You are on page 1of 13

พระพุทธศาสนาในเวียดนาม ฤาประวัติศาสตร์จะซ้้ารอย

ชาวพุทธสละชีพเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเมืองเว้ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชประมุขสงฆ์ในพุทธศาสนา
เมืองเว้นี้อยู่ห่างจากไซ่ง่อนไปทางเหนือ ๔๐๐ ไมล์
ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ เป็นเวลาที่ โง เดียม ถึก สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค
เวียตนาม ซึ่งเดินทางไปประชุมสังคายนาวาติกัน ๒ (VATICAN COUNCIL ๒)
ณ กรุงวาติกัน ประเทศ อิตาลี ได้แถลงต่อที่ประชุมวาติกันว่า "ประเทศเวียตนามเป็นประชากร
ของพระเจ้า ประชาชนเวียตนามล้วนนับถือในพระเจ้าและซื่อสัตย์ต่อสันตะปาปา" พร้อมกันนั้น
ได้โทรเลข ด่วน สั่งให้บาทหลวงคริสเตียนโรมันคาทอลิค ใต้บังคับบัญชาของตน ในเมืองเว้
สั่งให้ประชาชนทุกบ้านชักธงรูปไม้กางเขนอันเป็นธงทางศาสนาของคริสเตียนโรมันคาทอลิ
คขึ้น เพื่อเป็นข่าวทางสื่อมวลชนยืนยันให้สันตะปาปาเชื่อถือ และมอบต้าแหน่ง คาร์ดินัล ให้กับ
โง เดียม ถึก (การชักธงทางศาสนาดังกล่าว เป็นการกระท้าที่ผิดกฎหมายว่าด้วยการชักธงของ
เวียตนามใต้ แต่กฎหมายที่ออกมานี้ ออกมาเพื่อใช้บังคับในพุทธศาสนา เท่านั้น )
ในวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ (สองวันต่อมา) ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา พุทธศาสนิกชนใน
เมืองเว้ จึงได้ชักธงทางพุทธศาสนาขึ้นบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้ด้าเนินการน้าธง ลงจากเสา
แล้วน้าไปเผาทิ้ง พร้อมทั้งประกาศห้ามประชาชนในเมืองเว้ ชักธงทางพุทธศาสนา และห้าม
ชุมนุมประกอบพิธีวิสาขบูชาเด็ดขาด (เหมือนในเมืองไทยปี พ.ศ.๒๕๔๒ มีการอ้างเรื่องธง
ประจ้าวัด เพื่อใช้สร้างกระแสท้าลายพุทธแบบเดียวกัน และมีการออกหนังสือห้ามพระภิกษุสงฆ์
ทั่วประเทศ มาปฏิบัติศาสนกิจกับวัด ?) และห้ามชุมนุมประกอบ พิธี วิสาขบูชา เด็ดขาดหาก
ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษโดยเด็ดขาด ฐานกบฏ
พุทธศาสนิกชนที่ได้เดินทาง เพื่อจะมาร่วมศาสนพิธีวันวิสาขบูชา ในเมืองเว้ประมาณ ๑๐,๐๐๐
คน แทนที่จะได้ปฏิบัติกุศลกิจ กลับถูกห้ามปรามเช่นนั้น จึงได้เดินขบวน ประท้วง รัฐบาล ใน
จ้านวนนั้นมีพระสงฆ์ สามเณร และนางชี ถึง ๒,๐๐๐ รูป เดินเป็นแถวหน้า
เมื่อบาทหลวง โรมันคาทอลิครู้เรื่อง จึงโทรเลขด่วนไปยัง โง เดียม ถึก ที่วาติกัน กรุงโรม ว่าควร
ด้าเนินการอย่างไรต่อไป โง เดียม ถึก จึงโทรเลขสั่งให้ปราบปรามแบบ "มิชชั่น" กับ
พุทธศาสนิกชนในฐานะศัตรูพระเจ้า โดยปฏิบัติตาม VATICAN COUNCIL ๒
ข้อที่ ๗:๗
นั่นหมายถึงให้ปราบปรามอย่างรุนแรงเด็ดขาด ไม่ต้องค้านึงถึงรูปแบบและวิธีการ (บาทหลวงค
ริสเตียนเวียตนาม จะท้าหน้าที่เป็นหัวหน้าต้ารวจลับในท้องถิ่น และมีอ้านาจ สั่งการ เจ้าหน้าที่
ของรัฐได้อีกด้วย) เจ้าหน้าที่ต้ารวจคริสเตียน ได้ขับรถบรรทุกชนฝ่าเข้าไปกลางขบวน อันมี
พระภิกษุสงฆ์และนางชี ซึ่งเดินเป็นแถวหน้าถูกรถทับตาย ในทันที ๗๐ รูป พุทธศาสนิกชนตาย
๓๐ คน และบาดเจ็บจ้านวนพันกว่าคน จากการถูกเจ้าหน้าที่ต้ารวจตีด้วยกระบอง เพื่อสลายการ
เดินขบวน ที่เหลือถูกเจ้าหน้าที่ต้ารวจจับกุม คุมขัง ไปทั้งหมด
บาทหลวงคริสเตียนผู้ท้าหน้าที่สั่งการต้ารวจนั้น ได้แถลงแทนรัฐบาลว่า "ผู้เดินขบวนเป็น
คอมมิวนิสต์ พระสงฆ์ และนางชีเป็น แนวร่วมคอมมิวนิสต์ที่ต้องการท้าลาย ศาสนา และเป็นผู้
ขว้างระเบิดท้าลายโบสถ์คริสต์??
" ได้มีการจับกุมพุทธศาสนิกชนผู้เกี่ยวข้องในการเดินขบวนนี้ ซึ่งมีทั้งพระภิกษุ สามเณร นางชี
และพุทธศาสนิกชนอีกหลายพันคน ข่าวการปราบปรามชาวพุทธนี้ ได้ถูกสั่งห้าม มิให้มีการ
เสนอข่าวต่อสื่อมวลชน และ CIA ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
ตรวจสอบข่าวสารทางการทูตที่จะส่งออกไปนอกประเทศเวียตนามโดยเข้มงวด เพราะไม่
ต้องการให้กระเทือนสถานภาพของรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ซึ่งสหรัฐอเมริกามีผลประโยชน์ร่วม
อยู่ด้วย

จากสาเหตุการปราบปรามดังกล่าวแม้ทางการจะปิดข่าวโดยวิธีการใดๆ ก็ตาม ข่าวนี้ก็ได้กระจาย


ออกไปสู่เมืองต่างๆ ในเดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกันนั้น ได้มี การเดินขบวน
ประท้วงรัฐบาลและโง เดียน ถึก เกิดขึ้นไปทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องพอสรุปเหตุการณ์ส้าคัญได้
ดังนี้
วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ ได้มีการเดินขบวนหน้ารัฐสภา โดยมีป้ายแสดงข้อความว่า
เรียกร้องรัฐบาลท้าข้อตกลง หยุดท้าร้ายเข่นฆ่าพุทธบริษัทในทันที หากไม่ท้าสัญญา ชาวพุทธจะ
เผาตัวเอง เป็นการป้องกันพระพุทธศาสนา
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ รัฐบาลไม่ยอมสัญญาใดๆ วัดพุทธแถบนอกเมืองเว้ถูกต้ารวจ
เข้าเผาท้าลาย ชาวพุทธเริ่มอดอาหารประท้วง มีพระภิกษุ ๒ รูป เสนอความจ้านงค์ จะปลงชีพ
ตนเองปกป้องพระพุทธศาสนา

วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๖


พระภิกษุในพุทธศาสนานาม ทิจ กวาง ดึ๊ก อายุ ๗๓ ปี ทนเห็นความทารุณโหดร้าย ในการใช้
อ้านาจรัฐปราบปรามเข่นฆ่าชาวพุทธต่อไปไม่ไหว จึงได้ประกาศอุทิศชีวิต เพื่อป้องกัน
พระพุทธศาสนาโดยได้เขียนข้อเรียกร้องต่อ รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ว่า
๑. เพื่อป้องกันพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาดั้งเดิมของประเทศชาติ
๒. ขอเตือนการกระท้าที่บีบคั้น และฆ่าพระภิกษุ นางชี และคนทั่วไปในประเทศ
๓. ขอร้องให้ท่านมอบอิสรภาพ ให้แก่ผู้น้าชาวพุทธทั้งหลาย ในคณะกรรมการป้องกัน
พระพุทธศาสนา พระภิกษุ นางชี และพุทธ ศาสนิกชน ที่ถูกจับขังอยู่ ในขณะนี้
๔. ให้ยุติสถานการณ์เลวร้าย และเลิกจับพระภิกษุ นางชี และพุทธศาสนิกชนอีก
๕. ให้เลิกองค์การคณะสงฆ์รวมทั้งบุคคลที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาหลอกลวง ปิดบังความจริงเป็นเหตุ
ให้ประชาชนโง่เขลา
๖ คณะกรรมการสหพันธ์เพื่อพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ ที่รัฐบาล โง ดินห์ เดียม และพี่ชาย
ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน
หลังจากได้เขียนข้อเรียกร้องเสร็จ ท่านก็ได้เข้าสู่ขบวนพุทธศาสนิกชนประมาณ ๑,๐๐๐ คนด้วย
ความสงบ เพื่อไปสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และ พุทธศาสนิกชนที่ถูก
เจ้าหน้าที่ขับรถพุ่งชนเสียชีวิตในวันที่ ๘ พ.ค.๒๕๐๖ ที่ผ่านมา จากนั้นขบวนชาว
พุทธศาสนิกชนก็เดินต่อไปอย่างสงบ โดยมีรถน้าพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ไปยังกลางเมืองหลวง
พระภิกษุผู้เสียสละวัย ๗๓ ปีได้ก้าวลงจากรถไปนั่งขัดสมาธิกลางวงเวียนซึ่งมีพุทธบริษัท
แวดล้อมเป็นวงใหญ่ พุทธบริษัท

ได้หยิบถังน้้ามันเบนซิน ๕ แกลลอนออกมาจากรถคันนั้น แล้วเอาน้้ามันราดบนพระภิกษุ ทิจ


กวาง ดึ๊ก จนหมด ต่อจากนั้นก็เอาไฟจุดร่างนั้น ไฟลุกโชติช่วง ท่วมร่างของ พระภิกษุ ผู้เสียสละ
ขณะที่ไฟลุกท่วมร่างอยู่ปรากฏว่าพระภิกษุวัย ๗๓ คงนั่งนิ่งด้วยสมาธิจิตอันแน่วแน่ไม่ไหวติง
ไม่แสดงอาการทุกข์เวทนาในสังขารแต่อย่างใดเลย เปลวไฟอันร้อนระอุ ได้เผาจีวร และผิวหนัง
ไหม้เกรียม อยู่ประมาณ ๑๐ นาที ร่างของท่านที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้น ก็หงายหลังอย่างเงียบสงบ
นี่คือพระภิกษุในพระพุทธศาสนาที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อพิทักษ์พุทธศาสนา นับเป็นรูปแรกใน
ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ การพลีชีพของท่านนั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตาม ค้า ประกาศใน
นามพุทธศาสนิกชน ที่จะสละชีวิตรักษาพระพุทธศาสนา ให้พ้นจากการกลั่นแกล้งบีบคั้น และ
ปราบปรามจากรัฐบาล โง ดินห์ เดียม แล้วยังแสดงถึงความเด็ดเดี่ยว มั่นคง ของพุทธศาสนิกชน
ด้วย สรีระของท่านถูกห่อหุ้มด้วยธงธรรมจักร พุทธบริษัทจ้านวน ๑,๐๐๐ คน พากันอัญเชิญ
สรีระของท่านไปไว้ ณ เจดีย์วัดซาลอย ในเมืองเว้
หลังจากนั้นได้มีพุทธบริษัทสละชีพเพื่อพระพุทธศาสนาอีก คือ สามเณรวัย ๑๗ และพระภิกษุวัย
๗๑ ที่เมืองเว้ แม่ชีที่เมืองนาตรัง พระภิกษุ เล้ อายุ ๒๐ อุทิศร่างเผาตนในเจดีย์ ซึ่งมีพระภิกษุอีก
๒ รูปที่อดอาหารประท้วงมากว่า ๑๐ วัน ที่เมืองพานเทียต ห่างจากไซ่ง่อน ๑๐๐ ไมล์ แม่ชีเยียง
เ******ยน อุทิศร่างเผาตน ประท้วงการกดขี่เข่นฆ่าชาวพุทธ ของ สังฆราชคริสเตียน
โรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก และที่เจดีย์หูดาม ซึ่งเป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดใน เมืองเว้ พระภิกษุวัย ๗๑
ปี ได้พลีชีพอุทิศร่างพิทักษ์พระพุทธศาสนาอีกเช่นกัน
วันอาทิตย์ ที่หน้าโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิคในไซ่ง่อน พระภิกษุ ทิจ เทียน มี หรือ ฮวางเมียว
ได้นั่งขัดสมาธิ รดร่างชุ่มโชกด้วยน้้ามันก๊าด แล้วจุดไฟเผาสรีระของท่านด้วยตนเอง เมื่อเวลา
๑๐.๐๐ น. ขณะที่ชาวเวียตนามเข้ารีตคริสต์อยู่ในโบสถ์นั้นประมาณ ๑,๐๐๐ คน ท่านได้เขียน
จดหมายถึงสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก และ ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม
เพื่อขอความเป็นธรรมให้เลิกฆ่าและปราบปรามพุทธศาสนิกชน
อุบาสิกา มาย เกี๊ยต อุทิศชีวิตพิทักษ์พุทธศาสนา ในไซ่ง่อน ด้วยการเอาขวานสับข้อมือตัวเอง
แล้วเอามือที่ขาดนั้น ผูกกับหนังสือประท้วงการปราบปราม ของคริสเตียนโรมัน คาทอลิค ส่งให้
รัฐบาล ?
จากการอุทิศชีวิตโดยการเผาตัวเองเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนานี้เอง ท้าให้มีพุทธบริษัทเผา
ตัวเองตามอีกมากมาย

รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ได้ประกาศว่าจะท้าตามข้อเรียกร้องในจดหมายของ พระ ทิจ กวาง ดึ๊ก ที่


อุทิศชีวิตเผาตัวเองนั้น แต่นั่นเป็นเพียงค้าพูดที่กลับกลอกหาความจริงใดๆ ไม่ได้ กลับกลายเป็น
สัญญาณไฟเขียวให้ สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก เร่งใช้อ้านาจผ่านต้ารวจใน
สังกัด ท้าการฆ่าและท้าร้ายพระภิกษุ และพุทธบริษัท รุนแรงหนักขึ้น ไปอีก และ กลับกลายเป็น
ว่า พุทธศาสนิกชนเหล่านี้คือผู้ที่ร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามต้องการล้มล้างรัฐบาล
ต้ารวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก ได้ท้าการเผาวัด ฆ่าพระภิกษุสงฆ์ระดับผู้ใหญ่ นางชี และ
พุทธศาสนิกชนหนักยิ่งกว่าเดิมขึ้นไปอีก
- วัดกลายเป็นที่ต้องห้ามของการท้าศาสนพิธี โดยมีลวดหนามและสิ่งกีดขวาง ไปปิดกั้นตาม
ถนนในเมืองใหญ่ๆ เช่นเว้ และไซ่ง่อน
- พระภิกษุหรือผู้ใส่ชุดขาวหรือชุดอุบาสกออุบาสิกา คือผู้สวมเครื่องแบบของผู้ท้าลายความ
มั่นคงของรัฐบาล
- พระภิกษุสงฆ์โกนศีรษะโล้นห่มผ้ากาสาวพัสสตร์ คือเป้าหมายของต้ารวจเวียตนามที่เข้ารีต
เป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิค
ภาพของพระสงฆ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ต้ารวจไล่ยิง จนกระทั่งมรณภาพบนบาทวิถี กลายเป็นภาพที่
ประชาชนเห็นเป็นปกติ ศพของพุทธศาสนิกชน ที่ทับถมตามฐานเจดีย์ คือสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกวัน
ไซ่ง่อน ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖
รัฐบาลคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง ดินห์ เดียม ปฏิเสธอย่างเป็นทางการ ที่จะไม่ปฏิบัติตาม
ข้อตกลงที่ได้ให้ไว้ว่า จะเลิกปราบปราม และ เข่นฆ่า ชาวพุทธ จึงมีความคาดหมาย กันว่า อาจมี
การเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
"เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา" (สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก ควบคุม ) ได้บังคับ
ให้องค์กรปกครองคณะสงฆ์เวียตนาม พระภิกษุสงฆ์เจ้าอาวาสวัดในพุทธศาสนา องค์กรพุทธ
ศาสนา ลงนามเซ็นชื่อรับรองว่า จะซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล โง ดินห์ เดียม และจะเชื่อฟัง โง เดียม ถึก
ซึ่งเป็นสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค รวมทั้งอยู่ใต้ค้าสั่งของสมาคม สงฆ์ แห่งชาติ (ที่รัฐบาล
ตั้งขึ้นเท่านั้น) และจะไม่จัดการเคลื่อนไหวประท้วงใดๆ (ส้านักข่าว ยู.พี.ไอ.)
ไซ่ง่อน ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖
เกิดการเล่นสกปรกขึ้น ซึ่งมีรัฐบาลประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ผู้ถือคริสต์ศาสนา ก้าลังบีบคั้น
พุทธศาสนิกชนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ก็คือ มีมือมืดได้ "ลอบวางยา" พระภิกษุสงฆ์ชั้นสูง ใน
พระพุทธศาสนาหลายรูป
(เหมือนประเทศไทย ปี พ.ศ.๒๕๔๒ หลวงปู่โง่น ได้ถูกวางยาพิษหลังจากกลับจากยุโรป แพทย์
ไม่ยอมให้ผ่าตัดพิสูจน์ศพ และเกิดกับพระสายปฏิบัติกรรมฐาน สมาธิจิต แถบภาค อีสานของ
ไทย หลายรูป) จนกระทั่งอาพาธหนักต้องเข้าโรงพยาบาลจ้านวนถึง ๒๐ รูป
โฆษกชาวพุทธได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติของรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ที่ปราบปราม ชาวพุทธ
นั้น ได้ทวีความรุนแรงขึ้น และเตือนให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพึงระวังตัว (ส้านักข่าว ยู.พี.ไอ)
ไซ่ง่อน ๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖
มีผู้ฆ่าตัวตายเพื่อประท้วงรัฐบาล ที่ปราบปราม เข่นฆ่าชาวพุทธ ผู้ฆ่าตัวตายผู้นี้เป็นนักการเมือง
ฝ่ายรัฐบาล เป็นผู้นับถือพุทธศาสนา ชื่อ เหงียน เทือง ทัม ได้กินยาพิษและไปเสีย ชีวิต ที่
โรงพยาบาล ทั้งนี้เนื่องจากเขาได้ถูกกล่าวหาจาก เจ้าหน้าที่ต้ารวจของสังฆราชคริสเตียนโรมัน
คาทอลิค โง เดียม ถึก ว่าท้าลายความมั่นคง ของชาติ โดยกระท้าตัว เข้าข้างชาวพุทธ และ
วิพากษ์วิจารณ์การท้างานของรัฐบาล นายเหงียน เทือง ทัม ได้เขียนจดหมายขอให้รัฐบาล หยุด
การเข่นฆ่าพระสงฆ์ชาวพุทธ ไว้ ก่อนตาย (ส้านักข่าว รอยเตอร์)
ไซ่ง่อน ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖
ต้ารวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก ได้ใช้อ้านาจเข่นฆ่าชาวพุทธอย่างโหดเ******้ยมทารุณ บาง
พวกได้เข้าบุกตีกระหน่้ากลุ่มชาวพุทธที่มาชุมนุมเรียกร้อง บางคนก็ล็อคคอผู้หญิง ลาก ขึ้น
รถบรรทุกไป เข้าค่ายกักกันเป็นจ้านวนหลายร้อย ทั้งพระภิกษุ แม่ชี ฆราวาสทั้งหญิงชาย
ตลอดจนกระทั่งเด็ก ประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม ได้ตัดสินใจ "ขยี้" ประชาชน ชาวพุทธที่มีเป็น
ส่วนใหญ่ ๙๐% ในเวียตนามใต้แล้ว โดยไม่รับฟังและไม่ยินยอมตามค้าเรียกร้องใดๆ ท้าให้เขา
กลายเป็น "ผู้เผด็จการทางศาสนา"
วันเดียวกันที่เมืองพูลัม มีการชุมนุมของชาวพุทธ พระภิกษุ และแม่ชี รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก ถูก
ต้ารวจลากตัวอย่างไม่ปราณีขึ้นรถบรรทุกส่งไปยังค่ายกักกันประมาณ ๑,๕๐๐ คน บาตรพระ
ลูกประค้า รองเท้า หมวก และสิ่งของหล่นเกลื่อนกลาด
ที่เจดีย์เกี๊ยกมินท์ มีการชุมนุมของชาวพุทธอย่างสงบโดยการนั่งสมาธิ แต่ต้ารวจคริสเตียนก็ไม่
ละเว้น ตั้งข้อหาว่า "นั่งสมาธิเพื่อสาปแช่งรัฐบาล" ระดมก้าลังเข้าไปทุบตีที่หัว และ ร่างกาย ลาก
ขึ้นรถไปทั้งหมด ที่หน้าตลาดใหญ่กลางกรุงไซ่ง่อน แม่ชี ๑๐๐ คน สวดมนต์อยู่ แต่ต้ารวจของ
โง เดียม ถึก ก็ระดมตีและจับไปกักขังทั้งหมด (ส้านักข่าว ยู.พี.ไอ)

ไซ่ง่อน ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖


เจดีย์ใหญ่ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนอย่างน้อย ๓ แห่งถูกต้ารวจปิดล้อมตลอดวัน
เว้นแต่ในตอนเช้าจะเปิดให้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็ไม่มีพุทธบริษัทคนใด ออกจากเจดีย์ทั้ง
๓ แห่ง อาหารที่พระภิกษุได้บิณฑบาตไว้ ได้ถูกน้าออกมาเลี้ยงพุทธศาสนิกชน และขณะนี้
อาหารได้ร่อยหรอลงไปทุกทีแล้ว และบางเจดีย์พระภิกษุและแม่ชี พุทธศาสนิกชน ต้องกินข้าว
กับเกลือ แต่ก็ยังต่อสู้ต่อไป(ส้านักข่าว ยู.พี.ไอ.)
เมืองเว้ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๖
ต้ารวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก สังฆราชโรมันคาทอลิค ได้ใช้ก้าลังบุกตะลุยเข้าสู่เจดีย์ ขณะที่
มีการสวดมนต์ของพระและพุทธศาสนิกชน ยังผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ๒๐ รูป และ อาการปาง
ตาย ๕ รูปพระภิกษุสงฆ์บางรูปถูกตีซ้าแล้วซ้้าอีกจนสลบคาที่ (ส้านักข่าว เอ.พี)
เมืองเว้ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๖
ภายใต้กฎอัยการศึก ต้ารวจคริสเตียนจ้านวน ๑๒,๐๐๐คน กระจายก้าลังเตรียมพร้อมเพื่อท้าการ
กวาดล้าง เข่นฆ่าชาวพุทธอย่างเต็มที่ หลังจาก ที่มีการเผาตัวตายของพระภิกษุ ทิจ เตียว เดียว ใน
เจดีย์ตูดาม ข่าวแจ้งว่าขณะนี้รอบเจดีย์ตูดามอันเป็นเจดีย์ส้าคัญของเมืองเว้ มีต้ารวจล้อมรอบ
และมีลวดหนามล้อมไว้ กันคน ภายในหนีออกมา และต้ารวจ ได้ตั้งด่านตรวจผู้คนอย่างเข้มงวด
ที่สุด ภายในเจดีย์มีพระภิกษุและแม่ชี สวดมนต์ผ่านเครื่องขยายเสียงได้ยินถึงภายนอก ซึ่งมี
พุทธศาสนิกชน ที่นั่งอยู่ ตามข้างถนน นอกลวดหนาม ที่ปิดกั้น พนมมือและสวดมนต์ตามไป
ด้วย สถานการณ์ตึงเครียดพร้อมระเบิดทุกเมื่อ (ส้านักข่าว เอ.พี)
นี่เป็นส่วนหนึ่งในการเข่นฆ่าพุทธศาสนิกชน ที่กระท้าโดยรัฐบาลที่นับถือศาสนาคริสต์โรมันคา
ทอลิค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐ เหตุการณ์อันสุดหฤโหด ในประวัติศาสตร์มนุษย ชาติ ของ
การเข่นฆ่า พระภิกษุในพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชนซึ่งมีแต่เสียงสวดมนต์และปราศจาก
อาวุธนั้น ไม่มีครั้งใดจะยิ่งใหญ่อ้ามหิตยิ่งกว่าเหตุการณ์ในเจดีย์ซาลอย กลาง กรุงไซ่ง่อนอีกแล้ว
ชั่วอึดใจเดียวก็มีเสียงระเบิด และเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ระคนไปด้วยเสียงระฆัง กลอง เสียง
ตะโกนให้ช่วย และเสียงพระสวดมนต์พระปริต ดังออกมาจากข้างในเจดีย์

เมื่อต้ารวจวิ่งขึ้นไปยังชั้นต่างๆ ถึงตัวก็ตีด้วยพานท้ายปืนล้มลง บางองค์ถูกยิง หลายคนถูกระเบิด


แก๊สน้้าตา น้้าตาไหลพรากหาทางไปไม่ได้แล้วก็โดนยิงด้วยปืนเข้าที่กลางหลัง พระบางรูป วิ่ง
ขึ้นไปบนยอดเจดีย์ ตีกลองและระฆัง เพราะไม่สามารถจะท้าอะไรได้กว่านั้น เพราะไม่มีอาวุธ
นอกจากไม้ส้าหรับเคาะบักฮื้อ (ปลาสีแดงเล็กๆ ใช้เคาะพร้อมสวดมนต์) ซึ่งใหญ่กว่าก้านธูปนิด
เดียวเท่านั้น ต้ารวจคนหนึ่งวิ่งตามขึ้นไปทัน และจับตัวโยนลงมาจากชั้น ๔ ศีรษะกระทบพื้นหิน
ข้างล่างดังสนั่น เลือดกระจาย พระเณรที่เหลืออยู่ ในชั้นสูง ขึ้นไป เอาเครื่องกีดขวางประตูและ
ปิดหน้าต่างด้วยลูกกรงเหล็ก
รถบรรทุกต้ารวจหลายสิบคันที่จอดอยู่ในบริเวณวัด ล้วนถูกอัดแน่นไปด้วย พระภิกษุ (ประมาณ
700 รูป) แม่ชี และพุทธบริษัทอีกหลายร้อยคน ที่ถูกกวาดต้อนมาเหมือนสัตว์ ประเภทหนึ่ง
ภายในเจดีย์ยังคงมีเสียงปืน และเสียงระเบิดดังออกมาอย่างไม่ขาดระยะ และหน้าต่างด้านหลัง
เจดีย์ได้ค่อยๆ เปิดออก พระภิกษุ ๒ รูปก็ปีนหน้าต่างกระโดดออกมา แล้วปีนข้ามเข้าไปในที่
จอดรถ เขตบ้านชาวอเมริกันซึ่งรั้วติดกับวัด ต้ารวจใช้ปืนกลยิงกระหน่้า พระองค์หนึ่งร่วงตกลง
มากองกับพื้น อีกองค์หนึ่งสามารถหลบรอดไปได้
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ประชาชนในไซ่ง่อน ก็แลเห็นต้ารวจเต็มท้องถนน และตามสี่แยกต่างๆ รอบๆ
เจดีย์ซาลอยและเจดีย์ของวัดพุทธศาสนาอื่นๆ ในไซ่ง่อน ซึ่งได้ถูกทหารเข้ายึด ในคืน เดียวกัน
กับที่วัดซาลอย ข่าวได้รับทราบทั่วไปว่า พระภิกษุสามเณรและแม่ชีที่ถูกจับจากวัดต่างๆ ในคืน
นั้นมีจ้านวนกว่า ๑๐,๐๐๐ คน และสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก ได้ประกาศ
กฎอัยการศึกในไซ่ง่อนโดย ห้ามประชาชนที่เป็นพุทธศาสนิกชน ออกจากบ้านเวลา ๒๑.๐๐ น.
ถึง ๐๕.๐๐ น. ยกเว้นผู้ที่เป็นคริสเตียน ซึ่งได้รับอนุญาตพิเศษ ต้ารวจได้รับค้าสั่งให้ยิงทุกคนได้
โดยเสรี รวมทั้งเครื่องบินก็ห้ามขึ้นลงในท่าอากาศยานด้วย... ที่โบสถ์คาทอลิคมีการกระจายเสียง
ว่า รัฐบาล โง ดินห์ เดียม. ประกาศเผาเมือง และ ยอมทิ้งเมืองไซ่ง่อน หากมีการรัฐประหารและ
แพ้...
ในขณะเดียวกันที่เมืองเว้ อันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชทินเกี๊ยตประมุขสงฆ์แห่ง
พระพุทธศาสนา สมเด็จสังฆราชองค์นี้ได้ถูกจับไปขัง ถูกซ้อม และบังคับให้ออก แถลงการณ์
มอบอ้านาจการบริหารคณะสงฆ์ให้กับพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งเป็นบาทหลวงคริสต์โรมันคาทอลิค ที่
ปลอมเข้าไปบวชเป็นพระสงฆ์พุทธชื่อ ทิจ เทียน หัว ซึ่ง โง เดียม ถึก ได้แต่งตั้งให้เป็น ประธาน
กรรมการ "คณะกรรมการป้องกันพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ??"
(เหมือนในประเทศไทย ปี พ.ศ.๒๕๔๒ มีผู้ก่อชนวนฟ้องร้องให้ถอด พระมหาเถระ กรรมการ
องค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย ออกจากต้าแหน่ง เพราะไม่ท้าตามค้าสั่งของนักการเมือง และ ได้
ตั้ง องค์กรอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาขึ้นเมื่อ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒)
ดูแลกิจกรรมศาสนพิธีของชาวพุทธในประเทศเวียตนาม (พุทธศาสนิกชนไม่เลื่อมใส การเข่นฆ่า
ที่รุนแรงโดยต้ารวจคริสเตียนโรมันคาทอลิค ภายใต้การบัญชาการของ โง เดียม ถึก การ
บัญชาการนั้นข้ามประเทศมาจากกรุงวาติกัน ประเทศอิตาลี ขณะที่นาย โง เดียม ถึก ได้เดินทาง
ไปประชุม VATICAN COUNCIL ๒ และการปราบปรามนี้เรียกว่า "มิชชั่น" หรือ
"การรุกแบบตรงตัว" นั่นเอง
ทหารเวียดนามเดินขบวนร่วมกับพุทธศาสนิกชน
ทหารเวียตนามส่วนใหญ่ในสมัย โง ดินห์ เดียม เป็นพุทธศาสนิกชน การกระท้าของ โง ดินห์
เดียม กระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างร้ายแรง นับตั้งแต่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ชั้นผู้น้อย และชั้น
กลาง ต่างตกอยู่ในฐานะที่ไม่สะดวกใจในการรับค้าสั่งจากประธานาธิบดี ถึงขนาดผู้บัญชาการ
ทหารบางเหล่า ปฏิเสธที่จะปฏิบัติการใดๆ อันเป็นการท้าร้าย ชาวพุทธ ทหารชาวพุทธไปวัด ไม่
ค่อยได้ แม้แต่ขออนุญาตก็ตาม
(เหมือนในประเทศไทยปี พ.ศ. ๒๕๔๒ กรณีข้าราชการทหารแต่งเครื่องแบบเข้าประกอบการ
กุศลในวัด แล้วโดนผู้บังคับบัญชาสั่งตั้งกรรมการสอบสวน ทั้งๆ ที่ประเทศไทย ปกครอง
ระบอบประชาธิปไตย... มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา และไม่มีระเบียบวินัยข้อใด ห้ามแต่งกาย
เข้าวัด เพื่อประกอบศาสนพิธี ??)
นายทหารเวียตนามที่นับถือพระพุทธศาสนากับนายทหารที่นับถือคริสต์ศาสนา ต่างอยู่ในภาวะ
ที่ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน และอยู่ในฐานะที่ไม่สะดวกใจ ในการรับค้าสั่ง หรือ การบัญชาการ
ใดๆ ในเมื่อต้องอยู่ในสังกัดกรมกองเดียวกัน
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนเผาร่างตนเอง
นั้น ท้าให้นายทหารที่เป็นพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นนายทหารส่วนใหญ่ของ กองทัพ ไม่พอใจและ
เสียใจ ต่อการกระท้าของรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง ทหารเวียตนามทั้งกรมรบพิเศษ ผูกผ้าสีเหลืองที่คอ
เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการสนับสนุนพระพุทธศาสนา โดยแถลงว่า
"พวกเขาไว้ทุกข์ให้พระภิกษุที่เผาตนเองเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อันเป็นอุดมการณ์ของ
พุทธศาสนิกชน แต่งเครื่องแบบออกมาเดินขบวนร่วมกับพุทธศาสนิกชน และประกาศว่า พวก
เขาพร้อมที่จะรบ และพร้อมที่จะตาย เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา และแจกจ่ายแถลงการณ์ ข่าว
การอุทิศชีวิตของพระทิจ กวาง ดึ๊ก ไปยังสาธารณชน พร้อมเปิดเผย การกระท้า อันไม่ถูกต้อง
ของรัฐบาล แต่ถูกต้ารวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก สั่งเก็บเอกสารทั้งหมด
(เหมือนประเทศไทยปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่มีการสั่งยึดเอกสาร ซึ่งจัดท้าโดยนายทหารฝ่ายเสนาธิ
การสามเหล่าทัพ จากที่ท้าการไปรษณีย์ โดยอ้างว่า ท้าลายความมั่นคง ซึ่งการกระท้า ของต้ารวจ
นั้น เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๘ มาตรา ๓๙ และมีความผิดกฎหมายอาญามาตรา ๘๖
???)
ที่เมืองมีโธ ซึ่งอยู่ทางเหนือไซ่ง่อน ๘๐ กม. ทหารที่นับถือพุทธศาสนาได้ปะทะกับทหารซึ่ง
เป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิคของ โง ดินห์ เดียม มีทหารเสียชีวิต ๖๐๐ นาย บาดเจ็บ ๑,๒๐๐
นาย เป็นนายทหารสัญญาบัตร ๗๐ นาย

(จากค้าปราศรัยของประธานาธิบดี จอนด์ เอฟ เคเนดี้ ทางโทรทัศน์ในวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.


๒๕๐๖ อาจท้าให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่า เป็นการเห็นด้วย ในการปราบปรามพุทธ ศาสนิกชน
โดยรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ใช่หรือไม่ ?? ทั้งไม่ปรากฏการกระท้าใดๆ หลังจากนั้นอย่างเป็น
รูปธรรมจากสหรัฐอเมริกา ในอันที่จะระงับการใช้ก้าลังปราบปราม เข่นฆ่า ชาวพุทธอย่างป่า
เถื่อน ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของโลก และนี่คือก้าวแรกของความพ่ายแพ้ของ
สหรัฐอเมริกา ในสงครามเวียตนาม ในการยึดฐานมวลชน ทางด้าน จิตวิทยา ที่สหรัฐพลาดใน
การวิเคราะห์พื้นฐาน ความส้านึกในชาติ และศาสนา ของชาวเวียตนาม)
__________________

You might also like