Professional Documents
Culture Documents
เปนกลางเนี่ยะเกิดไดหลายแบบ
เปนกลางอีกอันหนึ่งเรียก ดวยมีสติ
เปนกลางอีกอยางนึงเปนกลางดวย “ปญญา”
ญา”
แตถาเปนกลางดวยปญญา ตรงนี้สําคัญมากเลย
กอนที่จะเกิดอริยมรรคเนี่ยะ ใจจะเปนกลางดวยปญญา
แลวก็จะเห็นเลยเนี่ยะวาความสุขก็ชั่วคราว ความทุกข
ก็ชั่วคราว กุศลก็ชวั่ คราวนะ โลภ โกรธหลง อะไรตอมิอะไรก็ชั่วคราว
ความฟุงซานก็ชั่วคราว หดหูก็ชั่วคราว ทุกอยางชั่วคราวหมดเลย
ถาเมื่อไหรเห็นวาจิตเห็นวาทุกอยางเปนของชั่วคราว จิตมันจะเปนกลางดวย
ปญญา ความสุขเกิดขึ้นมันไมหลงระเริงแระ เพราะมันรูวา ชั่วคราว ความทุกข
เกิดขึ้นมันไมทุรนทุราย เพราะมันรูว าชั่วคราว ดีใจ เสียใจ สมหวัง ผิดหวัง มัน
ไมหลงระเริง ไมเสียอกเสียใจเพราะมันรูวาชั่วคราว
เห็นมั๊ยพอมันเห็นวาทุกอยาง ชั่วคราวเนี่ยใจจะหมดความดิ้นรน
เนี่ยะเรียกวา เปนกลางดวยปญญา
กอนที่จะเกิดอริยมรรคเนี่ยะ จิตจะเปนกลางดวยปญญา
กอนที่จิตจะเปนกลาง ดวยปญญาเนี่ยะ เราจะตอง หัดเจริญสติ
ตามดูความเปลี่ยนแปลงของกาย ของใจ เรื่อยไปจนปญญามันเกิด
วาทุกอยาง
ชั่วคราว สุข ทุกข ดี ชั่ว ชัว่ คราว หายใจออก หายใจเขา ชั่วคราว ยืนก็ชั่วคราว
เดินก็ชั่วคราว นั่งนอนชั่วคราว ดูไปเรื่อยๆ นะมีแตของชั่วคราวไปหมดเลย ....
ถึงจุดหนึ่งที่ปญ
ญามันพอเนี่ยะ จิตมันจะรวม รวมเขาอัปนาสมาธินะ มันรวมของ
มันเองนะ แลวจะเห็นสภาวะธรรมเกิดดับอยูสองสามขณะ แลวถัดจากนั้นอริยะ
มรรคก็จะเกิดขึ้น จะลางกิเลส อริยมรรคเวลาลางกิเลส มันจะไมเหมือนการลาง
กิเลสดวยสติ ดวยสมาธิ ดวยศีล ดวยการกดไว
ประโยคทิง้ ทาย :
“ หากเราเห็นอะไรหรือไดยินอะไรดวยสติรช ู ัดตามจริง
โลกจะปรากฏชัดตามจริงวาเมื่อเกิดผัสสะกระทบใด ใจจะมี
ปฏิกิริยาเปนชอบชังเสมอๆ และความชอบชังอยางขาดสติ
นั่นเองทําใหเกิดความยึดมัน่ ถือมั่นผิดๆขึ้น นึกวาใจของเรา
เปนผูมีปฏิกริ ิยา นึกวาปฏิกิริยาทางใจเปนของเรา “
“อุ
“อุบาสิกา...
า...ณชเล
...ณชเล”
ณชเล”