Professional Documents
Culture Documents
ปรัชญาของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
1. องค์การที่ประกอบด้วยสมาชิกที่มีความร้้ ความสามารถ จะ
ทำาให้องค์การพัฒนาและเจริญเติมโต ถ้าผ้้บริหารทรัพยากรมนุษย์เชื่อ
และยอมรับข้อความนี้ จะดำาเนิ นการสรรหา คัดเลือก และบรรจุบุคคลที่
มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานเข้ามาอยู้ในองค์การ ทำาให้องค์การไมูเกิด
ปั ญหาการปฏิบัติงานให้บรรลุแผนงานที่กำาหนดไว้
2. องค์การประกอบด้วยสมาชิกที่มีความพึงพอใจระหวูางสมาชิก
กับสมาชิก และระหวูางสมาชิกกับผ้บ ้ ังคับบัญชาระดับตูางๆ แล้ว จะกูอ
ให้เกิดบรรยากาศที่ดีในองค์การ จากความคิดดังกลูาว จะเป็ นแนวทาง
แกูฝูายบริหารทรัพยากรมนุษย์ดำาเนิ นการพัฒนาประสิทธิภาพ การ
สื่อสารการสร้างขวัญ กำาลังใจ ให้แกูมวลสมาชิก เพื่อกูอให้เกิดความ
จงรักภักดีตูอองค์การ
3. การจัดให้บุคคลได้ทำางานตรงกับความถนั ด ความสามารถของ
ตน จะเกิดความพึงพอใจและมีความสุขในการทำางาน แนวความคิดนี้
คล้ายข้อแรกแตกตูางตรงที่เน้ นบุคคล ฉะนั ้นการพัฒนาบุคลากร การ
เลื่อนตำาแหนู งและการโยกย้าย ควรคำานึ งถึงแนวคิดนี้ เพื่อกูอให้เกิดผล
ดีในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ
4. บุคคลที่เข้ามาทำางานในองค์การนั ้น มีสูวนชูวยเหลือและ
พัฒนาให้องค์การเจริญเติบโต
5. การประนี ประนอม การประสานประโยชน์ระหวูางสมาชิกกับ
องค์การ องค์การกับสังคมและกูอให้เกิดความเข้าใจอันดีตูอกันและ
สร้างความสงบสุขแกูสังคมโดยสูวนรวม
6. สภาพสังคมมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู้เสมอ ฉะนั ้นวิทยา
การใหมูๆ และความทันสมัยในความร้้ท่ีเปลี่ยนแปลงไปเป็ นสิ่งที่มีความ
สำาคัญ
7. องค์การเป็ นระบบหนึ่ งที่มีสูวนรับผิดชอบตูอสังคม ฉะนั ้น
ควรมีการพิจารณาจัดหาเงินทดแทน เมื่อสมาชิกในองค์การเกิดอันตราย
ตูางๆ ขณะปฏิบัติงาน และเมื่อทำางานครบ
เกษี ยณที่จะต้องออกจากงาน ทัง้ นี้เพื่อให้สมาชิกเหลูานี้มีความสุขใจ
เมื่อต้องออกไปเผชิญกับสังคมภายหน้ า ขณะเดียวกันการดำาเนิ น
กิจกรรมในลักษณะนี้ ยังสูงผลสะท้อนกลับให้บุคคลที่กำาลังปฏิบัติงาน
มีกำาลังใจและมองเห็นได้วาู มีการเอาใจใสูพวกตน อันเป็ นการเพิ่มความ
จงรักภักดีตูอองค์การและยังเป็ นการสร้างความร้้สึกที่ดีตูอมวลสมาชิก
ในสังคมทัว่ ไป ยอมรับ และศรัทธาองค์การมากยิ่งขึ้น
ปรัชญาสู่การปฏิบัติ
นโยบายและภารกิจของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
นโยบายการบริหารทรัพยากรมนุษย์
1. เหตุผลในการกำาหนดนโยบาย การกำาหนดนโยบายทางด้าน
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็ นสิ่งที่ควรกระทำาอยูางยิ่งเพื่อให้ร้แนว
การดำาเนิ นงานโดยทัว่ ไป แม้การรูางนโยบายตูางๆ จะไมูอาจให้
ครอบคลุมได้ทุกเรื่องก็ตาม แตูก็เป็ นการดีท่ีจะให้พนั กงานหรือล้กจ้าง
ของบริษัทได้ร้หลักและปรัชญาของบริษัท ร้้แนวทางการทำางานการ
จ้งใจและวิธีการบริหารงานของบริษัทที่จะสูงผลตูอประสิทธิภาพของ
การทำางาน เหตุผลที่ต้องกำาหนดนโยบายการบริหารงานบุคคลอาจสรุป
ได้คือ
1.1 การกำาหนดนโยบายทำาให้การปฏิบัติตูอพนั กงานเป็ น
ไปในลักษณะที่เทูาเทียมกันโดยสมำ่าเสมอตลอดทัง้ องค์การ ชูวยขจัด
ปั ญหาการเลือกที่รักมักที่ชังระหวูางพนั กงานภายในแผนกเดียวกัน
หรือตูางแผนกกันอีกทัง้ เป็ นหลักประกันวูาพนั กงานทุกคนอยูภ ้ ายใต้
กฎเกณฑ์อันเดียวกัน
1.2 นโยบายเป็ นเสมือนมาตรการวัดผลปฏิบัติงานของ
พนั กงานทุกคน ดังนั ้นจึงสามารถนำ าเอา ผลปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นจริงมา
เปรียบเทียบกับนโยบายได้วูาผ้้ใดปฏิบัติงานดีเดูนเพียงใด
1.3 เมื่อมีปัญหาทางด้านงานบุคคลเกิดขึ้นก็สะดวกแกูฝูาย
บริหารและผ้้เกี่ยวข้องที่จะตัดสินวินิจฉั ยปั ญหาอยูางมีหลักเกณฑ์และ
ถ้กต้อง
1.4 การกำาหนดนโยบายที่ดี จะชูวยให้พนั กงานมีความ
กระตือรือร้น ตื่นตัว และจงรักภักดีตูอบริษัท นอกจากนั ้นยังเป็ นการสูง
เสริมให้พนั กงานมีความก้าวหน้ าในงานที่ทำาเทูากับเป็ นการชูวยให้
ฐานะของบริษัทมัน ่ คงยิ่งขึ้นนโยบายควรเขียนไว้เป็ นหลักฐาน การที่
บริษัทบางแหูงไมูมีนโยบายที่เขียนไว้เป็ นหลักฐาน ก็มไิ ด้หมายความวูา
บริษัทนั ้นไมูมีนโยบาย นโยบายของบริษัทยังคงมีอยู้และเป็ นที่ร้กันใน
ระหวูางผ้้บริหารทุกคน ผ้บ ้ ริหารบางคนไมูต้องการให้เขียนนโยบายเป็ น
หลักฐาน เพราะคิดวูาการกระทำาดังกลูาวเป็ นการผ้กพันและจำากัดความ
เป็ นอิสระในการทำางานทำาให้ตัดสินใจยากและไมูมีความยืดหยูุนในการ
บริหารงานให้เข้ากับสถานการณ์ ความเข้าใจที่วูานโยบายเป็ นข้อผ้กมัด
ผ้้บริหารนั ้นเป็ นการเข้าใจผิด เพราะนโยบายเป็ นเพียงหลักการอยูางก
ว้างๆ เทูานั ้น ผ้้บริหารยังคงสามารถใช้ดุลยพินิจได้อยูางเต็มที่ นอกนั ้น
นโยบายยังเป็ นแนวทางที่ชูวยให้ตัดสินใจงูายขึ้นและเป็ นการบังคับให้
ปฏิบัติตาม การเขียนนโยบายทำาให้พนั กงานทุกคนร้้วูาจะได้อะไรจาก
ฝู ายบริหาร ร้้ฐานะของตนวูาอยู้ท่ีไหนจะต้องปฏิบัติอยูางไร ดังนั ้นจึง
เป็ นการสะดวกที่จะอ้างอิงได้วูานโยบายเป็ นอยูางไร การไมูเขียน
นโยบายอาจทำาให้บางคนเข้าใจหรือตีความผิดเพราะร้้นโยบายมาอยูาง
ผิด ๆ จึงไมูอาจตรวจสอบได้วูานโยบายที่ถ้กต้องเป็ นอยูางไร อีกประการ
หนึ่ งนโยบายเป็ นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงให้เข้ากับสถานการณ์และสภาพ
แวดล้อมซึ่งแสดงวูามีการยืดหยูุนในการบริหารงาน ดังนั ้นการเขียน
นโยบายไว้เป็ นหลักฐานจึงนู าจะให้ผลดีกวูา
2. วัตถุประสงค์ของนโยบาย พื้นฐานในการกำาหนดนโยบายก็คือ
จุดประสงค์นโยบายจะกำาหนดขึ้นมาไมูได้ถ้าไมูรว้ ูาจุดประสงค์เป็ น
อยูางไร เชูน ในการสร้างขวัญของพนั กงานก็มีเป้ าหมายเพื่อเพิ่มผลงาน
การเลื่อนขัน
้ เลื่อนตำาแหนู งในองค์การก็เพราะวูาพนั กงานทุกคน
ต้องการความก้าวหน้ า และต้องกรตำาแหนู งที่ส้งขึ้นในการกำาหนดจุด
ประสงค์ของนโยบายจะต้องเข้าใจจุดประสงค์สูวนตัวของแตูละคนเสีย
กูอน จริงอยู้แตูละคนอาจมีจุดประสงค์ตูางกัน แตูในหลักใหญูๆ แล้วมี
อยู้เหมือนกัน ซึ่งพอสรุปได้คือ
2.1 คูาจ้างที่ยุติธรรม ยูอมเป็ นที่ยอมรับกันทัว่ ไปวูา การที่
คนทำางานก็เพราะต้องการคูาจ้างและคนยินดีจะทำางานอยูางหนึ่ งก็
เพราะเห็นวูาคูาจ้างนั ้นยุติธรรมและเหมาะสมกับความเหนื่ อยยากใน
การทำางาน
2.2 สภาพการทำางานที่ดี ถึงแม้วูาคูาจ้างจะเป็ นสิ่งจ้งใจ
ประการแรกของการทำางาน แตูสภาพการทำางานที่ดก ี ็เป็ นความต้องการ
ของล้กจ้างที่เป็ นปั จจัยทำาให้สามารถทำางานในองค์การนั ้นได้นาน เพราะ
สภาพการทำางานที่ไมูเหมาะสม เชูน ไมูมีแสงสวูางเพียงพอ ร้อนหรือ
หนาวเกินไป สกปรกและไมูปลอดภัย เหลูานี้จะเป็ นอันตรายแกูสุขภาพ
อนามัยของคนงาน
2.3 ความมัน ่ คงทางเศรษฐกิจของพนั กงาน สิ่งที่สำาคัญก็
คือความแนู นอนของรายได้ หนู วยงานบางแหูงจูายคูาจ้างแรงงานตำ่าแตู
พนั กงานมีความมัน ่ คงในการทำางานตลอดไป จึงไมูนูาหูวงวูาจะต้องถ้ก
ออกจากงานหรืองดจ้าง ทำาให้พนั กงานมีความเต็มใจทำางานในหนู วย
งานนั ้น
2.4 การมีสูวนรูวมในการบริหาร การมีสวู นรูวมในกิจกรรม
ตูางๆ ของหนู วยงานจะทำาให้พนั กงานเกิดความร้้สึกวูาตนเองเป็ นสูวน
หนึ่ งของสังคมนั ้นและตนเองมีความสำาคัญตูอหนู วยงาน เมื่อมีการ
ริเริ่มโครงการใดๆ ขึ้นพนั กงานจะไมูขัดขวางเพราะถือวูาตนมีสูวนเป็ น
เจ้าของด้วยและพวกเขาจะคิดวูาโครงการใหมูนั้นยูอมมีผลกระทบ
กระเทือนตูอประโยชน์หรือสูวนได้เสียของคนงานไมูทางใดก็ทางหนึ่ ง
พนั กงานจึงมีความต้องการที่จะได้รับร้้และมีสูวนรูวมตัง้ แตูต้น
2.5 โอกาสที่จะได้รับความก้าวหน้ า เรื่องความก้าวหน้ าใน
งานเป็ นสิ่งที่มองเห็นได้ยากกวูาเรื่องอัตราคูาจ้าง แตูก็เป็ นความ
ปรารถนาของพนั กงานทุกคนที่อยากมีตำาแหนู งส้งขึ้น รับผิดชอบมาก
ขึ้น ดังนั ้นสถานะและตำาแหนู งงานในอนาคตก็เป็ นสิ่งจ้งใจอีกอยูาง
หนึ่ ง ที่ทำาให้พนั กงานปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้ าอยู้เสมอ จะ
มียกเว้นก็สำาหรับพนั กงานบางคนที่เป็ นสูวนน้ อยเทูานั ้นที่เห็นวูางาน
ในตำาแหนู งที่ส้งขึ้นมีความยากลำาบาก และรับผิดชอบมากเกินกำาลัง
ความสามารถของตนเอง
2.6 ความสำาคัญของตนเอง ฝู ายบริหารในธุรกิจสมัยใหมูมี
ความตื่นตัวในเรื่องที่ทำาให้พนั กงานประสบความสำาเร็จ และมีความร้้สก ึ
วูาตัวเองเป็ นบุคคลสำาคัญในหนู วยงานนั ้น ในเบื้องต้นผ้้ปฏิบัติงานเห็น
วูาคูาจ้างเป็ นสิ่งสำาคัญในระยะตูอมาเขาจะเห็นวูาคูาจ้างอยูางเดียวนั ้นไมู
เพียงพอ จึงพยายามหาโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นและหางานที่จะ
ทำาให้ตนเองมีความสำาคัญยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันฝู ายบริหารก็จะได้รบ ั
ประโยชน์จากความคิดเห็นของพนั กงานเหลูานั ้นด้วย
2.7 ความสำาคัญของกลูุม จุดประสงค์นี้เป็ นเรื่องที่ตูอเนื่ อง
มาจากความสำาคัญของตนเองการพิจารณาถึงความสำาคัญของกลูุม
บุคคล กลูุมนั บวูาเป็ นปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้น ในทุกหนู วยงานและมี
อิทธิพลมาก ความคิดเห็นของกลูุมตูางๆ เป็ นเรื่องที่ฝูายบริหารจะต้อง
ให้ความสำาคัญและสนใจเมื่อกลูุมมีความเห็นอยูางใดอยูางหนึ่ งแล้ว
ลักษณะการรวมตัวของกลูุม จะผลักดันให้ความคิดเห็นนั ้นออกมาและ
ถ้าไมูเห็นด้วยแล้วกลูุมก็จะรวมกันตูอต้านทันที ดังนั ้นการรับร้้ใน
พฤติการณ์ดังกลูาวก็เป็ นทางหนึ่ งที่จะชูวยให้หนู วยงานได้รับความ
สำาเร็จ
ภารกิจของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ภารกิจหลักทัง้ 3 ประการของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ใน
องค์กรนี้ถือวูาเป็ นหัวใจสำาคัญของฝู ายบริหารทรัพยากรมนุษย์จะต้องมี
ความเข้าใจในสาระสำาคัญของงานอยูางแท้จริง เพื่อให้งูายตูอการจดจำา
และนำ าเอกไปปฏิบัติได้อยูางถ้กต้องก็คือ “หาให้ได้ ใช้ให้เป็ น และเก็บ
รักษาช้าๆ ไว้นาน ๆ “ นั บวูาเป็ นคำากลูาวสัน
้ ๆ แตูได้ความหมายและ
เข้าใจได้ชัดเจนที่สดุ
หน้ าที่ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์
หลักการที่ผ้บริหารใช้ในเรื่องของความมัน
่ คงในอาชีพการงาน คือ
1.3.1 การดึงด้ดใจ (Attraction) โดยพยายามจ้งใจให้ผ้ท่ีมี
ความร้้ความสามารถให้เข้ามารูวมงานกับองค์การ
1.3.2 การธำารงรักษา (Retention) โดยการธำารงรักษา
พนั กงานที่มีความสามารถเหลูานั ้นให้ทำางานอยูก้ ับองค์การ เพราะมี
ความก้าวหน้ ามัน
่ คง
1.3.3 การจ้งใจ (Motivation) โดยกระตุ้นให้พนั กงานมี
ความมูุงมัน
่ ในอาชีพที่
ทำาอยู้
1.3.4 การพัฒนา (Development) โดยเปิ ดโอกาสให้ได้
พัฒนาศักยภาพและ
มีความก้าวหน้ าในเส้นทางอาชีพ
1.4 หลักความเป็ นกลางทางการเมือง (Political neutrality)
หมายถึง การไมูเปิ ดโอกาสให้มีการใช้อิทธิพลทางการเมืองเข้า
แทรกแซงในกิจการงาน หรืออยู้ภายใต้อิทธิพลของนั กการเมืองหรือ
พรรคการเมืองใดๆ
แผนภาพ การเปรียบเทียบหลักปฏิบัติระหวูางระบบคุณธรรมกับ
ระบบอุปถัมภ์
ระบบคุณธรรม ระบบอุปถัมภ์
1. ยึดหลักความสามารถ 1. ยึดความพึงพอใจ
2. เปิ ดโอกาสให้ทุกคนเทูา 2. ให้โอกาสแกูพรรคพวกหรือ
เทียมกัน ญาติพ่ีน้อง
3. มีความมัน
่ คงในการ 3. ขาดความมัน
่ คงในการทำางาน
ทำางาน 4. มีอิทธิพลการเมืองเข้า
4. ไมูมีอิทธิพลทางการเมือง แทรกแซงการทำางาน
เข้าแทรก
การจัดองค์กรของฝู ายทรัพยากรมนุษย์
ความแตกตูางระหวูางการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์
และการบริหารทรัพยากรมนุษย์แบบดัง้ เดิม
การบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์มีความแตกตูางจากการ
บริหารทรัพยากรมนุษย์แบบดัง้ เดิม ซึ่งมูุงเน้ นหน้ าที่ (Function) เป็ น
สูวนใหญู และแตูละหน้ าที่จะมีการดำาเนิ นงานอยูางเป็ นอิสระ แตูใน
แนวคิดของการบริหารเชิงกลยุทธ์นั้นผ้้อำานวยการฝู ายทุกคนจะเป็ น
สูวนหนึ่ งของทีมผ้้บริหาร (Management team) แผนภาพ ได้อธิบาย
ความแตกตูางหลักๆ ของทัง้ 2 แนวทางไว้ 6 ด้านใหญู ได้แกู การ
วางแผน อำานาจขอบเขตของภารกิจ การตัดสินใจ การบ้รณาการกับภาร
กิจอื่นๆ และการประสานงาน
แผนภาพ ความแตกตูางระหวูางการบริหารทรัพยากรมนุษย์
เชิงกลยุทธ์
และบริหารทรัพยากรมนุษย์แบบดัง้ เดิม
การบริหารทรัพยากรมนุษย์
มิติ
เชิงกลยุทธ์ แบบดัง้ เดิม
การวางแผน มีสูวนรูวมในการจัดทำาแผน มีสูวนรูวมในการ
และการ เชิงกลยุทธ์ขององค์การ และ วางแผนระดับปฏิบัติการ
กำาหนดกลยุทธ์ กำาหนดภารกิจ เทูานั ้น
HRM ให้สอดคล้องกับแผน
เชิงกลยุทธ์ของหนู วยงาน
อำานาจ ผ้้บริหารระดับส้งด้านนี้มี ผ้บ
้ ริหารมีสถานภาพ
สถานภาพ และมีอำานาจระดับกลาง
และอำานาจในระดับส้ง ตำาแหนู งระดับส้ง คือผ้้
ตำาแหนู งส้งสุดเรียกวูารอง อำานวยการฝู าย
ประธานฝู ายทรัพยากรมนุษย์
ขอบเขตของ เกี่ยวข้องกับพนั กงานทุกคน เกี่ยวข้องสูวนใหญูกบ
ั
ภารกิจ ตัง้ แตูระดับปฏิบัติการจนถึง พนั กงานระดับปฏิบัติ
ระดับผ้บ ้ ริหาร การ
การตัดสินใจ มีสูวนรูวมในการตัดสินใจ มีสูวนรูวมในการตัดสิน
เชิงกลยุทธ์ ใจระดับปฏิบัติการ
การบ้รณาการ ภารกิจด้าน HRM ตอบสนอง ภารกิจ HRM ตอบ
กับภารกิจอื่น ๆ
ตูอภารกิจด้านอื่นๆ ของ สนองตูอภารกิจอื่นใน
ขององค์กร
องค์การในระดับส้งเชูน การ ระดับตำ่า
ตลาด การเงิน และการผลิต
เป็ นต้น
การประสาน ทุกกิจกรรมหลักมีการประสาน แตูละกิจกรรมดำาเนิ น
งาน งานกัน เชูน การสรรหา การคัด การอยูางอิสระไมู
เลือก การบรรจุ และการฝึ ก สัมพันธ์กัน
อบรม
หน้ าที่ทรัพยากรมนุษย์ในองค์การขนาดเล็ก
หน้ าที่ทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรการขนาดกลาง
หน้ าที่ทรัพยากรมนุษย์แบบเกูาในองค์การขนาดใหญู
ร่ปแบบการจัดองค์การทรัพยากรมนุษย์ใหมูสำาหรับบริษัทขนาดใหญู
การวางแผนทรัพยากรมนุษย์
ความหมายของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
ความสำาคัญของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
1. เพื่อให้มีประสิทธิภาพส้งในการใช้ทรัพยากรเกี่ยวกับมนุษย์ใน
องค์การ
2. เพื่อที่จะให้ตอบสนองความพอใจของพนั กงาน และเพื่อโอกาสที่จะ
ได้มก
ี ารพัฒนาพนั กงานได้มากขึ้นกวูาเดิม
3. เพื่อที่จะให้มีการวางแผนที่จะได้ทำาการวูาจ้างได้อยูางถ้กต้อง
4. ทำาให้องค์การสามารถดำาเนิ นการอยูางมีประสิทธิผล และ
ประสิทธิภาพในอนาคตเพราะการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ เป็ นองค์
ประกอบสำาคัญของการวางแผนกลยุทธ์ให้แกูผ้บริหารระดับส้งของ
องค์การ
5. ทำาให้องค์การสามารถดำาเนิ นการอยูางมัน
่ คงทูามกลางสภาพสังคมที่
เปลี่ยนแปลงองค์การต้องหากลยุทธ์ตูางๆ ที่จะได้บุคคลที่มีคุณภาพ เพื่อ
ให้องค์การสามารถแขูงขันกับองค์การอื่นได้
6. ทำาให้องค์การมีแผนดำาเนิ นงานอยูางละเอียดที่จะปฏิบัติงานด้าน
บุคคลอยูางมีขัน
้ ตอนอันจะสูงผลตูอความเจริญก้าวหน้ าขององค์กรใน
บัน
้ ปลาย
ประโยชน์ของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
1. ทำำให้ทรำบถึงควำมต้องกำรด้ำนบุคลำกรในระยะยำว เพรำะ
ช่วยให้กำรจ้ำงพนั กงำนใหม่ เป็ นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ สำมำรถ
คำำนวณงบประมำณด้ำนเงินเดือน ผลประโยชน์พิเศษและสวัสดิกำร
ด้ำนต่ำงๆ ดังนั้ นกำรกำำหนดรับพนั กงำนใหม่ จะต้องยึดแผนด้ำน
ทรัพยำกรมนุ ษย์
2. ช่วยให้องค์กำรใช้ทรัพยำกรมนุ ษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
กำรวำงแผนทรัพยำกร
มนุ ษย์จะทำำให้เห็นภำพรวม กำรใช้กำำลังคนในแผนกและฝ่ ำยต่ำงๆ
รวมถึงกำรพัฒนำบุคคลอย่ำงชัดเจน ซึ่งทำำให้ทรัพยำกรมนุ ษย์ท่ีรบ
ั
เข้ำมำในองค์กำร มีคุณค่ำทำำให้เกิดประโยชน์อย่ำงแท้จริงแก่
องค์กำร
3. ทำำให้กระบวนกำรเลือกสรรคนเข้ำมำทำำงำนในองค์กำรมี
ประสิทธิภำพ เพรำะเป็ นระบบที่มีควำมสัมพันธ์ต่อเนื่ องกันตั้งแต่
กำรวิเครำะห์งำน กำรสรรหำ กำรคัดเลือก กำรบรรจุ กำรปฐมนิ เทศ
กำรพัฒนำและฝึ กอบรม ทำำให้ไม่เกิดปั ญหำกำรขำดแคลนบุคลำกร
4. ทำำให้กำรขยำยหรือกำรปรับปรุงองค์กำรในอนำคตเป็ นไป
อย่ำงมีประสิทธิภำพ โดยมีกำรวำงแผนกำรพัฒนำและกำรฝึ กอบรม
เพื่อเพิ่มพูนควำมรู้ควำมสำมำรถให้แก่พนั กงำนสำมำรถทำำงำนใน
ตำำแหน่งใหม่ได้ เป็ นกำรส่งเสริมและพัฒนำโอกำสให้พนั กงำน
ก้ำวหน้ำ
5. เป็ นแนวทำงในสถำบันกำรศึกษำพัฒนำหลักสูตร ให้เป็ น
ควำมต้องกำรของตลำดแรงงำน ข้อมูลจำกองค์กำรที่มีกำรวำงแผน
ทรัพยำกรมนุ ษย์ จะเป็ นประโยชน์และช่วยสนั บสนุ นให้สถำบันผลิต
นั กศึกษำได้สอดคล้องกับควำมต้องกำรของหน่วยงำนต่ำงๆ ทำำให้
ไม่เกิดปั ญหำกำรว่ำงงำน เป็ นกำรช่วยพัฒนำควำมมัน
่ คงของ
ประเทศ
6. เป็ นกำรปรับปรุงกำรใช้ทรัพยำกรมนุ ษย์ขององค์กำรอย่ำง
คุ้มค่ำ
7. ช่วยให้กิจกรรมต่ำงๆ ด้ำนกำรบริหำรงำนทรัพยำกรมนุ ษย์
สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กำรอย่ำงมีประสิทธิภำพ
8. ช่วยให้กำรจ้ำงพนั กงำนใหม่ขององค์กำรเป็ นไปอย่ำง
ประหยัด
9. ช่วยให้กำรจัดทำำฐำนข้อมูลด้ำนบริหำรงำนทรัพยำกรมนุ ษย์
มีคุณภำพและสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็ นประโยชน์ต่อกิจกรรมกำรบริหำร
งำนทรัพยำกรมนุ ษย์ อื่นๆ รวมทั้งหน่วยงำนย่อยอื่นๆ ภำยใน
องค์กำรด้วย
10. ช่วยให้กำรสร้ำงอุปสงค์ของแรงงำนในตลำดแรงงำนท้อง
ถิ่นประสบควำมสำำเร็จ
11. ช่วยขจัดปั ญหำคนที่เหมือนกับไม้ท่ีตำยแล้ว (dead
wood) ให้หมดไปจำกองค์กำรทำำให้เกิดกำรประหยัดค่ำใช้จ่ำย
12. ช่วยในกำรประสำนควำมแตกต่ำงระหว่ำงโปรแกรมกำร
บริหำรงำนทรัพยำกรมนุ ษย์ เช่น แผนกำรปฏิบัติงำนและควำม
จำำเป็ นในกำรจ้ำงบุคคล
วัตถุประสงค์ของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
1) เพื่อคำดคะเนควำมต้องกำร จำำนวนและประเภทของ
ทรัพยำกรบุคคลที่จะปฏิบัติงำน รวมถึงระดับของทักษะ ควำมรู้ และ
ควำมสำมำรถที่ต้องกำร
2) เพื่อให้ได้มำและธำำรงไว้ซ่ึงทรัพยำกรมนุ ษย์ในจำำนวนและ
คุณภำพที่ต้องกำร
3) เพื่อบริหำรกำรใช้ทรัพยำกรบุคคลในองค์กำรที่มีอยู่ให้ได้
ประโยชน์สูงสุด และป้ องกันพนั กงำนที่มีควำมรู้ควำมสำมำรถออก
จำกงำน หลังจำกที่ได้รบ
ั กำรพัฒนำจำกองค์กรแล้ว
4) เพื่อคำดคะเนล่วงหน้ำปั ญหำต่ำงๆ เกี่ยวกับทรัพยำกร
มนุ ษย์ เช่น ปั ญหำกำรขำดแคลนบุคลำกรและปั ญหำกำรมีบุคลำกร
เกินควำมต้องกำร เป็ นต้น
5) เพื่อจัดเตรียมมำตรกำรที่เมำะสมสำำหรับป้ องกันและแก้ไข
ปั ญหำเกี่ยวกับทรัพยำกรมนุ ษย์ในองค์กร
6) เพื่อสร้ำงควำมเข้ำใจร่วมกันเกี่ยวกับสภำพทรัพยำกร
มนุ ษย์ของหน่วยงำนต่ำงๆภำยในองค์กำรซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงกำร
เกลี่ยกำำลังคนระหว่ำงหน่วยงำนในที่สุด
หลักการกำาหนดทิศทางของแผนทรัพยากรมนุษย์
ในการกำาหนดทิศทางของแผนทรัพยากรมนุษย์ จะต้องดำาเนิ น
การเรื่องตูอไปนี้
1. การกำาหนดทิศทางและเป้ าหมายที่ชัดเจน เชูน แผนทรัพยากร
มนุษย์ขององค์การจะต้องเป็ นระบบและตอบสนองตูอการขยายตัวทาง
ธุรกิจ และใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู้ในปั จจุบันให้เกิดประโยชน์ส้งสุด
และคุ้มคูา
2. การกำาหนดระยะเวลาที่จะดำาเนิ นการ มีการระบุปฏิทินการ
ปฏิบัติงานตามแผนอยูางชัดเจน
3. การทำาความเข้าใจเรื่องแผนทรัพยากรมนุษย์ โดย
3.1 ชีแ
้ จงเรื่องแผนอัตรากำาลังให้ทุกระดับเข้าใจรูวมกัน
เพื่อกำาหนดทิศทางและวัตถุประสงค์
3.2 ฝู ายบริหารจะต้องมีความมัน ่ ใจวูาทรัพยากรมนุษย์ทุก
ฝู ายทุกระดับมีการรับร้้ ยอมรับและเข้าใจความจำาเป็ นและความสำาคัญ
ของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ของหนู วยงาน
4. การสื่อสารสมมุติฐานที่ใช้ประกอบการวางแผนทรัพยากร
มนุษย์ท่ีชัดเจนเป็ นที่เข้าใจของทุกฝู ายในองค์การ สมมติฐานที่สำาคัญ
เชูน
4.1 อัตราการเจริญเติบโตขององค์การ จะต้องมีอัตรา
ก้าวหน้ าส้งกวูาอัตราเจริญเติมโตของสภาวะเศรษฐกิจ
4.2 องค์การมีเป้ าหมายการใช้กำาลังคนในการให้บริการแกู
ล้กค้า จะไมูเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ดา้ นเทคโนโลยีแทน
4.3 มูุงใช้ทรัพยากรมนุษย์ท่ีมีอยู้ในแตูละแผนกให้คุ้มคูา
ในกรณี นี้อาจกำาหนดนโยบาย อาทิ มีเป้ าหมายในการพัฒนากำาลังคน
ทดแทนจากภายในองค์การ แทนที่จะสรรหามาจากภายนอก
5. ผ้้รบ
ั ผิดชอบด้านการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ จะต้องแปล
สมมุติฐานด้านกำาลังคน เชูนทิศทางของแผนที่จะเชื่อมโยงกับแผน
กลยุทธ์ธุรกิจขององค์การ แตูละสูวนของงานจะต้องตระหนั กถึงปั ญหา
และความต้องการภายในของแตูละงานเป็ นสำาคัญ โดยจะต้องดำาเนิ น
กิจกรรมตูอไปนี้
5.1 สำารวจและวิเคราะห์ปัญหาด้านกำาลังทรัพยากรมนุษย์
5.2 วิเคราะห์แนวโน้ มและเป้ าหมายด้านกำาลังทรัพยากร
มนุษย์
5.3 กำาหนดนโยบายและเป้ าหมายด้านทรัพยากรมนุษย์ใน
เรื่องการใช้กำาลังคนการพัฒนากำาลังคน การสรรหา การโยกย้ายสับ
เปลี่ยนงาน และการพัฒนาอาชีพ
5.4 สื่อสารและทำาความเข้าใจเพื่อให้การปฏิบัติงานบรรลุ
ตามวัตถุประสงค์ ทัง้ นี้โดยได้รับการสนั บสนุนจากผ้้บริหารระดับส้ง
และทุกฝู ายให้ความรูวมมือ
6. สิ่งที่มีผลกับการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ จะต้องพิจารณาถึง
เรื่องตูอไปนี้
6.1 ทรัพยากรมนุษย์ท่ีมีอยู้ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ส้งสุดแกู
องค์การแล้วหรือไมูเพียงใด และได้ประโยชน์คุ้มคูาตอบแทนและคูาใช้
จูายหรือไมู
6.2 มีแผนการฝึ กอบรมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใน
องค์การหรือไมู อยูางไร
6.3 อัตราส้ญเสียกำาลังคนในอนาคตจะรุนแรงหรือไมู โดย
พิจารณาวูาจะส้ญเสียกำาลังคนประเภทใด ระดับใดในกลูุมสายงานใด มี
จุดใดบ้างที่ได้รับผลกระทบและเมื่อใด รวมถึงศึกษาสาเหตุของการส้ญ
เสียวูามีอะไรบ้าง
6.4 จะใช้เทคนิ คและวิธีการในการคาดคะเนทรัพยากร
มนุษย์ทัง้ ในด้านอุปสงค์และอุปทานวิธีใดจึงจะเหมาะสม
6.5 การสรรหาผ้้มาดำารงตำาแหนู งจะกระทำาโดยวิธีใดจึงจะ
เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปั ญหาการขาดแคลนกำาลังคน
6.6 ระยะเวลาที่เหมาะสมในการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
ควรจะเป็ นเทูาใด เชูน ทบทวนทุกๆ 3 ปี หรือ 5 ปี เป็ นต้น
7. การจัดทำาแผนทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับแผนกลุยุทธ์
ทางธุรกิจอยูางเป็ นระบบ
หลักการตูางๆ ที่ได้นำาเสนอข้างต้นนี้จะต้องนำ ามาพิจารณาประกอบการ
จัดทำาแผนทรัพยากรมนุษย์ขององค์การ
ปั จจัยที่สูงผลตูอการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
1. องค์ประกอบภายนอกองค์การ หมายถึง ปั จจัยตูางๆ ที่เป็ น
สภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ ซึ่งองค์การไมูสามารถจะควบคุมได้
และยากที่จะทำาการคาดการณ์ประเมินความเป็ นไปได้ทัง้ ในระยะสัน้ และ
ระยะยาว องค์ประกอบภายนอกองค์การที่สำาคัญที่มีผลกระทบตูอการ
กำาหนดความต้องการกำาลังคนขององค์การมี 4 ประการ ได้แกู
1.1 สภาพเศรษฐกิจ (economics) โดยปกติระบบเศรษฐกิจแปร
เปลี่ยนไป
ตามระยะเวลาโดยมีลักษณะเป็ นวัฏจักรประกอบด้วย
1.1.1 ภาวะรูุงเรือง (boom)
1.1.2 ภาวะถดถอย (recession)
1.1.3 ภาวะตกตำ่า (depression)
1.1.4 ภาวะฟื้ นตัว (recovery)
ในภาวะเศรษฐกิจรูุงเรื่องจะเป็ นผลให้ยอดขายสินค้าและบริการ
ขององค์การเพิ่มขึ้น เนื่ องจากประชาชนมีรายได้ท่ีแท้จริงส้ง ทำาให้มี
อำานาจการซื้อมากขึ้น ดังนั ้นจะเป็ นผลให้ความต้องการกำาลังคนของ
องค์การเพิ่มขึ้นด้วย เนื่ องจากแรงงานคนเป็ นปั จจัยสำาคัญสำาหรับ
กระบวนการผลิต ในทางตรงกันข้ามถ้าเศรษฐกิจซบเซาอำานาจซื้อของ
ประชาชนตำ่า องค์การจำาเป็ นต้องลดประมาณการผลิตยูอมเป็ นผลให้
ความต้องการกำาลังคนขององค์การลดตำ่าลงด้วยผลกระทบที่เกิดจาก
สภาวะเศรษฐกิจสามารถมองเห็นได้คูอนข้างชัดเจนแตูการประเมิน
สภาวะเศรษฐกิจนั ้นทำาได้คูอนข้างยาก ทัง้ นี้อาจพิจารณาจากตัวบูงชีท ้ ่ี
สำาคัญ ได้แกูภาวะเงินเฟ้ อ ภาวการณ์วูางงาน อัตราดอกเบีย ้ เป็ นต้น
1.2 ปั จจัยด้านสังคม การเมือง และกฎหมาย (social, political
and legal) ปั จจัยทางสังคมพิจารณาจาก ระเบียบประเพณี วัฒนธรรม
คูานิ ยม เป็ นต้น ตัวอยูางของผลกระทบที่เกิดจากปั จจัยด้านสังคม เชูน
คูานิ ยมในการทำางานนอกบ้านของหญิงไทย มีผลตูอการกำาหนดความ
ต้องการกำาลังแรงงานเพศหญิงและเพศชาย องค์การสามารถจัดจ้าง
แรงงานหญิงได้มากขึ้น และสามารถลดแรงงานชายลงบางประเภท
ภาวะทางการเมืองและกฎหมายเป็ นเรื่องที่เกี่ยวเนื่ องกันซึ่งสามารถคาด
การณ์ได้โดยงาน ตัวอยูางเชูน กรณี ท่ีรัฐบาลออกกฎหมายการเกษี ยณ
อายุราชการฉบับใหมู โดยให้ข้าราชการเกษี ยณอายุเร็วกวูาหรือช้ากวูา
เดิม นั กวางแผนทรัพยากรมนุษย์กจ็ ำาเป็ นต้องนำ ามาพิจารณาในการ
กำาหนดความต้องการกำาลังคนขององค์การด้วย
1.3 ปั จจัยด้านเทคโนโลยี (technology) ภาวการณ์เปลี่ยนแปลง
ของเทคโนโลยีนั้นยากที่จะคาดการณ์และยากที่จะประเมิน แนวความ
คิด สูวนใหญูเชื่อวูาการขยายตัวและความก้าวหน้ าด้านคอมพิวเตอร์เป็ น
สาเหตุให้มีการวูางงานอยูางมากมายเพราะคอมพิวเตอร์สามารถทำางาน
แทนแรงงานคนได้อยูางรวดเร็ว แตูหากพิจารณาให้ดีแล้ว แม้วูาธุรกิจ
คอมพิวเตอร์จะเป็ นสาเหตุให้ความต้องการกำาลังคนในธุรกิจหลาย
ประเภทลดลง เชูน ธุรกิจการเงินการธนาคาร ธุรกิจร้านขายหนั งสือ
เป็ นต้น แตูมีธุรกิจบางประเภทที่จำาเป็ นต้องจ้างคนเพิ่มขึ้น เชูน ธุรกิจที่
บริการ โดยใช้คอมพิวเตอร์ ได้แกู การพิมพ์เอกสารการวิเคราะห์ผลก
วิจัย เป็ นต้น นอกจากนี้วิวัฒนาการการนำ าหูุนยนต์มาใช้แทนแรงงาน
คนในอนาคตยูอมมีผลกระทบตูอการกำาหนดความต้องการกำาลังคน
ขององค์การด้วย
1.4 ปั จจัยด้านคู้แขูงขัน (competitors) การมีคู้แขูงขันอาจเป็ นผล
ตูอความเติบโตของอุตสาหกรรม เพราะสูวนแบูงตลาดของธุรกิจยูอม
ถ้กคู้แขูงขันชูวงชิงเอาไปไมูมากก็น้อย ตัวอยูาง เชูน อุตสาหกรรม
รถยนต์และอุตสาหกรรมเหล็กมีอัตราการเติบโตน้ อยมาก เนื่ องจากมีคู้
แขูงขันจากตูางประเทศ อยูางไรก็ตามการแขูงขันในอุตสาหกรรม
อิเล็กทรอนิ กส์ก็เป็ นผลให้ราคาสินค้าลดตำ่าลง
ธุรกิจสามารถขยายตลาดได้กว้างขึ้น และทำาให้ธุรกิจต้องจ้างแรงงาน
เพิ่มขึ้น
2. องค์ประกอบด้านองค์การ หมายถึง การตัดสินใจในเรื่อง
สำาคัญๆ ขององค์กรที่มีผลกระทบตูอความต้องการทรัพยากรมนุษย์
ขององค์การ ในที่นี้จะกลูาวถึงองค์ประกอบด้านองค์การที่มีผลตูอการ
วางแผนกำาลังคน 5 ประการ ได้แกู
2.1 แผนกลยุทธ์ (strategic plans) นั บเป็ นองค์ประกอบที่
มีอิทธิพลตูอความต้องกำาลังคนมากที่สุด เนื่ องจากแผนกลยุทธ์เป็ น
แผนที่สัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ระยะยาว เชูน วัตถุประสงค์เกี่ยวกับ
อัตราความเติบโต (growth rate) ผลิตภัณฑ์ใหมู (new products)
ตลาด (market)และบริการ (services) เป็ นต้น วัตถุประสงค์เหลูานี้ จะ
ชีใ้ ห้เห็นถึงจำานวนและประเภทของพนั กงานที่จำาเป็ นสำาหรับองค์การใน
อนาคต นั กบริหารงานทรัพยากรมนุษย์จำาเป็ นต้องพัฒนาแผน
ทรัพยากรมนุษย์ระยะยาวให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ขององค์การ
เพื่อให้องค์การบรรลุวัตถุประสงค์เหลูานี้ได้
2.2 งบประมาณ (budgets) งบประมาณเป็ นเครื่องมือการ
ดำาเนิ นงานสำาหรับแผนกลยุทธ์ระยะสัน
้ ดังนั ้นการติดสินใจของฝู าย
บริหารในการเพิ่มหรือลดงบประมาณ จะสูงผลตูอความจำาเป็ นด้าน
ทรัพยากรมนุษย์ในระยะสัน้
2.3 การพยากรณ์ยอดขายและปริมาณการผลิต (sales and
production forecasts) แม้วูาข้อม้ลที่ได้จากกรพยากรณ์ยอดขายและ
ปริมาณการผลิต จะให้ความถ้กต้องน้ อยกวูางบประมาณ แตูก็สามารถ
ให้ข้อสังเกตได้รวดเร็วเกี่ยวกับความจำาเป็ นในการเปลี่ยนแปลงในระยะ
สัน
้ ของความต้องการทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ
2.4 การลงทุนในธุรกิจใหมู (new ventures) เมื่อองค์การ
กำาลังดำาเนิ นการลงทุนในธุรกิจใหมู นั กวางแผนจะต้องทำาการพัฒนา
แผนการจ้างงานทัง้ ในระยะสัน ้ และระยะยาวและในกรณี ท่ีการลงทุนใน
ธุรกิจใหมูเกิดจากการรูวมลงทุน (mergers) หรือการควบกิจการ
(acquisitions) ก็จำาเป็ นต้องทบทวนอุปสงค์ด้านทรัพยากรมนุษย์ใน
ทันที ซึ่งจะนำ าไปสูก
้ ารออกแบบองค์การและการออกแบบงานใหมู
2.5 การออกแบบองค์การและการออกแบบงาน
(organization and job designs) ชูวงหลังจากมีการรูวมลงทุน หรือ
การควบกิจการ องค์การจะมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์การ
(reorganization) อยูางฉั บพลัน ทำาให้แผนกำาลังคนต้องการการปรับให้
สอดคล้องกับสภาพการณ์ใหมูขององค์การ ในขณะเดียวกันการ
ออกแบบงานใหมูก็ทำาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงความต้องการระดับ
ทักษะของพนั กงานในอนาคตด้วย
3. ปั จจัยด้านกำาลังแรงงาน (work – force factor) อุปสงค์ของ
ทรัพยากรมนุษย์ขององค์การจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
กำาลังแรงงานภายในองค์กร ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลายประการ ได้แกู
3.1 การเกษี ยณอายุ (retirement)
3.2 การลาออก (resignation)
3.3 การตาย (deaths)
3.4 การสิน
้ สุดสัญญาจ้าง (terminations)
นั กวางแผนทรัพยากรมนุษย์จำาเป็ นต้องคาดการณ์แนวโน้ มของ
กำาลังแรงงานโดยศึกษาข้อม้ลจากอดีต และนำ าเอาผลของการคาดการณ์
มาใช้ประโยชน์ในการจัดทำาแผนกำาลังคนในอนาคตขององค์การ
กระบวนการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
การคาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์
มาตรการเลือกเทคนิ คในการพยากรณ์