You are on page 1of 3

ถาม ถาม ถาม ถาม – ที ่ คุ ณดั งตฤณเคยบอกไว ว าการบรรลุ พระโสดาบั นแล วจะป ดอบายได ทุ กภพชาติ นั ้ น ที ่ คุ ณดั งตฤณเคยบอกไว ว าการบรรลุ

รลุ พระโสดาบั นแล วจะป ดอบายได ทุ กภพชาติ นั ้ น ที ่ คุ ณดั งตฤณเคยบอกไว ว าการบรรลุ พระโสดาบั นแล วจะป ดอบายได ทุ กภพชาติ นั ้ น ที ่ คุ ณดั งตฤณเคยบอกไว ว าการบรรลุ พระโสดาบั นแล วจะป ดอบายได ทุ กภพชาติ นั ้ น
หมายความว าขณะตายพระโสดาบั นจะมี สติ ระลึ กรู จนเกิ ดกุ ศลได อั ติ โนมั ติ ทุ กครั ้ งใช ไหม หมายความว าขณะตายพระโสดาบั นจะมี สติ ระลึ กรู จนเกิ ดกุ ศลได อั ติ โนมั ติ ทุ กครั ้ งใช ไหม หมายความว าขณะตายพระโสดาบั นจะมี สติ ระลึ กรู จนเกิ ดกุ ศลได อั ติ โนมั ติ ทุ กครั ้ งใช ไหม หมายความว าขณะตายพระโสดาบั นจะมี สติ ระลึ กรู จนเกิ ดกุ ศลได อั ติ โนมั ติ ทุ กครั ้ งใช ไหม· · · · อยาก อยาก อยาก อยาก
ทราบเหตุ ผลว าทํ าไมพระโสดาบั นจึ งมี ความเที ่ ยงที ่ จะไปสุ คติ เสมอครั บ ทราบเหตุ ผลว าทํ าไมพระโสดาบั นจึ งมี ความเที ่ ยงที ่ จะไปสุ คติ เสมอครั บ ทราบเหตุ ผลว าทํ าไมพระโสดาบั นจึ งมี ความเที ่ ยงที ่ จะไปสุ คติ เสมอครั บ ทราบเหตุ ผลว าทํ าไมพระโสดาบั นจึ งมี ความเที ่ ยงที ่ จะไปสุ คติ เสมอครั บ
กอนอื่นต องแก ความเข าใจสั กนิ ดหนึ่ง เรื่ องการปดอบายอยาง
เด็ดขาดของผู เปนโสดาบันนั ้น ไมใชวาผมบอก ไมใชวาผมเปน
ผู ประกันนะครับ นี ่ เปนสั จจะที ่ พระพุ ทธองค´ตรัสแสดง และมี
พระสัพพั ญ«ุตญาณของพระองค´ ทานเปนประกัน และที ่ เป น
เชนนั ้ นก็ไมใชพระพุ ทธเจ ารับรองความปลอดภัยให พระสาวก
เพี ยงเพราะพระสาวกนับถื อท าน แตเปนเพราะมี กุ ศลจิตและ
กรรมขาวอันตั ้ งมั่นแล วอยางสมเหตุสมผล
เพื่ อให เกิดความเข าใจอยางครอบคลุ มชัดเจน ขอให พิจารณาคนดี ธรรมดาที ่ยั งไมเปนโสดาบัน
บุ คคลก็แล วกัน ปกติถ าหากวาใครบําเพ็ญคุณงามความดี มานาน กระทั่ งความดี ทางกายวาจาซึม
ซาบเอิบอาบเข าไปถึงระดับความนึกคิด คื อแม คิดเปนความลับอยู เงี ยบๆในหั วก็ไมมี ความเลวร าย
อยู เลย ถึงขั ้ นนั ้ นแม จะไมได เปนพระโสดาบัน นิสัยใจคอก็ ยอมสืบทอดลั กษณะความดี งามของ
ตนเองข ามเดื อน ข ามป โดยยากที ่ จะเปลี ่ยนแปลง และเมื่อจะตายก็ยอมมี จิตสุดท ายที ่ คิดดี ไมมี
เหตุผลที ่ จะไปคิดอะไรเลวๆเอาตอนใกล ตาย
และจากกฎธรรมชาติคื อ ‘ ‘‘ ‘กรรมเดิ มจะพยายามรั กษาเส นทางเดิ มไว กรรมเดิ มจะพยายามรั กษาเส นทางเดิ มไว กรรมเดิ มจะพยายามรั กษาเส นทางเดิ มไว กรรมเดิ มจะพยายามรั กษาเส นทางเดิ มไว ’ ’’ ’ ก็หมายความวาคนดี ที ่ ‘ ‘‘ ‘ดี จริ ง ดี จริ ง ดี จริ ง ดี จริ ง’ ’ ’ ’
ถึงระดับความคิดนั ้ น ย อมไปเกิดในประเทศที ่สงบ และอยู ในฐานะที ่ ไมมี ความจําเปนต องรบราฆา
ฟนหรื อเบี ยดเบี ยนใครๆด วยกายวาจาใจ ตรงข ามเขายอมคู ควรแกการไปอยู ทามกลางความอบอุ น
เปนสุขของครอบครั วที ่พร อมหน าพร อมตา พอแมเป นผู ตั ้ งมั่นในทานและศี ล อบรมเขาให โตขึ ้ น
อยางเด็กที ่ จะคิดดี พู ดดี ทําดี นอกจากนั ้ นที ่ สํ าคั ญกว าอะไรอื่ น นอกจากนั ้ นที ่ สํ าคั ญกว าอะไรอื่ น นอกจากนั ้ นที ่ สํ าคั ญกว าอะไรอื่ น นอกจากนั ้ นที ่ สํ าคั ญกว าอะไรอื่ น กรรมแต หนหลั งจะบั นดาลให จิ ตใจ กรรมแต หนหลั งจะบั นดาลให จิ ตใจ กรรมแต หนหลั งจะบั นดาลให จิ ตใจ กรรมแต หนหลั งจะบั นดาลให จิ ตใจ
ของเขาไม มี คลื่ นความฟุ งซ านจั ด ของเขาไม มี คลื่ นความฟุ งซ านจั ด ของเขาไม มี คลื่ นความฟุ งซ านจั ด ของเขาไม มี คลื่ นความฟุ งซ านจั ด บันดาลใ บันดาลใ บันดาลใ บันดาลให กายของเขาไม กระสับกระส ายเร าร อนไปในราคะและ ห กายของเขาไม กระสับกระส ายเร าร อนไปในราคะและ ห กายของเขาไม กระสับกระส ายเร าร อนไปในราคะและ ห กายของเขาไม กระสับกระส ายเร าร อนไปในราคะและ
โทสะอย างยากจะระงั บ โทสะอย างยากจะระงั บ โทสะอย างยากจะระงั บ โทสะอย างยากจะระงั บ จึงยากที ่ อยู ๆจะนึกสนุ กอยากลองเปนคนชั่ วดู บ าง และยากที ่ จะหลงไปคบ
เพื่ อนชั่ วด วยความสําคั ญวาเปนของดี เหมื อนผู นุ งหมอาภรณ´ขาวสะอาด ยอมไมสําคั ญวาผ าขี ้ ริ ้ ว
นาใสกวา
สรุปคื อสําหรับปุถุชนคนธรรมดานั ้ น ถ า ‘ดี ’ ลงมาถึงระดับความคิดไดชาติหนึ่ง ชาติต อๆมาก็มี
แนวโน มจะคงความดี ไว ได อี ก อยางไรก็ตาม กฎแห งการรั กษาเส นทางเดิ มของกรรมนั ้ น ยั งเป นรอง กฎแห งการรั กษาเส นทางเดิ มของกรรมนั ้ น ยั งเป นรอง กฎแห งการรั กษาเส นทางเดิ มของกรรมนั ้ น ยั งเป นรอง กฎแห งการรั กษาเส นทางเดิ มของกรรมนั ้ น ยั งเป นรอง
อี กกฎหนึ่ ง คื อ อี กกฎหนึ่ ง คื อ อี กกฎหนึ่ ง คื อ อี กกฎหนึ่ ง คื อ ‘ ‘‘ ‘ทุ กสิ่ งต องเปลี ่ ยนแปลงไป ทุ กสิ่ งต องเปลี ่ ยนแปลงไป ทุ กสิ่ งต องเปลี ่ ยนแปลงไป ทุ กสิ่ งต องเปลี ่ ยนแปลงไป’ ’’ ’ ยุ คเรานี ่แหละครับ แสดงกฎนี ้ ไดชัด คนดี เปลี ่ยนใจ
เปนคนชั่ วกันทุ กวัน เพราะสิ่งกระตุ นให ชั่ วมี มากกวาสิ่งกระตุ น
ให ดี ต อให ดี เพี ยงใดก็ ไหลลงต่ ํ าได ต อให ดี เพี ยงใดก็ ไหลลงต่ ํ าได ต อให ดี เพี ยงใดก็ ไหลลงต่ ํ าได ต อให ดี เพี ยงใดก็ ไหลลงต่ ํ าได ตราบเท าที ่ ยั งไม มี ตราบเท าที ่ ยั งไม มี ตราบเท าที ่ ยั งไม มี ตราบเท าที ่ ยั งไม มี
เหตุ ผลชั ดเจนพอว าจะรั กษาความดี ไว ทํ าไม เหตุ ผลชั ดเจนพอว าจะรั กษาความดี ไว ทํ าไม เหตุ ผลชั ดเจนพอว าจะรั กษาความดี ไว ทํ าไม เหตุ ผลชั ดเจนพอว าจะรั กษาความดี ไว ทํ าไม
กอนที ่ปุถุ ชนจะเปนโสดาบันบุ คคลได นั ้น เริ่มแรกก็เปนคน
ธรรมดา เปนปุถุชนที ่ เดินทางทองเที ่ยวเกิดตายอยางไร
จุดหมาย ไร ความรู จั กปลายทางที ่แท จริง ตอเมื่ อพบการ
แสดงทางไปสู ฝ งอันเปนที ่สุ ดทุ กข´ของพระพุ ทธเจ า จึ งเริ่ มเข าใจว าการเดิ นทางที ่ ดี ที ่ สุ ดคื อการ จึ งเริ่ มเข าใจว าการเดิ นทางที ่ ดี ที ่ สุ ดคื อการ จึ งเริ่ มเข าใจว าการเดิ นทางที ่ ดี ที ่ สุ ดคื อการ จึ งเริ่ มเข าใจว าการเดิ นทางที ่ ดี ที ่ สุ ดคื อการ
เดิ นทางที ่ มี จุ ดหมาย เดิ นทางที ่ มี จุ ดหมาย เดิ นทางที ่ มี จุ ดหมาย เดิ นทางที ่ มี จุ ดหมาย
จุดหมายปลายทางที ่ดี ที ่สุ ดก็ คื อนิพพานนั่นเอง นิพพาน
เปนเหตุผลที ่ ทําให คนใฝ ดี คนหนึ่งควรรั กษากรรมขาวให
ยั่ งยืน เพราะกรรมขาวเทานั ้ นที ่ปู พื ้ นให จิ ตมี สภาพพร อม
บรรลุธรรมเปนโสดาบันบุ คคลขึ ้ นมาได กลาวคื อ จิ ตอั น จิ ตอั น จิ ตอั น จิ ตอั น
ปลอดโปร งจากบาป และถึ งพร อมด วยความสุ จริ ตทาง ปลอดโปร งจากบาป และถึ งพร อมด วยความสุ จริ ตทาง ปลอดโปร งจากบาป และถึ งพร อมด วยความสุ จริ ตทาง ปลอดโปร งจากบาป และถึ งพร อมด วยความสุ จริ ตทาง
กาย วาจา กาย วาจา กาย วาจา กาย วาจา ใจเท านั ้ น ที ่ พร อมจะเห็ นตามจริ งว ากายและ ใจเท านั ้ น ที ่ พร อมจะเห็ นตามจริ งว ากายและ ใจเท านั ้ น ที ่ พร อมจะเห็ นตามจริ งว ากายและ ใจเท านั ้ น ที ่ พร อมจะเห็ นตามจริ งว ากายและ
จิ ตนี ้ ไม เที ่ ยง จิ ตนี ้ ไม เที ่ ยง จิ ตนี ้ ไม เที ่ ยง จิ ตนี ้ ไม เที ่ ยง มี อั นต องเสื่ อมสลายไปเป นธรรมดา ไม น า มี อั นต องเสื่ อมสลายไปเป นธรรมดา ไม น า มี อั นต องเสื่ อมสลายไปเป นธรรมดา ไม น า มี อั นต องเสื่ อมสลายไปเป นธรรมดา ไม น า
ยึ ยึ ยึ ยึดมั่ นถื อมั่ น ดมั่ นถื อมั่ น ดมั่ นถื อมั่ น ดมั่ นถื อมั่ น กระทั่ งเห็ นความจริ งขั ้ นสู งสุ ดคื อนิ พพาน กลายเป นโสดาบั นบุ คคลขึ ้ นมาได กระทั่ งเห็ นความจริ งขั ้ นสู งสุ ดคื อนิ พพาน กลายเป นโสดาบั นบุ คคลขึ ้ นมาได กระทั่ งเห็ นความจริ งขั ้ นสู งสุ ดคื อนิ พพาน กลายเป นโสดาบั นบุ คคลขึ ้ นมาได กระทั่ งเห็ นความจริ งขั ้ นสู งสุ ดคื อนิ พพาน กลายเป นโสดาบั นบุ คคลขึ ้ นมาได
อันนี ้ ถ าไมเชื่ อคุณลองไปพูดกั บคนใจบาปเรื่ องความไมเที ่ยง ความไมนายึดมั่นถื อมั่นของสั งขารทั ้ ง
ปวง จิตอันยึดมั่นเหนี ยวแน นอยู ในบาปอกุ ศลของพวกเขาจะปดกั ้ น ไมยอมรับฟงใดๆเลย สวนคุ ณ
เอง ถ ามี ใจเบิกบานอยู ในกุ ศล เพิ่งทําบุ ญทําคุณมา ความสุขความเบิกบานยอมสงให สามารถรับฟง
ถึงสภาพอันเปนสุขประณี ตยิ่ งๆขึ ้ นไปได โดยปราศจากแรงต านใดๆ หรื อแม ต านบ างก็อ อนกําลั งลง
มากแล ว
เมื่ อคนธรรมดาๆสั กคน ได เจริญสติรู เห็นกายใจโดยความไมเที ่ยง ไมนายึดมั่นถื อมั่น กระทั่ งถึงจุด
หนึ่ง เกิดปรากฏการณ´ ทางจิตที ่ เรี ยกวา ‘ได ดวงตาเห็นธรรม’ คื อบรรลุ มรรคผล จิตถึ งความใหญ
เปนฌาน เห็นความไมมี ตั วตน และประจั กษ´ วามี ธรรมชาติ อี กอยางหนึ่งคื อนิ พพาน เปนบรมสุข เปน
ฝ งอันปลอดภัย เปนความเที ่ยงแท เปนความไมมี นิมิตหมาย มี แตความเปนเชนนั ้ นเสมอมาและ
เสมอไป ปรากฏการณ´ เห็ นนิ พพานนั ้ นจะยกชั ้ นของภู มิ จิ ตใหสู งขึ ้ นอยางถาวร ปรากฏการณ´ เห็ นนิ พพานนั ้ นจะยกชั ้ นของภู มิ จิ ตใหสู งขึ ้ นอยางถาวร ปรากฏการณ´ เห็ นนิ พพานนั ้ นจะยกชั ้ นของภู มิ จิ ตใหสู งขึ ้ นอยางถาวร ปรากฏการณ´ เห็ นนิ พพานนั ้ นจะยกชั ้ นของภู มิ จิ ตใหสู งขึ ้ นอยางถาวร กลาวคื อเมื่ อรู จั ก
นิพพานแล ว จิ ตยอมทราบที ่ หมายปลายทาง และยอมเลิ กเข าข างกิ เลส แตหันไปเข าข างกรรมที ่
สนับสนุนให เดินทางไปถึงความหมดกิเลสสิ ้ นเชิง ซึ่งก็ได แกกรรมอันเปนกุ ศลทั ้ งทางกาย วาจา และ
ใจนั่นเอง
สรุปโสดาบันบุ คคลนั ้ น ‘ต องดี จริง’ ลงมาถึงระดับของ
จิต แม ยั งมี ราคะ โทสะ โมหะ แม ยั งมี ความคิดไมดี ได
อยู แตก็ ‘ไมเอาบาป’ ออกมาจากจิต ถ าเปนบาปจะไม
มี การชั่ งใจลั งเลวาเอาดี ไมเอาดี เมื่ อจิตไมเอาบาป ก็
ยอมไมสร างภพ ไมสร างนิมิ ตสยดสยองกอนตาย พอ
จิตสุดท ายของความเปนมนุ ษย´ดับลง ที ่หมายยอม
เปนไปได สองสถาน คื อสวรรค´หรื อนิพพานอยางใด
อยางหนึ่ง
ที ่พระพุ ทธเจ าพยากรณ´ ไว คื อโสดาบันบุ คคลนั ้ นเที ่ยงที ่ จะบรรลุพระอรหั ตตผล หมายถึงในที ่สุด
จะต องเปนผู บริสุ ทธิ์หมดจดจากกิเลสอยางสิ ้ นเชิงภายใน ๗ ชาติ ถ าขยันหนอย ปฏิบัติธรรมลดละ
กิเลสเห็นตามจริงขะมั กเขม นก็จบกิจในป จจุบันชาติ แตถ ายั งปรารถนาเสวยสมบัติมนุษย´และเทวดา
อยางมากอี ก ๗ ชาติก็ต องเบื่ อหนาย คลายความยินดี เห็นความจริงจนถึงที ่สุด สําเร็จเปนพระ
อรหันต´ ในชาติสุ ดท ายจนได
ทานจึงวาเปนโสดาบันบุ คคลนั ้ น ประเสริฐกวาความเปน
นั กธุรกิจหมื่นล าน ประเสริฐกวาความเปนราชามหา
จั กรพรรดิ ประเสริฐกวาความเปนเทพและพรหม นั่นก็
เพราะปุถุชนผู ยั งไมบรรลุธรรมเปนโสดาบันล วนเดินทาง
เปนวงกลม เดี ๋ยวดี เดี ๋ยวร าย เดี ๋ยวทําบุ ญเดี ๋ยวทําบาป
เดี ๋ยวเสวยทุ กข´ เดี ๋ยวเสวยสุข คล ายนั่ งรถไฟเหาะ เดี ๋ยว
ขึ ้ นสู ง เดี ๋ยวลงต่ ํา แล วก็วนย อนกลับมาหาจุดเริ่มต นกัน
ใหม ในขณะที ่ โสดาบันบุ คคลเดินทางเปนเส นตรงสู
จุดหมายที ่แนชั ดแล ว คื อแมพวกทานยั งอยู ภายใต กฎ
แหงความไมเที ่ยง ก็เปนความไมเที ่ยงขาขึ ้ น เหมื อนคน
ขึ ้ นลิฟต´ ลิ่ วๆสู ยอดสุดอั นเปนที ่พั กถาวรทาเดี ยว
ถ าให กลาวจําแนกอยางชัดเจน เหลาโสดาบันมี ความ
มั่นคงในระดับของจิตอยู ๒ ประการ :ซึ่งก็คื อความตั ้ ง
มั่นแหงภพภู มิอันเปนป จจุบั นและอนาคต: ได แก

๑ ๑๑ ๑: : : : ศรั ทธาตั ้ งมั่ นในพระพุ ทธเจ าและพระธรรมคํ าสอนของพระองค´ ศรั ทธาตั ้ งมั่ นในพระพุ ทธเจ าและพระธรรมคํ าสอนของพระองค´ ศรั ทธาตั ้ งมั่ นในพระพุ ทธเจ าและพระธรรมคํ าสอนของพระองค´ ศรั ทธาตั ้ งมั่ นในพระพุ ทธเจ าและพระธรรมคํ าสอนของพระองค´ เนื่ องจากเห็นนิพพานแล ว ทราบ
แล ววาพระพุ ทธเจ าพบนิพพานจริง รวมทั ้ งสั่ งสอนให พระสานุ ศิษย´ ทั ้ งหลายถึงนิพพานได จริง
พิสู จน´ ได ในชาติ ปจจุบันแหงความเปนมนุษย´ ไมมี การลั งเลสงสัยหรื อหันไปฟงคําสอนอื่นอี ก
ตลอดจนไมมี ทางหลงเห็นผิ ดเปนชอบ เชนเชื่ อแบบสืบๆกั นมาวาทําพิธี อยางนั ้ นอยางนี ้แล วจะได
บรรลุ มรรคผล มี แตความเข าใจจริงวาต องปฏิบัติธรรม เจริญสติรู เห็นเข ามาในกายใจนี ้ โดยความ
เปนของไมเที ่ยง ไมใชตั วตนเทานั ้ น
๒ ๒๒ ๒: : : : มี ศี ลที ่ ตั ้ งมั่ น มี ศี ลที ่ ตั ้ งมั่ น มี ศี ลที ่ ตั ้ งมั่ น มี ศี ลที ่ ตั ้ งมั่ น เปนความตั ้ งมั่นแบบไมต องดู ตําราวาท านให ทําหรื อไมให ทําอะไรบ าง จิตไมเอา
บาป ไมเอาอกุ ศลอันเป นหนทางไปสู อบายภู มิทั ้ งหมด ทั ้ งการฆาสัตว´ การลั กทรัพย´ การผิดในกาม
การโกหก และการกินเหล าเมายา
แถมท ายอี กนิด การจะเปนโสดาบันบุ คคลนั ้ น มี เงื่ อนไขอยู บ าง คื อเกิดเปนมนุษย´ พบพุ ทธศาสนา
มี สติปญญาพอจะรู คําสอนของพระพุ ทธเจ า ไมเคยฆาพอฆาแม ไมเคยฆาพระอรหันต´ ไมเคยเปน
พระที ่ ทําความแตกแยกแกหมู สงฆ´ ตลอดจนมี กําลั งวั งชา และมี เวลาเหลื ออยู ในโลกนี ้สั ก ๗ วัน
๗ เดื อน หรื อ ๗ ป เพื่ อพัฒนาสติรู เห็นตามจริงดั งที ่พระพุ ทธเจ าตรัสชี ้ ทางไว
จาก เตรี ยมเสบี ยงไว เลี ้ ยงตั ว โดย จาก เตรี ยมเสบี ยงไว เลี ้ ยงตั ว โดย จาก เตรี ยมเสบี ยงไว เลี ้ ยงตั ว โดย จาก เตรี ยมเสบี ยงไว เลี ้ ยงตั ว โดย “ ““ “ดั งตฤณ ดั งตฤณ ดั งตฤณ ดั งตฤณ” ”” ”

“ ““ “อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา อุ บาสิ กา... ... ... ...ณชเล ณชเล ณชเล ณชเล” ”” ”

You might also like