You are on page 1of 18

HOW TO FACE YOUR FUTURE

“ การวางแผนสู่อนาคตที่ประสบความสําเร็จ ”
ยก.4:13-17

13 นี่แน่ะท่านที่พูดว่า "วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กําไร"


14 แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป
15 แทนที่จะพูดเช่นนั้นท่านทั้งหลายควรจะพูดว่า "ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ และจะกระทําสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น"
16 ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว
17 เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทํา คนนั้นจึงมีบาป

-----------------------------------------------------------------------------------------------

วันนี้เราจะมาดูกันในยากอบบทที่ 4 ข้อ 13-17 ว่ายากอบพูดเกี่ยวกับ “การเผชิญอนาคต”

o คนอเมริกันจะเป็นคนที่มองไปข้างหน้า ในข่าวระดับโลกของอเมริกาต้องการรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นปีหน้า ทศวรรษหน้า หรือ


ศตวรรษหน้า
o 100 places

o คนจึงวุ่นวายกับอนาคตและพยายามที่จะทํานายอนาคตเช่นดูดวง ดูลายมือ ดูโชคชะตาราศี


o มนุษย์พยายามทุกวิถีทางที่จะรู้อนาคต ด้วยการอ่านหนังสือบ้าง ประเมินเศรษฐกิจบ้าง หรือพยายามที่จะวางแผนและตั้งเป้า
หมายชีวิตกัน

o แล้วมุมมองของคริสเตียนที่มีต่ออนาคตล่ะ?
o เราจะเอาอะไรมาข้องเกี่ยวกับอนาคต?
o แล้วเราจะตอบสนองอย่างไรดี?

o ยากอบบอกว่ามีอยู่ 3 สิ่งที่เป็นความผิดพลาดของมนุษย์ที่เป็นเหมือนหลุมพลางที่เราควรระวัง

1
o ยากอบเตือนเราว่าเราสามารถวางแผนสําหรับอนาคตเราได้ แต่ให้ระมัดระวังความผิดพลาดหรือหลุมพราง 3 อย่างนี้ไว้ให้ดี

o ยากอบอธิบายถึงหลุมพลางประการแรกจากคําสนทนาของนักธุรกิจสองคนคนแรกที่จบMBA มาจากมหาวิทยาลัยเยรูซาเล็ม
o ส่วนอีกคนเป็น CEO ของบริษัทที่มีสาขา500แห่ง
o เขาทั้งสองกําลังคุยเรื่องแผนของเขาอยู่

ในข้อ13 บอกว่า “นี่แน่ะท่านที่พูดว่า "วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กําไร"

o เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นจากสถานการณ์นี้
o คนเรามักจะวางแผนกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว นักธุรกิจสองคนนี้ก็กําลังวางแผนเช่นเดียวกัน

o เมื่อไร? วันนี้หรือพรุ่งนี้
o ที่ไหน? เมืองนี้หรือเมืองนั้น
o นานแค่ไหน? อาจจะ 1 ปีที่นั่น
o ทําอะไร? ธุรกิจ
o ทําไม? เพื่อค้ากําไรได้เงิน

o เกิดความผิดพลาดอะไร? พระคัมภีร์ไม่เคยตําหนิการวางแผน การเตรียมการ


o คนสองคนนี้วางแผนทุกอย่าง ทั้งเป้าหมาย สถานที่ กระบวนการทําธุรกิจอย่างละเอียดรอบคอบ แล้วเกิดความผิดพลาดอะไร
ขึ้น?

2
ยากอบบอกว่าหลุมพรางแรกคือ
1. การวางแผนโดยปราศจากพระเจ้า (ข้อ 13) PLANNING WITHOUT GOD
o 13 นี่แน่ะท่านที่พูดว่า "วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กําไร"
o นักวิทยาศาสตร์ที่เข้าร่วมประชุม UNFCCC ที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก แสดงให้เห็นว่า
ถ้ายังไม่ลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง อุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกในปี 2100 จะเพิ่มขึ้น
2 (สีเหลือง) - 4 องศาเซลเซียส (สีส้ม) ในสิ้นศตวรรษนี้แน่นอน (AFP)
o
o คนในโลกนี้เต็มไปด้วยการวางแผน และการคิดถึงอนาคต โดยหลายครั้งทําด้วยตัวเอง และมีเป้าหมายเพียงแค่โลกนี้
o โดยเรามักจะวางแผนจากข้อมูลที่เราได้รับ
o บางตนอาจอยากเป็นครู เป็นพยาบาล ดารา เจ้าของกิจการ
o อาทิ
o สถิติเมื่อเร็วๆนี้ระบุว่า แต่ละปี คนทั่วโลกบริโภคกาแฟ 400,000 ล้านถ้วย โดยคาปุชชิโนและลาเตครองอันดับต้นๆ
o หรือประมาณว่า คนหนึ่งคน กินกาแฟ 66 แก้วต่อปี 180,821 แก้ว ด้วยข้อมูลนี้ เราอาจสนใจเปิดร้านกาแฟ ได้
o หากเราเปิดร้านกาแฟ ในเชียงใหม่ ที่ มีคนกว่า 1 ล้านคน นั้นคือ 66 ล้านแก้วต่อปี หรือ
o กุหลาบสีฟ้า หลังใช้เวลาวิจัยและต่อรองอยู่เกือบ 20 ปี บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของออสเตรเลียชื่อฟลอริยีนได้รับใบ
อนุญาตให้ผลิตกุหลาบสีฟ้าต้นแรกของโลกออกจําหน่ายได
o หรือธุรกิจ Paint แมว
o คนในโลก และตัวเราเองแม้รู้จักพระเจ้า ในบางครั้งหรือหลายครั้ง เราก็วางแผน คิดเอง ทําเอง
o เมื่อมีคนถามเราว่า เราอยากเรียนคณะอะไร เราบอกว่า เราจะสอบเพื่อเขาคณะมนุษย์อังกฤษ และเราจะเรียนให้จบใน 3.5 ปี
หลังจากนั้นเราจะไปสมัคร ป โท หาทุนไปต่อ ม ในอังกฤษ และเราก็จะหาประสบการณ์ที่แถวยุโรป สัก 3-4 ปี ให้ได้ 2-3 ประเทศ
แล้วค่อยกลับเมืองไทย และเราจะทํางานในบริษัทใหญ่ ๆ เพื่อประสพการณ์าสัก 4-5 ปี โดยเราคิดว่าจะเรียกเงินเดือนสัก
30,000 ก็น่าจะพอ และตอนนี้เรายังไม่มีแฟนหรอก เพราะยังไม่พร้อม เราจะขอสร้างฐานะก่อน และจะเก็บเงินรถ และบ้าน พอ

3
แต่งงานแล้วเราจะมีลูกสัก 2 คน พร้อมเล้ียงหมาพันธ์ชีสุ ขณะคิด ๆ อยู่เรากําลังขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าแยกรินคํา รถชชน พิการ
ตั้งแต่ขาลงมา
o หรือเรา ตอนนี้ อายุได้ 50 แล้ว อีก 2 ปี เราจะ Early แล้ว
o หรือเราตอนนี้มา คจ. แสนจะอบอุ่นขอสนับสนุนเด็ก ๆ เพราะ คจ นี้มีแต่เด็ก ๆ อายุ 30 ก็แก่ได้
o หรือภรรยาเรามาเชื่อ เราก็จะช่วยอยู่ห่าง ๆ ก็แล้วกัน
o หรือ ...
o นี้คือ ความผิดพลาดประการที่ 1 เรารู้จักพระเจ้า แต่ไม่มีพระเจ้าอยู่ในแผนเลย เราคิดว่า เราเป็นเจ้าของโลกนี้
o เราคิดว่า เรากําหนดสิ่งต่างได้ด้วยตัวเอง
o เราคิดว่าเรามีสิทธิ ที่จะทําสิ่งต่าง ๆได้ด้วยตัวเอง เราลืมไปว่า เราไม่รู้ด้วยซ้ําว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกในสัปดาห์หน้า
o เราจะป่วยไหม, จะอุบัติเหตุอะไรไหม, หรือแม้เราแต่เราจะมีชีวิตอยู่ถึง สงกรานต์นี้หรือเปล่า?
o หรืออีกด้านหนึ่งคือ ไม่คิดอะไรเลย
o ไม่มีแม้แต่คําเดียวที่พูดถึงพระเจ้าในแผนการทําธุรกิจนี้
o เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร เขารู้วิธีไปที่นั่น แต่เขาไม่ได้ถามพระเจ้าก่อน
o กรุณาอย่าเข้าใจผิด พระคัมภีร์ก็ได้พูดถึงเรื่องการวางแผนด้วย
o เช่น “ไม่มีใครก่อนที่จะสร้างบ้านจะไม่นั่งลงคํานวณราคาก่อน”
o หรือในพระธรรมสภษ.ก็ได้พูดครั้งแล้วครั้งเล่าว่า..ถ้าเราไม่วางแผนเราก็เป็นคนไร้ปัญญา
o
o เพราะเป็นการฉลาดถ้ามีการวางแผน เขาไม่ได้พูดถึงแผน
o แต่เขาพูดกันแบบสันนิษฐานว่าในแผนงานของเขาไม่มีพระเจ้าอยู่ในนั้นเลย
o การมีความฝันสิ่งที่ดี การไปถึงเป้าหมายก็เป็นสิ่งที่ดี
o ถ้าเรารวมพระเจ้าและงานของพระองค์เข้าไปด้วย
o และตราบเท่าที่เราได้อธิษฐานขอในสิ่งนั้น

o ไม่มีอะไรผิดในสิ่งที่เขาทํา ทุกอย่างดูดีไปหมด
o แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่พวกเขาลืมกัน นั่นก็คือ เขาลืมบวกพระเจ้าเข้าไปด้วย
o เขาคิดเพียงแต่ตามที่เขาต้องการเท่านั้น
o
o ยากอบบอกว่า มนุษย์หลงลืมพระเจ้าไปเสียแล้ว
4
o คุณอาจจะเป็นผู้เชื่อ แต่คุณลืมพระเจ้าในชีวิตประจําวันคุณ
o ผมรู้จักคนมากมายที่รักพระเจ้าจนหมดใจ
o แต่เวลาวางแผนธุรกิจหรืออาชีพหรือเกี่ยวกับการศึกษา เขากลับกลายเป็นคนไม่เชื่อไปเสียนี่
o มันน่าเศร้าที่คนพูดว่า ไม่มีพระเจ้า แต่มันน่าเศร้ากว่าที่บางคนพูดว่า เขาเชื่อว่ามีพระเจ้า แต่การกระทําของเขาเหมือนกับเขาไม่มี
พระเจ้า
o เพราะเขาไม่ยอมให้พระเจ้ามาเกี่ยวข้องกับแผนชีวิตของเขาเลย

เรื่องราวของความสําเร็จ

เรื่องราวของความสําเร็จ ของคนจํานวนมาก เป็นแบบนี้


อายุ 4 ความสําเร็จ คือ การไม่ฉี่รดกางเกง
อายุ 12 ความสําเร็จ คือ การมีเพื่อนเยอะๆ
อายุ 18 ความสําเร็จ คือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง
อายุ 25 ความสําเร็จ คือ การได้มีครอบครัวและมีความสุขในชีวิตบนเตียง
อายุ 35 ความสําเร็จ คือ การมีเงินเยอะๆ
อายุ 50 ความสําเร็จ คือ การมีเงินเยอะกว่าเมื่อตอนอายุ 35
อายุ 60 ความสําเร็จ คือ การที่ยังสามารถเตะปี๊บดังเหมือนตอนอายุ 25
อายุ 70 ความสําเร็จ คือ การสามารถรักษาเงินที่อุตส่าห์หามา
อายุ 75 ความสําเร็จ คือ การยังจะมีเพื่อนเหลืออยู่รอบตัวบ้าง
อายุ 90 ความสําเร็จ คือ การไม่ฉี่รดกางเกง

o คุณบอกว่าคุณเชื่อพระเจ้า คุณเคยฟังเสียงพระองค์ในการทําธุรกิจบ้างไหม
o บางคนบอกว่า เขาไม่เชื่อที่จะเอาธุรกิจมายุ่งกับเรื่องของความเชื่อ
o “ธุรกิจทุกอย่างคือธุรกิจของพระเจ้า เอเมนไหมครับ

o ถ้าคุณเป็นผู้เชื่อ..คุณต้องวางแผนโดยมีพระเจ้าอยู่ในนั้นด้วยมันถึงจะสําเร็จ
o ในข้อ15 ควรจะพูดว่า “ถ้าเป็นน้ําพระทัยพระเจ้า เราจะอยู่ที่นั่นที่นี่..และจะทํานั้นทํานี่...”

5
o ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ..คุณก็ไม่รู้เหมือนกัน
o ฉะนั้นจุดเริ่มต้นในการเผชิญหน้ากับอนาคตคือ การพูดว่า
o “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์ทําอะไร? หรือสิ่งใดที่ข้าพระองค์ไม่ควรทํา?”

o การวางแผนโดยปราศจากการอธิษฐาน คือการอวดดี : Overconfidence


o เราควรทําสิ่งใดก็ตามที่ขึ้นกับพระเจ้า แล้วแต่น้ําพระทัยพระเจ้า
o พระองค์อยากให้เราทําอะไร เราจะทําสิ่งนั้น เอเมนไหมครับ
o คริสเตียนในทศวรรษที่ผ่านมา..เขียนท้ายจดหมายว่า D.V.
o มาจากคําลาตินว่า DEO VALENTE (ดีโอ วาเลนเต้) ซึ่งแปลว่า “น้ําพระทัยพระเจ้า”

ยากอบบอกว่า เราวางแผนได้ แต่ควรจะมีพระเจ้าอยู่ในแผนนั้นด้วยเสมอ

3 สิ่งที่เราควรตอบสนองต่อน้ําพระทัยพระเจ้าคือ
There are 3 possible responses to God's will:

1. แผนมาจากการอ้างถึงน้ําพระทัยพระเจ้า และตระหนักถึง.. : I can make reference to it. : นั่นคือที่พระองค์เน้นที่นี้ ฉันตระหนักว่า


พระเจ้ามีน้ําพระทัย และฉันยอมรับ เข้าใจ รับรู้ และทําอะไรที่เกี่ยวข้องกับน้ําพระทัยพระเจ้าเสมอ
- ต้องมีที่มา ว่ามาจากแผนการพระเจ้า
- มีการรับรอง
2. แผนมาจากการเชื่อฟังพระเจ้า.. : I can show deference to it.
- ฉันต้องการอยู่ในแผนพระเจ้าจริง ๆ และรับเขามาเป็นแผนการของชีวิตของฉัน
- การยอมคล้อยตาม
- การเชื่อฟัง; การยอมคล้อยตาม S.submission; yielding
• [N] การแสดงความเคารพนับถือ S.respect; homage
• (NECTEC Lexitron 2 EN-TH)
• (n) การคล้อยตาม,การยอมตาม,การอนุโลม,การเชื่อฟัง,ความเคารพ
3. การให้ความสําคัญ และการรู้สึกถึงสิทธิพิเศษของการอยู่ในแผนการ G..
6
I can show preference for it.
- มากกว่าอะไรทั้งหมด ฉันต้องการให้ชีวิตอยู่ในน้ําพระทัยพระเจ้า, ทําตามที่พระองค์ต้องการให้ฉันทํา นี้คือแผนการทั้งหมด และเป็น
ความปรารถนาส่วนลึกที่สุด
-ความพึงใจ; สิทธิพิเศษ S.choice; favorite
= (เพรฟ'เฟอเรินซฺ) n. การชอบมากกว่า,สิ่งที่ชอบมากกว่า. partiality,choice
• (n) การชอบมากกว่า,ความสมัครใจ
สภษ.16:1 แผนงานของดวงความคิดเป็นของมนุษย์ แต่คําตอบของลิ้นมาจากพระเจ้า

• มนุษย์ขอ แต่พระเจ้าเป็นคนให้

สภษ.16:9 ใจของมนุษย์กะแผนงานทางของเขา แต่พระเจ้าทรงนําย่างเท้าของเขา

• จงเลิกอธิษฐานแบบนี้เสียที “โอ พระเจ้า ทรงโปรดอวยพรสิ่งที่ข้าพระองค์กําลังทําอยู่นี้ด้วยเถิด อวยพรสิ่งที่ข้าพระองค์ได้วางแผน


ไว้แล้วด้วยเถิด”

• แต่จงอธิษฐานดังนี้ว่า “พระองค์เจ้าข้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ทํา..ในสิ่งที่พระองค์จะทรงอวยพระพร” พระเจ้าได้ทําสิ่งอัศจรรย์


มากมายในโลกนี้มาแล้ว
• เราไม่ต้องการแผนของเรา แต่เราต้องการแผนของพระเจ้า เอเมนไหมครับ
• ผมไม่ต้องการแผนของคุณ, ไม่ต้องการแนวคิดของคุณ มากกว่า ต้องการว่า พระเจ้าต้องการให้คุณทําอะไร หรือคุณคิดจะทําอะไร
ตามแผนของพระเจ้าบ้าง
• เพราะแผนของพระเจ้าจํานําความสําเร็จมาให้เรา
• การวางแผนโดยปราศจากพระเจ้าจึงเป็นเป็นความผิดพลาดหรือหลุมพรางประการแรก
• จงให้พระเจ้าอยู่ในเป้าหมายของท่านเสมอ เอเมนไหมครับ?

2. การมั่นใจมากเกินจริง สําหรับอนาคต PRESUMING ABOUT TOMORROW (ข้อ 14,16)

7
ยก. 4 : 14 และ16 แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หาย
ไป
16 ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว

มีสองเหตุผลที่เราไม่ควรคาดหวังมากเกินไปสําหรับอนาคต

1. ชีวิตไม่สามารถคาดเดาได้ : Life is unpredictable


o เราไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในคืนนี้ หรือปีหน้า
o สิ่งที่เราทําได้มากที่สุดคือการคาดเดา ชีวิตจึงคาดคะเนไม่ได้
o อาจมีสงครามเกิดขึ้น เศรษฐกิจโลกอาจปั่นป่วน เพื่อนๆคุณทิ้งคุณไป
o ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตเรา
o หลายคนทํางานเพื่อหวังค่าคอม บางคนเป็นเจ้าของธุรกิจ
o บางคนไม่ชนเดือนด้วยซ้ํา บางวันก็ยอดเยี่ยม บางวันก็แย่มาก
o ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีใครการันตีว่าจะประสบความสําเร็จได้ตลอดกาล
o เพราะเราไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้
o เราจึงไม่ควรตกใจในความไม่แน่นอนนั้น อย่ากังวล อย่ากลัว
o แต่จงไว้วางใจในพระเจ้ามากขึ้นและพึ่งพาพระองค์มากขึ้น
o เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเราหรือธุรกิจของเรา
o เพราะชีวิตคาดเดาไม่ได้เลย ฉะนั้นจงวางใจในพระเจ้าดีกว่า

2. ชีวิตนี้สั้นนัก
o เปรียบเหมือนกับแค่หมอก หมอกในภาษากรีก คือ แอทมอส atmos
o ซึ่งเป็นรากศัพท์คําว่า atmosphere หรือ บรรยากาศ นั่นเอง
o ชีวิตเราก็เหมือนหมอก ปรากฏตอนเช้า พอสายๆก็จางไป ไม่มีใครอยู่ค้ําฟ้า

o ในพระคัมภีร์บรรยายชีวิตมนุษย์ไว้ว่า เหมือนกับ ใบไม้ ต้นหญ้า เงา เมฆ ควัน ไอน้ํา


o เพียงแค่ลมหายใจเท่านั้นที่กั้นระหว่างความเป็นความตาย
o ผมเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
8
o ชีวิตสั้น แล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากล้อรถยนต์คันหรูไปสู่วีลแชร์
o ต้องจบลงด้วยความเสื่อมสลายอยู่ดี
o ชีวิตนี้สั้นนัก ระวังให้ดี อย่าคาดหวังว่าวันพรุ่งนี้จะทําให้ท่านดีขึ้น

อสย 56:12 เขาทั้งหลายว่า "มาเถิด ให้เราเอาเหล้าองุ่น ให้เราเติมเมรัยให้เต็มตัวเรา และพรุ่งนี้ก็จะเหมือนวันนี้ ใหญ่โตเกินขนาด"

o คุณรู้จักใครที่มีทัศนคติแบบนี้บ้างมั้ย
o ชีวิตนี้สุดยอด มาปาร์ตี้กันเถอะ มาดื่มกันเถอะ เอาเบียร์มาอีก
o คนพูดอยู่บนหลังอูฐ เป็นปาร์ตี้ในเยรูซาเล็ม มาสนุกกันเถอะ เราจะอยู่ค้ําฟ้า
o ยากอบบอกนั่นคือความคิดของคนที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่
o คุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพรุ่งนี้จะเหมือนกับวันนี้
o ไม่มีใครพูดได้ว่าเราจะอายุยืนถึง100ปีได้

ยากอบเตือน ใน
สภษ 27:1 อย่าคุยอวดถึงพรุ่งนี้ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าวันหนึ่งๆ จะนําอะไรมาให้บ้าง

• เรามักชอบประกาศแผนของเราเป้าหมายเรา
• ปีหน้าเราฉันทํารายได้ให้ได้ 2 เท่า
• ปีหน้าฉันจะเทคโอเวอร์อีก 3 บริษัท
• การประกาศเป้าหมายมีความหมายได้ 2 มุม
• 1. อาจจะเป็นคําพูดที่แสดงความสัตย์ซื่อ
• 2. ความหยิ่งยโสก็ได้

• อะไรทําให้แตกต่าง ก็คือ..แรงจูงใจนั่นเอง
• เหตุผลที่เราพูดบางอย่างออกมาก็คือความหมายเดียวกันกับสิ่งที่คุณกําลังพูดออกมา
• พระเจ้าบอกว่า การมีเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดี..แต่น่าจะถามพระเจ้าก่อน
• เราควรอธิษฐานถามพระเจ้าดูว่าเป้าหมายเราชีวิตเราอนาคตเราควรจะเป็นอย่างไร

9
• แล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?

มธ 6:34 "เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสําหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่


แล้ว

• ยากอบเตือนให้เราอยู่แบบวันต่อวัน ไม่ใช่อยู่ไปวันๆนะครับ
• สิ่งที่พระเจ้าบอกให้เราเผชิญกับอนาคต คือการอยู่แบบวันต่อวันกับพระองค์
o เราไม่สามารถวางแผนอนาคตได้แต่เราสามารถอยู่ในวันนี้ได้
o เราอยู่ในวันพรุ่งนี้ไม่ได้ เราต้องอยู่วันนี้ก่อน
o วางแผนเพื่อพรุ่งนี้ แต่ทําปัจจุบันให้เกิดประโยชน์ที่สุดสิครับ
o ชีวิตคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็คือสิ่งที่เราพยายามวางแผน
o คนเรามักจะวางแผนที่จะทําโน่นทํานี่ ยกตัวอย่าง จะทําในเดือนมกราคม แต่ลืมวันคริสต์มาสไปซะนี่
o วันนี้คือวันที่ดีที่คุณจะพูดถึงในอีก15ปีข้างหน้า
o ฉะนั้นทําไมเราไม่ใช้มันให้ดีที่สุดล่ะครับ
o อย่าวางแผนผิดพลาดโดยปราศจากพระเจ้าอีกเลย
o อย่าวางแผนผิดพลาดเพราะมัวแต่คาดหวังและพึ่งพาสิ่งที่จะเกิดในวันพรุ่งนี้อยู่เลย
o ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่ถึงอาทิตย์หน้า หรือปีหน้ารึเปล่า ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลย

Spencer Johnsonเขียนหนังสือเรื่อง “หนึ่งนาที..สําหรับผู้จัดการ”


o เขาได้เขียนหนังสืออีกเล่มชื่อว่า “The Perfect Present” หรือ “วันนี้ดีที่สุด”
o ในหนังสือเขาเขียนว่า วันนี้ดีที่สุด ก็คือ ทําวันนี้ให้ดีที่สุด ชัดเจนที่สุดแล้ว

o เวลานี้ วันนี้คือสิ่งที่เรามี คือสิ่งทั้งหมดที่เราต่างมี..เพื่อโลกนี้


o ไม่ใช่ชั่วโมงหน้า หรือเดือนหน้า แต่เดี๋ยวนี้
o นั่นคือของขวัญที่ีพระเจ้าให้เราๆจึงควรใช้มันให้ดีที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่ ถึงบอกว่า Present is the Present
o ไม่ใช่เพราะว่า..อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน จึงทําให้เราต้องวิตกกังวล
o แต่มันคือแรงบันดาลใจที่จะช่วยให้เราไว้วางใจพระเจ้ามากขึ้น
o นั่นคือการเผชิญกับวันข้างหน้า เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
10
o แต่เรารู้ว่าใครควบคุมอนาคต นั่นก็คือสิ่งที่เราวางใจได้
o อย่าเผลอที่จะวางแผนอะไรโดยไม่ให้พระเจ้ามีส่วนด้วย

หลุมพรางข้อสุดท้ายคือ

3. “การที่รู้ว่าดี..แต่ไม่ทํา” PUTTING OFF DOING GOOD (ข้อ 17)

ข้อ17 “เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทํา คนนั้นจึงมีบาป”

o สิ่งดีที่เราสามารถทําได้แท้จริงไม่ได้อยากเลย
o Pay it Forward

ภาพยนต์ที่ชื่อว่า “Pay it Forward” หรือ ช่วยไปเลย ถูกประพันธ์ขึ้นในปี 1999 เป็นเรื่องของเด็กชายอายุ 12 ปีชื่อว่า แทรเวอร์
แมคเคนนีย์ ได้รับการบ้านจากครูให้คิดแนวทางเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นเขาได้คิดทฤษฐีการช่วยเหลือคนอย่างน้อย 3 คน โดยไม่
หวังอะไรตอบแทน เพียงแค่ขอให้ 3 คนนี้ทําแบบเดียวกันต่อผู้อื่นต่อไปอีก 3 คนถ้าทฤษฐีนี้เกิดขึ้นจริง ผ่านไปเพียงแค่สองสัปดาห์จะมี
คนได้รับการช่วยเหลือถึง 4,782,969 คน และนั่นคงนําการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมายังโลกนี้ได้
o
o ยากอบพูดถึงเรื่องการผลัดวันประกันพรุ่ง
o เราต้องไม่ลืม
o ผู้ชายลืมทุกสิ่ง ส่วนผู้หญิงจดจําทุกอย่าง นี่คือสาเหตุที่พวกผู้ชายจําเป็นต้องมีการฉายภาพซ้ําทันทีในการถ่ายทอดกีฬาต่างๆ
o
o ฉันตั้งใจจะทํานั่นทํานี่ แต่เมื่อไหร่คุณจะเหนี่ยวไกซะที
o ความบาปของเราคือ การผลัดวันประกันพรุ่ง
o มนุษย์เรามักตกหลุมพลางเรื่องความเฉี่อยช้าในการทําสิ่งดี
o แม้เรารู้อยู่เต็มอกว่าเป็นสิ่งดีที่ควรรีบทําก็ตาม
o คุณให้คํานิยามของความบาปว่าอย่างไรครับ?
o เราคงคิดไปถึงการกระทําของมารซาตาน เช่น การฆ่า การล่วงประเวณี การโกหกหลอกลวง การขโมย
o นั่นคือบาปชัดๆ แต่บาปที่ดูเหมือนไม่บาปนั่นคือการ “การละเลยที่จะทําดี”
11
o คุณอาจเป็นสมาชิกที่ดีในโบสถ์ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่พูดคําหยาบ ไม่เสเพล ไม่เพลย์บอย
o แต่ถ้าคุณลืมพระเจ้าในชีวิตคุณละก็ นั่นก็ถือว่าบาปด้วย
o ถ้าการเป็นคริสเตียนคือการห้ามทําโน่นห้ามทํานี่
o คนไม่เชื่อพระเจ้าก็คงถูกเรียกว่าเป็นคริสเตียนได้เช่นกัน เพราะว่าเขาก็ไม่ได้ทําสิ่งเลวร้ายเหมือนกัน
o การผลัดวันประกันพรุ่ง คือ การกําลังจะตกหลุมพลางในดินแดนที่เรียกว่า “ซักวันฉันจะ...” หรือคําว่า “ซักวันนึง..ฉันจะ...”
o ซักวันนึงฉันจะเอาจริงเอาจังกับพระเจ้าและ..
o แต่พระเจ้าตอบว่า..ลูกไม่ต้องอ้างวันพรุ่งนี้หรอก..เพราะไม่มีคําว่าพรุ่งนี้.. แต่จงทําเสียในวันนี้ !!

สภษ 3:27-28 อย่ายึดความดีไว้จากผู้ที่สมควรจะได้รับ ในเมื่อสิ่งนี้อยู่ในอํานาจของเจ้าที่จะกระทําได้ อย่าพูดกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า


"ไปเถอะ แล้วกลับมาอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้" ในเมื่อเจ้ามีให้อยู่แล้ว

o ถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือจากคุณ อย่าบอกว่า เดี๋ยวก่อน หรือ พรุ่งนี้ก่อน แต่ถ้าช่วยได้..จงช่วยทันที เอเมนมั้ยครับ


o อย่าผัดผ่อน ทําได้ทําเลย

มี 3 สิ่ง ที่สามารถทําได้ในชีวิตคุณ คือ


o ใช้ชีวิตอย่างไร้สาระไปวัน ๆ ไม่สนใจอะไร ตามคนนั้น เลียนแบบคนนี้ เที่ยวโน้นนี้
o ใช้ชีวิตตามที่เราคิด วางแผน และมุ่งมั่นทําตามความฝันของตนเอง ตามล่าหาฝัน
o ใช้ชีวิตโดยการคิดเต็มที่ และถามให้พระเจ้ามาเป็นผู้นํา ผ่านทางคริสตจักร

คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้สาระเปล่าประโยชน์ มีมากมายหลายทางทีเดียว

o โฆษณาทีวีแสดงให้เห็นถึงวิธีมากมาย ที่จะทําให้เวลา,เงิน และชีวิต ให้คุณหมดไปโดยเปล่าประโยชน์


o หรือ เงินของคุณ หรือแม้แต่ชีวิตของคุณเอง ลองดูทีวีสิครับ
o เราสามารถเสียเวลา กับการลองสิ่งที่ต่าง ๆที่มีคนทําขึ้นมา,​หรือไม่คุณก็ใช้ชีวิตแบบพยายามไขว่คว้า..เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียง
หรือความพึงพอใจ
o หรือคุณอาจจะลงทุนในชีวิตแบบไหนล่ะที่จะอยู่ได้นานกว่า
o อะไรล่ะที่ยั่งยืนนิรันดร์?

12
o พระวจนะพระเจ้าและการช่วยเหลือผู้อื่นไงล่ะครับ

o เมื่อผมอยู่ที่นี่ขณะนี้ ที่นี่ก็อาจจะเป็นสุดท้ายสําหรับผมก็ได้
o ทําไมไม่ลงทุนเวลาแห่งชีวิตเราในสิ่งที่นิรันดรล่ะครับ
o นั่นก็คือการดําเนินชีวิตเชื่อฟังพระวจนะพระเจ้าและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
o นั่นคือสิ่งที่มีคุณค่าจริงในสายพระเนตรพระเจ้า
o มีคําพูดว่า.. “มันไม่สําคัญหรอกว่าคุณจะอายุยืนนานแค่ไหน ถ้าคุณไม่เคยทําอะไรในชีวิตคุณเลย”
o ถ้าเราเพียงแค่ให้เวลาผ่านไปเร่ื่อย ๆ แต่ละปี ๆ และปีเก่าผ่านไป ปีหน้าก็มาอีก มีอไรที่เรามั่นใจได้ไหม ว่าเราทําได้ดีในปีที่ผ่าน
มา
o พี่น้องครับ คนเราจะอยู่กันนานแค่ไหนเชียว
o พระเจ้ากําลังมองดูเราอยู่ ว่าเรากําลังใช้ชีวิตแบบทิ้งๆขว้างๆอยู่รึเปล่า
o สิ่งที่เรากําลังทําอยู่นั้น.. “นับ” ได้ในสายพระเนตรพระเจ้ารึเปล่า?
o พระเจ้าบอกว่าเริ่มต้นใหม่เสียแต่วันนี้ ตัดสินใจใหม่ นั่งลงคิดพิจารณาใหม่ แล้วลงมือทําเดี๋ยวนี้
o จําได้มั้ยที่พระเยซูสอนเราเรื่องตะลันต์.. เจ้านายให้คนนึง 1 ตะลันต์ อีกคน 5 อีกคน 10 ตะลันต์
o เจ้านายจากไป 1 ปี กลับมา มีทาส 2 คน ทํากําไรได้เท่าตัว
o แต่ทาสอีกคนเอาตะลันต์ไปฝังดิน และไม่ได้ทําอะไรกับเงินนั้นเลย
o เจ้านายพูดว่า “อย่างน้อยที่สุด แม้เจ้าจะเกียจคร้านไม่อยากเอาเงินนั้นไปทําอะไรให้เกิดดอกออกผล ก็น่าจะเอาไปเข้าธนาคาร
อย่างน้อยก็ได้ดอกเบี้ย 1 ปีแล้ว”

o พระเยซูยังตําหนิเขาและเรียกเขาว่า “อ้ายข้าชั่วช้า” ทําไมพระเยซูต้องโกรธขนาดนั้น


o เพราะการไม่ทําอะไรคือ ความบาปนั่นเอง
o การใช้ชว
ี ิตแบบไม่เห็นคุณค่า พระเจ้าอุตส่าห์ให้เราเกิดมาแล้ว

นั่นคือสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า การรู้ว่าสิ่งใดดี แต่ไม่ยอมทํา หรือทําช้าเกินไป นั่นคือบาป..

o ไม่ว่าคุณจะต้องการทําอะไรเพื่อพระเจ้า หรือเพื่อตัวเองในการติดตามแผนการพระเจ้า ตัดสินใจทําเดี๋ยวนี้


o อย่าผลัดไปอาทิตย์หน้า เดือนหน้า ปีหน้า แม้ปีหน้าใกล้จะมาแล้วก็ตาม

13
o ทําไมไม่ตัดสินใจที่จะเป็นพยานกับเพื่อนๆแล้วชวนเขามาโบสถ์
o ทําไมไม่ตัดสินใจถวายสิบลดหรือมากกว่า แล้วลงมือถวายเลย
o ทําไมไม่ตัดสินใจมีส่วนในการสอนพระคัมภีร์คน เป็นพี่เลี้ยงผู้เชื่อใหม่

o ตัดสินใจที่จะเป็นคนใหม่ในพระเจ้า และให้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้แก่งานของพระองค์
o “ให้” ในเวลาที่ท่านยังมีที่จะ”ให้” ได้อยู่

2 โครินธ์ บทที่ 6 บอกว่า


o บัดนี้พระเจ้าพร้อมแล้วที่จะต้อนรับเรา
o วันนี้พระองค์พร้อมแล้วที่จะช่วยเราให้รอด” แล้วเราล่ะพร้อมรึยัง?

ลก 12:16-21 พระองค์จึงตรัสคําเปรียบข้อหนึ่งให้เขาฟังว่า "ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก


17 เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า 'เราจะทําอย่างไรดี เพราะว่าเราไม่มีที่ที่จะเก็บผลของเรา'
18 เขาจึงคิดว่า 'เราจะทําอย่างนี้ คือจะรื้อยุ้งฉางของเราเสียและจะสร้างใหม่ให้โตขึ้น แล้วเราจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของเรา
ไว้ที่นั่น
19 แล้วเราจะว่าแก่จิตใจของเราว่า "จิตใจเอ๋ยเจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด'"
20 แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า 'โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของซึ่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร
เล่า'
21 คนที่ส่ําสมทรัพย์สมบัติไว้สําหรับตัว และมิได้มั่งมีจําเพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ"

พระเยซูสอนด้วยคําอุปมาเรื่องชายที่ดูเหมือนประสบความสําเร็จเป็นเศรษฐีร่ํารวย
o แต่ได้ตัดสินใจอย่างโง่เขลา
o เขาทําทั้ง 3 อย่างที่ยากอบพูดไว้ นั่นก็คือ

- 1. เขาวางแผนโดยปราศจากพระเจ้าอยู่ในแผนนั้นด้วย
- 2. เขาฝากความหวังว่าวันพรุ่งนี้ต้องมีดีกว่านี้
- 3. เขารู้ว่าดี..แต่ไม่ทา

14
o ปัญหาของชายคนนี้คือเขาเป็นโรค ไอ
o ไม่ใช่ ไอ แค็กๆ แต่เป็น “I หรือ ฉัน”
o สิ่งเดียวที่เขามองเห็นคือ ตัวเขาเอง
o ฉันจะทําโน่นทํานี่โดยปราศจากพระเจ้า,​เขา

o เราไม่รู้ว่าเราจะอยู่อีกนานแค่ไหน อย่ามัวแต่วิตกกังวลเลย
o บางคนกังวลว่า เอ๊ะ เราจะอยู่อีกนานแค่ไหนนะ..ถ้าเราหลับไปแล้วไม่ฟื้นล่ะ?
o ผมอยากแนะนําให้ท่านถวายชีวิตของท่านให้พระเยซู
o ไม่ใช่เพราะเราจะตายคืนนี้ แต่เพราะเราต้องอยู่ต่อไปถึงวันพรุ่งนี้ตะหาก
o ความจริงก็คือไม่มีใครรู้ว่าเราจะอยู่อีกนานแค่ไหน

เราจึงต้องมาพิจารณากันถึง3สิ่งที่เราควรทําดีกว่า คือ
- วางแผนด้วยกันกับพระเจ้า Plan with GOD
- หวังว่าอนาคตจะดีขึ้น
- ใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด

ทําทุกสิ่งให้เป็นที่นับได้ในสายพระเนตรพระเจ้าดีกว่า อย่าเสียเวลาอีกต่อไปเลย

o วันนี้พระเจ้าพร้อมแล้วที่จะต้อนรับคุณ
o พระองค์พร้อมแล้วที่จะประทานความรอดให้แก่คุณ แล้วคุณล่ะ?
o วันนี้คือวันที่เราน่าจะตัดสินใจมอบชีวิตของเราแก่พระเจ้า ในวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ ไม่ใช่อาทิตย์หน้า แต่วันนี้เลย

ในพระธรรมกิจการ บทที่ 24 อ.เปาโลได้ประกาศกับ เฟลิกส์ ผู้ว่าราชการของอิสราเอลในขณะที่เขาติดคุก..ว่า


o “พระเจ้ามีแผนการสําหรับชีวิตคุณแล้ว
o และพระเจ้าต้องการจะทํางานในชีวิตคุณ
o ที่ท่านมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่โดยบังเอิญ
o ท่านไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ..แค่หายใจได้ หรือแค่ตื่นมาตอนเช้า..ไปทํางาน..กลับบ้าน..ดูทีวี..เกษียร..แล้วก็ตายจากไป..

15
o ชีวิตมีอะไรมากกว่านั้นนัก
o เริ่มจากการตัดสินใจมอบชีวิตเราให้พระเยซูพระบุตรพระเจ้า
o ให้พระองค์เป็นผู้จัดการในชีวิตเรา พระเจ้าจะนําทางท่าน
o แต่ต้องเริ่มต้นด้วยการติดสนิทกับพระองค์และเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์กับพระองค์

เฟลิกส์ตอบเปาโลว่า..
o “อืม มันก็น่าสนใจนะเรื่องที่ท่านพูดมาน่ะ แต่อีก2-3วันค่อยมาคุยเรื่องนี้กันต่อดีมั้ย”
o ในที่สุดเฟลิกส์ก็ทิ้งเปาโลไว้ในคุกต่อไป และจากไป
o โดยเขาเอง..ก็ไม่มีโอกาสรับความรอดอีกเลย
o เราอาจจะพบเรื่อย ๆ คนที่บอกว่า แล้วค่อยคุยกัน แล้วค่อยทํา เดี๋ยวก่อน สักพักก่อน หรือขอให้มีสิ่งนั้นสิ่งนี้ก่อน
o ขอมีรถก่อน
o ขอมีเงินก่อน
o ขอหายป่วยก่อน
o ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนค่อยดูแลคน
o ขอให้สอบเสร็จก่อนค่อยมาคริสตจักร
o ขอสักปีหน้า มันต้องดีขึ้นแน่ เรามั่นใจเหตุการณ์อะไรไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะต้องดีขึ้น
o รอปลดหนี้ก่อนก่อนค่อยเลี้ยงข้าวเพื่อน ๆ
o คนพวกนี้ เป็นพวกพึงพาอนาคต พวกนี้เป็นพวกที่ไม่ได้กิน เพราะ Tomorrow never come
o เราต้องเป็นพวก TNT : Today not Tomorrow.
o ฉะนั้นอย่าคาดหวังให้ทุกอย่างขึ้นในวันพรุ่งนี้เลย..
o ท่านวางแผนอะไรไว้สําหรับอนาคต
o แล้วเคยอธิษฐานกับพระเจ้ามั้ยว่า ยังไงก็แล้วแต่ ขอพระเจ้าอวยพระพรตามน้ําพระทัยพระองค์เถิด พระเจ้าจะอวยพรท่านแน่

บางคนที่ไม่เห็นพระเจ้าในแผนชีวิตของเขา..ก็ไม่แตกต่างจากคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า

- เราให้พระเจ้าเป็นหนึ่งในแผนชีวิตของเรารึเปล่า?
- เราเคยคุยกับพระเจ้าอย่างเจาะจงเรื่องเปลี่ยนงานบ้างมั้ย
16
- เคยปรึกษาพระเจ้าเรื่องการเรียนต่อป.โท ป.เอกบ้างมั้ย
- เคยถามพระเจ้าเรื่องการจะแต่งงานกับคนโน้นคนนี้บ้างมั้ย?
- เคยถามพระเจ้าเรื่องที่เราอยากจะหย่า บ้างมั้ย?
- หรือ อยากจะออกเดท หรืออยากจะเป็นโสด หรืออยากจะย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น?

เราเคยคิดมั้ยว่า พระเจ้าสนใจเรื่องพวกนี้ของเรารึเปล่า..แน่นอน พระองค์สนใจครับ


o เคยถามพระเจ้าเรื่องทําธุรกิจบ้างมั้ย?
o การเปลี่ยนงาน?
o การลงทุน หรือ จะบริหารการเงินยังไงดี?

ยากอบบอกว่า เราเองไม่มีสิทธิในการวางแผนชีวิตเรา ด้วยซ้ําไป


o ถ้าพระเจ้าไม่เห็นด้วย
o เราจึงควรจะถามพระเจ้าก่อน ปรึกษาพระองค์ก่อน เอเมนมั้ยครับ?

ถ้าหากเราเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว เหมือนในหนัง 2012 เราจะทํายังไง?


o จะทํายังไงกับสามีภรรยาพ่อแม่ลูกหลานเพื่อนฝูงที่ยังไม่เชื่อ?
o พระคัมภีร์บอกให้เราอยู่แบบเป็นวันสุดท้ายของเรา
o พระเจ้าจะนับให้เราเฉพาะสิ่งที่เราทําวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ !!

ถ้าเราเอาเงินอนาคตมาใช้ เราก็จะไม่มีเงินใช้ในอนาคต
o แต่ถ้าเราให้พระเจ้าเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจเรา..
o เราจะแสดงออกอย่างไรที่จะแสดงว่าเรามีพระเจ้าเป็นหุ้นส่วนเรา?
o ง่ายมาก..นั่นก็คือ โดยการดูว่า..พระเจ้าได้รับส่วนของพระองค์บ้างมั้ย? หรือว่าเสร็จเราหมด

พี่น้องครับ.. ชีวิตนี้สั้นนัก ชีวิตมนุษย์เปรียบเหมือนกับ


- หมอก
- ใบไม้
- ต้นหญ้า
17
- เงา
- เมฆ
- ควัน
- ไอน้ํา

o เพียงแค่ลมหายใจเท่านั้นที่กั้นระหว่างความเป็นกับความตาย
o เราเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน แต่แน่นอน..ไม่มีใครอยู่ค้ําฟ้า
o ชีวต
ิ นี้สั้น แล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากล้อรถยนต์ไปสู่วีลแชร์ แล้วก็ต้องจบลงด้วยความเสื่อมสลายอยู่ดี

o ใช้ชีวิตให้ดี อย่าคาดหวังว่าวันพรุ่งนี้จะทําให้ท่านดีขึ้น
o แต่จงทําเสียในวันนี้ เพราะถ้าปราศจากพระเจ้าแล้ว ท่านจะทําอะไรไม่ได้เลย

สดุดี 127:1 ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อย


เปล่า

o อย่าลองผิดลองถูกอีกเลย เพราะจะเสียเวลาเปล่า
o มีคนลองมาแล้วตั้งแต่สวนเอเดน เราสามารถเรียนจากประวัติศาสตร์สวนเอเดนได้
o โดยไม่จําเป็นรอวันล้มเหลวเสียเอง เพราะไม่มีการกระทําใด ที่ไม่ต้องรับผล..

/------------------------------------------------------/

18

You might also like