรือไม่
อย่างไร
มาตรา 238 บัญญั ติใ ห้ผู้ก ระทำา ต้อ งรั บโทษหนั ก ขึ้ น เฉพาะเมื่ อ ได้ ก ระทำา ความผิ ด ตามมาตรา
226 ถึงมาตรา 237 เท่านั้น
ฟ้าไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 238 เพราะการวางเพลิงเผาบ้านของผู้อื่นไม่ได้เป็นความผิดตามมาตรา
226 ถึงมาตรา 237 แต่เป็นความผิดตามมาตรา 218 ซึ่งฟ้าต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 224
เนื่องจากเป็นเหตุให้ม่วงถึงแก่ความตาย
มาตรา 238 ถ้าการกระทำา ความผิดตาม มาตรา 226 ถึง มาตรา 237 เป็นเหตุให้บุคคล
อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำา คุกตลอดชีวิตหรือจำา คุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่ง
หมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษ จำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับ
ตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

กรณีกระทำาโดยประมาท
ขณะเขียวทำา อาหารกลางวันส่งให้โรงเรียนแห่งหนึ่ง เขียวได้หยิบเครื่องเทศที่มีสารพิษปนอยู่ใน
อาหารดังกล่าวโดยประมาท นักเรียนในโรงเรียนดังกล่าวได้ทานอาหารที่เขียวทำาไปแล้วมีอาการอาเจียนทุกคน
เขียวมีความผิดฐานปลอมปนอาหารโดยประมาทหรือไม่
แม้เขียวจะได้ใส่สารพิษลงในอาหารดังกล่าวโดยประมาท แต่เ ขียวก็ไ ม่ มีความผิ ดฐานปลอมปน
อาหารโดยประมาทตามมาตรา 239 เพราะนักเรียนมีอาการเพียงอาเจียน การกระทำาของเขียวดังกล่าวไม่ได้
ใกล้จะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของนักเรียน
มาตรา 239 ถ้าการกระทำา ดังกล่าวใน มาตรา 226 ถึง มาตรา 237 เป็นการกระทำา โดย
ประมาท และใกล้จะเป็นอันตรายแต่ชีวิต ของบุคคลอื่น ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ
ไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
50

ความผิดเกี่ยวกับการค้า
1. การใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งตวงวัด เครื่องตวงหรือเครื่องวัดที่ผิดอัตรา จะเป็นความผิดก็ต่อ
เมื่อกระทำาเพื่อเปรียบเทียบในการค้า แต่การมีเครื่องเช่นว่านั้นไว้เพื่อขายก็ผิดเช่นกัน แม้ไม่ปรากฏ
ข้อเท็จจริงว่ากระทำาเพื่อเอาเปรียบในการค้า
2. การขายของโดยหลอกลวงนั้นต้องเป็นการหลอกลวงให้หลงเชื่อในแหล่งกำาเนิด สภาพ คุณภาพหรือ
ปริมาณของที่ขายเท่านั้น และต้องไม่ถึงขนาดเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
3. การเอาเปรียบในทางการค้าอาจทำาโดยหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าหรือ
สถานการค้าของผู้อื่นหรือโดยไขข่าวแพร่หลายข้อความเท็จเพื่อให้เสียความเชื่อถือในกิจการ
4. การปลอมหรื อ เลี ย นเครื่ อ งหมายการค้ า ของผู้ อื่ น นั้ น จะเป็ น ความผิ ด ได้ ก็ ต่ อ เมื่ อ เป็ น
เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้ว
5. การนำา เข้ามาในราชอาณาจัก ร จำา หน่ ายหรื อเสนอจำา หน่ายสินค้ าที่ มีชื่ อ รูป รอยประดิ ษ ฐ์ หรื อ
ข้อความในทางการค้าหรือเครื่องหมายการค้าที่ปลอมหรือเลียนมา เป็นความผิดอาญา

ความผิดเกี่ยวกับเครื่องชั่ง เครื่องตวง และเครื่องวัดที่ผิดอัตรา


สุธรรมแก้ไขเครื่องชั่งให้ผิดอัตราเพื่อนำาไปเอาเปรียบทางการค้า แต่ปรากฏว่าเมื่อนำาไปชั่งขายสิ่งของ
ในวันเดียวกันกลับเสียเปรียบเพราะเครื่องชั่งทำางานผิดพลาด เช่นนี้สุธรรมมีความผิดหรือไม่
การที่สุธรรมแก้ไขเครื่องชั่งให้ผิดอัตรา และมีเครื่องชั่งนั้นไว้เพื่อเอาเปรียบทางการค้า ย่อมมีความผิด
ฐานมีไว้เพื่อใช้ตามมาตรา 270 แล้ว
ต่อมาในวันเดียวกันสุธรรมนำา เครื่องชั่งที่ผิดอัตราดังกล่าวไปใช้เพื่อเอาเปรียบทางการค้า ย่อมเป็น
ความผิดฐานใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้าตามมาตรานี้ แม้ตามความเป็นจริงสุธรรมจะเอา
เปรียบก็ตาม เพราะกฎหมายบัญญัติว่า “เพื่อเอาเปรียบทางการค้า” จึงไม่จำา เป็นต้องมีผลได้เปรียบ ความผิดก็
สำาเร็จ
การมีไว้เพื่อใช้และใช้เครื่องชั่งดังกล่าวในวันเดียวกัน ถือว่าจำาเลยมีเจตนาอันเดียวกัน จึงเป็นความผิด
กรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษหนักตามมาตรา 270
มาตรา 270 ผู้ใดใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่ง เครื่องตวง หรือเครื่องวัด ที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบ
ในการค้าหรือมีเครื่องเช่นว่านั้นไว้เพื่อขายต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้ง
จำาทั้งปรับ

ความผิดเกี่ยวกับการขายของหลอกลวง
ดำา ช่างตัดเสื้อผ้าต้องการจะซื้อด้าย 1 หลอดไปเย็บผ้า จึงได้ไปที่ร้านแดง แดงบอกดำา ว่าด้ายยาว
200 หลาราคา 30 บาท ซึ่งความจริงแล้วด้ายยาว 100 หลา ราคาเพียง 18 บาท ดำาดูหลอดด้ายแล้วก็

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
51

รู้ว่ายาวไม่ถึง 200 หลา แต่ก็ได้ซื้อด้ายหลอดนั้นไปเนื่องจากต้องรีบไปเย็บเสื้อผ้าให้ลูกค้า แดงมีความผิด


ตามมาตรา 271 หรือไม่
แดงไม่ผิดฐานฉ้อโกง เพราะดำาซื้อด้ายหลอดนั้นไป เพราะต้องการด้ายนั้นไปรีบเย็บเสื้อผ้าให้ลูกค้า
โดยไม่คำานึงว่าด้ายหลอดนั้นจะมีความยาวถึง 200 หลาตามที่หลอกลวงหรือไม่ การที่แดงได้เงินค่าซื้อด้าย
ไปจากดำาจึงไม่ใช่เป็นการที่แดงได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากดำาผู้ถูกหลอกลวงโดยการหลอกลวงนั้น
แดงมีความผิดตามมาตรา 271 เพราะการที่แดงซึ่งเป็นผู้ขายของได้บอกดำา ว่า ด้ายยาว 200
หลา ซึ่งความจริงด้ายยาวเพียง 100 หลา เป็นการขายของโดยหลอกลวงดำา ผู้ซื้อในเรื่องปริมาณแห่งของที่
ขายอันเป็นเท็จและการกระทำานั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
แต่ดำาได้ซื้อด้ายหลอดนั้นไปไม่ใช่เพราะหลงเชื่อในการหลอกลวงของแดง แดงจึงมีความผิดเพียงฐาน
พยายามขายของโดยหลอกลวงตามมาตรา 271
มาตรา 271 ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำาเนิด สภาพ
คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้น อันเป็นเท็จถ้าการกระทำานั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวาง โทษจำาคุก
ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

การหลอกลวงหรือไขข่าวเกี่ยวกับการค้า
บัญญัติผลิตดินสอดำาขายโดยมีเครื่องหมายการค้าเป็นรูปวงกลม ดินสอดำาของบัญญัติมีสามสีคือ แดง
ดำา และขาว ความยาว 6 นิ้ว ประกอบก็ผลิตดินสอขายบ้าง มีรูปแบบและลักษณะเป็นอย่างเดียวกับของ
บัญญัติ แต่ประกอบใช้เครื่องหมายการค้าของตนเอง กรณีเช่นนี้ประกอบมีความผิดตามมาตรา 272(1)
หรือไม่
ประกอบไม่มีความผิดตามมาตรา 272(1) เพราะมาตรา 272(1) ไม่ห้ามการผลิตสินค้าที่มี
รูปแบบหรือลักษณะซำ้ากับสินค้าของผู้อื่น แต่ใช้รูปหรือรอยประดิษฐ์ทางการค้าต่างกัน
มาตรา 272 ผู้ใด
(1) เอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบ การค้าของผู้อื่นมาใช้ หรือทำาให้
ปรากฏที่สินค้า หีบ ห่อ วัตถุที่ใช้ หุ้มห่อ แจ้งความรายการแสดงราคา จดหมายเกี่ยวกับการค้าหรือ สิ่งอื่นทำานอง
เดียวกัน เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือ การค้าของผู้อื่นนั้น
(2) เลียนป้าย หรือสิ่งอื่นทำานองเดียวกันจนประชาชนน่าจะ หลงเชื่อว่าสถานที่การค้าของตนเป็น
สถานที่การค้าของผู้อื่นที่ตั้งอยู่ ใกล้เคียง
(3) ไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความเท็จเพื่อให้เสียความเชื่อ ถือในสถานที่การค้าสินค้าอุตสาหกรรม
หรือพาณิชย์การของผู้หนึ่งผู้ใด โดยมุ่งประโยชน์แก่การค้าของตน
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ความผิดตาม มาตรานี้ เป็นความผิดอันยอมความได้

การปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้า
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
52

วินัยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตราดาวสีแดงใช้กับเสื้อยืดและกางเกงที่วินัยจำาหน่าย ปกรณ์ใช้รูป
ดาวสีส้มเป็นเครื่องหมายการค้าของตนสำาหรับสินค้าประเภทเดียวกัน ปกรณ์มีความผิดอย่างไรหรือไม่
การที่ปกรณ์ใช้รูปดาวสีส้มเป็นเครื่องหมายการค้าของตน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงอย่างยิ่งกับเครื่อง
หมายการค้าตราดาวสีแดงของวินัย จึงเป็นการเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า
เป็นเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ทั้งวินัยก็ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตนแล้ว ปกรณ์จึงผิดฐานเลียน
เครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตามมาตรา 274
มาตรา 274 ผู้ใดเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ซึ่งได้จดทะเบียนแล้ว ไม่ว่าจะได้จดทะเบียน
ภายในหรือนอกราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นนั้น ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

การนำาเข้าหรือจำาหน่ายสินค้าที่เป็นความผิดเกี่ยวกับการค้า
นายโยชิกะผลิตเครื่องรับวิทยุโดยปลอมเครื่องหมายการค้า ที่ได้จดทะเบียนแล้วในประเทศญี่ปุ่นของ
บริษัทไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นและส่งขายไปทั่วโดยตั้งแหล่งผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น นายสุธีทราบข่าว
จึงสั่งเครื่องรับวิทยุดังกล่าวจากนายโยชิกะเข้ามาจำาหน่ายในประเทศไทย เช่นนี้ นายสุธีมีความผิดอย่างไรหรือ
ไม่
นายสุธีมีความผิดฐานนำา เข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม ตามมาตรา
275 เนื่ อ งจากนายสุ ธี ไ ด้ สั่ ง เข้ า มาจำา หน่ า ยในประเทศไทย โดยรู้ อ ยู่ แ ล้ ว ว่ า เป็ น เครื่ อ งรั บ วิ ท ยุ ที่ มี
เครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนแล้ว ซึ่งนายโยชิกะได้ทำาปลอมขึ้น ทั้งนี้แม้เครื่องหมายการค้านั้นจะ
ได้จดทะเบียนนอกราชอาณาจักรก็ตาม
มาตรา 275 ผู้ใดนำาเข้าในราชอาณาจักร จำาหน่ายหรือเสนอ จำาหน่ายซึ่งสินค้าอันเป็นสินค้าที่มีชื่อ
รู ป รอยประดิ ษ ฐ์ ห รื อ ข้ อ ความใดๆ ดั ง บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ น มาตรา 272 (1) หรื อ สิ น ค้ า อั น เป็ น สิ น ค้ า ที่ มี
เครื่องหมายการค้าปลอมหรือเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตาม ความใน มาตรา 273 หรือ มาตรา
274 ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติ ไว้ใน มาตรา นัน้ ๆ

แบบประเมินผลตนเอง หน่วยที่ 4

1. การกระทำาอันเป็นการเหยียดหยามศาสนาจะต้องกระทำาต่อ วัตถุหรือสถานที่อันเป็นที่เคารพ
ในทางศาสนา
2. การกระทำา ที่ไม่อาจเป็นความผิดฐานกระทำา การเหยียดหยามศาสนา เช่น แดงเอามือลูบหัว
สามเณรในเชิงยั่วเย้า
3. ผู้ที่เป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำาเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบ
ด้วยกฎหมาย จะมีความผิดฐานเป็นอั้งยี่

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
53

4. การที่บุคคลไม่ตำ่ากว่า 5 คน ปรึกษาหารือ และตกลงจะไปลักทรัพย์ผู้อื่นจะเป็นความผิดหรือ


ไม่ฐานใด เป็นความผิดฐานซ่องโจร
5. ตำารวจสั่งให้นักเรียน 20 คน ที่มั่วสุมอยู่ในอาคารเรียนและจะยกพวกไปวิวาทกับนักเรียน
อีกกลุ่มหนึ่ง เลิกการชุมนุมมั่วสุม นักเรียนจะไม่มีความผิดในกรณีที่ สลายตัวไปด้วยความไม่
พอใจอย่างยิ่ง
6. ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ กฎหมายจำากัดว่าทรัพย์นั้น จะต้องเป็นของผู้อื่น
7. การกระทำาต่อไปนี้ผู้กระทำาไม่มีความผิดคือ จะเผากระท่อมร้างของผู้อื่นที่ไม่มีราคา และตั้งโด
เดี่ยวอยู่กลางทุ่ง จึงเอานำ้ามันเบนซินใส่ขวดไปไว้ในกระท่อม จะเผาตอนกลางคืน
8. การกระทำาให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท ผู้กระทำาต้องรับผิดในกรณีที่ทำา ให้ทรัพย์ของผู้อื่น
เสียหาย
9. การกระทำาที่ผู้กระทำาไม่มีความผิดทางอาญา คือ เอากิ่งไม้วางขวางทางรถไฟให้รถไฟทับ
10. การกระทำาที่ผู้กระทำาไม่มีความผิดทางอาญาเช่นกรณี เอาก้อนอิฐ 2-3 ก้อน วางขวางทาง
รถไฟให้รถทับ
11. การหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในเรื่อง......ไม่เป็นการขายของโดยหลอกลวงตามมาตรา
271 ความนิยมของผู้ซื้อในสินค้านั้น
12. การปลอมหรื อ การเลี ย นเครื่ อ งหมายการค้ า ที่ เ ป็ น ความผิ ด ฐานปลอมหรื อ เลี ย น
เครื่องหมายการค้าตาม ปอ.มาตรา 273 และ มาตรา 274 คือ เครื่องหมายการค้าที่จด
ทะเบียนแล้วไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร
13. การกระทำาที่จะเรียกว่าผิดฐานเป็นซ่องโจรได้แก่ บุคคลไม่ตำ่ากว่า 5 คน ตกลงจะไปทำาร้ายผู้
อืน่ เพื่อแก้แค้น
14. การเผารถยนต์ของตนเองที่ให้ผู้อื่นเอาไปใช้ ผู้กระทำามีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น
15. การตระเตรียมการเผาทรัพย์ที่ผู้กระทำายังไม่มีความผิดได้แก่ ตระเตรียมเผาเรือลำาเล็กๆของผู้
อืน่ ราคาไม่ถึง 200 บาท ซึ่งจอดอยู่ที่ท่านำ้าในยามวิกาล
16. เกิดไฟฟ้าลัดวงจรในบ้านตอนกลางคืน เพราะสายไฟเก่า ทำาให้ไฟไหม้บ้านเสียหายหลายหลัง
เขียวเจ้าของบ้านไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้
17. สนิท ซื้อปากกาลูกลื่นจากร้านค้าของสุธีมาขายเพราะร้านของสนิทเป็นร้านขายเครื่องเขียน
โดยสนิทไม่ทราบว่าปากกาลูกลื่นของสุธีเป็นปากการลูกลื่นที่ทำาปลอมเครื่องหมายการค้าไว้
แล้ว เช่นนี้ สนิทมีความผิดฐานจำาหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าหรือไม่ อย่างไร คำา
ตอบ ไม่มีความผิดเพราะขาดเจตนา
18. ดำา ต้องการซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่ง แดงเสนอขายนาฬิกาให้ดำา โดยบอกให้แดงต้องขายให้ใน
ราคาที่แพงกว่าปกติเล็กน้อย เนื่องมาจากเป็นยี่ห้อที่เศรษฐีชาวอเมริกันใส่กันมาก ซึ่งเป็นความ
เท็จ ดำาหลงเชื่อจึงซื้อนาฬิกานั้น แดงมีความผิดหรือไม่ คำาตอบ ไม่ผิดฐานขายของโดยหลอก
ลวง เพราะไม่ได้หลอกลวงในเรื่องแหล่งกำาเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณของที่จะขาย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
54

หน่วยที่ 5 ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง

1. เงินตราเป็นวัตถุกลางเพื่อการแลกเปลี่ยนและชำาระหนี้โดยทั่วไป จึงมีความจำาเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะต้อง
สร้างความเชื่อถือให้กับเงินตราที่รัฐบาลออกใช้ โดยการลงโทษผู้กระทำาการอย่างใดๆ ให้ประชาชน
เกิดความไม่เชื่อถือในเงินตรานั้น นอกจากนี้พันธบัตรรัฐบาลก็เป็นเครื่องมือสำาคัญที่รัฐจะหารายได้เพื่อ
จุนเจือการใช้จ่ายของประเทศ ถ้าผูใ้ ดทำาให้ประชาชนต้องเสื่อมความเชื่อถือในพันธบัตรรัฐบาล รัฐก็จำา
ต้องลงโทษผู้นั้นเช่นเดียวกัน
2. นอกจากเงินตราอันเป็นวัตถุกลางของการแลกเปลี่ยนและชำา ระหนี้โดยทั่วไปแล้ว ดวงตรา รอยตรา
ต่างๆ ของรัฐ หรือของหน่วยงานของรัฐ พระปรมาภิไธย แสตมป์ที่ออกใช้ และตั๋วที่จำา หน่ายให้แก่
ประชาชนทั่วไป ก็เป็นสิ่งที่รัฐจำาต้องมีมาตรการลงโทษแก่ผู้กระทำาให้ความเชื่อถือในสิ่งดังกล่าวต้อง
ลดน้อยถอยลงไปเช่นกัน
3. เอกสาร คือหลักฐานแห่งความหมาย ซึ่งบุคคลให้ความเชื่อถือ และยอมรับนับถือให้เป็นพยาน หลัก
ฐานที่ดีที่สุด รัฐจึงต้องลงโทษผู้ที่ทำาการปลอมหรือกระทำาอย่างอื่นให้เอกสารเสื่อมความเชื่อถือลงไป

ความผิดเกี่ยวกับเงินตรา
1. การปลอมเงินตรา พันธบัตรรัฐบาล หรือใบสำาคัญสำาหรับปรับดอกเบี้ยพันธบัตรเป็นความผิดฐาน
ปลอมเงินตรา มีโทษหนักถึงจำาคุกตลอดชีวิต
2. การแปลงเงินตรา พันธบัตรรัฐบาล หรือใบสำาคัญสำาหรับดอกเบี้ยพันธบัตรเป็นความผิดฐานแปลง
เงินตรา ต้องรับโทษหนักใกล้เคียงกัน
3. การกระทำาบางประการทีเ่ กี่ยวข้องกับเงินตรา พันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำาคัญสำาหรับดอกเบี้ย
พันธบัตร ซึ่งปลอมหรือแปลง ก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกัน
4. การกระทำาความผิดเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศหรือใบสำาคัญสำาหรับ
รับดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ ต้องรับโทษกึ่งหนึ่ง
5. การทำาให้นำ้าหนักเหรียญลดลงและทำาวัตถุให้คล้ายเงินตรา ก็มีความผิดและต้องรับโทษตามควรแก่
กรณี

ความผิดฐานปลอมเงินตรา
การทำาปลอมเงินตรา กับการทำาปลอมเอกสารมีข้อแตกต่างที่สำาคัญอย่างไร
ประการแรก การทำาปลอมเงินตราจะต้องมีเงินตราแท้จริงใช้หมุนเวียนอยู่ในขณะนั้น และผู้ทำาปลอม
ได้ทำา ขึ้นเพื่อให้เสมือนเงินตรานั้น แต่การปลอมเอกสารนั้นไม่จำา เป็นต้องมีเอกสารแท้จริงอยู่แต่อย่างใด ผู้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
55

ปลอมอาจทำาเอกสารปลอมขึ้นใหม่ทั้งหมดก็ได้ ประการที่สอง การทำาปลอมเงินตรานั้นเป็นความเสียหายต่อรัฐ


และประชาชนอยู่ในตัว ไม่จำาต้องพิสูจน์ถึงความเสียหายหรือความน่าจะเสียหายอีกแต่อย่างใด ส่วนการปลอม
เอกสารนั้นจะเป็นความผิดต่อเมื่อน่าจะเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน

ความผิดฐานแปลงเงินตรา
การนำาเอาเหรียญกษาปณ์ที่เจาะรูมาอุดให้ไม่มีร่องรอยเพื่อให้สามารถนำาออกมาใช้ได้ตามเดิมมีความ
ผิดฐานแปลงเงินตามมาตรา 241 หรือไม่
ไม่ผิด เพราะไม่เป็นการแปลงเงินตรา เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีมูลค่าสูงกว่าจริงตามมาตรา 241 หาก
เป็นการกระทำาเพื่อให้สามารถนำาออกมาใช้ได้ตามปกติในมูลค่าเท่าเดิมหรือไม่สูงกว่าเดิม

การกระทำาความผิดที่เกี่ยวข้องกับการปลอมหรือแปลงเงินตรา
(1)นำาเงินตราปลอมหรือแปลงเข้าประเทศ
นายพยั ค ฆ์ นำา ธนบั ตรรั ฐบาลไทยซึ่ งมี ผู้ ทำา ปลอมขึ้น ในราชอาณาจั ก รออกไปยั งประเทศ
สหรัฐอเมริกาเพื่อนำาไปขายยังประเทศดังกล่าว แต่เมื่อนำาออกไปแล้วไม่อาจขาย จึงนำากลับเข้าประเทศไทยอีก
นายพยัคฆ์มีความผิดตามมาตรา 243 หรือไม่
ผิด เพราะเป็นการนำาเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งเงินตราอันเป็นของปลอม
มาตรา 243 ผู้ใดนำาเข้าในราชอาณาจักรซึ่งสิ่งใด ๆ อันเป็นของปลอมตาม มาตรา 240 หรือ
ของแปลงตาม มาตรา 241 ต้องระวาง โทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา นั้น ๆ
(2)มีเงินตราปลอมหรือแปลงเพื่อใช้
ลูกจ้างเก็บรักษาธนบัตรปลอมไว้แทนนายจ้างจนกว่านายจ้างจะมารับคืนไปขายต่อให้ผู้อื่น
ลูกจ้างมีความผิดตามมาตรา 244 หรือไม่
ลูกจ้างมีความผิดตามมาตรา 244 เพราะเป็นการมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำา ออกใช้โดยที่
ลู ก จ้ า งได้ ม าโดยรู้ ว่ า เป็ น ของปลอมตามมาตรา 240 การมี ไ ว้ ต ามมาตรา 244 ไม่ จำา ต้ อ งเป็ น การมี
กรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครองแม้การยึดถือไว้แทนผู้อื่นก็ถือว่าเป็นการมีไว้แล้ว และการมีไว้เพื่อให้ผู้อื่นนำา
ออกใช้ก็มีผลเท่ากับมีไว้เพื่อนำา ออกใช้นั้นเอง กรณีอาจวินิจฉัยได้ว่าลูกจ้างเป็นตัวการร่วมกันกับนายจ้างใน
การกระ ทำาความผิดตามมาตรา 244
มาตรา 240 ผู้ใดทำาปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้ เป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตร
หรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้ อำานาจให้ออกใช้ หรือทำา ปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำา คัญ
สำาหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆ ผูน้ ั้นกระทำาความผิดฐานปลอม เงินตรา ต้องระวางโทษจำาคุกตลอดชีวิตหรือ
จำาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
มาตรา 244 ผู้ใดมีไว้เพื่อนำา ออกใช้ซึ่งสิ่งใด ๆ อันตนได้มาโดย รู้ว่าเป็นของแปลกตาม มาตรา
240 หรือของแปลงตาม มาตรา 241 ต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีถึงสิบห้าปี และปรับ
ตั้งแต่ สองพันบาทถึงสามหมืน่ บาท
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
56

(3)ใช้เงินตราปลอมหรือแปลง
นายกรอบได้ธนบัตรรัฐบาลไทยปลอมราคาหนึ่งร้อยบาทมาฉบับหนึ่ง โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นของ
ปลอม ภายหลังที่ได้มาแล้วจึงรู้ว่าเป็นของปลอม แต่นายกรอบมิได้นำาออกใช้เพราะเกรงความผิด ต่อมาเป็นเวลา
นาน นายกรอบยากจนไม่มีเงินใช้เลย จึงจำา ใจต้องนำาธนบัตรปลอมออกใช้ซื้ออาหารรับประทาน เช่นนี้นายก
รอบมีความผิดตามมาตรา 245 หรือไม่
ผิดเพราะแม้จะนำาออกใช้โดยความจำาใจก็ถือว่าเป็นการขืนนำาออกใช้ตามมาตรา 245 เช่น
เดียวกัน
มาตรา 245 ผู้ใดได้มาซึ่งสิ่งใด ๆ โดยไม่รู้ว่าเป็นของปลอมตาม มาตรา 240 หรือของแปลง
ตาม มาตรา 241 ถ้าต่อมารู้ว่าเป็น ของปลอมหรือของแปลงเช่นว่านั้น ยังขืนนำาออกใช้ ต้องระวางโทษ จำา
คุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
(4)ทำาหรือมีเครื่องมือสำาหรับกระทำาความผิด
นายประสพมีเครื่องมือสำาหรับปลอมเงินตราไว้ใช้สอนศิษย์ทำาเงินตราปลอม เพื่อออกไปประ
กอบอาชีพในการทำา เงินตราปลอมต่อไป โดยนายประสพได้รับค่าสอน แต่เงินที่ทำา ปลอมออกมาแล้ว นาย
ประสพได้ทำาลายเสียหมดทุกครั้งไปไม่ให้ใครนำาออกไปใช้ นายประสพมีความผิดตามมาตรา 246 หรือไม่
นายประสพมีความผิดตามมาตรา 246 แม้จะมีเครื่องมือไว้เพื่อปลอมเงินตราในการสอน
ศิษย์ก็ยังมีความผิดอยู่เอง เพราะเพียงมีเจตนาพิเศษหรือมูลเหตุจูงใจ เพื่อใช้ในการปลอม ก็ครบองค์ ประกอบ
ของกฎหมายแล้ว โดยไม่จำาเป็นต้องพิจารณาว่าเป็นการปลอมเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใด
มาตรา 246 ผู้ใดทำา เครื่องมือหรือวัตถุสำา หรับปลอม หรือแปลงเงินตราไม่ว่า จะเป็ นเหรี ยญ
กระษาปณ์ธนบัตรหรือสิ่งใดๆซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำานาจให้ออกใช้หรือสำาหรับปลอมหรือแปลงพันธบัตร
รัฐบาลหรือใบสำาคัญสำาหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นๆ หรือมีเครื่องมือหรือวัตถุเช่นว่านั้นเพื่อใช้ในการปลอม
หรือแปลงต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
(5)การลงโทษผู้กระทำาความผิด
ถ้าจะกล่าวว่ามาตรา 248 ยกเว้นหลักตามมาตรา 91 เป็นคำากล่าวที่ถูกต้องหรือไม่
ถูกต้ อง เพราะมาตรา 248 ให้ลงโทษผู้กระทำา ตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือ
มาตรา 247 แต่เพียงกระทงเดียว แม้ว่าผู้นั้นจะได้กระทำาผิดตามมาตราอื่นๆ ในหมวดเดียวกันอีกเกี่ยวกับสิ่ง
ที่ตนปลอมขึ้นหรือแปลงนัน้ ด้วยก็ตาม
มาตรา 248 ถ้าผู้กระทำาความผิดตาม มาตรา 240 มาตรา 241 หรือ มาตรา 247 ได้
กระทำาความผิดตาม มาตรา อื่นที่บัญญัติไว้ใน หมวดนี้อันเกี่ยวกับสิ่งที่ตนปลอมหรือแปลงนั้นด้วย ให้ลงโทษผู้
นัน้ ตาม มาตรา 240 มาตรา 241 หรือ มาตรา 247 แต่กระทงเดียว
มาตรา 91 เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำาการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้น
ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปแต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลด มาตรา ส่วนโทษด้วยหรือไม่ ก็ตาม
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำาคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำาหนด ดังต่อไปนี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
57

(1) สิบปี สำาหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุด มีอัตราโทษจำาคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี


(2) ยี่สิบปี สำา หรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุด มีอัตราโทษจำา คุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่
เกินสิบปี
(3) ห้าสิบปี สำาหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำาคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไปเว้น
แต่กรณีที่ศาลลงโทษจำาคุกตลอดชีวิต

การกระทำาความผิดต่อเงินตราต่างประเทศ
นายอั ษ ฎาวุ ธ ปลอมเงิ น ตราของรั ฐ บาลลิ เ บี ย ซึ่ ง ไม่ มี สั ม พั น ธ์ ท างการทู ต กั บ ประเทศไทย และ
ประเทศไทยไม่ยอมรับรัฐบาลดังกล่าว นายอัษฎาวุธจะมีความผิดตามมาตรา 247 หรือไม่
มีความผิดเพราะมาตรา 247 ได้ระบุเพียงรัฐบาลต่างประเทศ โดยไม่ระบุว่าต้องมีความสัมพันธ์
ทางการทูตกับรัฐบาลไทย และรัฐบาลไทยต้องรับรองหรือไม่
มาตรา 247 ถ้าการกระทำาดังกล่าวในหมวดนี้เป็นการกระทำาเกี่ยวกับเงินตราไม่ว่าจะเป็นเหรียญ
กระษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใดซึ่ง รัฐบาลต่างประเทศออกใช้หรือให้อำานาจให้ออกใช้ หรือเกี่ยวกับ พันธบัตร
รัฐบาลต่างประเทศหรือใบสำาคัญสำา หรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ผู้กระทำา ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่
บัญญัติไว้ใน มาตรา นัน้ ๆ

การทำาให้นำ้าหนักเหรียญลดลง และทำาวัตถุให้คล้ายเงินตรา
นายวินัยนำาเหรียญกระษาปณ์ที่รัฐบาลออกใช้มาขัดถูลวดลายบนเหรียญออก เพื่อนำาไปใช้เป็นเหรียญ
ห้อยคอสุนัข มีความผิดตามมาตรา 242 วรรคแรกหรือไม่
ไม่ผิด เพราะการทำา โดยสุจริตให้เหรียญกระษาปณ์ซึ่งรัฐบาลออกมาใช้นำ้า หนั กลดลงตามมาตรา
242 วรรคแรกนั้น หมายถึงการได้ประโยชน์จากนำ้าหนักที่ลดลงของเหรียญกระษาปณ์โดยตรง ตะไบเหรียญ
กระษาปณ์ทองคำาให้นำ้าหนักลดลงแล้วเอาผงทองคำาที่ตะไบออกมาไปขายต่อไป เป็นต้น
นายกุศลเอาบัตรที่มีลักษณะและขนาดคล้ายคลึงเงินตราไปแจกเด็กนักเรียน เพื่อล้อเล่นให้เด็กเข้าใจว่า
เป็นธนบัตรของแท้ เช่นนี้นายกุศลมีความผิดอย่างไรหรือไม่
มีความผิด ตามมาตรา 249 วรรคแรก เพราะการแจกบัตรดังกล่าวถือว่าเป็นการจำา หน่ายบัตรที่มี
ลักษณะขนาดคล้ายคลึงธนบัตรรัฐบาลไทยตามองค์ประกอบของกฎหมายแล้ว โดยไม่ต้องกระทำาโดยมีมูลเหตุ
จูงใจหรือเจตนาพิเศษอย่างอื่นอีก
มาตรา 249 ผู้ใดทำาบัตรหรือโลหะธาตุอย่างใด ๆ ให้มีลักษณะและขนาดคล้ายคลึงกับเงินตรา ไม่
ว่าจะเป็นเหรียญกระษาปณ์ธนบัตรหรือสิ่งใด ๆ ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำานาจให้ออกใช้หรือพันธบัตรรัฐบาล
หรือใบสำาคัญสำาหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆ หรือจำาหน่ายบัตรหรือ โลหธาตุเช่นว่านั้นต้องระวางโทษจำาคุก
ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน สองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการจำาหน่ายบัตรหรือโลหะธาตุดังกล่าวในวรรคแรก เป็นการจำาหน่ายโดยการนำาออกใช้ดังเช่นสิ่งใด
ๆ ที่กล่าวในวรรคแรกผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
58

ความผิดเกี่ยวกับดวงตรา แสตมป์และตัว๋
1. การทำา ปลอมดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดิน พระปรมาภิไธย ดวงตราหรือรอยตราของ
ทบวงการเมื อ ง องค์ ก ารสาธารณะหรื อ เจ้ า พนั ก งาน การใช้ ด วงตรา รอยตรา หรื อ พระ
ปรมาภิไธยปลอมตลอดจนการใช้ดวงตรา หรือรอยตราอันแท้จริงโดยมิชอบ เป็นการกระทำา
ผิด ซึ่งมีโทษสถานหนักกว่าการปลอมเอกสารทุกประเภท
2. การปลอมแปลงแสตมป์รั ฐบาล ซึ่งใช้ ในกิ จการต่างๆ ตลอดจนการกระทำา โดยทุ จริ ต ต่ อ
แสตมป์ดังกล่าวถือเป็นความผิดอาญา
3. การปลอมแปลงตั๋วโดยสาร ซึ่งใช้ในการขนส่งสาธารณะหรือตัว๋ ซึ่งจำาหน่ายแก่ประชาชน เพื่อ
ผ่านเข้าสถานที่ใดๆ ตลอดจนการกระทำาโดยทุจริตต่อตั๋วดังกล่าว ถือเป็นความผิดอาญา
4. การกระทำาหรือมีเครื่องมือ หรือวัตถุสำาหรับปลอม หรือแปลงเพื่อใช้ในการปลอม หรือแปลง
ดวงตรา รอยตรา พระปรมาภิไธย แสตมป์ หรือตั๋ว ย่อมเป็นความผิดเช่นเดียวกัน แต่ ถ้าผู้
กระทำา ผิดได้กระทำา ผิดบทมาตราอื่นอัน เกี่ ยวกับ สิ่งที่ เ กิด จากการกระทำา ความผิดนั้น ด้วย
กฎหมายให้ลงโทษแต่กระทงเดียว

ความผิดเกี่ยวกับดวงตรา
นายพิพาท ทำาดวงตราแผ่นดินปลอมขึ้นเพื่อนำา ไปอวดลูกสาวว่าตนมีหน้าที่ดูแลรักษาดวงตราแผ่น
ดิน เช่นนี้นายพิพาทมีความผิดอย่างไรหรือไม่
ผิดตามมาตรา 250 เพราะการกระทำาผิดตามมาตรานี้ไม่จำาต้องมีเจตนาพิเศษหรือมูลเหตุชักจูงใจ
แต่อย่างใด
มาตรา 250 ผู้ใดทำาปลอมขึ้นดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดิน หรือพระปรมาภิไธย ต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่หา้ ปีถึงยี่สิบปี และ ปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท

ความผิดเกี่ยวกับแสตมป์
นายเช้าทำาปลอมแสตมป์ที่ระลึกของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ออกมาจำาหน่ายให้ประชาชนซื้อไว้
เพื่อทำาการสะสมแต่มิใช่แสตมป์ที่ใช้ในการไปรษณีย์แต่อย่างใดนายเช้ามีความผิดตามมาตรา 254 หรือไม่
ไม่เป็นความผิด เพราะมิได้ปลอมแสตมป์รัฐบาลซึ่งใช้สำาหรับการไปรษณีย์
มาตรา 254 ผู้ใดทำาปลอมขึ้นซึ่งแสตมป์รัฐบาล ซึ่งใช้สำาหรับการ ไปรษณีย์การภาษีอากรหรือการ
เก็บค่าธรรมเนียม หรือแปลงแสตมป์ รัฐบาล ซึ่งใช้ในการเช่นว่านั้นให้ผิดไปจากเดิม เพื่อให้ผู้อื่นเช่นว่ามีมูลค่าสูง
กว่าจริงต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

ความผิดเกี่ยวกับตั๋ว
นายชาติชายปลอมตั๋วสำาหรับใช้เข้าชานชาลาสถานีรถไฟกรุงเทพฯ มีความผิดอย่างใดหรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
59

ผิดตามมาตรา 259 เพราะเป็นการปลอมตั๋วที่จำาหน่ายแก่ประชาชนเพื่อผ่านเข้าสถานที่ใดๆ


มาตรา 259 ถ้ า การกระทำา ตาม มาตรา 258 เป็ น การกระทำา เกี่ ย ว กั บ ตั๋ ว ที่ จำา หน่ า ยแก่
ประชาชน เพื่อผ่านเข้าสถานที่ใด ๆ ผู้กระทำาต้อง ระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือทั้ง จำาทั้งปรับ

การมีเครื่องมือสำาหรับกระทำาความผิดและการลงโทษผู้กระทำาความผิด
นายวีรวร ทำาปลอมตั๋วโดยสารรถประจำาทาง และทำาเครื่องมือสำาหรับปลอมแสตมป์รัฐบาล นายวีรวร
มีความผิดและต้องถูกลงโทษตาม ปอ. มาตราใดหรือไม่
มีความผิดและต้องถูกลงโทษตามมาตรา 258 และมาตรา 261 เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา
91 เพราะกรณีนี้ไม่เข้ามาตรา 263
มาตรา 258 ผู้ใดทำาปลอมขึ้นซึ่งตั๋วโดยสารซึ่งใช้ในการขนส่ง สาธารณหรือแปลงตั๋วโดยสารซึ่ง
ใช้ในการขนส่งสาธารณให้ผิดไปจาก เดิม เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีมูลค่าสูงกว่าจริง หรือลบ ถอนหรือกระทำาด้วย
ประการใด ๆ แต่ตั๋วเช่นว่านั้น ซึ่งมีเครื่องหมายหรือการกระทำา อย่างใด แสดงว่าใช้ไม่ได้แล้วเพื่อใช้ได้อีก ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่ เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 263 ถ้าผู้กระทำา ความผิดตาม มาตรา 250 มาตรา 251 มาตรา 254 มาตรา
256 มาตรา 258 มาตรา 259 หรือ มาตรา 262 ได้กระทำาความผิดตาม มาตรา อื่นที่บัญญัติไว้
ในหมวดนี้ อันเกี่ยวกับสิ่ง ที่เกิดจากการกระทำา ความผิดนั้นด้วย ให้ลงโทษผู้นั้นตาม มาตรา 250 มาตรา
251 มาตรา 254 มาตรา 256 มาตรา 258 มาตรา 259 หรือ มาตรา 262 แต่กระทง
เดียว
มาตรา 91 เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำาการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้น
ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปแต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลด มาตรา ส่วนโทษด้วยหรือไม่ ก็ตาม
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำาคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำาหนด ดังต่อไปนี้
(1) สิบปี สำาหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุด มีอัตราโทษจำาคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี
(2) ยี่สิบปี สำา หรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุด มีอัตราโทษจำา คุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่
เกินสิบปี
(3) ห้าสิบปี สำาหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำาคุกอย่างสูงเกินสิบปีขนึ้ ไป เว้น
แต่กรณีที่ศาลลงโทษจำาคุกตลอดชีวิต

ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร
1. การทำาเอกสารปลอม ไม่จำา เป็นต้องมีเอกสารแท้จริงอยู่ก่อน แต่ต้องกระทำาโดยมีเจตนาให้ผู้
อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารแท้จริง และการกระทำา นั้นน่าจะเกิด ความเสีย หายแก่ ผู้อื่ นหรื อ
ประชาชน

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
60

2. การปลอมเอกสารสิทธิ เอกสารราชการ เอกสารสิท ธิอั นเป็น เอกสารราชการ พินั ย กรรม


ใบหุ้ น ใบหุ้นกู้ ใบสำา คั ญของในหุ้ น กู้ ตั๋ ว เงิน หรื อ บั ต รเงิน ฝากมี โ ทษหนั ก กว่ า การปลอม
เอกสารทั่วไป
3. การแจ้งให้พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ถือเป็น
ความ ผิดเช่นเดียวกัน
4. การใช้หรืออ้างเอกสารปลอมหรือเอกสารเท็จ มีความผิดและลงโทษเท่าเทียมกับการปลอม
เอกสารหรือแจ้งข้อความให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ
5. ผูป้ ระกอบวิชาชีพซึ่งทำาคำารับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน

ความผิดฐานปลอมเอกสาร
การเติม ตัดทอน หรือแก้ไขในเอกสารแท้จริงมีข้อแตกต่างกับการทำาลายเอกสารหรือไม่
การเติม ตัดทอน หรือแก้ไขในเอกสารแท้จริงเป็นเพียงการทำาให้ความหมายของเอกสารนั้นเปลี่ยน
แปลงไปในสิ่งที่เป็นสาระสำาคัญ แต่เอกสารนั้นยังคงมีอยู่ต่อไป ส่วนการทำาลายเอกสารนั้น ทำาให้เอกสารนั้น
หมดสิ้นสูญหายโดยอาจทำาเอกสารขึ้นมาใหม่แทนที่ หรือไม่ทำาเอกสารขึ้นอีกเลย ยกตัวอย่างเช่นการขูดตัวเลข
ทะเบียนปืนที่ด้ามปืนออกบางตัวแล้วตอกเลขใหม่แทนที่ ถือเป็นการปลอมเอกสารราชการ ตามมาตรา 266
แต่ถ้าขูดตัวเลขออกไปทั้งหมด และมิได้ตอกตัวเลขใหม่ลงไปแทน ถือเป็นการทำาลายเอกสารตามมาตรา 188
มาตรา 188 ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทำาให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์
ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา 266 ผู้ใดปลอมเอกสารดังต่อไปนี้
(1) เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
(2) พินัยกรรม
(3) ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ หรือใบสำาคัญของใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้
(4) ตั๋วเงิน หรือ
(5) บัตรเงินฝาก
ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

การปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ
ภาพถ่ายจากสำาเนาเอกสารราชการที่มีเจ้าพนักงานรับรองสำาเนา แต่เจ้าพนักงานมิได้รับรองภาพ ถ่าย
นัน้ ไว้ถือเป็นเอกสารราชการหรือไม่
ภาพถ่ายจากสำาเนาเอกสารราชการที่มีเจ้าพนักงานรับรองสำา เนาไว้ แต่เจ้าพนักงานมิได้รับรองภาพ
ถ่ายนั้นไม่เป็นเอกสารราชการตามความหมายในมาตรา 1(8) เป็นได้แต่เพีย งเอกสารทั่วไปตามมาตรา
1(7)
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
61

ตั๋วเงินที่มาจากต่างประเทศแต่มิใช่ประเภทตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเช็ค ถือว่าเป็นเอกสาร


ประเภทใด
ตั๋วเงินที่มาจากต่างประเทศ แต่มิใช่ประเภทตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเช็ค ไม่ถือว่าเป็นตั๋วเงิน
ตามมาตรา 266 แต่เป็นเอกสารสิทธิตามมาตรา 265
มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการต้อง ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หกเดือนถึง
ห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา 1 ในประมวลกฎหมายนี้
ฯลฯ
(7) "เอกสาร" หมายความว่ากระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งได้ทำา ให้ ปรากฏความหมายด้วยตัว
อักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่นจะเป็นโดยวิธีพิมพ์ถ่ายภาพหรือวิธีอื่นอันเป็นหลักฐานแห่งความหมาย
นัน้
(8) "เอกสารราชการ" หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำา ขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ และ
ให้หมายความรวมถึงสำาเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้า พนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย

การแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จ
การเบิกความเท็จต่อศาลและศาลจดคำาให้การนั้นไว้ในแบบคำาให้การพยาน ผู้เบิกความมีความผิดตาม
มาตรา 267 หรือไม่
ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 267 นี้ เพราะการจดคำาให้การของศาลเป็นการจดโดยศาลใช้ดุลยพินิจ
ว่าควรจะจดอย่างไรบ้าง มิใช่จดตามคำา ให้การทั้งหมด ทั้งเอกสารคำา ให้การของพยานมิใช่เอกสารที่มีวัตถุ
ประสงค์ เพื่อใช้เ ป็นพยานหลัก ฐาน แต่ อ ย่ า งใดข้ อ ความที่ ศาลจดไว้นั้ น จะรั บ ฟังได้ ห รื อ ไม่ ไ ด้ ศาลยั งต้ อ ง
พิจารณา วินิจฉัยกันอีกต่อไป มิได้ยึดถือข้อความในนั้นเป็นหลักฐานโดยทันทีแต่อย่างใด
มาตรา 267 ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำาการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ ลงในเอกสาร
มหาชน หรือเอกสารราชการ ซึ่งมี วัตถุประสงค์สำาหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสีย
หายแก่ผู้อื่น หรือประชาชนต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

การใช้เอกสารปลอมหรือเอกสารเท็จ
นายดำาเกิงนำาป้ายวงกลมของทางราชการแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำาปี ของรถยนต์คันอื่นมาติด
แสดงไว้ที่หน้ากระจกรถยนต์ของตนเอง ซึ่งยังไม่ได้เสียภาษีประจำาปีแต่อย่างใด การกระทำาของนายดำาเกิงเป็น
ความผิดตามมาตรา 268 หรือไม่
ไม่ผิด ตามมาตรา 268 เพราะป้ายวงกลมดังกล่าวเป็นเอกสารแท้จริง ไม่ใช่เอกสารปลอมตาม
มาตรา 264 มาตรา 265 หรือมาตรา 266 แต่อย่างใด

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
62

มาตรา 268 ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำา ความผิดตาม มาตรา 264 มาตรา


265 มาตรา 266 หรือ มาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้อง
ระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา นั้น ๆ
ถ้าผู้กระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความ
นัน้ เอง ให้ลงโทษตาม มาตรานี้ แต่กระทงเดียว

การทำาคำารับรองเป็นเอกสารเท็จ
นายอรุณเรียนวิชากฎหมายได้ประกาศนียบัตรเนติบัณฑิต แต่ไปประกอบวิชาชีพเป็นตำารวจได้ยศพัน
ตำารวจเอกและยังรับราชการตำารวจอยู่ พ.ต.อ. อรุณได้ทำาคำารับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จว่า นายจรูญเป็นผู้
แทนโดยชอบธรรมของนายฝันเฟื่องเช่นนี้ พ.ต.อ. อรุณกระทำาความผิดตามมาตรา 269 หรือไม่
ไม่ผิด เพราะ พ.ต.อ. อรุณประกอบวิชาชีพเป็นตำารวจไม่ได้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย ไม่ได้ทำาคำา
รับรองในการประกอบการงานในวิชาชีพตำารวจของตนแต่อย่างใด
มาตรา 269 ผู้ใดในการประกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชีหรือวิชาชีพอื่นใด ทำา คำา
รับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ โดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวาง โทษจำา
คุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ผู้ใดโดยทุจริตใช้หรืออ้างคำารับรองอันเกิดจากการกระทำาความผิดตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่น
เดียวกัน

แบบประเมินผลตนเอง หน่วยที่ 5
1. คำา ว่าเงินตรา ตาม ปอ.หมายความถึง ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ หรือสิ่ งใดซึ่งรั ฐบาลออกใช้ หรือ ให้
อำานาจออกใช้ (แต่ไม่รวมถึงเงินพดด้วง)
2. การทำาปลอมเงินตราจะเป็นความผิดตาม ปอ. ในกรณี ทำาขึ้นให้เหมือนเงินตราของรัฐบาลที่ใช้อยู่ใน
ปัจจุบันโดยผู้ทำาไม่มีอำานาจ
3. การทำา เงินตราปลอมจะไม่เป็นความผิดตาม ปอ. ในกรณี ทำาปลอมขึ้นเพื่อสอนนักศึกษาในโรงเรียน
นายร้อยตำารวจ
4. ผู้มีเงินตราปลอมแล้วนำามาใช้จะไม่เป็นความผิดตาม ปอ. เฉพาะกรณี ขณะใช้ไม่รวู้ ่าเป็นเงินปลอม
5. ผู้มีเงินตราปลอมแล้วนำาออกใช้จะไม่เป็นความผิดตาม ปอ. ในกรณีนำาออกใช้โดยทั้งผู้ใช้และผู้รับไม่รู้
ว่าเป็นเงินตราปลอม
6. คำาว่า “พระปรมาภิไธย” ตาม ปอ. หมายความถึง ลายมือชื่อของพระมหากษัตริย์
7. คำาว่า “แสตมป์” ตาม ปอ. หมายความถึง แสตมป์สำาหรับการไปรษณีย์ การภาษีอากร และการเก็บค่า
ธรรมเนียม
8. การทำาปลอมตั๋วในราชอาณาจักร ไม่มีความผิดตาม ปอ.ในกรณี ทำาปลอมตั๋วรถโดยสารสำาหรับนำา ไป
ใช้กับรถโดยสารในต่างประเทศ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
63

9. การทำาปลอมตั๋วโดยสารซึ่งใช้ในการขนส่งสาธารณะไม่เป็นความผิดตาม ปอ. ในกรณี ทำาปลอมตั๋ว


เพื่อสอนนักศึกษาในโรงเรียนตำารวจ
10. คำาขวัญติดท้ายรถสิบล้อ ไม่ถือว่าเป็น “เอกสาร” ตาม ปอ.
11. การทำาปลอมเอกสารไม่เป็นความผิดตาม ปอ. ในกรณีที่ไม่น่าจะเสียหายกับผู้อื่นหรือประชาชน
12. การเอาป้ายวงกลมเสียภาษีของรถคันอื่นมาติดที่รถอีกคันหนึ่ง ไม่ถือว่าเป็นการใช้เอกสารปลอม เพราะ
ว่า ป้ายทะเบียนรถยนต์เป็นป้ายแท้จริง
13. ถ้าผู้ใดก็ตามปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมด้วย จะต้องรับผิดเพียงกระทงเดียวคือการใช้เอกสาร
ปลอม
14. การลบแสตมป์รัฐบาลที่มีเครื่องหมายแสดงว่าใช้ไม่ได้แล้ว จะไม่เป็นความผิดตาม ปอ. ในกรณีที่ทำา
เพื่อนำาไปขายอย่างแสตมป์เก่า
15. ขูดลบหมายเลขทะเบียนที่พานท้ายปืนของภริยาตนออกหมดเพื่อนำาไปขอจดทะเบียนอาวุธปืนในฐานะ
ที่ไม่เคยมีทะเบียนมาก่อน ไม่ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารราชการเพราะว่า เป็นการทำาลายเอกสารให้
หมดไปมิได้ทำาเอกสารขึ้นใหม่
16. สั ญ ญาณควันของลู กเสื อติ ด ต่อ ขอความช่ ว ยเหลื อ จากพวกลู ก เสื อ ด้ ว ยกั น ไม่ เ ป็ น เอกสาร ตาม ปอ.
เพราะไม่เป็นหลักฐานแห่งความหมายได้
17. คำาว่า “เอกสารสิทธิ์” ตาม ปอ. ไม่ให้หมายความรวมถึง ใบมอบฉันทะ (ส่วน ส.ค. 1 หรือแบบแจ้ง
การครอบครองที่ดิน ตั๋วรับจำานำา สมุดบัญชีออมทรัพย์ธนาคาร หนังสือสัญญากู้เงินไม่เกินห้าสิบบาท)
18. ทนายความลงชื่อรับรองลายมือชื่อผู้แต่งทนายความว่าเป็นลายมือชื่อแท้จริง ถ้าปรากฏว่าลายมือชื่อนั้น
ไม่เป็นลายมือชื่อของผู้แต่งทนายความตามที่รับรองไว้ทนายความนั้นไม่มีความผิดตาม ปอ. เพราะว่า
เพิ่งรู้ความจริงภายหลังที่ส่งเสนอศาลเล็กน้อย

หน่วยที่ 6 ความผิดต่อชีวิต

1. ชีวิ ตของบุคคลย่ อมเป็ นที่ หวงแหนแก่ผู้ เป็ นเจ้า ของยิ่ งกว่า ทรั พย์ สิน ถ้าหากบุ คคลปราศจากความ
ปลอดภัยในชีวิต ความสงบสุขในสังคมย่อมจะมี ไม่ได้ นอกจากนี้ชีวิตของบุคคลยังมีความสำาคัญต่อ
ประเทศชาติทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง กฎหมายจึงต้องให้ความคุ้มครอง
2. ความผิดต่อชีวิตอาจเกิดจากการกระทำา โดยเจตนา การกระทำาโดยไม่เจตนา การกระทำา โดยประมาท
การกระทำาอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นฆ่าตนเองหรือพยายามฆ่าตนเอง หรือการเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้อันเป็นเหตุ
ให้บุคคลอื่นบุคคลใดถึงแก่ความตาย กฎหมายกำาหนดอัตราโทษไว้หนักเบาแตกต่างกันตามลักษณะ
ของการกระทำาความผิด

6.1 การทำาให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
64

1. การฆ่าผู้อื่นหมายถึง การทำาให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ไม่ว่าจะกระทำาด้วยวิธีใด


2. ถ้าการฆ่าผู้อื่นต้องด้วยลักษณะฉกรรจ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ย่อมเป็นเหตุที่ทำาให้ได้รับโทษหนักขึ้น

6.1.1 ฆ่าผู้อื่น
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำาคุก ตลอดชีวิต หรือจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึง
ยี่สิบปี
องค์ประกอบของความผิดมีดังนี้
องค์ประกอบภายนอก
1) ฆ่า

2) ผู้อื่น

องค์ประกอบภายใน
 เจตนา
คำาว่าฆ่ามีความหมายเพียงใด
หมายถึงการทำาให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ถึงแก่ความตาย ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม การถึงแก่ความตาย คือ การ
หยุดหายใจ
คำาว่า“ผู้อื่น”นั้นหมายถึงบุคคลแต่มีหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกันระหว่างทางอาญากับทางแพ่งอย่างไร
คำา ว่ า บุ ค คล ตามมาตรา 288 นั้น หมายถึ ง บุ ค คลธรรมดา แต่ ใ นทางแพ่ ง นั้ น บุ ค คลนอกจาก
หมายความถึง บุคคลธรรมดาแล้ว ยังหมายความรวมถึงนิติบุคคลด้วย
ดำาเห็นแดงยืนเหม่ออยู่ที่กันสาดตึกชั้น 16 โดยไม่มีสิ่งใดกั้น จึงแอบเข้าไปข้างหลังและร้องตะโกน
ด้วยเสียงดัง แดงตกใจ เสียหลักตกจากยอดตึกตาย ดำาจะมีความผิดฐานใด
ดำาผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา เพราะการแอบเข้าตะโกนข้างหลังแดงนั้น ดำาย่อมเล็งเห็นผลได้แน่ชัดว่า
แดงอาจตกใจและตกจากยอดตึกถึงแก่ความตายได้ เมื่อแดงตกจากยอดตึก ความตายจึงเป็นผลจากการกระทำา
ของดำา
จากปัญหาในข้อ 3 ถ้าปรากฏว่า ขาวกำาลังจะจ้องยิงแดงอยู่เหมือนกัน โดยซ่อนอยู่บนระเบียงของชั้น
ที่ 8 พอขาวเห็นแดงตกลงมาถึงชั้นที่ 8 ก็ประทับปืนยิงแดง กระสุนถูกหน้าผากแดงทะลุท้ายทอย แดงตาย
ก่อนตกถึงพื้นดิน ดังนั้นดำาและขาว ใครจะต้องรับผิดในความตายของแดง
ดำาย่อมเล็งเห็นผลได้ชัดว่า การกระทำาของตนทำาให้แดงตกตึกตายได้ จึงถือว่าดำามีเจตนาฆ่าแดง แต่
เมื่อแดงตกลงมาถึงชั้นที่ 8 ขาวใช้ปืนยิงแดงตาย การกระทำาของขาวจึงตัดความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำา
ของดำาและผลคือความตายของแดง กล่าวคือ ความตายของแดงมิได้เป็นผลมาจากการกระทำาของดำา แต่เป็นผล
มาจากการกระทำาของขาว ฉะนั้น ดำาจึงไม่ต้องรับผิดในความตายของแดง แต่ดำาได้ลงมือกระทำาเพื่อฆ่าแดงแล้ว
เพียงแก่การกระทำาไม่บรรลุผล ดำาจึงผิดฐานพยายามฆ่าแดง ตามมาตรา 288 80 ส่วนขาว ผิดฐานฆ่าแดง
โดยเจตนาตามมาตรา 288

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
65

มาตรา 80 ผูใ้ ดลงมือกระทำาความผิดแต่กระทำาไปไม่ตลอด หรือกระทำาไปตลอดแล้วแต่การกระทำา


นัน้ ไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายาม กระทำาความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำา ความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองใน สามส่วนของโทษที่กฎหมายกำา หนดไว้
สำาหรับความผิดนั้น

6.1.2 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
มาตรา 289 ผูใ้ ด
(1) ฆ่าบุพการี
(2) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำา การตามหน้าที่หรือเพราะเหตุที่จะกระทำา หรือได้กระทำา การตาม
หน้าที่
(3) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำา ตามหน้าที่หรือเพราะเหตุที่บุคคล
นัน้ จะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงาน ดังกล่าวแล้ว
(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
(5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำาทารุณโหดร้าย
(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการ ที่จะกระทำาความผิดอย่างอื่น หรือ
(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำาความผิดอื่นเพื่อ
ปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อ หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำาไว้
ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต

การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้นในกรณีใดบ้าง
การฆ่าผู้อื่นที่ผู้กระทำา จะต้องรับโทษหนักขึ้น โดยมีระวางโทษถึงประหารชีวิตสถานเดียว มีอยู่ 7
กรณีคือ ตามมาตรา 289 เช่น ฆ่าบุพการี ฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำาตามหน้าที่ ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานใน
การที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำาตามหน้าที่ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำาทารุณ
โหดร้า ย ฆ่า ผู้ อื่ น เพื่อ ตระเตรี ย มการที่ จ ะกระทำา ความผิ ด อย่ า งอื่ น และฆ่า ผู้ อื่น เพื่อ จะเอาหรื อ เอาไว้ ซึ่ งผล
ประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำาความผิดอื่น
แดงทะเลาะกับ ร.ต.อ. เหลือง ในงานสังสรรค์แห่งหนึ่ง ร.ต.อ. เหลืองทำาท่าจะเตะแดง แดงจึงชัก
ปืนยิง ร.ต.อ. เหลืองถึงแก่ความตาย แดงจะมีความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานหรือไม่
ไม่ผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงาน เพราะไม่เข้าตามมาตรา 289 (2) กล่าวคือ ร.ต.อ. เหลือง ซึ่งถูกฆ่า
นัน้ มิได้อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด แดงคงมีความผิดฐานฆ่าบุคคลธรรมดา ตามมาตรา 288

6.2 การทำาให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่เจตนา
1. การทำาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย แตกต่างกับการฆ่าผู้อื่น เพราะผู้กระทำาผิด
เจตนาเพียงทำาร้ายเท่านั้น แต่ผลแห่งการกระทำาเกิดขึ้นเลยไปจากเจตนาของผู้กระทำาแม้ผู้ถูก
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
66

ทำาร้ายจะถึงแก่ความ ตาย เพราะการกระทำาของผู้กระทำา แต่กฎหมายได้บัญญัติลงโทษเบากว่า


การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
2. ถ้าการทำา ร้ายผู้อื่นต้องด้วยลักษณะฉกรรจ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ย่อมเป็นเหตุที่ทำา ให้รับ
โทษหนักขึ้น

6.2.1 ทำาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
การทำาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย แตกต่างกับการฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 อย่างไร
แตกต่างกันที่เจตนา การฆ่าผู้อื่นจะต้องมีเจตนาที่จะฆ่า แต่การทำาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่
ความตายนั้น จะต้องมีเจตนาที่จะทำาร้ายเท่านั้น มิได้มีเจตนาจะฆ่า แต่ผลของการกระทำานั้นเหมือนกันคือผู้ถูก
กระทำาถึงแก่ความตาย
แดงเห็นเด็กชายดำาเล่นซุกซนเอานำ้าสกปกสาดรถยนต์ของแดง แดงห้ามเด็กชายดำาก็ไม่เชื่อ แดงจึงเขก
ศีรษะเด็กชายดำาไปทีหนึ่ง แต่เด็กชายดำาเป็นคนกระหม่อมบางซึ่งแดงไม่ทราบความจริงข้อนี้ พอถูกเขกศีรษะ
เด็กชายดำาก็ชัก และถึงแก่ความตายเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือน ให้วินิจฉัยการกระทำาของแดงว่า
เป็นความผิดฐานใดหรือไม่
การที่เขกศีรษะเด็กชายนั้น เป็นการใช้กำา ลังทำา ร้ายร่างกายเด็กชายดำา ตามมาตรา 391 โดยมีได้มี
เจตนาฆ่า เนื่องจากการเขกศีรษะย่อมไม่ทำาให้คนตายได้ แต่เด็กชายดำาเป้นคนกระหม่อมบางซึ่งแดงไม่ทราบ
เนื่องจากการเขกศีรษะเป็นเหตุให้เด็กชายดำาตาย ความตายเป็นผลจากการกระทำาของแดง แดงจึงมีความผิดฐาน
ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำาลังทำาร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิด อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

6.2.2 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
แดงโกรธเคืองดำาที่ชอบด่าว่าเสียดสีอยู่เสมอ จึงไปดักอยู่ทางผ่านเพื่อไปทำาไร่ เมื่อดำาเดินผ่าน แดงจึง
เข้าชกต่อยทำา ร้ายดำา มีแผลเล็กน้อย แต่ดำา สลบไป แดงเข่าใจว่าดำา ตายแล้ว จึงเอาขาวม้าผูกคอดำา แขวนกับต้น
มะม่วงในสวนของทางเป็นเหตุให้ดำาตาย ดังนี้ แดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
แดงมีเจตนาเพียงทำาร้ายดำาเท่านั้น แต่มิได้มีเจตนาฆ่า การที่แดงทำาร้ายดำามีสาเหตุมาจากโกรธเคืองดำา
โดยได้ไปทำาร้ายดำา แสดงว่าแดงได้ใคร่ครวญชั่งนำ้าหนักผลได้เสียก่อนแล้วจึงไปกระทำาย่อมเป็นการทำาร้ายผู้อื่น
โดยไตร่ตรองไว้ก่อนจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเป็นความผิดตาม ปอ. 290 วรรคท้าย
มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำา ร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้น ถึงแก่ความตาย ต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 289 ผู้กระทำาต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
67

6.3 การทำาให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท
1. การทำาให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท เป็นการกระทำาโดยผู้กระทำามิได้มีเจตนาฆ่าหรือ
เจตนาทำาร้าย แต่การกระทำาปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ผู้
กระทำามิได้ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำาของตน ก็แสดงถึงความชั่ว
ร้ายในจิตใจ ที่ไม่นำาพาต่อต่อผลร้ายที่เกิดแก่บุคคลอืน่ กฎหมายจึงต้องบัญญัติว่าการกระทำา
ดังกล่าวเป็นความผิดและเอาโทษเพื่อให้บุคคลใช้ความระมัดระวังต่อการกระทำายิ่งขึ้น
2. การกระทำาโดยความไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือความสำาคัญผิดในข้อเท็จจริงซึ่งผู้กระทำาไม่มีความ
ผิดหรือได้รับยกเว้นโทษหรือได้รับโทษน้อยลง ถ้าเกิดขึ้นด้วยความปรามาสของผู้กระทำา
กฎหมายก็บัญญัติเอาโทษด้วยเช่นเดียวกับการกระทำาโดยประมาท
มาตรา 291 ผู้ใดกระทำา โดยประมาท และการกระทำา นั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท
องค์ประกอบของการกระทำาความผิดมีดังนี้
องค์ประกอบภายนอก
1)กระทำา
2)เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
องค์ประกอบภายใน
 ประมาท

6.3.1 กระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การทำา ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท แตกต่างกับการทำา ร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายโดยไม่
เจตนาอย่าไร
การกระทำาโดยประมาทจะต้องไม่มีเจตนา ความผิดเกิดขึ้นจากผลของการกระทำา แต่การทำาร้ายผู้อื่น
จนถึงแก่ความตายโดยไม่เจตนานั้น ผู้กระทำาต้องมีเจตนาทำาร้าย แต่ผลของการกระทำาเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่
ความตาย ความผิดเกิดขึ้นเพราะเจตนาและผลของการกระทำา
เขียวนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งเหลืองเป็นคนขับ เหลืองขับแซงรถยนต์คันอื่นๆ ไปด้วยความเร็ว
จนถึงทางแยกมีรถสามล้อเครื่องจอดอยู่ เหลืองห้ามล้อไม่ทัน รถจักรยานยนต์จึงชนสามล้อเครื่อง เขียงกระเด็น
ไปบนถนน พอดีมีรถยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วปกติ ทับเขียวถึงแก่ความตายโดยคนขับรถยนต์ไม่สามารถห้ามล้อ
หรือหักรถหลบได้ทัน ใครจะต้องรับผิดชอบในความตายของเขียว
ความตายของเขียวเป็นผลโดยตรงจากการกระทำาโดยประมาทของเหลือง การที่รถยนต์ทับเขียวตาย
ไม่ตัดความสัมพันธ์ระหว่างความประมาทของเหลืองและความตายของเขียว เพราะคนขับรถยนต์มิได้ประมาท
แต่ขับรถมาด้วยความเร็วปกติ ฉะนั้นเหลืองจึงต้องรับผิดในความตายของเขียว ผิดตามมาตรา 291
แดงเอาก้อนหินขว้างปาประตูกระจกบ้านดำา แตก ก้อนหินและกระจกแตกถูกขาวซึ่งนั่งอยู่ในห้อง
รับแขกได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาอีก 3 วัน บาดแผลเป็นพิษ ขาวตาย ดังนี้ แดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
68

แดงมีความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์บทหนึ่ง ส่วนการที่ขาวตายเป็นผลที่เกิดขึ้นนอกเหนือเจตนาของ
แดง แต่ผลที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากการกระทำาของแดง ซึ่งแดงควรรู้สำานึกว่าการกระทำาดังกล่าวอาจมีผู้ได้รับ
อันตรายเมื่อเกิดผลดังกล่าว แดงจึงมีความผิดฐานกระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตายอีกบทหนึ่ง แดงต้อง
รับโทษ ในความผิดฐานกระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย อันเป็นบทหนักที่สุดตาม ปอ. มาตรา 90
มาตรา 90 เมื่อการกระทำาใดอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมาย
บทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้ กระทำาความผิด

6.3.2 ความไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือความสำาคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท


แดงเห็นคนเดินมาอยู่บริเวณประตูหน้าบ้านเวลาประมาณ 19.00 นาฬิกา ถ้าแดงพิจารณาดูให้ดีก็
จะรู้ว่าเป็นญาติมาจากต่างจังหวัดมาเยี่ยมแดง แต่แดงไม่ดูให้ดี ทั้งที่แดงอยู่ในที่มืด จึงใช้ปืนยิงไปถูกญาติที่มา
เยี่ยมนั้นตาย ดังนี้ แดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
แดงกระทำาโดยสำาคัญผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย แดงมีความผิดฐานกระทำาโดยประมาทเป็น
เหตุให้ผู้อื่นตาย ตามมาตรา 290 ประกอบกับมาตรา 62 วรรคสอง
มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำา ร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้น ถึงแก่ความตาย ต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ถ้าความผิดนั้นมีลั กษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 289 ผู้กระทำา ต้อง
ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 62 ข้อเท็จจริงใด ถ้ามีอยู่จริงจะทำาให้การกระทำาไม่เป็น ความผิด หรือทำาให้ผู้กระทำาไม่ต้อง
รับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง แม้ข้อเท็จจริงนั้นจะไม่มีอยู่จริง แต่ผู้กระทำาสำาคัญผิดว่ามีอยู่จริง ผู้กระทำาย่อม
ไม่มีความผิดหรือได้รับยกเว้นโทษ หรือได้รับโทษ น้อยลง แล้วแต่กรณี
ถ้าความไม่รู้ข้อเท็จจริงตามความในวรรคสามแห่ง มาตรา 59 หรือความสำาคัญผิดว่ามีอยู่จริงตาม
ความในวรรคแรก ได้เกิดขึ้นด้วยความประมาทของผู้กระทำาความผิด ให้ผู้กระทำารับผิดฐานกระทำาโดยประมาท
ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่าการกระทำา นัน้ ผู้กระทำาจะต้องรับโทษแม้กระทำาโดยประมาท
บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด บุคคลนั้น จะต้องได้รขู้ ้อเท็จนั้น
มาตรา 59 บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำา โดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำา
ความโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมาย บัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำาโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณี ที่
กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำาโดยไม่มี เจตนา
กระทำาโดยเจตนาได้แก่กระทำาโดยรู้สำานึกในการที่กระทำาและในขณะเดียวกันผู้กระทำาประสงค์ต่อผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระ ทำานั้น
ถ้าผู้กระทำามิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำา ประสงค์ต่อผลหรือ
ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำานั้นมิได้

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
69

กระทำาโดยประมาทได้แก่กระทำาความผิดมิใช่โดยเจตนาแต่กระทำาโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่ง
บุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และผู้กระทำาอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หา
ได้ใช้ให้เพียงพอไม่
การกระทำา ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้น โดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำาเพื่อ
ป้องกันผลนั้นด้วย

6.4 การกระทำาอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นฆ่าตนเองหรือพยายามฆ่าตนเอง
1. การฆ่าตนเองกฎหมายไม่ถือเป็นความผิด แต่โดยปกติบุคคลย่อมหวงแหนชีวิต ไม่คิดฆ่าตนเอง เว้น
แต่ จ ะมี เ หตุ บี บ คั้ น หรื อ จู ง ใจอย่ า งหนึ่ ง อย่ า งใด ชี วิ ต ของบุ ค คลมี ค วามสำา คั ญ ต่ อ ประเทศชาติ
กฎหมายจึงต้องให้ความคุ้มครองด้วยการบัญญัติเอาโทษแก่ผู้กระทำาการด้วยการปฏิบัติอันทารุณ
หรือด้วยปัจจัยคล้ายคลึงกันจนเป็นเหตุให้บุคคลฆ่าตนเองหรือพยายามฆ่าตนเอง
2. ถึงผู้กระทำาจะมิได้กระทำาด้วยการปฏิบัติอันทารุณหรือด้วยปัจจัยคล้ายคลึง เพียงแต่ช่วยหรือยุยง ถ้า
กระทำาต่อเด็กหรือบุคคลผู้หย่อนความรู้สึกผิดชอบ จนเป็นเหตุให้บุคคลนั้นฆ่าตนเองหรือพยายาม
ฆ่าตนเอง กฎหมายได้บัญญัติลงโทษผู้ช่วยหรือยุยงนั้น

6.4.1 กระทำาด้วยการปฏิบัติอันทารุน
การทำาให้ผู้อนื่ ฆ่าตนเองนั้นเป็นความผิดที่มีลักษณะพิเศษอย่างไร
เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยทางอ้อมวิธีหนึ่ง กล่าวคือทำาให้ผู้ตายฆ่าตัวเองแทนที่จะถูกผู้กระทำาฆ่า ลักษณะ
ของความผิดมีองค์ประกอบแตกต่างจากการฆ่าตามมาตรา 288 ในด้านข้อเท็จจริง
การที่บุคคลในความดูแลของผู้ใดผู้หนึ่งฆ่าตนเอง เพราะเหตุอันเนื่องมาจากผู้ดูแลนั้น ผู้ดูแลจะต้องมี
ความผิดตามมาตรา 292 เสมอไปหรือไม่
ไม่เสมอไป จะมีความผิดก็ต่อเมื่อผู้กระทำาได้กระทำาโดยเจตนา และมีเหตุชักจูงใจคือ เพื่อให้บคุ คลนั้น
ฆ่าตนเอง ถ้าปราศจากเจตนา หรือมูลเหตุชักจูงใจดังกล่าว ผู้กระทำาก็ไม่มีความผิดตามมาตรา 292
มาตรา 292 ผู้ใดกระทำาด้วยการปฏิบัติอันทารุณ หรือด้วยปัจจัย คล้ายคลึงกันแก่บุคคลซึ่งต้องพึ่ง
ตน ในการดำารงชีพหรือในการอื่นใด เพื่อให้บุคคลฆ่าตนเอง ถ้าการฆ่าตนเองนั้นได้เกิดขึ้นหรือได้มีการพยายาม
ฆ่าตนเอง ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ดำาเกลียดชังแดง ลูกของตนเป็นอย่างมากจะให้ตาย เพราะเชื่อว่าแดงมิใช่ลูกที่แท้จริงของตน แต่เป็น
ลูกที่เกิดจากชายชู้ของภริยา ดำาจึงดุด่าและทำาโทษแดงรุนแรงเสมอเวลาแดงทำาผิด ทั้งไม่สนใจต่อความเป็นอยู่
ของแดง บางครั้งก็ไล่แดงออกจากบ้าน ไม่ให้อาหารกินบ้าง บางครั้งก็จับมัดขังไว้ในห้อง แดงรู้สึกน้อยเนื้อ
ตำ่าใจมากที่พ่อปฏิบัติต่อตนเช่นนั้น จึงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และไปขอยาฆ่าแมลงมาจากผู้อื่นเพื่อฆ่าตัวตาย
แต่มารดาของแดงมาพบยาฆ่าแมลงเสียก่อน จึงเอาไปทิ้งเสีย เช่นนี้ดำาจะมีความผิดตามมาตรา 292 หรือไม่
แดงเพียงแต่ตระเตรียมการฆ่าตัวตาย ยังมิได้ลงมือฆ่าตัวตาย ดำาจึงยังไม่มีความผิด เพราะความผิดตาม
มาตรา 292 นั้น ต้องมีการฆ่าตนเองเกิดขึ้น หรือมีการพยายามฆ่าตนเองเกิดขึ้น จึงจะเป็นความผิด และไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
70

ถือว่าดำาผิดฐานพยายามกระทำาความผิดด้วย เพราะมาตรานี้มีการพยายามกระทำาความผิดไม่ได้ คือถ้ามีการฆ่า


ตนเอง หรือพยายามฆ่าตนเองเกิดขึ้น ก็เป็นความผิดสำาเร็จ หากยังไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้น ก็ยังไม่เป็นความผิด

6.4.2 กระทำาด้วยการช่วยหรือยุยง
แดงประสบกับความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากที่ภริยาซึ่งอยู่กินกันมานานถึง 20 ปีเศษ ประสบ
อุบัติเหตุเรือชนกันถึงแก่ความตายและยังหาศพไม่พบ ดำาน้องชายของแดงอยากได้สมบัติของแดง จึงพูดยุยงให้
แดงฆ่าตัวตายจะได้พ้นทุกข์ แดงเองก็กำาลังคิดจะฆ่าตัวตายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังลังเลใจอยู่ เมื่อดำายุยงเช่นนั้น
แดงจึงตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตาย โดยให้ดำาช่วยผสมยาพิษให้ ดำาก็จัดการให้แล้ว แดงดื่มยาพิษนั้นและถึงแก่ความ
ตายดังนี้ ดำามีความผิดหรือไม่
ดำาไม่ผิด เพราะมิได้ยุยงหรือช่วยบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 293 ให้ฆ่าตัวตาย
มาตรา 293 ผู้ใดช่วยหรือยุยงเด็กอายุยังไม่เกินสิบหกปี หรือผู้ซึ่งไม่ สามารถเข้าใจว่าการกระทำา
ของตนมีสภาพหรือสาระสำา คัญอย่างไรหรือไม่ สามารถบังคับการกระทำา ของตนได้ ให้ฆ่าตนเองถ้าการฆ่า
ตนเองนั้นได้ เกิดขึน้ หรือได้มีการพยายามฆ่าตนเอง ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น
บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
แดงเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลในจังหวัดหนึ่ง และประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมายหลายอย่าง แดงรู้ว่าดำาซึ่ง
เป็นเด็กอายุเพียง 15 ปีเป็นสายสืบให้ตำารวจ แดงจึงเรียกดำาให้มาพบและส่งยาพิษให้ดำากินเพื่อให้ดำาฆ่าตัว
ตาย โดยบอกว่าถ้าไม่กินยาพิษจะจับโยนลงไปในบ่องูจงอาง ดำารูว้ ่าถ้าไม่ดื่มยาพิษนั้น ดำาก็ต้องตายด้วยวิธีอื่น
ซึ่งทารุนกว่านั้นดำาจึงดื่มยาพิษตาย ให้วินิจฉัยการกระทำาของแดง
แดงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288 เพราะแดงบังคับให้ดำาฆ่าตัวตาย ดำาไม่มี
อิสระจะเลือกทำาอย่างอื่นได้ การกระทำาของแดงจึงเป็นการฆ่าดำา โดยใช้ดำาเป็นเครื่องมือให้ให้ฆ่าตนเอง
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำาคุก ตลอดชีวิต หรือจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปี
ถึงยี่สิบปี

6.5 การเข้าร่วมชุมนุมต่อสู้
1. การชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป อันเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดถึงแก่ความ
ตายนั้น ยากแก่การที่จะหาพยานพิสูจน์ว่าใครทำาร้ายใครอย่างไร กฎหมายจึงบัญญัติเอาโทษแก่ผู้เข้า
ร่วมในการชุลมุนต่อสู้ทุกคนไม่ว่าการตายของผู้ถูกทำาร้ายนั้นจะเกิดจากการกระทำาของบุคคลใด
2. ผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรับโทษ ก็เฉพาะแต่ผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าตนได้กระทำา
ไปเพื่อเข้าห้ามการชุลมุนต่อสู้ หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

6.5.1 เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
71

ดำาและแดงฝ่ายหนึ่ง ทะเลาะกับขาวและเขียวอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วเกิดการชุลมุนต่อสู้ทำาร้ายซึ่งกันและกัน


ดำาชักปืนยิงขาวซึ่งกำาลังจะยกก้อนหินทุ่มใส่ดำา กระสุนถูกก้อนหินในมือขาวแฉลบไปถูกฟ้าซึ่งยืนดูอยู่ถึงแก่
ความตายใครจะต้องรับผิดชอบบ้าง
ดำาแดง ขาวเขียว ผิดฐานชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้บุคคลถึงแก่ความตายตามมาตรา 294
ส่วนดำา ใช้ปืนยิงขาว แสดงว่าดำา มีเจตนาฆ่าขาวแต่กระสุนพลาดไปถูกฟ้าตาย เป็นการกระทำา โดย
พลาดตามมาตรา 60 ถือว่าดำามีเจตนาฆ่าฟ้า ดำาจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าขาวตามมาตรา 288 80 และ
ฐานฆ่าฟ้าโดยเจตนาตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นความผิดหลายบท
มาตรา 294 ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคน ขึ้นไป และบุคคลหนึ่ง
บุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ ถึงแก่ความตายโดยการกระทำา ในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้อง
ระวางโทษจำาคุก ไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำา ไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อ
ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

6.5.2 เหตุยกเว้นโทษ
ขณะที่นักเรียนของโรงเรียนดำา และนักเรียนของโรงเรียนเขียวประมาณ 20 คน กำาลังชุลมุนต่อสู้
กันที่สนามฟุตบอล แดงซึ่งเป็นครูของโรงเรียนดำาผ่านมาประสบเหตุการณ์จึงเข้าไปพยายามแยกนักเรียนของ
โรงเรียนดำาออกมา นักเรียนของโรงเรียนเขียวคนหนึ่งถือมีดวิ่งตรงเข้ามาแทงแดง แดงหลบทัน นักเรียนคนนั้น
เสียหลักล้มลงและโดนมีดในมือแทงทะลุตนเองถึงแก่ความตาย แดงมีความผิดหรือไม่
การกระทำาของแดงเป็นการเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ แต่ได้กระทำาไปเพียงเพื่อต้องการดึงตัวนักเรียน
ของโรงเรียนดำาออกมาจากวงการต่อสู้เท่านั้น มิได้เข้าร่วมเพื่อต่อสู้ด้วยแต่อย่างใด แดงจึงมีความผิดแต่ได้รับ
ยกเว้นโทษตาม มาตรา 294 วรรคท้าย
การชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย มีองค์ประกอบความผิดอย่างไรบ้าง อธิบายพอสังเขปและยก
ตัวอย่างอุทาหรณ์
มีองค์ประกอบความผิดดังนี้ เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป มีบุคคลใดไม่ว่า
จะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ถึงแก่ความตาย โดยการกระทำาในการชุลมุนต่อสู้นั้นมาโดยเจตนา การเข้า
ร่วมดังกล่าวต้องเป็นเรื่องสมัครใจเข้าต่อสู้กัน มิใช่เป็นการกลุ้มรุมทำาร้ายอีกฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว ผู้ถึงแก่ความ
ตายก็ไม่จำากัดเฉพาะแต่ผู้เข้าร่วมด้วย อาจเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ ผูเ้ ข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ย่อมผิดตามมาตรา
นี้แล้ว
ฎ. 852/2509 จำาเลยกับบิดาได้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป
และบิดาของจำา เลยถูกทำา ร้ายถึงแก่ความตายในการชุลมุนต่อสู้นั้น แม้จำา เลยไม่มีอาวุธ แต่เมื่อจำา เลยมิได้ห้าม
หรือป้องกันตัวย่อมมีความผิดตามมาตรา 294
ข้อเท็จจริงในกรณีนี้ ไม่ปรากฏว่าจำา เลยได้กระทำา ไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้หรือป้องกันตัวย่อมมี
ความผิดตามมาตรา 288 หรือ 290 แล้วแต่ว่าผู้กระทำาผิดมีเจตนาเพียงทำาร้ายหรือมีเจตนาฆ่า
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
72

มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำา ร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้น ถึงแก่ความตาย ต้องระวาง


โทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ถ้าความผิดนั้นมีลั กษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 289 ผู้กระทำา ต้อง
ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 6

1. แดงประสงค์จะฆ่าดำาซึ่งกำาลังป่วย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แดงจึงแอบเอายาพิษไปใส่ในหลอดยา


ฉีด ที่ น างพยาบาลกำา ลั งเตรี ย มไว้ เ พื่อ ฉีด ให้ ดำา โดยไม่ ท ราบความจริ ง ดำา จึ งตายกรณีเ ช่ น นี้ แ ดงกับ
พยาบาลจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ อย่างไร คำาตอบ แดงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่วนนาง
พยาบาลไม่มีความผิดเพราะเพราะขาดเจตนา
2. การสำาคัญผิดในข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดนั้น มีผลต่อความรับผิดชอบของผู้กระทำา
อย่างไรบ้างหรือไม่ คำาตอบ โดยหลักถือว่าผู้กระทำาขาดเจตนา แต่ถ้าสำาคัญผิดเพราะประมาท ก็อาจรับ
ผิดฐานประมาท
3. จอนทะเลาะวิวาทกับจิมอยู่ข้างถนน ขณะชกต่อยกันนั้น จอนได้ใช้เท้าถีบจิม กระเด็นเข้าไปในถนน
ทำาให้รถที่แล่นมาชนจิมถึงแก่ความตาย กรณีเช่นนี้จอนมีความผิดในฐานใดหรือไม่ คำาตอบ ฆ่าคนตาย
โดยไม่เจตนา
4. กรณียิงคนร้ายที่เข้ามาปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนแต่กระสุนปืนไปถูกเพื่อนบ้านตาย กรณีนี้ผู้กระทำาจะ
มีความผิดฐานทำาให้ผู้อื่นตายโดยประมาท
5. การทำาให้ผู้อน ื่ ฆ่าตัวตายนั้นจะเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาในกรณีที่ ผู้กระทำาต้องเป็นผู้ลงมือ
กระทำาด้วยตนเอง จะเป็นการกระทำาโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
6. แสงมีหนี้สินอันล้นพ้นตัว ทำาให้คิดมากจึงไปขอยืมปืนจาก ศิริจะเอามาฆ่าตัวตาย ศิริจึงให้แสงยืมปืน
กระบอกนั้นไปฆ่าตัวตายสำาเร็จตามความประสงค์ กรณีเช่นนี้มีความผิดเพราะยุยงช่วยเหลือให้แสงฆ่า
ตัวตายหรือไม่ เพราะเหตุใด คำาตอบ ไม่มีความผิดเพราะมิใช่บุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 293 (
ไม่มีความผิดเพราะแสงเป็นผู้มีความรู้สึกผิดชอบสมบูรณ์)
มาตรา 293 ผู้ใดช่วยหรือยุยงเด็กอายุยังไม่เกินสิบหกปี หรือผู้ซึ่งไม่ สามารถเข้าใจว่าการกระทำา
ของตนมีสภาพหรือสาระสำา คัญอย่างไรหรือไม่ สามารถบังคับการกระทำา ของตนได้ ให้ฆ่าตนเองถ้าการฆ่า
ตนเองนั้นได้ เกิดขึน้ หรือได้มีการพยายามฆ่าตนเอง ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น
บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
7. แดงหยิบยาผิดรับประทานเข้าไปจนถึงแก่ความตายในห้องนอน ขาวศัตรูของแดงแอบรอจังหวะที่จะ
ฆ่าแดงมานานแล้ว ในวันนั้นได้เข้าไปในห้องที่แดงนอนตายอยู่แล้วยิงแดงหลายนัด โดยไม่ทราบว่า
แดงถึงแก่ความตายแล้ว กรณีเช่นนี้ขาวมีความผิดอย่างไรหรือไม่ คำาตอบ ไม่มีความผิดเพราะขาดองค์
ประกอบของความผิด
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
73

8. เพราะเหตุที่มีการแย่งมรดกกันในครอบครัว ฉายจึงฆ่าลูกของนางช้อยที่คลอดออกมาจากครรภ์ของนาง
ช้อยโดยยังมิได้ตัดสายรก กรณีเช่นนี้ฉายมีความผิดอย่างไรหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดฐานฆ่าคนตาย
โดยเจตนา
9. การเข้าร่วมการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปจนเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดถึงแก่
ความตาย นั้นจะเป็นความผิดเสมอไปหรือไม่ คำาตอบ เป็นความผิดเว้นแต่แสดงได้ว่าได้กระทำาไปเพื่อ
ห้ามจึงไม่ต้องรับโทษ
10. ร้อยเอกแจ่มไม่พอใจที่พลทหารจ๋องซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาแต่งกายไม่เรียบร้อย จึงลงโทษพลทหารจ๋อง
ด้วยการให้วิ่งรอบสนาม 32 รอบ พลทหารจ๋องเป็นคนสุขภาพไม่ดีเพราะเป็นโรคหัวใจซึ่งความจริง
ข้อนี้ร้อยเอกแจ่มไม่ทราบ พลทหารจ๋องวิ่งเหนื่อยมากหัวใจจึงหยุดเต้นถึงแก่ความตาย กรณีเช่นนี้ร้อย
เอกแจ่มมีความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ ไม่มีความผิดใดๆ เพราะเป็นอุบัติเหตุ
11. การทำาความผิดฐานทำาให้ผู้อื่นตายโดยประมาท ในกรณี ยิงสุนัขใต้ถุนบ้าน แต่พลาดกระสุนแฉลบไป
ถูกเด็กที่นั่งเล่นอยู่ห่างออกไป 20 เมตรตาย
12. การสำาคัญผิดในข้อเท็จจริง อันเป็นองค์ประกอบของความผิดนั้น มีผลต่อความรับผิดชอบของผู้กระทำา
อย่างไรหรือไม่ คำาตอบ โดยหลักถือว่าผู้กระทำาขาดเจตนา แต่ถ้าสำาคัญผิดเพราะประมาท ก็ต้องรับผิด
ฐานประมาท

หน่วยที่ 7 ความผิดต่อร่างกาย

1. ความปลอดภัยในร่างการและจิตใจของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมาย การทำาร้ายร่างกาย


ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เขาได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจเป็นความผิด และถ้าผลแห่งการกระทำานั้นเป็น
เหตุให้ได้รับอันตราสาหัส กฎหมายเอาโทษหนักขึ้น
2. การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กัน ถือว่าเป็นภัยสังคม ดังนัน้ ถ้ามีการเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันตั้งแต่สามคนขึ้นไป
เป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้รับอันตรายสาหัส กฎหมายก็เอาโทษแก่ผู้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้
นัน้ ทุกคน เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นที่กฎหมายไม่เอาโทษ
3. การกระทำา โดยประมาทบางกรณีมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในร่างกายของบุคคล ดังนั้น การที่
บุคคลใดกระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส กฎหมายจึงเอาโทษด้วย

7.1 การทำาร้ายร่างกาย
1. ความผิดฐานทำาร้ายร่างกาย คือการทำาร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่
กายหรือจิตใจ
2. การทำาร้ายผู้อื่นในบางกรณีผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้น เช่น ทำาร้ายบุพการี ทำาร้ายเจ้าพนักงานซึ่ง
ปฏิบัติการตามหน้าที่ ทำาร้ายผู้อื่นโดยไตรตองไว้ก่อน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
74

มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้น ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำาคุก


ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ถ้ าความผิดนั้น มีลั ก ษณะประการหนึ่ งประการใดดั งที่ บัญญั ติไ ว้ใ นมาตรา 289 ผู้กระทำา ต้ องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 295 ผู้ใดทำาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผูน้ ั้นกระทำาความ
ผิดฐานทำาร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำาทั้งปรับ
องค์ประกอบของความผิด มีดังนี้
องค์ประกอบภายนอก
1) ทำาร้าย หมายถึง การกระทำาต่อร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น อันเป็นการทำาให้เสียหายเป็นภยันตรายแก่

กายหรือจิตใจของเขา
2) ผู้อื่น หมายความว่าต้องมิใช่ทำาร้ายตนเอง และหมายความว่าผู้ถูกทำาร้ายนั้นต้องมีสภาพบุคคลคือยังมี

ชีวิตอยู่
3) จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนัน ้ เมื่อมีการทำาร้ายผู้อื่นแล้วก็ต้องเกิดผลขึน้ คือ
เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ กล่าวคือ การได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องเป็น
ผลโดยตรงจากการทำาร้าย อันตรายแก่จิตใจ คือจิตใจผิดปกติไป มีอาการสติฟั่นเฟือน จิตใจหวาดผวา
หมดสติเป็นเวลานาน
องค์ประกอบภายใน
 เจตนา หมายความว่า ผู้กระทำา ได้ลงมือกระทำา โดยประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลว่าการกระทำา ของ

ตนจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นแต่ถ้าไม่เกิดผลก็เป็นพยายามกระทำาความผิด
เท่านั้น
ความผิดตามมาตรา 295 มีองค์ประกอบใกล้เคียงกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา
290 ซึ่งเป็นการกระทำาคือทำาร้ายผู้อื่นเช่นเดียวกัน แต่ผลของการกระทำาต่างกันคือ มาตรา 295 ผลของ
การทำาร้ายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำาร้าย ส่วนมาตรา 290 ผลของการทำาร้ายเป็น
เหตุให้ผู้ถูกทำาร้ายถึงแก่ความตาย
มาตรา 391 ผูใ้ ดใช้กำาลังทำาร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิด อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

7.1.1 ความผิดฐานทำาร้ายร่างกาย
ในกรณีต่อไปนี้ แดงมีความผิดฐานทำาร้ายร่างกายหรือไม่
(1) แดงใช้มือตบหน้าดำาโดยแรง ทำาให้หน้าดำาเป็นผื่นแดงรักษา 3 วันหาย

(2) แดงใช้มือตบหน้าดำาโดยแรง ทำาให้ดำาตกใจสิ้นสติไปชั่วครู่ก็ฟื้นเป็นปกติ

(3) แดงใช้มีดยาวคืบเศษแทงดำาที่โคนขาขวา 1 ครั้ง เป็นแผลลึกครึ่งเซนตริเมตรโลหิตไหล


ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
75

(4) แดงเอาไม้ตีดำาตรงดั้งจมูก ทำาให้ภายในโพรงจมูกเกิดเป็นแผลแตกเลือดกำาเดาไหล


(5) แดงเห็นดำา นอนหลับอยู่จึงแกล้งเอานิ้วไปเขี่ยที่ฝ่าเท้าดำา เล่น ดำา ตกใจกระตุกขาไปถูกขอบเตียง

เป็นบาดแผลแตกโลหิตไหล
กรณีที่แดงมีความผิดฐานทำาร้ายร่างกายหรือไม่เพียงใดมีดังนี้
(1) การที่ใบหน้าดำาเป็นเพียงผื่นแดงรักษา 3 วันหายถือว่ายังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กาย
แดงจึงมีความผิดฐานใช้กำาลังทำาร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย
หรือจิตใจตามมาตรา 391
(2) การที่ดำาตกใจสิ้นสติเพียงชั่วครู่ถือว่ายังไม่ถึงขนาดเป็นอันตรายแก่จิตใจ แดงจึงมีความ
ผิดตามมาตรา 391
(3) บาดแผลที่ดำาได้รับถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กายแล้ว แดงจึงมีความผิดตามมาตรา 295
(4) การที่แดงตีดำา จนเกิดแผลแตกเลือดกำา เดาไหล นับว่าเป็นอันตรายแก่กายแล้ว แดงมี
ความผิดตามมาตรา 295
(5) การที่แดงแกล้งเอานิ้วไปเขี่ยฝ่าเท้าดำาเล่น แสดงว่าแดงไม่มีเจตนาทำาร้ายดำา แดงจึงไม่มี
ความผิด
แดงชกต่อยดำาล้มลงมีบาดแผลที่ปลายคิ้วโลหิตซึมเล็กน้อย แต่ศีรษะดำากระแทกกับพื้น ดำาสลบไป แดง
เข้าใจว่าตาย แดงกลัวความผิด จึงเอาผ้าขาวม้าของดำาผูกคอดำาไปแขวนไว้ที่ต้นมะม่วงข้างทาง เพื่ออำาพรางว่าดำา
ฆ่าตัวตายแต่มีคนมาพบเข้าเสียก่อน จึงช่วยไว้ทัน ดังนี้ แดงมีความผิดฐานใด
แดงมีเจตนาเพียงทำาร้ายดำา มิได้มีเจตนาฆ่า แต่การทำาร้ายเป็นเหตุให้ดำาได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
แล้วแดงจึงมีความผิดตามมาตรา 295
แดงใช้มีดดาบฟันที่บริเวณลำาตัวดำา แต่ดำาหลบทัน แดงมีโอกาสฟันได้อีกกลับไม่ฟัน กลับเดินหนีไป
เสียดังนี้ แดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
แม้ดาบเป็นอาวุธที่กระทำา ร่างกายแล้ว ผู้ถูกกระทำา อาจถึงตายได้ แต่ การที่แดงฟันครั้งเดียวแล้วไม่
กระทำาต่อไปอีกแสดงว่ามีเจตนาเพียงทำาร้ายร่างกายดำาให้ได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น แต่การกระทำาไม่บรรลุ
ผลจึงเป็นเพียงพยายามทำาร้ายร่างกาย แดงจึงมีความผิดฐานพยายามทำาร้ายร่างกายตาม ปอ. มาตรา 295,
80

7.1.2 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
แดงมีสาเหตุโกรธเคืองดำา จึงถือมีดแล้วเดินไปหาดำาที่บ้านแต่ปรากฏว่าดำายังไม่กลับบ้าน แดงจึงออก
มาดักซุ่มอยู่ข้างทางจนกระทั่งดำาเดินผ่านมา แดงจึงเอามีดฟันดำา 1 ครั้ง เป็นบาดแผลโลหิตไหล รักษา 10
วัน หายแล้วแดงก็เดินจากไป เช่นนี้แดงมีความผิดหรือไม่
การที่แดงเอามีดฟันดำาจนได้รับบาดแผลโลหิตไหล แดงจึงมีความผิดฐานทำาร้ายร่างกาย แต่การที่แดง
เดินไปหาดำาถึงบ้านแล้วยังมาซุ่มคอยอยู่ข้างทาง แสดงว่าแดงได้ทำาร้ายดำาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แดงจึงมีความ
ผิดตามมาตรา 296
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
76

เจ้าพนักงานตำารวจขณะออกตรวจท้องที่ตามคำาสั่งผู้บังคับบัญชา ถูกแดงใช้ไม้แอบตีข้างหลัง 1 ครั้ง


แต่เจ้าพนักงานตำารวจหลบทันเสียก่อน ดังนี้ แดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
แดงมีความผิดฐานพยายามทำาร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำาตามหน้าที่ตามมาตรา 296, 80

7.2 การทำาร้ายร่างกายสาหัส
1. ความผิดฐานทำาร้ายร่างกาย ถ้าทำาให้ผู้ถูกทำาร้ายเป็นอันตรายสาหัสผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้น
2. ในบางกรณี ห ากอั น ตรายสาหั ส เกิ ด แก่ บุ ค คลบางประเภท หรื อ เป็ น ผลมาจากการกระทำา ภายใต้
พฤติการณ์พิเศษ กฎหมายก็ลงโทษหนักขึ้น
มาตรา 295 ผู้ใดทำาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผูน้ นั้ กระทำา
ความผิดฐานทำาร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 297 ผู้ใดกระทำา ความผิดฐานทำา ร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ ผู้ถูกกระทำา ร้ายรับอันตราย
สาหัส ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงสิบปี
อันตรายสาหัสนั้น คือ
(1) ตาบอด หูหนวก ลิน้ ขาด หรือเสียฆานประสาท
(2) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
(3) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
(4) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
(5) แท้งลูก
(6) จิตพิการอย่างติดตัว
(7) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
(8) ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจ
ตามปกติไม่ได้ เกินกว่ายี่สิบวัน
มาตรา 298 ผู้ใดกระทำา ความผิดตาม มาตรา 297 ถ้าความผิด นั้นมีลักษณะประการหนึ่ง
ประการใดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 289 ต้อง ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี

7.2.1 ความผิดฐานทำาร้ายร่างกายเป็นอันตรายสาหัส
นายแดงต้องการทำาร้ายดำา จึงเอาก้อนหินขว้างนายดำา ในกรณีต่อไปนี้นายแดงมีความผิดฐานใดหรือ
ไม่
(1) ก้อนหินถูกตาข้างขวาของดำา เป็นบาดแผลโลหิตไหล ตาข้างนั้นมองไม่เห็นอยู่ 7 วัน
แผลก็หาย และสายตากลับดีดังเดิม
(2) ก้อนหินถูกอวัยวะสืบพันธุ์ของดำา เป็นบาดแผลฉกรรจ์ ต้องตัดอวัยวะสืบพันธุ์ของดำา
ออกทั้งหมด

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
77

(3) ก้อนหินถูกแขนข้างขวาของดำา ทำาให้เอ็นที่แขนเสีย ดำาไม่สามารถใช้แขนข้างนั้นยก


ของหนักได้อีก
(4) ก้อนหินถูกปากดำา ทำาให้ฟันดำาหักไป 2 ซี่
(5) ก้อนหินถูกหัวเข่าดำา เป็นแผลฉกรรจ์ทำาให้ดำาเดินไม่ได้ เมื่อครบ 20 วัน แผลจึงหาย
และดำากลับเดินได้ตามปกติ
นายแดงมีความผิดดังต่อไปนี้
(1) การที่ตาข้างขวาของดำามองไม่เห็นอยู่เพียง 7 วัน ก็หายเป็นปกติดังเดิมนั้น มิใช่ความ
เสี ย หายในการมองเห็ น อย่ า งถาวร จึ ง ยั ง ไม่ ถึ ง ขั้ น อั น ตรายสาหั ส ตามมาตรา
297(1) แดงจึงมีความผิดฐานทำาร้ายร่างกายตามมาตรา 295
(2) การที่ดำาเสียอวัยวะสืบพันธุ์เพราะถูกแดงทำาร้าย ถือได้ว่าเป็นอันตรายสาหัส แดงจึงมี
ความผิดตามมาตรา 297(2)
(3) การที่ดำา ไม่สามารถใช้แขนได้ตามธรรมชาติ และถือได้ว่าดำา ทุพพลภาพ ซึ่งอาจถึง
ตลอดชี วิ ต แล้ ว แดงจึ งมี ค วามผิ ด ฐานทำา ร้ า ยร่ า งกายสาหั สตามมาตรา 297(3)
(7)
(4) การที่ดำาฟันหักไป 2 ซี่ ยังไม่ถึงขนาดเป็นการเสียอวัยวะอื่นใด แดงจึงมีความผิดฐาน
ทำาร้ายร่างกายมาตรา 295
(5) การที่ดำา ได้รับบาดแผลจนเดินไม่ได้ 20 วัน นั้นยังไม่เป็นอันตรายสาหัส เพราะยัง
ไม่ใช่การประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เ กินกว่า 20 วัน แดงจึงมีความผิดตาม
มาตรา 295
ขาวใช้มีดดาบฟันแขนดำา โดยเจตนาจะให้แขนขาด แต่ดำาหลบทัน จึงฟันไม่ถูก ดังนี้ ขาวมีความผิด
ฐานใด
ขาวไม่มีความผิดฐานพยายามทำาร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เพราะความผิดดังกล่าวต้องมีผลที่เกิดขึ้น
สาหัส ไม่อาจมีพยายามได้ แต่มีความผิดเพียงฐานพยายามทำาร้ายร่างกายดำาเท่านั้น

7.2.2 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
แดงซึ่งรับราชการเป็นพลตำารวจได้ลาหยุดราชการ ระหว่างที่ลาหยุดนั้นไปเที่ยวงานมหรสพซึ่งอยู่ใน
เขตท้องที่ซึ่งตนประจำาการอยู่ จ่าสิบตำารวจคนหนึ่งซึ่งรักษาการอยู่ในงานนั้นได้ร้องขอให้ช่วยรักษาความสงบ
เรียบร้อยในงานนั้นด้วย ดำาได้แสดงกิริยามึนเมาในบริเวณงาน แดงจึงได้ห้ามปรามและขอให้ดำากลับบ้าน ดำาจึง
ใช้มีดแทงแดงถึงบาดเจ็บสาหัส เช่นนี้ดำามีความผิดฐานใดหรือไม่
ถึงแม้แดงจะอยู่ในระหว่างลาหยุดราชการแต่ท้องที่เกิดเหตุก็เป็นเขตท้องที่ที่ตนประจำาการอยู่ และได้
รับการขอร้องให้ช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในงานด้วย การที่แดงถูกดำา แทงก็เพราะเหตุที่ได้กระทำา ตาม
หน้าที่ห้ามปรามมิให้ดำาแสดงกริยามึนเมาในที่ชุมชน ดำา จึงมีความผิดฐานทำา ร้ายเจ้าพนักงาน เพราะเหตุที่ได้
กระทำาตามหน้าที่จนได้รับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 298
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
78

7.3 การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้
1. การชุลมุนต่อสู้กัน เป็นการยากที่จะพิสูจน์ว่าใครทำาร้ายใครอย่างไร กฎหมายจึงเอาโทษผู้เข้าร่วม
ชุลมุนต่อสู้ทุกคนไม่ว่าอันตรายสาหัสนั้นจะเกิดจากการกระทำาของผู้ใด
2. การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ แม้กฎหมายเอาโทษ แต่ถ้าผู้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้พิสูจน์ได้ว่าการกระทำาของ
ตนเข้าข้อยกเว้นของกฎหมายแล้ว ย่อมไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 299 ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคล
ใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ รับ อันตรายสาหัส โดยการกระทำาในการชุลมุนต่อสู้นนั้ ต้องระวาง
โทษจำาคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำา ไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อ
ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
องค์ประกอบของความผิดมีดังนี้
องค์ประกอบภายนอก
1) เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้

2) ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป

3) บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ รับอันตรายสาหัสโดยการกระทำาใน

การชุลมุนต่อสู้นั้น
องค์ประกอบภายใน
 เจตนา

7.3.1 การเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ดำากับแดงฝ่ายหนึ่งท้าทายให้เขียวกับขาวออกมาต่อสู้กัน ในระหว่างชกต่อยกันอยู่ ฟ้าบุคคล ภายนอก
ซึ่งยืนดูทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ ถูกแดงซึ่งชกขาวไม่ถูกพลาดไปถูกฟ้าได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ ดำา แดง เขียว
และขาว มีความผิดหรือไม่ เพียงใด
การกระทำาของดำา แดง เขียว และขาว ถือว่าเป็นการเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สาม
คนขึ้นไปแล้ว แต่ไม่มีบุคคลใดได้รับอันตรายสาหัส บุคคลทั้งสี่จึงไม่มีความผิดตามมาตรา 299 วรรคแรก
แต่การที่แสดงเจตนาทำาร้ายขาวแต่พลาดไปถูกฟ้าได้รับอันตรายแก่กาย และตามข้อเท็จจริงไม่ปรากฏ
ว่าผู้ใดร่วมกระทำาความผิดด้วย แดงจึงมีความผิดฐานทำาร้ายร่างกายฟ้าได้รับอันตรายแก่กายตามมาตรา 295
ประกอบมาตรา 60
ดำากับขาวอีกฝ่ายหนึ่งชกต่อยต่อสู้กันกับเขียวอีกฝ่ายหนึ่ง ในระหว่างการต่อสู้กันไม่ทราบว่าใครชก
ถูกดำาล้มลง หน้าครูดกับพื้นทำาให้หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว ดังนี้ บุคคลทั้งสามมีความผิดฐานใดหรือไม่
เมื่อการกระทำาของบุคคลทั้งสองเป็นการเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ เป็นเหตุให้ดำาได้รับอันตรายสาหัส
บุคคลดังกล่าวรวมทั้งดำาด้วยมีความผิดตามมาตรา 299
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
79

7.3.2 เหตุยกเว้นโทษ
ดำากับแดงเคยมีเรื่องชกต่อยกัน ในวันเกิดเหตุ แดงและขาว ไปดักคอยทีอยู่ พอดำาเดินผ่านมา แดงและ
ขาวยิงดำา 4-5 นัด แต่ไม่ถูก ดำาจึงวิ่งหนี แดงและขาวยังคงตามไปยิงอีก 4-5 นัด กระสุนที่แดงยิงพลาดไป
ถูกเขียวบุคคลภายนอกได้รับอันตรายสาหัส ดำาจึงยิงตอบโต้มา 1 นัด แล้วดำาก็วิ่งหนีไป ดังนี้ ดำา แดง และขาว
มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 299 หรือไม่
กรณีนี้เป็นเรื่องที่แดง ขาว เข้าทำาร้ายดำา โดยดำา มิได้เข้าร่วมต่อสู้ด้วย ถึงแม้ว่าดำา จะยิงโต้ตอบมา 1
นัด ก็เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ดำา แดง ขาว จึงไม่มีความผิดฐานร่วมในการชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้
บุคคลได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 299 แต่แดงและขาวย่อมจะผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

7.4 การทำาให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสโดยประมาท
1. การกระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตราสาหัส กฎหมายเอาโทษทางอาญาด้วย แม้ว่ามิได้
กระทำาโดยเจตนาก็ตาม
2. ความไม่รู้ข้อเท็จจริงหรือความสำา คัญผิดโดยประมาท เมื่อได้กระทำา ไปจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับ
อันตรายสาหัส ผู้กระทำาย่อมต้องรับโทษตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
มาตรา 300 ผู้ใดกระทำาโดยประมาท และการกระทำานั้นเป็นเหตุให้ ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
องค์ประกอบของความผิดมีดังนี้
องค์ประกอบภายนอก
1) กระทำาด้วยประการใดๆ

2) เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส

องค์ประกอบภายใน
 ประมาท

7.4.1 กระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ขณะที่ดำากำาลังวิ่งเล่นกับเพื่อน ดำามองเห็นนกบินผ่านมา จึงหยิบก้อนหินขว้างนก ก้อนหินถูกนกแล้ว
ตกลงมาถูก ศีรษะของแดง ทำา ให้ แดงได้รั บความกระทบกระเทื อนทางสมองอย่า งรุน แรงถึ งขั้น เกิ ดอาการ
ประสาทหลอนที่รักษาไม่หาย เช่นนี้ดำามีความผิดฐานใดหรือไม่
การที่ดำาเอาก้อนหินขว้างขึ้นไปบนอากาศนั้น ดำาควรต้องใช้ความระมัดระวังดูให้ดีเสียก่อนว่าก้อนหิน
มีทางที่จะตกมาเป็นอันตรายแก่ผู้อนื่ หรือไม่ การที่ดำาไม่ได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอจนแดงได้รับอันตราย
สาหัส เนื่องจากเกิดอาการจิตพิการอย่างติดตัวเช่นนี้ ดำาจึงมีความผิดฐานกระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับ
อันตรายสาหัสตามมาตรา 300

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
80

7.4.2 ความไม่รู้ข้อเท็จจริงหรือความสำาคัญผิดโดยประมาท
แดงเห็นดำาเดินมาที่หน้าบ้าน แดงเข้าใจผิดว่าดำาจะมาทำาร้าย แต่ถ้าแดงพิจารณาดูให้ดีก็จะทราบว่าดำา
เป็นเพื่อนแดง มาเยี่ยมแดง แดงใช้ปืนยิงไปที่ขาของดำาได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ แดงจะมีความผิดหรือไม่เพียง
ใด
แดงซึ่งกระทำาไปด้วยความสำาคัญผิดโดยประมาท เพราะถ้าแดงพิจารณาให้ดีหรือใช้ความระมัด ระวัง
ตามสมควรในการจะดูว่าเป็นคนร้ายหรือไม่ ก็จะทราบว่าเป็นเพื่อน แดงมีความผิดตามมาตรา 300

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 7

1. การทำาร้ายในความผิดฐานทำาร้ายร่างกาย หมายถึงการกระทำาทุกประการที่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่
กายหรือ จิตใจของผู้อื่นได้
2. แดงใช้มีดดาบแทงทำาร้ายดำาถูกชายโครงหนึ่งครั้ง มีรอยชำ้าแดงกลมครึ่งเซนตริเมตร รักษาประมาณ 5
วันหาย เมื่อแทงแล้วแดงก็เดินจากไป ดังนี้ แดงกระทำาความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดฐาน
ใช้กำา ลังทำา ร้ายดำา โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ กายหรือจิตใจ และกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็น
อันตรายแก่กาย
3. การทำาร้ายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นการกระทำาความผิดฐานทำาร้ายร่างกายที่ต้องรับโทษหนักกว่าการ
ทำาร้ายร่างกายโดยทั่วไป
4. ฟันหัก 2 ซี่ ยังไม่ถือว่าถือเป็นกรณีที่เป็นอันตรายสาหัส (ตาบอดข้างหนึ่ง หูหนวกข้างหนึ่ง ลิ้นขาด
แท้งลูก ถือเป็นกรณีอันตรายสาหัส)
5. การเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน ถือว่าเป็นกรณีเป็นอันตรายสาหัส
6. การวินิจฉัยว่าการกระทำา เป็นความผิดฐานทำาร้ายร่างกายสาหัส หรือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าให้
พิจารณาจากอะไร คำาตอบ เจตนาของผู้กระทำาว่ามีเจตนาทำาร้ายหรือมีเจตนาฆ่า
7. ความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้บุคคลได้รับอันตรายสาหัสนั้นมีหลักเกณฑ์อย่างไร คำาตอบ
ผู้ที่ได้รับอันตรายสาหัสอาจเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เข้าร่วมในการชุลมุนในการต่อสู้ตั้งแต่สองคน
ขึ้นไป
8. ดำาโค่นต้นไม้ใหญ่ที่ริมถนน ต้นไม้จึงล้มลงมาขวางถนนไว้ แต่ดำาเห็นว่าต้นไม้ใหญ่เกินกว่าที่จะชักลาก
ออกมาจากถนนได้ และขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน ดำาจึงกลับบ้าน แดงขับรถมาตามถนนสายนั้น และ
รถชนต้นไม้ที่ขวางทางอยู่จนแดงได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้ ดำามีความผิดฐานกระทำาโดยประมาทเป็น
เหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่ คำาตอบ ดำามีความผิด เพราะไม่จัดให้มีเครื่องสัญญาณเตือนให้
ผู้ขับขี่รถยนต์ทราบ ดำาจึงกระทำาโดยประมาท
9. ดำาเดินเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ เห็นพุ่มไม้สั่นไหว เข้าใจว่าเป็นสัตว์ซุ่มอยู่ จึงเอาปืนยิงเข้าไปถูกแดงซึ่งนั่งอยู่
ในพุ่มไม้ได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้ดำามีความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ ดำามีความผิดฐานกระทำาโดย

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
81

ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เพราะการที่ดำามีรู้ข้อเท็จจริงว่าภายในพุ่มไม้เป็นแดงนั้น
เกิดจากความประมาทของดำาเอง
10. กรณีที่จะถือว่าเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจนั้น พิจารณาถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำา และบาดแผลที่
ถูกทำาร้ายได้รับ ว่าการกระทำารุนแรงถึงขนาดหรือไม่ และบาดแผลที่ผู้ถูกทำาร้ายได้รับมากน้อยเพียงใด
11. กรณีที่ยังไม่ถือว่าเป็นอันตรายแก่จิตใจ คือ รู้สึกเจ็บใจ แค้นใจ
12. กรณีที่ทำาความผิดฐานทำาร้ายร่างกายที่ไม่ต้องรับโทษหนักขึ้น คือ ทำาร้ายในเวลากลางคืน
13. ดำา กับแดงซึ่งเป็นบิดาของดำา ได้เข้าต่อสู้กับเขียวและเหลือง ปรากฏว่าแดงถูกเขียวใช้มีดทำา ร้ายได้รับ
อันตรายสาหัส ดังนี้ ดำาจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ ดำามีความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้เป็น
เหตุให้แดงได้รับบาดเจ็บสาหัส
14. ดำากับแดงหยอกล้อกันเล่น ดำาแกล้งเตะแดง แดงจับขาดำายกขึ้นแล้งผลักลงกับพื้น ปรากฏว่าดำาแขนหัก
ใช้แขนข้างนั้นตามปกติไม่ได้ ยี่สิบวันจึงหายเป็นปกติ ดังนี้ แดงจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ คำา ตอบ
แดงมีความผิดฐานกระทำาโดยประมาท เป็นเหตุให้แดงได้รับอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจซึ่งเป็นความ
ผิดลหุโทษ

หน่วยที่ 8 ความผิดเกี่ยวกับเพศ ทำาให้แท้งลูก และทอดทิ้งเด็ก คนป่วยเจ็บคนชรา

1. ความผิดทางเพศเป็นเรื่องกระทบกระเทือนความรู้สึก หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน กฎหมายจึง


บัญญัติเป็นความผิด
2. กฎหมายให้สิทธิและความคุ้มครองแก่ทารกในครรภ์มารดา แม้ยังไม่มีสภาพบุคคล และเนื่องจากการ
ทำาให้ทารกดังกล่าวตายไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น กฎหมายจึงต้องบัญญัติเป็นความผิดต่างหาก
3. บุคคลที่อ่อนแอด้วยอายุก็ดี ความเจ็บป่วยก็ดี ย่อมไม่สามารถคุ้มครองตนเองได้ ถ้าถูกทอดทิ้งไม่เอาใจ
ใส่อาจเป็นเหตุให้ได้รับอันตราย กฎหมายจึงให้ความคุ้มครองบุคคลดังกล่าว

8.1 ความผิดเกี่ยวกับเพศ
1. การกระทำาชำาเราหญิงจะเป็นความผิดเมื่อหญิงไม่สมัครใจยินยอมให้กระทำา และผู้กระทำาอาจต้องรับ
โทษหนักขึ้น หรือยอมความได้ในบางกรณี
2. การกระทำาชำาเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี เป็นความผิดและยอมความไม่ได้ ไม่ว่าเด็กหญิงนั้นจะ
ยอมหรือไม่ แต่ผู้กระทำาอาจไม่ต้องรับโทษ ถ้ากระทำาแก่เด็กหญิงอายุกว่าสิบสามปีแต่ไม่เกินสิบห้า
ปี โดยเด็กหญิงนั้นยินยอมและศาลอนุญาตให้สมรสกันภายหลัง
3. การกระทำา อนาจารแก่หญิงหรือชายอายุกว่าสิบห้าปี จะเป็น ความผิด ถ้าบุ คคลนั้ นไม่ยิน ยอมให้
กระทำา แต่การกระทำาอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ย่อมเป็นความผิดเสมอไม่ว่าเด็กนั้นจะ
ยินยอมหรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
82

4. การเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาเด็กหญิงหรือหญิงไปเพื่อให้สำาเร็จความใคร่ของผู้อื่นหรือเพื่อ


การอนาจารเป็นความผิด ไม่ว่าเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ กฎหมายลงโทษผู้กระทำา ผู้สนับสนุน
การกระทำาดังกล่าวและผู้รับตัวเด็กหญิงหรือหญิงไว้
5. การพาหญิงไปเพื่อการอนาจารเป็นความผิดถ้าหญิงไม่ยินยอม กฎหมายลงโทษทั้งผู้พาหญิงและผู้
ซ่อนเร้นหญิง
6. บุคคลอายุกว่าสิบหกปีดำารงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีย่อมมีความผิด เว้นแต่ได้รับการ
เลี้ยงดูจากหญิงนั้นตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยา
7. การผลิต การค้า การทำาให้แพร่หลาย การโฆษณา หรือการกระทำาอื่นๆ แก่วัตถุหรือสิ่งของลามกอาจ
เป็นความผิด ถ้าได้กระทำาเพื่อการค้า การแจกจ่าย การแสดงอวดแก่ประชาชน หรือเพื่อช่วยทำา ให้
แพร่หลายซึ่งวัตถุหรือสิ่งของดังกล่าว

8.1.1 ข่มขืนกระทำาชำาเราหญิง
นางแดงช่วยจับแขนของนางสาวดำาให้นายเขียวสามีของนางแดงข่มขืนกระทำาชำาเรานางสาวดำา นาง
แดงมีความผิดหรือไม่อย่างไร
การที่นางแดงช่วยจับแขนของนางสาวแดง เพื่อให้นายเขียวข่มขืนกระทำาชำาเรานางสาวดำานั้น นาง
แดงจึงเป็นตัวการร่วมกับนายเขียวข่มขืนกระทำาชำาเรานางสาวดำา ตามมาตรา 276 ประกอบกับมาตรา 83
มาตรา 276 ใช้คำาว่า “ผู้ใด ข่มขืนกระทำาชำาเราหญิง” จึงไม่จำา กัดเฉพาะเพศชาย นางแดงจึงมีความผิดตาม
มาตรา 276 นี้ได้
นายจินดาใช้ยาสลบให้นางสาวสวาทดมจนสลบ แล้วจึงข่มขืนกระทำาชำาเรานางสาวสวาทแล้วนาย
จินดาก็หนีไป ระหว่างที่นางสาวสวาทยังไม่ฟื้นจากอาการสลบนั้นเอง นายโอกาสเดินทางมาเห็นนางสาวสวาท
นอนเปลือยกายอยู่จึงได้กระทำาการข่มขืนกระทำาชำาเรานางสาวสวาทอีก เช่นนี้นายจินดาและนายโอกาสมีความ
ผิดอย่างไรหรือไม่
นายจินดา และนายโอกาสต่างมีความผิดฐานข่มขืนกระทำา ชำา เรานางสาวสวาทตาม ปอ.มาตรา
276 วรรคแรก แต่ไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 276 วรรค 2 เพราะนายจินดาและนายโอกาสไม่
ได้ “ร่วมกระทำาความผิดด้วยกัน” โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันข่มขืนกระทำาชำาเรานางสาวสวาทต่อเนื่องกันอัน
มีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
มาตรา 276 ผู้ใดข่มขืนกระทำาชำาเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้
กำาลังประทุษร้าย โดยหญิง อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำาให้หญิงเข้าใจผิดว่าตน เป็นบุคคลอื่น
ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่ แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกได้กระทำาโดยมีหรือใช้อาวุธ ปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยร่วม
กระทำาความผิดด้วยกันอันมีลักษณะ เป็นการโทรมหญิง ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับ
ตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำาคุกตลอดชีวิต

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
83

8.1.2 กระทำาชำาเราเด็กหญิง
นายดำารักกับเด็กหญิงแดงซึ่งมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ จนถึงขั้นได้เสียกัน ต่อมาเด็กหญิงแดงตั้งครรภ์
ศาลจึงอนุญาตให้นายดำา และเด็กหญิงแดงสมรสกัน กรณีนี้นายดำาจะมีความผิดฐานกระทำาชำาเราเด็กหญิงหรือ
ไม่
นายดำา ได้กระทำา ชำา เราเด็กหญิงแดง อายุไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ซึ่งมิใช่ภรรยาตนเอง นายดำา จึงมี
ความผิดฐานกระทำาชำาเราหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีตามมาตรา 277 วรรคแรก
แม้ต่อมาศาลอนุญาตให้นายดำาและเด็กหญิงแดงสมรสกัน นายดำาก็ยังมีความผิดตามมาตรา 277
วรรคแรก แต่ไม่ต้องรับโทษโดยผลของมาตรา 277 วรรคท้าย
มาตรา 277 ผู้ใดกระทำาชำา เราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภรรยาของตนโดยเด็กหญิง
นัน้ จะยินยอมหรือไม่ก็ตามต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่เด็กหญิง อายุยังไม่เกินสิบสามปีต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปีและ ปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือจำาคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสองได้กระทำาโดยร่วมกระทำาความผิดด้วยกันอันมี
ลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง และเด็กหญิงนั้นไม่ยินยอม หรือได้กระทำาโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุ ระเบิด หรือ
โดยใช้อาวุธ ต้องระวางโทษจำาคุกตลอดชีวิต
ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในวรรคแรก ถ้าเป็นการกระทำาที่ชายกระทำากับเด็กหญิงอายุกว่าสิบสามปี
แต่ยังไม่เกินสิบห้าปีโดย เด็กหญิงนั้นยินยอมและภายหลังศาลอนุญาตให้ชายและ เด็กหญิง นั้นสมรสกัน ผู้
กระทำาผิดไม่ต้องรับโทษ ถ้าศาลอนุญาตให้สมรสใน ระหว่างที่ผู้กระทำาผิดกำาลังรับโทษในความผิดนั้นอยู่ ให้
ศาลปล่อย ผู้กระทำาความผิดนั้นไป
มาตรา 277 ทวิ ถ้ า การกระทำา ความผิ ด ตาม มาตรา 276 วรรคแรกหรื อ มาตรา 277
วรรคแรกหรือวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำา
(1) รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบห้า ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สาม
หมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำาคุกตลอด ชีวิต
(2) ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำาคุกตลอดชีวิต
มาตรา 277 ตรี ถ้าการกระทำา ความผิดตาม มาตรา 276 วรรค สอง หรือ มาตรา 277
วรรคสาม เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำา
(1) รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือ จำาคุกตลอดชีวิต
(2) ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิต

8.1.3 กระทำาอนาจาร
นายดันบังคับให้นางสาวดำา อายุ 17 ปี ยอมให้ตนร่วมเพศทางช่องทวารหนัก นายดันมีความผิด
เกี่ยวกับเพศหรือไม่

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
84

นายดันไม่ผิดฐานข่มขืนกระทำา ชำา เรานางสาวดำา ตามมาตรา 276 เพราะการร่วมเพศทางช่อง


ทวารหนักไม่เป็นการกระทำาชำาเรา เนื่องจากการกระทำาชำาเราหมายถึงเฉพาะการส้องเสพย์สังวาสหรือการร่วม
ประเวณีโดยลักษณะปกติธรรมชาติ โดยการใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปใยอวัยวะเพศหญิงเท่านั้น
แต่นายดันผิดฐานกระทำา อนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี ตามมาตรา 278 เพราะนายดันได้
ขู่เข็ญโดยการบังคับให้นางสาวดำาอายุ 17 ปี ยอมให้ตนร่วมเพศทางทวารหนัก ซึ่งเป็นการกระทำาที่ไม่สมควร
ในทางเพศตามประเพณีหรือตามกาลเทศะอันเป็นการกระทำาอนาจารนางสาวดำา
มาตรา 278 ผู้ใดกระทำาอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดย ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้
กำาลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำาให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่า ตนเป็น
บุคคลอืน่ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

8.1.4 เป็นธุระจัดหาเด็กหญิงเพื่อให้สำาเร็จความใคร่ของผู้อื่น
นายสุธีหลอกลวงนางสาวสายสมรอายุ 19 ปี เพื่อจะเอามาขายให้ซ่องโสเภณี แต่นางสาวสายสมร
รู้ตัวเสียก่อนจึงหลบหนีจากซ่อง แล้วไปขออาศัยนางหมวยเจ้าของร้านกาแฟตรงข้ามกับซ่องโสเภณีที่นางสาว
สายสมรหลบหนีออกมา นางหมวยสงสารนางสาวสายสมรจึงยอมให้หลบซ่อน เพื่อป้องกันมิให้นายสุธีตามมา
พบ เช่นนี้นางหมวยมีความผิดตามมาตรา 283 วรรคท้ายหรือไม่ เพราะเหตุใด
การที่นายสุธีเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพานางสาวสายสมร อายุ 19 ปี ไปโดยใช้อุบายหลอก
ลวงเพื่อจะเอามาขายให้ซ่องโสเภณี อันเป็นการกระทำา เพื่อการอนาจาร เพื่อสำา เร็จความใคร่ของผู้อื่นนั้นเป็น
ความผิดตามมาตรา 283 วรรคแรก
แม้นางหมวยจะรั บ ตั ว นางสาวสายสมรซึ่ งเป็ น หญิ งที่ มี ผู้ จั ด หาล่ อ ไป หรื อ ชั ก พาไปตามมาตรา
283 วรรคแรกก็ตาม แต่นางหมวยก็ไม่มีความผิดตามมาตรา 283 วรรคท้าย เนื่องจากในความผิดดัง
กล่าวผู้รับตัวหญิงจะต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อให้สำาเร็จความใคร่ของผู้อื่น แต่นางหมวยได้รับนางสาวสายสมรไว้
ด้วยความสงสาร ไม่มีเจตนาพิเศษเพื่อให้สำาเร็จความใคร่ของผู้อื่น
มาตรา 283 ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจาร
ซึ่งชายหรือหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำาลังประทุษร้าย ใช้อำานาจครอบงำา
ผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใดต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีและ
ปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี
ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุก ตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือจำาคุก
ตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่เด็กอายุ ไม่เกินสิบห้าปี ผู้กระทำาต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำาคุกตลอดชีวิต หรือประหาร
ชีวิต

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
85

ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น รับตัวบุคคลซึ่งมีผู้จัดหา ล่อไป หรือพาไปตามวรรคแรก วรรคสอง


หรือวรรคสาม หรือสนับสนุนใน การกระทำา ความผิดดังกล่าว ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ใน วรรคแรก
วรรคสอง หรือวรรคสาม แล้วแต่กรณี
มาตรา 283 ทวิ ผูใ้ ดพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผนู้ ั้น
จะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกิน ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่เด็กอายุยังไม่ เกินสิบห้าปี ผู้กระทำาต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซึ่งถูกพาไปตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ต้องระวาง โทษตามที่บัญญัติในวรรค
แรกหรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี
ความผิดตามวรรคแรกและวรรคสามเฉพาะกรณีที่กระทำาแก่บุคคลอายุ เกินสิบห้าปี เป็นความผิดอัน
ยอมความได้

8.1.5 พาหญิงไปเพื่อการอนาจาร
นายประกอบหลอกนางสาววิสามาเพื่อการอนาจาร เมื่อพ่อแม่ของนางสาววิสาจะตามหาบุตรของตน
นายประกอบก็วานให้นายเล็กเอานางสาววิสานั่งรถแล้วขับวนไปวนมา จนกระทั่งพ่อแม่ของนางสาววิสากลับ
ไปแล้วนายเล็กจึงนำา นางสาววิสามาส่งคืนให้นายประกอบ เช่นนี้นายเล็กและนายประกอบมีความผิดอย่างไร
หรือไม่
นายประกอบพานางสาววิสาเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง นายประกอบจึงมีความผิดตาม
มาตรา 284 วรรคแรก
การที่นายเล็กพานางสาววิสา ซึ่งเป็นหญิงที่ถูกพาไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 284 วรรคแรก
นั่งรถวนไปวนมา เพื่อไม่ให้พ่อแม่ของนางสาววิสาตามหาบุตรของตนพบ ถือได้ว่าเป็นการซ่อนเร้นหญิงที่ถูก
พาไปเที่ยวเพื่อการอนาจาร นายเล็กจึงมีความผิดตามมาตรา 284 วรรค 2
มาตรา 284 ผู้ใดพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำาลังประทุษร้าย
ใช้อำานาจครอบงำาผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซึ่งถูกพาไปตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่น เดียวกับผู้พาไปนั้น
"ความผิดตาม มาตรานี้ เป็นความผิดอันยอมความได้"

8.1.6 ดำารงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี
นายโกเฮงมีอาชีพขับแท็กซี่ ได้รับการว่าจ้างจากนางสาวพรศรี ซึ่งมีอาชีพค้าประเวณี ให้มีหน้าที่ขับ
รถรับส่งนางสาวพรศรีไปหาลูกค้าตามที่ต่างๆ ที่ติดต่อมาเพื่อทำา การค้าประเวณีอยู่เป็นอาจิณ จึงไม่ค่อยได้มี
โอกาสให้คนอื่นว่าจ้างแท็กซี่ไปส่งยังที่ต่างๆมากนัก เนื่องจากนางสาวพรศรให้ค่าจ้างดี นายโกเฮงจึงหันมาขับ
บริการนางสาวพรศรีแต่เพียงผู้เดียว กรณีเช่นนี้นายโกเฮงมีความผิดตามมาตรา 286 หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
86

นายโกเฮงไม่มีความผิดตามมาตรา 286 เพราะการรับเงินจากนางสาวพรศรีเป็นค่าจ้างบริการขับ


รถรับส่งนั้น ถือเป็นการดำารงชีพจากรายได้ที่มาจากการประกอบอาชีพของนายโกเฮง ไม่ใช่จากรายได้จากการ
ค้าประเวณีของนางสาวพรศรี

8.1.7 ค้าหรือทำาให้แพร่หลายซึ่งวัตถุหรือสิ่งซึ่งลามก
นายสุขได้ไปเที่ยวต่างประเทศขากลับได้ซื้อหนังสือซึ่งมีลักษณะลามกกลับมาหลายเล่ม เพื่อเอาไว้ดู
เป็นส่วนตัว วันหนึ่งนายสุขได้นำามานั่งดูที่ทำางานโดยเพื่อนๆ ที่ทำางานของนายสุขร่วมดูด้วย กรณีเช่นนี้นายสุข
มีความผิดตามมาตรา 287 หรือไม่
แม้นายสุขจะได้นำา หนังสือลามกเข้าในราชอาณาจัก รก็ ตาม แต่นายสุขไม่มี ความผิด ตามมาตรา
287 นีเ้ นื่องจากนายสุขไม่ได้กระทำาเพื่อความประสงค์แห่งแห่งการค้า หรือโดยการค้า หรือเพื่อแจกจ่ายหรือ
แสดงอวดแก่ประชาชนทั่วไป ทั้งการกระทำา ดังกล่าวก็ไม่ถือว่าเป็นการกระทำา ให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกด้วย
เพราะนายสุขได้นำามาดูกันในหมู่เพื่อนฝูงเท่านั้น
นางสาวสวาทรับจ้างเจ้าของบาร์แห่งหนึ่งแสดงลามกโดยเปลือยกายให้คนที่เข้ามากินอาหารในบาร์
ดูกรณีเช่นนี้นางสาวสวาทมีความผิดตามมาตรา 287 หรือไม่อย่างไร
ความผิดตามมาตรา 287 นี้ต้องเป็นการกระทำาเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามก
นางสาวสวาทไม่มีความผิดตามมาตรานี้ เพราะแม้การแสดงลามกโดยเปลือยกาย จะได้กระทำาเพื่อ
ความประสงค์แห่งการค้าก็ตาม แต่ร่างกายของนางสาวสวาทก็ไม่ใช่วัตถุหรือสิ่งของ อย่างไรก็ตาม การกระทำา
ดังกล่าวของนางสาวสวาทก็เป็นความผิดตาม ปอ.มาตรา 388
มาตรา 287 ผู้ใด
(1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดง
อวดแก่ประชาชน ทำา ผลิต มีไว้ นำา เข้าหรือยังให้นำา เข้า ในราชอาณาจักร ส่งออก
หรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือ ยังให้พาไปหรือทำาให้แพร่หลาย
โดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ
ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือ
สิ่งอื่นใดอันลามก
(2) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องกับการค้าเกี่ยวกับวัตถุ หรือสิ่งของ
ลามกดั ง กล่ า วแล้ ว จ่ า ยแจกหรื อ แสดงอวดแก่ ป ระชาชน หรื อ ให้ เ ช่ น วั ต ถุห รื อ
สิ่งของเช่นว่านั้น
(3) เพื่อจะช่วยการทำา ให้ แ พร่ หลาย หรื อการค้าวั ตถุ หรื อสิ่งของลามก ดังกล่ าวแล้ว
โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำา การ อันเป็นความผิดตาม
มาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุ หรือสิ่งของ ลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้
จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
87

มาตรา 388 ผู้ใดกระทำาการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำา นัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย


หรือกระทำาการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

8.2 ความผิดฐานทำาให้แท้งลูก
1. การทำาให้แท้งลูก หมายถึง การทำาลายทารกในระหว่างเริ่มปฏิสนธิในครรภ์มารดาไปจนคลอดแล้ว
แต่ก่อนที่ทารกนั้นจะมีสภาพบุคคล การทำาให้แท้งลูกเป็นความผิดแม้ว่าหญิงทำาให้ตนเองแท้งลูก
หรือยอมให้คนอื่นทำาตนเองให้แท้งลูก
2. ผู้อื่นที่ทำาให้หญิงแท้งลูกย่อมมีความผิด ไม่ว่าหญิงนั้นยินยอมหรือไม่ และต้องรับโทษหนักขึ้นถ้า
เป็นเหตุให้หญิงนั้นรับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย
3. การพยายามทำาให้แท้งลูกที่ผู้กระทำาอาจไม่ต้องรับโทษ มีได้เฉพาะกรณีที่หญิงมีครรภ์เป็นผู้ทำาหรือ
ยินยอมให้ทำาเท่านั้น
4. การทำา แท้งโดยชอบด้วยกฎหมายย่อ มทำา ได้ในกรณีที่ หญิงยิน ยอมและแพทย์ ก ระทำา เนื่ อ งจาก
สุขภาพของหญิงนั้นหรือหญิงนั้นมีครรภ์เนื่องจากการกระทำาความผิดอาญา

8.2.1 ความผิดฐานทำาให้ตนเองแท้งลูก
นางฮาร์ดสำา คัญผิดว่าตนเองมีครรภ์ จึงใช้ให้นายแดงสามีไปซื้อยามากินเพื่อให้แท้งลูก และนาง
ฮาร์ดได้กินยานั้น นางฮาร์ดและนายแดงมีความผิดฐานทำาให้แท้งลูกหรือไม่
การทำาผิดฐานทำาให้แท้งลูกนั้น ต้องเป็นกรณีที่หญิงมีครรภ์ เมื่อนางฮาร์ดไม่ได้ตั้งครรภ์ การกระทำา
ของนางฮาร์ดและนายแดงจึงขาดองค์ประกอบความผิด นางฮาร์ดและนายแดงจึงไม่มีความผิดทำาให้ตนเองแท้ง
ลูก หรือสนับสนุนให้หญิงทำาให้ตนเองแท้งลุกตามมาตรา 301 แล้วแต่กรณี
มาตรา 301 หญิงใดทำาให้ตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำาให้ตนแท้งลูก ต้องระวางโทษจำาคุก
ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำา ทั้งปรับ

8.2.2 ความผิดฐานทำาให้หญิงแท้งลูก
นางสาวแดงต้องการทำาให้ตนเองแท้งลูก จึงจ้างให้นายดำา เตะท้องของตน นายดำา เตะท้องนางสาว
แดงไปสองที นางสาวแดงจึงแท้งลูก นายดำาและนางสาวแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
นายดำาเตะท้องนางสาวแดงเป็นเหตุให้นางสาวแดงแท้งลูก นายดำาจึงมีความผิดฐานทำาให้หญิงแท้ง
ลูกโดยหญิงนั้นยินยอมตามมาตรา 302 วรรคแรก
นางสาวแดงจ้างให้นายดำาเตะท้องของตนเป็นเหตุให้ตนแท้ง นางสาวแดงจึงมีความผิดฐานยอมให้ผู้
อื่นทำาให้ตนแท้งลูกตามมาตรา 301 แต่ไม่มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นทำา ให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้น
ยินยอมตามมาตรา 302 วรรคแรกประกอบกับมาตรา 84 เพราะมาตรา 301 ได้บัญญัติความผิดของ
หญิงที่ยนิ ยอมให้ผู้อื่นทำาให้ตนแท้งลูกไว้ในมาตรา 301 โดยเฉพาะแล้ว

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
88

นายดำาหมอเถื่อนเอาเครื่องมือสอดเข้าไปในมดลูกของนางแดงหญิงมีครรภ์แล้วทำาให้นางแดงแท้ง
ลูกโดยหลอกว่าเป็นการตรวจมดลูกตามปกติ หลังจากนั้น 2 วัน นางแดงซึ่งมีร่างกายอ่อนแอเพราะแท้งลูก ได้
เดินไปสะดุดห้องนำ้าหกล้มศีรษะฟาดพื้นตาย นายดำามีความผิดฐานใดหรือไม่
นายดำาหลอกทำาแท้งนางแดง นายดำาจึงมีความผิดฐานทำาให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นไม่ยินยอมตาม
มาตรา 303 วรรคแรก แต่นายดำา ไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 303 วรรคท้าย เนื่องจากนางแดง
ถึงแก่ความตายเพราะสะดุดห้องน้าศีรษะฟาดพื้นตาย ไม่ใช่ผลธรรมดาอันเกิดจากการทำาแท้งของนายดำา
มาตรา 302 ผู้ใดทำาให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือ
ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำานั้นเป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอื่นด้วย ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำา คุกไม่
เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้ง จำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำานั้นเป็นเหตุให้หญิงถึงแก่ความตาย ผู้กระทำา ต้องระวาง โทษจำา คุกไม่เกินสิบปี และ
ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา 303 ผู้ใดทำา ให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินเจ็ดปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำานั้นเป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอื่นด้วย ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่
หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำานั้นเป็นเหตุให้หญิงถึงแก่ความตาย ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท ถึงสี่หมื่นบาท

8.2.3 การทำาแท้งที่ไม่ต้องรับโทษ
นางสาวเขียวลักลอบได้เสียกับนายขาวจนมีครรภ์ขึ้น นางสาวเขียวจึงขอให้นายขาวช่วยทำาแท้งให้
นายขาวจึงไปหายาทำาแท้งมาฉีดให้นางสาวเขียว นางสาวเขียวคลอดทารกออกมาก่อนกำาหนด ทารกอยู่ได้เพียง
1 นาทีก็ตาย นางสาวเขียวและนายขาวจะมีความผิด และต้องรับโทษหรือไม่
การที่นายขาวฉีดยาทำาแท้งให้นางสาวเขียวตามคำาของร้องของนางสาวเขียว นายขาวย่อมมีความผิด
ฐานทำา ให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงยินยอมตามมาตรา 302 วรรคแรก ส่วนนางสาวเขียวผิดฐานยอมให้ผู้อื่น
ทำาให้ตนแท้งลูกตามมาตรา 301 แต่การทำาให้แท้งลูกต้องเป็นการทำาลายชีวิตของทารกในครรภ์มารดาตั้งแต่
เริ่มปฎิสนธิไปจนถึงคลอดออกมาแล้วตั้งแต่ก่อนมีชีวิตอยู่รอดเป็นทารก ตามปัญหานี้นายขาวกับนางเขียวได้
กระทำาผิดไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผลคือทารกไม่ตายแต่มีชีวิตรอดอยู่ 1 นาที จึงเป็นความผิดฐานพยายาม
กระทำาความผิดตามมาตรา 302 วรรคแรก และมาตรา 301 ตามลำาดับ นายขาวและนางสาวเขียวจึงไม่
ต้องรับโทษตามมาตรา 304
มาตรา 304 ผู้ ใ ดเพีย งแต่ พ ยายามกระทำา ความผิ ด ตาม มาตรา 301 หรื อ มาตรา 302
วรรคแรก ผูน้ ั้นไม่ต้องรับโทษ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
89

8.2.4 การทำาแท้งโดยชอบด้วยกฎหมาย
การทำาแท้งโดยชอบด้วยกฎหมาย เข้าใจว่าอย่างไร
การทำาแท้งโดยชอบด้วยกฎหมายหมายถึง กรณีที่นายแพทย์ทำาให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงยินยอมและ
เป็นกรณีจำา เป็นต้องกระทำา เนื่องจากสุขภาพของหญิงนั้น หรือหญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำา ผิดอาญาตาม
มาตรา 276,277,282, หรือมาตรา 284
นางสาวแดงลักลอบได้เสียกับแฟนจนตั้งครรภ์จึงได้ขอให้ดำาซึ่งเป็นนายแพทย์ทำาแท้งให้ ดำาสงสาร
เพราะเห็นว่านางสาวแดงยากจนจึงทำาแท้งให้ ดำามีความผิดหรือไม่
แม้ดำาจะเป็นนายแพทย์และทำาแท้งให้ โดยนางสาวแดงยินยอมก็ตาม ดำา ก็ยังมีความผิดตามมาตรา
302 เนื่องจากไม่เป็นกรณีที่จำา ต้องทำาเนื่องจากสุขภาพของนางสาวแดงหรือนางสาวแดงมีครรภ์เนื่องจาก
การกระทำาผิดอาญา กรณีไม่เข้าตามมาตรา 305
มาตรา 305 ถ้าการกระทำาความผิดดังกล่าวใน มาตรา 301 และ มาตรา 302 นัน้ เป็นการ
กระทำาของนายแพทย์และ
(1)จำาเป็นต้องกระทำาเนื่องจากสุขภาพของหญิงนั้น หรือ
(2) หญิ ง มี ค รรภ์ เ นื่ อ งจากการกระทำา ความผิ ด อาญา ตามที่ บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ น มาตรา 276 มาตรา
277 มาตรา 282 มาตรา 283 หรือ มาตรา 284 ผูก้ ระทำาไม่มีความผิด

8.3 ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก คนป่วยเจ็บ หรือคนชรา


1. การทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปีเพื่อให้พ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำาให้เด็กนั้นปราศจาก
ผู้ดูแล จะต้องมีลักษณะเป็นการทอดทิ้งโดยเด็ดขาด
2. การทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้ เพราะอายุ ความป่วยเจ็บ กายพิการหรือจิตพิการ ต้องเป็นการ
ละเลยต่อหน้าที่ดูแลที่มีอยู่ตามกฎหมายหรือสัญญา ในลักษณะที่น่าจะเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงตาย
ได้
3. การทอดทิ้งเด็กหรือผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้ ถ้าเป็นเหตุ ให้บุ คคลดังกล่า วตายหรื อรั บอัน ตราย
สาหัส ผูก้ ระทำาต้องระวางโทษหนักขึ้น

8.3.1 ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก
เด็กหญิงจันทราอายุ 8 ปี เป็นเด็กที่นายอาทิตย์ขอมาเลี้ยงอย่างลูก ได้ทำา ถ้วยชามแตก จึงถูกนาย
อาทิตย์ด่า เด็กหญิงจันทราน้อยใจเลยหนีออกจากบ้านไป นายอาทิตย์ตามหาไม่พบ จึงไปแจ้งความไว้ที่สถานี
ตำารวจ ดังนีน้ ายอาทิตย์มีความผิดฐานทอดทิ้งเด็กตามมาตรา 306 หรือไม่
นายอาทิตย์ไม่มีความผิดฐานทอดทิ้งเด็กตามมาตรา 306 เพราะเด็กหญิงจันทราหนีอออกจากบ้าน
ไปเองนายอาทิตย์ไม่ได้กระทำาการอันเป็นการทอดทิ้งหรือมีเจตนาทอดทิ้งเด็กหญิงจันทราแต่ประการใด

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
90

มาตรา 306 ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใดเพื่อให้เด็ก นั้นพ้นไปเสียจากตน โดย


ประการที่ทำาให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวาง โทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้ง
จำาทั้งปรับ

8.3.2 ความผิดฐานทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้
จงเปรียบเทียบความผิดฐานทอดทิ้งเด็กตามมาตรา 306 กับความผิดฐานทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเอง
มิได้ตามมาตรา 307
ความผิดทั้งสองมาตรา นั้นแม้จะเป็นเรื่องการทอดทิ้ งบุ คคลก็ ตาม แต่ม าตรา 306 ก็ต่างจาก
มาตรา 307 ดังนี้
(1) มาตรา 306 เป็นการทอดทิ้งเด็ดขาดไม่ใช่ชั่วคราว ส่วนมาตรา 307 เพียง
แต่ละเลยต่อหน้าที่ชั่วคราวก็เป็นความผิดได้
(2) มาตรา 306 นัน้ ต้องเป็นการทอดทิ้งเด็กไว้ ณ ที่ใดเพื่อให้พ้นไปเสียจากตน กล่าว
คือ ต้องเป็นการทอดทิ้งเด็กไว้ห่างจากผู้ทอดทิ้งโดยมีระยะทางพอควรที่จะทำาให้เด็ก
พ้น ไปเสี ย จากตน ในขณะที่ ม าตรา 307 นั้น แม้ ผู้ ท อดทิ้ ง จะอยู่ ใ นสถานที่ ที่
เดียวกันกับผู้ทอดทิ้ง แต่ผู้ทอดทิ้งก็ละเลยต่อหน้าที่ดูแลก็อาจผิดได้
(3) มาตรา 306 เฉพาะผู้มีหน้าที่ดูแลเด็กโดยข้อเท็จจริง จะผิดทอดทิ้งก็ต่อเมื่อได้
กระทำา การทอดทิ้ ง ซึ่ งกระทำา ไม่ ร วมถึ ง การงดเว้ น ตามมาตรา 59 วรรคท้ า ย
เพราะไม่มีหน้าที่จัดต้องกระทำา เพื่อป้องกันผลแต่ตามมาตรา 307 ผู้ทอดทิ้งมี
ความผิดแม้กระทำาโดยงดเว้น เนื่องจากผู้ทอดทิ้งมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือสัญญาที่
จักต้องกระทำาเพื่อป้องกันผลนัน้ ด้วย
(4) มาตรา 306 คุ้มครองเด็กอายุไม่เกินเก้าปี ส่วนมาตรา 307 มีความหมายกว้าง
กว่าโดยคุ้มครองคุ้มครองทั้งเด็กซึ่งพึ่งตนเองมิได้ และบุคคลอื่นๆ ที่พึ่งตนเองมิได้
เพราะอายุ ความเจ็บป่วย กายพิการ หรือจิตพิการด้วย
(5) มาตรา 306 เป็นการทอดทิ้งเพื่อให้เด็กพ้นไปเสียจากตนโดยปราศจากผู้ดูแล
โดยไม่จำาเป็นต้องมีลักษณะน่าก็ต่อเมื่อ เป็นการทอดทิ้งโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุ
ให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตของผู้ถูกทอดทิ้งเท่านั้น
นางแดงโมโหนายดำาสามีที่มีภริยาน้อยและไม่ยอมกลับบ้าน จึงได้ขนเสื้อผ้าของนายดำา และนำาทารก
ของนายดำาและนางแดงซึ่งมีอายุเพียง 1 ขวบ ใส่ตะกร้าไปวางไว้หน้าบ้านภรรยาน้อยแล้วโทรศัพท์บอกนายดำา
ที่อยู่บ้านภรรยาน้อยนั้นว่า ได้นำาทารกมาทิ้งไว้หน้าบ้านนั้นแล้ว นางแดงมีความผิดฐานทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเอง
มิได้ตามมาตรา 307 หรือไม่
การที่นางแดงนำาทารกมาวางไว้หน้าบ้านที่นายดำาอยู่แล้วโทรศัพท์บอกนายดำา นางแดงยังไม่ผิด

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
91

ตามมาตรา 307 เพราะแม้นางแดงจะมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องดูแลทารกซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้ก็ตาม แต่ตาม


พฤติการณ์ดังกล่าว ยังไม่ถือได้ว่านางแดงทอดทิ้งทารกโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตของ
ทารก
มาตรา 307 ผู้ใดมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามสัญญาต้องดูแลผู้ซึ่ง พึ่งตนตนเองมิได้ เพราะอายุ
ความป่วยเจ็บ กายพิการ หรือจิตพิการ ทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้นั้นเสียโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิด
อันตรายแก่ชีวิต ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

8.3.3 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
การทอดทิ้งเด็กตามมาตรา 306 กับการทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้ตามมาตรา 307 ในกรณีใด
บ้างที่เป็นเหตุให้ผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้น และผู้กระทำาต้องรับโทษอย่างไร
การทอดทิ้งเด็กตามมาตรา 306 กับการทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้ตามมาตรา 307 ที่เป็นเหตุ
ให้รับโทษหนักขึ้น มีได้ใน 32 กรณี คือ
(1)เป็นเหตุให้ผู้ทอดทิ้งถึงแก่ความตาย ซึ่งผู้กระทำาต้องรับโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 290
(2)เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งรับอันตรายสาหัส ซึ่งผู้กระทำา ต้องรับโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา
297 หรือมาตรา 298

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 8

1. การกระทำาให้แท้งลูกที่เป็นความผิดแต่ผู้กระทำาไม่ต้องรับโทษ กรณี ผู้อื่นพยายามทำาให้หญิงมีครรภ์


แท้งลูกโดยหญิงยินยอม
2. การทำาแท้งของแพทย์ในกรณีที่ไม่เป็นความผิดอาญา ได้แก่หญิงที่ถูกข่มขืนกระทำาชำาเราขอให้ทำาแท้ง
ให้
3. การเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงหรือเด็กหญิง เพื่อให้สำา เร็จความใคร่
ของผู้อื่น โดยหญิงหรือเด็กนั้นยินยอมจะเป็นความผิดเฉพาะเมื่อได้กระทำาต่อบุคคลทั้งเด็กหญิงหรือ
หญิงไม่จำากัดอายุ
4. การกระทำาแท้งลูกที่เป็นความผิดแต่ผู้กระทำาไม่ต้องรับโทษได้แก่ ผู้อื่นพยายามทำาให้หญิงมีครรภ์แท้ง
ลูกโดยหญิงยินยอม
5. นางสาวรักแรกลักลอบได้เสียกับคนรักจนตั้งครรภ์จึงได้จ้างนางเมตตาให้ช่วยทำาแท้งให้ นางเมตตาจึง
ทำาแท้งให้นางสาวรักแรก นางสาวรักแรกจะมีความผิดฐานทำาแท้งลูกหรือไม่ อย่างไร คำาตอบ คือผิด
ฐานยอมให้ผู้อื่นทำาให้ตนแท้งลูก
6. การทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใดๆ เพื่อให้เด็กพ้นไปเสียจากตน จะเป็นความผิด กรณีได้
กระทำาในลักษณะที่ทำาให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
92

7. การกระทำาในกรณีที่ผู้กระทำาไม่มีความผิดเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกตามปอ.มาตรา 287 คือ


ซื้อหนังสือลามกจากต่างประเทศมาฝากเพื่อน
มาตรา 287 ผู้ใด
(1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงอวดแก่
ประชาชน ทำา ผลิ ต มี ไ ว้ นำา เข้ า หรื อ ยั งให้ นำา เข้ า ในราชอาณาจั ก ร ส่ งออกหรื อ ยั ง ให้ ส่ งออกไปนอกราช
อาณาจักร พาไปหรือ ยังให้พาไปหรือทำาให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพ
ระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่ง
อื่นใดอันลามก
(2) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องกับการค้าเกี่ยวกับวัตถุ หรือสิ่งของลามกดัง
กล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่นวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น
(3) เพื่อจะช่วยการทำาให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามก ดังกล่าวแล้ว โฆษณาหรือไข
ข่าวโดยประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำาการ อันเป็นความผิดตาม มาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุ หรือ
สิ่งของ ลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด
ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
8. ดำา ได้ว่าจ้ างนางแดงอายุ 21 ปี มาทำา งานในสถานเริง รมย์ของตนโดยให้ มีหน้า ที่ร่ว มประเวณี กั บ
ลูกค้าต่างประเทศที่มาเที่ยวสถานเริงรมย์นั้น ดำามีความผิดฐานเป็นธุระจัดหาหญิงเพื่อให้สำาเร็จความ
ใคร่ของผู้อื่นตาม ปอ.มาตรา 282 หรือไม่ คำาตอบ ผิด แม้นางแดงจะยินยอมก็ตาม
มาตรา 282 ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่ง
ชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึง
สองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่บุคคล อายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีผู้
กระทำาต้องระวางโทษจำาคุก ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่บุคคล อายุไม่เกินสิบห้าปีผู้กระทำาต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่หา้ ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น รับตัวบุคคลซึ่งมีผู้จัดหา ล่อไป หรือพาไปตามวรรคแรก วรรคสอง
หรือวรรคสาม หรือสนับสนุนใน การกระทำา ความผิดดังกล่าว ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ใน วรรคแรก
วรรคสอง หรือวรรคสาม แล้วแต่กรณี
9. การที่ผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้ ทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้นั้น จะเป็นความ
ผิดในกรณีใด คำาตอบ ได้กระทำาในลักษณะที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตของผู้ถูกทอดทิ้ง
10. ดำาได้ขู่บังคับให้เด็กชายแดงอายุ 15 ปี สำาเร็จความใคร่ให้แก่ตน ดำามีความผิดฐานใด คำาตอบ กระทำา
อนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี
11. การกระทำาที่ผู้กระทำา มีความผิดเกี่ยวกับวัตถุสิ่งลามก ตาม ปอ. มาตรา 287 คือ แจกรูปภาพลามก
เพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อสินค้า
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
93

12. การกระทำาที่ผู้ข่มขืนกระทำาชำาเราหญิงแล้วต้องรับโทษหนักขึ้นกรณี ได้กระทำาชำาเราต่อหลานซึ่งอยู่ใน


ความปกครองของตนเองตามกฎหมาย
13. นางสาวแดงได้ ลั ก ลอบได้ เ สี ย กั บ ดำา จนตั้ ง ครรภ์ จึ ง ขอให้ ดำา ช่ว ยให้ ต นเองแท้ ง ลู ก ดำา จึ ง นำา ยามาให้
นางสาวแดงรับประทาน นางสาวแดงได้คลอดทารกออกมาก่อนกำา หนด ทารกอยู่ได้ 7 วันจึงถึงแก่
ความตาย ดำามีความผิดและต้องรับโทษฐานทำาให้หญิงแท้งลูกหรือไม่ คำาตอบ ผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ
เพราะนางสาวแดงไม่แท้งลูก
14. นางแดงซึ่งตั้งครรภ์ได้ลื่นล้มตกบันไดสลบไปจึงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล นายแพทย์ขาวเห็นว่านาง
แดงเลือกออกมาก ถ้าไม่ทำาแท้งอาจเป็นเหตุให้นางแดงถึงแก่ความตาย จึงได้ทำาแท้งให้นางแดงในขณะ
ที่นางแดงสลบอยู่ ขาวจะมีความผิดและต้องรับโทษฐานทำาให้หญิงแท้งลูกหรือไม่ คำาตอบ ผิด แต่ไม่
ต้องรับโทษเพราะเป็นการกระทำาความผิดด้วยความจำาเป็น
15. หญิงมีครรภ์ใช้ให้ผู้อื่นทำา ให้ตนแท้งลูก ถ้าหญิงนั้นแท้งลูก ผู้อื่นนั้นจะมีความผิดหรือไม่ อย่างไร คำา
ตอบ มีความผิด ฐานทำาให้หญิงนั้นแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม
16. นางดำา คลอดบุตรแล้วทิ้งบุตรอายุ 1 เดือนนั้นไว้กับสามี แล้วหนีตามชู้ไป นางดำา มีความผิดหรือไม่
อย่างไร คำาตอบ ไม่ผิดกฎหมายอาญาฐานใด
17. ทอดทิ้งผู้ที่พึ่งตนเองไม่ได้โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต คือ ทอดทิ้งในลักษณะที่
น่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตผู้นั้นแต่ไม่แน่ว่าจะต้องตาย

หน่วยที่ 9 ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ

1. มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการเสรีภาพ ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพในการที่จะกระทำา หรือไม่กระทำา การใด


หรือเสรีภาพในการเคลื่อนไหวในร่างกาย ตลอดจนเสรีภาพ ในการเลือกที่อยู่โดยไม่ถูกจำากัด รวม
ทั้งเสรีภาพในการที่จะไม่ต้องตกเป็นทาสใคร ซึ่งเสรีภาพของบุคคลนั้นถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชน
อย่างหนึ่งที่กำาหนดศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ รัฐจึงต้องบัญญัติกฎหมายขึ้นเพื่อคุ้มครองเสรีภาพ
ของบุคคล
2. เนื่องจากเด็กหรือผู้เยาว์เป็นผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องอยู่ในความดูแลของบิดามารดาผู้ปก
ครองซึ่งจะเป็นผู้กำาหนดที่อยู่ของบุตรหรือผู้อยู่ใต้อำานาจปกครองด้วย การเอาเด็กหรือผู้เยาว์ไป
จากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลย่อมเป็นการละเมิดอำา นาจปกครองของบิดามารดาหรือผู้
ปกครอง ยิ่งเอาไปโดยทุจริตหรือเพื่อหากำาไรหรือเพื่อการอนาจารก็ย่อมเป็นภัยต่อเด็กและผู้เยาว์
นัน้ ๆ ด้วยจึงต้องมีความผิดและถูกลงโทษ
3. การเลือกถิ่นที่อยู่ของบุคคลในราชอาณาจักรย่อมได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมาย การเนรเทศ
บุคคลไปนอกราชอาณาจักรต้องกระทำาตามที่กฎหมายให้อำานาจไว้เท่านั้น การพาหรือส่งคนออก
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
94

ไปนอกราชอาณาจักรต้องกระทำา ตามที่กฎหมายให้อำา นาจไว้เท่านั้น การพาหรือส่งคนออกไป


นอกราชอาณาจักรโดยวิธีการที่มิชอบจึงต้องมีความผิดและถูกลงโทษเช่นเดียวกัน

ความผิดต่อเสรีภาพ
1. การบังคับใจผู้อื่นให้กระทำาการใด ไม่กระทำาการใดหรือให้ยอมรับการกระทำา ใดหรือไม่
กระทำา การใด ไม่ว่าจะบังคับโดยทำา ให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้ถูกบังคับหรือผู้อื่นก็ดี
หรือบังคับโดยใช้กำา ลังประทุษร้ายก็ดีจะเป็นความผิดสำา เร็จเมื่อผู้ถูกบังคับยอมตามที่ถูก
บังคับนั้น
2. การทำา ให้บุคคลไม่สามารถจากไปที่แห่งใดได้ตามชอบใจก็ดี หรือบังคับบุคคลให้อยู่ใน
สถานที่จำากัดก็ดีหรือกระทำาการใดๆ ไม่ให้ผู้อื่นเคลื่อนไหวร่างกายได้ก็ดี ถือเป็นการจำากัด
เสรีภาพอันเป็นความผิดทั้งสิ้น
3. แม้การจำากัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหวเปลี่ยนที่ทางของบุคคล ผู้กระทำาจะกระทำาโดยไม่
เจตนาแต่กระทำาโดยประมาท กฎหมายก็ถือเป็นความผิดเช่นกัน
4. ความผิดต่อเสรีภาพบางมาตรา กฎหมายก็กำาหนดว่าเป็นความผิดอันยอมความได้ คือความ
ผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำาการใดๆ ไม่กระทำาหรือจำายอมต่อสิ่งใด ความผิดฐานหน่วง
เหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำาด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และ
ความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือปราศจากเสรีภาพใน
ร่างกาย
5. การกระทำาด้วยประการใดๆต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด เพื่อจะเอาลงเป็นทาสหรือให้มีฐานะ
คล้ายทาสก็เป็นความผิดทั้งสิ้น
6. การเอาตัวบุคคลไปเพื่อเรียกค่าไถ่นั้นกฎหมายถือเป็นความผิด ไม่ว่าผู้ถูกเอาไปจะเป็นเด็ก
หรือผู้ใหญ่ก็ตาม แม้จะเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้ค่าไถ่ก็เป็นความผิดเช่นกัน

ข่มขืนใจให้กระทำาการ ไม่กระทำาการ หรือจำายอมต่อสิ่งใด


โตถือมีดมาขู่ว่าจะเผากระต๊อบของใหญ่แล้วเดินไปเดินมาอย่างหนึ่ง กับพูดว่าให้ใหญ่ฉีกสัญญากู้ทิ้ง
เสียอีกอย่างหนึ่ง ดังนี้การกระทำาทั้งสองกรณีของโต ผิดตาม ปอ. มาตรา 309 หรือไม่
การที่โตถือมีดมาขู่ว่าจะเผากระต๊อบ เป็นการข่มขืนใจใหญ่โดยทำา ให้กลัวว่าจะเกิด อันตรายต่ อ
ทรัพย์สินของใหญ่ กรณีแรกโตเพียงแต่เดินไปเดินมา ไม่ได้ข่มขืนใจให้ใหญ่กระทำา การใด ไม่กระทำา การใด
หรือจำายอมต่อสิ่งใด โตจึงไม่มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 309 ส่วนกรณีหลัง โตประสงค์ให้ใหญ่ฉีกสัญญากู้
ซึ่งเป็นการทำาลายเอกสารสิทธิอย่างหนึ่ง โตจึงมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 309 วรรค 2
มาตรา 309 ผูใ้ ดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำาการใด ไม่กระทำาการใดหรือ จำายอมต่อสิ่งใด โดยทำาให้
กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
95

หรือโดยใช้ กำาลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำาการนั้น ไม่กระทำาการนั้น หรือจำายอมต่อสิ่งนั้น ต้อง


ระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำาโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำา ความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้น
ไป หรือได้กระทำา เพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำา ถอน ทำา ให้เสียหาย หรือทำา ลายเอกสารสิทธิอย่างใดผู้กระทำา ต้อง
ระวาง โทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้ากระทำาโดยอ้างอำานาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะ มีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำาต้อง
ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีและปรับ ตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำาให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
จงเปรียบเทียบความผิดมาตรา 309 กับมาตรา 310
ความผิดตามมาตรา 309 เปรียบเทียบกับมาตรา 310 ได้ดังนี้
(1) มาตรา 309 ต้องข่มขืนใจโดยวิธีทำาให้กลัวว่าจะเกิดอันตราย หรือโดยใช้กำาลัง
ประทุษร้าย เช่น ทำาร้ายร่างกายจึงยอมร้องเพลงให้ฟัง เป็นต้น ส่วนมาตรา 310
ไม่จำากัดวิธีการว่าต้องทำาให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายหรือใช้กำาลังประทุษร้าย แต่อาจ
ใช้วธิ ีการอื่นซึ่งมีผลให้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างการ
ก็ได้ เช่น หลอกว่าประตูรถเสียออกไม่ได้ทำาให้ผู้ถูกขังหลงเชื่อ ต้องอยู่บนรถ ดังนี้
เป็นการกักขังมีความผิดตามมาตรา 310
(2) มาตรา 309 เสรีภาพที่เสียไปกว้างกว่ามาตรา 310 คือมาตรา 310 เป็น
เสรีภาพในการกระทำา ไม่กระทำาหรือจำายอมต่อสิ่งใด เช่น ไม่ให้พูดไม่ให้เขียน ซึ่ง
เป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น ส่วนมาตรา 310 จำากัดเสรีภาพที่
เสียไปเฉพาะการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น จับตัวไปหรือใส่กุญแจมือ หรือมัดไว้กับ
ต้นไม้ เป็นต้น
(3) ทั้ งมาตรา 309 และมาตรา 310 ถ้ าผู้ ก ระทำา มี อำา นาจทำา ได้ โ ดยชอบด้ ว น
กฎหมายย่อมไม่เป็นความผิดซึ่งผู้ใช้หรือผู้แจ้งความให้จับหรือกักขัง ก็ไม่มีความ
ผิดไปด้วย
มั่งมีบอกมีมั่งว่า ได้แจ้งความต่อตำารวจแล้วว่า มีมั่งลักเอาวีดีทัศน์ไป ถ้ามีมั่งไม่ไปสถานีตำารวจด้วย
กันจะไปเอาตำารวจมาจับ ดังนั้นการที่มั่งมีกระทำาเช่นนั้น มั่งมีจะมีความผิดฐานหน่วงเหนี่ยว กักขังหรือกระทำา
ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายตามมาตรา 310 หรือไม่
มั่ งมี ไม่มี ความผิด ตามมาตรา 310 เพราะยังไม่มี ก ารจั บดั งที่ ตำา รวจจั บผู้ ต้อ งหา หรือ หน่ว ง
เหนี่ยวกักขังให้ไปไหนไม่ได้ หรือกระทำาให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำา ด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจาก
เสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
96

ถ้าการกระทำา ความผิดตามวรรคแรก เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกั ก ขัง หรือต้องปราศจาก


เสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตายหรือรับอันตราย สาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา
290 มาตรา 297 หรือ มาตรา 298 นัน้

กระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
จำาปีกระทำาความผิดและถูกฟ้องศาล ศาลมีคำา พิพากษาให้จำาคุกจำา ปีมีกำาหนด 30 วัน ในหมายจำา
คุกถึงผู้บัญชาการเรือนจำามีว่าเมื่อครบกำาหนดแล้วให้ปล่อยตัวจำาปีไปทันที ครั้นเมื่อถึงวันครบกำาหนดทางเรือน
จำามีงานแสดงสินค้าราชทัณฑ์เป็นงานใหญ่ ผู้บัญชาการเรือนจำาจึงลืมปล่อยตัวจำาปีไป คงคุมขังต่ออีก 1 วัน จึง
ปล่อยตัวไป ดังนีผ้ ู้บัญชาการเรือนจำามีความผิดฐานใดหรือไม่
ผู้บญ
ั ชาการเรือนจำามีความผิดฐานกระทำาโดยประมาทเป็นเหตุให้จำาปีถูกขังตามมาตรา 311
มาตรา 311 ผู้ใดกระทำา โดยประมาท และการกระทำา นั้นเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยว ถูก
กักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือ ทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำา ความผิด ตามวรรคแรก เป็นเหตุใ ห้ผู้ถู กหน่วงเหนี่ยว ถูก กักขั งหรือ ต้อ งปราศจาก
เสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา
291 หรือ มาตรา 300

ความผิดต่อเสรีภาพซึ่งอาจยอมความได้
ความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งอาจยอมความได้ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
ความผิดต่อเสรีภาพซึ่งอาจยอมความได้ กฎหมายบัญญัติเฉพาะความผิดตามมาตรา 309 วรรค
แรก มาตรา 310 วรรคแรก และมาตรา 311 วรรคแรกเท่านั้น นอกนั้นเป็นความผิดต่อแผ่นดินหรือความ
ผิดที่ไม่อาจยอมความได้
ความผิดอันยอมความได้นั้น ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ภายในสามเดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและ
รู้ตัวผู้กระทำาความผิด มิฉะนั้นคดีขาดอายุความ และเมื่อร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนจึงจะทำาการสอบสวน
ได้ และพนักงานอัยการจึงจะฟ้องคดีต่อศาลได้ กับเป็นคดีที่ผู้เสียหายถอนคำาร้องทุกข์หรือยอมความหรือถอน
ฟ้องได้ก่อนคดีถึงที่สุด

เอาคนลงเป็นทาส หรือให้มฐี านะคล้ายทาส


สองมีอาชีพมัคคุเทศก์ทราบว่า ชายฮ่องกงจำานวนมากต้องการหญิงไทยไปเป็นภริยา จึงซื้อนางสาว
สามจากบิดามารดาแล้วขายให้แก่สี่ชาวฮ่องกงเพื่อเอาไปเป็นภริยา ดังนี้สองและสี่ มีความผิดตามมาตรา 312
หรือไม่
สองและสี่ไม่มีความผิดตามมาตรา 312 เพราะไม่ใช่เพื่อเอาคนลงเป็นทาสหรือให้มีฐานะคล้าย
ทาส
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
97

มาตรา 312 ผู้ใดเพื่อจะเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาส นำาเข้าในหรือส่งออกไปนอก


ราชอาณาจักร พามาจากที่ใด ซื้อ ขาย จำาหน่าย รับ หรือหน่วงเหนี่ยวซึ่งบุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องระวางโทษจำา
คุกไม่เกิน เจ็ดปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
มาตรา 312 ทวิ ถ้าการกระทำา ความผิด ตาม มาตรา 310 ทวิ หรือ มาตรา 312 เป็นการ
กระทำาต่อเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ผูก้ ระทำาต้องระวางโทษ จำาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่น
บาท
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรก หรือ มาตรา 310 ทวิ หรือ มาตรา 312 เป็นเหตุให้ผู้ถูก
กระทำา
(1) รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับไม่
เกินสามหมื่นบาท
(2) รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตลอดชีวิตหรือจำาคุกตั้งแต่สิบเจ็ดปีถึงยี่สิบปี
(3) ถึงแก่ความตายผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิตจำาคุกตลอดชีวิตหรือจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปี
ถึงยี่สิบปี
มาตรา 312 ตรี ผู้ใดโดยทุจริตรับไว้ จำา หน่าย เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปซึ่งบุคคลอายุเกิน
สิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี แม้ผู้นั้นจะยินยอม ก็ตาม ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่ง
หมื่นบาท หรือ ทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำาแก่เด็กอายุยังไม่เกิน สิบห้าปี ผู้กระทำา ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น สี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

เอาคนไปหรือหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่
มิถุนาจับตัวกรกฎา เศรษฐีไร่อ้อยไปกักไว้ที่วัดล้างแห่งหนึ่งในป่าเพื่อเรียกค่าไถ่ บังเอิญสิงหาพราน
ป่าไปพบเข้าจึงเรียกเอาเงินจำานวน 2 ล้านบาทจากกันยา บุตรของกรกฎา เพื่อบอกที่ซ่อนของกรกฎา ดังนี้สิง
หามีความผิดฐานเอาคนไปเรียกค่าไถ่ตามมาตรา 313 หรือไม่
สิงหาไม่มีความผิด ตามมาตรา 313 เพราะมิได้เป็นผู้เอาตัวกรกฎาไป หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อ
ได้มาซึ่งค่าไถ่ หรือมิได้ร่วมกับมิถุนากระทำาผิดตามมาตรา 313
ตุลกับพฤศจิกจับตัวนางสาวกันยาเพื่อเรียกค่าไถ่ ตุลคุมนางสาวกันยาไปกลางทาง นางสาวกันยานั่ง
ร้องให้ตุลรู้สึกสงสารจึงพูดกับนางธันวาพี่สาวของตนว่าจะส่งตัวนางสาวกันยาคืนให้แก่มารดา แล้วตุลเอา
นางสาวกันยาไปพักบ้านสิงห์โดยบอกว่าจะเอารถมารับ และออกจากบ้านไปพร้อมกับนางธันวา ต่อมานาง
ธันวากลับมาบ้านสิงห์แล้วชี้ทางให้นางสาวกันยาหลบหนีไป เมื่อกลับถึงบ้าน นางสาวกันยาเล่าเรื่องให้ตำารวจ
ฟัง ตำารวจจับตุลได้ ดังนี้ ตุลจะมีความผิดอย่างไรหรือไม่ และรับโทษอย่างไร
ตุลมีความผิดตามมาตรา 313 แต่ที่นางสาวกันยาได้รับเสรีภาพ เนื่องจากตุลปล่อยให้นางสาว
กันยาพักอยู่บ้านสิงห์และนางธันวาพี่สาวของตุลชี้ทางให้หลบหนี ถือว่าตุลจัดให้นางสาวกันยาได้รับเสรีภาพ
ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้รับโทษตามมาตรา 316
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
98

มาตรา 313 ผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่


(1) เอาตัวเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไป
(2) เอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไป โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำาลังประทุษร้าย ใช้อำานาจ
ครอบงำาผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจ ด้วยประการอื่นใด หรือ
(3) หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด
ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาท ถึงสี่หมื่นบาท หรือจำาคุก
ตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรกเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังนั้นรับ
อันตรายสาหัส หรือเป็นการกระทำาโดยทรมานหรือโดยทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำานั้นรับอันตราย
แก่กาย หรือจิตใจ ผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำาคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำาความผิดนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังนั้นถึงแก่ความ
ตาย ผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิต
มาตรา 316 ผู้ใดกระทำาความผิดตาม มาตรา 313 มาตรา 314 หรือ มาตรา 315 จัด
ให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูก กักขังได้รับ เสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยผู้นั้นมิได้รับ
อันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตให้ลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำาหนดไว้แต่ไม่
น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง

ความผิดฐานพรากผู้เยาว์และส่งคนออกนอกราชอาณาจักร
1. การพาเด็ ก อายุ ไ ม่ เ กิ น สิบ ห้ า ปี ไ ปจากบิ ด ามารดา ผู้ ป กครอง หรื อ ผู้ ดู แ ลถื อ ว่ า มี ค วามผิ ด และ
เนื่องจากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีเป็นผู้ไม่มีความสามารถในการรู้สึกผิดชอบพอจะตัดสินใจเองได้
ดังนั้น แม้เด็กจะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ ผูก้ ระทำาก็ต้องรับผิด
2. การพาผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยผู้
เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยถือว่ามีความผิด ดังนัน้ ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ผู้กระทำาก็ไม่มีความผิด
3. การพาผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปจากบิดามารดาผู้ปกครองครองหรือผู้ดูแล
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหากำาไรหรือเพื่อการอนาจารถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้น ไม่ว่าผุ้เยาว์จะ
เต็มใจหรือไม่ ผู้กระทำาย่อมมีความผิดเสมอ
4. การพาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักรถือว่าเป็นการจำา กัดเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ของ
บุคคล ดังนั้นผู้ที่ใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญใช้กำา ลังประทุษร้ายใช้อำา นาจครอบงำา ผิดคลองธรรม
หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด เพื่อพาคนออกไปนอกราชอาณาจักรจึงถือว่ามีความผิด

พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี
เล็กกับนางน้อยอยู่กินด้วยกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส เกิดเด็กชายนิด อายุ 2 ปี เล็กกับนางน้อย
ทะเลาะกันนางน้องจึงพาเด็กชายนิดกลับบ้านเดิมที่จังหวัดเชียงใหม่ เล็กแอบไปเอาเด็กชายนิดกลับมาในขณะที่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
99

นางน้อยออกไปนอกบ้าน แล้วพามาฝากเลี้ยงในสถานเลี้ยงดูเด็กอ่อนกรุงเทพฯ นางน้องทราบเรื่องจึงแจ้งความ


ให้ตำารวจจับเล็กฐานพรากเด็กชายนิดไป ดังนี้เล็กจะมีความผิดตามที่นางน้อยแจ้งความหรือไม่
แม้เล็กกับนางน้อยอยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส เด็กชายนิดย่อมเป็นบุตรโดยชอบด้วย
กฎหมายของนางน้อยเพียงผู้เดียว แต่เล็กก็เป็นบิดาตามความเป็นจริงและมีเจตนาดีต่อเด็กชายนิดการพรากเด็ก
ชายนิดมาไม่ใช่โดยปราศจากเหตุผลอันสมควรเล็กไม่มีความผิดฐานพรากเด็กตามมาตรา 317
มาตรา 317 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกิน สิบห้าปีไปเสียจากบิดา
มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำา คุก ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสาม
หมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริตซื้อ จำาหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้
พรากนัน้
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ ได้กระทำาเพื่อหากำาไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้นั้นกระทำาต้องระวางโทษจำา
คุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท

พรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบแปดปีโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจ
โก๋ชวนนางสาวกี๋อายุ 16 ปี ออกจากบ้านป้าผู้ปกครองของนางสาวกี๋โดยบอกว่าจะพาไปเต้นดิส
โก้แต่โก๋กลับพาไปฝากกุ้ยไว้ ตกกลางคืนกุ้ยกับนางสาวกี๋ได้เสียกันโดยโก๋ไม่ทราบเรื่อง ดังนี้ โก๋จะมีความผิด
ฐานพรากผู้เยาว์หรือไม่
โก๋พรากนางสาวกี๋ไปจากบ้านป้าผู้ปกครอง โดยนางสาวกี๋ไม่เต็มใจเนื่องจากโก๋ใช้อุบายหลอก ลวง
โก๋มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามมาตรา 318 วรรคแรก แต่ไม่มีความผิดตามมาตรา 318 วรรคท้าย
เพราะมิได้เป็นการพรากไปเพื่อการอนาจาร การอนาจารที่เกิดขึ้นภายหลังอยู่นอกเหนือเจตนาของโก๋
มาตรา 318 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้
ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไป ด้วยต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่
พันบาท ถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อจำาหน่ายหรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรกต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้
พรากนัน้
ถ้าความผิดตาม มาตรานี้ ได้กระทำาเพื่อหากำาไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุก
ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีและปรับตั้งแต่หกพัน บาท ถึงสามหมื่นบาท

พรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบแปดปีโดยผู้เยาว์เต็มใจ
กั ลบกหนุ่ม โสดจบจากมหาวิทยาลั ยช่า งเสริ ม สวย รัก ใคร่กั บนางสาวดอกฟ้า อายุ 16 ปี บุ ตร
เจ้าของร้าน แต่ถูกบิดามารดาของนางสาวดอกฟ้ากีดกันเพราะกัลบกยากจน นางสาวดอกฟ้าจึงหอบเสื้อผ้าหนี
ตามกัลบกไปอยู่กินด้วยกันที่บ้านบิดามารดาของกัลบกที่จังหวัดยะลา ดังนี้กัลบกจะมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์
เพื่อการอนาจาร หรือเพื่อหากำาไรโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยก็ตาม ตามมาตรา 319 หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
100

กัลบกไม่มีความผิดตามมาตรา 319 เพราะการพาไปอยู่กินด้วยกันโดยกัลบกยังเป็นโสดเป็นการ


อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน ไม่ใช่เพื่อการอนาจารหรือเพื่อหากำาไร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยตามมาตรา 319
มาตรา 319 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไป เสียจากบิดามารดา ผู้
ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำาไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่
สองปีถึงสิบปี และ ปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริตซื้อจำาหน่ายหรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้
พรากนัน้

พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร
สามจบวิชากฎหมายแล้วอยากไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ สี่บิดาไม่มีเงินแต่ทนอ้อนวอนไม่ได้ จึง
พาสามขึ้ น เครื่ อ งบิ น หลอกว่ า จะพาไปเรี ย นที่ อั งกฤษ พอเครื่ อ งบิ น ไปถึ งประเทศอิ น เดี ย สี่ ก็ พาสามกลั บ
ประเทศไทย ดังนี้ สี่มีความผิดฐานพาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักรตามมาตรา 320 หรือไม่
สี่ไม่มีความผิดตามมาตรา 320 เพราะสามสมัครใจออกไปนอกราชอาณาจักรอยู่แล้ว สี่ไม่ได้ใช้
อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำาลังประทุษร้ายใช้อำานาจครอบงำาผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่น
ใด
มาตรา 320 ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำาลังประทุษร้าย ใช้อำานาจครอบงำาผิดคลองธรรม
หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สองปี
ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรก ได้กระทำาเพื่อให้ผู้ถูกพาหรือ ส่งไปนั้นตกอยู่ในอำานาจของผู้
อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อละทิ้ง ให้เป็นคนอนาถา ผูก้ ระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ สามปีถึงสิบห้า
ปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 9

1. หนึ่งเช่าบ้านสองอยู่และค้างค่าเช่า สองไม่พึงพอใจหนึ่งจึงพาสามไปไล่หนึ่งออกจากบ้าน แต่หนึ่งไม่


ยอมออก สองและสามจึงตรงเข้าฉุดหนึ่งออกจากบ้านและปิดประตูเสีย ดังนี้สองและสามจะมีความผิด
ต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 หรือไม่ คำาตอบ ผิดเพราะข่มขืนใจให้ออกจากบ้าน และไม่ให้เข้าบ้าน
โดยใช้กำาลังประทุษร้าย
2. สมศักดิ์ใช้ปืนขู่บังคับทะนงให้ยกบุตรสาวให้ตนทะนงกลัวจึงบอกว่าตกลงแต่ให้มารับในวันรุ่งขึ้น
แล้วทะนงจึงไปแจ้งตำารวจจับสมศักดิ์ สมศักดิ์มีความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบผิดพยายามทำาให้เสื่อม
เสียเสรีภาพเพราะทนงยังไม่ยกบุตรสาวให้ไปจริงๆ
3. แดงผูกลูกระเบิดปลอมที่รอบอกตัวเอง แล้วจี้เครื่องบินบังคับผู้โดยสารประมาณ 250 คน ไม่ให้ลง
จากเครื่องบิน ดังนี้แดงมีความผิดหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
101

4. กระตั้วถือปืนไม่มีลูกปืนแล้วจี้บังคับผู้โดยสารในรถยนต์โดยสารประจำาทางปรับอากาศประมาณ 20
คน ไม่ให้ลงจากรถ ดังนี้ กระตั้วมีความผิดหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น
5. ด.ช.บอย เข้าห้องนำ้า ของโรงเรียนในตอนเย็นบุญมาซึ่งเป็นภารโรงไม่ตรวจดูให้ดีจึงไม่รู้ว่ามีเด็กอยู่
และได้ใสกุญแจห้องนำ้าแล้วกลับบ้าน ด.ช.บอย จึงพยายามปีนขึ้นไปเพื่อหาทางออก จนพลัดตกลงมา
ขาหัก บุญมามีความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยว
กักขังได้รับอันตรายสาหัส
6. ความหมายของคำาว่า “ทาส” ตามมาตรา 312 คือ บุคคลซึ่งตกอยู่ภายใต้อำานาจของบุคคลอื่นในการ
ใช้แรงงานโดยไม่ได้ค่าตอบแทน
7. เหตุในลักษณะคดี ในความผิดเกี่ยวกับการเรียกค่าไถ่ คือ ความผิดฐานเรียกค่าไถ่แล้วจัดให้ผู้ถูกหน่วง
เหนี่ยวกักขังได้รับเสรีภาพก่อนศาลชัน้ ต้นพิพากษา
8. การที่ผู้กระทำา ความผิดเกี่ยวกับการเรียกค่าไถ่ได้จัดให้บุคคลที่ถูกนำา ตัวไปเรียกค่าไถ่ ได้รับเสรีภาพ
ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ซึ่งมีผลให้ได้รับโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำาหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง การ
ได้รับลดโทษนี้ เป็นเหตุในลักษณะคดี
9. เด็กชายฮาร์ทอายุ 13 ปี หนีบิดาของตนไปซ่อนอยู่ที่ศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่งกลางป่า แดงไปพบที่ซ่อน
จึงขู่ถามจนทราบว่าเด็กชายฮาร์ทเป็นบุตรใครอยู่ที่ใด แล้วส่งจดหมายเรียกค่าไถ่จากบิดาของเด็กชาย
ฮาร์ทดังนี้ แดงมีความผิดหรือไม่ คำาตอบ ไม่มีความผิดตามมาตรา 313 ฐานเรียกค่าไถ่
10. กฎหมายกำาหนดอายุของเด็กที่จะถูกพรากไว้เท่าใดผู้พรากเด็กจึงจะมีความผิดฐานพรากเด็กไป คำาตอบ
ไม่เกิน 15 ปี
มาตรา 317 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดา
มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำา คุก ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสาม
หมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริตซื้อ จำา หน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้
พรากนัน้
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ ได้กระทำาเพื่อหากำาไร หรือเพื่อการอนาจาร ผูน้ ั้นกระทำาต้องระวางโทษจำาคุก
ตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
11.กฎหมายกำาหนดช่วงอายุของผู้เยาว์ที่จะถูกพรากไว้เท่าใด ผู้พรากผู้เยาว์จึงจะมีความผิดฐานพรากผู้
เยาว์ คำาตอบ อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี
12. นางสาวสนุ ก อายุ 17 ปี เ ป็ น เด็ ก ใจแตกมี เ พื่ อ นชายมากมาย สมานได้ ช วนนางสาวสนุ ก ไปดู
ภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ อลาสกา แล้วพากันไปนอนที่โรงแรมไมอามีและกระทำาชำาเรา โดยนางสาว
สนุกเต็มใจรุ่งเช้า สมานจึงพานางสาวสนุกไปส่งที่บ้านบิดามารดานางสาวสนุกดังนี้ สมานมีความผิด
หรื อ ไม่ คำา ตอบ มี ค วามผิ ด ฐานพรากนางสาวสนุ ก ไปตามมาตรา 319 (มี ค วามผิ ด ฐานพราก
นางสาวสนุกไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยนางสาวสนุกเต็มใจไปด้วยตามมาตรา 319)

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
102

มาตรา 319 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไป เสียจากบิดามารดา ผู้


ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำาไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่
สองปีถึงสิบปี และ ปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริตซื้อจำา หน่ายหรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้
พรากนัน้
13. สมเดชต้องการจะเดินทางไปเยี่ยมลูกที่ประเทศอังกฤษแต่สมเดชติดต่อไม่ถูก สมพงษ์ รู่เข้าจึงไปหลอก
สมเดชว่าจะติดต่อให้สมเดชได้ไปพบลูกชายที่ประเทศอังกฤษ แต่สมเดชต้องจ่ายเงินให้ สมพงษ์ สม
เดชตกลงจ่ายเงินให้ 10,000 บาท สมพงษ์จึงจัดการส่งสมเดชไปลงที่ประเทศเกาหลีและทิ้งไว้ให้
เป็นคนอนาถา ไม่มีค่าเดินทางกลับ ดังนี้สมพงษ์จะมีความผิดตามมาตรา 320 หรือไม่ เพราะเหตุใด
คำาตอบ ไม่ผิด เพราะสมเดชสมัครใจไปนอกราชอาณาจักรอยู่แล้ว
14. จันทร์เข้าไปนั่งในรถแล้วใช้ปืนจี้ขู่บังคับให้อังคารนั่งเฉยๆ แล้วให้เอามือวางไว้ที่พวงมาลัยจนอังคาร
เกิดความกลัวจำาต้องปฏิบัติตาม ดังนี้จันทร์จะมีความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 หรือไม่ คำาตอบ
ผิดเพราะข่มขืนใจโดยทำาให้กลัวว่าจะเกิดอันตราย
15. ก้อยใช้มีดบังคับกุ้งให้เอาเงินมาให้ถ้าไม่ให้จะทำาร้ายแต่กุ้งไม่มีเงินจึงไม่ให้ไป และไปแจ้งตำารวจให้ไป
จับก้อย ก้อยผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ ผิดพยายามทำาให้เสื่อมเสียเสรีภาพเพราะมีการข่มขืนใจ
16. ศาลสั่งกักขังสีไว้ที่สถานีตำา รวจ 30 วัน สาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ในการกักขัง ได้กักขังสีไว้เป็น
เวลา 31 วั น โดยมิ ไ ด้ ต รวจนั บ วั น ให้ ดี สาจะมี ค วามผิ ด ฐานใดหรื อ ไม่ คำา ตอบ มี ค วามผิ ด ฐาน
ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง

หน่วยที่ 10 ความผิดเกี่ยวกับชื่อเสียง

1. ความลับของบุคคลที่ปกปิดในการสื่อสารถึงกันก็ดี ในการอื่นก็ดี ตลอดจนความลับเกี่ยวกับ


อุตสาหกรรมการค้นพบหรือการนิมิตในวิทยาศาสตร์ก็ได้ หากเปิดเผยหรือล่วงรู้แก่บุคคล
อื่น ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของความลับนั้น กฎหมายจึงต้องลงโทษผู้กระทำา
2. การใส่ความผู้อื่นก็ดี ใส่ความผู้ตายก็ดี ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ย่อมเป็นเหตุให้เกิดความไม่
สงบเรี ย บร้ อ ยขึ้ น ในบ้ า นเมื อ ง เพราะบุ ค คลมี สิ ท ธิ ต ามกฎหมายในการรั ก ษาชื่ อ เสี ย ง
เกียรติคุณของเขาไว้การทำาให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติคุณว่าเป็นความผิด กฎหมายจึง
ต้องลงโทษผู้กระทำาเช่นกัน

10.1 ความผิดเกี่ยวกับการเปิดเผยความลับ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
103

1. การเปิดผนึกหรือเอาจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารใดๆ ของผู้อื่นไป เพื่อล่วงรู้ความลับหรือเพื่อนำา


ออกเปิดเผย ถ้าการกระทำานั้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้ใด ผู้เปิดผนึกหรือผู้เอาไปนั้นย่อมมีความ
ผิด
2. ผู้ที่ได้ล่วงรู้ความลับของผู้อื่น เพราะเหตุที่เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตามที่กฎหมายกำาหนดไว้แล้ว
เอาความลับนั้นไปเปิดเผย ถ้าการเปิดเผยนั้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้ใด ก็ย่อมจะมีความผิด
3. ผู้มีตำาแหน่งหน้าที่หรือวิชาชีพหรืออาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจ แล้วได้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับอัน
เกี่ยวกับอุตสาหกรรม การค้นพบ หรือการนิมิตในวิทยาศาสตร์ จะมีความผิดถ้าได้เปิดเผยหรือใช้
ความลับนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น
4. ความผิดฐานเปิดเผยความลับเป็นความผิดอันยอมความได้ โดยที่ความผิดฐานเปิดเผยความลับเป็น
ความผิดที่ไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมส่วนรวม กฎหมายจึงกำาหนดให้เป็นความผิด
อันยอมความกันได้

10.1.1 เปิดผนึกเพื่อล่วงรู้ข้อความหรือนำาออกเปิดเผย
สดเอาบัตรเชิญงานศพของบิดาตนปิดผนึกแล้วฝากส่งให้สุดไปให้โสด สุดกลับเปิดผนึกและไปบอก
แก่แสดดังนี้ สุดมีความผิดตามมาตรา 322 หรือไม่
สุดไม่มีความผิดตามมาตรา 322 เพราะการกระทำาของสุดไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่สดหรือผู้
หนึ่งผู้ใดแม้จะมีการเปิดผนึกเพื่อล่วงรู้ข้อความหรือเพื่อนำาข้อความนั้นออกเปิดเผยก็ตาม
มาตรา 322 ผู้ใดเปิดผนึกหรือเอาจดหมาย โทรเลขหรือเอกสารใด ๆ ซึ่งปิดผนึกของผู้อื่นไป เพื่อ
ล่วงรู้ข้อความก็ดี เพื่อนำาข้อความในจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารเช่นว่านั้นออกเปิดเผยก็ดี ถ้าการกระทำานั้น
น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับ ไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือ
ทั้งจำาทั้งปรับ

10.1.2 ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับแล้วเปิดเผยความลับนั้น
นางสาวแจ่มจันทร์พลาดท่าเสียทีนายแจ่มใส คู่รักถึงขั้นได้เสียกัน รู้สึกกลุ้มใจมาก เพราะเกรงบิดา
มารดาและคนอื่นจะทราบ จึงนำาความไประบายให้นายแจ่มจิตต์นักบวชที่ตนเคารพเลื่อมใส แจ่มจิตต์เห็นภัยที่
เกิดแก่เด็กหญิงทั่วไป ประสงค์มิให้เด็กอื่นเอาเป็นตัวอย่างและหาทางป้องกัน จึงดัดแปลงเรื่องนำาไปออกอากาศ
ทางวิทยุกระจายเสียงดังนี้แจ่มจิตต์นักบวชมีความผิดตามมาตรา 323 หรือไม่
ถึงแม้แจ่มจิตต์นำาความลับของนางสาวแจ่มจันทร์ไปเปิดเผย แต่การกระทำาดังกล่าวไม่น่าจะเกิดความ
เสียหายแก่นางสาวแจ่มจันทร์ จึงไม่มีความผิดตามมาตรา 323
มาตรา 323 ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้อื่น โดยเหตุ ที่เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ โดย
เหตุ ที่ ป ระกอบอาชี พ เป็ น แพทย์ เภสั ช กร คนจำา หน่ า ยยา นางผดุ ง ครรภ์ ผู้ พ ยาบาล นั ก บวช หมอความ
ทนายความ หรือผู้สอบบัญชีหรือโดยเหตุที่เป็นผู้ช่วยในการประกอบ อาชีพนั้น แล้วเปิดเผยความลับนั้นใน

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
104

ประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งพัน


บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ผู้รับการศึกษาอบรมในอาชีพดังกล่าวในวรรคแรก เปิดเผยความลับ ของผู้อื่น อันตนได้ล่วงรู้หรือได้
มาในการศึกษาอบรมนั้น ในประการ ที่นา่ จะเกิดความเสียหายแต่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

10.1.3 เปิดเผยหรือใช้ความลับเพื่ อประโยชน์เ กี่ยวกับอุตสาหกรรม การค้นพบหรื อการนิมิต ใน


วิทยาศาสตร์
อี๊ดคนขับรถของอู๊ดผู้จัดการบริษัทเคมีจำากัด บังเอิญได้ยินอู๊ดคุยกับภริยา ถึงสูตรเคมีที่เพิ่งค้นพบเพื่อ
ขจัดขยะมูลฝอยและเป็นความลับที่ยังไม่เปิดเผยแก่ผู้ใดมาก่อน อี๊ดหวังรำ่ารวยจึงเอาสูตรเคมีที่ทราบนั้นไปขาย
แก่อ๊าด อ๊าดได้รับสูตรเคมีแล้วนำามาทำาเป็นสินค้าออกจำาหน่าย ดังนี้ อี๊ดและอ๊าดจะมีความผิดฐานเปิดเผความลับ
ตามมาตรา 324 หรือไม่
อี๊ดไม่มีตำา แหน่งหน้าที่ วิชาชีพ หรืออาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจของอู๊ด เพราะเป็นเพียงคนขับรถและ
บังเอิญได้ยินเท่านั้น แม้ล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับการค้นพบในวิทยาศาสตร์ เปิดเผยความลับนั้นเพื่อประโยชน์ของ
ตนเองหรือผู้อื่นก็ไม่มีความผิดตามมาตรา 324
ส่วนอ๊าดก็ไม่ผิดด้วย เพราะอ๊าดไม่มีตำาแหน่งหน้าที่ วิชาชีพหรืออาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจของอู๊ด ดัง
นั้น ถึงแม้อ๊าดจะล่วงรู้ความลับหรือได้มาซึ่งความลับ และได้ใช้ความลับนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ก็ไม่มี
ความผิดตามมาตรา 324
มาตรา 324 ผู้ใดโดยเหตุที่ตนมีตำาแหน่งหน้าที่ วิชาชีพ หรือ อาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจ ล่วงรู้หรือ
ได้มาซึ่งความลับของผู้อื่นเกี่ยว กับอุตสาหกรรม การค้นพบ หรือการนิมิตในวิทยาศาสตร์ เปิดเผยหรือ ใช้ความ
ลับนั้น เพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่ เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือ
ทั้งจำาทั้งปรับ

10.1.4 ความผิดฐานเปิดเผยความลับอันยอมความได้
ความผิดในหมวด 2 ว่าด้วยความผิดฐานเปิดเผยความลับ เป็นความผิดอันยอมความกันได้ หมาย
ความว่าอย่างไร
ความผิดในหมวด 2 ว่าด้วยความผิดฐานเปิดเผยความลับเป็นความผิดอันยอมความได้ หมายความว่า
เป็นความผิดที่ผู้เสียหายกับผู้กระทำาผิดสามารถตกลงระงับคดีกันได้ หรือที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญาเรียกว่าเป็น “ความผิดส่วนตัว” แต่ถ้าประสงค์จะดำาเนินคดี ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ก่อน พนักงานสอบสวน
จึงจะทำา การสอบสวนและพนักงานอัยการจึงจะฟ้องได้ และต้องร้องทุกข์ภายในสามเดือน นับแต่วันที่เรื่อง
ความผิดและรู้ตัวผู้กระทำาความผิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความ ทั้งเมื่อฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ย่อมถอนฟ้องหรือยอม
ความหรือถอนคำาร้องทุกข์เมื่อใดก็ได้ก่อนคดีสิ้นสุด

10.2 ความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
105

1. การใส่ความผู้อื่นจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทจะต้องปรากฏว่าเป็นการใส่ความบุคคลที่สาม
และการใส่ความนั้นน่าจะทำาให้ผู้ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
2. การใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สามก็ถือว่าเป็นความผิดเช่นกัน ถ้าการใส่ความนั้ันน่าจะเป็นเหตุให้
บิดามารดา คูสมรสหรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
3. ถ้าการหมิ่นประมาทได้กระทำาโดยใช้วิธีการให้ข้อความหมิ่นประมาททราบถึงบุคคลที่สามแพร่
หลายยิ่งขึ้นด้วยการโฆษณา ผูก้ ระทำาต้องได้รับโทษหนักขึ้น
4. บางกรณีการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามแม้จะทำาให้ผู้ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูก
เกลียดชัง ผู้กระทำาก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทถ้าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความ
โดยสุจริตภาย ใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำาหนด
5. แต่บางกรณีกฎหมายไม่ยกเว้นความผิดเสียทีเดียว เพียงแต่ยกเว้นโทษให้เท่านั้น ถ้าหากผู้กระทำา
ผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง แต่มีข้อห้ามบางประการที่กฎหมายห้าม
พิสูจน์
6. เพื่อให้ชื่อเสียงของผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทกลับคืนมาบ้าง กฎหมายได้เปิดโอกาส
ให้ผู้เสียหายหรือพนักงานอัยการโจทก์ขอให้ศาลสั่งยืดและทำาลายวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท
และให้โฆษณาคำาพิพากษาว่าจำาเลยมีความผิดในหนังสือพิมพ์ก็ได้
7. ความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นความผิดอันยอมความได้กล่าวคือถ้าผู้เสียหายประสงค์จะดำาเนิน
คดีต้องร้องทุกข์ก่อน พนักงานสอบสวนจึงจะทำาการสอบสวนและพนักงานอัยการจึงจะฟ้องได้

10.2.1 ความผิดฐานประมาท
นายเหงียน กล่าวต่อหน้าบุคคลอื่นว่า ได้มอบเงิน 500 บาท ให้นายหวันไปถวายต่อเจ้าอาวาสวัด
พระธาตุพนมแต่ความจริงนายเหงียนไม่เคยมอบเงินให้นายหวันไปเลยนายเหงียนมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
นายหวันหรือไม่
นายโถขับรถชนรถของนายโท และทั้งสองคนพากันไปพบสารวัตรตำา รวจจราจร สารวัตรตำา รวจ
จราจรไกล่เกลี่ยให้นายโถเป็นคนเสียค่าซ่อมแซมรถที่ชนกันฝ่ายเดียว นายโถจึงพูดว่า “สารวัตรพูดอย่างนี้เอา
กฎหมายมาพูดไม่มีศีลธรรม” นายโถมีความผิดฐานหมิ่นประมาทสารวัตรตำารวจจราจรหรือไม่
ทั้งสองกรณี ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะตามข้อ (1) นายเหงียนเพียงแต่ กล่าวเท็จ
เท่านั้น ไม่ได้ใส่ความนายหวัน ส่วนข้อ (2) คำากล่าวของนายโถไม่เป็นข้อเท็จจริงอันแน่นอน ไม่เป็นการใส่
ความสารวัตรตำารวจจราจร

หมิน่ ประมาทผู้ตาย
10.2.2

นายแมวเขียนประวัติศาสตร์กล่าวถึง กษัตริย์ “สิงห์” ว่าชอบยิงนก ตกปลา ชกมวยและชอบพร่า


พรหมจรรย์ของเด็กหญิงชาวบ้านในเวลาประพาสตามชนบท ราษฎรเกลียดชังเป็นอันมากและเป็นเหตุให้

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
106

ราชวงศ์เสื่อมจนต้องเสียราชธานีแก่ข้าศึกซึ่งยกมารุกราน ดังนี้ นางเสือซึ่งเป็นผู้สืบสันดานชั้นลื้อคนเดียวที่ยังมี


ชีวิตอยู่ของกษัตริย์ “สิงห์” จะฟ้องนายแมวตามมาตรา 327 ได้หรือไม่
นางเสือเป็นผู้สืบสันดานชั้นลื้อคนเดียงที่ยังมีชีวิตอยู่ของกษัตริย์ “สิงห์” นางเสือไม่ใช่บิดา มารดา คู่
สมรส หรือบุตรของกษัตริย์ “สิงห์” ผู้ตาย คำากล่าวของนายแมวจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 327 นางเสือ
ฟ้องนายแมวตามมาตรา 327 ไม่ได้
มาตรา 327 ผู้ใดใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สามและการใส่ความนั้น น่าจะเป็นเหตุให้ บิดา มารดา
คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำาความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้อง
ระวางโทษดังบัญญัติไว้ใน มาตรา 326 นัน้

10.2.3 หมิน่ ประมาทโดยการโฆษณา กระจายเสียงหรือกระจายภาพหรือป่าวประกาศ


นายฮาร์ด ทำาหนังสือร้องเรียนนายใจ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดแห่งหนึ่งต่ออธิบดีกรมที่ดินว่า นายใจ
เรียกเอาเงินจากนายฮาร์ดในการไปติดต่อทำา นิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินซึ่งไม่เป็นความจริง นายใจจึงฟ้องขอให้
ลงโทษนายฮาร์ดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 328 ดังนี้ ท่านเห็นว่าถูกต้องหรือไม่
นายฮาร์ดร้องเรียนเท็จ เป็นการหมิ่นประมาทนายใจ แม้กระทำาด้วยเอกสารคือหนังสือร้องเรียน แต่ไม่
ได้กระทำาโดยการโฆษณาคือการเผยแพร่หนังสือร้องเรียนออกไปยังสาธารณชนหรือการป่าวร้อง ดังนั้นการก
ระทำาของนายฮาร์ดคงมีความผิดตามมาตรา 326 หาใช่มาตรา 328 ไม่ ที่นายใจฟ้องขอให้ลงโทษนาย
ฮาร์ดตามมาตรา 328 จึงไม่ถูกต้อง
มาตรา 326 ผูใ้ ดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำาให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดู
หมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผูน้ ั้นกระทำา
ความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้ง
จำาทั้งปรับ
มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำาโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพ
ระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำา ให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ
หรือบันทึกอักษร กระทำาโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำาการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น
ผู้กระทำาต้องระวางโทษ จำาคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท

10.2.4 ข้อยกเว้นที่ให้ถือว่าผู้กระทำาไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
นายโจ้ เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัท เอ แต่ติดต่อลับๆ กับบริษัท บี คูแ่ ข่งของบริษัท เอ แล้วลาออก
จากบริษัท เอไป นายใจผู้จัดการบริษัท จึงปิดประกาศของบริษัท เอ แจ้งให้พนักงานของบริษัท เอ ทราบทั่วกัน
ว่านายโจ้ ถูกห้ามเข้ามาในบริเวณสำานักงานบริษัท เอ แล้ว เพราะทำาผิดระเบียบ กฎ ข้อบังคับบริษัททำาให้บริษัท
เสียประโยชน์ นายโจ้จึงฟ้องนายใจว่าหมิ่นประมาท ดังนี้ท่านเห็นว่า นายใจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่
นายใจแสดงข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับบริษัท เอ ตามคลอง
ธรรม ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 329(1)
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
107

นายเชี่ยว ทนายจำา เลยคดีเรื่องหนึ่งได้ตามประเด็นไปว่าความที่ต่างจังหวัดในการซักค้านนางไหล


พยานของนายแรงโจทก์ ตอนหนึ่งนายเชี่ยวได้ถามนางไหลว่า “พยานได้เช่าห้องแถวอยู่รวมกับนายแรงโจทก์
หรือ” นางไหลตอบว่า “พยานไม่ได้เช่าห้องแถว แต่นายแรงมาพักอยู่บ้านพยาน” นายเชี่ยวจึงถามนางไหลต่อไป
ว่า “เมื่อนายแรงมาพักอยู่บ้านพยาน พยานกับนายแรงได้นอนร่วมมุ้งเดียวกันหรือ” นางไหลจึงฟ้องนายเชี่ยวหา
ว่าหมิ่นประมาท ดังนี้ ท่านเห็นว่านายเชี่ยวมีความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่
นายเชี่ยวเป็นทนายของจำาเลยแสดงข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดีของ
จำาเลย ถามค้านพยานในโรงศาล เพื่อชั่งนำ้าหนักแห่งคำาพยาน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 331
มาตรา 329 ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัย ของประชาชนย่อมกระทำา หรือ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำาเนินการอันเปิด เผยในศาลหรือในการประชุม
ผูน้ ั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำาความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่น
ประมาทนั้นเป็นความจริง ผูน้ ั้นไม่ต้อง รับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ ความในเรื่องส่วนตัว และการ
พิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
มาตรา 331 คู่ความ หรือทนายความของคู่ความ ซึ่งแสดงความคิด เห็น หรือข้อความในกระบวน
พิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดี ของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

10.2.5 เหตุยกเว้นโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาท
นายอีกา ไปดื่มกาแฟที่ร้านคอฟฟี่ช็อฟในหมู่บ้านและพูดกับหลายคนว่าในร้านว่านางสาวกากีเป็น
เทพีงานบอลล์เมื่อคืนนี้เคยได้เสียกับตนมาแล้ว และชาวบ้านก็ทราบว่าเป็นการพูดความจริง ดังนี้นางสาวกากี
ฟ้องนายอีกาว่าหมิ่นประมาท นายอีกาจะขอพิสูจน์ความจริงต่อศาลว่า นางสาวกากีเคยได้เสียกับตนมาแล้ว เพื่อ
ไม่ต้องรับโทษได้หรือไม่
นายอีกาพิสูจน์ความจริงไม่ได้ เพราะเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโย
ชน์ต่ัิอประชาชน

10.2.6 คำาขอบังคับในคดีหมิ่นประมาท
ถ้าท่านเป็นโจทย์ฟ้องจำา เลยในคดีหมิ่นประมาท นอกจากท่านจะต้องบรรยายการกระทำา ที่อ้างว่า
จำาเลยได้กระทำาผิดถ้อยคำาพูด หนังสือ ภาพขีดเขียน หรือสิ่งอื่นอันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทในฟ้องหรือติดมา
ท้ายฟ้องเพื่อศาลจักได้ลงโทษจำาเลยแล้ว ท่านจะมีคำาขอบังคับในคดีหมิ่นประมาทอย่างใดที่จะชดเชยและกอบกู้
ชื่อเสียงของท่านให้กลับคืนมาได้ตามที่กฎหมายอาญาบัญญัติให้สิทธิไว้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
108

คำาขอบังคับในคดีหมิ่นประมาทที่ข้าพเจ้าในฐานะเป็นโจทก์พึงขอได้คือ
(1)ขอให้ศาลยึดและทำาลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท
(2)ขอให้โฆษณาคำา พิพากษาทั้งหมดหรือบางส่วน ในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับครั้ง
เดียวหรือหลายครั้งโดยให้จำาเลยเป็นผู้ชำาระค่าโฆษณา

10.2.7 การยอมความและร้องทุกข์
ขงเบ้งหมิ่นประมาทจิวยี่ เป็นเหตุให้จิวยี่รากเลือดตายเสียก่อนที่จะทันได้ร้องทุกข์ จิวสาม ซึ่งเป็นปูข่ อง
จิวยี่จะร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำารวจให้จับกุมขงเบ้งได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์ บิดามารดาคู่สมรสหรือบุตรของผู้เสีย
หายร้องทุกข์ได้และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย กรณี จิวสามเป็นปู่ของจิวยี่ผู้เสียหาย ไม่ใช่บิดามารดา คู่สมรสหรือ
บุตรของจิวยี่ จึงไม่มีอำานาจร้องทุกข์ต่อพนักงานตำารวจให้จับกุมขงเบ้งได้ และความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ใช่
ความผิดอาญาที่จิวยี่ถูกทำาร้ายถึงตาย จิวสามผู้บุพการีย่อมไม่สามารถเป็นผู้จัดการแทนจิวยี่ผู้เสียหายที่จะร้อง
ทุกข์ได้เช่นเดียวกัน

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 10

1. การเปิดผนึกจดหมายของผู้อื่น เพื่อล่วงรู้ข้อความนั้น กฎหมายกำาหนดว่าจะเป็นความผิดเมื่อ การเปิด


ผนึกนั้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
2. การเปิดผนึกจดหมายของผู้อื่น ต้องกระทำาโดยมีมูลเหตุจูงใจ เพื่อนำาข้อความในจดหมายออกเปิดเผยผู้
กระ ทำาจึงจะมีความผิดตามมาตรา 322
3. สมจิตได้เอาจดหมายเปิดผนึกซึ่งสมโภชน์เขียนถึงนางสาวสมใจในเรื่องชู้สาวให้สมพงษ์อ่าน สมพงษ์
ได้เปิดจดหมายออกอ่านให้พรรคพวกฟัง ดังนั้นสมจิตและสมพงษ์มีความผิดหรือไม่ คำาตอบ สมจิตผิด
ฐานเอาจดหมายไปเพื่อล่วงรู้ข้อความและสมพงษ์ผิดฐานเปิดผนึกเพื่อล่วงรู้ข้อความ
4. อาทิตย์เอาจดหมายที่ปิดผนึกของจันทร์ไปให้อังคารเปิดอ่านให้ฟัง แต่อังคารอ่านไม่ออก เพราะเป็น
ภาษาญี่ปุ่น ดังนี้อาทิตย์และอังคารมีความผิดหรือไม่อย่างไร คำาตอบ อาทิตย์ผิดฐานเอาจดหมายไปเพื่อ
ล่วงรู้ข้อความ และอังคารผิดฐานเปิดผนึกเพื่อรู้ข้อความ
5. ในการแสดงข้อเท็จจริงที่เป็นความจริงเท่านั้น ไม่ใช่ลักษณะของการ “ใส่ความ” ในความผิดฐานหมิ่น
ประมาท
6. การแสดงข้อเท็จจริงที่น่าจะทำาให้ผู้อื่นถูกเกลียดชัง เป็นลักษณะของการ “ใส่ความ” ในความผิดฐาน
หมิ่นประมาท
7. ข้อความต่อไปนี้ถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท “ไอ้ทองเบิ้มสารวัตรกำานัน ชอบพาตำารวจมาจับ
ชาวบ้านหากินกับตำารวจ”

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
109

8. ในกรณีเป็นการใส่ความเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน กรณีนี้กฎหมาย


ห้ามมิให้พิสูจน์ข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง
9. ในงานแต่งงานของนางสาวจิ๋ว น้อยได้ถามเล็กว่า นางสาวจิ๋วเป็นคนอย่างไร เล็กตอบว่ามีคนมาเล่าให้
ฟังว่านางสาวจิ๋วเป็นผู้หญิงเสเพล ชอบคบชู้สู่ชายผลัดเปลี่ยนเสมอ แต่เล็กได้กล่าวต่อในตอนท้ายว่า
ตนก็ไม่ค่อยเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นความจริง เล็กจะมีความผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด คำา ตอบ ผิด
เพราะเป็นการใส่ความนางสาวจิ๋วในประการที่น่าจะทำาให้นางสาวจิ๋วเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียด
ชัง
10. อ้อยกับตั้มไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง เห็นนางสาวมดซึ่งแต่งการด้วยเครื่องประดับแพรวพราว
เดินผ่านมา ตั้มจึงถามอ้อยว่าใครนะสวยดี อ้อยตอบว่าชื่อมด นิสัยไม่ดีมีความรู้สึกตำ่า เป็นหนี้เป็นสิน
เขาท่วมตัว แต่ชอบแต่งตัวอวดมั่งอวดมี อ้อยจะมีความผิดหรือไม่เพราะเหตุใด คำาตอบ ไม่ผิด เพราะ
ถ้อยคำาที่กล่าวไม่ทำาให้ผู้ฟังเข้าใจถึงความชั่วร้ายอันจะทำาให้นางสาวมดเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด
11. การใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สาม ต้องน่าจะเป็นเหตุให้ คู่สมรสของผู้ตาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูก
เกลียดชังจึงจะถือว่าผู้ใส่ความนั้นผิดฐานหมิ่นประมาท
12. การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตซึ่งจะเป็นเหตุยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทต้อง
อยู่ภายใต้เงื่อ นไขที่ก ฎหมายกำา หนดไว้นั้น ต้องเป็นการติชมด้วยความเป็น ธรรมอัน เป็น วิสัยของ
ประชาชนย่อมกระทำาได้
13. ในคดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีคำา พิพากษาว่า จำา เลยมีความผิดศาลอาจสั่งให้กระทำา การได้ โดยให้ยึดและ
ทำาลายส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท
14. ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์กฎหมายให้ถือว่า บุตรของผู้เสียหาย
เป็นผู้เสียหายอันจะร้องทุกข์ได้
15.ข้อที่ศาลไม่อาจสั่งได้ในคดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีคำาพิพากษาว่าจำาเลยมีความผิดคือ ให้ชดใช้ค่าเสียหาย
แก่ผู้ถูกหมิ่นประมาท

หน่วยที่ 11 ความผิดฐานลักทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์

1. สิทธิในทรัพย์เป็นสิ่งที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่
มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำาหรับตนเองหรือผู้อื่น ถือเป็นความผิดที่ผู้กระทำาต้องได้รับโทษ
2. การลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษหนักขึ้น
กว่าการลักทรัพย์โดยทั่วไป

ความผิดฐานลักทรัพย์

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
110

1. ลักษณะสำาคัญของความผิดฐานลักทรัพย์คือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่


ด้วยไปเสียจากครอบครองของเขาโดยทุจริต
2. ความผิดฐานลักทรัพย์มีลักษณะใกล้เคียงกับความผิดฐานยักยอก ฐานฉ้อโกง ฐานทำาให้เสียทรัพย์
และฐานรับของโจร
3. การลักทรัพย์ของผู้อื่นไปในพฤติการณ์ หรือด้วยลักษณะบางประการถือเป็นเหตุการณ์ที่ผู้นั้นต้อง
รับโทษหนักขึ้น

การกระทำาที่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คำาว่า “โดยทุจริต” นัน้ มีความหมายเฉพาะประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินเท่านั้นใช่หรือไม่
มิใช่ แต่รวมถึงประโยชน์ที่เกี่ยวกับตัวทรัพย์นั้นทุกชนิด ขึน้ อยู่กับว่าทรัพย์จะให้ประโยชน์อย่างใดได้
บ้าง
ดำา แอบสอยผลมะม่วงของแดงจนผลมะม่วงตกลงมาบนพื้นดิน แต่ยังไม่ทันได้เก็บผลมะม่วงนั้นก็
พอดีแดงมาพบเห็นเข้า ดำาจึงหลบหนีไปเสีย ดำามีความผิดฐานลักทรัพย์สำาเร็จหรือไม่
เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ เพราะยังมิได้ครอบครองทรัพย์นั้น และพาทรัพย์นนั้ ไปแต่อย่างใด
นายผลจับนกป่าซึ่งมาทำา รังอยู่ที่ต้นชมพู่ในสวนของนายผันไปหนึ่งตัว นายผลมีความผิดฐานลัก
ทรัพย์หรือไม่อย่างไร
ไม่ผิดฐานลักทรัพย์เพราะนกป่ามิใช่กรรมสิทธิ์ของนายผัน แต่เป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ

เปรียบเทียบความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดอื่น
ครอบครองในทรัพย์ มีความสำาคัญต่อการกระทำาผิดฐานลักทรัพย์ และฐานยักยอกทรัพย์อย่างไร
ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นการแย่งความครอบครองในทรัพย์ไปจากผู้อื่นโดยทุจริต แต่ฐานยักยอกไม่
เป็นการแย่งการครอบครอง เพราะความครอบครองอยู่กับผู้กระทำาความผิดอยู่แล้ว ผู้กระทำา ความผิดเพียงแต่
เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สามโดยทุจริตก็มีความผิดแล้ว ฉะนั้น การวินิจฉัยว่าขณะนั้น
ความครอบครองอยู่กับผู้กระทำาผิดหรือไม่ จึงมีความสำาคัญต่อการวินิจฉัยความผิดฐานลักทรัพย์และฐานยักยอก
เพราะเหตุใดการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปทำาลายจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์
การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปทำาลาย ไม่เป็นการแย่งการครอบครองในทรัพย์ไปจากผู้อื่นโดยทุจริต

เหตุที่ทำาให้โทษหนักขึ้น
พาอาวุธซึ่งไม่มีกระสุนติดตัวไปลักทรัพย์ผู้อื่น ถือว่าเป็นการลักทรัพย์โดยมีอาวุธตามมาตรา 335
(7) หรือไม่
ไม่เป็น เพราะอาวุธนั้นจะต้องสามารถใช้ทำาร้ายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ความตายได้
ข้ า ราชการลั ก ทรั พ ย์ ข องกรมกองที่ ต นสั ง กั ด อยู่ เ ป็ น การลั ก ทรั พ ย์ ข องนายจ้ า งตามมาตรา
335(11) หรือไม่เพราะเหตุใด
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
111

ไม่เป็นการลักทรัพย์ของนายจ้าง เพราะข้าราชการมิใช่ลูกจ้างของกรมกองที่ตนสังกัด
ลักรูปปั้นของพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงเพื่อนำาไปสักการบูชา ถือเป็นการลักวัตถุในทางศาสนาตามมาตรา
335 ทวิหรือไม่เพราะเหตุใด
ไม่เป็น เพราะมิใช่พระพุทธรูป หรือวัตถุในทางศาสนา
มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์
(1) ในเวลากลางคืน
(2) ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือ ในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุ
ทุกขภัยแก่รถไฟ หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำานองเดียวกัน หรืออาศัยโอกาสที่มี
เหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำาลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ
(3) โดยทำา อันตรายสิ่งกีดกั้นสำา หรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไป
ด้วยประการใด ๆ
(4) โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำา ขึ้นโดยไม่ได้จำา นงให้เป็นทางคนเข้า หรือเข้าทางช่องทางซึ่งผู้
เป็นใจเปิดไว้ให้
(5) โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่นมอมหน้า หรือทำาด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำา
หน้าได้
(6) โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน
(7) โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำาความผิดด้วยกันตั้งแต่สอง คนขึ้นไป
(8) ในเคหสถาน สถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณที่ตนได้เข้าไปโดย
ไม่ได้รับอนุญาต หรือซ่อนตัวอยู่ ในสถานที่นั้น ๆ
(9) ในสถานที่บูชาสาธารณ สถานีรถไฟ ท่าอากาศยานที่จอดรถ หรือเรือสาธารณสาธารณสถาน
สำาหรับขนถ่ายสินค้า หรือในยวดยาน สาธารณ
(10) ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์
(11) ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง
(12) ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์หรือเครื่องมืออันมีไว้
สำาหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มา จากการกสิกรรมนัน้
ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาท
ถ้าความผิดตามวรรคแรก เป็นการกระทำาที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตรา ดังกล่าว
แล้วตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่ สองพันบาท
ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำา ต่อทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ เครื่องกล หรือเครื่องจักรที่ผู้มี
อาชีพกสิกรรมมีไว้สำาหรับ ประกอบกสิกรรมผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่
สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
112

ถ้ าการกระทำา ความผิ ดดั งกล่ าวในมาตรานี้ เป็น การกระทำา โดยความจำา ใจหรือ ความยากจนเหลือ
ทนทานและทรัพย์นั้นมีราคา เล็กน้อยศาลจะลงโทษผู้กระทำาความผิดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 334 ก็ได้
มาตรา 335 ทวิ ผูใ้ ดลักทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุใน ทางศาสนา ถ้าทรัพย์นั้นเป็นที่สักการ
บูชาของประชาชน หรือเก็บ รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูป หรือวัตถุดัง
กล่าวต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับ ตั้งแต่หกพันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำาความผิดตามวรรคแรก ได้กระทำาในวัด สำานักสงฆ์ สถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนา
โบราณสถานอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน สถานที่ราชการหรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ผู้กระทำาต้องระวาง
โทษจำาคุกตั้งแต่หา้ ปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท ถึงสามหมื่นบาท

ความผิดฐานวิ่งราว
1. ลักษณะสำา คัญของความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ คือ การลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาไปซึ่งหน้า อันมี
ลักษณะของความอุกอาจกว่าการลักทรัพย์ตามธรรมดา
2. ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ใกล้เคียงกับความผิดฐานชิงทรัพย์และฐานปล้นทรัพย์
3. การวิ่ งราวทรั พย์ ซึ่ งเป็ น เหตุ ใ ห้ ผู้ อื่ น ได้รั บ อั น ตรายแก่ ก ายหรื อ ชี วิ ต และการวิ่ งราวทรั พย์ ใ น
พฤติกรรมบางประการ ผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้น

การกระทำาที่เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ห้าวกระชากสร้อยคอของนางห่อพาวิ่งหนีไป และได้ชนเอาเหี่ยวซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆที่เกิดเหตุล้มลงศีรษะ
ฟาดพื้นถึงแก่ความตาย ห้าวจะมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่
ห้าวมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผุ้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา 336 วรรคท้าย เพราะ
ถือว่าเหี่ยวเป็นผู้อื่น และความตายของเหี่ยวเป็นผลที่ตามธรรมดาย่อมจะเกิดขึ้นได้ตามมาตรา 63

เปรียบเทียบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์กับความผิดฐานชิงทรัพย์และฐานปล้นทรัพย์
ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์อาจมีลักษณะใกล้เคียงกับความผิดฐานชิงทรัพย์อย่างไร
ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ในบางกรณีอาจมีการใช้กำาลังต่อตัวทรัพย์ เช่น กระชากเอาทรัพย์ไปจากมือ
เจ้าทรัพย์ แต่ความผิดฐานชิงทรัพย์บางกรณีอาจมีการใช้กำาลังต่อตัวเจ้าทรัพย์ เช่น แกะมือเจ้าทรัพย์ที่กำาอยู่เพื่อ
เอาทรัพย์ในกำามือของเจ้าทรัพย์ไป

เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
แด่นกับดอกร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ของนางสาวเดือน โดยแดนมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แด่นกับดอกจะ
ต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 336 ทวิ หรือไม่ เพราะเหตุใด
แด่นต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 336 ทวิ แต่เพียงผู้เดียวเพราะมาตรา 336 ทวิ มิใช่เหตุ
ลักษณะคดีตามมาตรา 89
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
113

มาตรา 336 ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำา ความผิด ฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้อง


ระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปีและปรับ ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่
สองปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่ สี่พันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบ
ปี และปรับตั้งแต่หกพันบาท ถึงสองหมื่นบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หา้ ปีถึงสิบห้าปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท ถึงสามหมืน่ บาท
มาตรา 336 ทวิ ผู้ใดกระทำา ความผิดตาม มาตรา 334 มาตรา 335 มาตรา 335 ทวิ
หรือ มาตรา 336 โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือ ตำารวจหรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำารวจ หรือ
โดยมีหรือ ใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การ กระทำาผิดหรือการพาทรัพย์
นัน้ ไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมต้อง ระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ใน มาตรา นั้น ๆ กึ่งหนึ่ง
มาตรา 89 ถ้ามีเหตุส่วนตัวอันควรยกเว้นโทษ ลดโทษหรือเพิ่ม โทษแก่ผู้กระทำาความผิดคนใด จะ
นำาเหตุนั้นไปใช้แก่ผู้กระทำาความผิด คนอื่นในการกระทำาความผิดนั้นด้วยไม่ได้ แต่ถ้าเหตุอันควรยกเว้นโทษ
ลดโทษหรือเพิ่มโทษเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงให้ใช้แก่ผู้กระทำาความผิด นัน้ ด้วยกันทุกคน

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 11

1. “ทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา คือวัตถุมีรูปร่างซึ่งอาจมีราคาและถือเอาได้


2. “ลักทรัพย์” หมายความว่า เอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต
3. ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ได้แก่ กระชากสร้อยขาดจากคอแล้วพาเดินหนีไป
4. ลักกระแสไฟฟ้าเป็นความผิด ฐานลักทรัพย์
5. โหน่งรวมเงินกับเหน่งซื่อรถจักรยานสามล้อรับจ้างส่งคนโดยสาร โดยเหน่งเป็นผู้ครอบครองรถแต่ผู้
เดียว ต่อมาโหน่งนำารถนั้นไปขายเสีย โหน่ง มีความผิดฐานยักยอก
6. ตูบล้วงกระเป๋าตีบออกมาพ้นจากกระเป๋ากางเกงของนายตีบแล้ว แต่ตีบรู้สึกตัว จึงเอามือตบมือตูบจน
กระเป๋าเงินตกไปยังพื้นดิน เช่นนี้ ตูบมีความผิดฐานลักทรัพย์สำาเร็จแล้ว
7. ติ่งลักเสื้อยืดของต้อยไป แต่เกิดความรู้สึกกลัวถูกจับจึงเอาเสื้อไปเผาเสีย ติ่งมีความผิดฐานลักทรัพย์
8. ดั่นลักทรัพย์ของนายจ้างจากรถยนต์บรรทุกพอดีดมเดินผ่านมาที่รถ ดั่นจึงส่งทรัพย์ให้ดมช่วยรับไป
ซ่อนไว้ในคูขา้ งถนน ดมมีความผิดฐานรับของโจร
9. ผึ่งลักรถจักรยานยนตร์ของผายที่จอดอยู่ที่ลานวัดเวลากลางวัน โดยใช้กุญแจปลอมไขเอาโซ่ที่ล่ามรถไว้
กั บ ต้ น ไม้ อ อก ผึ่งมี ค วามผิ ด ตามมาตรา 335 (3) (3) โดยทำา อั น ตรายสิ่ง กี ด กั้น
สำาหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
114

10. กรอบเข้าไปลักทรัพย์จากในบ้านของกราบในเวลากลางคืน ขณะที่ก ราบไม่อ ยู่ โดยเข้าทางประตูที่


กราบลืมปิดไว้ พอดีกราบกลับมาเห็นกรอบจึงรีบหนีลงทางหน้าต่าง แล้วมาขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เกรียบ
จอดซุ่มรออยู่หลบหนีไป กรอบมีความผิดตามมาตรา 335 (1) (8) และมาตรา 336 ทวิ
(1) ในเวลากลางคืน
(8) ในเคหสถาน สถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณที่ตนได้เข้าไปโดย
ไม่ได้รับ
มาตรา 336 ทวิ ผู้ใดกระทำา ความผิดตาม มาตรา 334 มาตรา 335 มาตรา 335 ทวิ
หรือ มาตรา 336 โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือ ตำารวจหรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำารวจ หรือ
โดยมีหรือ ใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การ กระทำาผิดหรือการพาทรัพย์
นัน้ ไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมต้อง ระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ใน มาตรา นั้น ๆ กึ่งหนึ่ง
11.แหลมกระชากสร้อยจากคอของนางเหลื่อมขาดติดมือไป แต่เล็บของแหลมได้จิกเอาคอของนาง
เหลื่อมจนเป็นบาดแผลลึกโลหิตไหล แหลมมีความผิดตามมาตรา 336 วรรคสอง
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่
สองปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่ สี่พันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

หน่วยที่ 12 ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์

1. ความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์เป็นความผิดลักษณะผสม ระหว่างความผิดต่อเสรีภาพ
และความผิดต่อทรัพย์ เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้เขายอมให้ประโยชน์ในทางทรัพย์สินโดยการ
ใช้กำาลังทำาร้าย หรือขู่เข็ญ
2. ความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นรูปแบบหนึ่งของความผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งมีการทำาร้ายหรือขู่เข็ญ
ว่าจะทำาร้ายร่างกายด้วย ทำาให้ความผิดมีลักษณะร้ายแรงขึ้น
3. ความผิดฐานปล้นทรัพย์ เป็นรูปแบบหนึ่งของความผิดฐานชิงทรัพย์ ซึ่งมีผู้ร่วมกระทำา ผิด
ตั้งแต่สามคนขึ้นไป เป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่มีลักษณะร้ายแรงที่สุด

12.1 ความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์
1. ลักษณะสำาคัญของความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ คือ การข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ทรัพย์สินโดย
การทำาร้ายหรือขู่ว่าจะทำาอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่
หรือบุคคลที่สาม ความผิดฐานกรรโชก ซึ่งมีการขู่ว่าจะฆ่า จะทำา อันตรายถึงสาหัส หรือจะ
วางเพลิงหรือมีอาวุธติดตัวมาขู่ ถือเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง ซึ่งผู้กระทำาจะต้องรับโทษหนัก
ขึ้น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
115

2. ลักษณะสำาคัญของความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ คือ การข่มขืนใจให้ผู้อื่นยอมให้ทรัพย์สินโดย


การขู่ว่าจะเปิดเผยความลับ
3. ความผิดฐานกรรโชกกับรีดเอาทรัพย์แตกต่างกันตรงวิธีการที่ใช้ขู่ คือ ความผิดฐานกรรโชก
เป็นการขู่ว่าจะทำาอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์ แต่ความผิดฐานรีดเอา
ทรัพย์เป็นการขู่ว่าจะเปิดเผยความลับ

12.1.1 ความผิดฐานกรรโชก
ให้วนิ ิจฉัยว่า กรณีต่อไปนี้ผู้กระทำามีความผิดฐานกรรโชกทรัพย์หรือไม่ เพราะเหตุใด
มีคนร้ายลักเอาวิทยุของแดงไป แดงไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร แต่แดงไม่ชอบหน้าขาวจึงบอกกับขาว
ว่า แดงเห็นขาวเข้าไปลักวิทยุของแดงวันก่อน ให้ขาวเอาวิทยุมาคืนหรือใช้ราคา 2,000 บาท มิฉะนั้นจะไป
แจ้งตำารวจให้มาลากคอขาวเข้าคุก ขาวกลัวจะถูกจับเสียเวลาทำามาหากิน จึงยอมจ่ายเงินให้แดงไป 2,000
บาท ดังนี้ แดงมีความผิดฐานใด
แดงมีความผิดฐานกรรโชก เพราะแดงไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้าย แต่แกล้งกล่าวหาขาวเพื่อจะเอาเงิน
เป็นการข่มขืนใจขาวให้มอบเงินโดยขู่เข็ญว่าจะทำาอันตรายต่อเสรีภาพของขาวจนขาวต้องยอมจ่ายเงิน

12.1.2 ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์
คำาว่า “ความลับ” ในมาตรา 338 หมายถึงอะไร จงอธิบายและยกตัวอย่าง
ความลับหมายถึง ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ประจั กษ์แก่คนมั่วไป และเป็นข้ อเท็จจริงที่เ จ้าของความลับ
ประสงค์จะปกปิด เช่น การมีภริยาน้อย สูตรปรุงอาหาร เป็นต้น

12.1.3 เปรียบเทียบความผิดฐานกรรโชก รีดเอาทรัพย์ และความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309


ความผิดฐานกรรโชก และรีดเอาทรัพย์มีข้อแตกต่างที่สำาคัญอย่างไร
วิธีการที่ใช้ในการขู่เข็ญ คือในความผิดฐานกรรโชก เป็นการใช้กำาลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะทำา
อันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง และทรัพย์สิน แต่ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์เป็นการขู่เข็นว่าจะเปิดเผย
ความลับ ซึ่งทำาให้ผู้ถูกขู่หรือบุคคลที่สามเสียหาย
มาตรา 309 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำาการใด ไม่กระทำาการใดหรือ จำายอมต่อสิ่งใด โดยทำาให้
กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น
หรือโดยใช้ กำาลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำาการนั้น ไม่กระทำาการนั้น หรือจำายอมต่อสิ่งนั้น ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำาโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำา ความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้น
ไป หรือได้กระทำา เพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำา ถอน ทำา ให้เสียหาย หรือทำา ลายเอกสารสิทธิอย่างใดผู้กระทำา ต้อง
ระวาง โทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
116

ถ้ากระทำา โดยอ้างอำา นาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะ มีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำา ต้อง


ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีและปรับ ตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

12.2 ความผิดฐานชิงทรัพย์
1. ความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นการลักทรัพย์ โดยการใช้กำาลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้
กำาลังประทุษร้าย
2. ถ้าการชิงทรัพย์นั้นกระทำาต่อวัตถุบางชนิด หรือในสถานที่บางแห่ง หรือทำาในบางเวลาหรือทำาให้เกิด
ผลเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น หรือมีอุปกรณ์ในการทำาความผิดบางอย่าง ผู้กระทำาจะต้องรับโทษหนักขึ้นกว่า
การชิงทรัพย์ธรรมดา
3. ความผิดฐานชิงทรัพย์ที่มีการขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย มีลักษณะคล้ายกับความผิดฐานกรร โชก
แต่แตกต่างกันตรงที่ความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นการขู่ว่าจะใช้กำาลังประทุษร้ายในทันใดนั้น ส่วนความ
ผิดฐานกรรโชกเป็นการขู่ว่าจะใช้กำาลังประทุษร้ายในอนาคต

12.2.1 การกระทำาที่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
แดงกับดำาไปดื่มสุราด้วยกัน เกิดวิวาทกันโต้เถียงและชกต่อยกัน ดำาสู้แดงไม่ได้จึงชักมีดออกมาแทง
แดงถึงแก่ความตาย เมื่อแดงตายแล้ว ดำาแลเห็นสร้อยคอทองคำาหนัก 3 บาท ที่แดงสวมอยู่นึกอยากได้ จึงปลด
สายสร้อยเอาไป ดังนี้ดำามีความผิดฐานใด
ดำา มี ค วามผิ ด ฐานฆ่ า ผู้ อื่ น ตามมาตรา 288 และความผิ ด ฐานลั ก ทรั พ ย์ โ ดยมี อ าวุ ธ ตามมาตรา
335(7) แต่ไม่ผิดฐานชิงทรัพย์เพราะดำามิได้ทำาร้ายแดงโดยมีเหตุจูงใจเกี่ยวกับทรัพย์ เมื่อแดงตายแล้วดำาจึง
เกิดเจตนาทุจริตลักทรัพย์ไป

12.2.2 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
ม่วงเข้าไปในเรือนของเหลืองตอนกลางคืน และลักเอาพระพุทธรูป 1 องค์ ซึ่งอยู่ในห้องพระไป เมื่อ
ม่วงออกจากเรือนมาถึงประตูรั้วก็พบตำารวจผ่านมา ม่วงจึงใช้ไม้ตีศีรษะตำารวจสลบ แล้วหนีไป ม่วงมีความผิด
ฐานใด
ม่วงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 วรรค 2 เพราะทำาการลักทรัพย์ในเคหสถานและใน
เวลากลางคืน
ม่วงไม่มีความผิดตามมาตรา 339 ทวิ เพราะพระพุทธรูปเป็นทรัพย์ส่วนตัวของเหลือง มิใช่เป็นที่
สักการะบูชา ของคนทั่วไป หรือเป็นสมบัติของชาติ

12.2.3 เปรียบเทียบความผิดฐานชิงทรัพย์กับกรรโชก
วัตถุที่เป็นองค์ประกอบความผิดในความผิดฐานชิงทรัพย์กับกรรโชกทรัพย์ต่างกันอย่างไร

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
117

วัตถุที่องค์ประกอบความผิดในความผิดฐานชิงทรัพย์คือทรัพย์เท่านั้น แต่ความผิดฐานกรรโชกรวมถึง
ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินด้วย

12.3 ความผิดฐานปล้นทรัพย์
1. ความผิดฐานปล้นทรัพย์ เป็นการชิงทรัพย์ที่มีลักษณะร้ายแรง เพราะมีผู้ร่วมกระทำา ผิดหลายคน
(ตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไป) ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดเสียวและตื่นตกใจแก่ผู้กระทำา และผู้พบเห็น
กฎหมายจึงกำาหนดให้โทษไว้สูงสุดในบรรดาความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ทั้งหลาย
2. ถ้าการปล้นทรัพย์นั้นกระทำาต่อวัตถุบางชนิดหรือกระทำาในสถานที่บางแห่งหรือทำาให้เกิดผลเป็น
อันตรายแก่ผู้อื่น หรือมีอุปกรณ์ในการทำาความผิดบางอย่าง ผู้กระทำาต้องจะต้องปรับโทษหนักขึ้น
กว่าการปล้นทรัพย์ธรรมดา

12.3.1 การกระทำาที่เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
แดงวางแผนให้ดำากับเหลืองไปทำาการลักทรัพย์ที่บ้านขาว โดยสั่งว่าถ้าขาวตื่นขึ้นมาพบให้แทงขาวให้
ตาย ดำากับเหลืองขึ้นไปบนบ้านขาวและลักเอาเงินในตู้เซฟของขาวได้ตามแผนโดยขาวไม่ตื่น ขณะที่ปีนรั้วออก
มาพอดีพบตำารวจ ดำาจึงใช้มีดแทงตำารวจบาดเจ็บ ดังนี้ ดำา แดง เหลืองมีความผิดฐานใด
ดำาและเหลืองมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 วรรค 3 ส่วนแดงเป็นผู้ใช้ในการชิงทรัพย์
ต้องรับโทษเสมือนตัวการ แต่ทั้งสามคนไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์ เพราะแดงมิได้ร่วมในการกระทำาความผิดอย่าง
เป็นตัวการด้วย
มาตรา 339 ผู้ ใ ดลั ก ทรั พ ย์ โ ดยใช้ กำา ลั ง ประทุ ษ ร้ า ย หรื อ ขู่ เ ข็ ญ ว่ า ในทั น ใดนั้ น จะใช้ กำา ลั ง
ประทุษร้าย เพื่อ
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4) ปกปิดการกระทำาความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำาความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่ห้าปี ถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่น
บาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำาที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ ในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตรา แห่ง
มาตรา 335 หรือเป็นการกระทำาต่อทรัพย์ที่เป็นโคกระบือ เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ผู้มีอาชีพกสิกรรม มีไว้
สำาหรับประกอบกสิกรรม ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ สิบปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึง
สามหมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบปี
ถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
118

ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบ
ปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาท ถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผูก้ ระทำาต้อง ระวางโทษประหารชีวิต หรือจำาคุกตลอด
ชีวิต
มาตรา 339 ทวิ ถ้าการชิงทรัพย์ได้กระทำา ต่อทรัพย์ตาม มาตรา 335 ทวิ วรรคแรก ผู้กระทำา
ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์นั้นเป็นการกระทำาในสถานที่ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 335 ทวิ วรรคสองด้วย ผู้
กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบปีถึง ยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์ตามวรรคแรกหรือวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำา
ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปี ถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์ตามวรรคแรกหรือวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับ อันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวาง
โทษจำาคุกตลอดชีวิต หรือจำาคุก ตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
ถ้าการชิงทรัพย์ตามวรรคแรก หรือวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย ผูก้ ระทำาต้องระวางโทษ
ประหารชีวิต

12.3.2 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
แดง ดำา และขาว เข้าทำา การลักทรัพย์ที่บ้านของเหลือง และเกิดยิงต่อสู้กันระหว่างแดงกับเหลือง
ปรากฏว่ากระสุนไปถูกดำาถึงแก่ความตาย ปรากฏว่าขาวไม่ทราบข่าวว่าแดงมีปืนติดตัวมาด้วย ดังนี้ แดงและขาว
จะมีความผิดฐานใด
แดงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและใช้ปืนยิง ตามมาตรา 340 วรรค 4 และ มาตรา
340 ตรี แต่ไม่ผิดตามมาตรา 340 วรรคท้าย เพราะดำาเป็นพวกเดียวกับแดงและขาวไม่ใช่คนอื่น
ขาวมีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนตามมาตรา 340 วรรค 4 แต่ไม่มีความผิดตามมาตรา
340 ตรี เพราะกฎหมายเอาผิดเฉพาะคนที่มีปืนคนเดียว
มาตรา 340 ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำาความผิดด้วยกันตั้งแต่ สามคนขึ้นไป ผู้นั้นกระทำา
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ ต้องระวางโทษจำาคุก ตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสามหมื่น
บาท
ถ้าในการปล้นทรัพย์ผู้กระทำาแม้แต่คนหนึ่งคนใด มีอาวุธติดตัวไป ด้วยผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุก
ตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปีและปรับ ตั้งแต่สองหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตลอดชีวิต หรือจำา
คุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
ถ้าการปล้นทรัพย์ได้กระทำาโดยแสดงความทารุณ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ใช้
ปืนยิง ใช้วัตถุระเบิดหรือกระทำา ทรมานผู้กระทำาต้องระวางโทษจำา คุกตลอดชีวิต หรือจำา คุกตั้งแต่สิบห้า ปีถึง
ยี่สิบปี
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
119

ถ้าการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำาต้อง ระวางโทษประหารชีวิต


มาตรา 340 ทวิ ถ้าการปล้นทรัพย์ได้กระทำาต่อทรัพย์ตาม มาตรา 335 ทวิ วรรคแรก ผู้กระทำา
ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการปล้นทรัพย์นั้นเป็นการกระทำาในสถานที่ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 335 ทวิ วรรคสองด้วย ผู้
กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการปล้นทรัพย์ตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ผู้กระทำาแม้แต่ คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย ผู้
กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตลอด ชีวิต หรือจำาคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
ถ้าการปล้นทรัพย์ตามวรรคแรกหรือวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับ อันตรายสาหัส ผู้กระทำาต้องระวาง
โทษจำาคุกตลอดชีวิต
ถ้าการปล้นทรัพย์ตามวรรคแรกหรือวรรคสองได้กระทำาโดยแสดงความทารุณจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับ
อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ใช้ปืนยิง ใช้วัตถุระเบิดหรือกระทำาทรมาน ผู้กระทำาต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ
จำาคุกตลอดชีวิต
ถ้าการปล้นทรัพย์ตามวรรคแรกหรือวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำา ต้องระวาง
โทษประหารชีวิต
มาตรา 340 ตรี ผู้ ใ ดกระทำา ความผิ ด ตาม มาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340
หรือ มาตรา 340 ทวิ โดยแต่งเครื่องแบบทหาร หรือตำา รวจหรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำา รวจ
หรือโดยมี หรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำาผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อ
ให้พ้นจากการจับกุม ต้องระวางโทษ หนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา นัน้ ๆ กึ่งหนึ่ง

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 12

1. แดงกระตุกสร้อยคอของดำา สร้อยคอขาดติดมือแดงไป การกระทำาดังกล่าวเป็นการใช้กำาลัง


ประทุษร้าย
2. ขาวโทรศัพท์ไปขู่แดงว่า ให้เตรียมเงินไว้ 1,000 บาท พรุ่งนี้จะไปเอา ถ้าไม่ได้เงินจะ
เผาบ้านแดงให้หมด แดงกลัวจึงสัญญาว่าจะเตรียมเงินไว้ให้ ขาวมีความผิดฐานกรรโชก
3. เฮงโทรศัพท์ไปขู่มิ่งว่า ถ้าไม่ยอมจ่ายเงิน 2,000 บาท จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่เห็น
พระอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้น มิ่งมีความกลัวจึงยอมให้เงินไป ความผิดฐานกรรโชกนี้ ผู้กระทำา
ผิดต้องรับโทษมากที่สุด
4. การขู่เข็ญ ขู่ว่าจะเปิดเผยความลับ เป็นความผิดฐานรีดเอาทรัพย์
5. ความผิดฐานปล้นทรัพย์แตกต่างจากความผิดฐานชิงทรัพย์คือ ปล้นทรัพย์มีผู้กระทำาความ
ผิดมากกว่าชิงทรัพย์
6. แดงเขียนจดหมายไปถึงขาวมีข้อความว่า แดงทราบข่าวว่าขาวเป็นภรรยาน้อยของเสี่ยชาญ
ถ้าขาวไม่อยากให้เรื่องนี้เปิดเผยในคอลัมน์ซุบซิบของหนังสือพิมพ์ ขาวจะต้องเขียนเช็คให้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
120

แดง 100,000 บาท ขาวทราบแล้วเกิดความกลัวว่าตนจะเสียหายยอมเขียนเช็คให้


แดง แต่ยังไม่ทันส่งเช็คไป แดงก็ถูกจับเสียก่อน ดังนี้ แดงมีความผิดฐานรีดเอาทรัพย์
7. ขาวเข้าไปในร้านของเขียว และหยิบสุราติดมือมา 1 ขวด เขียวร้องเรียกให้จ่ายเงิน ขาวจึง
ชักมีดออกมา เขียวเห็นมีดเกิดความกลัวจึงยอมให้ขาวไปโดยดี ดังนี้ ขาวจะมีความผิดฐาน
ชิงทรัพย์
8. เฮงเข้ า ไปในร้ า นของงุ้ ม และชั ก มี ด ออกมาถื อ ไว้ แ ละพู ด กั บ งุ้ ม ว่ า ให้ เ ตรี ย มเงิ น ให้
1,000 บาท พรุ่งนี้จะมาเอางุ้มบอกว่าไม่มีเงินเลย พอดีตำารวจเข้ามาในร้านจับเฮงได้
ดังนั้น เฮงมีความผิดฐานพยายามกรรโชกทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
9. ความผิดฐานชิงทรัพย์โดยเอากระบือของชาวนาไปผู้กระทำาต้องรับโทษสูงกว่า ความผิด
ฐานชิงทรัพย์รถยนต์
10. ฟ้ากับมิ่งว่าจ้างเก่งคนขับแท็กซี่ให้ไปส่งที่ซอยอารี พอถึงที่เปลี่ยวฟ้าก็เอามีดจี้เก่งให้ถอด
แหวนให้ พอได้แหวนแล้วทั้งฟ้าและมิ่งก็วิ่งหนีไป ดังนี้ มิ่งจะมีความผิดฐานชิงทรัพย์โดย
มีอาวุธ
11. องค์ประกอบสำาคัญของความผิดฐานปล้นทรัพย์คือ มีผู้กระทำาผิดสามคน

หน่วยที่ 13 ความผิดฐานฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้และยักยอก

1. ความผิดฐานฉ้อโกง เป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์โดยที่เจ้าของทรัพย์ยินยอมส่งมอบทรัพย์
ให้ โดยผู้กระทำาผิดมิได้แย่งการครอบครอง หากแต่เจ้าของส่งมอบให้เพราะถูกผู้กระทำาผิด
หลอกลวง
2. ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้มีความมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองการบังคับชำาระหนี้ของเจ้าหนี้ เพื่อมิให้
ลูกหนี้ทำา การยักยอกถ่ายเททรัพย์สินของตน หรือทำา ความเสียหายแก่หลักประกันในการ
ชำาระหนี้
3. ความผิดฐานยักยอกส่วนมากจะเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจของเจ้าทรัพย์ ที่ส่งมอบทรัพย์ให้
คนอื่นครอบครองแทน แล้วผู้ครอบครองกลับเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป ซึ่งมีลักษณะเป็น
เรื่องส่วนตัวระหว่างผู้กระทำากับเจ้าทรัพย์จึงเป็นความผิดอันอาจยอมความกันได้

13.1 ความผิดฐานฉ้อโกง
1. ลักษณะสำาคัญของความผิดฐานฉ้อโกง คือ การหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้อื่น การหลอกลวงอาจทำา
โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง อันควรบอกให้แจ้งก็ได้

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
121

2. การฉ้อโกงซึ่งทำา โดยการปลอมตัวเป็นคนอื่น หรือหลอกลวงคนโง่เขลา หรือหลอกลวงประชาชน


ทั่วไปย่อมมีลักษณะร้ายแรง ซึ่งผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้น
3. การล่อลวงให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่นในบางกรณี แม้ผู้กระทำา จะมิได้ไปซึ่งทรัพย์สิน
กฎหมายก็ถือเป็นความผิด

13.1.1 การกระทำาที่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
นายมกรได้เสนอขายรถยนต์ให้นายพฤษภ นายพฤษภเกี่ยงให้นายมกรนำารถไปส่งมอบที่บ้านของตน
ที่เชียงใหม่ มิฉะนั้นก็จะไม่ซื้อ นายมกรตกลงรับปากโดยความจริงคิดไว้แล้วจะไม่นำารถขึ้นไปส่งที่เชียงใหม่ที่
รับปากก็เพื่อจะให้นายพฤษภซื้อรถเท่านั้น นายพฤษภจึงจ่ายเงินให้มกรและกลับไปเชียงใหม่ นายพฤษภรออยู่
หลายวันก็ไม่มีใครเอารถมาส่ง นายพฤษภจึงไปแจ้งความว่านายมกรฉ้อโกง ให้วินิจฉัยว่านายมกรมีความผิด
ฐานฉ้อโกงหรือไม่
นายมกรไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง เพราะนายมกรเพียงรับปากว่าจะทำาอะไรให้นายพฤษภแล้วไม่ทำา
เท่านั้น ไม่ถึงขัน้ แสดงข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ จึงไม่มีฉ้อโกง

13.1.2 ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
นายแสงเอาสมุดเช็คของนายสอนมาเซ็นชื่อลงในเช็คสั่งจ่ายเงินสด 10,000 บาท แล้วนำาไปขึ้น
เงินจากธนาคาร ธนาคารจ่ายเงินให้นายแสง ดังนี้ นายแสงจะมีความผิดฐานใด
แสงหลอกลวงธนาคารโดยแสดงความเท็จว่า สอนออกเช็คให้ตนทำา ให้ธนาคารจ่ายเงินให้ แต่ไม่
เป็นการหลอกลวงโดยตนเป็นคนอื่น เพราะแสงไม่ได้แสดงว่าตนเป็นคนอื่น แสงมีความผิดตามมาตรา 341
แต่ไม่ผิดตามมาตรา 342
มาตรา 341 ผู้ ใ ดโดยทุ จ ริ ต หลอกลวงผู้ อื่ น ด้ ว ยการแสดงข้ อ ความ อั น เป็ น เท็ จ หรื อ ปกปิ ด
ข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือ
บุคคลที่สามหรือ ทำาให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำาถอนหรือทำาลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำาความผิด
ฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 342 ถ้าในการกระทำาความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำา
(1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ
(2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอทางจิตของผู้ถูก
หลอกลวง
ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

13.1.3 ฉ้อโกงประชาชน
สมศักดิ์เขียนจดหมายถึงแดง ดำา และ เขียว มีข้อความว่า สมศักดิ์สามารถจัดหางานให้ทำาได้ที่ประเทศ
ซาอุดิอาระเบีย รายได้เดือนละ 20,000 บาท โดยสมศักดิ์ไม่ได้ตั้งใจจัดหางานให้คนทำาจริงๆ ผู้สมัครต้อง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
122

ยื่นใบสมัครและเสียเงิน 2,000 บาท แดงกับดำา หลงเชื่อจึงเสียเงินให้สมศักดิ์ไปคนละ 2,000 บาท


ดังนี้สมศักดิ์มีความผิดฐานใด
สมศักดิ์มีความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 แต่ไม่ผิดตามมาตรา 343 เพราะลักษณะการกระ
ทำาเป็นการหลอกลวงคนในวงจำากัด ไม้ได้เปิดแก่ประชาชนทั่วไป
มาตรา 343 ถ้าการกระทำาความผิดตาม มาตรา 341 ได้กระทำา ด้วยการแสดงข้อความอันเป็น
เท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิด ความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำาต้องระวางโทษ จำาคุก
ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำาความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะ ดังกล่าวใน มาตรา 342 อนุ มาตรา
หนึ่งอนุมาตราด้วยผู้กระทำา ต้องระวางโทษจำา คุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพัน บาทถึงหนึ่ง
หมื่นสี่พันบาท

13.1.4 หลอกลวงใช้แรงงานผู้อื่น
ดำาประกาศรับสมัครพนักงานหญิงบริการมาทำางานในสถานอาบอบนวด และอบไอนำ้า ซึ่งดำาจัดตั้งขึ้น
โดยตกลงให้ค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท และแบ่งเปอร์เซ็นต์จากค่าบริการที่ลูกค้าจ่ายอีกร้อยละ 10 ส่วน
แบ่งเปอร์เซ็นต์จ่ายทุกวัน แต่เงินเดือนจ่ายตอนสิ้นเดือน มีหญิงมาสมัครทำางาน 40 คน สองเดือนแรกดำาจ่าย
เงินเดือนครบถ้วนแต่พอเดือนที่สามกิจการขาดทุน พอสิ้นเดือนดำา ปิดกิจการและหลบหนีไปไม่ยอมจ่ายเงิน
เดือน ดังนี้ดำามีความผิดฐานใด
ดำาไม่มีความผิดอาญา เพราะดำาไม่ได้มีเจตนาทุจริตจะไม่จ่ายค่าจ้างมาแต่แรก
มาตรา 344 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ให้ประกอบการงานอย่างใด ๆ
ให้แก่ตนหรือให้บุคคลที่สามโดยจะไม่ใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้น หรือโดยจะใช้ค่าแรงงาน
หรือค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้นตำ่ากว่าที่ตกลงกัน ต้องระวางโทษจำาคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท
หรือทั้งจำาทั้งปรับ

13.1.5 ซื้อและบริโภคอาหารโดยไม่ชำาระเงิน
ม่วงเข้าไปซื้อข้าวมันไก่ เกาเหลาลูกชิ้น และโอเลี้ยงอีก 1 แก้ว รวมราคา 70 บาท เมื่อกินเสร็จแล้ว
จะจ่ายเงินปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์หายไป จึงไม่มีเงินจ่าย ดังนี้มว่ งจะมีความผิดหรือไม่
ม่วงไม่มีความผิด เพราะตอนแรกที่สั่งอาหาร ม่วงยังเข้าใจว่าตนมีเงินพอที่จะชำาระค่าอาหาร มาทราบ
ว่ากระเป๋าสตางค์หายเมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว
มาตรา 345 ผู้ใดสั่งซื้อและบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มหรือเข้าอยู่ ในโรงแรม โดยรู้ว่าตนไม่
สามารถชำาระเงินค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม หรือ ค่าอยู่ในโรงแรมนั้น ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามเดือน หรือ
ปรับ ไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

13.1.6 ชักจูงผู้อื่นให้จำาหน่ายทรัพย์สินโดยเสียเปรียบ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
123

เด็กชายแดงได้รับมรดกเป็นภาพเขียนสีนำ้ามันหลายภาพจากคุณปู่ ซึ่งถึงแก่กรรมไป เหลืองซึ่งเป็นลุง


ได้ขอซื้อภาพเขียนภาพหนึ่งชื่อ “อย่าลืมฉัน” ด้วยราคา 10,000 บาท โดยเหลืองเข้าใจว่าภาพนี้เป็นภาพ
เขียนของปีกาสโซ่มี ราคาถึง 200,000 บาท แต่ความจริงภาพนี้ ไม่ ใช่ข องปีก าสโซ่ และมี ราคาเพีย ง
8,000 บาท แดงซึ่งไม่รู้คุณค่าของภาพเขียนก็ยอมขายให้เพราะอยากได้เงิน ดังนี้เหลืองจะมีความผิดหรือ
ไม่
เหลืองไม่มีความผิด เพราะแดงจำาหน่ายทรัพย์สินโดยไม่เสียเปรียบ
มาตรา 346 ผู้ใดเพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ชักจูงผู้หนึ่งผู้ใดให้
จำา หน่ายโดยเสียเปรียบซึ่งทรัพย์ สิน โดยอาศัยเหตุที่ผู้ถูกชักจูงมีจิตอ่อนแอหรือเป็นเด็กเบาปัญญา และ ไม่
สามารถเข้าใจตามควรซึ่งสาระสำาคัญแห่งการกระทำาของตน จนผู้ถูกชักจูงจำาหน่ายซึ่งทรัพย์สินนั้น ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

13.1.7 แกล้งทำาให้วัตถุที่เอาประกันภัยเสียหาย
แดงเอาประกันรถยนต์ของตนเพื่อความเสียหายใดๆไว้ ต่อมารถยนต์ของแดงเก่ามากขับไม่ค่อยดี แดง
อยากได้รถใหม่ จึงให้ดำา แกล้ งขับรถของตนไปชนต้นไม้เสียหายหนักจนซ่อมไม่ได้ แล้วจึงไปเรียกเงินค่า
ทดแทนจากบริษัทรับประกันภัย ดังนีด้ ำาและแดงจะมีความผิดฐานใด
ทั้งดำาและแดงมีความผิดตามมาตรา 347 โดยดำาเป็นผู้กระทำา และแดงเป็นผู้ใช้
มาตรา 347 ผู้ใดเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการ ประกันวินาศภัย แกล้งทำาให้เกิด
เสียหายแต่ทรัพย์สินอันเป็นวัตถุที่ เอาประกันภัย ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่น
บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

13.1.8 ความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งอาจยอมความได้
ร.ต.ท. แดงเห็นดำา เล่ น ไพ่สามใบหลอกเอาเงินขาว จึ งเข้า จั บ กุ ม ดำา และแจ้ งข้ อ หาฉ้อ โกง ดั งนี้
ร.ต.ท. แดง มีอำานาจสอบสวนดำาในความผิดฐานฉ้อโกง ทั้งๆ ทีข่ าวไม่ได้ร้องทุกข์ได้หรือไม่
ร.ต.ท. แดงไม่มีอำานาจสอบสวน เพราะความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดอันยอมความกันได้ เมื่อ
ไม่มีการร้องทุกข์เจ้าพนักงานก็ไม่มีอำานาจสอบสวน

13.1.9 เปรียบเทียบความผิดฐานฉ้อโกงกับลักทรัพย์
เหลืองเป็นลูกจ้างของดำา ดำาให้เหลืองนำาวัวของดำาไปเลี้ยงที่กลางทุ่ง แดงมาหลอกเหลืองว่าดำาใช้ให้มา
รับวัวกลับบ้าน เหลืองเชื่อจึงมอบวัวให้แดง แดงเอาวัวไปขาย แดงมีความผิดฐานใด
เหลืองเป็นลูกจ้างของดำา มีเพียงการยึดถือทรัพย์ของนายจ้าง ไม่มีสิทธิครอบครอง แดงมาหลอกเอา
ทรัพย์ไปจากเหลืองผู้ยึดถือ เท่ากับแบ่งแย่งการครอบครองจากดำา แดงจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์

13.2 ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
124

1. ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ลักษณะหนึ่งคือ การทำาให้หลักประกันของเจ้าหนี้ในสัญญาจำานำา
เสียหายอันจะเป็นผลให้เจ้าหนี้บังคับจำานำาไม่เต็มที่ หรือไม่อาจบังคับจำานำาได้เลย
2. ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ลักษณะหนึ่งคือ การยักย้าย หรือโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ไปให้ผู้
อื่น ซึ่งเป็นผลให้กองทรัพย์สินของลูกหนี้ลดน้อยลง จนเจ้าหนี้อาจบังคับชำาระหนี้ได้ไม่
ครบถ้วน หรือไม่อาจบังคับชำาระหนี้ได้เลย

13.2.1 เอาไปหรือทำาให้เสียหายซึ่งทรัพย์อันตนจำานำาไว้แก่ผู้อื่น
แดงจำานำาแหวนเพชรไว้กับขาววงหนึ่ง ต่อมาแดงอยากได้แหวนคืนจึงสมคบกับเหลืองและดำาเข้าไป
ในบ้านของขาว แดงใช้มีดจี้ขู่ให้ขาวส่งมอบแหวนวงนี้ให้ ขาวกลัวจึงยอมตาม ดังนี้ แดง เหลือง และดำามีความ
ผิดฐานใด
แดง เหลือง และดำา มีความผิดร่วมกันโกงเจ้าหนี้ แต่ไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์ และแหวนเพชรเป็นของ
แดงเองจึงไม่เป็นลักทรัพย์

13.2.2 ยักย้ายทรัพย์สินเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำาระหนี้
ศุกร์ขายม้าตัวหนึ่งให้เสาร์ในราคา 5,000 บาท แต่ยังไม่ได้ส่งมอบ ต่อมาศุกร์กลับเอาม้าไปขาย
ให้พุธในราคา 6,000 บาท และส่งมอบม้าให้พุธไป โดยพุธทราบว่าศุกร์ขายม้าให้เสาร์ไปแล้ว ดังนี้ ศุกร์
และพุธ จะมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้หรือไม่
ศุกร์และพุธ ไม่มีความผิด เพราะยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเสาร์ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล
ให้ศุกร์ส่งมอบม้า

13.3 ความผิดฐานยักยอก
1. ลักษณะสำาคัญของความผิดฐานยักยอกคือ ผู้กระทำาผิดจะต้องเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น อยู่ขณะ
กระทำาผิด แล้วเกิดเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์นั้น
2. การเก็บของซึ่งมีคนทำาตกไว้แล้วเอาไว้เสีย เป็นการยักยอกทรัพย์สินหายซึ่งมีโทษน้อยกว่ายักยอก
ลักษณะทั่วไป
3. ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือเป็นผู้ที่มีอาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจกระทำา
โดยทุจริตให้เกิดความเสียหายย่อมมีความผิด
4. ทรัพย์สินซึ่งเป็นสมบัติอันมีค่าหรือเป็นของโบราณ สมควรจะสงวนไว้เป็นสมบัติของชาติ ถ้าผู้ใด
เก็บได้แล้วเอาไว้เสียเอง ย่อมมีความผิด

13.3.1 การกระทำาที่เป็นความผิดฐานยักยอก

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
125

แดงถือตะกร้าไปซื้อของในตลาด ซื้อของได้เต็มตะกร้ารู้สึกหนัก จึงเอาตะกร้าใส่ของฝากดำา ซึ่งเป็น


แม่ค้าขายของให้ช่วยดูแลไว้ด้วยเดี๋ยวเดียวจะมาเอา ดำาก็รับปาก แดงไปซื้อของอีกราว 1 ชั่วโมง กลับมาขอ
ตะกร้าคืน ดำาปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝาก ดังนีด้ ำามีความผิดฐานใด
แดงเพียงแต่มอบหมายให้ดำาดูแลทรัพย์ชั่วคราว ไม่เป็นการฝากทรัพย์ การครอบครองยังอยู่กับแดง
ดำาเอาทรัพย์ไปจึงเป็นลักทรัพย์

13.3.2 ยักยอกทรัพย์ทมี่ ีผู้ส่งมอบให้โดยสำาคัญผิด


ขาวเป็นบุรุษไปรษณีย์ส่งจดหมายแก่ดำา โดยสำา คัญผิดเพราะตามจ่าหน้าซองมีชื่อของขำา ดำา รับไว้
และเอาเช็คซึ่งส่งมากับจดหมายเสีย โดยทราบอยู่แล้วว่าเป็นการส่งจดหมายผิดตัว ดังนี้ดำามีความผิดฐานใด
ดำามีความผิดตามมาตรา 352 วรรคสอง เพราะขาวส่งจดหมายให้ดำาโดยสำาคัญผิดในตัวบุคคล
มาตรา 352 ผูใ้ ดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อนื่ เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบัง
เอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคล ที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำาความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษ จำาคุกไม่
เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำาความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำาคัญ
ผิดไปด้วยประการใดหรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำาความผิดเก็บได้ผู้กระทำาต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง

13.3.3 ยักยอกทรัพย์สินหาย
พลทหารแสงนั่งมาในรถ เผอิญรถควำ่า ปืนของพลทหารแสงตกข้างถนนบริเวณรถควำ่า พลทหารแสง
ได้พยายามงมหา 2 ครั้งก็ไม่พบ จึงเลิกหา ต่อมาสองสามชั่วโมงตอนหัวคำ่า จำาเลยงมปืนของพลทหารแสงได้
จึงเอาไปเสีย ดังนี้ จำาเลยมีความผิดฐานใด
จำา เลยผิดฐานลักทรัพย์ ปืนยังไม่เป็นทรัพย์เสียหาย เพราะทรัพย์ตกอยู่เป็นที่รู้แน่นอนว่าอยู่บริเวณ
ไหน การที่พลทหารแสงมาหาสองครั้งไม่พบแล้วเลิกหายังไม่แสดงว่าเลิกครอบครอง เพราะสภาพของทรัพย์
ไม่ใช่ของที่เจ้าของจะเลิกติดตาม

13.3.4 ผู้จัดการทรัพย์สินกระทำาผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต
เก่งเป็นเป็นผู้ปกครองของขาวผู้เยาว์ เก่งได้นำาเงินของขาวไปลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทดีวัน ทั้งๆ ที่มี
อัตราเสี่ยงสูงเพราะฐานะของบริษัทดีวันไม่ดี ทั้งนี้เพื่อหาประโยชน์ให้แก่กองทรัพย์สินของขาว ปรากฏว่า
บริษัทดีวันล้มละลาย ทำาให้ขาวต้องเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท ดังนี้เก่งมีความผิดหรือไม่
เก่งไม่ผิดเพราะเก่งทำาไปเพื่อประโยชน์ของขาว เก่งไม่มีเจตนาทุจริต

13.3.5 ยักยอกกระทำาโดยผู้มีอาชีพเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
126

นายเกลี้ยงเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านมักจะนำาเงินที่เก็บ


ออมไว้มาฝากให้ผู้ใหญ่เกลี้ยงนำาไปจัดการหาผลประโยชน์ โดยจ่ายดอกเบี้ยตอบแทนให้ชาวบ้าน นายเกลี้ยงได้
รับฝากเงินประมาณ 20,000 บาท ก็หลบหนีไปพร้อมกับเงิน ดังนัน้ นายเกลี้ยงจะมีความผิดหรือไม่
นายเกลี้ยงไม่มีความผิด เพราะการฝากเงินเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในเงินให้ผู้รับฝากเป็นเพียงการผิด
สัญญาทางแพ่งเท่านั้น

13.3.6 ยักยอกของมีค่าที่เก็บได้
นายโฉดไปขุดหาสมบัติที่เจดีย์โบราณทางภาคเหนือ พบกรุพระพุทธรูปเชียงแสนทองคำาหลายร้อย
องค์มูลค่าหลายล้านบาท นายโฉดนำาพระพุทธรูปไปเก็บไว้ที่บ้าน และเตรียมติดต่อฝรั่งเพื่อส่งพระพุทธรูปดัง
กล่าวไปขายต่างประเทศ นายโฉดจะมีความผิดหรือไม่
นายโฉดมีความผิดตามมาตรา 355 เพราะพระพุทธรูปเชียงแสนทองคำา เป็นสังหาริมทรัพย์มีค่า
และนายโฉดได้เตรียมติดต่อขายซึ่งแสดงเจตนาเบียดบังแล้ว
มาตรา 355 ผู้ใดเก็บได้ซึ่งสังหาริมทรัพย์อันมีค่า อันซ่อนหรือฝังไว้โดยพฤติการณ์ซึ่งไม่มีผู้ใด
อ้างว่าเป็นเจ้าของ ได้แล้วเบียดบังเอา ทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ
ปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำาทั้งปรับ

13.3.7 เปรียบเทียบความผิดฐานยักยอกกับลักทรัพย์และฉ้อโกง
ขาวเข้าไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกต ฝากกระเป๋าใส่ของให้พนักงานช่วยดูแลไว้ ดำาสังเกตจึงเรียกรถ
แท็กซี่และบอกแท็กซี่ให้ไปที่พนักงานและบอกว่าขาวให้มาเอาของ พนักงานดูแลของหลงเชื่อจึงมอบกระเป๋า
ของขาวให้คนขับแท็กซี่ แท็กซี่เอามามอบให้ดำา ดังนีค้ นขับแท็กซี่และดำามีความผิดฐานใด
คนขับแท็กซี่ไม่มีความผิด เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงว่ากระเป๋านั้นไม่ใช่ของดำา และไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนไป
บอกกับพนักงานเป็นความเท็จ
ดำามีความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะพนักงานดูแลของไว้แทนขาว การครอบครองยังอยู่ที่ขาว เมื่อดำา
เอาไปไม่ว่าจะเอาไปเอง หรือใช้คนอื่นไปเอาก็เป็นลักทรัพย์ ไม่ใช่ฉ้อโกงหรือยักยอก

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 13

1. จิตมีภูมิลำา เนาอยู่ที่กาฬสินธุ์ ใช้อุบายหลอกลวงเจนเจ้าของร้านขายรถว่าตนชื่อขวบเศรษฐีใหญ่แห่ง


อุบล เจนหลงเชื่อจึงยอมทำา สัญญาขายรถยนต์ ให้ 1 คัน โดยยอมให้ชำาระเงินตอนสิ้นเดือน และส่ง
มอบรถให้ไป ดังนัน้ จิต มีความผิดฐานฉ้อโกง
2. ม่วงมีเงินติดตัว 5 บาท เข้าไปในภัตตาคารกิเลนทอง แล้วสั่งเป็ดปักกิ่งกับหูฉลามมากิน พอพนักงาน
มาเก็บเงินม่วงก็บอกว่าตนมีเงินแค่ 5 บาท เช่นนี้ ม่วงควรมีความผิดอาญา

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
127

3. แดงตั้งสำานักงานจัดส่งคนไปทำางานที่ซาอุฯ โดยความจริงแดงไม่คิดจะส่งคนไปจริง แต่จะหลอกเอา


เงิน มีคนมาสมัคร 5-6 คน เสียเงินคนละ 1,000 บาท แดงได้เงินแล้วหนีไป ดังนี้ แดงมีความ
ผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
4. ชมพูจำา นำา แหวนเพชรไว้กับเหลือง ตกกลางคืนชมพูลอบเข้าไปในบ้านเหลือ งแล้ วลั ก แหวนออกมา
ดังนี้ ชมพูมีความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
5. แดงถูกฟ้องเรียกให้ชำา ระหนี้ 100,000 บาท คดีอยู่ระหว่างพิจารณา แดงกลัวว่าถ้าแพ้คดีจะถูก
ยึดทรัพย์ จึงสมคบคิดกับขาวโอนที่ดิน บ้าน และรถยนต์ไปให้ขาวจนหมด ดังนี้ ขาวจะมีความผิดฐาน
โกงเจ้าหนี้
6. จันทร์เอาสุนัขตัวเมียมาให้อังคารช่วยเลี้ยง เพราะตนจะไปต่างประเทศราว 3 เดือน พอกลับมาทวงคืน
อังคารกลับปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากสุนัข ความจริงอังคารเอาสุนัขไปขายนานแล้ว อังคารมีความผิดฐาน
ยักยอก
7. สมเกียรติทำา แหวนตกที่ข้างถนน โดยไม่รู้ว่าทำา ตกที่ไหน ต่อมาอีก 2 วัน ชูเชิดเก็บแหวนวงนี้ได้เลย
เอาไว้เสียเอง ชูเชิดจะมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย
8. หมึกหลอกแดงให้ฉีกสัญญาเงินกู้ ซึ่งขาวเป็นลูกหนี้ทิ้งเสีย แดงหลงเชื่อฉีกสัญญาทิ้ง หมึกมีความผิด
ฐานฉ้อโกง
9. แดงบอกดำาว่า “ขอยืมกระสอบไปใส่ข้าวสัก 10 ใบ พรุ่งนี้จะคือ” ความจริงแดงไม่เคยมีข้าวและไม่
คิดจะคืนกระสอบให้ดว้ ย คำากล่าวดังนี้ ถือว่า แสดงข้อความอันเป็นเท็จ
10. ม่วงเข้าไปในร้านอาหารสั่งอาหารมารับประทานจนอิ่ม ตอนจ่ายเงินไม่มีเงินเพราะลืมกระเป๋าสตางค์
ดังนี้ ม่วงไม่ความผิดฐานใด

หน่วยที่ 14 ความผิดฐานรับของโจร ทำาให้เสียทรัพย์และบุกรุก

1. ความผิดฐานรับของโจรมุ่งที่จะกำา ราบปราบปราม ผู้ที่ช่วยผู้กระทำา ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์บาง


ประเภท โดยช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำาหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับทรัพย์อันเป็นของโจรนั้นเพื่อลด
การกระทำาความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
2. ความผิ ด ฐานทำา ให้ เ สีย ทรั พย์ อาจกระทำา ต่ อ ทรั พย์ ที่ มี เ จ้ า ของหรื อ ต่ อ ทรั พย์ ที่ ใ ช้ ห รื อ มี ไ ว้ เ พื่ อ
สาธารณประโยชน์ก็ได้ สำา หรับกรณีแรกกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ส่วน
กรณีหลังเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน
3. ความผิดฐานบุกรุกเป็นการกระทำา ต่ออสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เช่น รบกวนกรรมสิทธิ์หรือการ
ครอบ ครองของผู้ อื่ น หรื อ ยั ก ย้ า ยทำา ลายเครื่ อ งหมายเขตหรื อ เข้ า ไปหรื อ ซ่ อ นตั ว อยู่ ใ น
อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
128

14.1 ความผิดฐานรับของโจร
1. ของโจรหมายถึง ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำาความผิดในลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก
รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของโจรจะต้องเป็น
ของโจรตลอดไปตราบใดที่ยังไม่หมดสภาพเป็นของโจรผู้ใดรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของโจรก็มีความผิด
ฐานรับของโจร
2. ความผิดฐานรับของโจรอาจกระทำาได้ 2 ลักษณะ ลักษณะหนึ่งคือ การช่วย เช่น ช่วยซ่อนเร้น อีก
ลักษณะหนึ่งคือ การรับ เช่น ซื้อ หรือรับจำาหน่ายทรัพย์อันเป็นของโจร
3. การรับของโจรในบางกรณี ผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้น เพราะกระทำาเพื่อค้ากำาไร หรือเพราะได้
กระทำาต่อทรัพย์ที่ได้มาจากการชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ หรือทรัพย์ที่ถูกลักมาเป็นทรัพย์ที่กฎหมาย
มุ่งให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษ
4. ความผิดฐานรับของโจรมุ่งปราบปรามผู้ที่ช่วยผู้กระทำาความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หลังจากความผิดนั้น
สำาเร็จ จึงมีองค์ประกอบในเรื่องการกระทำาและเจตนาต่างจากความผิดฐานลักทรัพย์ที่มุ่งปราบปราม
ผู้ประ ทุษร้ายต่อทรัพย์ของผู้อื่นโดยตรง

14.1.1 ความหมายของคำาว่า “ของโจร”


ให้วินิจฉัยว่า กรณีต่อไปนี้ข้อใดที่ทรัพย์ยังเป็นของโจรอยู่ และข้อใดที่ทรัพย์หมดสภาพเป็นของโจร
แล้วเพราะเหตุใด
(1)ลักแหวน แล้วเอาแหวนไปแลกกับกำาไล กำาไลเป็นของโจรหรือไม่
(2)ลักผ้าใบและสีมาเขียนภาพศิลปะ ภาพศิลปะนั้นเป็นของโจรหรือไม่
(3)ลักท่อนไม้มาผ่าเป็นฟืน ฟืนเป็นของโจรหรือไม่
(4)ลักท่อนไม้มาแกะสลักเป็นตัวกวาง รูปกวางเป็นของโจรหรือไม่
(5)ลักท่อนซุงมาเลื่อยแปรรูปเป็นไม้กระดาน ไม้กระดานเป็นของโจรหรือไม่
(6)ลักโคมาฆ่า แล้วเอาหนังไปแกะเป็นรูปหนังตะลุง และเอาไปแกะสลักเป็นรูปเรือใบ รูปหนัง
ตะลุงและรูปเรือใบนั้น เป็นของโจรหรือไม่
ข้อ (1) ไม่เป็นของโจร เพราะกำาไรเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการแลกเปลี่ยน มิใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการ
ลักโดยตรง
ข้อ (2) และ ข้อ (4) ไม่เป็นของโจร เพราะทรัพย์ของโจรเปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์อื่นและเจ้าของ
เดิมหมดกรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1317 วรรคสอง
ข้อ (3) และ ข้อ (5) ยังเป็นของโจรอยู่ เพราะทรัพย์ของโจรยังไม่เปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์อื่น
ลำาพังการแยกตัวทรัพย์ไม่ได้ทำาให้ทรัพย์นั้นสิ้นสภาพการเป็นของโจร
ข้อ (6) ไม่เป็นของโจร เพราะทรัพย์ของโจรเปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์อื่นแล้ว

14.1.2 การกระทำาที่เป็นความผิดฐานรับของโจร
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
129

ดำาเห็นแหวนของเจ้าทรัพย์ตกลงบนพื้นในร้านของแดงก็รีบเก็บเอาไว้ โดยแดงก็เห็นเหตุการณ์ต่อมา
ดำาเอาแหวนนั้นไปขายให้แดง แดงก็รับซื้อไว้ แดงผิดฐานรับของโจรหรือไม่
ดำาและแดงมิได้สมคบกันกระทำาความผิดฐานลักทรัพย์ แดงจึงไม่เป็นตัวการในการกระทำาความผิด
ฐานนี้ แต่เมื่อแดงรับซื้อของไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นแหวนที่ดำาลักมาแดงจึงผิดฐานรับของโจร
ดำาแดงสมคบกันไปวิ่งราวทรัพย์โดย ฟ้าให้ยืมรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ดำาเข้าไปกระชากกระเป๋า
ใส่เงินของเจ้าทรัพย์แล้ววิ่งเอามาให้แดงซึ่งติดเครื่องรถจักรยานยนต์รออยู่ แดงรีบออกรถรีบขับหนีไปทันทีเอา
กระเป๋าเงินไปให้ฟ้าซ่อนไว้ จากนั้นจึงเอาเงินมาแบ่งกัน ดำาเอาเงินส่วนแบ่งของตนไปซื้อสร้อยคอให้นางสาว
เขียวเส้นหนึ่ง ให้วนิ ิจฉัยว่าใครจะมีความผิดฐานรับของโจรบ้าง
ดำาและแดงเป็นตัวการวิ่งราวทรัพย์ ฟ้าเป็นผู้สนับสนุนโดยให้ยืมพาหนะ ดำา แดง และฟ้าจึงไม่ผิดฐาน
รับของโจรอีก การที่ดำาเอาเงินไปซื้อสร้อยคอ สร้อยคอมิใช่ของโจรเพราะเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการเอาของโจร
ไปแลกเปลี่ยน นางสาวเขียวซึ่งรับสร้อยคอไว้จึงไม่ผิดฐานรับของโจร
รถยนต์ของแดงถูกคนร้ายลักไป แดงไปขอร้องดำาให้ช่วยสืบหา ดำารู้ว่าฟ้าเป็นคนลักรถคันนั้นจึงมาบ
อกแดงให้ติดต่อกับฟ้า โดยดำามิได้รู้เห็นเป็นใจกับฟ้าแต่ประการใด เมื่อแดงไถ่รถคืนมาได้แล้ว ดำาจึงเรียกเงิน
จากแดง 2,000 บาทเป็นสินจ้างที่ได้ชี้ช่องให้แดงได้รถคืน ดำาจะมีความผิดฐานรับของโจรหรือไม่
ดำาไม่มีความผิดฐานรับของโจรเพราะมิได้เป็นการช่วยฟ้าผู้กระทำาผิดฐานลักทรัพย์จำาหน่ายทรัพย์อัน
เป็นของโจร
ฟ้าเอาโคของตน 3 ตัว ไปปล่อยให้กินหญ้าในทุ่งนา ใกล้ๆกับฝูงโคของม่วง ตอนเย็นโคตัวผู้ตัวหนึ่ง
ของฟ้า ติดฝูงโคของม่วงไปโดยม่วงก็ไม่ทราบ วันต่อมาฟ้าไปขอคืนจากม่วง ม่วงจึงเรียกค่าไถ่จากฟ้าก่อนที่จะ
ให้ฟ้าต้อนโคตัวนั้นกลับคืน ให้วินิจฉัยว่าม่วงมีความผิดฐานรับของโจรหรือไม่
การที่ โคของฟ้า ติ ด ฝู งโคของม่ ว งมิ ใ ช่ เ ป็ น การลั ก ทรั พย์ เมื่ อ ไม่ มี ก ารลั ก ทรั พย์ ก็ จ ะไม่ มี ก ารกระ
ทำาความผิดฐานรับของโจรไม่ได้ ฉะนั้นการที่ม่วงเรียกค่าไถ่โคจากฟ้าจึงไม่ผิดฐานรับของโจร
ดำาลักแหวนเพชรของภริยาของตนไปขายแก่แดง แดงรับซื้อไว้โดยเข้าใจว่าภริยาของดำายินยอมให้เอา
ไปขายต่อมาแดงขายแหวนนั้นให้เขียวโดยเขียวรู้ดีว่าเป็นแหวนที่ดำาลักของภริยาไปขาย ใครจะมีความผิดบ้าง
ดำาผิดฐานลักทรัพย์ แต่ได้รับการยกเว้นโทษตามมาตรา 71
แดงรั บซื้อ แหวนเพชรไว้โ ดยไม่ รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ ได้ มาจากการกระทำา ผิ ด จึ งไม่ มี ค วามผิ ด ฐานรั บ
ของโจร เพราะขาดเจตนาในการกระทำาความผิด
เขียวรับซื้อแหวนได้จากแดงโดยรู้วา่ แหวนนั้นดำาลักของภรรยามา เขียวมีความผิดฐานรับของโจร

14.1.3 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
แดงได้ลักกระจกรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นมาขายให้แก่ดำา ดำาเห็นว่าราคาถูกจึงได้รับซื้อไว้เพื่อจะนำา
ไปขายต่อให้ผู้อื่น ดำามีความผิดฐานรับของโจรเพื่อค้ากำาไรหรือไม่

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
130

ดำามีความผิดฐานรับของโจร เนื่องจากได้ซื้อทรัพย์อันได้มาจากการกระทำาความผิดฐานลักทรัพย์ และ


ดำาต้องรับโทษหนักขึ้นตาม ปอ.มาตรา 357 วรรคสอง เนื่องจากดำาได้กระทำาเพื่อนำาไปขายต่อเพื่อค้ากำาไร
โดยไม่ต้องคำานึงว่าดำาจะได้กระทำาเป็นปกติธุระหรือไม่
มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำาหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำานำาหรือรับไว้โดยประการ
ใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระ ทำาความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด เอา
ทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผูน้ ั้นกระทำาความผิดฐานรับของโจร
ต้อง ระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง จำาทั้งปรับ
ถ้าการกระทำาความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำาเพื่อค้ากำาไร หรือได้กระทำาต่อทรัพย์อันได้มาโดย
การลักทรัพย์ตาม มาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ หก
เดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำาความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำาต่อทรัพย์ อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตาม มาตรา
335 ทวิ การชิงทรัพย์ตาม มาตรา 339 ทวิ หรือการปล้นทรัพย์ตาม มาตรา 340 ทวิ ผู้กระทำา ต้อง
ระวางโทษจำาคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่น บาทถึงสามหมื่นบาท

14.1.4 เปรียบเทียบความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจร
นายจ้างได้ มอบให้ดำา ขับ รถบรรทุก ถุ งพลาสติ กไปส่งให้ ฟ้า ผู้ซื้อ โดยมี แ ดงเป็ น ลู ก จ้ า งประจำา รถ
ระหว่างทางดำาบังเอิญขับรถมาเจอเขียว ดำาจึงได้จอดรถ แดงได้ขนถุงพลาสติกออกจากที่เก็บในรถขายให้เขียว
ไป เขียวจะมีความผิดหรือไม่ อย่างไร
เขียวมีความผิดฐานรับของโจร เนื่องจากเมื่อนายจ้างได้นำา ถุงพลาสติกขึ้นรถบรรทุกแล้ว คนขับรถ
และลูกจ้างประจำา รถไม่มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายถุงพลาสติกนั้นอีก เว้นแต่เป็นการกระทำา ตามหน้าที่โดยสุจริต
การที่แดงยกถุงพลาสติกออกจากที่เก็บเพื่อขายให้เขียว แดง ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์สำา เร็จ เมื่อเขียวซื้อ
ทรัพย์ดังกล่าวโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำาความผิดฐานลักทรัพย์ เขียว จึงมีความผิดฐานรับของโจร
เขียวไม่เป็นตัวการร่วมลักทรัพย์ เนื่องจากเขียว เผอิญขับรถมาเจอ ดำา และแดง เขียวไม่ได้คบคิดกับ
แดงร่วมลักทรัพย์ แต่ได้กระทำาเมื่อแดง ลักทรัพย์สำาเร็จแล้ว

14.2 ความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์
1. การทำาให้เสียทรัพย์อาจจะทำาในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง คือ ทำาให้เสียหาย ทำาลาย ทำาให้เสื่อมค่าหรือ
ทำาให้ไร้ประโยชน์ และจะต้องกระทำาโดยเจตนา ถ้ากระทำาโดยประมาทก็ไม่อาจมีความผิดฐานนี้ได้
2. การทำาให้ทรัพย์บางประเภทเสียหาย เช่น ปศุสัตว์ หรือพืชผลของกสิกร หรือทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อ
สาธารณประโยชน์ กฎหมายจะลงโทษหนักขึ้น
3. ความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์นั้น ต่อจากความผิดฐานลักทรัพย์ เนื่องจากความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์
เป็นการทำาให้เสียหาย ทำาลาย ทำาให้เสื่อมค่า หรือทำาให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ ไม่ได้เป็นการเอาทรัพย์
ไปโดยทุจริต ทั้งกฎหมายยังกำาหนดให้ความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์บางกรณีนั้นยอมความกันได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
131

14.2.1 การกระทำาที่เป็นความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์
ไก่ของเขียวเข้าไปกินผักในสวนครัวของขาวเสียหาย ขาวจึงใช้ไม่ซางยิงไก่ของเขียวตายไป 1 ตัว
ขาวจะมีความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์หรือไม่
การกระทำาของขาวเป็นการกระทำาเพื่อป้องกันสิทธิ แต่ได้กระทำาเกินสมควรแก่เหตุ จึงเป็นความผิด
ทำาให้เสียทรัพย์
แดงเข้าไปทำานาปลูกข้าวในหนองสาธารณะ ซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ประชาชนมีสิทธิใช้
ร่วมกัน บุคคลใดจะอ้างกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ได้ ต่อมาดำาได้เข้าไปทำานาในที่แห่งนั้นด้วย โดยไถ
ทำาให้ต้นข้าวที่แดงปลูกไว้ตายหมด ให้วินิจฉัยการกระทำาของดำาว่าจะมีความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์หรือไม่
แม้หนองสาธารณะจะเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่ที่ดินของแดงก็ตามแต่ข้าวที่ปลูกใน
หนองสาธารณะเป็นกรรมสิทธิ์ของแดง ดังนั้นแม้ดำาจะมีสิทธิใช้หนองสาธารณะเช่นประชาชนทั่วไป ดำาก็ไม่มี
สิทธิไถทำาให้ต้นข้าวของแดงตายหมด ดำาจึงมีความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์
มาตรา 358 ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลาย ทำาให้เสื่อมค่าหรือทำาให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น
หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำาความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำา คุกไม่ เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

14.2.2 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
แดงถมดินทำาเป็นทำานบปิดลำาห้วยสาธารณะ ซึ่งประชาชนใช้นำ้าร่วมกันในการทำานา ทำาให้นำ้าไหลไม่
ได้ ประชาชนที่อยู่ทางตอนใต้ของลำาห้วยได้รับความเดือดร้อน ไม่มีนำ้าสำาหรับทำานา ให้วนิ ิจฉัยว่าแดงจะมีความ
ผิดหรือไม่
แดงมีความผิดตามมาตรา 360 เพราะการกระทำาของแดงเป็นการทำาให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้
หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์
มาตรา 360 ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลาย ทำาให้เสื่อมค่าหรือทำาให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้ หรือมี
ไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 360 ทวิ ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลายทำาให้เสื่อมค่าหรือทำาให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ตาม มาตรา
335 ทวิ วรรคหนึ่ง
ที่ประดิษฐาน ตาม มาตรา 335 ทวิ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำาทั้งปรับ

14.2.3 เปรียบเทียบความผิดฐานลักทรัพย์และทำาให้เสียทรัพย์
แดงมีความโกรธแค้นดำาซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่ตำาหนิการทำางานของตน แดงจึงเอาปากกาของดำาไป
โยนทิ้งในแม่นำ้า แดงจะมีความผิดฐานลักทรัพย์หรือทำาให้เสียทรัพย์หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
132

แดงไม่ผิดฐานลักทรัพย์ เนื่องจากแดงไม่ได้เอาปากกาของดำาไปโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิ
ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำาหรับแดงหรือผู้อื่น แต่การกระทำาของแดงเป็นการทำาให้ปากกาของดำาสูญหาย
อันถือได้วา่ เป็นการทำาลายปากกาของดำา แดงมีความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์ (ตามมาตรา 358)

14.3 ความผิดฐานบุกรุก
1. ความผิดฐานบุกรุกแม้ผู้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ก็อาจกระทำาผิดได้ ถ้าเข้าไปกระทำาการรบกวน
การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้อื่นครอบครองอยู่
2. การยักย้ายหรือทำาลายเครื่องหมายอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุก ต้องกระทำาเพื่อแย่งความเป็นเจ้า
ของอสังหาริมทรัพย์นั้น
3. การเข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำานักงานที่ผู้อื่นครอบครองอยู่
หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่ดังกล่าวเมื่อถูกไล่ให้ออก จะเป็นความผิดฐานบุกรุก ต่อเมื่อเข้าไป
หรือไม่ยอมออกโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
4. ความผิดฐานบุกรุกในบางกรณี เช่น กระทำา โดยมีอาวุธ หรือใช้กำา ลังประทุษร้าย หรือกระทำาใน
เวลากลางคืน กฎหมายวางโทษหนักขึ้นและไม่เป็นความผิดอันยอมความกันได้ด้วย

14.3.1 เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
ม่วงเช่าบ้านของเขียวอยู่อาศัย ต่อมาเหลืองมาติดต่อขอเช่าบ้านหลังนั้น โดยให้ค่าเช่าสูงกว่าที่เคยเก็บ
จากม่วง เขียวจึงบอกให้ม่วงออกจากบ้านหลังนั้น แต่ม่วงไม่ยอมออกอ้างว่ายังมีสิทธิอยู่ได้ตามสัญญาเช่า เขียว
จึงเอาเครื่องมือไปถอดประตูบ้านออกหมดทุกบาน ม่วงจึงไปแจ้งความต่อตำารวจหาว่าเขียวบุกรุกและทำาให้เสีย
ทรัพย์ เขียวจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
เขียวผิดฐานบุกรุก กล่าวคือ แม้เขียวจะเป็นเจ้าของบ้านที่ม่วงเช่าก็ตาม แต่เขียวก็ไม่มีสิทธิเข้าไป
กระทำาการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของม่วง แต่ไม่ผิดฐานทำา ให้เสียทรัพย์ เพราะบ้านนั้นเป็น
บ้านของเขียวเอง
มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการ ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น
ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไป กระทำาการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของ
เขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

14.3.2 ยักย้ายหรือทำาลายเครื่องหมายเขต
แดงกับดำามีสาเหตุโกรธเคืองกันเป็นส่วนตัว เนื่องจากแดงยิงไก่ของดำาที่เข้าไปกินผักในสวนของแดง
วันหนึ่งดำาจึงรื้อรั้วสังกะสีบ้านแดงที่กั้นแนวเขตที่ดินระหว่างบ้านของแดงและดำาออกไปส่วนหนึ่ง ดำาจะมีความ
ผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 363 อย่างไร หรือไม่
ดำา ไม่ผิดตามมาตรา 363 เพราะมิได้มีเจตนาพิเศษที่จะถือเอาที่ดินของแดงเป็นของตน แต่ดำา มี
ความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 358
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
133

มาตรา 358 ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลาย ทำาให้เสื่อมค่าหรือทำาให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น


หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำาความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำา คุกไม่ เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 363 ผู้ใดเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตน หรือของบุคคลที่สาม ยักย้าย
หรือทำาลายเครื่องหมายเขตแห่ง อสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ต้องระวางโทษจำาคุก ไม่เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

14.3.3 เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถานของผู้อื่น
ดำาเป็นผู้ขายส่งสุรา แดงเป็นผู้ขายปลีกโดยรับสุราจากดำา ไปขาย ในวันเกิดเหตุแดงมาที่บ้านของดำา
ต่อว่าดำาเรื่องจำาหน่ายสุราให้ตนน้อยไม่พอขาย จึงเกิดโต้เถียงและท้าทายกันขึ้น ดำาลุกขึ้นจากห้องรับแขกเดิน
เข้าไปในห้องนอนแดงก็ตามดำาเข้าไปในห้องนอนจะทำาร้าย แต่มีผู้หา้ มไว้จึงเลิกกันไป แดงจะมีความผิดฐานใด
หรือไม่
แดงมีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานตามมาตรา 364 เพราะดำาไม่ได้อนุญาตให้แดงเข้าไปในห้อง
นอนของดำา แดงจึงไม่มีสิทธิที่จะตามดำา เข้าไปในห้องนอนของดำา เมื่อแดงตามดำา เข้าไปในห้องนอนเพื่อจะ
ทำาร้ายดำาในห้องนอน จึงเป็นการเข้าไปในเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควร
เหลืองลอบขึ้นไปหานางสาวเขียว บุตรสาวของแดงบนเรือนของแดงในเวลากลางคืน โดยนางสาว
เขียวนัดแนะให้เหลืองขึ้นไปหา แดงพบเหลืองคุยอยู่กับบุตรสาวของตนในห้อง จึงแจ้งความดำา เนินคดีกับ
เหลืองในข้อหาบุกรุกเคหสถาน เหลืองจะมีความผิดหรือไม่
เหลืองไม่มีความผิด เพราะเข้าไปโดยได้รับความยินยอมของบุตรสาวของแดง การเข้าไปของเหลือง
จึงถือว่ามีสาเหตุอันสมควร
มาตรา 364 ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไป หรือซ่อนตัวอยู่ใน เคหสถาน อาคารเก็บรักษา
ทรัพย์หรือสำานักงานในความครอบครอง ของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะ
ห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำา ทั้ง
ปรับ

14.3.4 เหตุที่ทำาให้รับโทษหนักขึ้น
เหตุฉกรรจ์ในความผิดฐานบุกรุกมีประการใดบ้าง
เหตุฉกรรจ์ในความผิดฐานบุกรุก มีดังนี้
1)โดยใช้กำาลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย
2)โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำาความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ
3)ในเวลากลางคืน

แบบประเมินผลการเรียนหน่วยที่ 14
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
134

1. นาฬิกาที่ได้มาจากการวิ่งราวทรัพย์ เป็นทรัพย์ของโจร
2. เอาไม้ซุงที่ลักมาแกะสลักเป็นรูปสัตว์ เป็นของโจรที่หมดสภาพเป็นของโจร
3. แดงลักนาฬิกาของพี่ชายไปให้ดำา ดำา รับซื้อไว้โดยคิดว่าเป็นนาฬิกาของแดง แล้วดำา เอานาฬิกานั้นไป
จำานำาเหลือง โดยเหลืองรู้ว่าเป็นนาฬิกาที่แดงลักของพี่ชายมา ดำาเอาเงินที่ได้มาจากการจำานำานาฬิกาไป
ให้เขียว โดยเขียวรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการจำา นำา นาฬิกาที่ถูกลักมา ใครผิดรับของโจร คำา ตอบ คือ
เหลือง
4. การกระทำาความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์เช่น การเอาฟิล์มถ่ายภาพของผู้อื่นที่ยังไม่ได้ใช้มาเปิดให้ถูกแสง
สว่าง
5. การใช้ก้อนหินขว้างโคมไฟที่เทศบาลติดตั้งไว้สำาหรับให้แสงสว่างตอนกลางคืนเสียหาย เป็นความผิด
ฐานทำาให้เสียทรัพย์ที่ยอมความกันไม่ได้
6. ดำาให้แดงเช่าบ้านอยู่อาศัย ต่อมาดำาต้องการให้คนอื่นเช่าจึงกระทำาการ ที่จะไม่ให้มีความผิดฐานบุกรุก
คือ ดำานำาจดหมายบอกเลิกสัญญาเช่าไปวางไว้ที่หน้าบ้านของแดง และยื่นคำาขาดให้ออกจากบ้านภายใน
3 วัน
7. การเข้าไปในบ้านเรือนของผู้อื่นจะเป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในกรณี เข้าไปเพื่อทวงหนี้แล้วเกิด
โต้เถียงกับเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านไล่ให้ออกไป แต่ไม่ยอมออกจนกว่าเจ้าของบ้านจะชำาระหนี้ให้
8. ความผิดฐานบุกรุก ในกรณีกระทำาในเวลากลางคืน ผู้กระทำาต้องรับโทษหนักขึ้น
9. เงินที่ผู้อื่นให้เป็นค่าจ้างในการช่วยขายทรัพย์ที่ผู้อื่นลักมา เงินนี้ไม่ใช่เป็นของโจร
10. การแยกชิ้นส่วนของรถจัก รยานยนต์แ ล้ว เอาไปซ่ อนไว้ในสถานที่ต่า งกัน เป็นของโจรที่ยั งไม่ห มด
สภาพเป็นของโจร
11. ม่วง คราม นำ้าเงิน ร่วมกันไปลักทรัพย์ของผู้อื่นแล้วแบ่งปันทรัพย์สินกัน ม่วงรับซื้อส่วนแบ่งของคราม
และนำ้าเงินไว้หมด จากนั้นม่วงก็เอาทรัพย์นั้นไปขายให้ เขียว และ เหลือง โดยบอกว่าเป็นทรัพย์ที่ลักมา
เขียวและเหลืองซื้อไว้ แล้วก็เอาไปฝาก แดง บอกให้ช่วยขายต่อเพราะเป็นทรัพย์ที่ลักมา แดงไม่นำาไป
ขายต่อแต่รับซื้อไว้เอง ใครมีความผิดฐานรับของโจร คำาตอบ เหลือง แดง และ เขียว
12. ลักไก่ของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้มีอาชีพกสิกรรมมาแล้วฆ่าไก่เอาเนื้อทำา อาหาร เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ที่
ต้องรับโทษหนักขึ้น
13. ยิงม้าของกสิกรตาย เป็นความผิดฐานทำาให้เสียทรัพย์ที่ยอมความกันได้
14. บุกรุกเข้าไปดูหมิ่นเจ้าของบ้านซึ่งหน้า เป็นความผิดฐานบุกรุกที่ผู้กระทำาไม่ต้องรับโทษหนักขึ้น

หน่วยที่ 15 ความผิดลหุโทษ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
135

1. การไม่ใ ห้ความร่ว มมื อช่ วยเหลื อหรื อ ปฏิ บั ติ ต ามคำา สั่ งเจ้ า พนั ก งานผู้ มี อำา นาจปฏิ บั ติ ก ารตาม
กฎหมาย การทำาให้เอกสารที่เจ้าพนักงานแสดงไว้เสียหายและการก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือ
อันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนถือเป็นการกระทำาความผิด
2. การก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะ การปล่อยปละละเลยให้สัตว์ไปทำาอันตรายต่อ
บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น การกระทำาทารุณต่อสัตว์ รวมทั้งการทิ้งซากสัตว์ซึ่งอาจเน่าเหม็นไว้
ในหรือริมทางสาธารณะ ถือเป็นการกระทำาความผิด
3. การประทุษร้ายต่อกายหรือจิตใจของบุคคลอื่น หรือการกระทำาการทารุณต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า แม้
เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ถือเป็นการกระทำาความผิด นอกจากนี้การละเลยคนวิกลจริตที่ควบคุมอยู่ปล่อย
ปละให้ออกไปเที่ยวโดยลำาพัง การไม่ช่วยผู้อื่นซึ่งอยู่ในภยันตราย การกระทำาอันควรขายหน้าต่อ
ธารกำานัล และการดูหมิน่ ผู้อื่นก็ถือเป็นการกระทำาความผิดด้วยเช่นกัน

15.1 ความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน และเกี่ยวกับการก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรืออันตรายต่อ


ความสงบสุขของประชาชน
1. การไม่ยอมบอกหรือแกล้งบอกชื่อหรือที่อยู่อันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน หรือไม่ปฏิบัติตามคำาสั่งของ
เจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือทำาให้เสียประโยชน์ซึ่งเอกสารที่เจ้าพนักงานแสดงไว้ ถือ
เป็นความผิด
2. การทำาให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนรำาคาญ หรือตระหนกตกใจ หรือกีดขวางทางสาธารณะ อัน
เป็นการกระทบกระเทือนต่อความสงบสุขของประชาชน ถือเป็นความผิด

15.1.1 ความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน
ความผิดลหุโทษเกี่ยวกับเจ้าพนักงานมีกรณีใดบ้าง
ความผิดลหุโทษเกี่ยวกับเจ้าพนักงานมี 4 ฐานด้วยกันคือ
1)ไม่ยอมบอกหรือแกล้งบอกชื่อหรือที่อยู่อนั เป็นเท็จ
2)ไม่ปฏิบัติตามคำาสั่งเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร
3)ทำาให้เอกสารที่เจ้าพนักงานแสดงไว้ไร้ประโยชน์
4)ไม่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานซึ่งเรียกให้ช่วยระงับสาธารณภัย
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2547 มาตรา 118 บัญญัติว่า “กรมการอำาเภอ
มีหน้าที่จะต้องตรวจตรา และจัดการรักษาทางบกทางนำ้าอันเป็นทางที่ราษฎรไปมาค้าขายให้ไปมาโดยสะดวก
ตามที่จะเป็นได้ทุกฤดูกาล การอันนี้ถ้าจะต้องทำา การซ่อมแซมหรือแก้ไขความขัดข้องให้กรมการอำา เภอเรียก
ราษฎรช่วยกันทำาอย่างว่ามาแล้ว”
ถ้าเกิดนำ้าท่วมในเขตอำาเภอ เป็นผลให้ถนนและสะพานชำารุด นายอำาเภอจึงออกคำาสั่ง
(1) ให้ดำา ซึ่งเป็นราษฎรไปช่วยขุดดิน เพื่อซ่อมถนนที่ชำารุด แต่ดำาจำาเป็นต้องเลี้ยงกระบือ
จึงไม่ไปตามคำาสั่ง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
136

(2) ให้แดง ซึ่งเป็นราษฎรจัดหาไม้มา 5 แผ่น ตามขนาดที่กำาหนดเพื่อใช้ในการซ่อมแซม


สะพาน แดงเสียดายไม้ที่มีอยู่จึงไม่จัดไปให้ตามคำาสั่ง
ดำาและแดงจะมีความผิดฐานขัดคำาสั่งเจ้าพนักงานตาม ปอ.มาตรา 368 หรือไม่
ข้อ 1 ดำามีความผิดเพราะข้ออ้างที่ว่าติดเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นข้อแก้ตัวอันสมควร
ข้อ 2 ไม่มีความผิด เพราะอำา นาจของนายอำา เภอดั งกล่าวข้างต้น มีความหมายเฉพาะการเกณฑ์
แรงงานราษฎรเท่านั้น ไม่รวมถึงการเกณฑ์เอาทรัพย์สินด้วย ดังนั้น คำาสั่งของนายอำาเภอจึงไม่เป็นคำาสั่งอันชอบ
ด้วยกฎหมาย
มาตรา 368 ผู้ใดทราบคำาสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำานาจที่มีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตาม
คำา สั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรต้องระวางโทษจำา คุกไม่เกินสิบวันหรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
หรือทั้งจำาทั้งปรับ
ถ้าการสั่งเช่นว่านั้นเป็นคำาสั่งให้ช่วยทำากิจการในหน้าที่ของเจ้า พนักงานซึ่งกฎหมายกำาหนดให้สั่งให้
ช่วยได้ ต้องระวางโทษจำาคุก ไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

15.1.2 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรืออันตรายต่อความสงบสุขของ
ประชาชน
ดำาต้องการจะไปดูภาพยนตร์กลางแปลง ซึ่งฉายอยู่ในวัดนอกเมือง แต่ทางเดินจากบ้านดำาจะไปวัดเป็น
สถานที่สาธารณะที่มืดและเปลี่ยวมีโจรผู้ร้ายชุกชุม ดำา ดำาจึงพกมีดไปโดยเหน็บไว้ที่เอว เพื่อให้หยิบฉวยออกมา
ป้องกันตัวได้ถนัด แต่ดำา ก็ปล่อยชายเสื้อลงมาปิดไว้จนคนภายนอกมองไม่เห็น ดำาไปถึงวัดโดยไม่มีเหตุร้ายเกิด
ขึ้น จึงเข้าไปดูภาพยนตร์ร่วมกับคนอื่นๆ ที่มาเที่ยวงานจนดึกโดยยังพกมีดไว้ในลักษณะเดิมตลอดเวลา ดำา มี
ความผิดตาม ปอ.มาตรา 371 หรือไม่
การที่ ดำา พกมีดเดินไปตามถนนนั้น ดำาไม่ผิดมาตรา 371 เนื่องจากพกพาไปในลักษณะที่มิดชิด
และมีเหตุสมควร แต่เมื่อดำาไปถึงวัดซึ่งมีการฉายภาพยนตร์กลางแปลงอันนับได้ว่าเป็นชุมนุมชน ทีว่ ัดให้มีขึ้น
เพื่อการนี้ การที่ดำายังพกมีดซึ่งเป็นอาวุธโดยสภาพอยู่ ดำาจึงมีความผิด
ดำากับแดง ต่างก็เป็นแม่ค้าขายผักอยู่ในตลาด ซึ่งเป็นของเอกชนเกิดไม่พอใจกันขึ้นจึงร้องด่ากันและ
ใช้ผักและกระจาดที่ใส่ผักทุ่มใส่กัน ดำากับแดงมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 372 หรือไม่
ผิด เนื่องจากตลาดเป็นสถานที่ที่ประชาชนเข้าไปโดยชอบธรรม ถึงแม้จะเป็นของเอกชนก็เป็นสถานที่
สาธารณสถาน การที่ ดำา และแดง ร้องด่ากันจึงเป็นการทะเลาะอื้ออึงและการที่ใช้ผักและกระจาดทุ่มใส่กันและ
กันก็เป็นการกระทำาให้เสียความสงบเรียบร้อยในสาธารณสถาน
ดำาแกล้งปล่อยข่าวลือว่าในขึ้นปีใหม่จะมีดาวหางวิ่งผ่านเข้าใกล้โลก และผู้ที่อยู่ในประเทศไทยจะมอง
เห็นได้ชัดเจนและสวยงามมาก คนที่ได้ยินข่าวนี้ต่างก็สนใจเฝ้าดู แดงได้ยินข่าวลือนี้จึงบอกเล่าต่อไปว่าการที่
ดาวหางผ่านมาเช่นนี้จะเกิดเหตุเภทภัยไฟไหม้ นำ้าท่วม ผู้คนจะตายหมด ทำาให้ประชาชนบางส่วนได้ยินข่าวที่
แดงแกล้งบอกเล่านี้ต่างก็พากันเก็บข้าวของเตรียมอพยพหลบภัย ดำาและแดง มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 384
หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
137

ดำาไม่ผิดตามมาตรา 384 เพราะความเท็จที่ดำาบอกเล่าไม่ได้เป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ แต่แดง


มีความผิดเนื่องจากความเท็จที่แดงบอกเล่าทำาให้ประชาชนตื่นตกใจ
มาตรา 371 ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือ ง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดย เปิดเผยหรือโดยไม่ มีเ หตุ
สมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มี ขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่
เกิน หนึ่งร้อยบาท และให้ศาลมีอำานาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น
มาตรา 372 ผู้ใดทะเลาะกันอย่างอื้ออึ งในทางสาธารณ หรือ สาธารณสถาน หรือกระทำา โดย
ประการอื่นใดให้เสียความสงบเรียบร้อย ในทางสาธารณ หรือสาธารณสถาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อย
บาท
มาตรา 384 ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุ ให้ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือ ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

15.2 ความผิดเกี่ยวกับการก่อการให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะและเกี่ยวกับสัตว์
1. ทรัพย์สินสาธารณะ เช่น ทาง หรือท่อระบายนำ้า เป็นสิ่งที่มีขึ้นเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม บุคคลจึง
มีหน้าที่ที่จะต้องสงวนรักษาไม่ทำาให้เกิดความขัดข้อง หรือเสียหาย เพราะความขัดข้องหรือเสียหาย
ดังกล่าวย่ อมก่ อให้เ กิด ภยั นตรายต่อ สุข ภาพ และร่ างกายของประชาชน ดั งนั้น กฎหมายจึงต้อ ง
บัญญัติความผิดไว้
2. บุคคลใดมีหน้าที่ควบคุมสัตว์ต้องควบคุมสัตว์นั้นไว้ไม่ให้ไปไหนโดยลำาพัง เพื่อป้องกันมิให้ไปทำา
อันตรายต่อบุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่น หากผู้ควบคุมสัตว์ละเลย กฎหมายบัญญัติไว้เป็น
ความผิด นอกจากนี้การใช้แรงงานสัตว์เกินสมควร การทารุณสัตว์ หรือกระทำาประการใดต่อสัตว์
โดยปราศจากความเมตตา กฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิดด้วย รวมทั้งการทิ้งซากสัตว์ ซึ่งอาจเน่า
เหม็นไว้ในหรือริมทางสาธารณะ กฎหมายก็บัญญัติไว้เป็นความผิดเช่นเดียวกัน

15.2.1 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะ
ความผิดลหุโทษเกี่ยวกับการก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะมีกี่ประการอะไรบ้าง
มีทั้งหมด 3 ฐานคือ
1) ทำาให้รางระบายนำ้า ร่องนำ้า หรือท่อระบายของโสโครกอันเป็นสิ่งสาธารณะเกิดขัดข้อง
หรือไม่สะดวก
2) ทำาให้เกิดปฏิกูลแก่นำ้าในบ่อ สระหรือที่ขังนำ้าอันมีไว้ให้ประชาชนใช้สอย
3) ขุดหลุมหรือราง หรือปลูกปักหรือวางสิ่งของเกะกะในทางสาธารณะ
แดง มี ที่ ดิ น อยู่ ติ ด กั บ ร่ อ งนำ้า ซึ่ ง เป็ น ทางนำ้า ไหลถ่ า ยเทระหว่ า งคลองไปสู่ ห นองสาธารณะ ซึ่ ง
ประชาชนนำา นำ้า จากหนองไปใช้สอย แดง ต้องการขุดบ่อในที่ดินของตนจึงเอาดินที่ขุดได้มากองไว้ แต่ดิน
ทะลายลงไปในร่องนำ้าโดยที่ แดงไม่ทราบ เป็นเหตุให้ร่องนำ้าตื้นเขินนำ้าไหลผ่านร่องนำ้าไม่สะดวก แดง มีความ
ผิดตาม ปอ.มาตรา 375 หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
138

การที่ แดงทำา ให้ร่ องนำ้า อั นเป็ น สิ่ง สาธารณะตื้ น เขิ นนำ้า ไหลไม่ สะดวก แดงมี ค วามผิ ด ตามมาตรา
375 แม้ว่าแดงไม่มีเจตนา แต่ก็ไ ม่เป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิด เนื่องจากการกระทำา ความผิด ตามมาตรานี้ไ ม่
ต้องการเจตนา
มาตรา 104 การกระทำาความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายนี้ แม้กระทำาโดยไม่มีเจตนาก็เป็น
ความผิด เว้นแต่ตามบทบัญญัติความ ผิดนั้นจะมีความบัญญัติให้เห็นเป็นอย่างอื่น
มาตรา 375 ผู้ใดทำา ให้รางระบายนำ้า ร่องนำ้า หรือท่อระบายของโสโครกอันเป็นสิ่งสาธารณเกิด
ขัดข้องหรือไม่สะดวก ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

15.2.2 ความผิดเกี่ยวกับสัตว์
ดำาเลี้ยงแมวไว้ 1 ตัว แมวของดำา มักชอบไปจับนกที่บ้านใกล้เคียงเลี้ยงไว้ และดำา ก็ทราบความข้อนี้
จึงได้จับแมวขังไว้ในกรง แต่ต่อมาวันหนึ่ง ดำา ให้อาหารแมวแล้วลืมปิดกรง แมวจึงแอบหนีไปจับนกของบ้าน
ใกล้เคียงมากินอีก เช่นนี้ ดำา มีความผิดตามมาตรา 377 หรือไม่
แมวของดำา ชอบไปทำาอันตรายแก่ทรัพย์ของบุคคลอื่น จึงเป็นสัตว์ดุ การทีด่ ำาปล่อยปละละเลยจนแมว
ไปจับนกของบ้านใกล้เคียงอีกเช่นนี้ ดำาจึงมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 377
แดง มีอาชีพเลี้ยงเป็ดโดยเลี้ยงอยู่ในที่ดินของตน แต่เป็ดของแดงมีจำานวนมาก จึงดูแลไม่ทั่วถึงและ
เป็ดของแดงก็เพียงแต่เข้าไปเล่นนำ้าในคูตามร่องผักของ ขาว โดยไม่ได้ทำาความเสียผักแล้วก็กลับออกมายังที่ดิน
ของแดง ตามเดิม เช่นนี้ แดง มีความผิดตามมาตรา 395 หรือไม่
ปอ.มาตรา 395 ไม่ได้จำากัดประเภทสัตว์ การที่แดงดูแลเป็ดของตนไม่ทั่วถึงจึงเป็นการปล่อยปละ
ละเลยให้เป็ดเข้าไปในไร่ผักของ ขาว ถึงแม้ว่าเป็ดจะไม้ได้ทำาอันตรายแก่ผัก แต่การที่เข้าไปในไร่ผักก็ทำาให้แดง
ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลมีความผิดแล้ว
มาตรา 377 ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำา พัง ใน
ประการที่อาจทำาอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 395 ผู้ใดควบคุมสัตว์ใด ๆ ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้น เข้าในสวน ไร่หรือนาของผู้อื่นที่
ได้แต่งดินไว้ เพาะพันธุ์ไว้ หรือมี พืชพันธุ์หรือผลิตผลอยู่ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

15.3 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และความผิดลหุโทษอื่นๆ


1. การกระทำาอันตรายต่อกายหรือจิตใจของผู้อื่น การข่มขู่หรือข่มเหงรังแกผู้อื่น การกระทำาทารุณต่อผู้
ที่อ่อนแอกว่าเนื่องจากอายุหรือความเจ็บป่วย แม้เป็นเพียงเล็กน้อยกฎหมายก็บัญญัติไว้เป็นความผิด
2. บุคคลวิกลจริตกฎหมายถือว่า เป็นบุคคลที่ต้องอยู่ในความควบคุม ดังนั้น การกระทำา ทารุณต่อผู้ที่
อ่อนแอแกว่าเนื่องจากอายุหรือความเจ็บป่วย แม้เป็นเพียงเล็กน้อยกฎหมายจึงบัญญัติเอาผิดแก่ผู้
ปล่อยปละละเลยนั้น นอกจากนี้การช่วยบุคคลที่ตกอยู่ในภยันตรายเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรกระทำา การ
ละเลยจึงเป็นการกระทำา ที่ผิดต่อกฎหมายรวมทั้งการเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือการกระทำา
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
139

ลามกต่อหน้าธารกำานัล กฎ หมายถือเป็นความผิดเช่นเดียวกัน และการดูหมิ่นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด


ความบาดหมางกันในหมู่ประชาชน เป็นอันตรายต่อการอยู่ร่วมกันของบุคคลในสังคม กฎหมายจึง
ต้องบัญญัติให้เป็นความผิดด้วย

15.3.1 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดอันตรายแต่กายหรือจิตใจ
ดำาโกรธแดง จึงชักปืนออกมาขู่ทำาท่าจะยิง แดง แต่ แดงรู้นิสัยของดำาดีว่า ดำาเป็นคนเก่งแต่ปากและไม่
กล้ายิง แต่ก็ไม่อยากจะมีเรื่องต่อไป แดงจึงวิ่งหลบหนีไป เช่นนี้ ดำามีความผิดตาม ปอ.มาตรา 392 หรือไม่
การที่แดง ไม่เกิดความกลัวหรือตกใจ การขู่เข็ญของดำา จึงเป็นความผิดเพียงขั้นพยายามซึ่งมาตรา
105 บัญญัติว่าไม่ต้องรับโทษ
ไก่ เอาท่อนไม้ขว้างลูกมะม่วงที่อยู่บนต้น ท่อนไม้หล่นลงมาถูกศีรษะ ส้ม ซึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้เป็นเหตุ
ให้ส้มได้รับบาดเจ็บเลือดไหลเป็นแผลรักษา 10 วันหาย เช่นนี้ ไก่มีความผิดหรือไม่
การที่ไก่ เอาท่อนไม้ขว้างลูกมะม่วง แล้วท่อนไม้หล่นลงมาถูกศีรษะ ส้ม ซึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้จึงเป็นการ
กระทำาโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นไก่ จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ไก่จึงกระทำา
โดยประมาท เมื่อผลของการกระทำา ทำาให้ส้มได้รับอันตรายแก่กาย ไก่จึงมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 390
มาตรา 105 ผู้ใดพยายามกระทำาความผิดลหุโทษ ผู้นั้นไม่ต้อง รับโทษ
มาตรา 390 ผู้ใดกระทำาโดยประมาท และการกระทำานั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือ
จิตใจ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกิน หนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
มาตรา 392 ผู้ใดทำาให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการ ขู่เข็ญต้องระวางโทษจำาคุกไม่
เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพัน บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

15.3.2 ความผิดลหุโทษอื่นๆ
ดำาเห็นแดงเสียหลักตกลงมาจากต้นไม้จะลงสู่พื้น ดำาเข้าไปรับ แดง แต่กลับพลาดไปกระแทกถูกแดง
ทำาให้แดงตกลงไปในสระก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน เป็นเหตุให้แดงไม่ได้รับอันตราย นอกจากเคล็ดขัดยอกเล็ก
น้อยเนื่องจากแรงกระแทกของดำา
ดำาไม่ชอบหน้าแดง จึงถ่มนำ้าลายใส่แดงถูกที่ใบหน้า
ทั้งสองกรณี ดำามีความผิดหรือไม่
กรณีแรก ดำาไม่ผิด เพราะดำามีเจตนาที่จะช่วยแดง ไม่ได้รับอันตราย การทีด่ ำาพลาดไปกระแทกถูกแดง
จึงเป็นการกระทำาที่ไม่มีเจตนาจะทำาร้าย
กรณีหลั ง ดำา มีความผิด เพราะการถ่มนำ้า ลายเป็นการใช้กำา ลั งทำา ร้า ยอย่างหนึ่ง เมื่อ แดง ไม่ไ ด้รับ
อันตราย แก่กายหรือจิตใจ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 391
จิ๋มไปเที่ยวชายทะเล เห็นหาดทรายแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่สาธารณะและกำาลังปลอดคน จิ๋มจึงเปลือยกาย
ลงเล่นนำ้าทะเลและวิ่งเล่นอยู่ที่ชายหาดทราย ถ้าโจซึ่งนั่งเล่นอยู่โคนต้นไม้ริมทะเลออกไป 30 เมตร เห็นจิ๋ม
เปลือยกายดังนี้ จิม๋ จะมีความผิดตามมาตรา 388 หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
140

มีความผิด แม้ว่าโจจะเห็นเพียงคนเดียวแต่การกระทำาของจิ๋มมีลักษณะที่บุคคลอื่นควรเห็นการกระทำา
นัน้ ได้ จึงถือว่าเป็นการกระทำาต่อหน้าธารกำานัล
มาตรา 388 ผู้ใดกระทำา การอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำา นัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย
หรือกระทำาการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
มาตรา 391 ผูใ้ ดใช้กำาลังทำาร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิด อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

แบบประเมินผลการเรียน หน่วยที่ 15

1. ความผิดฐานไม่ยอมบอกหรือแกล้งบอกชื่อหรือที่อยู่อันเป็นเท็จ หมายถึง การไม่ยอมบอกหรือแกล้ง


บอกชื่อที่อยู่อันเป็นเท็จเมื่อเจ้าพนักงานถามเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมาย
2. ดำากระทำาความผิดลหุโทษในกรณีดังต่อไปนี้คือ เจ้าพนักงานถามชื่อดำาเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายแต่
ดำาไม่ยอมบอก
3. ดำากระทำาความผิดลหุโทษในกรณีดังต่อไปนี้ เช่นกรณี เกิดเพลิงไหม้ ดำาไปยืนดู เจ้าพนักงานขอให้ดำา
ช่วยดับเพลิง แต่ดำากลัวร่างกายสกปรก จึงไม่ช่วย
4. การไม่ปฏิบัติตามคำาสั่งของเจ้าพนักงานในกรณีที่ถือว่าเป็นความผิด ได้แก่ ทราบคำาสั่งของเจ้าพนักงาน
ซึ่งสั่งการตามอำา นาจที่มี กฎหมายให้ไ ว้แ ล้ว ไม่ ปฏิ บัติ ตามคำา สั่งนั้น โดยไม่ มีเ หตุ หรื อข้อ แก้ตั ว อั น
สมควร
5. “อาวุธ” หมายความว่า สิ่งที่เป็นอาวุธโดยสภาพและสิ่งที่ไม่เป็นอาวุธโดยสภาพแต่ได้ใช้หรือเจตนาจะ
ใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ
6. การพกพาอาวุธที่จะเป็นความผิด ตัวอย่างเช่น การพาไปในชุมนุมชนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการรื่นเริงโดย
ซ่อนเร้น
7. ทางลงท่านำ้าในที่ดินของเอกชน แต่เจ้าของยอมให้ผู้ที่เช่าท่านำ้าใช้เป็นทางขนสินค้าขึ้นลงจากเรือโดยมี
ผู้อื่นอาศัยขึ้นลงด้วยมาเจ็ดปีแล้ว ในกรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นทางสาธารณะ
8. ทางเดินเป็นคันนาอยู่ในเขตที่ดินของดำา ซึ่งคนทั่วไปใช้มาตั้ง 40-50 ปี ก่อนตกเป็นของดำา บน
คันนามีต้นผลไม้และต้นกล้วยที่ปลูกเอาไว้ดังนี้ ทางเดินนี้จะเป็นทางเดินสาธารณะหรือไม่ คำาตอบ ทาง
เดินนี้ไม่ใช่ทางสาธารณะเพราะการที่ปลูกต้นผลไม้และต้นกล้วยไว้แสดงว่าเจ้าของหวงแหนใช้สิทธิ
ครอบครองอยู่
9. ดำาแกล้งกระพือข่าวว่าเทวดามาเข้าฝันบอกเหตุว่าในอีก 7 วันข้างหน้าจะมีนำ้าท่วมโลก ทำาให้คนอื่น
ตื่นตกใจ ดำามีความผิดฐานใดหรือไม่ คำาตอบ ดำามีความผิดฐานแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจน
เป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551
141

10. เอาหินมากองในทางสาธารณะโดยได้รับอนุญาต เมื่อการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้วไม่มาขนหินออกไป ใน


กรณีนี้ไม่ถือว่าผู้กระทำา มีความผิดฐานขุดหลุมหรือราง หรือปลูกปักหรือวางสิ่งของเกะกะไว้ในทาง
สาธารณะ
11. การปล่อยปละละเลยให้สัตว์ดุร้ายหรือสัตว์ร้ายเที่ยวไปโดยลำาพังในประการที่อาจทำาอันตรายแก่บุคคล
หรือทรัพย์ กฎหมายกำาหนดให้ผู้ใดเป็นผู้ที่ต้องรับผิดทางอาญาในการกระทำาดังกล่าว คำาตอบ ผูค้ วบคุม
สัตว์ดุร้ายหรือสัตว์ร้าย
12. การใช้กำาลังทำาร้าย หมายความถึง การกระทำาใดๆ ที่ต้องการมีการเคลื่อนไหวร่างกายเข้าทำาร้าย
13. การกระทำา ต่อหน้าธารกำานัล หมายความถึง การกระทำา ในสถานที่เปิดเผยและมีบุคคลอื่นเห็นการกระ
ทำานั้น
14. คำากล่าวที่ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นได้แก่ ไอ้เหีย้ ไอ้สัตว์
15. คำากล่าวต่อไปนี้ยังไมถือว่าเป็นการดูหมิ่น อีหน้าเลือดไม่ปราณีคนจน
16. ดำา แสดงตนเป็นผู้วิเศษแอบอ้างว่าสามารถทำา ให้คนมีความสุข ได้ ตลอดชีวิ ต ถ้า ผู้นั้นมาให้ดำา พ่ นนำ้า
หมากใส่ศีรษะ มีคนหลงเชื่อแตกตื่นกันมาหาดำามากมาย ซึ่งดำาก็พ่นนำ้าหมากใส่ศีรษะให้โดยไม่คิดเงิน
ดังนี้ ดำามีความผิดฐานแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจหรือไม่ คำา
ตอบ ผิดเพราะเป็นการบอกเล่าความเท็จจนผู้คนแตกตื่น
17. การดูหมิ่นซึ่งหน้าหมายความว่า ผู้ดูหมิน ่ กล่าวคำาพูดดูหมิ่นให้ผู้ถูกดูหมิ่นได้ยินก็เพียงพอแล้ว

***************************************

ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัด
ราชบุรี พ.ศ.2551

You might also like