You are on page 1of 87

PAIROJ

LEELAHAKUL
VITAMIN
– กลุ่มสารอินทรีย์เคมีที่ไม่จัดอยู่ในกลุ่มของ กรดอมิโน
ไขมัน และ คาร์โบฮัยเดรท
– คาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบมาจากสิ่งมีชีวิตเช่นพืชหรือ
สัตว์ หรือจากสิ่งที่เคยมีชวี ิต
– ร่างกายต้องการสารเหล่านี้ในจำานวนน้อย เพื่อให้
ปฎิกิริยาต่างๆในร่างกายดำาเนินไปได้ตามปกติ

PAIROJ
LEELAHAKUL
VITAMIN
– ร่างกายไม่สามารถสร้างได้
หรือสร้างได้ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการ
– เป็นสารจำาเป็นสำาหรับการดำารงชีวิต

PAIROJ
LEELAHAKUL
PAIROJ
LEELAHAKUL
ชนิ ดและกา รเรี ยก ชื่

 วิตามินแต่ละตัวสูตรเคมีที่แตกต่างกัน
ด้วยคุณสมบัติการละลายตัวของวิตามิน
ทำาให้แบ่งไว้วิตามินออกได้เป็น 2 พวก
1. fat-soluable
vitamins A , D , E , K
2. water-soluable vitamins
B complex , C

 การเรียกชื่อวิตามินเป็นตัวอักษรตามลำาดับของการค้นพบก่อนหรือหลัง
PAIROJ
LEELAHAKUL
วิธีกา รออ กฤท ธิ์
• วิตามินทุกตัวเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
ทางเคมีที่อวัยวะภายในร่างกาย จึงจะสามารถออกฤทธิ์ได้
• การออกฤทธิ์ใน water-soluable vitamins
ส่วนใหญ่แล้วเป็นไปในรูปของ coenzymes
• การออกฤทธิ์ของ fat-soluable vitamins
เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีนบางชนิดและcell
differentiation

PAIROJ
LEELAHAKUL
Water Soluble Vitamins Fat Soluble Vitamins

•Thiamin (B1) B1 Deficiency and Disease


•Riboflavin (B2)
2.Vitamin A
•B2 Deficiency and Disease 1.Gene Control by Vitamin A
•Niacin (B3) 2.Role of Vitamin A in Vision
•B3 Deficiency and Disease 3.Additional Roles of Vitamin A
•Pantothenic Acid (B5) 4.Clinical Significances of Vitamin A
•Pyridoxal, Pyridoxamine, Pyridoxine (B6) 3.Vitamin D
1.Clinical Significances of Vitamin D
7.Biotin
4.Vitamin E
•Cobalamin (B12) 1.Clinical Significances of Vitamin E
•B12 Deficiency and Disease 5.Vitamin K
9.Folic Acid 1.Clinical Significance of Vitamin K
1.Folate Deficiency and Disease
10.Ascorbic Acid

PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้า ที่ ของวิตามิน
• โดยการรวมกับสารต่างๆ เช่น เกลือแร่ โปรตีน และ
เอ็นไซม์แล้วเกิดปฎิกิริยาทางเคมี
• ทำาให้ร่างกายสามารถนำาเอาสารอาหารต่างๆเช่น คาร์โบฮัยเดรท ไขมัน
โปรตีน เกลือแร่ มาใช้ประโยชน์โดยขบวนการ metabolism
• นอกจากการป้องกันการขาดวิตามินแล้ว
วิตามินยังมีบทบาทในการรักษาโรคโดยเฉพาะในขนาด สูงๆ
ซึ่งเคยเชื่อว่าเป็นโรคที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากความชรา

PAIROJ
LEELAHAKUL
สาเหตุก ารข าดวิตาม ิน
 1. ได้จากอาหารไม่เพียงพอทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ
 2. มีความผิดปกติเกี่ยวกับการย่อยและ การดูดซึมของ
ระบบทางเดินอาหาร
 3. มีความผิดปกติของวิตามินในร่างกาย
ไม่สามารถเปลี่ยนวิตามินให้อยู่ในรูปที่สามารถออกฤทธิ์ได้

PAIROJ
LEELAHAKUL
สาเหตุก ารข าดวิตาม ิน
 4. ความต้องการของวิตามินเพิ่มขึ้นมากกว่าภาวะปกติ
 5. มีการทำาลายวิตามินในร่างกายเพิ่มขึ้น
 6. มีการขับถ่ายเพิ่มมากขึ้น
 primary vitamin deficiency
เป็นผลของการได้รับจากอาหารไม่เพียงพอ
 secondary vitamin deficiency
เกิดจากการเจ็บป่วย การใช้ยาบางชนิด โรคทางพันธุกรรม
PAIROJ
LEELAHAKUL
ผลข องกา รข าดวิ ตามิน
• ระดับวิตามินในเนื้อเยื่อที่เป็นแหล่งสะสมของวิตามินตัวนั้น
ๆ จะลดตำ่าลง
• มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ทางชีวเคมี และทางสรีร วิทยาที่ขึ้น
กับวิตามินนั้นๆ
• ปรากฎอาการแสดงทางคลินิก

PAIROJ
LEELAHAKUL
ภาว ะที่ต อ้ งก าร วิ ตามินมาก กว ่า ปกติ
(vitamin dependency)
• เป็นความผิดปกติเฉพาะหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งที่ ขึ้นกับวิตามิน
นั้นๆ ใน vit def เกิดขึ้นกับทุกหน้าที่ ของวิตามินนั้น
• อาการของผู้ป่วยที่เป็น vitamin dependency
จะดีขึ้นได้ต้องได้รับการรักษาด้วยวิตามินนั้นๆใน
pharmacologic dose ( 5-500เท่า
ของที่ควรจะได้รับใน แต่ละวัน) ซึ่งต่างจากผู้ป่วยที่มี
vitamin deficiency ที่ต้องการเพียง physiologic
dose PAIROJ
LEELAHAKUL
สาเหตุ ของ vitamin dependency

ความผิดปกติทางพันธุกรรม ( hereditary vitamin dependency ;


vitamin responsive inborn error of metabolism )
 transport ผิดปกติ
 ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนให้อยูใ่ น active form
 apoenzyme ผิดปกติ
 การรวมตัวของ apoenzyme กับ coenzyme เป็นไปได้ไม่ดี

*การให้ pharmacologic dose กระตุน้ alternate pathway*

PAIROJ
LEELAHAKUL
สา เหตุ ของ vitamin
dependency
ความผิดปกติจากการใช้ยาบางชนิด เช่น
 oral contraceptive มีผลต่อ vit B6 folic
acid
 anticovulsant มีผลต่อ folic acid และ
vitD

PAIROJ
LEELAHAKUL
วิตามิ นที ่ล ะลายใน ไขมัน
• วิตามิน A, D, E ,K
มีความแตกต่างกันในบทบาทที่มีต่อสรีรวิทยาของ ร่างกาย
• วิตามินเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายต้องอาศัยควบคู่ไป
กับไขมัน
นำ้าดีและนำ้าย่อยจากตับอ่อนจะเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
การดูดซึม วิตามินจะถูกส่งผ่านจากตับไปสู่เนื้อเยื่อต่างๆ
โดยผ่านท่อนำ้าเหลืองโดยรวมตัวไปกับไลโปโปรตีน
วิตามินเหล่านี้ไม่ถูกขับออกทางปัสสาวะ
PAIROJ
LEELAHAKUL
วิต าม ิ น เ อ
วิตามิน เอ เป็นกลุ่มของสารประกอบที่มี biological activity ในรูป
all-tran retinol สารประกอบในกลุม่ นี้ที่สำาคัญคือ retinol
ซึ่งใชัเป็นมาตรฐานในการวัดเทียบ activity ของสารประกอบตัวอื่นๆ
ในกลุ่มนี้
วิตามิน เอ ที่มาจากอาหาร แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
 pre-formed vitamin A ซึ่งอยู่ในรูปของ retinol หรือ
retinal พบในอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์
 pro vitamin A มีสารประกอบที่อยู่ในกลุม่ นี้ประมาณ 50 ชนิด
เป็นสารที่ทำาให้เกิดสีในพืช เช่น carotenes หรือ carotenoids
PAIROJ
LEELAHAKUL
วิต าม ิ น เ อ
1 retinol equivalent ( RE )
= 1 mcg retinol
= 6 mcg beta carotene
= 3.33 IU vit A จาก retinol
= 10 IU vitA จาก beta carotene
ปริมาณที่ควรได้รับในเด็ก = 375-500 RE
ปริมาณที่ควรได้รับในผู้ใหญ่ = 500-1000 RE

PAIROJ
LEELAHAKUL
คุณสม บัติข องวิ ตามิน เอ
• ทนต่อความร้อนและแสง
• ถูกทำาลายด้วยปฎิกิริยา oxidation
ความพร้อมในการที่
ร่างกายจะนำาไปใช้จะเพิ่มขึ้นในกรณีที่มีสาร
antioxidants อยู่ด้วย
• การปรุงอาหารช่วยเพิ่ม bioavialabilityแก่
carotene
• การเสียนำ้าของ ผัก ผลไม้ ทำาให้ carotene ลดลง
LEELAHAKUL
PAIROJ
กา รย่ อย การดูด ซึ ม
และ กา รขน ส่ ง
retinyl esters
(อาห าร )
beta carotenes retinal retinol retinyl
intestinal mucosa
ester
(ลำา ไส ้ )
(อา หาร ) chylomicron
beta lipoprotein
(ระบบนำ้า เหลือ ง )
RBP-cell
retinol-binding retinyl ester
surface receptor protein ( ตั บ)
(เล ือด )
retinal retinoic acid
(ตา ) (cell เยื ่อบุ ผิ ว) PAIROJ
LEELAHAKUL
การ สะสมวิ ตามิน เอ
• ร้อยละ 90 ของวิตามิน เอ ถูกเก็บไว้ที่ตับ
ที่เหลือสะสมที่เนื้อเยื่อไขมัน ปอด ไต
• การเก็บสะสมที่ตับเป็นไปอย่างช้าๆ
ถึงจุดอิ่มตัวในวัยหนุ่มสาว
• จะถูกปล่อยออกมาชดเชยในกรณีที่ได้รับในแต่ละวันที่ไม่พอ
เพียง

PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้า ที ่ ขอ งวิตา มิ นเอ
• เป็นองค์ประกอบของ visual pigment และขั้วรับ
รายละเอียดและรับสี ของภาพชนิดโคน (cone )
ขั้วรับในแสงสลัวชนิดร้อด ( rod )

dark
rhodopsin light

opsin - 11 cis retinal all trans retinal + opsin


(active) isomerase ( inactive)
11 cis retinol all trans retinol
(active) (inactive)
blood liver
PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้า ที ่ ขอ งวิตา มิ นเอ
• มีความจำาเป็นในการเจริญเติบโตและการพัฒนาโครงกระดูกแล
ะเนื้อเยื่อ โดยผ่านการสังเคราะห์โปรตีน , cell กระดูก ,
enamel ของฟัน
• มีบทบาทสำาคัญในการคงสภาพ cell บุผิว
และการแบ่งตัวของ basal cell ไปเป็น mucus
epithelial cell
• มีความสัมพันธ์กับการป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะที่ปอด
PAIROJ
LEELAHAKUL
กา รขาด วิต ามิ นเอ
• ตาบอดกลางคืน ( night blindness
-Nycteropia )
ไม่สามารถปรับแสงในที่มืดหรือสว่างได้ เนื่องจาก retina
ไม่สามารถสร้าง rhodopsin ได้
• xerophthalmia ( xerosis conjunctivae )
มีภาวะ hyperkeratosis ของ conjunctiva
และมีการอ่อนตัวของเยื่อบุตาดำา ( keratomalacia )
ซึ่งทำาให้ตาบอด PAIROJ
LEELAHAKUL
กา รขาด วิต ามิ นเอ
• ติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากการเสื่อมลงของ mucus
membrane และ T - cell ลดจำานวนลง
• การเปลี่ยนแปลงที่ผิวหนัง เนื่องจากการ follicular
hyperkeratosis โดยจะเริ่มที่ตน้ แขน ขา
และในที่สุดเป็นทั่วตัว

PAIROJ
LEELAHAKUL
Vitamin A deficiency diseases
The severity of the effects of vitamin A
deficiency is inversely related to age.
• Growth retardation is a common sign in children.
• Impaired dark adaptation and night blindness;
xerosis of the conjunctiva and cornea; xerophthalmia
keratomalacia;
• Keratinization of lung, GI tract, and urinary tract
epithelia; increased susceptibility to infections; and
sometimes death.
• Follicular hyperkeratosis of the skin is common.

When can vitamin A deficiency


PAIROJ
LEELAHAKUL
Classification of xerophthalmia
XN Night blindness
X1A Conjunctival xerosis
Xl B Bitot’ S spot
X2 Corneal xerosis
X3A Corneal ulceration’keratomatacua < 1/3 corneal
surface
X3B Corneal ulceration’keratomalacia >1/3 corneal
surface
XS Corneal scar
XE Xerophthalmic fundus
PAIROJ
LEELAHAKUL
PAIROJ
LEELAHAKUL
X1A

X1B (FOAMY)

PAIROJ
LEELAHAKUL
X1B (CHEESY)

X2
HAZE: inflammation

PAIROJ
LEELAHAKUL
X3A
ULCER

X3A
ULCER
INFECTION
PAIROJ
LEELAHAKUL
X3B
NECROSIS

XS
SCAR

PAIROJ
LEELAHAKUL
XF
XEROPTHALMIC FUNDUS

PAIROJ
LEELAHAKUL
Follicular hyperkeratosis

PAIROJ
LEELAHAKUL
PAIROJ
LEELAHAKUL
Who are considered to be at increased risk for
subclinical vitamin A deficiency include:

• toddlers and preschool age children;


• children living at or below the poverty level;
• children with inadequate health care or immunizations;
• children living in areas with known nutritional
deficiencies;
• children with high incidence of vitamin A deficiency or
measles;
• children with diseases of the pancreas, liver, or
intestines, or with inadequate fat digestion or absorption.

PAIROJ
LEELAHAKUL
Evaluation of Vit. A status

Plasma Vit.A

NUTR STATUS plasmaVit. A level

µ mol/L µ g/dL

deficient < 0.35 < 10


marginal 0.35-0.70 10 - 20
satisfactory 0.70-1.75 20 - 50
excessive 1.75-3.50 50 - 100
toxic > 3.5 >100 PAIROJ
LEELAHAKUL
สา เหต ุ ที่ สำา คัญ ของ กา รขา ด
วิ ตามิน เอ
• การรับประทานที่ไม่เพียงพอ
• ขาด โปรตีน
• ภาวะ abeta lipoproteinemia
• ขาดกรดนำ้าดี ทำาให้การดูดซึมของวิตามินผิดปกติ

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ เก ิด พิษ จาก วิ ต าม ิน เอ
• ภาวะวิตามิน เอ เกินแบบเฉียบพลัน ได้รับ retinol
เกินกว่า 200 mg ในผู้ใหญ่ และเกินกว่า 100 mg
ในเด็ก
• ภาวะวิตามิน เอ เกินแบบเรื้อรัง ได้รับเป็นสารเสริม 10
เท่าของ RDA ประมาณ 4.2 mg ของ retinol
สำาหรับเด็ก และประมาณ 10 mg ของ retinol
สำาหรับผู้ใหญ่
PAIROJ
LEELAHAKUL
วิต ามิ น ดี
• พบในส่วนที่เป็น sterol
ในเนื้อเยื่อของสัตว์และพืชซึ่งอยู่ในรูปของ 7-
dehydrocholesterol และ ergosterol
7-dehydrocholesterol
ตามลำาdiet
ดับ (Skin exposure to sunlight)
( UV )
vitamin D3
GI tract BONE
LIVER
PTH
25-OH-D3 =
PO4 Ca ++

parathyroid gland
PO4= Ca++ KIDNEY
monitor serum
1,25-(OH)2D3 calcium
blood serum calcium
PAIROJ
LEELAHAKUL
คุณส มบัต ิ วิต าม ินด ี
• มีความคงตัวมาก มีความคงทนในอาหารมาก
ไม่ถูกทำาลายโดยการเก็บถนอมอาหาร หรือจากขบวนการ
การปรุงอาหาร

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ ดูด ซึ ม การ ขนส ่ง
การส ะส ม
• วิตามิน ดี ที่ได้จากการดูดซึมจากอาหารที่ลำาไส้หรือที่ได้จาก ผิ วหนัง
จะรวมกับโปรตีนที่อยู่ในเลือด (vitamin D- plasma binding
protein DBP ) ถูกนำาไปสะสมที่ตับ ผิวหนัง สมอง กระดูก
และเนื้อเยื่ออื่นๆ ผู้สูงอายุ สามารถดูดซึมได้ดีเท่ากับหนุ่มสาวแต่
ไม่สามารถ เพิ่มประสิทธิภาพ การดูดซึม calcium ในกรณี ที่รับประทาน
อาหารทีม่ ี calcium ตำ่า ซึง่ เป็นผลมาจากความ เสือ่ มของไต
• การประเมินภาวะของ วิตามินดี
โดยทางอ้อมทำาได้จากการตรวจหาระดับของ serum alkaline
phosphatase , serum calcium

PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้า ที่ ขอ ง วิ ตาม ิน ดี
• ควบคุมระดับ calcium , phosphate
ในร่างกาย
• ภูมิคุ้มกัน
• การเจริญพันธุ์
• การหลั่ง insulin
• differentiation ของ keratocyte
PAIROJ
LEELAHAKUL
กา รวั ดปริ มาณวิต าม ิ น ด ี
• 1 mcg = 40 IU
• วิตามิน ดี 3 ( 1,25 dihydroxycholecalciferol
หรือ calcitriol ) และวิตามิน ดี 2(1,25
dihydroxyergocalciferol หรือ ercalcitriol )
มีความสามารถ biological activity เท่าเทียมกันมักจะ
เรียกรวม เป็น วิตามิน ดี 3
• ปริมาณที่ควรได้รับ 5 - 15 mcg / วัน

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ ขาด วิ ต าม ิน ด ี
• โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (rickets)
ความล้มเหลวในการดูดซึมของ calcium จากลำาไส้
ทำาให้ renal threshold ของ phosphorus ลดลง จึงขับ
phosphorus ออกทางปัสสาวะเพื่อรักษาสมดุลย์กับ calcium
ในเลือด และอาจจะมีการดึง phosphorus
จากกระดูกเพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษาดุลย์กับ calcium ในเลือด
• โรคกระดูกอ่อนในผู้ใหญ่ ( osteomalacia )
พบในผู้ที่บริโภคอาหารไม่เพียงพอ หรือ ไม่ได้รบั แสงแดด
มักพบในผูส้ ูงอายุ
PAIROJ
LEELAHAKUL
การ เก ิด พิษ จาก วิต าม ิ น ด ี
• การได้รับวิตามิน ดี เกินทำาให้เกิดพยาธิสภาพขึ้น
เนื่องมาจากการที่ระดับของ calcium สูงอยู่ในเลือด
ทำาให้มีการสะสม calcium
ที่กระดูกและเนื้อเยื่อต่างๆเช่นที่ไต รวมทั้งการเกิดนิ่วที่ไต
ปอด และแก้วหู ( หูหนวก )
• ในเด็กทารก ทำาให้ไม่สบายท้อง กระดูกเปราะ
การเติบโตช้า การพัฒนาทางสมองช้า

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ เก ิด พิษ จาก วิต าม ิ น ด ี
• ขนาดที่เกิดพิษมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลและช่วงอายุ
เกิดได้ง่ายในทารก และเด็ก
• 45mcg /วัน หรือ ควรเฝ้าระวัง ในผู้ที่ได้รับ > 25
mcg/วันเป็นระยะ เวลานานๆ

PAIROJ
LEELAHAKUL
วิ ตาม ิน อี
• พบอยูใ่ นอาหารในรูปของ tocopherol ( alpha ,beta , gamma
,delta ) และ tocotrienols
• alpha tocopherol มี biological activity สูงที่สุด
• คุณสมบัติ : antioxidant ทนกรด ทนความร้อนได้ดี
ไม่คงทนต่อด่าง รังสี UV และoxygen
ถูกทำาลายเมื่อรวมกับกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว ตะกั่ว เหล็ก
ในกลุ่ม tocopherol ester ไม่ถกู ทำาลายใน
deep - fat frying และ deep freeze

PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้าที ่ขอ ง วิ ตาม ิน อี
• ป้องกันการเกิด peroxidation ของ polyunsaturated
fatty acid
• ในทางเดินอาหาร ป้องกัน วิตามิน เอ จากการถูก oxidized
• ในระดับcell ป้องกันcell และcell membrane จาก free
radical
• ร่วมกับ selenium ในระบบ antioxidant โดยอาศัย
selenoenzyme และ glutathione peroxidase

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ วัด ปร ิม าณขอ ง วิต าม ิน อ ี
• 1mgd-alpha-tocopherol (alpha-TE)
= 1 alpha-tocopherol equivalents
• 1 mg d-alpha-tocopherol = 0.74 alpha-TE
• 1 mg d-alpha-tocopherol = 1.49 IU
• การหาค่า alpha-TE เนื่องจากวิตามินอี ในอาหารมีอยูห่ ลายรูปและมี
biological activity แตกต่างกัน ดังนั้นต้องคำานึงถึงปริมาณ
และbiological activity ของแต่ละรูปแบบ

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ วัด ปร ิม าณขอ ง วิต าม ิน อ ี
• จำานวน milligram ของแต่ละรูป alpha , beta ,
gamma, และ alpha-tocotrienol คูณด้วย 1.0,
0.5, 0.1, และ 0.3 ตามลำาดับ
• ถ้ารู้จำานวน milligram ของ alpha เท่านั้นให้คูณด้วย
1.2

PAIROJ
LEELAHAKUL
ปร ิม าณวิ ตาม ิน อี
ที ่ค วร ได ้ร ับ
• ความต้องการของร่างกายขึ้นอยู่กับปริมาณกรดไขมันที่ไม่อิ่
มตัว (PUFA)ที่บริโภค
• ปริมาณที่จำาเป็นเพื่อให้สมดุลย์กับปริมาณของ
PUFAตำ่าสุดที่ควรบริโภค ประมาณ 3-4 mg
alpha-TE ต่อวัน หรือ อัตราส่วนของ alpha-TE /
PUFA ควรจะเป็น 0.4

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ ขาด วิต าม ิน อ ี
• พบได้น้อยมาก
• มักจะเกิดจาก ความผิดปกติของการดูดซึม
การขนส่งไขมัน เช่น abetalipoprotein
• ทารกแรกเกิดมีปริมาณตำ่า แต่
ในนำ้านมแม่มีปริมาณเพียงพอ

PAIROJ
LEELAHAKUL
การ เก ิด พิษ จากวิ ตาม ิน อี
• พิษที่เกิดจากวิตามิน อี
มีค่อนข้างตำ่าแม้ว่าจะได้รับในขนาดสูง
• แต่สิ่งที่พงึ ระวังในการบริโภควิตามินที่ละลายในไขมันในขน
าดสูงกับสารกันเลือดแข็ง เช่น caumadin ทำาให้เกิด
bleeding

PAIROJ
LEELAHAKUL
วิต าม ิน ที่ ละล ายใน นำ้า
• กลุ่มวิตามินที่มีความสำาคัญในระบบการทำางานของ enzyme
ซึ่งหลายๆตัวมีความเกี่ยวข้องกับ ปฏิกิริยาที่ให้ พลังงาน
• วิตามินเหล่านี้จะเก็บสะสมในร่างกายในจำานวนเล็กน้อย
และมีการขับออกมาทางปัสสาวะในจำานวนเล็กน้อย
• การได้รับวิตามินเหล่านี้ในแต่ละวันจึงมีความจำาเป็นที่จะ
ช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะ พร่องหรือเกิดการรบกวนต่อ ระบบ
การทำางานปกติของร่างกาย

PAIROJ
LEELAHAKUL
วิต าม ิน บี รวม
• วิตามิน บีรวม เป็นกลุ่มของวิตามินที่มีความใกล้เคียงกันใน
1. แหล่งที่มา
2. ความสัมพันธ์กันทั้งที่อยู่ในเนื้อเยื่อ พืช และ สัตว์
3. มีหน้าที่ที่มีความสัมพันธ์กัน
• วิตามิน บีรวม มีบทบาทที่สำาคัญขบวนการ
metabolism ของ cell ที่มี ชีวิตทั้งพืชและสัตว์
โดยเป็น 1. coenzyme 2. prosthetic
group รวมกับ apoenzyme
PAIROJ
LEELAHAKUL
วิต าม ิน บี รวม
• thiamin , niacin , riboflavin , panthothenic
acid มีความสำาคัญในการสร้างพลังงานจาก glycolysis ,
tricarboxylic acid cycle
• ด้วยความสัมพันธ์กันระหว่างสมาชิกของวิตามิน บี
การที่บริโภคตัวหนื่งตัวใดไม่เพียงพอ
อาจจะทำาให้เกิความบกพร่องในการใช้วิตามิน บีตัวอื่นๆ
ดังนั้นการขาด วิตามิน บี ตัวใดตัวหนึ่งในทาง clinic
จึงเป็นไปได้ยาก
PAIROJ
LEELAHAKUL
วิตามิน บ ี 1 (THIAMIN)
• เป็นส่วนหนึ่งใน ระบบ enzyme อยู่ในรูปของ thiamin
pyrophosphate ซึ่งมีความสำาคัญกับทุกๆcellในร่างกาย
ในการใช้สร้างพลังงานจากขบวนการ metabolismของ
กรดไขมันและ คาร์โบฮัยเดรท
• พลังงานที่ได้มีความสำาคัญต่อการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์
ระบบภูมิคุ้มกัน และอื่นๆ
• บทบาทเกี่ยวกับ membrane และ nerve conduction

PAIROJ
LEELAHAKUL
คุณ สมบ ั ต ิ ของ วิ ตามิน บี 1
• ผลึกสีขาว ละลายได้ดีในนำ้า ไม่ละลายในไขมัน
• ถูกทำาลายด้วยความร้อนเมื่ออยู่ในสารละลายที่เป็นกลาง
0
และเป็นด่าง ในสารละลายที่เป็นกรดทนได้ถึง 120 C
• ในภาวะที่เป็นด่าง และมี oxidizing agent
จะเปลี่ยนเป็น thiochrome
ที่เรืองแสงและหมดสภาพความเป็นวิตามิน

PAIROJ
LEELAHAKUL
การด ูด ซึ ม กา รสัง เคราะ ห์
กา รสะ สม
• มีการดูดซึมที่ลำาไส้เล็ก และผ่านเข้าสู่กระแสเลือด
ไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ
• ในร่างกายมีวิตามิน บี 1 อยู่ประมาณ30 mg
พบมากในกล้ามเนื้อลาย หัวใจ ตับ ไต สมอง
โดยพบในกล้ามเนื้อลาย 50%
• เนื้อเยื่อในร่างกายจะเก็บวิตามินเอาไว้เท่าที่ต้องการเท่านั้น
ที่เหลือจะถูกขับออกมาในปัสสาวะ
PAIROJ
LEELAHAKUL
การด ูด ซึ ม กา รสัง เคราะ ห์
กา รสะ สม
• ระดับของวิตามิน บี1 จะลดลงอย่างรวดเร็วในเนื้อเยื่อต่างๆ
หากได้รับวิตามิน บี1ไม่เพียงพอ
• ที่เหลืออยู่ในร่างกายจะถูกเปลี่ยนไปเป็น thiamin
pyrophosphate (TPP) 80% เป็น
thiamin triphosphate ( TTP) 10% อีก10
% เป็น thiamin monophosphate (TMP) และ
thiamin
PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้า ที่ ของว ิตา มิน บ ี 1
(THIAMIN)
• รูปของวิตามิน บี1ที่ทำาหน้าที่ในร่างกายได้แก่ TPP และ TTP
ทำาหน้าที่เป็น coenzyme ใช้ในการเปลี่ยน pyruvate
ไปเป็น acetyl CoA โดย oxidative
decarboxylation เพื่อเข้าสู่ Kreb’s cycle
• TPP ทำาหน้าที่เป็น coenzyme ในการเปลี่ยน alpha
keto acid ที่ได้จาก amino acid ไปเป็น acetyl CoA

PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้า ที่ ของว ิตา มิน บ ี 1
(THIAMIN)
• TPP เป็น coenzyme ของ transketolase
reaction ใน pentose phosphate shunt
ซึ่งเป็น alternate pathway สำาหรับ glucose
oxidation
• TTP มีความสำาคัญต่อการนำา nerve impluse

PAIROJ
LEELAHAKUL
ปร ิม าณที ่ค วร ได ้ร ับ
• thiamin มีสว่ นสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกับการใช้พลังงานอย่างมาก
ดังนั้นความต้องการ thiaminจึงขึ้นอยู่กับการใช้กำาลังงาน
• US RDA กำาหนดให้ thiamin 0.5 mg/ 1000 kcal
• ในเด็กทารก 0.3-0.5 mg/วัน
• ในเด็ก 0.7-1.4mg/วัน
• ในผูใ้ หญ่ 1-1.5 mg/วัน
• หญิงมีครรภ์ และ ให้นมบุตร เพิ่มอีก 0.3 mg/ วัน

PAIROJ
LEELAHAKUL
กา รขา ดวิ ตา มิ น บี 1 (THIAMIN)
• เกิดจาก การบริโภคไม่เพียงพอ การดูดซึมผิดปกติ
การเก็บสะสมบกพร่อง
• อาจแบ่งได้เป็น 2 แบบ
1. dry beriberi มี peripheral neuropathy , loss
of function หรือ paralysis ของ ขา , mental confusion
2. wet beriberi เกิดจากการบริโภคคารืโบฮัยเดรทมากเกินไป
และใช้กำาลังงานมาก จะมีอาการ บวม หัวใจวาย และมี lung
congestion

PAIROJ
LEELAHAKUL
วิ ตาม ิน ซ ี ( ASCORBIC
ACID )
• เป็นผลึกสีขาว ละลายนำ้าได้ ถูก oxidize
ได้ง่ายในรูปของสารละลาย โดยเฉพาะเมื่อถูกความร้อน
• การถูก oxidize เกิดได้เร็วในกรณีที่มี เหล็ก หรือ
ทองแดง ในภาวะที่เป็นด่าง
• เป็นอนุพันธ์ของ hexose มีความใกล้เคียงกับ
monosaccharides

PAIROJ
LEELAHAKUL
วิ ตาม ิน ซ ี ( ASCORBIC
ACID )
• พืชและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด สามารถสังเคราะห์
วิตามิน ซี จาก glucose แต่มนุษย์ไม่สามารถทำาได้
• reduce form ของ ascorbic acid เป็น
active form และเป็น antiscorbutic

PAIROJ
LEELAHAKUL
กา รด ู ด ซึม ก าร สะส ม
• ดูดซึมได้ง่ายที่ลำาไส้เล็ก ถ้ามีการบริโภค 20-120 mg
จะมีการดูดซึมได้ถึง 90% และจะลดลงเหลือ 16%
ถ้าบริโภค 12 g และถูกนำาไปที่เนื้อเยื่อต่างๆ ทางเลือด
• พบมากในต่อมหมวกไต ไต ตับ และ ม้าม เมื่อเนื้อเยื่อ
อิ่มตัวแล้วจะถูกขับออกมาในรูปของ oxalic acid

PAIROJ
LEELAHAKUL
หน้าท ี่ ของ วิต าม ิ นซี
• เป็น coenzyme และ cofactor ในการ hydroxylation
ในการสังเคราะห์ collagen เปลี่ยน proline ไปเป็น hydroxyproline

เปลี่ยน tryptophan เป็น 5-OH tryptophan ซึ่งจำาเป็นในการสร้าง


serotonin
ช่วยในการสร้าง norepinephrine
• ช่วยควบคุม oxidation reduction potential
• ช่วยในmetabolism อื่นๆ เช่น ช่วยการดูดซึมเหล็กในลำาไส้
• เป็น antioxidant ช่วยปกป้อง วิตามิน เอ อี และ PUFA

PAIROJ
LEELAHAKUL
ปร ิม าณที ่ค วร ได ้ร ับ
• เด็ก 35 mg/วัน
• ผู้ใหญ่ 45 mg/วัน
• หญิงมีครรภ์และให้นมบุตร 60 mg/วัน
• ร่างกายมี saturation pool 1500 mg
มีการใช้ไป 3% ของ pool /วัน คิดเป็น 45 mg /วัน
• จะเริ่มมีอาการลักปิดลักเปิด เมื่อpool size ตำ่ากว่า
300mg
PAIROJ
LEELAHAKUL
การ เก ิด พิษ จาก วิต าม ิน ซี
• ท้องเสีย จาก osmotic effect
• hemolytic anemia ในทารกคลอดก่อนกำาหนด
ที่ได้รับ วิตามินรวมไม่สามารถขับวิตามิน ซี
ออกทางไตได้เนื่องจากมี GFR ตำ่า เกิด oxidative
damage
• false positive sugar ในปัสสาวะ
• เกิดนิ่ว urate และ oxalate stone
• rebound scurvy LEELAHAKUL
PAIROJ
Riboflavin (B2)
• ดูดซึมได้ดีที่ duodenum ด้วย saturable transport
system โดยอัตราเร็วขึ้นอยู่กับ ปริมาณที่รับประทาน
การรับประทานร่วมกับอาหารอื่น bile salt

• ในกรณีที่มีปริมาณของ riboflavin
ที่บริโภคตำ่าการดูดซึมเป็นแบบ Na+ active transport

PAIROJ
LEELAHAKUL
Riboflavin (B2)
หน้าที่ของ vitamin B2
 กระตุ้น redox reaction

 FMN เปลีย่ น vitamin B6ให้อยู่ในรูปของ phosphorylated


pyridoxin
 FAD เปลี่ยน tryptophan เป็น niacin

 ป้องกันการทำาลายเนื้อเยื่อจากขบวนการ oxidation
PAIROJ
LEELAHAKUL
ปริมาณที่ร่างกายต้องการ
RDA 0.6 mg/1000 Kcal
ในทุกอา ยุ

ถ้าได้รับอาหารน้อยกว่า 2000 Kcal


ควรได้รับอย่างน้อย 1.2 mg

หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับเพิ่มขึ้นอีก 0.3mg


หญิงที่ให้นมบุตร ควรได้รับเพิ่ม 0.5mg
PAIROJ
LEELAHAKUL
การขาด vitamin B2
• ในระยะเริ่มแรกไม่มีอาการ ตรวจพบได้จากการตรวจเลือด
• อา กา รที ่ ตร วจพ บ
เจ็บคอ มีการอักเสบของเยื่อบุในช่องปาก ลิ้น ริมฝีปาก
มุมปาก(angular stomatitis) , normochromic
normocytic anemia
อาการของการขาด niacin vitaminB6

PAIROJ
LEELAHAKUL
การป ระเมินภ าว ะการขาด Vitamin
B2
1.การวัดปริมาณ riboflavin ที่ขับออกมาในปัสสาวะ 24
ชั่วโมงต่อปริมาณ creatinin ในปัสสาวะ 24ชั่วโมง
• ผู้ใหญ่ > 120 ug/cr 24 hrs
• เด็ก > 80 ug/cr 24 hrs
2. การวัดระดับ riboflavin จากเม็ดเลือดแดง
• ค่าปกติ > 15 ug
• ถ้า < 10 ug ถือว่าขาด riboflavin
PAIROJ
LEELAHAKUL
การประเมินภาวะการขาด Vitamin B2
3. การวิเคราะห์หา activity coefficient (AC)
ของFDA-dependent glutathion reductase

• ค่าปกติ < 1.2


• ภาวะพร่อง 1.2 – 1.4
• ภาวะขาด > 1.4

PAIROJ
LEELAHAKUL
การเกิดพิษจาก riboflavin

• ไม่พบในคนเนื่องจากเมื่อถึงจุดอิ่มตัวในเลือด
แล้วจะมีการขับออกมาทางไตเพิ่มขึ้น

PAIROJ
LEELAHAKUL
Niacin
• Active form = nicotinamide
• Niacin เป็นองค์ประกอบที่สำาคัญของ coenzyme
nicotinamide adenine dinucleotide (
NAD)
nicotinamide adenine dinucleotide
phosphate(NADP) kinase(liver enzyme)
NAD NADP
phosphatase

PAIROJ
LEELAHAKUL
Niacin
• Niacin ถูกดูดซึมผ่านลำาไส้เล็ก โดย simple
diffusionและเปลี่ยนเป็น nicotinamide
ซึ่งถูกนำาไปสร้างNAD,NADP
• ถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะในรูปของ nicotirunic
acid , N-methylnicotinamide

PAIROJ
LEELAHAKUL
หน ้ า ที่ข องNiacin
สารตั้งต้นในการสังเคราะห์ NAD,NADP ซึ่งมีความสำาคัญใน
oxidation-reduction reaction
ในการสลายพลังงานจาก carbohydrate, protein,fat
เป็น coenzyme ของ dehydrogenase ในการสังเคราะห์
fatty acid , cholesterol
ใช้ในการสร้าง ATP
ใช้ในการสังเคราะห์ glycogen

PAIROJ
LEELAHAKUL
ปริมาณ ที ่ร่างก ายควรไ ด้ รับ ในแ ต่ล ะวัน
อาย ุ niacin equivalent อายุ niacin equivalent
M F
• 0-0.5 5 • 11-14 17 15
• 0.5-1 6 • 15-18 20 15
• 1-3 9 • 19-24 19 15
• 4-6 12 • 25-50 19 15
• 7-10 13 • 51+ 15 13
• Pregnancy 17
• Lactating 20

PAIROJ
LEELAHAKUL
การข าด Niacin
• ระยะแรก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีผื่นตามผิวหนัง
• ระยะรุนแรง (3d ของ pellagar)
1. dermatitis ผิวแห้ง แตกเป็นเกล็ด
2. diarrhea
3. dementia
• Hartnup ‘s syndrome : autosomal
recessive
tryptophan niacin
PAIROJ
LEELAHAKUL
การป ระ เมินการข าด Niacin
• ตรวจหา N-methylnicotinamide ในปัสสาวะ 24
ชั่วโมง
< 0.8 mg/day = ขาด niacin

PAIROJ
LEELAHAKUL
การเก ิด พิษจาก Niacin
• ใช้ในขนาดสูง 1-2 กรัม เป็นยาในการรักษา
hypercholesterolemia อาจทำาให้เกิด หน้าแดง
เนื่องจากการไปกระตุ้น การหลั่ง histamine
• ทำาลายเนื้อเยื่อตับ

PAIROJ
LEELAHAKUL
PANTOTHENIC ACID
• เป็นส่วนประกอบของ coenzyme A
ซึ่งมีบทบาทสำาคัญในacetyl CoA
ซึ่งทำาหน้าที่ในการสร้างพลังงานจาก carbohydrate
และการสลายfatty acid
• ทำาหน้าที่ใน citric acid cycle ในการรับกลุ่ม acetate
• เกี่ยวข้องกับ metabolism ของ amino acid
• เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ cholesterol,phospholipid,
steroid ,hemoglobin,etc.
PAIROJ
LEELAHAKUL
PANTOTHENIC ACID
• ปริมาณที่ร่างกายควรได้รบั
• ผู้ใหญ่ 4-7 mg
• เด็ก 2-5 mg

PAIROJ
LEELAHAKUL
PANTOTHENIC ACID
• การขาดpantothenic acid
ไม่พบในคนเนื่องพบมากในอาหารทั่วไป
• การเกิดพิษโดยทั่วมักไม่พบ
อาจทำาให้ท้องเสียได้ถ้าได้รับในปริมาณสูง

PAIROJ
LEELAHAKUL

You might also like