Professional Documents
Culture Documents
<<Microcirculation>>
ถาพูดถึงคําวา microcirculation ตองนึกใหไดวา เปนการไหลเวียนของเลือดผานหลอดเลือดที่มีเสนผาน
ศูนยกลางนอยกวา 100 μm(micron) ซึ่งไดแกพวก arteriole สวนปลาย(metarterioles) , arterioles ,
capillaries ,venules
ถึงแมจะเปนสวนที่เล็กๆ แตก็มีความสําคัญ เพราะวา 5% ของ Cardiac output ในรางกาย จะไหลผาน
microcirculation เพราะวา เปนสวนที่มีการแลกเปลี่ยน ไมวา เลือดจากหัวใจ จะไป aorta ไป pulmonary ไป
arterioleแตวา function ของมันก็อยูที่ capillaries เพราะวามันทําหนาที่ เปนตัวขนสง O2 , อาหาร ใหกับเนื้อเยื่อได
โดยผานทาง capillaries นี่แหละ ..... นอกจากนี้ มันยังเอาสาร metabolite ที่เกิดจากการทํางานของเนื้อเยื่อ กลับเขาสู
ระบบการไหลเวียนเลือด (อันนี้เปนหนาที่หลัก)
จากรูป เปนหลอดเลือด arteriole ซึ่งจะตอกับ capillary แตวา
กอนที่จะถึง capillary เนี่ย จะมี precapillary sphincters ซึ่งหูรูด
อันนี้ มันจะตอบสนองตอสาร mediator ตางๆ เชน Epinephrine ,
Norepinephrine ควบคุมการปด-เปด ของหูรูดอันนี้ แลวก็ระบบการไหล
ของเลือดที่อยูใน capillary
ในภาวะฉุกเฉิน เราไมอยากใหเลือดเขาสู capillary มากๆ หูรูดก็จะหดตัว
ผาน arteriole ผาน capillary ไปยัง vein โดยชองทางพิเศษ เราเรียกวา
?????? <นาจะ AV shunt นะ>(อาจารยพูดรัวมากๆครับ)
ขึ้นอยูกับแรง 4 ตัวดวยกัน
Pc = Capillary hydrostatic pressure
=> ตัวนี้จะมีคาไมเทากันในแตละอวัยวะ ขึ้นอยูกับความดันเลือดในรางกาย ,ความดันในหลอดเลือดแดง ,ความดันในหลอด
เลือดดํา แลวก็ความตานทานของ precapillary sphincters และยังขึ้นกับการหดหรือการขยายตัวของหลอดเลือดดํา (คา
อยูประมาณ 25-32 อยูในชวงนี้) มีทิศทาง ดันน้ําออกนอกหลอดเลือด
Pi = Interstitial hydrostatic pressure
=> เปนแรงดันน้ําที่อยูในชองวางระหวางเซลล ซึ่งมีคาต่ํา เปน – หรือ +ก็ได ถาเปน + มันจะดันน้ําเขาหลอดเลือด โดยอาจารย
บอกวา มีแคบางที่ที่มีคาเปน - คือ ที่ subcutaneous แตจะมีคาเปน + ที่ตับ ไต สมอง อาจสูงถึง 6 mmHg
πc = Capillary colloid osmotic pressure
=> เปนแรงดันที่เกิดจาก protein ใน plasma (ในหลอดเลือดฝอย) ที่สําคัญก็คือ albumin มีทิศทาง ดึงน้ําเขาหลอด
เลือด
πi = Interstitial colloid osmotic pressure
=> เปนแรงดันที่เกิดจาก protein ที่อยูใน ชองวางระหวางเซลล ซึ่งปกติ protein ในนี้จะพบนอย
<<Regional Circulation>>
เปนการไหลเวียนในอวัยวะตางๆ ในที่นี้ขอพูดถึง การไหลเวียนโลหิตของสมอง หัวใจ ชองทอง และผิวหนัง เพราะ
ระบบอื่นๆ เราจะไดเรียนในลําดับตอไป
Cardiac Output คือ เลือดที่ไหนออกจากหัวใจใน 1 นาที มีคาประมาณ 5 ลิตร
= stroke volume x heart rate (คนเรา stroke volume โดยทั่วไป ครั้งหนึ่ง
ประมาณ 70 ml สวน heart rate ประมาณ 72 ครั้ง/นาที คูณกันก็ไดประมาณ 5 ลิตร)
Cardiac output ที่ออกมานี้ ก็คือ ในหนึ่งครั้งของการบีบตัวของหัวใจ จะพบวาเลือดที่ออกมาจะไหลไปที่ไตมาก
ที่สุดประมาณ 420 ml ตอ 100 กรัมของเนื้อเยือ ใน 1 นาที
สวน skeleton muscle จะมีเลือดไหลไปเลี้ยงนอยที่สุด
Cardiac Output ที่มาที่สมอง
ในสมองเมื่อเปดกะโหลกศีรษะออกมาจะมีสวนประกอบคือ เนื้อสมอง เลือด เยื่อหุมสมอง และ CSF ซึ่งสมองจะมี
น้ําหนักประมาณ 1,400 กรัม จะมีเลือดประมาณ 75 ml และ CSF ก็มีประมาณ 75 ml เชนกัน ซึ่งพวกนี้มันจะอยู
ดวยกัน สมองจะไมสามารถถูกกดเบียด หรือเปลี่ยนรูปรางได แตหลอดเลือดอาจถูกโดนกดเบียดได
การเปลี่ยนแปลงความดัน ถาเปลี่ยนแปลงมากก็จะมีผลตอรางกาย เชน Cushing reflex คือถา intracranial
pressure (ICP) มันสูงขึ้นไมวาสาเหตุใดๆก็ตาม เชน อาจเกิดการกระแทกแลวมีเลือดออกในหลอดเลือด หรือหลอดเลือด
ฉีกขาด ซึ่งถา ICP มันสูงเกิน 33 mmHg ก็จะทําให cerebral blood flow ลดลง สุดทายทําใหเนื้อสมองในสวน
vasomotor area เกิดภาวะการขาดเลือด จะทําให systemic blood pressure (SBP) เพิ่มขึ้น ก็จะทําให
blood pressure มันมากขึ้น จนทําใหเกิด reflex ขึ้น เราเรียกวา reflex bradycardia เพื่อที่จะทําให blood
pressure มันลดลง เพราะฉะนั้นในภาวะ Cushing reflex นี้ จะพบวา blood pressure เพิ่มขึ้น แตอัตราการเตน
ของหัวใจชาลง
ถาคนไขมาดวยอาการความดันเลือดสูง แตอัตราการเตนของหัวใจนอย ก็แสดงวา อาจเกิดภาวะ intracranial
pressure สูง ----> อันตราย!
ในสมองจะมีการควบคุมอัตราการไหลเวียนเลือดมาที่สมองใหคงที่ดวย
1. autoregulation ก็คือ เปนความสามารถของเนื้อเยื่อที่จะทําใหมีการไหลของเลือดมาที่สมองหรือเนื้อเยื่อ ได
คงที่ ดังนั้น autoregulation จะทําไดในกรณีที่ความดันเลือดอยูในชวง 65 – 140 mmHg
2. neural control โดยที่สมองจะมีระบบประสาทมาควบคุมเชน sympathetic มาเลี้ยง ซึ่งถาถูกกระตุนก็
จะหลั่ง norepinephrine ทําใหเกิด vasoconstriction สวน parasympathetic จะทําใหเกิด
vasodilation แลวก็ยังมีพวก sensory nerve ก็จะหลั่งสารพวก substance P, CGRP พวกนี้ก็จะทําใหหลอด
เลือดที่สมองขยายตัว
3. metabolic control คือ ถาสมองมีการทํากิจกรรมเยอะๆ จะหลั่งสาร metabolize ออกมา เชน CO2
หรือ pH ที่มันต่ําลง มันก็จะทําใหหลอดเลือดที่สมองขยายตัว และทําใหเกิด cerebral blood flow เพิ่มขึ้น
การไหลเวียนในระบบทางเดินอาหาร
การไหลเวียนเลือดในระบบทางเดินอาหารจะมาตาม celiac artery , superior mesenteric artery และ
inferior mesenteric artery เคาบอกวา เลือดจะไหลมาเลี้ยงที่ระบบทางเดินอาหารเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เทา หลังการ
รับประทานอาหาร ซึ่งจะมีกลไก 4 อยางดวยกันคือ
1. CNS คือ แคคิด เลือดก็มาที่ระบบทางเดินอาหารแลว
2. เมื่อทานอาหารเขาไปแลว mucosal activity มันจะมีกิจกรรมมากขึ้น ก็จะมี adenosine ,CO2
เพิ่มขึ้น หลอดเลือดที่มาบริเวณนี้ก็ขยายตัว
3. การดูดซึมอาหารก็ทําใหเพิ่ม blood flow ดวย
4. ชวงระหวางการยอยอาหาร ก็จะมีพวก enzyme ออกมา ทําใหหลอดเลือดขยายตัว
สวน Neural control ก็จะมีทั้ง sympathetic และ parasym. ซึ่งระบบ parasym. มันจะทําให GI
ทํางานเพิ่มขึ้น ก็จะทําใหสารตางๆเชน enzyme หลั่งออกมามากขึ้น ก็ทําให blood flow ที่มาบริเวณนี้มากขึ้น
การออกกําลังกาย และการสูญเสียเลือด จะทําใหเลือดที่มาที่ระบบทางเดินอาหารนอยลง เชน ตอนกินขาวเสร็จใหมๆ
แลวไปวิ่ง จะทําใหจุก เพราะเวลาวิ่งเลือดจะไปเลี้ยงที่กลามเนื้อมาก ก็จะเกิด abdominal cramping ดังนั้น การออก
กําลังกายจะไปลดปริมาณเลือดที่เลี้ยงที่ระบบทางเดินอาหาร
การไหลเวียนเลือดที่ผิวหนัง (อาจารยจะพูดตอในชั่วโมงถัดไป)