Professional Documents
Culture Documents
สุทัศน์ มีมุข
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คานา ก
สารบัญ ข
การประกันคุณภาพการศึกษา ๑
ความหมายและความสาคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา ๑
ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา ๑
ความสาคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา ๑
การประกันคุณภาพการศึกษาเกี่ยวข้องกับ ๒
ระบบและกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา ๒
กระบวนการประกันคุณภาพภายใน ๒
ขั้นตอนการดาเนินงานตามกระบวนการประกันคุณภาพภายใน ๕
ขั้นตอนการดาเนินการประกันคุณภาพภายใน ๕
บทบาทหน้าที่ของครูในการประกันคุณภาพภายใน ๖
การประเมินคุณภาพภายนอก ๗
แนวคิดและหลักการของการประเมินคุณภาพภายนอก ๘
ความสาคัญของการประเมินคุณภาพภายนอก ๙
ประโยชน์ที่ได้จากการประกันคุณภาพการศึกษา ๑๐
เกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรอบที่สอง
(พ.ศ. ๒๕๔๙ – ๒๕๕๓ ) ๑๐
วิธีการประเมินในแต่ละแบบ ๑๐
(ร่าง) การประเมินภายนอกรอบสาม (พ.ศ. ๒๕๕๔ – ๒๕๕๘) ๑๓
สรุป ๑๖
บรรณานุกรม ๑๗
ภาคผนวก ๑๘
การประกันคุณภาพการศึกษา
ความหมายและความสาคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๘๑ ได้กาหนดให้รัฐต้องจัด
การศึกษาอบรมและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิด “ความรู้คู่คุณธรรม ” และจัดให้มี
กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งนาไปสู่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ก่อให้เกิด
การปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ที่มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษา คือ ได้กาหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพ
การศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ.
๒๕๔๒: มาตรา ๔๗)
ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา
หมายถึง การบริหารจัดการและการดาเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษา เพื่อพัฒนา
คุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการทางการศึกษา ทั้งผู้รับบริการโดยตรง
ได้แก่ ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผู้รับบริ การทางอ้อม ได้แก่ สถานประกอบการ ประชาชน และสังคม
โดยรวม
ความสาคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา
มีความสาคัญ ๓ ประการ คือ
๑.ทาให้ประชาชนได้รับข้อมูลคุณภาพการศึกษาที่เชื่อถือได้ เกิดความเชื่อมั่นและสามารถ
ตัดสินใจเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน
๒.ป้องกันการจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและเกิดความเสมอภาค
ในโอกาสที่จะได้รับการบริการการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง
๓.ทาให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษามุ่งบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพและมาตรฐานอย่าง
จริงจัง ซึ่งมีผลให้การศึกษามีพลังที่จะพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
การประกันคุณภาพการศึกษาจึงเป็นการบริหารจัดการและการดาเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติ
ของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการ
การศึกษา ทั้งยังเป็นการป้องกันการจัด การศึกษาที่ด้อยคุณภาพและสร้างสรรค์การศึกษาให้เป็นกลไกที่มี
พลังในการพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น
๒
การประกันคุณภาพการศึกษาเกี่ยวข้องกับ
การดาเนินการที่สาคัญ ๒ เรื่องดังนี้
๑. การกาหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษา ซึ่งหลักปฏิบัติทั่วไปจะกาหนดโดยองค์คณะบุคคล
ผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้มีประสบการณ์ (Murgatroyd,Stephen and Morgan,Colin ๑๙๙๔ : ๔๕) ในระบบ
การศึกษาไทยตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ กาหนดให้กระทรวงการศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม เป็นผู้กาหนดมาตรฐานการศึกษา (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. ๒๕๔๒ :
มาตรา ๓๑) โดยมีสภาการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งชาติ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและ
คณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นผู้พิจารณาเสนอตามลาดับสายงาน (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒: มาตรา ๓๔)
๒. กระบวนการตรวจสอบและประเมิน การดาเนินการจัดการศึกษาว่าเป็นไปตามมา ตรฐาน
คุณภาพการศึกษามากน้อยเพียงไร พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. ๒๕๔๒ ได้กาหนดให้
หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่า
การประกันคุณภาพภายใน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดาเนินการอย่า ง
ต่อเนื่อง (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา ๔๘) และให้มีการประเมินคุณภาพ
ภายนอก ของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุก ๕ ปี โดยสานักงานรับรองมาตรฐานและ
ประเมินคุณภาพการศึกษาเป็นผู้ดาเนินการ (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. ๒๕๔๒ : มาตรา
๔๙)
ระบบและกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา
ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาไทยตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๔๗ ประกอบด้วย ๒ ระบบคือ ๑.ระบบการประกันคุณภาพภายในและ ๒. ระบบการประกัน
คุณภาพภายนอก
กระบวนการประกันคุณภาพภายใน
ระบบการประกันคุณภ าพภายใน หมายถึง ระบบการประเมินผล และการติดตามตรวจสอบ
คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเองหรือโดย
หน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กากับดูแลสถานศึกษานั้น (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. ๒๕๔๒
: มาตรา ๔)
สถานศึกษาจะต้องพัฒน าระบบการประกันคุณภาพภายในให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ
บริหารและการปฏิบัติงาน โดยคานึงถึงหลักการและกระบวนการดังต่อไปนี้
๓
๒. กระบวนการการประกันคุณภาพภายในตามแนวคิดของการประกันคุณภาพ มี ๓ ขั้นตอนคือ
(สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ๒๕๔๓ :๗)
๒.๑ การควบคุมคุณภาพ เป็นการกาหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อพัฒนา
สถานศึกษาให้เข้าสู่มาตรฐาน
๒.๒ การตรวจสอบคุณภาพ เป็นการตรวจสอบ และติดตามผลการดาเนินงานของสถานศึกษาให้
เป็นไปตามมาตรฐานที่กาหนด
๒.๓ การประเมินคุณภาพ เป็นการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาโดยสถานศึกษา
และหน่วยงานต้นสังกัดในระดับเขตพื้นที่การศึกษาฯ และระดับกระทรวง
๓. กระบวนการประกันคุณภาพภายในตามแนว คิดของหลักการบริหารที่เป็นกระบวนการครบ
วงจร (PDCA) ประกอบด้วย ๔ ขั้นตอน คือ
๓.๑ การร่วมกันวางแผน (Planning)
๓.๒ การร่วมกันปฏิบัติตามแผน (Doing)
๓.๓ การร่วมกันตรวจสอบ (Checking)
๓.๔ การร่วมกันปรับปรุง (Action)
๔
เมื่อพิจารณากระบวนการการประกันคุณภาพภายในตาม แนวคิดของการประเมินคุณภาพและ
แนวคิดของการบริหารแบบครบวงจรจะเห็นว่ามีความสอดคล้องกัน ดังนี้ (สานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาแห่งชาติ ๒๕๔๓ :๑๐)
ขั้นตอนการดาเนินงานตามกระบวนการประกันคุณภาพภายใน
การดาเนินการประกันคุณภาพภายในตามกระบวนการที่กล่าวมาแล้ว มีแนวทางและขั้นตอน
ดังแผนภาพต่อไปนี้
ขัน้ ตอนการดาเนินการประกันคุณภาพภายใน
๑. ขั้นการเตรียมการ ซึ่งการเตรียมการที่มีความสาคัญ คือ
๑.๑ การเตรียมความพร้อมของบุคลากร โดยต้องสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการประกัน
คุณภาพภายในและการทางานเป็นทีม ซึ่งจะจัดทาการชี้แจงทาความเข้าใจโดยใช้บุคลากรภายใน
๖
๒. ขั้นการดาเนินงานประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วยขั้นตอน
หลัก ๔ ขั้นตอน
๒.๑ การวางแผน จะต้องมีการกาหนดเป้าหมาย แนวทางการดาเนินงาน ผู้รับผิดชอบงาน
ระยะเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ สาหรับแผนต่างๆ ที่ควรจัดทาคือ แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ
สถานศึ กษา แผนปฏิบัติการประจาปี แผนการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรซึ่งสอดคล้องกับ
เป้าหมายของสถานศึกษา แผนการประเมินคุณภาพและแผนงบประมาณ เป็นต้น
๒.๒ การปฏิบัติตามแผน ซึ่งในขณะดาเนินการต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลาและผู้บริหาร
ควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุ คลากรทุกคนทางานอย่างมีความสุข จัดสิ่งอานวยความสะดวก
สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการปฏิบัติ กากับ ติดตามการทางานทั้งระดับบุคลากร รายกลุ่ม รายหมวด และให้
การนิเทศ
๒.๓ การตรวจสอบประเมินผล ซึ่งเป็นกลไกสาคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเพราะจะทาให้
ได้ข้อมูลย้อนกลับที่แสด งว่าการดาเนินงานที่ผ่านมาบรรลุเป้าหมายเพียงใด โดยการประเมินต้องจัดวาง
กรอบการประเมิน จัดหาหรือจัดทาเครื่องมือ จัดเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แปลความข้อมูล และ
การตรวจสอบ ปรับปรุงคุณภาพการประเมิน
๒.๔ การนาผลการประเมินมาปรับปรุงงาน เมื่อแต่ละฝ่ายประเมินผล เสร็จแล้วจะส่งผลให้
คณะกรรมการรับผิดชอบนาไปวิเคราะห์ สังเคราะห์และแปลผลแล้วนาเสนอผลต่อผู้เกี่ยวข้องเพื่อนาไป
ปรับปรุงการปฏิบัติงานของผู้บริหารและบุคลากร นาไปวางแผนในระยะต่อไป และจัดทาเป็นข้อมูล
สารสนเทศหรือการเขียนรายงานประเมินตนเอง
๗
๓. ขั้นการจัดทารายงานประเมินตนเองหรือรายงานประจาปี
เมื่อสถานศึกษาดาเนินการประเมินผลภายในเสร็จแล้วจะจัดทารายงาน โดยเริ่มจากรวบรวมผล
การดาเนินงานและผลการประเมินมาวิเคราะห์จาแนกตามมาตรฐานการศึกษาและเขียนรายงาน
บทบาทหน้าที่ของครูในการประกันคุณภาพภายใน
๑. มีการเตรียมความพร้อมขอ งตนเอง โดยทาการศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
หลักการ วิธีการ ขั้นตอนในการประเมินผลภายใน รวมทั้งพยายามสร้างเจตคติที่ดีต่อการประเมินภายใน
๒. ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการให้ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปที่คณะกรรมการประเมินผล
ภายในต้องการ
๓. ให้ความร่วมมื อกับสถานศึกษาเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการในกิจกรรมใด
กิจกรรมหนึ่งของการประเมินผลภายใน เช่น เข้าร่วมพิจารณาจัดทาปฏิทินการปฏิบัติงานด้านการ
ประเมินผลภายในสถานศึกษา ร่วมกันพิจารณาจัดสร้างเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลลักษณะต่างๆ ใน
กระบวนการประเมินผลภา ยใน ร่วมกันทาการสารวจเก็บข้อมูลที่คณะกรรมการสารวจ ร่วมกันทาการ
วิเคราะห์ข้อมูล (หากมีความรู้ด้านการวิเคราะห์) ร่วมกันสรุปผลการประเมิน เป็นต้น
๔. ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา ในการร่วมกันกาหนดจุดประสงค์ กาหนดมาตรฐานและตัว
บ่งชี้ในการประเมินด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษาเอง และร่วมกันกาหนดเกณฑ์การตัดสินมาตรฐานและตัว
บ่งชี้ในด้านต่าง ๆ
๕. ปฏิบัติหน้าที่หลักหรือหน้าที่ประจาที่รับผิดชอบอย่างมีระบบ ตามกระบวนการและ
สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา เช่น ในหน้าที่การสอนต้องมีการพัฒนาหลักสูตรและแผนการสอนที่
เน้นนักเรียนเป็นสาคัญ จั ดเตรียมเนื้อหาสาระที่ถูกต้องเหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดทา
สื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพตรงตามจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดกิจกรรม วิธีการเรียนรู้ที่สร้างให้
ผู้เรียนเกิดการค้นคว้าหาความรู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง เลือกวิธีการประเมินผลการเรียนหลากหลายและ
เหมาะสมรวบรวมผลสรุปผล ประเมินการเรียนการสอน พฤติกรรมของผู้เรียน นาผลการประเมินมา
ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
การประเมินคุณภาพภายนอก
ความหมายของการประเมินคุณภาพภายนอก
การประเมินคุณภาพภายนอก คือ การประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา การติดต าม การ
ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โดยผู้ประเมินภายนอกที่ได้รับการรับรองจาก
สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา โดยผู้ประเมินภายนอกที่ได้รับการรับรองจาก
สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน ) หรือ สมศ . เพื่อมุ่ง ให้มี
๘
สกศ.
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นามาตรฐาน
การศึกษาของชาติไปสู่การปฏิบัติ เมื่อวันที่ ๒๖
ตุลาคม ๒๕๔๗
มาตรฐานการศึกษาของชาติ
ประเมินคุณภาพภายนอก
สมศ. ประเมินคุณภาพภายนอก
สานักงานรับรองมาตรฐานและ
ประเมินคุณภาพการศึกษา
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาประเมินผลการจัดการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ
แนวคิดและหลักการของการประเมินคุณภาพภายนอก
การประเมินภายนอกของ สมศ. เป็นการประเมินโดยใช้รูปแบบ "กัลยาณมิตรประเมิน" โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อ
๙
ความสาคัญของการประเมินคุณภาพภายนอก
การประเมินคุณภาพภายนอก มีความสาคัญและมีความหมายต่อสถานศึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสาธารณชน ดังต่อไปนี้
ประการที่ ๑ เป็นการส่งเสริมให้สถานศึกษาพัฒนาเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานและพัฒนาตนเองให้เต็ม
ตามศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
ประการที่ ๒ เพิ่มความมั่นใจและคุ้มครองประโยชน์ให้ผู้รับบริการทางการศึกษาว่าสถานศึกษา
ได้จัดการศึกษามุ่งสู่คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นคนดี มีความสามารถ และมี
ความสุขเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
ประการที่ ๓ สถานศึกษาและหน่วยงานที่กากับดูแล เช่น คณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงาน
ต้นสังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนท้องถิ่นมีข้อมูลที่จะช่วย
ตัดสินใจในการวางแผนและดาเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปในทิศทาง
ที่ต้องการและบรรลุเป้าหมายตามที่กาหนด
ประการที่ ๔ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับนโยบายมีข้อมูลสาคัญในภาพรวมเกี่ยวกับคุณภาพ
และมาตรฐานของสถานศึกษาทุกระดับทุกสังกัด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกาหนดแนวนโยบายทางการ
ศึกษาและการจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
๑๐
ความแตกต่างระหว่างการประกันคุณภาพภายในและภายนอก
การประกันคุณภาพภายใน การประกันคุณภาพภายนอก
ผู้รับผิดชอบ :โรงเรียน สถานศึกษา ผู้รับผิดชอบ : สานักงานรับรองมาตรฐาน และประเมิน
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.)
กระบวนการ กระบวนการ
การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ
การตรวจสอบคุณภาพ การประเมินคุณภาพ
ประเมินคุณภาพ การให้การรับรอง
ประโยชน์ที่ได้จากการประกันคุณภาพการศึกษา
๑. เกิดการพัฒนาคุณภาพของสถาบันการศึกษาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่มาตรฐานสากล
๒. การใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการของสถาบันอุดมศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
๓. การบริหารจัดการสถาบันการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล อันจะทาให้การผลิตผู้สาเร็จ
การศึกษาทุกระดับ การสร้างผลงานวิจัย และการให้บริการวิชาการ เกิดประโยชน์สูงสุด และตรงกับ
ความต้องการของสังคมและประเทศ
๔. ผู้เรียน/นักศึกษา ผู้ปกครอง ผู้จ้างงาน และสาธารณชนมีข้อมูลสาหรับการตัดสินใจที่
ถูกต้องและเป็นระบบ
๕. สถาบันการศึกษา หน่วยงานบริหารการศึกษา และรัฐบาลมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นระบบใน
การกาหนดนโยบาย วางแผน และบริหารจัดการศึกษา
ในระดับสถานศึกษาการประกันคุณภาพจะครอบคลุมถึงการสร้างความมั่นใจโดยการใช้ข้อมูล
สารสนเทศและองค์ความรู้และการวางแผนป้องกันปัญหาที่จะเกิดตั้งแต่ในขั้นการออกแบบกระบวนการ
เรียนการสอนให้สอดคล้องกับมาตรฐา นการเรียนรู้ตาม หลักสูตร การบริหารหลักสูตร การติดตาม
ตรวจสอบและทบทวนเป็นระยะๆ เพื่อให้มีการแก้ไข ปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การประเมินคุณภาพ
ผลผลิต การจัดทารายงาน และนาเสนอข้อมูลการประเมินสาหรับ การตัดสินใจในระดับต่างๆ และ
สาหรับการวางแผนพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาในระยะต่อไป
หลักการสาคัญของการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาระบบการศึการประกั
กษา น
คุณภาพการศึกษาครอบคลุมถึงมวลกิจกรรมและภารกิจทางวิชาการและทางการบริหารการจัดการที่มี
การวางแผนล่วงหน้า และมีการประสานสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจทีสมเหตุสมผล
ว่าผู้เรียน จะมีความรู้ ความสามารถ และ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาที่ได้กาหนดไว้
๑๑
เกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รอบที่สอง (พ.ศ. ๒๕๔๙ – ๒๕๕๓ )
ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๔๕
กาหนดให้ สมศ . ต้องจัดทาข้อเสนอแนะต่อต้นสังกัดในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา
ไม่ได้มาตรฐานที่กาหนด คณะกรรมการ พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึง
พิจารณาวิธีการและเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานปี ๒๕๔๙ – ๒๕๕๓
เพื่อการจาแนกผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษาว่าได้มาตรฐานหรือไม่ โดยได้รับอนุมัติจากคณะ
กรรมการบริหาร สมศ. โดยให้พิจารณาจากเกณฑ์ต่อไปนี้
๑. การประเมินอิงเกณฑ์ ให้พิจารณาตามมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และเกณฑ์การพิจารณา ที่ สมศ.
กาหนด โดยจะมีการสรุปผลทั้งในระดับตัวบ่งชี้และระดับมาตรฐาน
๒. การประเมินอิ งสถานศึกษา ให้พิจารณา จากการที่สถานศึกษาดาเนินการตาม ข้อเสนอของ
สมศ . และพัฒนาการของคุณภาพของสถานศึกษา ต ลอดจนมีผลการดาเนินงานบรรลุ
มาตรฐาน / เป้าหมายตามแผนงานของสถานศึกษา รวมทั้งการมีความตระหนักใน
ความสาคัญและความพยายามในการพัฒนาสู่มาตรฐานของสถานศึกษา
วิธีการประเมินในแต่ละแบบ
๑. การประเมินแบบอิงเกณฑ์ มีการประเมิน ๒ ระดับ คือ การประเมินในระดับตัวบ่งชี้และการ
ประเมินในระดับมาตรฐาน ได้แก่
๑.๑ การประเมินในระดับตัวบ่งชี้ ให้พิจารณาจากร้อยละเฉลี่ยตามเกณฑ์พิจารณาในแต่ละตัว
บ่งชี้เป็น ๔ ระดับ คือ
เกณฑ์การพิจารณา ระดับคุณภาพ
ร้อยละเฉลี่ยตามเกณฑ์พิจารณาต่ากว่า ร้อยละ ๕๐ ปรับปรุง
ร้อยละเฉลี่ยตามเกณฑ์พิจารณาระหว่าง ร้อยละ ๕๐ – ๗๕ พอใช้
ร้อยละเฉลี่ยตามเกณฑ์พิจารณาระหว่าง ร้อยละ ๗๕ – ๘๙ ดี
ร้อยละเฉลี่ยตามเกณฑ์พิจารณาตั้งแต่ ร้อยละ ๙๐ ขึ้นไป ดีมาก
เกณฑ์การพิจารณา ระดับคุณภาพ
ค่าเฉลี่ยของระดับคุณภาพตัวบ่งชี้ ต่ากว่าหรือเท่ากับ ๑.๗๔ ปรับปรุง
ค่าเฉลี่ยของระดับคุณภาพตัวบ่งชี้ ระหว่าง ๑.๗๕ – ๒.๗๔ พอใช้
ค่าเฉลี่ยของระดับคุณภาพตัวบ่งชี้ ระหว่าง ๒.๗๕ – ๓.๔๙ ดี
ค่าเฉลี่ยของระดับคุณภาพตัวบ่งชี้ ระหว่าง ๓.๕๐ – ๔.๐๐ ดีมาก
๒. การประเมินอิงสถานศึกษา ประกอบด้วยการพิจารณาพัฒนาการของคุณภาพการศึกษาของ
สถานศึกษาและการบรรลุมาตรฐาน / เป้าหมายของสถานศึกษา โดยมีมิติในการพิจารณาและการ
สรุปผลการพิจารณาดังนี้
๒.๑ มิติในการพิจารณา พัฒนาการของคุณภาพการศึกษาและการบรรลุมาตรฐาน/เป้าหมายตาม
แผนของสถานศึกษาดังนี้
พัฒนาการของคุณภาพ บรรลุมาตรฐาน/เป้าหมายตามแผนของสถานศึกษา
การศึกษา บรรลุ ไม่บรรลุ
ดี (๓)+
มีความตระหนักและความ
พยายาม
มี ดีมาก (๔)
พอใช้ (๒)
ไม่มีความตระหนัก/ความ
พยายาม
ไม่มี พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑)
๔. ผลงานที่เป็นโครงงานทางวิชาชีพหรือสิ่งประดิษฐ์ของผู้เรียน ที่ได้นาไปใช้
๕. ผลงานวิจัยหรืองานสร้างสรรค์ของครูที่ได้นาไปใช้ประโยชน์
๖. ความสาเร็จในการให้บริการวิชาการ/วิชาชีพที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะของผู้เรียน
๗. ผู้เรียนได้เรียนรู้และฝึกทักษะจากประสบการณ์จริง
๘. ความสาเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการและผู้บริหารสถานศึกษา
๙. ความสาเร็จในการพัฒนาและใช้ระบบฐานข้อมูลสารสนเทศในการบริหารจัดการ
๑๐. ความสาเร็จในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา
๑๑. ความสาเร็จในการบริหารความเสี่ยง
๑๒. ความสาเร็จในการสร้างการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพ
๑๓. การพัฒนาสถานศึกษาจากผลการประเมินคุณภาพภายใน
๑๔. ความสาเร็จในการดาเนินงานตามปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจและตามจุดเน้นของ
สถานศึกษา
๑๕. การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
๑๖. การพัฒนาคุณภาพครู (เลือกจุดเน้นอย่างน้อย ๑ กิจกรรม)
๑๗. การพัฒนาสถานศึกษา ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ (เลือกจุดเน้นอย่างน้อย ๑ กิจกรรม)
๑๘. การสร้างการมีส่วนร่วมและการขยายโอกาสทางการศึกษา (เลือกจุดเน้นอย่างน้อย ๑
กิจกรรม)
๑๓. การปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของผู้บริหารสถาบัน
๑๔. การพัฒนาคณาจารย์
๑๖. การพัฒนาให้บรรลุตามปรัชญาและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ งสถาบัน
๑๗. การพัฒนาตามจุดเน้นและจุดเด่นของสถาบัน
๑๘. การชี้นาและ/หรือแก้ปัญหาสังคมในด้านต่างๆ ของสถาบัน
สรุป
ระบบการประกันคุณภาพภายในกับระบบการประกันคุณภาพภายนอก มีความแตกต่างและมี
ความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน การประกันคุณภาพภายในเป็นกระบวนการที่สถานศึกษาและหน่วยงานต้น
สังกัดจะต้องดาเนินการให้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหาร โดยบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา เพื่อพัฒน า
คุณภาพการศึกษาเข้าสู่มาตรฐานการศึกษาแล้วจัดทารายงานประจาปีเสนอผู้เกี่ยวข้อง ส่วนการประกัน
คุณภาพภายนอกเป็นงานที่ต่อเนื่องและสัมพันธ์กับการประกันคุณภาพภายใน เป็นการตรวจสอบผลการ
ประเมินตนเองของสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาโดยหน่วยงานภายนอกเพื่อให้ข้อเสนอแนะในการ
ปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การประกันคุณภาพภายในกับการประกันคุณภายนอกจึงสัมพันธ์เชื่อมโยง
กันด้วยมาตรฐานการศึกษาโดยคานึงถึงหลักการสาคัญ คือ เอกภาพเชิงนโยบาย ความหลากหลายในทาง
ปฏิบัติและมุ่งส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการศึกษามากกว่าการควบคุมหรือการให้คุณให้โทษ
๑๗
บรรณานุกรม