Professional Documents
Culture Documents
ฟั งก์ ชันวัตถุประสงค์
Maximize Z = C1X1 + C2X2 +…+CnXn
หรือ Minimize Z = C1X1 + C2X2 +…+CnXn
ภายใต้ ข้อจำกัด (สมการหรืออสมการ)
a11X1+a12X2+…+a1nXn (<=,>=,=) b1
a21X1+a22X2+…+a2nXn (<=,>=,=) b2
… …
am1X1+am2X2+…+amnXn (<=,>=,=) bm
ฟั งก์ชนั ข้ อจำกัด
1. ด้ านแรงงานคนในการผลิตสินค้ าทัง้ 3 ชนิด จะใช้ แรงงานคนทังหมดไม่
้ เกิน 160 ช.ม.
เขียนอสมการได้ เป็ น 8Y1+5Y2+4Y3 <= 160
2. ด้ านวัตถุดิบในการผลิตสินค้ าดังกล่าวจะใช้ วตั ถุดิบทังหมดต้
้ องไม่เกิน 300 กิโลกรัม
เขียนอสมการได้ เป็ น 5Y1+2Y2+10Y3<=300
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ นคือ
Maximize Z = 6Y1+ 3Y2+ 7Y3
ภายใต้ ข้อจำกัด
8Y1+5Y2+4Y3 <= 160
5Y1+2Y2+10Y3<=300
Y1, Y2,Y3 >= 0
ต.ย. บริษัทเบทาโกร ภาคใต้ จำกัด ผู้ผลิตอาหารไก่ได้ ใช้ สว่ นผสมในการ
ผลิตอาหารไก่ 4 ชนิดคือ ข้ าวโพด รำข้ าว ปลาป่ น และวิตามิน ใน
การผลิตจะบรรจุเป็ นถุง ถุงละ 50 กิโลกรัม โดยมีข้อกำหนดต่างๆ
ดังนี ้
1. ต้ องมีวิตามินไม่ต่ำกว่า 20 %
2. ต้ องมีข้าวโพดไม่เกิน 50 %
3. ต้ องมีข้าวโพดและรำข้ าวรวมกันไม่ต่ำกว่า 60 %
4. ต้ องมีอตั ราส่วน ของปลาป่ นกับรำข้ าวโพด ไม่เกิน 3 ต่อ 2
ถ้ าต้ นทุนของข้ าวโพด ปลาป่ น รำข้ าว และวิตามิน กิโลกรัมละ 1.5
บาท, 2 บาท, 0.5 บาท, และ 2.75 บาท ตามลำดับ อาหารไก่ 1 ถุง
ควรประกอบด้ วยส่วนผสมต่างๆ อย่างละกี่กิโลกรัม
X1 แทนจำนวนข้ าวโพดในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
X2 แทนจำนวนปลาป่ นในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
X3 แทนจำนวนรำข้ าวในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
X4 แทนจำนวนวิตามินในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
ฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์ คือต้ องการต้ นทุนต่ำสุดของส่วนผสมในอาหารไก่ 1ถุง
Minimize Z = 1.5X1 + 2X2 + 0.5X3 + 2.75X4
ฟั งก์ชนั ข้ อจำกัด
1. ส่วนผสมของอาหารไก่ 1 ถุงรวมกันจะได้ เท่ากับ 50 หน่วยพอดี
X1 + X2 + X3 + X4 = 50
2. ต้ องมีวิตามินไม่ต่ำกว่า 20%
X4 >= 10
3. ต้ องมีข้าวโพดไม่เกิน 50%
X1 <= 25
4. ต้ องมีข้าวโพดและรำข้ าวรวมกันไม่ต่ำกว่า 60 %
X1 + X3 >= 30
5. ต้ องมีอตั ราส่วนของปลาป่ นกับรำข้ าว ต่อข้ าวโพดไม่เกิน 3 ต่อ 2
X2+X3 <= 3
X1 2
2X2 + 2X3 <= 3X1
2X2 + 2X3 - 3X1 <= 0 หรื อ 3 X1 -2X2 -2X3 >= 0
สรุปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ นคือ
Minimize Z = 1.5X1 + 2X2 + 0.5X3 + 2.75X4
ภายใต้ ข้อจำกัด
X1 + X2 + X3 + X4 = 50
X4 >= 10
X1 <= 25
X1 + X3 >= 30
3 X1 -2X2 -2X3 >= 0
X1, X2, X3, X4 >= 0
ต.ย. 3 บริ ษทั ผูผ้ ลิตสิ นค้าแห่งหนึ่งมีโรงงานผลิตสิ นค้า 3 แห่ง สิ นค้าที่
ผลิตได้จากโรงงานทั้งสามแห่งจะถูกส่ งไปเก็บที่คลังสิ นค้าของบริ ษทั ซึ่ ง
มีอยู่ 3 แห่ง เพื่อรอจัดส่ งให้ลูกค้าต่อไป ถ้าโรงงานแห่งแรกผลิตสิ นค้า
ได้ไม่เกินวันละ 4000 หน่วย โรงงานที่สอง ผลิตสิ นค้าได้ไม่เกินวัน
ละ 2500 หน่วย โรงงานที่ 3 ผลิตสิ นค้าได้ไม่เกินวันละ 3500
หน่วย ส่ วนคลังสิ นค้าทั้ง 3 แห่งนั้นสามารถเก็บสิ นค้าได้เต็มที่แห่งละ
ไม่เกิน 3000 หน่วย 5000 หน่วย และ 2000 หน่วยตามลำดับ ใน
การส่ งสิ นค้าจากโรงงานทั้ง 3 แห่งไปยังคลังสิ นค้าทั้ง 3 แห่งจะต้อง
เสี ยค่าใช้จ่ายในการขนส่ งดังนี้
ตารางแสดงค่ าใช้ จ่ายในการขนส่ งสินค้ า (บาท / หน่ วย)
ถึง
จาก คลังสินค้ าที่ 1 คลังสินค้ าที่ 2 คลังสินค้ าที่ 3
โรงงานที่ 1 5 7 10
โรงงานที่ 2 6 4 12
โรงงานที่ 3 8 9 18
บริษัทควรจัดส่ งสินค้ าจากโรงงานทัง้ 3 แห่ งไปยังคลังสินค้ าทัง้ 3 แห่ งอย่ างไร
จึงจะเสียค่ าใช้ จ่ายในการขนส่ งน้ อยที่สุด
สิ่ งที่ตอ้ งการทราบคือ
จำนวนสินค้ าที่จะส่งจากโรงงานที่ 1,2 และ 3 ไปยังคลังสินค้ าทัง้ 3 แห่ง
Xij แทนจำนวนสินค้ าจากโรงงานที่ i ไปคลังสินค้ าที่ j
i = 1,2,3
j = 1,2,3
ฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์คือหาค่าใช้ จา่ ยในการขนส่งต่ำสุด
Minimize Z = 5X11 + 7X12 + 10X13 + 6X21 + 4X22 + 12X23 + 8X31 + 9X32 + 18X33
ฟังก์ชนั ข้อจำกัด
1. ด้านโรงงานจะผลิตสิ นค้าได้สูงสุ ดไม่เกินแห่งละ 4000, 2500
และ 3500 หน่วยตามลำดับ
X11 + X12 + X13 <= 4000
X21 + X22 + X23 <= 2500
X31 + X32 + X33 <= 3500
2. ด้านคลังสิ นค้าจะเก็บสิ นค้าแต่ละแห่งได้ไม่เกิน 3000, 5000 และ
2000 หน่วยตามลำดับ
X11 + X21 + X31 <= 3000
X12 + X22 + X32 <= 5000
X13 + X23 + X33 <= 2000
สรุ ปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ น
Minimize Z = 5X11 + 7X12 + 10X13 + 6X21 + 4X22 + 12X23 + 8X31 + 9X32 + 18X33
ภายใต้ขอ้ จำกัด
X11 + X12 + X13 <= 4000
X21 + X22 + X23 <= 2500
X31 + X32 + X33 <= 3500
X11 + X21 + X31 <= 3000
X12 + X22 + X32 <= 5000
X13 + X23 + X33 <= 2000
Xij >= 0, i = 1,2,3 และ j = 1,2,3
วิธีแก้ ปัญหากำหนดการเชิงเส้ น
ปั ญหาที่มี 2 ตัวแปร วิธีที่ใช้ ประกอบด้ วย
1. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method)
2. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical deduction method)
3. วิธีกราฟ (Graphical method) ***นิยม
X1 แทนจำนวนการผลิตของตูเ้ ย็นชนิดพิเศษ
X2 แทนจำนวนการผลิตของตูเ้ ย็นชนิดธรรมดา
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ
Maximize Z = 7X1 + 4X2 (ร้อยบาท)
ภายใต้ขอ้ จำกัด
X1 <= 3
X2 <= 6
3X1+ 2X2 <= 20 (พันบาท)
X1, X2 >= 0
วิธีจำกัดขอบข่ ายของคำตอบ (Direct elimination method)
X2 0 1 2 3 4 5 6 7 8
X1
0 0 4 8 12 16 20 24 28 32
1 7 11 15 19 23 27 31 35 39
2 14 18 22 26 30 34 38 42 46
3 21 25 29 33 37 41 45 49 53
4 28 32 36 40 44 48 52 56 60
5 35 39 43 47 51 55 59 63 67
6 42 46 50 54 58 62 66 70 74
วิธีจำกัดขอบข่ ายของคำตอบ (Direct elimination method)
(ค) ให้ คา่ X1 =3 ค่าสูงสุดของ X2 จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 5.5 ใช้ 5 ตู้
ค่าต่ำสุดของ X2 คือ 0
ดังนัน้ ค่า Z(3,5) = 41
Z(3,0) = 21
(ง) ให้ คา่ X2 = 6 ค่าสูงสุดของ X1 จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 2.67 ใช้ 2 ตู้
ค่าต่ำสุดของ X1 คือ 0
ดังนัน้ ค่า Z(2,6) = 38
Z(0,6) = 24
จากการพิจารณาตามเงื่อนไขขอบเขตนี ้จะได้ Z(3,5) = 41 เป็ นค่ากำไรสูงสุด
วิธีแก้ ปัญหากำหนดการเชิงเส้ น
3. วิธีกราฟ (Graphical method)
การหาค่าสูงสุดด้ วยวิธีกราฟ
ต.ย. ในการผลิตสินค้ า 2 ชนิด ชนิดที่ 1 ได้ กำไร 2 บาท/ชิน้ ในการขาย
ชนิดที่ 2 ได้ กำไร 5 บาท/ชิน้
สินค้ าชนิดที่ 1 ต้ องใช้ เวลาในการผลิต 2 ชั่วโมง และใช้ วัตถุดบิ 1 ส่ วน
สินค้ าชนิดที่ 2 ต้ องใช้ เวลาในการผลิต 1 ชั่วโมง และใช้ วัตถุดบิ 3 ส่ วน
ข้ อกำหนดเวลาทำงานมีอย่ างมากที่สุด 40 ชั่วโมง และมีวัตถุดบิ อย่ าง
มาก 30 ส่ วน จงหาว่ าควรจะผลิตสินค้ าชนิดที่ 1 และ 2 อย่ างละเท่ าไร
จึงจะได้ กำไรมากที่สุด
X1 แทนจำนวนสิ นค้าชนิดที่ 1 (หน่วยเป็ นชิ้น)
X2 แทนจำนวนสิ นค้าชนิดที่ 2 (หน่วยเป็ นชิ้น)
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ
Maximize Z = 2X1+5X2
ภายใต้ขอ้ จำกัด
2X1+X2 <= 40
X1+3X2 <= 30
X1>= 0, X2>=0
X2
จากสมการ 2X1+X2 = 40
40 (0,40)
หาจุดตัดบนแกน X1 คือ (20,0)
35
30
หาจุดตัดบนแกน X2 คือ (0,40)
25
20
15
10
5 (20,0)
X1
5 10 15 20 25 30 35 40
กราฟของสมการ
2X1+X2 = 40
X2
40 (0,40)
35
30
25
20
15
10
5 (20,0)
X1
5 10 15 20 25 30 35 40
กราฟของสมการ
X1+3X2 = 30
X2
40
35
30
25
20
15 X1+3X2 = 30
(0,10)
10
5
(30,0)
X1
5 10 15 20 25 30 35 40
40 (0,40)
35
30 2X1+X2 = 40
25
20
15
(0,10) X1+3X2 = 30
10
5
(30,0)
X1
(20,0)
5 10 15 20 25 30 35 40
40 (0,40)
35
30 2X1+X2 = 40
25
20
15
D (0,10) C(18,4) X1+3X2 = 30
10
5
(30,0)
X1
A(0,0)
5 10 15 20 25 30 35 40
B(20,0)
ภาพ A