You are on page 1of 5

กฎแห่งกรรม

เล่มท่ี 7 ภาค ชีวประวัติ

เร่ ือง เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่


โดย หนุน ทำานอง

คณะผู้จัดทำา http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนีจ้ด
ั ทำาเพ่ ือเผยแพร่เป็ นธรรมทานเพ่ ืออุทิศส่วนกุศล
ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย
เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่
www.jarun.org

เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่
หนุน ทำำนอง
เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่นี เ ้ ป็ นช่ ือท่ีเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมง
พ.ศ. ๒๕๑๘ หลังจากท่ีคุณทองย้อย ชโลธร ได้ถึงแก่กรรมไปได้เพียงไม่ก่ีวัน
คืนหน่ึง เม่ ือ พ.ศ. ๒๕๑๘ ข้าพเจ้านิมิตว่า มีบุคคลหน่ ึงนำากุญแจอุโบสถวัดอัมพวันมาให้ เม่ ือข้าพเจ้าได้ลูกกุญแจ ก็เข้าไปใน
อุโบสถวัดอัมพวันแล้วเดินสำารวจรอบ ๆ ขณะเดินเข้าไปครัง้แรกพบคนนัง่ปฏิบัติธรรมด้วยอาการสงบอยู่คนหน่ ึง เม่ ือพิจารณา
ดูเห็นเป็ นคุณทองย้อย ชโลธร สวมเส้ือผ้าชุดขาว นัง่อยู่ข้างเสาต้นท่ี ๒ ทิศตะวันออกทางด้านขวาของพระประธาน ข้าพเจ้า
ตรวจดูรอบ ๆ ในอุโบสถไม่เห็นมีใคร มีแต่คุณทองย้อย ชโลธร เพียงคนเดียว
วันต่อมาข้าพเจ้าไปท่ีวัดอัมพวัน พบคุณสุมาลย์ ชโลธร และบรรดาญาติ ๆ ได้ทำา บุญครบรอบ ๕๐ วันให้คุณทองย้อยท่ีบ้าน
แล้วนำาของใช้บางอย่างท่ียืมไปจากวัดอัมพวันมาคืน ข้าพเจ้าอยากจะเล่าความจริงในใจ ให้คุณสุมาลย์ ชโลธรทราบ ก็ไม่กล้าพูด
เกรงว่าจะเป็ นการไม่สมควร และคงไม่เหมาะสมด้วยประการต่าง ๆ จึงเก็บเร่ ืองนีไ้ว้ ๑๗-๑๘ ปี แล้ว และข้าพเจ้าขณะนีก ้ ็มีอายุ
๗๐ ปี มาคิดดูว่าควรจะได้เล่าความจริงให้ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลทราบ
ข้า พเจ้า ได้เล่า ว่า ได้ พบคนชราสองคนพู ดคุ ยกั น ว่ า คนเราเม่ ือก่ อนจะถึ ง แก่ กรรม ถ้ า มี นิ มิ ต ว่ า มี ค นนำา กุ ญ แจในส่ิง ท่ีเราได้
ก่อสร้างไว้มาให้เรา เม่ ือเราถึงแก่กรรม เราจะได้ไปอยู่ในสถานท่ีนัน ้ ข้าพเจ้ามีความคิดขึ้นมาว่า เราจะมีบุญ มีกุศล มีวาสนา
มากมายเช่นนีเ้ชียวหรือ แล้วข้าพเจ้าพูดกับท่านเจ้าคุณฯ ต่อไปว่า เดิมทีกระผมจะเขียนเป็ นจดหมาย เล่าเร่ ืองมาให้ท่านเจ้าคุณ
ทราบ แต่ทา่ นเจ้าคุณฯ กลับพูดว่า “โยมมาพูดด้วยตนเองอย่างนีช ้ ัดเจนดี กว่าเขียนเป็ นหนังสือมา เพราะมีโอกาสได้พูดได้คุย
ได้ซักถามกันอย่างเต็มที่ ก็โยมได้ก่อสร้างไว้ เม่ ือช่างก่อสร้างเสร็จ เขาก็เอากุญแจมาให้โยมนะซิ” และมีหลายครัง้ท่ีกระผม
ปฏิบัติธรรม จิตไม่ค่อยสงบ เม่ ือนึกถึงอุโบสถวัดอัมพวัน จิตสงบทันที

ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล กล่าวว่า “ความจริง ความผูกพันมีกันมหาหลายร้อยปี แล้ว คุณทองย้อย ชโล


ธร มีคนเห็นเป็ นเทพ เอาน้ำาชามาเลีย ้ งชายชราที่มาปฏิบัติธรรมในวัดอัมพวัน” มีชายชราคนหน่ ึงมาปฏิบัติธรรม ทางวัดได้นำา
น้ำาเย็นไปเลีย้ งต้อนรับแขก แต่ชายชราคนนีไ้ม่ชอบด่ ืมน้ำาเย็น ชอบด่ ืมน้ำาชา ก็มีชายแต่งกายชุดขาวนำาน้ำาชามาให้ด่ืม รสดีเป็ นท่ี
ถูกใจ วันหน่ึงไม่มีน้ำาชาจะด่ ืมก็มาท่ีกุฏิท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ขอน้ำาชาท่านเจ้าคุณฯ ด่ ืมแล้วพูด่า รสเหมือนท่ีเขา
เคยด่ ืม เขาเดินหาชายชุดขาวในวัดอัมพวันอยู่นานเท่าไรก็ไม่พบ วันหน่ ึงเขาขึ้นไปบนศาลาปฏิบัติธรรมหลังใหญ่ เขาเห็นรูปคุณ
ทองย้อย ชโลธร อยู่บนศาลา เขาก็พูดว่า ชายคนนีเ้คยเอาน้ำาชามาให้เขาด่ ืม เขาไปอยู่ท่ีไหน ! ขณะนัน ้ มีพระภิกษุรูปหน่ ึงอยู่บน
ศาลานัน ้ ด้วย จึงพูดขึ้นว่าชายคนนีไ้ด้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว ตัง้แต่นัน ้ เป็ นต้นมา ชายชราก็ไม่ได้ด่ืมน้ำาชาจากคุณทองย้อย ชโล
ธรอีกเลย แล้วท่านเจ้าคุณได้พูดกับข้าพเจ้าต่อไปอีกว่า “มีคนเห็นพลตรีวสันต์ พานิช แต่งกายเป็ นเทวดาสวมชุดขาว มีชฎา
ด้วย” ความจริง เสธ.วสันต์ พานิช เป็ นบุคคลสำาคัญของวัดอัมพวันคนหน่งึ เป็ นรุ่นบุกเบิกวัดอัมพวันมาด้วยกัน ท่านเป็ นคน
สมถะ เหมือนชอบปิ ดทองหลังพระ
วันหน่งึ เป็ นวันโชคดีในชีวิตของข้าพเจ้าท่ม ี ีโอกาสได้พบแสงธรรม วันนัน ้ เป็ นตอนเช้า เวลาประมาณ ๘ .๓๐ น. เดือนมกราคม
๒๕๐๘ ท่านอาจารย์เดินผ่านมาทางข้าพเจ้า ก่อนจะเข้าไปในอุโบสถหลังเก่า ได้กล่าวชวนว่า “ครูเข้าไปในอุโบสถด้วยกัน”
เม่ ือท่านเดินนำาหน้าเข้าไปในอุโบสถ ข้าพเจ้าเดินตามท่านไปโดยไม่มีจุดมุง่ หมายอันใด พอเข้าไปในอุโบสถก็พบคุณสุวรรณามา
ขึ้นธรรมกับท่านอาจารย์ คราวนีห ้ วั ใจของข้าพเจ้าพองสุดขีด ดีใจมาก และคิดว่าโอกาสการปฏิบัติธรรม เป็ นของข้าพเจ้าในวันนี้
ท่านอาจารย์สอนการปฏิบัติธรรมกับคุณสุวรรณาอย่างใด ข้าพเจ้าจดจำาทุกขัน ้ ตอน ตัง้แต่การภาวนา การกำาหนดลมหายใจเข้า
ลมหายใจออก และกำาหนดภาวนา พองหนอ ยุบหนอ เสร็จจากการขึ้นธรรมของคุณสุวรรณา ท่านอาจารย์ก็กลับไปกุฏิ ส่วน
ข้าพเจ้าดีใจเป็ นล้นพ้น พอถึงบ้านตอนค่ำาก็เร่ิมปฏิบัติธรรมตามท่ีได้รับฟั งมา ปฏิบัติครัง้แรก รู้สึกว่าไม่ค่อยได้ผล แต่ด้วยจิตมี
ศรัทธาในการปฏิบัติธรรม จึงปฏิบัตท ิ ุกคืน ๆ มิได้ขาด ผลดีย่อมเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย เป็ น ปจฺจตฺตำ คือรู้เฉพาะตัวของเราเอง
ข้าพเจ้าปฏิบัติธรรมมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๗ วันนัน ้ เป็ นเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น. ผลการปฏิบัติธรรมจะนานเท่าไรไม่ทราบ ก็
มีนิมิตเป็ นอัศจรรย์ขึ้น คือได้พบจุดแห่งความสุขของสมาธิ ความสุขของสมาธินัน ้ เป็ นยอดปรารถนาของผู้ปฏิบัตธ ิ รรม เพราะ
สุขอ่ ืนใดก็ไม่เทียบเท่าสุขแห่งความสงบ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้

แม้ได้พบความสุขแห่งความสงบแล้ว ข้าพเจ้ามิได้หลงใหลติดอยู่ในสุขนัน
้ เพราะเคยฟั งท่านอาจารย์สอนว่าอย่ายึดมัน
่ ถือมันใน
ส่ิงใด และให้กำาหนด รู้หนอ รูห
้ นอ

พระครูภาวนาวิสุทธิ์ ( หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม )


หน้า 2/5
วัดอัมพวัน อ.พรหมบุร ี จ.สิงห์บุร ี 16160
โทร. 0-3659-9381

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นีจ้ัดทำาโดย
webmaster@jarun.org
ติดต่อและสอบถามข้อมูลเพ่ิมเติม info@jarun.org
เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่
www.jarun.org

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ นัน ้ ข้ าพเจ้ าเป็ นข้า ราชการชัน


้ ตรี มีระเบี ยบและกฎเกณฑ์ ออกมา เท่า ท่ีฟังแล้ ว ข้ า พเจ้ า คงไม่มี
โอกาสก้าวหน้า เคยได้ไปพูดคุยให้ท่านอาจารย์ฟัง พอตกกลางคืนมีนิมิตเกิดขึ้น รู้ว่าเป็ นส่ิงศักดิส ์ ิทธิใ์นวัดอัมพวัน เป็ นชายร่าง
ใหญ่ผิวดำาเดินข้ามศีรษะข้าพเจ้าไป แล้วพูดว่า “เป็ นชัน ้ เอก” ข้าพเจ้ามองดูท่ีบ่าซ้ายและบ่าขวามีแถบใหญ่สีเหลือง ๓ ขีดใหญ่
เต็มทัง้สองข้าง คือเป็ นชัน
้ เอก ข้าพเจ้ามีความสงสัยว่า เราจะมีวาสนาเป็ นชัน ้ เอกเชียวหรือ เพราะสมัยนัน ้ นายอำา เภอและปลัด
จังหวัดยังมีแค่ชัน
้ โทเป็ นจำานวนมาก รุ่งขึ้นข้าพเจ้ามาท่ีวัดอัมพวัน เล่าส่ิงท่ีนิมิตให้ท่านอาจารย์ฟัง ท่านอาจารย์พูดว่า “ครูอาจ
ได้เป็ นชัน
้ เอก ถ้าไม่ได้เป็ น ชัน
้ เอก สถานะความเป็ นอยู่ของครูจะต้องได้เท่าชัน ้ เอก” ต่อมาข้าพเจ้าสอบชัน ้ โทได้ และต่อมา
พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้าพเจ้าก็ได้ประดับยศเป็ นชัน ้ เอก

ผลการปฏิบัติธรรมนัน ้ เคยนิมิตเห็นหญิงคู่หน่ ึงต้องชดใช้กรรมต่อกัน คือมองลงไปเห็นหญิงทัง้สองอยู่ใต้พ้ืนท่ีเรา


อยู่นี ค ้ นหน่ ึงใช้ด้ามไม้กวาดก้านมะพร้าวต
เขาได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว คนถูกตีเคยเป็ นนายจ้าง ส่วนคนท่ีใช้ด้ามไม้กวาดก้านมะพร้าวตี เม่ ือมีชีวิตอยู่เคยเป็ นลูกจ้างกัน
และเคยนิมิตเห็นพระสงฆ์ต้องมารับกรรมรวม ๓ รูป คือ รูปท่ี ๑ ถูกจองจำามีโซ่ลา่ มอยู่ทข ่ี ้อเท้า อีกรูปหน่ ึงถูกแขวนคอ ส่วนรูป
ท่ี ๓ ถูกธรณีสูบ เม่ ือเห็นแล้วรู้สึกสลดใจอย่างย่ิง เพราะมีผ้าเหลืองหุ้มห่อร่างกายอยู่
ข้าพเจ้ามีความเคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม เพราะถือว่าการปฏิบัติธรรมเป็ นสรณะของข้ าพเจ้า ข้าพเจ้ ามี ความจริงใจต่อการ
ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำา เสมอ และได้อธิษฐานจิตต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ว่า จะขอปฏิบัติธรรมตลอดไป จนถึงลมหายใจ
ครัง้สุดท้าย และเกิดชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้ได้ปฏิบัติธรรมจนถึงพระนิพพาน
วัดอัมพวันได้พัฒนาตัง้แต่ท่านอาจารย์มาเป็ นเจ้าอาวาส การร้ืออุโบสถหลังเก่า ก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ ได้รับความร่วมมือจาก
บุคคลเป็ นจำานวนมาก ทัง้พ่อค้า ประชาชน ทหาร ตำารวจ และข้าราชการ
ขณะนัน ้ การหาเงินมาสร้างอุโบสถก็จะแสนจะลำา บาก และพร้อมกันนัน ้ ก็เร่งรีบพัฒนาวัดไปด้วย เพราะเป็ นนโยบายของกรม
การศาสนา ท่านอาจารย์ก็มิได้ย่อท้อ ยอมต่อสู้กับงาน ร่างกายท่านอาจารย์ขณะนัน ้ ผ่ายผอมอิดโรย ท่านอาจารย์กับข้าพเจ้าขึ้น
ล่องกรุงเทพฯ นับครัง้ไม่ถ้วนเพ่ ือไปติดต่องานของวัด ถ้าคราวใดว่าจ้างรถเก๋งไป ท่านอาจารย์นัง่เบาะหลังจะได้พักผ่อนหลับ
บ้าง ต่ ืนบ้างไปจนถึงกรุงเทพฯ ถ้าคราวใดไปโดยรถปิ กอัพ ต้องนัง่ตอนหน้า ๓ คน ท่านอาจารย์มักจะหลับซบมาทางข้าพเจ้า
เสมอ ด้วยบารมีของวัดและบารมีของท่านอาจารย์ จึงมีผู้ศรัทธามาร่วมบุญในการก่อสร้างได้สำาเร็จเกิดคาดหมาย ขณะท่ีกำาลัง
ก่อ สร้า งอุโ บสถวั ด อั ม พวั น อยู่ นั น
้ วั ด อั ม พวั น ได้ รั บยกย่ องเชิ ด ชู ใ ห้ เ ป็ น วั ด พั ฒ นาตั ว อย่ า งประจำา ปี พ.ศ. ๑๕๑๒ โดยคณะ
กรรมการอำานวยการพัฒนาวัด กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ

คุณทองย้อย ชโลธร เป็ นผู้ออกแบบโครงสร้าง ตัง้แต่รากฐานอุโบสถกับท่านอาจารย์ เพ่ ือให้มีความแข็งแรงมัน


่ คง
ตัง้แต่ฐานอุโบสถไปตลอดผนังอุโบสถ เทเป็ นคอนกรีตเสริมเหล็กทัง้หลัง ส่วนโครงสร้างด้านบนใช้เหล็กแบบตัวแอลต่อเช่ ือม
กันทัง้หลัง เฉพาะอุโบสถหลังนี ค
้ ณะกรรมการเคยพูดคุยว่า “๑๐๐ ปี ก็อยู่ได้”

พลตรีวสันต์ พานิช เป็ นเสนาธิการทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี เป็ นกำา ลังสำา คัญในการก่อสร้างอุโบสถวัดอัมพวัน


อย่า งมาก ครั ง้ ท่ีอ ยู่ ศู น ย์ ก ารทหารปื นใหญ่ จั ง หวั ด ลพบุ รี ได้ นำา ทหารมาช่ ว ยกิ จ การของวั ด อั ม พวั น และได้ ชั ก ชวนให้ อ นุ
ศาสนาจารย์ ๒-๓ ท่าน มาช่วยในกิจการทางศาสนพิธี และฝ่ ายประชาสัมพันธ์ด้วย ต่อมาพลตรีวสันต์ พานิช ย้ายไปประจำาอยู่
ท่ีก องบัญ ชาการทหารสู ง สุ ด แม้ ท่ า นจะไปอยู่ ท่ีก องบั ญ ชาการทหารสู ง สุ ด ท่ า นก็ ยัง ไม่ ท อดทิ ง้ วั ด อั ม พวั น โดยเฉพาะการ
ก่อสร้างอุโบสถ ท่านได้เอาเป็ นธุระอย่างมาก ตัง้แต่การพิมพ์หนังสื อเป็ น อนุสรณ์ในการวางศิลาฤกษ์ และการพิมพ์หนังสือ
เป็ นท่ีระลึกในคราวฝั งลูกนิมิต ท่านพลตรีวสันต์ พานิช ท่านเป็ นผ้ารวบรวมเร่ ือง และจัดทำาเป็ นเล่ม และมีหลายเร่ ืองท่ีปรากฏ
อยู่ในหนังสือนัน ้ เป็ นฝี มือการเขียนของท่าน ดังจะได้นำาสำาเนาการเขียนจดหมายของท่านมายังข้าพเจ้า พร้อมด้วยข้อแนะนำาใน
การจัดงานคราวฝั งลูกนิมิตอุโบสถวัดอัมพวันในวันทำาพิธีฝังลูกนิมิต พลตรีวสันต์ พานิช ได้แต่งกายชุดขาว เป็ นเทวาดประจำา
ลูกนิมิตด้วย

คุณหลวงบุเรศรบำา รุงการ ก็เป็ นอี กท่านหน่ ึง ช่ว ยส่ งเสริม สนั บสนุ นให้ วัดอั ม พวั นมี ความเจริญก้ าวหน้าตลอดมา
เพราะท่านเป็ นบุคลากรท่ีมีความรู้ความชำานาญทางพฤกษศาสตร์ ได้นำาต้นไม้ตามพระพุทธประวัติมาปลูกไว้ในวัดอัมพวันเกือบ
ทุกชนิด พร้อมกับเขียนป้ายช่ ือติดประจำา ไว้ด้วย ท่านเป็ น บุคคลท่ีมีประชาชนให้ความเคารพนั บถืออย่ างย่ิง วัน พระราชทาน
เพลิงศพคุณหลวงบุเรศรบำารุงการ ท่านอาจารย์กับข้าพเจ้า และชาวคณะวัดอัมพวันได้ไปร่วมการพระราชทานเพลิงศพด้วย

พระครูภาวนาวิสุทธิ์ ( หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม )


หน้า 3/5
วัดอัมพวัน อ.พรหมบุร ี จ.สิงห์บุร ี 16160
โทร. 0-3659-9381

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นีจ้ัดทำาโดย
webmaster@jarun.org
ติดต่อและสอบถามข้อมูลเพ่ิมเติม info@jarun.org
เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่
www.jarun.org

คุณหมอเย้ือน ชโลปถัมภ์ ข้าพเจ้าจะเรียกท่านว่า คุณน้าหมอ ท่านก็เป็ นศิษย์ของท่านอาจารย์อีกคนหน่ ึง มาปฏิบัติ


ธรรมประจำาอยู่ท่ีกุฏิของท่านอาจารย์ และมีบ่อยครัง้ท่ีคุณหมอเย้ือน ชโลปถัมภ์ ได้เป็ นศิษย์ติดตามท่านอาจารย์ไปในกิจการ
ต่าง ๆ อยู่เสมอ ท่านเป็ นผู้ใหญ่ทข่ี ้าพเจ้าให้ความเคารพท่านมาก เพราะเล่ ือมใสศรัทธาในท่าน บางครัง้ข้าพเจ้าไปสนทนากับ
ท่านท่ีบ้านจังหวัดสิงห์บุรี
คุณยุพิน บำา เรอจิ ต อาจารย์ ฝ่ายปฏิ บัติ ธรรมของวัด อัม พวั นอี กท่านหน่ ึง ท่ีเป็ น แรงสำา คัญ ในการช่ วยแบ่ง เบาภาระของท่าน
อาจารย์ในทางปฏิบัติธรรม เพราะคุณยุพิน บำาเรอจิต เป็ นนักปฏิบัติธรรมท่ีมค ี ุณธรรมสูงท่านหน่ ึง สามารถปฏิบัติธรรมได้นาน
ครัง้ละ ๒๐ กว่าชัว่โมง ข้าพเจ้าเคยไปสนทนาธรรมกับท่าน มีเร่ ืองหน่งึ ท่านพูดว่า “กำรปฏิบัติธรรม บำงครัง้เกิดควำมว่ำงขึ้น
ในร่ำงกำย แม้จะมีบุตรอยู่ในครรภ์ ก็ เหมือนไม่มี ” ข้อนีเ้ป็ นความจริง ขณะปฏิบัติเม่ ือจิตละเอี ยด กายละเอี ยด ลมหายใจก็
ละเอียด จะทำาให้เกิดความว่างเปล่าเกิดขึ้น โดยไม่รู้ว่า มือ แขน ขา และเท้า ของเรามีอยู่หรือไม่? และเกิดความสงสัยในขณะ
นัน
้ ว่า เราอยู่ได้อย่างไร? เราหายใจหรือเปล่า? ผู้ปฏิบัติธรรมได้พบครัง้แรกจะเป็ นส่ิงมหัศจรรย์ของเขา

คุณน้าสุ่ม ทองยิ่ง โดยทัว่ไปเรียกว่า แม่ใหญ่ ครัง้หน่งึ เม่ ือประมาณ ๒๐ กว่าปี มาแล้ว คุณน้าสุ่มได้มานัง่ปฏิบัติธรรม
ท่ีศาลาการเปรียญหลังเก่า มีกำาหนด ๓๐ ชัว่โมง ข้าพเจ้าได้มาดูการปฏิบัติขิงคุณน้าสุ่มด้วย มีอุบาสกอุบาสิกาอยู่ด้วยกันหลาย
คน ข้าพเจ้าต้องการทราบว่า การปฏิบัติธรรมถึงขัน ้ ท่จี ิตมีความละเอียดเช่นนี ร้่างกายจะเป็ นอย่างไร? ข้าพเจ้าพูดกับอุบาสก
อุบาสิกา ว่าจะขอจับแขนคุณน้าสุ่ม ทุกคนในท่น ี ัน
้ มิได้พูดคัดค้านแต่อย่างใด ก่อนจับข้าพเจ้ายกมือขึ้นไหว้คุณน้าสุ่มก่อน เม่ ือ
จับท่ีแขนก็มคี วามรู้สึกทันทีว่า “เย็นมำก” ตามปกติร่างกายของคนธรรมดาทัว่ไปจะมีความอุ่นเล็กน้อย

วันท่ี ๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ ข้าพเจ้าเคยสนทนาธรรมกับท่าน และได้ถามถึงการระลึกชาติของท่าน ท่านเล่าให้ฟัง


ตัง้แต่ชาติท่ี ๑ ถึงชาติท่ี ๗ และท่านพูดให้ฟังว่า “ต่อจำกชำตินีไ้ป จะไปเกิดเป็ นพรหมเพรำะมีสถำนท่ีรอรับอยู่แล้ว”
ต่อมาข้าพเจ้ามีความสงสัยในการปฏิบัติธรรมของข้าพเจ้าเอง จึงถามท่านว่า “เป็ นเพรำะเหตุใด กำรปฏิบัติจึงไม่ค่อยเหมือน
ก่อน ๆ” เหมือนท่านรู้จิตของข้าพเจ้า ท่านพูดว่า “ไม่ด่ืมลึกเหมือนก่อน ๆ ใช่ไหม?” ข้าพเจ้าตอบท่านไปว่า “ใช่ครับ” แล้ว
คุณน้าสุ่มพูดว่า “เปรียบเหมือนเทปที่เต็มแล้วก็จะคลำยออก” และข้าพเจ้าได้ถามท่านถึงความละเอียดของจิตเม่ ือครัง้ปฏิบัติได้
๓๐ ชัว่โมง กับการปฏิบัติธรรมได้ ๔๐ กว่าชัว่โมง ความละเอียดของจิตเป็ นอย่างไร ? ท่านพูดให้ฟังว่า “ปั จจุบันมีควำมละเอียด
กว่ำแต่ก่อนมำก”
ข้าพเจ้ามาช่วยกิจการของวัดอัมพวัน ด้วยความศรัทธาในท่านอาจารย์ ส่วนมากเป็ นกรรมการของวัด มีหน้าท่ีประชาสัมพันธ์
และเป็ น เลขาของวัด งานโต้ตอบหนังสื อต่าง ๆ ของวัดและรายงานผลการปฏิบัติธรรม การพัฒนาวัด ต่อเจ้ าคณะตำา บล เจ้า
คณะอำาเภอ เจ้าคณะจังหวัด และกรมการศาสนา ข้าพเจ้าจะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้หมด เช่นใบเสร็จรับเงินไว้ทัง้หมด เป็ นใบเสร็จ
ซ้ือส่ิงของซ่อมแซมหรือก่อสร้างส่ิงต่าง ๆ ในวัด และพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาท่ีมาปฏิบัติธรรม ท่านอาจารย์ได้มอบ
เคร่ ืองพิมพ์ดีดไว้ให้ข้าพเจ้าท่ีบ้านหน่งึ เคร่ ือง ข้าพเจ้าเก็บคู่ร่างไว้ทุกครัง้ เม่ ือท่านอาจารย์ต้องการรายงานผลการปฏิบัติง าน
ของวัด จะเป็ น ๓ เดือน ๖ เดือน หรือในรอบ ๑ ปี หรือ ๒-๓ ปี ก็จด ั ทำารายงานได้อย่างสบาย บางครัง้ท่านอาจารย์ไปบอกด้วย
ตนเอง บางครัง้ให้คนของวัดไปบอก ว่าต้องการรายงานถึงใคร ระยะเวลาตัง้แต่ไหนถึงไหน ข้าพเจ้าจะทำาให้เรียบร้อยทุกอย่าง
โดยท่านอาจารย์ไม่ต้องร่างเร่ ืองมาเลย ข้าพเจ้าได้ช่วยกิจการของวัดอัมพวันอยู่ประมาณ ๙-๑๐ ปี

เม่ ือวันท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๓๕ ท่านอาจารย์พูดว่า ผลการรายงานของโยมท่ีส่งไปไม่เคยตีกลับมาเลย และผลงานของ


โยมยังมีอยู่บนกุฏิของท่าน บางครัง้ข้าพเจ้าไปติดต่อท่เี จ้าคณะภาค และกรมการศาสนาแทนท่านอาจารย์เพราะได้รู้จักเป็ นอย่าง
ดี และเช่นเม่ ือก่อนท่านอาจารย์จะไปประเทศศรีลังกา องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ในประเทศไทย ต้องการแนะนำา
เก่ียวกับการเดินทาง ท่านอาจารย์ก็ส่งให้ข้าพเจ้าไปรับฟั งข้อแนะนำาต่าง ๆ แทนท่าน
ขณะท่ีกำา ลังก่อสร้างอุโบสถวัดอัมพวัน และกำาลังพัฒนาวัดไปด้วย ท่านอาจารย์กับข้าพเจ้าได้ไปติดต่องานของวัดท่ีกรุงเทพฯ
หลายครัง้ ระหว่างทางท่ีอยู่ในรถ ข้าพเจ้าเคยพูดกับท่านอาจารย์หลายครัง้ว่า “ผมได้ร่วมทำำบุญในกำรก่อสร้ำงอุโบสถน้อยมำก
แต่กระผมขอช่วยด้วยแรงกำย แรงใจ และสติปัญญำอย่ำงเต็มท่ี ท่านอาจารย์พูดว่า “แรงกาย แรงใจ และสติปัญญานัน ้ สำาคัญ
กว่า” ข้าพเจ้าคิดว่าท่านอาจารย์พูดเพ่ ือให้กำาลังใจ

วันท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๓๕ ท่านอาจารย์ยังได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “วัดเรำท่ีเจริญรุ่งเรืองมำนี เ้พรำะผลงำนกำรเขียนของ


โยม” ท่านอาจารย์ พูดคำา นี ท ้ ำ า ให้ข้าพเจ้ารู้สึกงงๆชอบกลข
น่ิงฟั งท่านเท่านนัน ้ ความจริงในขณะนัน
้ ข้าพเจ้าช่วยกิจการของวัดอัมพวันด้วยศรัทธาและตัง้ใจช่วยด้วยความบริสุทธิท ์ ุกอย่าง
มิได้หวังส่ิงตอบแทนแต่อย่างใด

พระครูภาวนาวิสุทธิ์ ( หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม )


หน้า 4/5
วัดอัมพวัน อ.พรหมบุร ี จ.สิงห์บุร ี 16160
โทร. 0-3659-9381

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นีจ้ัดทำาโดย
webmaster@jarun.org
ติดต่อและสอบถามข้อมูลเพ่ิมเติม info@jarun.org
เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่
www.jarun.org

วัดอัมพวันทุกท่านร่วมกันสร้าง คนโน้นบ้างคนนีบ ้ ้างช่างเสกสรรค์


แค่มากมาหาน้อยพลอยร่วมกัน ดังที่ท่านได้เห็นเด่นงามตา
ที่มีมากออกมาไม่ยากจิต บ้างมีนิดพลอยนิดไม่อิจฉา
บ้างช่วยแรงช่วยความคิดจิตศรัทธา ต่างมุ่งมาสู่วัดช่วยจัดการ
จากหนังสือผูกพัทธสีมา วัดอัมพวัน ๒๔๑๓
ส่ิงหน่งึ ท่ีประทับใจข้าพเจ้ามากมาจนถึงปั จจุบันคือ การร่างและพิมพ์เร่ ืองขอพระราชทานเขตวิสุงคามสีมา อุโบสถวัดอัมพวัน
ข้าพเจ้าจัดทำาเรียบร้อย และ ให้ทา่ นอาจารย์เซ็นช่ ือ
ครัง้หน่ึง ฯพณฯ ศาตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ ป ์ ร ะ ธานองคมนตรีได้เคยมาเย่ีย
ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (พระครูภาวนาวิสุทธิ ์) ได้นำาพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาเข้าไปต้อนรับในอุโบสถวัด
อัมพวันก่อน แล้วให้ข้าพเจ้าต้อนรับอยู่ท่ีกุฏิของท่านเจ้าคุณฯ เม่ ือ ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิม ์ าถึง ให้ข้าพเจ้านำา
ท่า นเข้า ไปในอุ โ บสถ ขณะท่ีนำา ฯพณฯ ศาสตราจารย์ สัญ ญา ธรรมศั กดิ แ ์ ละคณะเดิน ไปยัง อุโ บสถฯพณฯ
สัญญา ธรรมศักดิพ ์ ูดกับข้าพเจ้าว่า “วัดนีใ้ช่ใหม? ท่ีเขำร่ำำลือกันว่ำบริเวณวัดสะอำด”
ท่านพระครูฯ พัฒนาทั่วอาวาส ดูสะอาดร่มร่ ืนช่ ืนหรรษา
ใครพบเห็นเย็นระร่ ืนช่ ืนนัยน์ตา ทั่ววัดวาเป็ นระเบียบเรียบร้อยดี
จากหนังสือผูกพัทธสีมา วัดอัมพวัน ๒๔๑๓
เดี๋ยวนีข้้าพเจ้ามาวัดอัมพวันเห็นส่ิงก่อสร้างใหม่ ๆ มากมาย และอาคารก่อสร้างแต่ละหลังราคาเป็ นล้าน ๆ รู้สึกปล้ืมปีติยินดี
กับผลงานของวัด และเจ้าศรัทธา ส่วนผู้มาแสวงบุญก็เห็นมากมายเหลือเกิน เป็ นเพราะบารมีของวัด บารมีของท่านเจ้าคุณพระ
ราชสุทธิญาณมงคล สำาหรับข้าพเจ้ารู้ตัวได้ดีว่าเป็ นคนแปลกหน้าไปแล้ว
การนิมิตของข้าพเจ้า เก่ียวกับมีคนนำาลูกกุญแจอุโบสถวัดอัมพวันมาให้ข้าพเจ้า และได้เข้าไปในอุโบสถ พบคุณทองย้อย ชโลธร
กำาลังนัง่ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยชุดขาวนัน ้ ได้สร้างความสงสัยมานาน บัดนีไ้ด้ทำาให้ความสงสัยนัน ้ หายไปแล้ว เพราะท่านเจ้าคุณ
พระราชสุทธิญาณมงคล ได้พูดว่า “โยม ควำมผูกพันนัน ้ ก็มีกันมำหลำยร้อยปีแล้ว ส่วนคุณทองย้อย ชโลธร ก็เป็ นควำมจริง
ตำมท่น ี ิมิต และเสธ.วสันต์ พำนิช ท่ำนก็เป็ นกำำ ลังสำำ คัญตัง้แต่เริ่มพัฒนำวัดอัมพวัน” “เร่ ืองเก่ามาเล่าใหม่” ตามท่ีท่านเจ้า
คุณพระราชสุทธิญาณมงคลตัง้ช่ ือให้นัน ้ ขอยุติไว้เพียงนี้
การบริจาคทาน หรือการบริจาคในการก่อสร้างต่าง ๆ ถ้าบริจาคด้วยจิตศรัทธาท่ีบริสุทธิ แ์ละเงินท่ีบริจาคนัน ้ เป็ นเงินท่ีบริสุทธิ ์
ผู้บริจาคย่อมได้รับอานิสงส์นัน ้
สวัสดี!
หนุน ทำานอง
๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๕
ร้านเมืองพรหม โคกสำาโรง

.........................

พระครูภาวนาวิสุทธิ์ ( หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม )


หน้า 5/5
วัดอัมพวัน อ.พรหมบุร ี จ.สิงห์บุร ี 16160
โทร. 0-3659-9381

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นีจ้ัดทำาโดย
webmaster@jarun.org
ติดต่อและสอบถามข้อมูลเพ่ิมเติม info@jarun.org

You might also like