Professional Documents
Culture Documents
“ การวางแผนสู่อนาคตที่ประสบความสําเร็จ ”
ยก.4:13-17
-----------------------------------------------------------------------------------------------
o แล้วมุมมองของคริสเตียนที่มีต่ออนาคตล่ะ?
o เราจะเอาอะไรมาข้องเกี่ยวกับอนาคต?
o แล้วเราจะตอบสนองอย่างไรดี?
o ยากอบบอกว่ามีอยู่ 3 สิ่งที่เป็นความผิดพลาดของมนุษย์ที่เป็นเหมือนหลุมพลางที่เราควรระวัง
1
o ยากอบเตือนเราว่าเราสามารถวางแผนสําหรับอนาคตเราได้ แต่ให้ระมัดระวังความผิดพลาดหรือหลุมพราง 3 อย่างนี้ไว้ให้ดี
o ยากอบอธิบายถึงหลุมพลางประการแรกจากคําสนทนาของนักธุรกิจสองคนคนแรกที่จบMBA มาจากมหาวิทยาลัยเยรูซาเล็ม
o ส่วนอีกคนเป็น CEO ของบริษัทที่มีสาขา500แห่ง
o เขาทั้งสองกําลังคุยเรื่องแผนของเขาอยู่
o เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นจากสถานการณ์นี้
o คนเรามักจะวางแผนกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว นักธุรกิจสองคนนี้ก็กําลังวางแผนเช่นเดียวกัน
o เมื่อไร? วันนี้หรือพรุ่งนี้
o ที่ไหน? เมืองนี้หรือเมืองนั้น
o นานแค่ไหน? อาจจะ 1 ปีที่นั่น
o ทําอะไร? ธุรกิจ
o ทําไม? เพื่อค้ากําไรได้เงิน
2
ยากอบบอกว่าหลุมพรางแรกคือ
1. การวางแผนโดยปราศจากพระเจ้า (ข้อ 13) PLANNING WITHOUT GOD
o 13 นี่แน่ะท่านที่พูดว่า "วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กําไร"
o นักวิทยาศาสตร์ที่เข้าร่วมประชุม UNFCCC ที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก แสดงให้เห็นว่า
ถ้ายังไม่ลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง อุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกในปี 2100 จะเพิ่มขึ้น
2 (สีเหลือง) - 4 องศาเซลเซียส (สีส้ม) ในสิ้นศตวรรษนี้แน่นอน (AFP)
o
o คนในโลกนี้เต็มไปด้วยการวางแผน และการคิดถึงอนาคต โดยหลายครั้งทําด้วยตัวเอง และมีเป้าหมายเพียงแค่โลกนี้
o โดยเรามักจะวางแผนจากข้อมูลที่เราได้รับ
o บางตนอาจอยากเป็นครู เป็นพยาบาล ดารา เจ้าของกิจการ
o อาทิ
o สถิติเมื่อเร็วๆนี้ระบุว่า แต่ละปี คนทั่วโลกบริโภคกาแฟ 400,000 ล้านถ้วย โดยคาปุชชิโนและลาเตครองอันดับต้นๆ
o หรือประมาณว่า คนหนึ่งคน กินกาแฟ 66 แก้วต่อปี 180,821 แก้ว ด้วยข้อมูลนี้ เราอาจสนใจเปิดร้านกาแฟ ได้
o หากเราเปิดร้านกาแฟ ในเชียงใหม่ ที่ มีคนกว่า 1 ล้านคน นั้นคือ 66 ล้านแก้วต่อปี หรือ
o กุหลาบสีฟ้า หลังใช้เวลาวิจัยและต่อรองอยู่เกือบ 20 ปี บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของออสเตรเลียชื่อฟลอริยีนได้รับใบ
อนุญาตให้ผลิตกุหลาบสีฟ้าต้นแรกของโลกออกจําหน่ายได
o หรือธุรกิจ Paint แมว
o คนในโลก และตัวเราเองแม้รู้จักพระเจ้า ในบางครั้งหรือหลายครั้ง เราก็วางแผน คิดเอง ทําเอง
o เมื่อมีคนถามเราว่า เราอยากเรียนคณะอะไร เราบอกว่า เราจะสอบเพื่อเขาคณะมนุษย์อังกฤษ และเราจะเรียนให้จบใน 3.5 ปี
หลังจากนั้นเราจะไปสมัคร ป โท หาทุนไปต่อ ม ในอังกฤษ และเราก็จะหาประสบการณ์ที่แถวยุโรป สัก 3-4 ปี ให้ได้ 2-3 ประเทศ
แล้วค่อยกลับเมืองไทย และเราจะทํางานในบริษัทใหญ่ ๆ เพื่อประสพการณ์าสัก 4-5 ปี โดยเราคิดว่าจะเรียกเงินเดือนสัก
30,000 ก็น่าจะพอ และตอนนี้เรายังไม่มีแฟนหรอก เพราะยังไม่พร้อม เราจะขอสร้างฐานะก่อน และจะเก็บเงินรถ และบ้าน พอ
3
แต่งงานแล้วเราจะมีลูกสัก 2 คน พร้อมเล้ียงหมาพันธ์ชีสุ ขณะคิด ๆ อยู่เรากําลังขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าแยกรินคํา รถชชน พิการ
ตั้งแต่ขาลงมา
o หรือเรา ตอนนี้ อายุได้ 50 แล้ว อีก 2 ปี เราจะ Early แล้ว
o หรือเราตอนนี้มา คจ. แสนจะอบอุ่นขอสนับสนุนเด็ก ๆ เพราะ คจ นี้มีแต่เด็ก ๆ อายุ 30 ก็แก่ได้
o หรือภรรยาเรามาเชื่อ เราก็จะช่วยอยู่ห่าง ๆ ก็แล้วกัน
o หรือ ...
o นี้คือ ความผิดพลาดประการที่ 1 เรารู้จักพระเจ้า แต่ไม่มีพระเจ้าอยู่ในแผนเลย เราคิดว่า เราเป็นเจ้าของโลกนี้
o เราคิดว่า เรากําหนดสิ่งต่างได้ด้วยตัวเอง
o เราคิดว่าเรามีสิทธิ ที่จะทําสิ่งต่าง ๆได้ด้วยตัวเอง เราลืมไปว่า เราไม่รู้ด้วยซ้ําว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกในสัปดาห์หน้า
o เราจะป่วยไหม, จะอุบัติเหตุอะไรไหม, หรือแม้เราแต่เราจะมีชีวิตอยู่ถึง สงกรานต์นี้หรือเปล่า?
o หรืออีกด้านหนึ่งคือ ไม่คิดอะไรเลย
o ไม่มีแม้แต่คําเดียวที่พูดถึงพระเจ้าในแผนการทําธุรกิจนี้
o เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร เขารู้วิธีไปที่นั่น แต่เขาไม่ได้ถามพระเจ้าก่อน
o กรุณาอย่าเข้าใจผิด พระคัมภีร์ก็ได้พูดถึงเรื่องการวางแผนด้วย
o เช่น “ไม่มีใครก่อนที่จะสร้างบ้านจะไม่นั่งลงคํานวณราคาก่อน”
o หรือในพระธรรมสภษ.ก็ได้พูดครั้งแล้วครั้งเล่าว่า..ถ้าเราไม่วางแผนเราก็เป็นคนไร้ปัญญา
o
o เพราะเป็นการฉลาดถ้ามีการวางแผน เขาไม่ได้พูดถึงแผน
o แต่เขาพูดกันแบบสันนิษฐานว่าในแผนงานของเขาไม่มีพระเจ้าอยู่ในนั้นเลย
o การมีความฝันสิ่งที่ดี การไปถึงเป้าหมายก็เป็นสิ่งที่ดี
o ถ้าเรารวมพระเจ้าและงานของพระองค์เข้าไปด้วย
o และตราบเท่าที่เราได้อธิษฐานขอในสิ่งนั้น
o ไม่มีอะไรผิดในสิ่งที่เขาทํา ทุกอย่างดูดีไปหมด
o แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่พวกเขาลืมกัน นั่นก็คือ เขาลืมบวกพระเจ้าเข้าไปด้วย
o เขาคิดเพียงแต่ตามที่เขาต้องการเท่านั้น
o
o ยากอบบอกว่า มนุษย์หลงลืมพระเจ้าไปเสียแล้ว
4
o คุณอาจจะเป็นผู้เชื่อ แต่คุณลืมพระเจ้าในชีวิตประจําวันคุณ
o ผมรู้จักคนมากมายที่รักพระเจ้าจนหมดใจ
o แต่เวลาวางแผนธุรกิจหรืออาชีพหรือเกี่ยวกับการศึกษา เขากลับกลายเป็นคนไม่เชื่อไปเสียนี่
o มันน่าเศร้าที่คนพูดว่า ไม่มีพระเจ้า แต่มันน่าเศร้ากว่าที่บางคนพูดว่า เขาเชื่อว่ามีพระเจ้า แต่การกระทําของเขาเหมือนกับเขาไม่มี
พระเจ้า
o เพราะเขาไม่ยอมให้พระเจ้ามาเกี่ยวข้องกับแผนชีวิตของเขาเลย
เรื่องราวของความสําเร็จ
o คุณบอกว่าคุณเชื่อพระเจ้า คุณเคยฟังเสียงพระองค์ในการทําธุรกิจบ้างไหม
o บางคนบอกว่า เขาไม่เชื่อที่จะเอาธุรกิจมายุ่งกับเรื่องของความเชื่อ
o “ธุรกิจทุกอย่างคือธุรกิจของพระเจ้า เอเมนไหมครับ
o ถ้าคุณเป็นผู้เชื่อ..คุณต้องวางแผนโดยมีพระเจ้าอยู่ในนั้นด้วยมันถึงจะสําเร็จ
o ในข้อ15 ควรจะพูดว่า “ถ้าเป็นน้ําพระทัยพระเจ้า เราจะอยู่ที่นั่นที่นี่..และจะทํานั้นทํานี่...”
5
o ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ..คุณก็ไม่รู้เหมือนกัน
o ฉะนั้นจุดเริ่มต้นในการเผชิญหน้ากับอนาคตคือ การพูดว่า
o “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์ทําอะไร? หรือสิ่งใดที่ข้าพระองค์ไม่ควรทํา?”
3 สิ่งที่เราควรตอบสนองต่อน้ําพระทัยพระเจ้าคือ
There are 3 possible responses to God's will:
• มนุษย์ขอ แต่พระเจ้าเป็นคนให้
7
ยก. 4 : 14 และ16 แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หาย
ไป
16 ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว
มีสองเหตุผลที่เราไม่ควรคาดหวังมากเกินไปสําหรับอนาคต
2. ชีวิตนี้สั้นนัก
o เปรียบเหมือนกับแค่หมอก หมอกในภาษากรีก คือ แอทมอส atmos
o ซึ่งเป็นรากศัพท์คําว่า atmosphere หรือ บรรยากาศ นั่นเอง
o ชีวิตเราก็เหมือนหมอก ปรากฏตอนเช้า พอสายๆก็จางไป ไม่มีใครอยู่ค้ําฟ้า
o คุณรู้จักใครที่มีทัศนคติแบบนี้บ้างมั้ย
o ชีวิตนี้สุดยอด มาปาร์ตี้กันเถอะ มาดื่มกันเถอะ เอาเบียร์มาอีก
o คนพูดอยู่บนหลังอูฐ เป็นปาร์ตี้ในเยรูซาเล็ม มาสนุกกันเถอะ เราจะอยู่ค้ําฟ้า
o ยากอบบอกนั่นคือความคิดของคนที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่
o คุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพรุ่งนี้จะเหมือนกับวันนี้
o ไม่มีใครพูดได้ว่าเราจะอายุยืนถึง100ปีได้
ยากอบเตือน ใน
สภษ 27:1 อย่าคุยอวดถึงพรุ่งนี้ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าวันหนึ่งๆ จะนําอะไรมาให้บ้าง
• เรามักชอบประกาศแผนของเราเป้าหมายเรา
• ปีหน้าเราฉันทํารายได้ให้ได้ 2 เท่า
• ปีหน้าฉันจะเทคโอเวอร์อีก 3 บริษัท
• การประกาศเป้าหมายมีความหมายได้ 2 มุม
• 1. อาจจะเป็นคําพูดที่แสดงความสัตย์ซื่อ
• 2. ความหยิ่งยโสก็ได้
• อะไรทําให้แตกต่าง ก็คือ..แรงจูงใจนั่นเอง
• เหตุผลที่เราพูดบางอย่างออกมาก็คือความหมายเดียวกันกับสิ่งที่คุณกําลังพูดออกมา
• พระเจ้าบอกว่า การมีเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดี..แต่น่าจะถามพระเจ้าก่อน
• เราควรอธิษฐานถามพระเจ้าดูว่าเป้าหมายเราชีวิตเราอนาคตเราควรจะเป็นอย่างไร
9
• แล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?
• ยากอบเตือนให้เราอยู่แบบวันต่อวัน ไม่ใช่อยู่ไปวันๆนะครับ
• สิ่งที่พระเจ้าบอกให้เราเผชิญกับอนาคต คือการอยู่แบบวันต่อวันกับพระองค์
o เราไม่สามารถวางแผนอนาคตได้แต่เราสามารถอยู่ในวันนี้ได้
o เราอยู่ในวันพรุ่งนี้ไม่ได้ เราต้องอยู่วันนี้ก่อน
o วางแผนเพื่อพรุ่งนี้ แต่ทําปัจจุบันให้เกิดประโยชน์ที่สุดสิครับ
o ชีวิตคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็คือสิ่งที่เราพยายามวางแผน
o คนเรามักจะวางแผนที่จะทําโน่นทํานี่ ยกตัวอย่าง จะทําในเดือนมกราคม แต่ลืมวันคริสต์มาสไปซะนี่
o วันนี้คือวันที่ดีที่คุณจะพูดถึงในอีก15ปีข้างหน้า
o ฉะนั้นทําไมเราไม่ใช้มันให้ดีที่สุดล่ะครับ
o อย่าวางแผนผิดพลาดโดยปราศจากพระเจ้าอีกเลย
o อย่าวางแผนผิดพลาดเพราะมัวแต่คาดหวังและพึ่งพาสิ่งที่จะเกิดในวันพรุ่งนี้อยู่เลย
o ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่ถึงอาทิตย์หน้า หรือปีหน้ารึเปล่า ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลย
หลุมพรางข้อสุดท้ายคือ
o สิ่งดีที่เราสามารถทําได้แท้จริงไม่ได้อยากเลย
o Pay it Forward
ภาพยนต์ที่ชื่อว่า “Pay it Forward” หรือ ช่วยไปเลย ถูกประพันธ์ขึ้นในปี 1999 เป็นเรื่องของเด็กชายอายุ 12 ปีชื่อว่า แทรเวอร์
แมคเคนนีย์ ได้รับการบ้านจากครูให้คิดแนวทางเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นเขาได้คิดทฤษฐีการช่วยเหลือคนอย่างน้อย 3 คน โดยไม่
หวังอะไรตอบแทน เพียงแค่ขอให้ 3 คนนี้ทําแบบเดียวกันต่อผู้อื่นต่อไปอีก 3 คนถ้าทฤษฐีนี้เกิดขึ้นจริง ผ่านไปเพียงแค่สองสัปดาห์จะมี
คนได้รับการช่วยเหลือถึง 4,782,969 คน และนั่นคงนําการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมายังโลกนี้ได้
o
o ยากอบพูดถึงเรื่องการผลัดวันประกันพรุ่ง
o เราต้องไม่ลืม
o ผู้ชายลืมทุกสิ่ง ส่วนผู้หญิงจดจําทุกอย่าง นี่คือสาเหตุที่พวกผู้ชายจําเป็นต้องมีการฉายภาพซ้ําทันทีในการถ่ายทอดกีฬาต่างๆ
o
o ฉันตั้งใจจะทํานั่นทํานี่ แต่เมื่อไหร่คุณจะเหนี่ยวไกซะที
o ความบาปของเราคือ การผลัดวันประกันพรุ่ง
o มนุษย์เรามักตกหลุมพลางเรื่องความเฉี่อยช้าในการทําสิ่งดี
o แม้เรารู้อยู่เต็มอกว่าเป็นสิ่งดีที่ควรรีบทําก็ตาม
o คุณให้คํานิยามของความบาปว่าอย่างไรครับ?
o เราคงคิดไปถึงการกระทําของมารซาตาน เช่น การฆ่า การล่วงประเวณี การโกหกหลอกลวง การขโมย
o นั่นคือบาปชัดๆ แต่บาปที่ดูเหมือนไม่บาปนั่นคือการ “การละเลยที่จะทําดี”
11
o คุณอาจเป็นสมาชิกที่ดีในโบสถ์ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่พูดคําหยาบ ไม่เสเพล ไม่เพลย์บอย
o แต่ถ้าคุณลืมพระเจ้าในชีวิตคุณละก็ นั่นก็ถือว่าบาปด้วย
o ถ้าการเป็นคริสเตียนคือการห้ามทําโน่นห้ามทํานี่
o คนไม่เชื่อพระเจ้าก็คงถูกเรียกว่าเป็นคริสเตียนได้เช่นกัน เพราะว่าเขาก็ไม่ได้ทําสิ่งเลวร้ายเหมือนกัน
o การผลัดวันประกันพรุ่ง คือ การกําลังจะตกหลุมพลางในดินแดนที่เรียกว่า “ซักวันฉันจะ...” หรือคําว่า “ซักวันนึง..ฉันจะ...”
o ซักวันนึงฉันจะเอาจริงเอาจังกับพระเจ้าและ..
o แต่พระเจ้าตอบว่า..ลูกไม่ต้องอ้างวันพรุ่งนี้หรอก..เพราะไม่มีคําว่าพรุ่งนี้.. แต่จงทําเสียในวันนี้ !!
คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้สาระเปล่าประโยชน์ มีมากมายหลายทางทีเดียว
12
o พระวจนะพระเจ้าและการช่วยเหลือผู้อื่นไงล่ะครับ
o เมื่อผมอยู่ที่นี่ขณะนี้ ที่นี่ก็อาจจะเป็นสุดท้ายสําหรับผมก็ได้
o ทําไมไม่ลงทุนเวลาแห่งชีวิตเราในสิ่งที่นิรันดรล่ะครับ
o นั่นก็คือการดําเนินชีวิตเชื่อฟังพระวจนะพระเจ้าและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
o นั่นคือสิ่งที่มีคุณค่าจริงในสายพระเนตรพระเจ้า
o มีคําพูดว่า.. “มันไม่สําคัญหรอกว่าคุณจะอายุยืนนานแค่ไหน ถ้าคุณไม่เคยทําอะไรในชีวิตคุณเลย”
o ถ้าเราเพียงแค่ให้เวลาผ่านไปเร่ื่อย ๆ แต่ละปี ๆ และปีเก่าผ่านไป ปีหน้าก็มาอีก มีอไรที่เรามั่นใจได้ไหม ว่าเราทําได้ดีในปีที่ผ่าน
มา
o พี่น้องครับ คนเราจะอยู่กันนานแค่ไหนเชียว
o พระเจ้ากําลังมองดูเราอยู่ ว่าเรากําลังใช้ชีวิตแบบทิ้งๆขว้างๆอยู่รึเปล่า
o สิ่งที่เรากําลังทําอยู่นั้น.. “นับ” ได้ในสายพระเนตรพระเจ้ารึเปล่า?
o พระเจ้าบอกว่าเริ่มต้นใหม่เสียแต่วันนี้ ตัดสินใจใหม่ นั่งลงคิดพิจารณาใหม่ แล้วลงมือทําเดี๋ยวนี้
o จําได้มั้ยที่พระเยซูสอนเราเรื่องตะลันต์.. เจ้านายให้คนนึง 1 ตะลันต์ อีกคน 5 อีกคน 10 ตะลันต์
o เจ้านายจากไป 1 ปี กลับมา มีทาส 2 คน ทํากําไรได้เท่าตัว
o แต่ทาสอีกคนเอาตะลันต์ไปฝังดิน และไม่ได้ทําอะไรกับเงินนั้นเลย
o เจ้านายพูดว่า “อย่างน้อยที่สุด แม้เจ้าจะเกียจคร้านไม่อยากเอาเงินนั้นไปทําอะไรให้เกิดดอกออกผล ก็น่าจะเอาไปเข้าธนาคาร
อย่างน้อยก็ได้ดอกเบี้ย 1 ปีแล้ว”
13
o ทําไมไม่ตัดสินใจที่จะเป็นพยานกับเพื่อนๆแล้วชวนเขามาโบสถ์
o ทําไมไม่ตัดสินใจถวายสิบลดหรือมากกว่า แล้วลงมือถวายเลย
o ทําไมไม่ตัดสินใจมีส่วนในการสอนพระคัมภีร์คน เป็นพี่เลี้ยงผู้เชื่อใหม่
o ตัดสินใจที่จะเป็นคนใหม่ในพระเจ้า และให้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้แก่งานของพระองค์
o “ให้” ในเวลาที่ท่านยังมีที่จะ”ให้” ได้อยู่
พระเยซูสอนด้วยคําอุปมาเรื่องชายที่ดูเหมือนประสบความสําเร็จเป็นเศรษฐีร่ํารวย
o แต่ได้ตัดสินใจอย่างโง่เขลา
o เขาทําทั้ง 3 อย่างที่ยากอบพูดไว้ นั่นก็คือ
- 1. เขาวางแผนโดยปราศจากพระเจ้าอยู่ในแผนนั้นด้วย
- 2. เขาฝากความหวังว่าวันพรุ่งนี้ต้องมีดีกว่านี้
- 3. เขารู้ว่าดี..แต่ไม่ทา
ํ
14
o ปัญหาของชายคนนี้คือเขาเป็นโรค ไอ
o ไม่ใช่ ไอ แค็กๆ แต่เป็น “I หรือ ฉัน”
o สิ่งเดียวที่เขามองเห็นคือ ตัวเขาเอง
o ฉันจะทําโน่นทํานี่โดยปราศจากพระเจ้า,เขา
o เราไม่รู้ว่าเราจะอยู่อีกนานแค่ไหน อย่ามัวแต่วิตกกังวลเลย
o บางคนกังวลว่า เอ๊ะ เราจะอยู่อีกนานแค่ไหนนะ..ถ้าเราหลับไปแล้วไม่ฟื้นล่ะ?
o ผมอยากแนะนําให้ท่านถวายชีวิตของท่านให้พระเยซู
o ไม่ใช่เพราะเราจะตายคืนนี้ แต่เพราะเราต้องอยู่ต่อไปถึงวันพรุ่งนี้ตะหาก
o ความจริงก็คือไม่มีใครรู้ว่าเราจะอยู่อีกนานแค่ไหน
เราจึงต้องมาพิจารณากันถึง3สิ่งที่เราควรทําดีกว่า คือ
- วางแผนด้วยกันกับพระเจ้า Plan with GOD
- หวังว่าอนาคตจะดีขึ้น
- ใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด
ทําทุกสิ่งให้เป็นที่นับได้ในสายพระเนตรพระเจ้าดีกว่า อย่าเสียเวลาอีกต่อไปเลย
o วันนี้พระเจ้าพร้อมแล้วที่จะต้อนรับคุณ
o พระองค์พร้อมแล้วที่จะประทานความรอดให้แก่คุณ แล้วคุณล่ะ?
o วันนี้คือวันที่เราน่าจะตัดสินใจมอบชีวิตของเราแก่พระเจ้า ในวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ ไม่ใช่อาทิตย์หน้า แต่วันนี้เลย
15
o ชีวิตมีอะไรมากกว่านั้นนัก
o เริ่มจากการตัดสินใจมอบชีวิตเราให้พระเยซูพระบุตรพระเจ้า
o ให้พระองค์เป็นผู้จัดการในชีวิตเรา พระเจ้าจะนําทางท่าน
o แต่ต้องเริ่มต้นด้วยการติดสนิทกับพระองค์และเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์กับพระองค์
เฟลิกส์ตอบเปาโลว่า..
o “อืม มันก็น่าสนใจนะเรื่องที่ท่านพูดมาน่ะ แต่อีก2-3วันค่อยมาคุยเรื่องนี้กันต่อดีมั้ย”
o ในที่สุดเฟลิกส์ก็ทิ้งเปาโลไว้ในคุกต่อไป และจากไป
o โดยเขาเอง..ก็ไม่มีโอกาสรับความรอดอีกเลย
o เราอาจจะพบเรื่อย ๆ คนที่บอกว่า แล้วค่อยคุยกัน แล้วค่อยทํา เดี๋ยวก่อน สักพักก่อน หรือขอให้มีสิ่งนั้นสิ่งนี้ก่อน
o ขอมีรถก่อน
o ขอมีเงินก่อน
o ขอหายป่วยก่อน
o ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนค่อยดูแลคน
o ขอให้สอบเสร็จก่อนค่อยมาคริสตจักร
o ขอสักปีหน้า มันต้องดีขึ้นแน่ เรามั่นใจเหตุการณ์อะไรไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะต้องดีขึ้น
o รอปลดหนี้ก่อนก่อนค่อยเลี้ยงข้าวเพื่อน ๆ
o คนพวกนี้ เป็นพวกพึงพาอนาคต พวกนี้เป็นพวกที่ไม่ได้กิน เพราะ Tomorrow never come
o เราต้องเป็นพวก TNT : Today not Tomorrow.
o ฉะนั้นอย่าคาดหวังให้ทุกอย่างขึ้นในวันพรุ่งนี้เลย..
o ท่านวางแผนอะไรไว้สําหรับอนาคต
o แล้วเคยอธิษฐานกับพระเจ้ามั้ยว่า ยังไงก็แล้วแต่ ขอพระเจ้าอวยพระพรตามน้ําพระทัยพระองค์เถิด พระเจ้าจะอวยพรท่านแน่
บางคนที่ไม่เห็นพระเจ้าในแผนชีวิตของเขา..ก็ไม่แตกต่างจากคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า
- เราให้พระเจ้าเป็นหนึ่งในแผนชีวิตของเรารึเปล่า?
- เราเคยคุยกับพระเจ้าอย่างเจาะจงเรื่องเปลี่ยนงานบ้างมั้ย
16
- เคยปรึกษาพระเจ้าเรื่องการเรียนต่อป.โท ป.เอกบ้างมั้ย
- เคยถามพระเจ้าเรื่องการจะแต่งงานกับคนโน้นคนนี้บ้างมั้ย?
- เคยถามพระเจ้าเรื่องที่เราอยากจะหย่า บ้างมั้ย?
- หรือ อยากจะออกเดท หรืออยากจะเป็นโสด หรืออยากจะย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น?
ถ้าเราเอาเงินอนาคตมาใช้ เราก็จะไม่มีเงินใช้ในอนาคต
o แต่ถ้าเราให้พระเจ้าเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจเรา..
o เราจะแสดงออกอย่างไรที่จะแสดงว่าเรามีพระเจ้าเป็นหุ้นส่วนเรา?
o ง่ายมาก..นั่นก็คือ โดยการดูว่า..พระเจ้าได้รับส่วนของพระองค์บ้างมั้ย? หรือว่าเสร็จเราหมด
o เพียงแค่ลมหายใจเท่านั้นที่กั้นระหว่างความเป็นกับความตาย
o เราเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน แต่แน่นอน..ไม่มีใครอยู่ค้ําฟ้า
o ชีวต
ิ นี้สั้น แล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากล้อรถยนต์ไปสู่วีลแชร์ แล้วก็ต้องจบลงด้วยความเสื่อมสลายอยู่ดี
o ใช้ชีวิตให้ดี อย่าคาดหวังว่าวันพรุ่งนี้จะทําให้ท่านดีขึ้น
o แต่จงทําเสียในวันนี้ เพราะถ้าปราศจากพระเจ้าแล้ว ท่านจะทําอะไรไม่ได้เลย
o อย่าลองผิดลองถูกอีกเลย เพราะจะเสียเวลาเปล่า
o มีคนลองมาแล้วตั้งแต่สวนเอเดน เราสามารถเรียนจากประวัติศาสตร์สวนเอเดนได้
o โดยไม่จําเป็นรอวันล้มเหลวเสียเอง เพราะไม่มีการกระทําใด ที่ไม่ต้องรับผล..
/------------------------------------------------------/
18