Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 1
การ ประเมินอันตรายร้ายแรง
5.1 บท นำา
ความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายร้ายแรงในกระบวนการแปรสภาพคอนเดนเสทให้เป็นปิโตรเลียม
และปิโตรเคมี ของบริษทั ระยองเพียวริฟายเออร์ จำากัด ก่อให้เกิดอุบัติภัย เช่น การรั่วไหลของสาร
เคมี การเกิดไฟไหม้ หรือการระเบิดได้ตลอดเวลา การประเมินความเสี่ยงเป็นกระบวนการวิเคราะห์
ถึงปัจจัย หรือสภาพการณ์ต่างๆ ที่เป็นสาเหตุอันตรายที่มีอยู่และแอบแฝงอยู่ โดยพิจารณาถึงโอกาส
และความรุนแรงของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
การประเมินอันตรายร้ายแรงของโครงการจะแบ่งประเด็นการพิจารณาออกเป็น 2 ประเด็น
ใหญ่ๆ ตามแนวทางทีธ่ นาคารโลกกำาหนดไว้ (World Bank Technica, 1990) คือการจำาแนกอันตราย
ร้ายแรง (Hazard Identification) และการวิเคราะห์อันตรายร้ายแรง (Quantitative Analysis)
5.3 การจ ำา แน กอ ั นต รา ยร ้า ยแร งจา กโค รงก าร (ha zar d I de nt ifi ca ti on)
จากหลักเกณฑ์การพิจารณาดังกล่าวเมื่อนำามาจำาแนกความเสี่ยงตามการจัดแบ่งพื้นที่ของ
โรงงานซึ่งมีอยู่ 6 พื้นที่ คือ
พื้นที่ทั้งหกเมื่อนำามาเวิเคราะห์โดยพิจารณาจากองค์ประกอบของสารอันตราย ปริมาณของสาร
ที่มีศักยภาพของอันตราย และเหตุชักนำาที่จะทำาให้เกิดความเสี่ยงดังตารางที่ 5.3-3 พบว่า มีเพียง
บริเวณหน่วยการผลิต (Process Area) และสานถังกักเก็บวัตถุดอบและผลิตภัณฑ์ (Tank Farm
Area) เท่านั้น ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอันตรายร้ายแรง
โดยทั่วไปเมื่อสารเคมีรั่วไหลจากระบบเก็บกักหรือกระบวนการผลิต สถานะของสารที่ออกสู่
บรรยากาศอาจเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความดันและอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ดังรูปที่ 5.4-1 เป็นต้น
ว่า กรณีของก๊าซทีเ่ ก็บกักในรูปของก๊าซหรือของเหลวภายใต้ความดันสูง เมื่อรั่วไหลออกสู่
บรรยากาศจะกลายเป็นก๊าซ หรือกรณ๊ของเหลวเมื่ออยู่ในกระบวนการผลิตที่อุณหภูมิสูงมากกว่า
จุดเดือด เมื่อรั่วไหลออกสู่บรรยากาศก็จะกลายเป้นไอกระจายออกไป เช่นเดียวกับสารที่เป็นก๊าซ
ทั่วไป
ในกรณีของโครงการขยายกำาลังการผลิตกระบวนการแปรสภาพคอนเดนเสทให้เป็นปิโตรเลียม
และปิโตรเคมี จะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับโรงงานปิโตรเคมีอื่นๆ แต่จะมีอันตราย/เสียหายจากการ
เกิดไฟไหม้มากกว่าการระเบิดเนื่องจากความดันภานในกระบวนการผลิตอยู่ภายใต้ความดัน
บรรยากาศ เมื่อสารเคมีไวไฟรั่วไหลออกสู่บรรยากาศ จะมีการกระจายตัวที่ช้า กรณีที่เกิดการติดไฟ
ทันที (Immediate Ignition) จะมีลักษณะการติดไฟเป็นวงกว้าง (Pool Fire) แต่กรณีที่ไม่ติดไฟใน
ทันที (Delayed Ignition) จะมีการระเหจของไดในลักษณะกลุ่มควัน (Dense Cloud) เกิดขึ้นเนื่องจาก
นำ้ามันหนักว่าอากาศ ลอยไปตามทิศทางใต้ลม (Down Wind) และเมื่อความเข้มข้นของกลุ่มควันถึง
เปอร์เซ็นต์ตำ่าสุดของการติดไฟ (LFL) แล้วเจอแหล่งกำาเนิดประกายไฟ (Ignition Source) จะทำาให้
เกิดการติดไฟของกลุ่มควันในลักษณะ Fireball/BLEVE หรืออาจเกิดการระเบิด (unconfined Vapor
Cloud Explosion, UVCE) ย้อนกลับมายังแหล่งกำาเนิด แต่ถ้าไม่มีแหล่งกำาเนิดประกายไฟกลุ่มควัน
จะลอยไปทำาให้เกิดผลกระทบในลักษณะความเป็นพิษ (Toxicity) ต่อสุขภาพอนามัย ดังนั้นการ
ประเมินอันตรายร้ายแรงจึงแบ่งลักษณะของอันตรายออกเป็น 3 ส่วน คือ
ตาร างท ี่ 5.4- 1 ผลก ระท บจา กร ะด ับ พล ังงา นค วาม ร้ อน ที่ มี ต่อท รั พย ์สิน แล ะ
มน ุษย ์
ระดับพลังงาน ประเภทของความเสียหาย
2
ความร้อน (kW/m ) ผลกระทบต่ออุปกรณ์ทรัพย์สิน ผลกระทบต่อมนุษย์
- 37.5 - ทำาลายอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต - 100% เสียชีวิตภายใน 1 นาที และ
1% เสียชีวิตภายใน 10 วินาที
- 25.0 - ระดับพลังงานตำ่าสุดที่ไม้ติดไฟโดยไม่ - 100% เสียชีวิตภายใน 1 นาที และ
มีเปลวไฟ บาดเจ็บสาหัสภายใน 10 วินาที
- 12.5 - ระดับพลังงานตำ่าสุดที่ไม้ติดไฟด้วย - 1% เสียชีวิตภายใน 1 นาที และ
เปลวไฟและท่อพลาสติกละลาย ผิวหนังไม้ภายใน 10 วินาที
- 4.0 - - รู้สึกแสบผิวหนังถ้าอยู่นานกว่า 20
วินาที แต่ไม่ทำาให้พุพอง
การรั่วไหลของสารอันตรายบริเวณถังกักเก็บจะพิจารณาอันตรายกรณีของถังนำ้ามันดีเซล
(TK-201, TK-203, TK210) ซึ่งเป็นสารไวไฟที่มีปริมาณถังเก็บมากทีส่ ุดเกิดการรั่วไหลออกสู่
ภายนอก โดยพจารณาตำาแหน่งที่เป็นจุดอ่อนของระบบท่อลำาเลียง เช่น ข้อต่อ หน้าแปลน วาล์ว
ควบคุมการไหล หรือ ปั๊มส์แรงดัน ซึ่งอาจชำารุด ทำาให้สารในระบบนัว่ ไหลออกมา โดยคิดในกรณีที่
เกิดการรั่วไหล 20 เปอร์เซ็นต์ และ 100 เปอร์เซ็นต์ของเส้นผ่านศูนย์กลางท่อลำาเลียงเป็นหลัก (8
นิ้ว) ภายหลังจากการรั่วไหล นำ้ามันซึ่งกักเก้บอยู่ในสภาวะของเหลวจะไหลนองอยู่ภายใน Dike ถ้ามี
แหล่งกำาเนิดประกายไฟ (ignition Source) จะเกิดการติดไฟทันทีในลักษณะ Pool Fire แต่ถ้าไม่มี
การติดไฟทันที ไอของนำ้ามันที่ระเหยเป็นกลุ่มควันจะมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นจนถึงเปอร์เซ็นต์ตำ่าสุด
ของการติดไฟ (LFL) แล้วถ้ามีประกายไฟจะทำาให้เกิดการระเบิดของ UVCE แต่ถ้าไม่มีกาคคิดไฟ
หรือระเบิดของกลุ่มควันดังกล่าวจะทำาให้เกิดผลกระทบในลักษณะความเป็นพิษ (ดูตารางที่ 5.4-2)
AIR SAVE CO ., L TD 4881/EIA/CH1_SPG
โค รงการโ รงงา นผลิตสารทำาความเย็นคุณภา พสู ง บริษั ท ส ยามเพียวแกส จำากัด
ตา รา งที่ 5. 4-2 สรุก ลั กษณะ กา รร ั่ วไ หลจ าก บร ิเ วณ ถัง กัก เก็ บบ ริ เว ณจุด เช ื่ อม ต่อ
(Co nn ect in g T oo l) ของถ ังก ับ ระ บา ยท่ อล ำาเ ลี ยง
- ไม่ติดไฟ - Toxi
ส่วนบริเวณกระบวนการผลิตปัจจุบันกรณีที่เกิดการรั่วไหลของสารเคมีซึ่งส่วนใหญ่เป็นไอ
ของนำ้ามันดีเซลบริเวณท่อลำาเลียงของหอกลั่น (T-101) ขนาด 10 นิ้ว 20 เปอร์เซ็นต์และ 100
เปอร์เซ็นต์ ของเส้นผ่าศูนย์กลางท่อ จะทำาให้เกิดกลุ่มควันที่เป็นพิษลอยไปตามทิศทางลมถึงระดับ
ความเข้มข้น IDLH ที่ระยะทาง 91 และ 750 เมตรตามลำาดับ (ดูรูปที่ 5.5-3 และรูปที่ 5.5-4 ประกอบ)
- การรัว่ ทีเ่ ครือ่ งอัดความดันก๊าซ โอกาสทีเ่ กิดขึน้ บริเวณข้อต่อ เมือ่ มีความดันสูงขึน้ เกิน
กว่ากำาหนดมาก จนทำาให้เกิดการรัว่ ไหลของก๊าซโพรเพนออกมา ซึง่ เส้นผ่าศูนย์กลางของข้อต่อมีขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลาง...........นิว้
- การรัว่ ทีถ่ งั เก็บก๊าซ บริเวณทีม่ โี อกาสรัว่ ไหลของก๊าซได้แก่บริเวณอุปกรณ์ประกอบหัว
ถัง ซึง่ เป็นลิน้ ประตูเปิดปิดก๊าซ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของวาล์ว............นิว้
- การรัว่ บริเวณตูจ้ า่ ยก๊าซ การรัว่ ไหลเกิดจากการชำารุดเสียหายหรือตามสภาพการใช้
งานอืน่ ของสายจ่ายก๊าซ ทำาให้เกิดการรัว่ ไหลของก๊าซ โดยสายจ่ายก๊าซมีขนาดเส้นผ่าน
ศูนย์กลาง..........นิว้