Professional Documents
Culture Documents
Web2 0 Prediction 2009 Final
Web2 0 Prediction 2009 Final
Microblogging กับการกําเนิดของสื่อพลเมือง
ในป 2008 ที่ผานมา นอกเหนือจาก Blog แลว “Social Media” อีกประเภทหนึ่งทีเ่ ริ่มไดรับความนิยม
อยางสูงก็คอื "Microblogging" หรือ การเขียน Blog ดวยขอความสั้นๆ เชน กําลังทําอะไร จะไปไหน หรือ
รายงานสภาพอากาศ รายงานสภาพการจราจรจากสถานที่ตางๆ ที่ผูเขียน “Microblogging” นั้นจะเขียน โดย
จะมีเพื่อนหรือคนที่รูจักคอยรับขอความอัพเดทตางๆที่ถูกสงเขามาและสามารถตอบกลับไปไดในทันที
คนหนึ่งคน อาจจะกลายเปนผูสงสารหาคนเปนจํานวนรอยคน พันคน หรือแมแตหมื่นคนไดในชั่วเวลา
คลิกเดียวและผูรบั สามารถนําขอความนั้นมาสงตอใหกับเพื่อนนับรอยนับพันของตัวเองไดอีก สรางตัวคูณทาง
ขาวสาร (Multiplier) ไดในเวลาที่รวดเร็ว
บริการ “Microblogging” ที่ดังที่สุดในปจจุบันมีชอื่ วา "Twitter " (www.twitter.com) ที่ประสบ
ความสําเร็จอยางมาก ดวยอัตราการเติบโตของเว็บกวา 753% ภายในระยะเวลาเพียงแค 1 ป
จากจํานวนผูใช วันละ 5 แสน จนถึงผูใชวันละเกือบๆ 5 ลานในปจจุบัน
(การเติบโตของ "Twitter.com" กวา 753% ในระยะเวลาเพียงแค 1
ป)
(Source : Stats from Compete.com Dec.2007 – Dec.2008)
ปรากฏการณ “Twitter” ไดสรางมิติใหมของสื่อ “New Media”หรือ “Social Media” นั่นคือ มิติดานความเร็วของ
ขอมูล และมิติดานกระแสสังคม
ขาวไฟไหมซานติกาผับ ถูกรายงานใน “Twitter” เร็วกวาสถานีโทรทัศนทุกชอง โดยคนที่มีเพื่อนอยูในเหตุการณนํา
ขาวนั้นมาโพสตเขาไปใน“Twitter”และถูกนําไปกระจายบอกตอกัน (Broadcast) อยางรวดเร็วในชั่วเวลาไมกี่นาที
กลายเปนวาผูใชอินเตอรเน็ตรวมกันเผยแพรและสรางเปนกระแสขึ้นมา ดวยความเร็ว (Speed) ที่สูงกวาสื่อเกา เชน
โทรทัศน และขอมูลทุกอยาง ถูกระดมโพสตเขาไปใน Twitter เพื่อชวยกันกระจายขาว
Top
Rank Sept. 2007: Sept. 2008: % Growth:
Social Networking Sites:
(by UA) Unique Audience (in 000s) Unique Audience (in 000s) Year Over Year
Sept. 2008
1 Myspace.com 58,581 59,352 1%
2 Facebook 18,090 39,003 116%
3 Classmates Online 13,313 17,075 28%
4 LinkedIn 4,075 11,924 193%
5 Windows Live Spaces 10,275 9,117 -11%
6 Reunion.com 4,845 7,601 57%
7 Club Penguin 3,769 4,224 12%
8 AOL Hometown 7,685 3,909 -49%
9 Tagged.com 898 3,857 330%
10 AOL Community 4,017 3,079 -23%
Source: The Nielsen Company, Custom Analysis (September 2008)
สถิติอื่นๆที่นาสนใจของ Facebook
§ จํานวนผูใช (active users) มีกวา 150 ลานคน
§ มีรูปถายที่ผูใชอัพโหลดขึ้นไปเก็บใน Facebook กวาวันละ 23 ลานรูป โดยใชเนื้อที่ความจุ มากกวา 3
Terabytes ตอวัน ในการเก็บรูป
§ รูปถายกวา 15,000 ลานรูป ถูกดูในแตละวัน
§ เวลารวมที่ผูใชทั่วโลก ใช Facebook ในแตละวัน รวมกันกวา 2,600 ลานนาที
จากขอมูลเชิงสถิติและงานวิจัยดานธุรกิจออนไลนหลายๆแหง ไดตอกย้ําถึงความนิยมในบริการ
"Social Networking" ที่กลายเปนเทรนดที่มาแรงแซงหนาบริการออนไลนทุกอยางในรอบป 2008 ที่ผานมา
และสิ่งที่ขอมูลจากหลายๆสํานักวิจัยที่มชี อื่ เสียง นําเสนอตรงกัน ก็คือ การกาวขึ้นมาเปนผูนําดาน
Social Networking ของ Facebook ที่อดีตเคยจํากัดการใหบริการเพียงนักเรียนและนักศึกษาในสหรัฐฯ
เทานั้น
(ตารางที่ 2: เว็บ Social Networking ที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐฯ จากเดือนกันยายน 2007 ถึง กันยายน 2008)
Rank 10 Fastest Growing Sept. 2007: Sept. 2008:
% Growth: Year Over
(by Sept. YOY UA Social Networking Sites: Sept. Unique Audience (in Unique Audience
Year
growth) 2008 000s) (in 000s)
1 Twitter.com 533* 2,359 343%
2 Tagged.com 898 3,857 330%
3 Ning 842* 2,955 251%
4 LinkedIn 4,075 11,924 193%
5 Last.fm 850 1,879 121%
6 Facebook 18,090 39,003 116%
7 MyYearbook 1,422 3,056 115%
8 Bebo 1,299 2,418 86%
9 Multiply 592 941 59%
10 Reunion.com 4,845 7,601 57%
(Source: The Nielsen Company, Custom Analysis (September 2008).
การกาวขึ้นมาเปนผูนําดาน "Social Networking" แซงหนายักษใหญอยาง "Myspace.com" ที่ถือวา
เปน First Mover และเปนยักษใหญที่ทรงอิทธิพลที่สุดรายหนึ่งของธุรกิจออนไลน
โดยปจจัยหลักที่ตําแหนงของผูนํา เปลี่ยนมือ ไดแก การเปดตัว "Facebook Platform" ในป 2007
"Facebook Platform" เปนการเปดโอกาสใหนักพัฒนาแอพลิเคชั่นจากทั่วโลกไดใชประโยชนจาก
Infrastructure รวมไปถึงฐานขอมูลผูใชของ Facebook บางสวนในการสรางแอพลิเคชั่นเพื่อรองรับความ
ตองการตางๆของผูใช ไมวาจะเปนการพัฒนาเกม โปรแกรมอานขาว โปรแกรมเก็บรูปถาย และโปรแกรมอื่นๆ
กวา 52,000 โปรแกรม ใหผูใช Facebook เลือกใชงาน
NIDA Competitiveness Review : Issue #3 | Web 2.0 Trends 2009 8
Page |9
(บริการ GlobalIncidentMap.com เปน Mashup ระหวาง Google Map และ ขาวอุบัติเหตุตางๆทั่วโลก ทําใหรูไดทันทีวาเกิดเหตุการณสําคัญหรือ
อุบัติเหตุอะไรในโลกบาง)
Software as a Service
ในรอบป 2006-2007 ที่ผานมา ยักษใหญบนโลกออนไลนอยาง Google ไดพัฒนาเว็บแอพลิเคชั่น ที่ใช
สําหรับงาน Office เรียกวา “Google Docs” โดยสามารถสรางเอกสารทั้งดาน Word Processing,
Spreadsheet และ Presentation โดยเอกสารที่สราง สามารถบันทึกไฟลใหออกมาในรูปแบบที่ใช Microsoft
Office เปดไดทันที ซึ่งในป 2008 ที่ผานมา ไดมีการพัฒนาปรับปรุงชุด Google Docs เปนอยางมาก จนเรียก
ไดวา เกือบจะใชแทนชุด Microsoft Office ไดเลย
(โปรแกรม “Keynote” ของ Apple Inc. ที่ใชในการทํา Presentation บนแมค ไดกลายมาเปนเว็บแอพลิเคชั่นแลว ในชื่อวา “iWork.com”)
Geolocation
ในป 2008 ที่ผานมา มีโทรศัพทมือถือหลายๆรุนไดใส function การทํางานของ GPS เพื่อใชในการ
คนหาตําแหนงตาง ทําให Application ที่ใชประโยชนจากตําแหนงของ GPS เริ่มเปนที่นิยมมากขึ้น ไมวาจะ
เปน Navigator ที่ใชในการนําทาง ระบบแผนที่และการคนหาสถานที่ตางๆ
ภาพถายที่ถูกถายจากโทรศัพทที่มี GPS มักจะมีลูกเลนที่สามารถฝงตําแหนงพิกัดของ GPS ลงไปใน
Metadata ของภาพถายเหลานั้น เพื่อบงบอกวาภาพถายนั้นๆ ถูกถายมาจากสถานที่ใด ตําแหนงพิกัดบนแผน
ที่เทาไหร เรียกวา “Geolocation”
บริษัทอีกตอไป
§ สามารถใชทรัพยากรเพื่อเนนหนักไปในทางธุรกิจหลักของตัว เองไดมากขึ้น
นับเปนการพลิกโฉมรูปแบบธุรกิจในอนาคตอยางมีนัยยะสําคัญ
แตสิ่งหนึ่งที่สําคัญในการจํากัดการเขาถึง Cloud Computing ก็คือประสิทธิภาพของเครือขายภายใน
และภายนอกบริษัทที่จะสามารถทําใหพนักงานทุกคนสามารถเขาถึง “กอนเมฆ” เหลานั้นไดสะดวกมากนอย
เพียงใด
ตัวอยางในปจจุบันที่เห็นเดนชัดถึงความสําเร็จของCloud Computing ก็คือโลโกรูป
“No Software” ของ SalesForce.com ที่รวบรวมซอฟทแวรที่ใชงานกันภายใน
สํานักงานไมวาจะเปนเกี่ยวกับงานขาย งานสนับสนุนและบริหารความสัมพันธกับ
ลูกคา งานฐานขอมูลและวิเคราะห ฯลฯ มาอยูบนเว็บไซตทั้งหมด โดยมีธุรกิจยักษ
ใหญมากมายมาใชบริการ
แมกระทั่งประธานาธิบดีคนลาสุดของสหรัฐฯ บารัค โอบามา ก็เพิ่งปรับปรุงเว็บไซต change.gov ที่
เคยใชในการหาเสียงลงสมัครชิงตําแหนงประธานาธิบดี ใหกลายมาเปน Citizen’s Briefing Book เพื่อเปด
โอกาสใหประชาชนแสดงความเห็น และเสนอแนวคิดเพื่อนําไปปรับปรุงเปนนโยบายตอไป โดยใชระบบ
CRM Idea Product ของ SalesForce.com นั่นเอง
Eric Schmidt CEO ของ Google ใหความเห็นวาในยุค Web 3.0 นี้จะเปนการเชื่อมตอ Application ชิ้น
เล็กๆที่ทรงประสิทธิภาพเขาดวยกัน และขอมูลตางๆที่นํามาใชจะอยูใน “กอนเมฆ” โดยที่ Application
เหลานั้นจะมีคุณสมบัติตอไปนี้
- สามารถทํางานบนอุปกรณใดก็ได ทั้งเครื่องคอมพิวเตอรและโทรศัพทมือถือ
- มีขนาดเล็ก สามารถดัดแปลงแกไขได
- สามารถเผยแพร สงตอไปยังผูใชอื่นผานอีเมล หรือเครือขายสังคมเพื่อใหใชงานได
อินเตอรเน็ตไรสายและบนโทรศัพทมือถือ
o Cloud Computing – หรือ ที่กลาวมาแลววา เมื่อใดที่ผูใชตองการขอมูลใดก็ตาม เขาตองสามารถ
เขาถึงไดโดยงาย โดยที่ไมจําเปนตองรูถึงเบื้องหลังในการหาขอมูลนั้น
o Open Technologies – มีการเปดกวางในการพัฒนาแอพลิเคชั่นในการใชงานตางๆ ในรูปแบบของ
Open-source ที่อนุญาตใหมีการนําไปพัฒนาตอยอดกันได
o Open Identity – ขอมูลของผูใชจะสามารถถายโอนไปยังเว็บไซตอื่นได ทั้งนี้รวมไปถึงการทําใหมีบัญชี
มโหฬาร
o Natural Language Processing – ในการจะสั่งใหเว็บไซตทํางานอยางใดอยางหนึ่ง ผูใชจะสามารถใช
คําสั่งดวยภาษาธรรมชาติของมนุษย หมายความวาผูใชไมจําเปนตองมีความรูในระดับที่สามารถเขียน
โปรแกรมคอมพิวเตอรเลยก็ยังสามารถสราง application ขึ้นมาใชงานเองได
จากที่กลาวมาขางตนวา ในยุคถัดไปความสามารถของเว็บไซต
จะเริ่มเรียกวา “ฉลาดขึ้น” ดวย
บอยครั้งนักที่เรารูสึกไมพอใจกับการคนหาสิ่งที่ตองการ ทําใหผูใชงานตองเพิ่มจํานวนKeyword เขา
ไปมากขึ้นเพื่อลดขอบเขตของการคนหาใหแคบ และตรงจุดมากขึ้น แนวคิดของ Semantic Web จะนํามาใช
แกปญหาตรงจุดนี้
โดยปกติขอมูลบนเว็บไซตนั้นประกอบดวยสามองคประกอบหลักคือ
- Content คือตัวเนื้อหา หรือขอมูลที่ตองการสื่อไปถึงมนุษย
- Presentation คือการแสดงผล การจัดวาง สีสัน ลวดลาย
- Metadata คือขอมูลที่บงบอกรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับเนื้อหานั้น