You are on page 1of 42

บทที่ 2

กำหนดการเชิงเส้ น : การแก้ ปัญหาด้ วยวิธีกราฟ (ต่ อ)

Operations Research โดย อ. สุ รินทร์ทิพ ศักดิ์ภูวดล


การสร้ างตัวแบบ(Model)คณิตศาสตร์ กำหนดการเชิงเส้ น
สิง่ ที่ต้องพิจารณาจากโจทย์
1. หาตัวแปรที่เราต้ องการมีอะไรบ้ าง
2. หาฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์คืออะไร ต้ องการหาค่าต่ำสุดหรื อหาค่าสูงสุด
(Maximize, Minimize) >>> (สมการเป้าหมาย)
3. หาฟั งก์ชนั ข้ อจำกัด (มีเงื่อนไขหรื อข้ อจำกัดอะไรบ้ างที่โจทย์กำหนดมาให้ )
>>> (สมการหรื ออสมการขอบข่าย)
4. ความสัมพันธ์ของตัวแปรในสมการหรื ออสมการต่างๆ ของ Model ต้ องมี
ลักษณะเชิงเส้ นตรง (โดยมากเป็ นกำลังหนึง่ )
5. ตัวแปรทุกตัวต้ องมีคา่ >= 0
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ น (Linear Programming Model)
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ นสำหรับการหาค่ าสูงสุด หรือค่ าต่ำสุด สามารถเขียนเป็ นตัว
แบบคณิตศาสตร์ ( Mathematical model) ได้ ดังนี ้

ฟั งก์ ชันวัตถุประสงค์
Maximize Z = C1X1 + C2X2 +…+CnXn
หรือ Minimize Z = C1X1 + C2X2 +…+CnXn
ภายใต้ ข้อจำกัด (สมการหรืออสมการ)
a11X1+a12X2+…+a1nXn (<=,>=,=) b1
a21X1+a22X2+…+a2nXn (<=,>=,=) b2
… …
am1X1+am2X2+…+amnXn (<=,>=,=) bm

และ X1, X2, …,Xn >= 0


โดยที่ Z คือฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์
Xj คือตัวแปรที่เป็ นทางเลือกซึง่ ต้ องการหาค่า ; j = 1,2,3,…,n
Cj คือค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปร Xj ในฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์ ซึง่ มีคา่ คงที่ ;
j= 1,2,3,…,n
aij คือค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในฟั งก์ชนั ข้ อจำกัด (Constraints)
i= 1,2,3,…,m และ j= 1,2,3,…,n
bi คือปริมาณของทรัพยากรที่มีอยู่ ซึง่ มีคา่ เป็ นค่าคงที่จำนวนบวก (bi > 0)
i= 1,2,3,…,m
ตัวอย่างเช่น Maximize Z= 3X1 + 2X2
ภายใต้ขอ้ จำกัด
6X1+5X2 <= 30
X1+2X2 <= 10
2X1+X2 >= 4
X1>=0, X2 >=0
การประยุกต์ กำหนดการเชิงเส้ น
ต.ย. 1 บริษัทเกียรติชยั จำกัดได้ ผลิตสินค้ า 3 ชนิด ได้ แก่สนิ ค้ าชนิด ก สินค้ าชนิด
ข และสินค้ าชนิด ค การผลิตจะต้ องใช้ แรงงานคนและวัตถุดิบ ซึง่ สินค้ าแต่ละ
ชนิดจะใช้ แรงงานคน วัตถุดิบ และได้ กำไรตามตาราง
สินค้ าชนิด ก สินค้ าชนิด ข สินค้ าชนิด ค
แรงงาน (ช.ม./ชิ้น) 8 5 4
วัตถุดิบ (ก.ก./ชิ้น) 5 2 10
กำไร (บาท/ชิ้น) 6 3 7

วัตถุดิบที่บริ ษัทสามารถใช้ ได้ ในแต่ละวันมีจำนวน 300 กิโลกรัม และแรงงานที่สามารถใช้ ได้


ในแต่ละวันมีจำนวน 160 ชัว่ โมง จงสร้ างปั ญหากำหนดการเชิงเส้ น เพื่อหาว่าในแต่ละวันจะ
ผลิตสินค้ าแต่ละชนิดเป็ นจำนวนเท่าใด จึงจะทำให้ ได้ กำไรมากที่สดุ
Y1 แทนจำนวนการผลิตของสินค้ า ก ในแต่ละวัน
Y2 แทนจำนวนการผลิตของสินค้ า ข ในแต่ละวัน
Y3 แทนจำนวนการผลิตของสินค้ า ค ในแต่ละวัน

ฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์คือหากำไรมากที่สดุ จากการผลิตสินค้ าทัง้ 3 ชนิด


สมการ Maximize Z = 6Y1+ 3Y2+ 7Y3

ฟั งก์ชนั ข้ อจำกัด
1. ด้ านแรงงานคนในการผลิตสินค้ าทัง้ 3 ชนิด จะใช้ แรงงานคนทังหมดไม่
้ เกิน 160 ช.ม.
เขียนอสมการได้ เป็ น 8Y1+5Y2+4Y3 <= 160
2. ด้ านวัตถุดิบในการผลิตสินค้ าดังกล่าวจะใช้ วตั ถุดิบทังหมดต้
้ องไม่เกิน 300 กิโลกรัม
เขียนอสมการได้ เป็ น 5Y1+2Y2+10Y3<=300
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ นคือ
Maximize Z = 6Y1+ 3Y2+ 7Y3
ภายใต้ ข้อจำกัด
8Y1+5Y2+4Y3 <= 160
5Y1+2Y2+10Y3<=300
Y1, Y2,Y3 >= 0
ต.ย. บริษัทเบทาโกร ภาคใต้ จำกัด ผู้ผลิตอาหารไก่ได้ ใช้ สว่ นผสมในการ
ผลิตอาหารไก่ 4 ชนิดคือ ข้ าวโพด รำข้ าว ปลาป่ น และวิตามิน ใน
การผลิตจะบรรจุเป็ นถุง ถุงละ 50 กิโลกรัม โดยมีข้อกำหนดต่างๆ
ดังนี ้
1. ต้ องมีวิตามินไม่ต่ำกว่า 20 %
2. ต้ องมีข้าวโพดไม่เกิน 50 %
3. ต้ องมีข้าวโพดและรำข้ าวรวมกันไม่ต่ำกว่า 60 %
4. ต้ องมีอตั ราส่วน ของปลาป่ นกับรำข้ าวโพด ไม่เกิน 3 ต่อ 2
ถ้ าต้ นทุนของข้ าวโพด ปลาป่ น รำข้ าว และวิตามิน กิโลกรัมละ 1.5
บาท, 2 บาท, 0.5 บาท, และ 2.75 บาท ตามลำดับ อาหารไก่ 1 ถุง
ควรประกอบด้ วยส่วนผสมต่างๆ อย่างละกี่กิโลกรัม
X1 แทนจำนวนข้ าวโพดในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
X2 แทนจำนวนปลาป่ นในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
X3 แทนจำนวนรำข้ าวในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
X4 แทนจำนวนวิตามินในอาหารไก่ 1 ถุง (กิโลกรัม)
ฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์ คือต้ องการต้ นทุนต่ำสุดของส่วนผสมในอาหารไก่ 1ถุง
Minimize Z = 1.5X1 + 2X2 + 0.5X3 + 2.75X4
ฟั งก์ชนั ข้ อจำกัด
1. ส่วนผสมของอาหารไก่ 1 ถุงรวมกันจะได้ เท่ากับ 50 หน่วยพอดี
X1 + X2 + X3 + X4 = 50
2. ต้ องมีวิตามินไม่ต่ำกว่า 20%
X4 >= 10
3. ต้ องมีข้าวโพดไม่เกิน 50%
X1 <= 25
4. ต้ องมีข้าวโพดและรำข้ าวรวมกันไม่ต่ำกว่า 60 %
X1 + X3 >= 30
5. ต้ องมีอตั ราส่วนของปลาป่ นกับรำข้ าว ต่อข้ าวโพดไม่เกิน 3 ต่อ 2
X2+X3 <= 3
X1 2
2X2 + 2X3 <= 3X1
2X2 + 2X3 - 3X1 <= 0 หรื อ 3 X1 -2X2 -2X3 >= 0
สรุปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ นคือ
Minimize Z = 1.5X1 + 2X2 + 0.5X3 + 2.75X4

ภายใต้ ข้อจำกัด
X1 + X2 + X3 + X4 = 50
X4 >= 10
X1 <= 25
X1 + X3 >= 30
3 X1 -2X2 -2X3 >= 0
X1, X2, X3, X4 >= 0
ต.ย. 3 บริ ษทั ผูผ้ ลิตสิ นค้าแห่งหนึ่งมีโรงงานผลิตสิ นค้า 3 แห่ง สิ นค้าที่
ผลิตได้จากโรงงานทั้งสามแห่งจะถูกส่ งไปเก็บที่คลังสิ นค้าของบริ ษทั ซึ่ ง
มีอยู่ 3 แห่ง เพื่อรอจัดส่ งให้ลูกค้าต่อไป ถ้าโรงงานแห่งแรกผลิตสิ นค้า
ได้ไม่เกินวันละ 4000 หน่วย โรงงานที่สอง ผลิตสิ นค้าได้ไม่เกินวัน
ละ 2500 หน่วย โรงงานที่ 3 ผลิตสิ นค้าได้ไม่เกินวันละ 3500
หน่วย ส่ วนคลังสิ นค้าทั้ง 3 แห่งนั้นสามารถเก็บสิ นค้าได้เต็มที่แห่งละ
ไม่เกิน 3000 หน่วย 5000 หน่วย และ 2000 หน่วยตามลำดับ ใน
การส่ งสิ นค้าจากโรงงานทั้ง 3 แห่งไปยังคลังสิ นค้าทั้ง 3 แห่งจะต้อง
เสี ยค่าใช้จ่ายในการขนส่ งดังนี้
ตารางแสดงค่ าใช้ จ่ายในการขนส่ งสินค้ า (บาท / หน่ วย)

ถึง
จาก คลังสินค้ าที่ 1 คลังสินค้ าที่ 2 คลังสินค้ าที่ 3

โรงงานที่ 1 5 7 10
โรงงานที่ 2 6 4 12
โรงงานที่ 3 8 9 18
บริษัทควรจัดส่ งสินค้ าจากโรงงานทัง้ 3 แห่ งไปยังคลังสินค้ าทัง้ 3 แห่ งอย่ างไร
จึงจะเสียค่ าใช้ จ่ายในการขนส่ งน้ อยที่สุด
สิ่ งที่ตอ้ งการทราบคือ
จำนวนสินค้ าที่จะส่งจากโรงงานที่ 1,2 และ 3 ไปยังคลังสินค้ าทัง้ 3 แห่ง
Xij แทนจำนวนสินค้ าจากโรงงานที่ i ไปคลังสินค้ าที่ j
i = 1,2,3
j = 1,2,3
ฟั งก์ชนั วัตถุประสงค์คือหาค่าใช้ จา่ ยในการขนส่งต่ำสุด
Minimize Z = 5X11 + 7X12 + 10X13 + 6X21 + 4X22 + 12X23 + 8X31 + 9X32 + 18X33
ฟังก์ชนั ข้อจำกัด
1. ด้านโรงงานจะผลิตสิ นค้าได้สูงสุ ดไม่เกินแห่งละ 4000, 2500
และ 3500 หน่วยตามลำดับ
X11 + X12 + X13 <= 4000
X21 + X22 + X23 <= 2500
X31 + X32 + X33 <= 3500
2. ด้านคลังสิ นค้าจะเก็บสิ นค้าแต่ละแห่งได้ไม่เกิน 3000, 5000 และ
2000 หน่วยตามลำดับ
X11 + X21 + X31 <= 3000
X12 + X22 + X32 <= 5000
X13 + X23 + X33 <= 2000
สรุ ปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้ น
Minimize Z = 5X11 + 7X12 + 10X13 + 6X21 + 4X22 + 12X23 + 8X31 + 9X32 + 18X33
ภายใต้ขอ้ จำกัด
X11 + X12 + X13 <= 4000
X21 + X22 + X23 <= 2500
X31 + X32 + X33 <= 3500
X11 + X21 + X31 <= 3000
X12 + X22 + X32 <= 5000
X13 + X23 + X33 <= 2000
Xij >= 0, i = 1,2,3 และ j = 1,2,3
วิธีแก้ ปัญหากำหนดการเชิงเส้ น
ปั ญหาที่มี 2 ตัวแปร วิธีที่ใช้ ประกอบด้ วย
1. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method)
2. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical deduction method)
3. วิธีกราฟ (Graphical method) ***นิยม

ปั ญหาที่มีมากกว่า 2 ตัวแปร วิธีที่ใช้ ประกอบด้ วย


1. วิธีพีชคณิต (Algebraic method)
2. วิธีซิมเพล็ก (Simplex method) ***นิยม
วิธีแก้ ปัญหากำหนดการเชิงเส้ น
1. วิธีจำกัดขอบข่ ายของคำตอบ (Direct elimination method)

โรงงานผลิตตู้เย็นแห่งหนึง่ ทำการผลิตตู้เย็น 2 ชนิด คือชนิดพิเศษและชนิด


ธรรมดา ชนิดพิเศษทำกำไรได้ ต้ ลู ะ 700 บาท ส่วนตู้เย็นธรรมดาทำ
กำไรได้ ต้ ลู ะ 400 บาท จากสถิติการขายพบว่าในเดือนหนึง่ ๆ ตู้เย็นชนิด
พิเศษขายได้ ไม่เกิน 3 ตู้สว่ นตู้เย็นธรรมดาขายได้ ถงึ 6 ตู้ถ้าต้ นทุนการ
ผลิตของตู้เย็นสำหรับตู้เย็นทัง้ 2 ชนิดเป็ น 3000 และ 2000 บาทตาม
ลำดับ และโดยที่ต้นทุนของการหมุนเวียนมีอยู่จำกัดในวงเงิน 20000
บาทต่อเดือนเราจะให้ โรงงานดังกล่าวผลิตตู้เย็นอย่างละเท่าไรจึงจะมี
กำไรมากที่สดุ ในเดือนหนึง่ ๆ
วิธีจำกัดขอบข่ ายของคำตอบ (Direct elimination method)

X1 แทนจำนวนการผลิตของตูเ้ ย็นชนิดพิเศษ
X2 แทนจำนวนการผลิตของตูเ้ ย็นชนิดธรรมดา
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ
Maximize Z = 7X1 + 4X2 (ร้อยบาท)
ภายใต้ขอ้ จำกัด
X1 <= 3
X2 <= 6
3X1+ 2X2 <= 20 (พันบาท)
X1, X2 >= 0
วิธีจำกัดขอบข่ ายของคำตอบ (Direct elimination method)

X2 0 1 2 3 4 5 6 7 8
X1                  
0 0 4 8 12 16 20 24 28 32
1 7 11 15 19 23 27 31 35 39
2 14 18 22 26 30 34 38 42 46
3 21 25 29 33 37 41 45 49 53
4 28 32 36 40 44 48 52 56 60
5 35 39 43 47 51 55 59 63 67
6 42 46 50 54 58 62 66 70 74
วิธีจำกัดขอบข่ ายของคำตอบ (Direct elimination method)

จากตารางที่ได้เป็ นค่าของ Z = 7X1 + 4X2 เราจะตัดเอาเฉพาะค่าที่เป็ นไปได้โดย


ใช้อสมการขอบข่ายมาตัด
1. ตัดค่า X1 ที่เกินกว่า 3 ออก
2. ตัดค่า X2 ที่เกินกว่า 6 ออก
3. ตัดค่าแทนอสมการ 3X1+ 2X2 <= 20 ออก
ผลลัพธ์ในขอบข่ายที่เหลืออยูจ่ ะเรี ยกว่าผลลัพธ์ที่เป็ นไปได้
การหาผลลัพธ์เลือกเอาค่าสูงสุ ด คือ 41
สรุ ปได้ดงั นี้
1. ทำการผลิตตูเ้ ย็นชนิดพิเศษ 3 ตู ้ ชนิดธรรมดา 5 ตู ้
2. จาก Maximize Z = 7X1 + 4X2 (ร้อยบาท)
ผลกำไรสูงสุ ดจะได้เป็ น 4100 บาทต่อเดือน
วิธีแก้ ปัญหากำหนดการเชิงเส้ น
2. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Deduction Method)
 วิธีน้ ีเป็ นการพิจารณาขอบข่ายของปัญหาเพื่อหาตัวแปรที่เป็ นไปได้ตาม
หลักการพิจารณาเงื่อนไขขอบข่าย (boundary condition) ซึ่ ง
ทำได้โดยกำหนดตัวแปรตัวหนึ่งให้คงที่เป็ นค่าสูงสุ ดหรื อค่าต่ำสุ ดใน
ขอบข่ายของตัวแปรนั้นๆ และหาช่วงที่เป็ นไปได้ของตัวแปรอีกตัวหนึ่ง
จากนั้นเปลี่ยนตัวแปรคงที่โดยใช้ตวั แปรอีกตัวหนึ่งแทน แล้วหาช่วงที่
เป็ นไปได้อีกครั้งหนึ่ง ทำเช่นนี้จนได้ค่าของสมการตามเป้ าหมายซึ่ ง
สามารถเลือกค่าที่ตอ้ งการได้
วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Deduction Method)

จากตัวอย่ างโรงงานผลิตตู้เย็น (Maximize Z = 7X1 + 4X2 )


(ก) ให้ คา่ X1 = 0 ค่าที่เป็ นไปได้ สำหรับ X2 จาก X2<=6 คือ 6
จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 10
ค่าสูงสุดของ X2 เมื่อ X1 = 0 คือ 6
ค่าต่ำสุดของ X2 เมื่อ X1 = 0 คือ 0
ดังนัน้ ค่า Z(0,0) = 0, Z(0,6) = 24

(ข) ให้ คา่ X2 = 0 ค่าที่เป็ นไปได้ สำหรับ X1 จาก X1<=3 คือ 3


จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 6.67
ค่าสูงสุดของ X1 เมื่อ X2 = 0 คือ 3
ค่าต่ำสุดของ X1 เมื่อ X2 = 0 คือ 0
ดังนัน้ ค่า Z(3,0) = 21, Z(0,0) = 0
วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Deduction Method)

Maximize Z = 7X1 + 4X2

(ค) ให้ คา่ X1 =3 ค่าสูงสุดของ X2 จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 5.5 ใช้ 5 ตู้
ค่าต่ำสุดของ X2 คือ 0
ดังนัน้ ค่า Z(3,5) = 41
Z(3,0) = 21

(ง) ให้ คา่ X2 = 6 ค่าสูงสุดของ X1 จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 2.67 ใช้ 2 ตู้
ค่าต่ำสุดของ X1 คือ 0
ดังนัน้ ค่า Z(2,6) = 38
Z(0,6) = 24
จากการพิจารณาตามเงื่อนไขขอบเขตนี ้จะได้ Z(3,5) = 41 เป็ นค่ากำไรสูงสุด
วิธีแก้ ปัญหากำหนดการเชิงเส้ น
3. วิธีกราฟ (Graphical method)

 การหาค่าสูงสุดด้ วยวิธีกราฟ
ต.ย. ในการผลิตสินค้ า 2 ชนิด ชนิดที่ 1 ได้ กำไร 2 บาท/ชิน้ ในการขาย
ชนิดที่ 2 ได้ กำไร 5 บาท/ชิน้
สินค้ าชนิดที่ 1 ต้ องใช้ เวลาในการผลิต 2 ชั่วโมง และใช้ วัตถุดบิ 1 ส่ วน
สินค้ าชนิดที่ 2 ต้ องใช้ เวลาในการผลิต 1 ชั่วโมง และใช้ วัตถุดบิ 3 ส่ วน
ข้ อกำหนดเวลาทำงานมีอย่ างมากที่สุด 40 ชั่วโมง และมีวัตถุดบิ อย่ าง
มาก 30 ส่ วน จงหาว่ าควรจะผลิตสินค้ าชนิดที่ 1 และ 2 อย่ างละเท่ าไร
จึงจะได้ กำไรมากที่สุด
X1 แทนจำนวนสิ นค้าชนิดที่ 1 (หน่วยเป็ นชิ้น)
X2 แทนจำนวนสิ นค้าชนิดที่ 2 (หน่วยเป็ นชิ้น)
ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ
Maximize Z = 2X1+5X2
ภายใต้ขอ้ จำกัด
2X1+X2 <= 40
X1+3X2 <= 30

X1>= 0, X2>=0
X2
จากสมการ 2X1+X2 = 40
40 (0,40)
หาจุดตัดบนแกน X1 คือ (20,0)
35
30
หาจุดตัดบนแกน X2 คือ (0,40)
25
20
15
10
5 (20,0)
X1
5 10 15 20 25 30 35 40

กราฟของสมการ
2X1+X2 = 40
X2

40 (0,40)

35
30
25
20
15
10
5 (20,0)
X1
5 10 15 20 25 30 35 40

บริ เวณที่หาคำตอบได้ ภายใต้ ฟังก์ชนั ข้ อจำกัด 2X1+X2 <= 40


X1>=0, X2 >= 0
X2
จากสมการ X1+3X2 = 30
40
หาจุดตัดบนแกน X1 คือ (30,0)
35
30
หาจุดตัดบนแกน X2 คือ (0,10)
25
20
15
(0,10)
10
5
(30,0)
X1
5 10 15 20 25 30 35 40

กราฟของสมการ
X1+3X2 = 30
X2

40
35
30
25
20
15 X1+3X2 = 30
(0,10)
10
5
(30,0)
X1
5 10 15 20 25 30 35 40

บริ เวณที่หาคำตอบได้ ภายใต้ ฟังก์ชนั ข้ อจำกัด X1+3X2 <= 30


X1>=0, X2 >= 0
X2

40 (0,40)

35
30 2X1+X2 = 40

25
20
15
(0,10) X1+3X2 = 30
10
5
(30,0)
X1
(20,0)
5 10 15 20 25 30 35 40

ภาพ A บริ เวณที่หาคำตอบได้ ภายใต้ ฟังก์ชนั ข้ อจำกัด


2X1+X2 <= 40, X1+3X2 <= 30,X1>=0 และ X2 >= 0
การหาคำตอบทีด่ ที สี่ ุ ดจากกราฟ
วิธีที่ 1 การเขียนกราฟของฟังก์ ชันวัตถุประสงค์
X2 กำหนดให้ Z = 30 หรื อค่าใดใด
จะได้สมการ Z1 = 2X1+5X2 = 30
40 (0,40)
Z2 = 2X1+5X2 = 40
35

30 2X1+X2 = 40
25
เส้นกำไรสูงสุ ด
20
Z= 56 15 (18,4) คำตอบที่ดีที่สุด
Z2 = 40
10 (0,10) X1+3X2 = 30
Z1 = 30
5 C
(30,0)
X1
A B (20,0)
5 10 15 20 25 30 35 40

จาก ภาพ A การหาคำตอบโดยการเขี ยนกราฟของฟั งก์ ชนั วัตถุประสงค์


จุด C เกิดจากสมการเส้ นตรง 2 เส้ นตัดกัน คือ
2X1+X2 = 40 ---------(1)
X1+3X2 = 30 ---------(2)
2*(2) 2X1+6X2 = 60 ---------(3)
(3)-(1) 5X2 = 20, X2 = 4
แทนค่า X2 = 4 ใน (2)
X1+3(4) = 30
X1 = 30-12 = 18

จาก ภาพ A การหาคำตอบโดยการเขี ยนกราฟของฟั งก์ ชนั วัตถุประสงค์


จาก Maximize Z = 2X1+5X2
= 2(18) + 5(4)
= 56

คำตอบที่ดีที่สดุ คือ ผลิตสินค้ าชนิดที่ 1 จำนวน 18 ชิ ้น


ผลิตสินค้ าชนิดที่ 2 จำนวน 4 ชิ ้น
ได้ กำไรสูงสุด(Optimal Value) 56 บาท

จาก ภาพ A การหาคำตอบโดยการเขี ยนกราฟของฟั งก์ ชนั วัตถุประสงค์


การหาคำตอบทีด่ ที สี่ ุ ดจากกราฟ
วิธีที่ 2 การหาจุดตัดระหว่างฟังก์ชนั ข้อจำกัด
X2

40 (0,40)

35
30 2X1+X2 = 40

25
20
15
D (0,10) C(18,4) X1+3X2 = 30
10
5
(30,0)
X1
A(0,0)
5 10 15 20 25 30 35 40

B(20,0)

ภาพ A

จาก ภาพ A หาคำตอบโดยการหาจุดตัดระหว่ างฟั งก์ ชันข้ อจำกัด


วิธีท่ ี 2 การหาจุดตัดระหว่ างฟั งก์ ชันข้ อจำกัด
จาก ภาพ A สามารถหาคำตอบดังตาราง
จุดยอด ค่ าของ (X1, X2) กำไร Z = 2X1 + 5X2
A (0,0) 0
B (20,0) 40
C (18,4) 56 *** ค่าMax
D (0,10) 50

คำตอบที่ดีที่สดุ คือ ผลิตสินค้ าชนิดที่ 1 จำนวน 18 ชิ ้น


ผลิตสินค้ าชนิดที่ 2 จำนวน 4 ชิ ้น
ได้ กำไรสูงสุด(Optimal Value) 56 บาท
จาก ภาพ A หาคำตอบโดยการหาจุดตัดระหว่ างฟั งก์ ชันข้ อจำกัด
วิธีแก้ ปัญหากำหนดการเชิงเส้ น
แก้สมการ โดยวิธีพชี คณิต
2X1+X2 = 40 ---------(1)
X1+3X2 = 30 ---------(2)
2*(2) 2X1+6X2 = 60 ---------(3)
(3)-(1) 5X2 = 20, X2 = 4
แทนค่า X2 = 4 ใน (2)
X1+3(4) = 30
X1 = 30-12 = 18
Maximize Z = 2(18)+5(4)
= 56
คำตอบที่ดีที่สดุ คือ ผลิตสินค้ าชนิดที่ 1 จำนวน 18 ชิ ้น
ผลิตสินค้ าชนิดที่ 2 จำนวน 4 ชิ ้น
ได้ กำไรสูงสุด(Optimal Value) 56 บาท
Assignment
 ทบทวนเรื่ อง Matrix

You might also like