Professional Documents
Culture Documents
ขอ 1
นายเกิดลงทุ น 50,000 บาท นายไกลงทุน 50,000 บาท นายกวางลงทุน 40,000 บาท
เขาหุนสวนทําอูซอมรถยนต สิ้นปแรกหางฯ เปนหนี้คาอะไหลบริษั ทสมพรอะไหลยนต เปนเงิน
50,000 บาท นายไกขอลาออกจากหุนสวน ดังนี้นายไกตองรับผิดในหนี้ของหางฯ หรือไม
นายเกิดและนายกวางก็ยังดําเนินการอูซอมรถยนตตอ พรอมทั้งไปจดทะเบียนเปนหางหุน
สวนสามัญนิติบุคคล นายเกิดไดซื้ออะไหลจากบริษัทสมพรฯ และคางชําระหนี้อีก 20,000 บาท
บริษัทสมพรฯ ไดฟอง นายเกิด นายกวาง ใหรับผิดชําระหนี้
จงอธิบายวาบุคคลทั้งสองตองรับผิดชําระหนี้ของหาง ฯ อยางไร หรือไม
เฉลย
เฉลย
ปพพ.มาตรา 1129
ปพพ.มาตรา 1135
เฉลย
ปพพ.มาตรา 1237(4) นอกจากนี้ศาลอาจสั่งใหเลิกบริษัทดวยเหตุตอไปนี้ คือ
(4) ถาจํานวนผูถือหุนลดนอยลงจนเหลือไมถึงเจ็ดคน
จากปญหา
บริษัทใหญยิ่ง ไดจัดขึ้นโดยมีนายใหญ เล็ก กลาง จิ๋ว เสือ สิงห และแมว เปนผูเริ่มกอ
การและเปนผูถือหุนรายใหญ ของบริษัท บริษั ทดําเนินการมามีผูถือหุนอื่นอีกมาก แตหลังจาก
บริษัทไดกําไร ถูกบีบใหขายหุนใหพี่นอง จึงเหลือผูถือหุน จํานวน 7 คนเทานั้น
ตอมาในปที่สอง นายสิงหขายหุนใหกับนายใหญอีก จึงทําใหผูถือหุนของบริษัทเหลืออยู
เพียง 6 คน ตามหลักกฎหมายมาตรา 1237 (4) ไดกําหนดไววาหากผูถือหุนลดนอยลงเหลือไมถึง
7 คน ศาลอาจสั่งใหเลิกบริษัทได บริษัทใหญ ยิ่งเหลือผูถือหุนอยู คือ ใหญ เล็ก กลาง จิ๋ว เสือ
และแมว จํานวน 6 คน จึงเปนเหตุหนึ่งที่จะฟองศาลใหสั่งยกเลิกบริษัทได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 4
นิด หนอย และนอยเขาหุนสวนประกอบกิจการคาเสื้อผาสําเร็จรูป และไดจดทะเบียนจัด
ตั้งเปนหางหุนสวนสามัญ นิติบุคคล ตอมานอยตองการออกจากหางหุนสวน นอยตองปฏิบัติ
อยางไร และเมื่อนอยออกจากหางหุนสวนไปแลว นอยยังตองรับผิดใชหนี้สินของหางหุนสวน
อยางไร หรือไม
เฉลย
ตามปญหาหางหุนสวนนี้เปนหางหุนสวนสามัญจดทะเบียน และไมไดกําหนดเวลาเลิก
หางฯ ไวการที่นายนอยตองการออกจากหางหุนสวน ก็เทากับตองการที่จะเลิกหางฯดวย ซึ่งนาย
นอยตองบอกกลาวการเลิกหาง โดยบอกกลาวลวงหนาไมนอยกวาหกเดือน กอนสิ้นรอบปทาง
บัญชี (1056)
ตามหลักกฎหมายที่วา “ถาหางหุนสวนนั้นตั้งขึ้นโดยไมมีกําหนดกาลอยางหนึ่งอยางใด
เปนยุติ ทานวาจะเลิกไดตอเมื่อผูเปนหุนสวนคนใดคนหนึ่งบอกเลิก เมื่อสิ้นรอบปทางบัญชีเงิน
ของหางหุนสวนนั้น และผูเปนหุนสวนนั้นตองบอกกลาว ความจํานงเลิกลวงหนาไมนอยกวาหก
เดือน”
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 5
นายสิงหโอนหุนชนิดออกใหแกผูถือใหแกนายเมน จํานวน 150 หุน โดยทําเปนหนังสือมี
ลายมือชื่อ นายสิงห นายเมน และพยาน 1 คน ระบุหมายเลขหุนครบถวนทุกประการ เมื่อนายเมน
ถือหุน 150 หุนนั้นอยูประมาณ 3 เดือน นายเมนประสงคที่จะเปลี่ยนหุนที่ถืออยูนั้นเปนหุนระบุชื่อ
เนื่องจากกิจการบริษัทกําไรดี จึงอยากที่จะมีชื่อในใบหุน นายเมนพบใครก็ถามวาเปลี่ยนไดหรือไม
บางคนก็บอกวาเปลี่ยนได บางคนบอกไมได และบางคนยังบอกวาการโอนหุนที่นายสิงหโอนให
แกนายเมนไมถูกตอง เพราะหุนออกใหแกผูถือ ไมตองทําเปนหนังสือแตอยางใด จะทําเฉพาะหุน
ระบุชื่อเทานั้น นายเมนจึงสับสน ไดมาปรึกษาทานวา
1. การโอนหุนที่นายเมนไดมานั้นถูกตองหรือไม
2. การขอเปลี่ยนหุนออกใหแกผูถือเปนหุนระบุชื่อทําไดหรือไม
ใหทานใหคําแนะนําแกนายเมน
เฉลย
ตามปพพ.มาตรา 1135 บัญญัติไววา “หุนชนิดที่มีใบหุนออกใหแกผูถือนั้น ยอมโอนกัน
ไดเพียงการสงมอบใบหุนแกกัน
จากคําถามในประเด็นแรกที่วาการที่นายสิงหโอนหุนใหแกนายเมนนั้นถูกตองหรือไม จาก
การที่กฎหมายกําหนดในเรื่องการโอนหุนชนิดที่เปนหุนผูถือนั้น เนื่องจากเปนหุนที่ไดชําระเงินครบ
แลว จึงสามารถที่ จ ะโอนกั น ได โดยการสงมอบใบหุน ใหก็ถือวาเป น การถู กต องแลว ตามหลัก
กฎหมายมาตรา 1135 ดังนั้นการที่นายสิงหโอนหุนชนิดผูถือใหนายเมนนั้นเปนเรื่องที่ทําไดไมขัด
ตอกฎหมายแตอยางใด เพราะความถูกตองอยูที่การสงมอบใหนั่นเอง ดังนั้นการโอนหุนที่นายเมน
ไดมาจึงเปนการถูกตองแลว
จากคําถามในประเด็นที่สอง ที่นายเมนจะขอเปลี่ยนหุนชนิดผูถือเปนหุนชนิดระบุชื่อนั้น
สามารถที่จะทําได เพราะกฎหมายอนุญ าตใหผูทรงใบหุนชนิดถือนั้น ใชสิท ธิในการขอเปลี่ยน
ประเภทใบหุนได เมื่อนายเมนเปนผูทรงใบหุน ดังกลาวจึงเปนผูมีสิทธิที่จะขอเปลี่ยนใบหุนเปนใบ
หุนระบุชื่อได ตามหลักกฎหมายมาตรา 1136 ที่กลาวมาขางตน
ดังนั้นนายเมนสามารถที่จะขอเปลี่ยนใบหุนที่ไดรับการโอนมาโดยถูกตองจากนายสิงหได
ตามที่กฎหมายใหสิทธิไว
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 6
นายสินไดรวบรวมเพื่อนจํานวน 8 คน ดําเนินการจัดตั้งบริษัทสินสหาย จํากัด ขึ้นมา หลัง
จากที่ไดจดทะเบียนบริษัทเปนที่เรียบรอย ไดใหนายสินเปนกรรมการผูจัดการ ยังไมทันที่นายสิน
จะเริ่มลงมือบริหารงานของบริษัทสินสหายจํากัดแตอยางใด นายสินถูกบริษัทแสนสี่จํากัด ซื้อตัว
ไปเปนผูจัดการดวยเงินเดือนที่สูงมาก นายสินจึงมิไดดําเนินกิจการของบริษัทสินสหายแตอยางใด
เลย ทําใหเพื่อนในที มผูกอตั้ง ซึ่งเปนผูถือหุ นกลุมใจมาก พบนายสินเมื่อใดก็เรงรัดให นายสิน
ดําเนินการ นายสินก็รับปากแลวก็ไมทําอะไร เวลาผานไปหนึ่งปครึ่ง เพื่อนทั้ง 8 คน ซึ่งมีนายแกว
เปนแกนนํา จึงปรึกษากันวา จะทําอยางไรกับบริษัทสินสหายจํากัด ซึ่งนายแกวและเพื่อน ๆได
ชําระคาหุนกันไปบางแลว นายแกวก็เสนอขอคิดกับเพื่อนผูถือหุนวา ถาเปนเชนนั้นเลิกบริษัทไป
เลยดีกวา ซึ่งเพื่อนก็เห็นดวย แตนายกิ่งคานวาบริษัทตั้งมาแลว จะเลิกไดอยางไร กฎหมายจะยอม
ใหเลิกหรือ
นายแกวจึงมาปรึกษาทานวา จะสามารถเลิกบริษัทไดหรือไม และถาเลิกจะตองทําอยาง
ไร
เฉลย
ตามปพพ.มาตรา 1237 (2) บัญญัติไววา “นอกจากนี้ศาลอาจสั่งใหเลิกบริษัทจํากัดดวย
เหตุตอไปนี้ (1) ………..
(2) ถาบริษัทไมเริ่มทําการภายในหนึ่งปนับแตวันจดทะเบียน หรือหยุดทําการถึงหนึ่งปเต็ม
…….
จากคําถามนายสินและเพื่อนไดรวมกันจัดตั้งบริษัทขึ้นเปนที่เรียบรอยแลว โดยตั้งใหนาย
สินเปนกรรมการผูจัดการ แตดวยเหตุที่บริษัทแสนสี่ไดมาซื้อตัวนายสินไปนั้น ทําใหนายสินไมคิดที่
จะมาเริ่มดําเนินกิจการของบริษัทสินสหายแตอยางใด ไมวานายแกวและเพื่อน ๆ จะทวงถามอยาง
ไรก็ตาม นายสินก็ไมเขามาดําเนินกิจการของบริษัทสินสหาย จนเวลาลวงเลยมาเปนเวลา ปกวา
นายแกวจึงเสนอแนวทางแกปญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทสินสหาย โดยขอใหเลิกบริษัท แตมีผูคัดคาน
วา จดทะเบียนบริษัทแลวจะเลิกไมได
ในหลักการเรื่องการยกเลิกบริษัทนั้นกฎหมายกําหนดวาถากําหนดกันไวเขาเกณฑตาม
มาตรา 1236 ก็ใหเปนไปตามนั้น แตหากมีเหตุที่บริษัทไมสามารถดําเนินการไดตามที่กฎหมาย
กําหนดไวตามมาตรา 1236 แลวก็สามารที่จะปฏิบัติตามมาตรา 1237 ไดโดยสามารถที่จะรองขอ
ใหศาลสั่งใหเลิกบริษัทไดตามเหตุที่กําหนดไว
ซึ่งตามปญหาขางตนนั้นเปนเรื่องที่บริษัทไดจดทะเบียนเปนที่เรียบรอยแตบริษัทไมเริ่มทํา
การ กฎหมายกําหนดใหเปนเหตุที่สามารถที่จะรองขอใหเลิกบริษัทได การที่นายแกวเสนอใหมีการ
เลิกบริษัทนั้นเปนสิ่งที่ทําได โดยการรองขอตอศาลเพื่อใหศาลมีคําสั่งใหเลิกบริษัท เพราะบริษัทสิน
สหายไมมีการเริ่มทําการภายในเวลาหนึ่งป นับตั้งแตเริ่มจดทะเบียนมา
ดังนั้นตามที่นายแกวและเพื่อนไดเสนอใหเลิกบริษัทนั้น สามารถเลิกบริษัทไดดวยเหตุที่ไม
เริ่มดําเนินกิจการภายในหนึ่งปนับแตเมื่อไดจดทะเบียนบริษัท โดยการรองขอตอศาลใหศาลมีคํา
สั่งใหเลิกบริษัทสินสหายไดตามที่กลาวมาขางตน
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 7
นายเจริญ และนายสุข เป น หุน สวนกัน ในห างหุ น สวนสามัญ ไม จดทะเบี ยน ซึ่งมี วัต ถุ
ประสงคในการคาไม นายเจริญขายไมของหุนสวนใหนายศิริ เปนเงินเชื่อ 100,000 บาท ตอมา
นายเจริญเดินทางไปดูงานตางประเทศเปนเวลานาน นายสุขจึงทําหนาที่หุนสวนผูจัดการหางฯ
แทน และไดเรียกใหนายศิริ ชําระคาไม แตนายศิริไมยอมชําระ
นายสุขจะฟองศาลบังคับใหนายศิริชําระหนี้ดังกลาวไดหรือไม
เฉลย
ตามปพพ.มาตรา 1049 วา ผูเปนหุนสวนจะถือเอาสิทธิใด ๆ แกบุคคลภายนอกในกิจการ
คาขาย ซึ่งไมปรากฏชื่อของตนหาไดไม
ฉะนั้นศาลยอมพิพากษาใหยกฟองคดีที่นายสุขเปนโจทกฟองนายศิริ แตนายสุขก็มีทางแก
ไขโดยใหนายเจริญลงชื่อในคําฟองพรอมมอบอํานาจใหนายสุขฟองแทน
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 8
นายเล็กทําธุรกิจในดานการสงเสื้อผาสําเร็จรูป ออกไปขายในตางประเทศจนประสบความ
สําเร็จเปนอยางดีจึงไดคิดขยับขยายกิจการ พรอมทั้งจะใหลูก ๆ ของตนเขามามีสวนรวมและชวย
บริหารกิจการดวย นายเล็กจึงไดดําริที่จะจัดตั้งบริษัทขึ้นเพื่อดําเนินกิจการ โดยจะใหลูก ๆ ของตน
เขารวมเปนผูถือหุนและกรรมการ และเพื่อที่จะรักษาบริษัทนี้ไวใหเปนกิจการเฉพาะของสมาชิกใน
ครอบครัว นายเล็กจึงมีความประสงคจะตั้งเงื่อนไขในการถือหุนวา หุนของบริษัทนี้ผูที่ถือหุนจะนํา
ไปโอนใหแกบุคคลอื่นไมได เวนแตจะไดรับความยินยอมจากผูถือหุนคนอื่น
เฉลย
ตามปกติ หุ น ในบริษั ท นั้ น ตองถือวาสามารถโอนกัน ไดเสมอ แต ก ฎหมายยิน ยอมให
บริษั ท มี ขอจํากัดในการโอนได บ างกรณี ทั้ งนี้เพราะบริษั ท อาจมี ความจําเป น หรือเหตุ ผลบาง
ประการที่จะตองสงวนสิทธิในการโอนหุนของผูถือหุนไว เชน ในกรณี ที่ผูถือหุนของบริษัทเปน
บุคคลกลุมใดกลุมหนึ่ง ก็อาจมีขอจํากัดการโอนเพื่อปองกันมิใหการโอนหุนใหแกบุคคลนอกกลุม
อยางในกรณีของนายเล็กที่ตองการสงวนหุนไวเฉพาะสมาชิกในครอบครัว ดังนี้เปนตน บริษัทที่
นายเล็กจะกอตั้งขึ้น นี้มี ผูถือหุน เปน จํานวนนอย คงจะตั้ งในรูปของบริษั ทเอกชนตามประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย
สําหรับวิธีการนั้นก็คือ จะตองกําหนดขอจํากัดการโอนนั้นไวในขอบังคับของบริษัทวา
การโอนหุ น ให แ ก บุ ค คลใด จะต อ งได รั บ ความยิ น ยอมจากผู ถื อ หุ น ที่ เ หลื อ อยู เ สี ย ก อ น
(ปพพ.มาตรา1129)
สวนในกรณีของบริษัทมหาชนจะตั้งขอกําหนดการโอนหุนไมได เวนแตเพื่อปฏิบัติตาม
กฎหมายเฉพาะ ( พรบ.มหาชน มาตรา 70)
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 9
บริษัทสีสวยจํากัด ประกอบธุรกิจดานการทําปายโฆษณา มีนายสีและนายสวยเปนผูถือ
หุนใหญ และเปนกรรมการของบริษัท ซึ่งปรากฏวา นับตั้งแตเปดกิจการมา บริษัทตองประสบ
ภาวะขาดทุนมาโดยตลอด เพราะนายสีกับนายสวยยังไมมีความชํานาญดานนี้พอ อีกทั้งยังไม
ระมัดระวังในการทํางาน ทําใหปายที่ทําขึ้นสําหรับลูกคาบกพรอง ไมไดอยางที่ลูกคาตองการ จึง
ตองทําขึ้นใหมเพื่อเปลี่ยนใหลูกคาอยูเสมอ ซึ่งเปนการเสียคาใชจายเพิ่มขึ้น ทําใหบริษัทไมมีกําไร
ขณะนี้บริษัทสีสวยจํากัด ขาดทุนไปแลวกวา 200,000 บาท แตนายสีและนายสวย ก็ดูเหมือนวา
จะไมเดือดรอนอะไร เชนนี้อยากทราบวา
ก) นายสด ซึ่งเปนผูถือหุนรายหนึ่งของบริษัท แตมิไดเปนกรรมการ จะฟองรองนายสี
และนายสวย ใหชดใชคาเสียหายแกบริษัทไดหรือไม
ข) ธนาคารสุโขทัย ซึ่งเปนเจาหนี้เงินกูของบริษัท สีสวยจํากัด อยู 100,000 บาท จะมี
สิทธิฟองรองนายสีและนายสวยดวยไดหรือไมอยางไร
เฉลย
ในการประกอบกิจการของบริษัท กรรมการตองใชความเอื้อเฟอ สอดสองอยางบุคคลคา
ขาย ผู ป ระกอบด วยความระมั ดระวัง (มาตรา 1168) โดยตองเอาใจใส ในการจัดการงานของ
บริษัทยิ่งกวาวิญูชนธรรมดา ถากรรมการทําความเสียหายใหแกบริษัท บริษัทจะฟองเรียกเอา
คาสินไหมจากกรรมการได ถาบริษัทไมฟอง ผูถือหุนคนใดคนหนึ่งก็สามารถฟองได หรือแมแตเจา
หนี้ของบริษัท ก็มีสิทธิฟองบังคับใหกรรมการที่ทําใหเกิดความเสียหาย ขอใหชดใชคาสินไหมทด
แทนได โดยเจาหนี้จะใชสิทธิเรียกรองใหชําระหนี้ไดเพียงเทาจํานวนหนี้ที่ตนมีอยูตอบริษัทเทานั้น
(มาตรา 1169)
ขอ 11
บริษัทสวัสดิ์จํากัด มีทุนจดทะเบียน 1 ลานบาท มีนายสวัสดิ์กับพวกเปนผูถือหุนราว 80 %
ของทุนจดทะเบียน ทางบริษัทมีความประสงคจะเพิ่มทุนอีก 1 ลานบาท แตทั้งนายสวัสดิ์กับพวกมี
ความคิดวา ตองการที่จะเพิ่มอัตราสวนการถือหุนของกลุมตนใหมากยิ่งขึ้นในบริษัท และตองการ
ลดอํานาจของกลุมผูถือหุนขางนอยลง จึงตกลงกันวาจะเสนอขายหุนเพิ่มทุนใหแกกลุมของตน ใน
อัตราสวน 1:1 คือผูถือหุนเดิม 1 หุน ซื้อหุนใหมได 1 หุน สวนกลุมผูถือหุนขางนอยนั้น จะเสนอขาย
หุนเพิ่มทุนในอัตราสวน 1:2 คือถือหุนเดิม 2หุนซื้อใหมได 1 หุน เชนนี้ นายสวัสดิ์ตองการทราบวา
จะทําไดหรือไมอยางไร เมื่อนายสวัสดิ์มาปรึกษาทาน ทานจะใหคําตอบแกนายสวัสดิ์อยางไร
เฉลย
ในการเพิ่มทุนของบริษัทนั้น กฎหมายกําหนดวาบรรดาหุนออกใหมตองเสนอขายแกผูถือ
หุนเดิม ตามอัตราสวนจํานวนหุนที่เขาถืออยู(มาตรา 1222) ทั้งนี้เพื่อใหอัตราสวนการถือหุนใน
บริษัทภายหลังการเพิ่มนั้นเปนไปเชนเดียวกันกอนการเพิ่มทุน เชนบริษัท ก มีหุนจดทะเบียน 1000
หุน นาย ข ถือหุนอยู 100 หุน ซึ่งเทากับ 10 % ของทุนจดทะเบียน ถาบริษัทเพิ่มทุนออกหุนใหม
500 หุน นาย ข ยอมมีสิทธิได 50 หุน เปนตน
ดังนั้นการที่นายสวัสดิ์จะเสนอขายหุนแกกลุมผูถือหุนขางนอย ในอัตรา 2 :1 ซึ่งจะทําใหผู
ถือหุนกลุมขางนอยมีสิทธิซื้อหุนเพียงครึ่งหนึ่งของจํานวนหุนเพิ่ มทุนที่มีสิทธิซื้อ จึงไมสามารถ
กระทําไดเพราะขัดตอบทบัญญัติของกฎหมาย
ขอ 12
บริษัทสีสันประกอบธุรกิจดานการทําปายโฆษณา มีนายสี และ นายสันเปนผูถือหุน และ
เปนกรรมการของบริษัทในการประกอบกิจการปแรก บริษัทก็ประสบกับการขาดทุน ในปที่สอง
บริษัทไมขาดทุนแตก็ไมกําไร สวนในปที่สามนั้น บริษัทประสบกับการขาดทุนอีก นายสีเห็นวาตน
ไมเคยไดรับประโยชนจากการตั้งบริษัทนี้เลย ก็ประสงคจะเลิกบริษัทเสีย แตนายสันไมยอม เชนนี้
นายสี อยากทราบวาตนจะฟองศาลขอใหเลิกบริษัทเสียไดหรือไม
เฉลย
ตามปพพ. มาตรา 1237 กําหนดไวในเรื่องการเลิกบริษัทโดยคําสั่งศาล จะกระทําไดใน
กรณีดังตอไปนี้
1. มีการกระทําผิดในรายงานการประชุมตั้งบริษัท หรือทําผิดในการประชุมตั้งบริษัท
2. บริษัทไมเริ่มทําการภายใน 1 ป นับแตวันจดทะเบียน หรือหยุดทําการถึงหนึ่งปเต็ม
3. การคาของบริษัททําไปก็มีแตขาดทุนอยางเดียวและไมมีหวังจะกลับฟนตัวได
4. จํานวนผูถือหุนลดนอยลงเหลือไมถึงเจ็ดคน
การที่ศาลจะสั่งเลิกบริษัทเพราะเหตุที่บริษัทขาดทุนนั้น จะตองปรากฏวาบริษัทขาดทุน
อยางเดียว คือขาดทุนหลาย ๆ ปติดตอกัน และจะตองไมมีหวังที่จะกลับฟนคืนกําไรไดดวย จึงเปน
เหตุที่ศาลจะสั่งใหเลิกบริษัทได เพราะเพียงแตบริษัทระสบการขาดทุนยังไมเปนเหตุที่ศาลจะสั่งให
เลิกบริษัท เพราะในการคายอมมีกําไรและขาดทุนคละกันไป
กรณีของบริษัทสีสันนั้นนายสีจะขอใหศาลสั่งเลิกบริษัทไมได เพราะการขาดทุนของบริษัท
ยังไมมีลักษณะเปนการติดตอกันอันจะถือไดวาบริษัทไมมีหวังจะกลับมาฟนตัวไดอีก อีกทั้งในปที่
สองบริษัทก็ไมขาดทุน ดังนั้นบริษัทอาจจะสามารถทํากําไรในอนาคตได จึงไมถือวาเปนกรณีขาด
ทุนแตอยางเดียวและไมมีหวังจะกลับฟนตัวได
ดังนั้น นายสีจึงไมมีสิทธิที่จะฟองศาลขอใหศาลสั่งเลิกบริษัทได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 13
นายเกงและนายกลาไดตกลงกันดวยวาจาวา จะประกอบธุรกิจรับขนสงคนโดยสารรวม
กัน โดยนายเกงเปนผูออกเงินซื้อรถยนตโดยสาร สวนนายกลาเปนผูขับรถโดยสารคันดังกลาว
และเมื่อมีรายไดหรือผลกําไร ก็จะแบงกันคนละครึ่ง วันหนึ่งขณะที่นายกลาไดขับรถยนตคันดัง
กลาวเพื่อรับจางขนสงคนโดยสารตามปกติ นายกลาไดขับรถยนตโดยประมาทชนรถยนตนางเดือน
เสียหาย ดังนี้นางเดือนจะฟองนายเกงและนายกลา ใหรวมกันรับผิดชดใชคาทดแทนหรือไม
เฉลย
ตามปพพ.มาตรา 1012 อันวาสัญญาจัดตั้งหางหุนสวนหรือบริษัทนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคล
ตั้งแตสองคนขึ้นไปตกลงเขากันเพื่อกระทํากิจการรวมกัน ดวยประสงคจะแบงปนกําไรอันจะพึงได
แตกิจการที่ทํานั้น
มาตรา 1050 การใด การใดอั น ผู เป น หุ น ส ว นคนใดคนหนึ่ ง ได จั ด ทํ า ไปในทางที่ เป น
ธรรมดาการคาขายของหางหุนสวนนั้น ทานวาผูเปนหุนสวนหมดทุกคนยอมมีความผูกพันในการ
นั้น ๆ ดวย และจะตองรับผิดรวมกันโดยไมจํากัดจํานวนในการชําระหนี้ อันไดกอใหเกิดขึ้นเพราะ
จัดการไปเชนนั้น
ตามปญหา นายเกงและนายกลาไดตกลงที่จะประกอบธุรกิจรับสงคนโดยสารรวมกัน โดย
ตกลงกันดวยวาจา ซึ่งตามปพพ.มาตรา 1012 ไมไดกําหนดรูปแบบของการทําสัญญาไววาจะตอง
ทําเปนหนังสือหรือแบบใด ดังนั้นการที่ตกลงกันดวยวาจาก็สามารถที่จะกระทําได ดังนั้นการที่นาย
เกงและนายกลาตกลงกันนั้นจึงเปนสัญญาเขาหางหุนสวนที่ถูกตอง
การเขาหางหุนสวนกันนั้นเปนการเขาหางหุนสวนสามัญ ซึ่งผูเปนหุนสวนตองรวมรับผิดใน
หนี้รวมกัน โดยไมจํากัดจํานวน ในกิจการที่เปนกิจการคาของหาง ตามปพพ.มาตรา 1025 การที่
นายกลาขับรถยนตเพื่อรับจางขนสงคนโดยสาร โดยประมาทชนรถยนตของนางเดือนนั้นถือเปน
การกระทําที่เปนธรรมดาการคาของหาง ตามปพพ.มาตรา 1050 การกระทําดังกลาวจึงผูกพันหุน
สวนทุกคนและหางหุนสวน
ดังนั้นนางเดือนจึงสามารถที่จะฟองนายเกงและนายกลาใหรวมรับผิดชดใชคาสินไหมทด
แทนได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 14
นายมีนไดรวมกับเพื่อนเพื่อจัดตั้งบริษัทมีนาจํากัด ในการออกหุนนั้นไดกําหนดมูลคาหุน
ไวหุนละ 100 บาท และไดกําหนดไวใสหนังสือบริคณหสนธิวาอาจจะขายหุนในราคาที่มากกวามูล
คาที่กําหนดไวนั้น บริษั ทจึงไดกําหนดราคาหุนไวเปน มูลค าหุน ละ 140 บาท เมื่ อประชุมจัดตั้ ง
บริษัทเสร็จ ปรากฏวานายมีน นายเมษ และนายกันย ไดเปนกรรมการผูจัดการของบริษัททั้งสาม
คน
เฉลย
ตามปพพ. มาตรา 1105 วรรค 3 อนึ่งเงินสงใชคาหุนคราวแรกนั้น ตองมิไดนอยกวารอย
ละยี่สิบหาแหงมูลคาของหุนที่ตั้งไว
ดังนั้นการที่กรรมการเรียกชําระคาหุนครั้งแรกรอยละ 30 นั้นเปนการกระทําที่ถูกตอง
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 15
นายแดง นายดํา และนายเหลือง เขาหุนกันทําการคา โดยมีนายแดงเปนผูจัดการ นาย
เหลืองและนายดําสงสัยวานายแดงทุจริตเบียดบังเงินของหางฯ จึงตองการใหนายฟานักบัญชีและ
เปนผูที่นายเหลืองและนายดําไววางใจเขามาเปนหุนสวนดวย เพื่อที่นายฟาจะไดเขามาควบคุม
ทางดานการเงินของหางฯ นายเหลืองและนายดําจึงบอกนายแดงวา จะใหนายฟามาเขาหุนสวน
ดวย แตนายแดงไมยินยอม
เมื่อเปนเชนนี้จึงถามวา
ก. ถานายแดงไมยินยอมใหนายฟาเขามาเปนหุนสวน นายฟาจะเขามาเปนหุนสวนได
หรือไม เพราะเหตุใด
ข. นายเหลืองและนายดําจะใหนายแดงออกจากตําแหนงผูจัดการไปโดยไมตองเลิก
หางไดหรือไม เพราะเหตุใด
เฉลย
ขอ ก ตามหลักกฎหมายในเรื่องการชักนําบุคคลอื่นเขามาเปนหุนสวนดวยไดบัญญัติไว
ในมาตรา 1040 ที่ วา “ห ามมิใหชักนํ าบุ คคลอื่น เขามาเป นหุ น สวนในหางหุนส วนโดยมิ ไดรับ
ความยินยอมของผูเปนหุนสวนหมดดวยกันทุกคน เวนแตจะไดตกลงกันไวเปนอยางอื่น”
ตามปญหาการที่นายดําและนายเหลืองจะใหนายฟาเขามาเปนหุนสวน แตเมื่อไมไดรับ
ความยินยอมจากนายแดงผูเปนหุนสวนคนหนึ่งนั้น เทากับวาหุนสวนทุกคนไมยินยอมใหนายฟา
เขามาเปนหุนสวนดวย
ดังนั้นนายฟาจึงไมสามารถเขามาเปนหุนสวนไดแตอยางใด
ตามปญหา ถานายดําและนายเหลืองตองการเอานายแดงออกจากตําแหนงผูจัดการก็
สามารถที่ จะกระทํ าได โดยที่ นายดําและนายเหลือง ยิน ยอมพรอมใจกัน ให นายแดงออกจาก
ตําแหนงผูจัดการ
เฉลย
จากปญหา มีหลักกฎหมายที่เกี่ยวของอยูดังนี้
มาตรา 1224 วา บริษัทจํากัดจะลดทุนของบริษัทลงดวยลดมูลคาแตละหุน ๆ ใหต่ําลง
หรือลดจํานวนหุนใหนอยลง โดยมติพิเศษของที่ประชุมผูถือหุนก็ได
การลดทุนจะทําไดก็ตอเมื่อที่ประชุมผูถือหุนมีมติใหลดทุนได แตการลดทุนนั้นตองเปนมติ
พิเศษ จากที่ประชุมผูถือหุนเทานั้น จะเปนมติธรรมดาที่ถือเสียงขางมากเทานั้นไมได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 17
บริษัทน้ําใสจํากัด ตองการที่ควบบริษัทเขากับบริษัทน้ําดื่มไทยจํากัด เพื่อใหการดําเนิน
การควบบริษัทเปนไปดวยความถูกตอง บริษัทน้ําใสจึงไดแจงความการควบบริษัทไปยังเจาหนี้ตาง
ๆ ของบริษัท เมื่อบริษัทเครื่องกรองไทยจํากัด ซึ่งเปนเจาหนี้ของบริษัทน้ําใสจํากัด ไดรับแจง ก็
เกรงวาตนจะไมไดรับชําระหนี้ เมื่อบริษัททั้งสองควบเขาดวยกัน จึงไดใชสิทธิของเจาหนี้คัดคาน
การควบบริษัทดังกลาว ภายใน 7 วัน นับแตวันที่ไดรับแจง
เมื่อเปนเชนนี้การควบบริษัททั้งสองจะดําเนินการตอไปไดหรือไม เพียงใด
เฉลย
ตามปพพ.มาตรา 1240 ไดกําหนดวิธีการการควบบริษัทวา “บริษัทตองโฆษณาในหนังสือ
พิมพทองที่เจ็ดครั้งเปนอยางนอย และสงคําบอกกลาวไปยังบรรดาผูซึ่งบริษัทรูวาเปนเจาหนี้ของ
บริษัทดวยจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย บอกใหทราบรายการที่ประสงคจะควบบริษัทเขากัน และ
ขอใหเจาหนี้ผูมีขอคัดคานอยางหนึ่งอยางใด ในการควบบริษัทเขากันนั้นสงคําคัดคานไปภายใน
หกเดือนนับแตวันที่บอกกลาว
ถาไมมีใครคัดคานภายในกําหนดเชนวานั้น ก็ใหถือวาไมมีคําคัดคาน
เมื่อการคัดคานเปนผลจึงทําใหบริษัททั้งสองยังไมสามารถที่จะทําการควบกันได จนกวา
บริษัทน้ําใสจะชําระหนี้ใหกับบริษัทเครื่องกรองไทยเปนที่เรียบรอย หรือไมก็ตองจัดใหมีการประกัน
เพื่อหนี้นั้นกอนจึงจะสามารถทําการควบบริษัทดังกลาวได มาตรา 1240 วรรค 3
ดังนั้นบริษัททั้งสองยังควบกันไมไดจนกวาบริษัทน้ําใสจะชําระหนี้หรืจัดใหมีการประกัน
เพื่อหนี้ดังกลาวกอนจึงจะสามารถควบบริษัททั้งสองเขากันได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 18
นายแดง นายเหลือง และนายเขียว ไดรวมหุนกันจัดตั้งหางหุนสวนสามสหายยานยนต
ประกอบกิจการซอมรถยนต โดยแตละคนลงหุนเทากัน คนละ 200,000 บาท ประกอบกิจการได 2
ป กิจการไมดีมีแตขาดทุนมาโดยตลอด จนทายสุดเงินลงทุนเหลือเพียง 500,000 บาท และหางฯ
ยังเปนหนี้คาซื้ออะไหลจากบริษัทรวมยนต จํานวน 100,000 บาท อีกทั้งยังคางคืนเงินคาใชจายที่
นายแดงออกไปเพื่อชําระหนี้หาง ฯ อีก 70,000 บาท
ผูเป นหุน สวนเห็นพ องตองกันวาควรจะเลิกหางฯ และชําระบัญ ชีตอไป นายแดงจึงมา
ปรึกษาทานวากรณีนี้ตามกฎหมาย เมื่อเลิกหางฯและชําระบัญชีแลว นายแดงจะไดรับเงินที่ลงทุน
ไปนั้นคืนหรือไม และถาไดรับคืนจะไดรับคืนเปนจํานวนเทาไร
เฉลย
ตามกฎหมายในเรื่องการชําระบัญ ชีของหางฯ ไดบัญ ญั ติไวในมาตรา 1062 ที่วา “การ
ชําระบัญชีใหทําโดยลําดับดังนี้ คือ
(1) ใหชําระหนี้ทั้งหลายซึ่งคางแกบุคคลภายนอก
(2) ใหชดใชเงินทดลองและคาใชจายซึ่งผูเปนหุนสวนไดออกของตนไป เพื่อจัดการคา
ของหางฯ
(3) ใหคืนทุนทรัพยซึ่งผูเปนหุนสวนไดลงเปนหุน
ตามปญหา เมื่อหางหุนสวนเลิกกันก็ตองดําเนินการชําระบัญชีตามกฎหมายขางตน คือ
เมื่อเลิกหาง ฯ หางมีเงินเหลืออยู 500,000 บาท ตองชําระบัญชี ดังนี้
(1) ชําระหนี้ทั้งหลายซึ่งคางชําระแกบุคคลภายนอก กรณีนี้ตองชําระหนี้คาซื้ออะไหลรถ
ยนตใหกับบริษัทรวมยนต เปนเงิน 100,000 บาท
ดังนั้น คงเหลือเงินหลังจากชําระหนี้ 500,000 – 100,000 = 400,000 บาท
(2) ใหชดใชเงินทดรองและคาใชจายซึ่งผูเปนหุนสวนไดออกของตนไปเพื่อจัดการงานของ
หางฯ กรณีนายแดงไดออกเงินคาใชจายไปทั้งสิ้น 70,000 บาท
ดังนั้น คงเหลือเงินหลังจากหักเงินทดรองจายของนายแดง 400,000– 70,000 = 330,000
บาท
(3) ใหคืนทุนทรัพยซึ่งผูเปนหุนสวนไดลงหุน กรณีนี้ผูเปนหุนสวนลงหุนเทากัน การคิด
ทุนทรัพยก็ตองเฉลี่ยไปสามสวน
ดังนั้น การคืนทุนทรัพยของผูเปนหุนสวนแตละคน 330,000 / 3 = 110,000 บาท
กรณีตามปญหา นายแดงและผูเปนหุนสวนทั้ง3 คน จะไดเฉลี่ยคืนเปนเงินคนละ 110,000
บาท
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 19
บริษัททิพยสามัคคี จํากัด มีทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท แบงออกเปน 50,000 หุน ๆ
ละ 100 บาท ตอมาบริษัทตองการขยายกิจการใหใหญขึ้น ประธานกรรมการจึงเรียกประชุมคณะ
กรรมการเพื่อขอมติในการเพิ่มทุน ในที่สุดที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเปนเอกฉันทใหเพิ่มทุนของ
บริษัทได โดยใหเพิ่มทุนดวยวิธีการเพิ่มมูลคาหุนเปนหุนละ 150 บาท ดังนี้ใหทานวินิจฉัยวา
ก. การเพิ่มทุนของบริษัททิพยสามัคคีจํากัด โดยอาศัยมติเอกฉันทของคณะกรรมการ
ของบริษัทจะกระทําไดเพียงใด หรือไม
เฉลย
มาตรา 1220 บริษัทจํากัดอาจเพิ่มทุนของบริษัทขึ้นไดดวยออกหุนใหม โดยมติพิเศษ
ของที่ประชุมผูถือหุน
1) จะเห็นไดวาการเพิ่มทุนของบริษัทจํากัดนั้นจะทําขึ้นไดโดยมติพิเศษของที่ระชุมผูถือ
หุนเทานั้น กรรมการของบริษัทจะประชุมกันเองระหวางกรรมการดวยกัน แลวลงมติใหเพิ่มทุน
ของบริษัทจํากัดไมได แมจะมีมติเปนเอกฉันทก็ตาม ตองมีการเรียกประชุมใหญผูถือหุน และมติที่
ไดตองเปนมติพิเศษพิเศษดวย จึงจะเปนมติการเพิ่มทุนที่ชอบดวยกฎหมาย ดังนั้น มติการเพิ่ม
ทุนของบริษัททิพยสามัคคีจํากัด ดังกลาวจึงมิใชมติที่ไดมาโดยชอบดวยกฎหมาย
2) การเพิ่มทุนในบริษัทจํากัดทําไดเพียงวิธีเดียว คือการออกหุนใหมโดยมติพิเศษของที่
ประชุมผูถือหุน จากโจทกขางตน บริษัททิพยสามัคคีจํากัดเดิมมีทุนจดทะเบียนอยู 5,000,000
บาท แบงเปน 50,000 หุน ๆ ละ 100 บาท หากตองการเพิ่มทุนอีก 2,500,000 บาท บริษัทตองออก
หุนใหมอีก 25,000 หุน มูลคาหุนละ 100 บาทเทาเดิม แลวเสนอขายใหแกผูถือหุนทั้งหลายใน
บริษัทกอนตามสวนจํานวนที่เขาถือหุนอยู จึงเปนการเพิ่มทุนที่ชอบดวยกฎหมาย การเพิ่มทุนโดย
การเพิ่มมูลคาหุนจาก 100 บาท เปน 150 บาท จึงเปนวิธีการที่ไมถูกตอง ไมชอบดวยกฎหมาย
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 20
บริษัทครัวไทย จํากัด ไดทําการควบบริษัทครัวอินเตอร จํากัด เปนที่เรียบรอยแลว บริษัท
ไม ยางไทย จํ ากั ด ผู ค าส งกั บ บริษั ท ครัวไทย จํา กั ด ผู เป น เจ าหนี้ ข องบริษั ท ครัว ไทย จํ ากั ด อยู
จํานวน 200,000 บาท ไดใชสิทธิทําการคัดคานการควบบริษัทครัวไทย จํากัด แตทําการคัดคาน
เกินระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด คําคัดคานจึงไมมีผล บริษัททั้งสองจึงควบเขากันโดยดําเนินการ
ในนามของบริษัทครัวอินเตอร จํากัด เมื่อเปนเชนนี้บริษัทไมยางไทย จํากัด จึงเรียกใหบริษัทครัว
อิ น เตอร จํ ากั ด ชํ า ระหนี้ ให กั บ ตน ตามจํา นวนที่ บ ริษั ท ครัวไทย จํ า กั ด เป น หนี้ ต นอยู จํ า นวน
200,000 บาท
บริษัทครัวอินเตอร จํากัด ไดปฏิเสธการชําระหนี้ใหแกบริษัทไมยางไทย จํากัด วาเปนหนี้
เดิมของบริษัทครัวไทย จํากัด บริษัทครัวอินเตอร จํากัด ไมจําเปนตองรับผิดชอบในหนี้เดิมแตอยาง
ใด
ถามวาบริษัทครัวอินเตอร จํากัด จะปฏิเสธการชําระหนี้ใหแกบริษัทไมยางไทย จํากัด ดัง
กลาวไดหรือไม เพราะเหตุใด
เฉลย
ตามปพพ. มาตรา 1243 วางหลักไววา บริษัทใหมนี้ยอมไดไปทั้งสิท ธิและความรับผิ ด
บรรดามีอยูแกบริษัทเดิมอันไดมาควบเขากันนั้นทั้งสิ้น
จากปญหา
บริษัทครัวไทยจํากัด ไดควบเขากับบริษัทครัวอินเตอร จํากัด เปนที่เรียบรอยแลว นั่นหมาย
ถึงการดําเนินกิจการในบริษัทครัวอินเตอรซึ่งใชชื่อเดิมของบริษัทครัวอินเตอรจํากัดนั้น ไดรวมกิจ
การของบริษัทครัวไทยเขามาดวยทั้งหมด ซึ่งการที่บริษัทครัวไทยมีหนี้อยูกับบริษัทไมยางไทย
จํากัด จํานวน 200,000 บาท (สองแสนบาทถวน) นั้น จะตกมาเปนของบริษัทครัวอินเตอรจํากัด
ดวย ตามหลักกฎหมายมาตรา 1243 ที่กลาวมาขางตน บริษัทครัวอินเตอรจึงไมอาจปฏิเสธการ
ชําระหนี้ใหแกบริษัทไมยางไทยได
ดังนั้น บริษัทครัวอินเตอรจํากัด ไมสามารถปฏิเสธการชําระหนี้ใหแกบริษั ทไมยางไทย
จํากัดได แตอยางใด
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 21
หางหุนสวนสามัญนิติบุคคลไทยเจริญคาวัสดุกอสราง มีผูเปนหุนสวน 2 คน คือ นายไทยและนาย
เจริญ โดยมีนายไทยเปนผูจัดการ หางหุนสวนประกอบกิจการดวยดีตลอดมาจนถึงยุคเศรษฐกิจ
ตกต่ํา การคาทรุดลง หางฯเปนหนี้บริษัทปูนซีเมนตเปนเงิน 300,000 บาท นายไทยจึงไปกูเงินจาก
ธนาคารเปนเงิน 500,000 บาท ไปชําระหนี้ใหกับบริษัทปูนซีเมนต และที่เหลือนํามาใชเปนทุนหมุน
เวียน แตการดําเนินกิจการไมดีขึ้น หางหุนสวนไมมีเงินใชหนี้ธนาคาร ธนาคารจึงเรียกใหนายไทย
ชําระหนี้ นายไทยปฏิเสธการชําระหนี้โดยใหธนาคารเรียกจากหางหุนสวน เพราะนายไทยกูเงินมา
ใชในกิจการของหางฯ
ทานเห็นวาขออางของนายไทยที่ปฏิเสธการชําระหนี้และใหไปเรียกจากหางหุนสวน เปน
ขออางที่รับฟงไดหรือไม อยางไร
เฉลย
ตามปญหานายไทยจะปฏิเสธการชําระหนี้ไมได เพราะหนี้ที่เกิดขึ้นเปนหนี้ของหางหุนสวน
อัน เปน กิจการที่ เปน ธรรมดาการคาของหาง และเปน กิจการที่อยูในขอบวัตถุประสงค ของหาง
เพราะหางประกอบกิจการคาวัสดุกอสราง หางเปนหนี้ในทางการคา คือเปนหนี้บริษัทปูนซีเมนต
เปนเงิน 300,000 บาท และเปนหนี้เงินกูธนาคารซึ่งนายไทยไดกูมาใชในกิจการคาที่เปนธรรมดา
ของหาง ผูเปนหุนสวนทุกคนจึงตองรวมกันรับผิดในหนี้ของหาง ตามที่บัญญัติไวใน ปพพ.มาตรา
1050 วา “การใด ๆ อันผูเปนหุนสวนคนใดคนหนึ่งไดจัดทําไปในทางที่เปนธรรมดาการคาของหาง
หุนสวน ผูเปนหุนสวนหมดทุกคน ยอมมีความผูกพันในการนั้น ๆ ดวย และจะตองรับผิดชอบรวม
กันโดยไมจํากัดจํานวนในการชําระหนี้อันไดกอใหเกิดขึ้นเพราะจัดการไปเชนนั้น”
และมาตรา 1070 วา “เมื่อใดซึ่งหางหุนสวนจดทะเบียนผิดนัดชําระหนี้ เมื่อนั้นเจาหนี้ของ
หางหุนสวนนั้นชอบที่จะเรียกใหชําระหนี้เอาแตผูเปนหุนสวนคนใดคนหนึ่งก็ได”
มาตรา 1071 วา “ในกรณีดังกลาวในมาตรา 1070 นั้น ถาผูเปนหุนสวนนําพิสูจนไดวา
1. สินทรัพยของหางหุนสวนยังมีพอที่จะชําระหนี้ไดทั้งหมดหรือบางสวน และ
2. การที่จะบังคับเอาแกหางหุนสวนนั้นไมเปนการยากฉะนี้ไซร
ศาลจะบังคับใหเอาสินทรัพย ของหางหุนสวนนั้น ชําระหนี้กอนก็ได สุดแตศาลจะเห็นสม
ควร”
การที่นายไทยจะปฏิเสธการชําระหนี้นั้นไมสามารถทําได แมวาจะเปนการกูเงินมาใชในกิจ
การของหางอยางถูกตองก็ตาม ทั้งนี้เนื่องจากหางเปนหางหุ นสวนสามัญ นิติบุคคล ซึ่งมีหลั ก
กฎหมายกําหนดไววา หุนสวนจะตองรับผิดเมื่อหางผิดนัดชําระหนี้ การที่ธนาคารฟองเรียกใหนาย
ไทยชําระหนี้นั้น นายไทยจะปฏิเสธการชําระหนี้จากธนาคารไมไดเพราะกฎหมายใหเจาหนี้มีสิทธิที่
จะเรียกชําระหนี้แกผูเปนหุนสวนคนใดคนหนึ่งก็ได เวนเสียแตวานายไทยจะนําพิสูจน ไดวา สิน
ทรัพยของหางหุนสวนยังมีพอจะนําชําระหนี้ไดทั้งหมดหรือบางสวนและการจะบังคับเอาไมเปน
การยาก เชนนี้ศาลอาจบังคับเอาสินทรัพยของหางชําระหนี้กอนก็ได
ดังนั้นนายไทยจะปฏิเสธการชําระหนี้จากธนาคารไมได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 22
คาวีและนาวินชักชวนสมัครพรรคพวกอีก 5 คน ลงทุนตั้งบริษัทสวรรคเบี่ยงจํากัดขึ้น มี
วัตถุประสงคทําฟารมเลี้ยงกุงและสงกุงออกจําหนายยังตางประเทศ หลังจากบริษัทดําเนินการได
5 ป ปรากฏวาขาดทุนมาโดยตลอด นอกจากเพราะขาดความรูความชํานาญในเรื่องการเพาะ
เลี้ยงและดูแลกุงแลว ตอมารัฐบาลในตางประเทศซึ่งถือวาเปนตลาดใหญในการสงออกกุงของไทย
ไดมีขอกําหนดออกมากีดกันการนําเขากุงจากประเทศไทยดวย และในปนี้บริษัทตองมามีปญหา
กับรัฐบาลไทยอีก ในเรื่องผลกระทบของการทํานากุงตอสิ่งแวดลอม คาวี นาวิน และพรรคพวกทุก
คนจึงไดปรึกษากันวา เห็นทีบริษัทจะไมมีหวังที่จะกลับฟนตัวได หากฝนทําตอไปจะยิ่งมีหวังถลํา
ลึกเสียหายมากกวานี้ ผูถือหุนทุกคนมีความเห็นตองตรงกันวาตองเลิกบริษัท คาวีแจงตอผูถือหุน
ทุกคนวาในกรณีเชนนี้ การที่จะเลิกบริษัทไดตองรองขอตอศาลใหศาลสั่งเลิกกอนจึงจะเลิกได แต
นายนาวินแยงวา ในเมื่อไมมีผูถือหุนคนใดคัดคาน ก็นาจะเลิกไดโดยไมตองใหศาลสั่ง
ทุกคนจึงมาปรึกษาทาน ในกรณีดังกลาวนี้ สามารถเลิกบริษัทดวยวิธีอื่นโดยไมตองรองขอ
ตอศาลไดหรือไม อยางไร
เฉลย ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 1236 บัญญัติไววา “อันบริษัทจํากัด
ยอมเลิกกัน ดวยเหตุดังจะกลาวตอไปนี้คือ
1 ถาในบังคับของบริษัทมีกําหนดกรณีอันใดเปนเหตุที่จะเลิกกันเมื่อมีกรณีนั้น
2 ถาบริษัทไดตั้งขึ้นไวเฉพาะกําหนดการใด เมื่อสิ้นกําหนดการนั้น
3 ถาบริษัทไดตั้งขึ้นเฉพาะเพื่อทํากิจการอยางหนึ่งอยางใดแตอยางเดียว เมื่อเสร็จการ
นั้น
4 เมื่อมีมติพิเศษใหเลิก
5 เมื่อบริษัทลมละลาย
ตามปญหา กรณีดังกลาวตามโจทยนั้นแมการคาของบริษัททําไปมีแตขาดทุนอยางเดียว
และไมมีหวังจะฟนคืนไดอีกก็ตาม แตเมื่อคาวีและนาวินรวมทั้งผูถือหุนทุกคนมีความเห็นตองตรง
กันวา จะเลิกบริษัทโดยไมตองฟองศาล ก็สามารที่จะเลิกได โดยมีมติพิเศษใหเลิก ซึ่งตองไดรับ
อนุมัติจากที่ประชุมผูถือหุน
สําหรับมติพิเศษใหเลิกบริษัทนั้น ตองกระทําตามที่กฎหมายบัญ ญั ติ คือ มาตรา 1194
โดยจัดใหมีการประชุมผูถือหุนสองครั้ง ในการประชุมครั้งแรก ที่ประชุมตองมีมติเห็นชอบใหเลิก
บริษัทดวยคะแนนเสียงไมนอยกวาสามในสี่ของผูถือหุนที่เขาประชุม และการประชุมครั้งที่สอง ที่
ประชุมตองมีมติเห็นชอบยืนยันตามมติเดิม ใหเลิกบริษัท ดวยคะแนนเสียงไมนอยกวาสองในสาม
และนํามติพิเศษนี้ไปจดทะเบียนก็สามารถเลิกบริษัทได โดยไมตองใหศาลสั่งเลิก
ดังนั้นหากบริษัทสวรรคเบี่ยงตองการเลิกบริษัทโดยไมตองการที่จะไปฟองศาลสั่งใหเลิก
โดยตองมีการเรียกประชุมผูถือหุนและขอมติพิเศษจากที่ประชุมตามที่กฎหมายกําหนดไว หากที่
ประชุมผูถือหุนมีมติพิเศษใหเลิกบริษัท ก็สามารถที่จะเลิกบริษัทได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 23
นายฟา นายใส และนายสด ไดรวมหุนกันจัดตั้งหางหุนสวนจํากัดฟาใส เพื่อประกอบธุรกิจ
เสื้อผาสําเร็จรูป โดยนายฟา และนายใส ไดลงทุนเปนเงินคนละ 300,000 บาท สวนนายสดเปนหุน
สวนจํากัดความรับผิด ลงทุน 200,000 บาท ผูเปนหุนสวนไดตั้งใหนายฟาเปนผูจัดการ หางหุน
สวนดําเนินกิจการคาดวยดีตลอดมาจนถึงยุคเศรษฐกิจตกต่ํา การคาฝดเคือง หางหุนสวนเปนหนี้
บริษัททอผาเปนเงิน 300,000 บาท บริษัทจึงเรียกใหนายฟาชําระหนี้ นายฟาจึงนําเงินไปชําระหนี้
ให กั บ บริษั ท ทอผ า เมื่ อชํ าระหนี้ แลวจึ งเรีย กให น ายสดชําระชําระหนี้ ที่ น ายฟ าจายไป นายสด
ปฏิเสธการชําระหนี้ โดยอางวาตนเปนหุนสวนจํากัดความรับผิด จะรับผิดในหนี้ที่เกิดขึ้นตอเมื่อ
หางหุนสวนเลิกจากกันแลวเทานั้น นายฟาจึงมาปรึกษาทานวาขออางของนายสดที่ไมชําระหนี้ดัง
กลาว ชอบดวยกฎหมายหรือไม
เฉลย
ปพพ.มาตรา 1095 วรรคแรก บัญญัติวา “ตราบใดหางหุนสวนจํากัดยังมิไดเลิกกัน ตราบ
นั้นเจาหนี้ของหางยอมไมมีสิทธิจะฟองรองผูเปนหุนสวนจําพวกจํากัดความรับผิดได
แตเมื่อหางหุนสวนนั้นไดเลิกแลว เจาหนี้ของหางมีสิทธิฟองรองผูเปนหุนสวนจําพวกจํากัด
ความรับผิดไดเพียงจํานวนดังนี้คือ
(1) จํานวนลงหุนของผูเปนหุนสวนเทาที่ยังคางสงแกหางหุนสวน
(2) จํานวนลงหุนเทาที่ผูเปนหุนสวนไดถอนไปจากสินทรัพยของหางหุนสวน
(3) จํานวนเงินปนผลและดอกเบี้ยซึ่งผูเปนหุนสวนไดรับไปแลวโดยทุจริตและฝาฝนตอ
บทมาตรา 1084”
และปพพ.มาตรา 1050 “การใดๆอันผูเปนหุนสวนคนไดคนหนึ่งไดจัดทําไปในทางที่เปน
ธรรมดาการคาขายของหางหุนสวนนั้น ทานวาผูเปนหุนสวนหมดทุกคน ยอมมีความผูกพันในการ
นั้น ๆ ดวยและจะตองรับผิดรวมกันโดยไมจํากัดจํานวนในการชําระหนี้อันไดกอใหเกิดขึ้น เพราะ
จัดการไปเชนนั้น”
ดังนั้นสดจะปฏิเสธการเรียกชําระหนี้จากฟาไมได ถือวาตองมีสวนรวมรับผิดในหนี้ที่หาง
หุนสวนไดดําเนินการไป โดยรับผิดเทาที่ตนเองยังคางชําระหุนตามที่ตนไดแสดงเจตนาลงทุนไวคือ
2 แสนบาท หากสดไดนําเงินมาลงทุนกับหางไวครบ 2 แสนบาทแลว เชนนี้ สดก็ไมตองรับผิดอีกแต
อยางใด เพราะสดเปนหุนสวนที่จํากัดความรับผิด
ขอ 24
เกา ชิน เคน ชาติ แครี่ สมิง และโมนิการ ลงทุนตั้งบริษัทประเทืองจํากัดขึ้น มีวัตถุประสงค
ทําฟารมเลี้ยงกุง และสงกุงออกจําหนายยังตางประเทศ หลังจากดําเนินการมาได 6 ป ปรากฏวา
ขาดทุนมาโดยตลอด นอกจากไมมีความรูและความชํานาญในเรื่องการเพาะเลี้ยงและดูแลกุงเพียง
พอแลว ตอมารัฐบาลในบางประเทศซึ่งถือวาเปนตลาดใหญ ในการสงออกกุงของไทย ไดมี ขอ
กําหนดออกมากีดกันการนําเขากุงของไทยดวย และในปนี้บริษัทก็มามีปญหากับรัฐบาลไทยอีก
เกี่ยวกับการทําลายสิ่งแวดลอมอันเนื่องมาจากการทํานากุง แครี่ สมิง และโมริการเห็นวาในภาวะ
ที่เกิดวิกฤตการณทางเศรษฐกิจเชนนี้หากฝนดําเนินกิจการของบริษัทตอไปก็ไมมีทางฟนตัวได ยิ่ง
ถลําลึกลงไปในอนาคตก็ยิ่งมืดมน และอาจถูกรัฐดําเนินคดีเพราะปญหาทําลายสิ่งแวดลอมดวย
จึงเห็นสมควรจะเลิกบริษัทในตอนนี้กอนที่จะตองฆาตัวตายตามแฟชั่น แตเกา ชิน เคนและชาติไม
เห็นดวย และเชื่อวาปาฏิหาริยยอมเกิดขึ้นไดเสมอ หากดิ้นรนทนสูตอไปอาจโชคดีก็ได ทั้งสองฝาย
ตางถกเถียงโตแยงกันจนถึงขั้นทะเลาะวิวาท แตฝายแครี่สูไมไดเพราะมีเพียง 3 เสียง สวนฝายเกา
มีถึง 4 เสียง
เฉลย
ตามปพพ.มาตรา 1237 บัญญัติไววา “นอกจากนี้ศาลอาจสั่งใหเลิกบริษัทจํากัดดวยเหตุ
ตอไปนี้ คือ
(1) ถาทําผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทําผิดในการประชุมตั้งบริษัท
(2) ถาบริษัทไมเริ่มทําการภายในปหนึ่งนับแตวันจดทะเบียนหรือหยุดทําการถึงหนึ่งปเต็ม
(3) ถาการคาของบริษัททําไปก็มีแตขาดทุนอยางเดียวและไมมีทางหวังจะกลับฟนตัวได
(4) ถาจํานวนผูถือหุนลดนอยลงจนเหลือไมถึงเจ็ดคน
…………………”
ตามปญหา
เกา ชิน เคน ชาติ แครี่ สมิง และโมนิการ ไดจัดตั้งบริษัทประเทืองจํากัด ทําฟารมกุงและสง
กุงจําหนายยังตางประเทศ ปรากฏวาบริษัทดําเนินการขาดทุนมาโดยตลอด ยิ่งมาเจอสภาวะวิกฤต
ทางเศรษฐกิจ ทําใหผูถือหุนกลุมหนึ่งคิดวานาจะเลิกบริษัทจะดีกวาคือกลุมของ แครี่ สมิง และโมนิ
การ สําหรับอีกกลุมเห็นวานาจะยังสูตอไป อาจจะมีปาฏิหารยก็ไดก็คือกลุมของ เกา ชิน เคน และ
ชาติ ทั้งสองฝายหาขอยุติไมได ฝายของแครี่ซึ่งมีเพียง 3 เสียง จึงมาปรึกษาวาจะเลิกบริษัทโดย
การรองขอตอศาลนั้นสามารถทําไดหรือไม
จากกรณีดังกลาว เมื่อวิเคราะหสถานการณจากสภาพของการดําเนินการของบริษัทแลว
จะเห็นไดวาบริษัทขาดทุนมาโดยตลอดและโอกาสฟนตัวนั้นไมมีหวังจะกลับฟนได จะฟนไดก็โดย
ปาฏิหารยเทานั้น จากหลักกฎหมายมาตรา 1237 (3) นั้นใหใชสิทธิในการที่หุนสวนจะรองขอตอ
ศาลใหศาลสั่งยกเลิกบริษัทได เพราะบริษัทประเทืองจํากัดขาดทุนมาโดยตลอดและไมมีหวังที่จะ
ฟนได จึงเปนสาเหตุที่จะเลิกบริษัทได
กฎหมายพาณิชย 4
ขอ 25
ดิเรก ธงชัย และเพื่อนรวม 7 คน ไดกอตั้งบริษัทน้ําใสจํากัดเพื่อผลิตและจําหนายน้ําดื่ม
เมื่อจดทะเบียนหนังสือบริคณหสนธิแลว จึงจําหนายหุน กอนจําหนายหุน ดิเรก ธงชัย และเพื่อน
ไดมาปรึกษาหารือกันวาน้ําดื่มกําลังเจาะตลาดไดดีมาก จึงนาจะจําหนายหุนในราคา หุนละ 120
บาท จากราคามู ล ค า หุ น ที่ จ ดทะเบี ย นไวในราคา 100 บาท เมื่ อ จํ า หน า ยหุ น ได ค รบหมดแล ว
ปรากฏวานายสมบูรณผูเขาชื่อซื้อหุนที่จําหนายจํานวน 1,000 หุน ไดทราบความจริงวาจําหนายใน
ราคาที่สูงกวามูลคาหุนที่กําหนดไว จึงมาทวงติงดิเรกวาการจําหนายหุนในราคา 120 บาท จากที่
จดทะเบียนไวในราคามูลคาเพียง 100 บาทนั้นเปนการกระทําที่ไมถูกตอง ขอใหดําเนินการแกไข
ใหถูกตอง
เฉลย
ต า ม ป พ พ .ม า ต ร า 1105 ว ร ร ค ส อ ง บั ญ ญั ติ ไ ว ว า
“……………………………………………….
การออกหุนในราคาที่สูงกวามูลคาหุนที่ตั้งไวนั้น หากวาหนังสือบริคณหสนธิใหอํานาจไวก็
ใหออกได และในกรณีเชนนั้นตองสงใชจํานวนที่ล้ํามูลคาพรอมกันไปกับการสงใชเงินคราวแรก
…………………………………………………”