Professional Documents
Culture Documents
ความยิ่งใหญและขอจํากัด
ทางดานความคิดทฤษฎีจต ิ วิเคราะห
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กลางวันเรามองเห็นอะไรไดชัดเจน
สวนกลางคืนเราตองอาศัยจินตนาการ
Midnight University
ขอจํากัดของความรูว ิทยาศาสตร
(The Limitations of Scientific Knowledge)
เหตุผลที่วา
ทําไม ทฤษฎีใหมๆทั้งหมดจึงจําตองผิดพลาดหรือบกพรอง
(The Reason Why Every New Theory Is Necessarily Faulty)
ความพยายามที่จะทําความเขาใจความคิดหรือทฤษฎีของฟรอยด, รวมไปถึงบรรดานักคิดคนอื่นๆ
อยางเปนระบบนั้น ไมอาจจะประสบความสําเร็จได เวนแตเราจะยอมรับและรูวาทําไม ทุกๆระบบ
ความคิดที่ไดรับการพัฒนา และนําเสนอขึ้นมาโดยบรรดาผูคด ิ คนเหลานั้นตางมีขอจํากัดบาง
ประการ และจําจะตองมีขอผิดพลาดอยูบางเสมอ
คําถามก็คือ, อะไรคือความขัดแยงเบื้องตนอันนี้ ?
ในดานหนึ่งนั้น เนื่องมาจากผูคด
ิ คนมีบางสิ่งบางอยางที่ใหมมากซึ่งอยากจะพูดออกมา, บางสิ่ง
ซึ่งไมเคยถูกคิดหรือพูดมากอนเลย. แตในการพูดถึงอะไรที่เปน"ความใหมมากๆ" ผูค ิดคนจําตอง
วางมันลงไปในบริบท หรือปริมณฑลของคําอธิบายอันหนึ่ง ที่ไมเหมาะสมกับสิ่งทีเ่ ปนสาระหรือ
แกนแกนในความคิดที่สรางขึ้นมา
ความคิดทีส
่ รางขึ้นมา มักจะเปนความคิดที่สาํ คัญเปนพิเศษ เพราะมันมักจะไปจัดการกับมายา
ภาพบางอยาง และทําใหเรากาวเขาไปใกลกบ ั การรับรูเกี่ยวกับความจริงมากขึ้นเสมอ. มันไดไป
ขยายขอบเขตความรูของมนุษย และทําใหพลังของเหตุผลมีความเขมแข็งมากขึ้น. สิ่งทีส ่ ําคัญ
เปนพิเศษ สําหรับความคิดที่สรางขึ้นมานี้ มักจะมีหนาที่ในการปลดเปลือ ้ งมายาภาพ และขัดแยง
กับความคิดที่ไมถูกตอง.
อีกดานหนึ่งของความขัดแยง, นักคิดเหลานี้จะตองแสดงความคิดใหมของตนในจิตวิญญานของ
ยุคสมัยของเขา. นอกจากนีส ้ ังคมทีต
่ างกันก็จะมีสามัญสํานึกทีต
่ างกันไป, นับตั้งแตความคิดที่ผิด
แผก, ระบบตรรกะที่แตกตาง เหลานี้เปนตน; ในเวลาเดียวกัน ทุกๆสังคมจะมีฟล เตอรหรือเครื่อง
กรองทางสังคมของมันเอง ซึ่งจะมีไอเดีย แนวความคิด และประสบการณบางอยางเทานั้น ที่
สามารถผานเครื่องกรองอันนี้ไปได. ความคิดตางๆ บางครั้ง อาจจะไมสามารถผานเครื่องกรอง
ทางสังคมใดสังคมหนึ่งไปไดในชวงเวลาหนึ่งที่ สังคมยังไมไดคด ิ ถึงเรื่องนั้นๆ, และแนนอน เมื่อ
ยังไมไดมีการคิดถึง มันจึงยอมไมมีคาํ พูดถึงมันดวย.
สําหรับผูค
นโดยเฉลี่ย แบบแผนทางความคิดเกี่ยวกับสังคมของพวกเขา จะปรากฎออกมาในรูป
ของตรรกะแบบงายๆธรรมดาๆ. และแบบแผนทางความคิดของสังคมที่มีความตางกันโดยพื้นฐาน
ก็จะถูกพิจารณาหรือเฝาดูกน
ั และกันโดยสังคมอื่นในฐานะที่เปนเรือ
่ งเหลวไหล หรือไรสาระ.
เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป จนมันกลายเปนประวัตศ
ิ าสตร. ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมดังกลาวจะ
สะทอนแบบแผนทางความคิดนั้นออกมา จนทําใหเห็นหลักฐานทางความคิดที่แตกตาง ซึ่งมัน
ใหมขึ้นมาในสมัยนั้น อันตัดกับความคิดแบบขนบประเพณี
และนานตอมาจนกระทั่งมาถึงบรรดาสานุศิษยของเขา ผูซึ่งดํารงชีวต
ิ อยูในสังคมและในกรอบที่
แตกตางกันอันหนึ่งทางความคิดอยาง เห็นไดชด
ั สานุศิษยเหลานี้จะมีการทีต่ ค
ี วามงานทาง
ความคิดของปรมาจารย โดยการจําแนกความคิดที่สรางขึ้นของเขา(หมายถึงของปรมาจารย)
ออกจากความคิด ตางๆตามขนบประเพณี, และจะวิเคราะหใหเห็นถึงความไมลงรอยกันระหวาง"
ใหม"กับ"เกา" มากกวาการพยายามที่จะผสานกลมกลืนความขัดแยงที่มีอยูภายในของระบบ
ความคิด นี้
ถาหากวาเราพยายามที่จะตอบคําถามขางตนวา อะไรคือสิ่งที่นึกไปไมถึงสําหรับฟรอยดจริงๆ ?
ขาพเจาเห็นวามันมีอยู 2 ประการดังนี:้
ในเรื่อง Kraft und Stoff (Force and Matter)(1855). Buchner อางถึงวาไดมกี ารคนพบวา "มันไม
มีผลที่ปราศจากมูลเหตุ และไมมีมูลเหตุที่ปราศจากผล"; สําหรับความเชือ ่ ที่ไมมีขอ
พิสูจนอันนี้
(dogma) ไดถูกยอมรับกันอยางกวางขวางในยุคสมัยของฟรอยด. และความเชื่อที่ไมมีขอพิสูจน
เกี่ยวกับวัตถุนิยมของชนชั้นกลางอันนี้ ไดถูกแสดงออกมาโดยฟรอยดอยางนั้นเชนกัน
จุดประสงคที่แทจริงของฟรอยดตองการที่จะเขาใจกิเลสตัณหาของมนุษย; บรรดานักปรัชญา,
นักเขียนบทละคร และนักเขียนนวนิยาย กอนหนานั้น - บุคคลเหลานี้ไมใชนักจิตวิทยาหรือนัก
ประสาทวิทยาโดยตรง - ตางเอาใจใสกับเรื่องของกิเลสตัณหาอันนี้.
แลวฟรอยดแกปญ
หาอันนี้อยางไร ?
ณ เวลาหนึ่ง ซึ่งมีคนอยูเพียงไมกี่คน(จํานวนนอยมาก)ที่ไดลวงรูเกี่ยวกับอิทธิพลของฮอรโมนที่
มีตอจิตใจ อันที่จริง มันเปนปรากฏการณอันหนึ่งซึ่งมีความเชื่อมโยงกับสรีรวิทยาและจิต ซึ่งรูกัน
เปนอยางดี: เรื่องเพศ. ถาหากวาใครคนหนึ่งพิจารณาวา เรื่องเพศเปนรากเหงาของแรงขับ
ทั้งหมด, ถาเปนเชนนั้น ความตองการในทางทฤษฎีจึงเปนเรื่องที่จาํ เปนขึ้นมาทันทีและมี
ความสําคัญมาก ทั้งนี้เพราะ มันจะทําใหเกิดความมั่นใจและแนใจมากขึ้นนั่นเอง, (ทฤษฎีที่วา นี้
หมายถึงการคนพบรากเหงาทางสรีรวิทยาที่ผก ู พันกับเรือ
่ งจิต). ซึ่งตอมา Jung เปนผูที่พูดถึงสิ่ง
เหลานีว้ ามันมีความเชือ
่ มโยงกัน, และในแงมุมดังกลาวที่ Jung ทํา, มันเปนการเพิม ่ เติมอยางมี
คุณคายิ่งตอความคิดของฟรอยด.
แตลักษณะทางความคิดแบบชนชั้นกลางของฟรอยด ไมใชเพียงคนพบไดในรูปแบบที่สุดขัว้
เกี่ยวกับเรื่องพอเปนใหญในสายตระกูลอันนีเ้ ทานั้น. อันที่จริงมีนักคิดอยูสองสามคน ซึ่งเปนคนที่
หัวรุนแรงในความหมายของการอยูนอกเหนือความคิดเกีย ่ วกับเรื่องชนชั้นของพวกเขา. ฟรอยด
ไมใชหนึ่งในนั้น. ดังนั้นเบือ
้ งหลังทางชนชั้นและทาทีวธ ิ ีการของฟรอยดทางความคิดนี้ จึงได
แสดงออกมาใหเห็นในแถลงการณทางทฤษฎีของเขาทัง้ หมดอยางชัดเจน.
มันอาจจําเปนที่จะตองเขียนหนังสือขึ้นมาทั้งเลม ถาหากวาใครสักคนตองการที่จะวิเคราะห
แนวความคิด และทฤษฎีที่สาํ คัญตางๆของฟรอยดจากจุดยืนเกี่ยวกับตนตอกําเนิดทางชนชั้น(แน
นอน ไมใชปจจัยทางชนชั้นทั้งหมดในความคิดของฟรอยด ที่จําเปนตองมีรากเหงากําเนิดมาจาก
ชนชั้นกลางเพียงอยางเดียว. บางสวนในความคิดของเขาไปรวมกันกับสังคมทีส ่ ืบเชื้อสายมา
ทางพอตางๆ ที่มีแกนกลางบนทรัพยสินสวนตัว). แนนอนวา บทความชิ้นนี้คงทําอยางนั้นไมได
ภายใตกรอบขางตน แตอยางไรก็ตาม ในที่นี้ขอยกตัวอยางขึ้นมา ๓ ตัวอยางดังนี้
ฟรอยดเองก็ตอ
งอยูใ นขอบเขต
แหงอุปสรรคอยางเดียวกันนี้
โดยตองนําเสนอความคิด
ของเขาออกมาในหนทางที่
บิดเบี้ยว
สิ่งที่ฟรอยดเองก็คด
ิ ไมถึง
ก็คือ กรอบความคิด
ทฤษฎีวัตถุนิยมแบบชนชั้นกลาง
และทาทีแบบชนชั้นกลางในเรื่อง
ผูชายเปนใหญ
1. เปาหมายในการบําบัดรักษาของฟรอยดนั้น คือการพยายามหาทางควบคุมแรงขับที่มาจากสัญ
ชาตญานของมนุษย โดยผานพลังหรือประสิทธิภาพของอีโก; โดยการทําใหแรงขับสัญชาตญาน
นั้นลดลงมา. ในแงมุมอันหลังนี้ ฟรอยดไดกาวเขาไปใกลกบ ั ความคิดทางทฤษฎีสมัยกลาง,
แมวาจะมีความแตกตางที่สาํ คัญบางประการกับระบบความคิดของเขาก็ตาม นั่นคือ ในระบบ
ความคิดของเขา มันไมมท ี ท
ี่ างหรือที่วา งสําหรับความงดงามนิ่มนวล หรือสําหรับความรักในแบบ
ของผูเปนแมเอาเลย. สําหรับคําที่เปนกุญแจสําคัญในทีน ่ ี้ก็คือ การควบคุม.
แนวคิดทางจิตวิทยาอันนี้ เกี่ยวกับการใหอีโกหรือซูปเปอรอีโกคอยเปนตัวควบคุมแรงขับสัญชา
ตญานนี้ ดูเหมือนวามันจะสอดคลองลงรอยกันกับความจริงทางสังคมบางอยาง นัน ่ คือ เมื่อนํา
ความคิดนี้ไปเทียบกับเรื่องทางสังคม คนสวนใหญจะถูกควบคุมโดยคนสวนนอยซึ่งทําหนาที่
ปกครอง (จิตใตสํานึกไดถูกสมมุตใิ หถก
ู ควบคุมโดยอํานาจของอีโกและซูปเปอรอีโก).
2. สิ่งทีด
่ ําเนินไปนั้นไมตองพูดเลยวา เปนภาพอันวิตถารผิดปกติของฟรอยดเกี่ยวกับผูห
ญิงใน
ฐานะที่เปนคนมักมากในกามหรือสนใจในตนเองมากเกินไป(narsissistic) พวกเธอไมอาจที่จะรัก
และเยือกเย็นทางเพศอยางที่ผูชายโฆษณาชวนเชื่อ
ผูหญิงชนชั้นกลางในสมัยนัน ้ มีกฎอยูขอ
หนึ่งคือ จะตองเยือกเย็นในเรื่องเพศ. ขนบประเพณีของ
ยุคดังกลาวเกี่ยวกับเรื่องของทรัพยสินหรือกรรมสิทธิ์สาํ หรับ การแตงงานของชนชั้นกลาง ไดวาง
เงื่อนไขใหพวกเธอจะตองเย็นชา. นับตั้งแตวันที่พวกเธอแตงงาน พวกเธอก็จะถูกทําใหเปน
ทรัพยสินหรือกรรมสิทธิ์ของสามี, พวกเธอไดรับการคาดหวังใหเปนคนที่ไมมีชวี ิตจิตใจ หรือวา
เซื่องซึมในการแตงงาน. ในสมัยนั้น จะมีเพียงผูหญิงในวงชั้นสูงและหรือโสเภณีชั้นสูงเทานั้น ที่
ไดรับการยินยอมใหเปนคนที่มีความกระตือรือรนทางเพศได (หรืออยางนอยที่สุดก็เสแสรง
เกี่ยวกับเรื่องนี้).
สิ่งที่สําคัญมากที่สด
ุ ก็คือ ฟรอยดและสาวกตางๆของเขา ปกติแลว จะพูดถึง"object love" (ซึ่งคํา
นี้ตรงกันขามกับ"narcissistic love") และเกี่ยวกับ"love object" (คําแรก object love หมายถึง
ความรักในเชิงวัตถุ ซึ่งตรงขามกับความรักในรูปโฉมหรือเรื่องกาม[narcissistic love] และคําที่
สาม love object วัตถุของความรัก[หมายถึง บุคคลที่ คนๆหนึ่งหลงรัก]).
การพูดถึงวัตถุของความรัก (love object) ก็ตองพูดถึงการ"มี"ในครอบครอง, โดยการกีดกัน
รูปแบบของภาวะอื่นๆออกไป; มันไมตางอะไรไปจากการที่พอคาคนหนึ่งพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องการ
ลงทุน. ในกรณีหลัง เงินทุนไดถูกลงไป, สวนอันแรกทุนคือ libido(หมายถึงสัญชาตญานทีเ่ ปน
ความตองการทางเพศ)
แนวคิดจิตวิทยาของฟรอยดนั้น
ไดแบงจิตออกเปนสามสวนคือ
id, ego, super-ego
เขาตองการที่จะควบคุม id
หรือสัญชาตญานดิบ
ในที่นี้ไดมีการเปรียบเทียบทฤษฎีจิต
กับเรื่องการควบคุมทางสังคม
โดยผูมีอาํ นาจจํานวนนอย
ภาพวิตถารผิดปกติอขงฟรอยด
เกี่ยวกับผูห ญิง ซึ่งมาจากแนวคิด
ชนชั้นกลางในสมัยของเขา
ซึ่งตองการควบคุมใหผูหญิง
หลังแตงงานเปนคนทีเ่ ย็นชา
ในเรื่องทางเพศ
โดยที่ผูชายเปนผูคุมกฎ
อันนี้มาจากความคิด
ที่ถือวาผูช
าย เปนใหญ และเปนผูชนะ
การพูดถึงวัตถุของความรัก
ก็ตองพูดถึงเรื่อง"การมี"
ในครอบครอง
ความคิดนี้เปนการทอนความรัก
ลงเหลือเปนการลงทุน
ซึ่งไมตางไปจากความคิดของพอคา
เพียงแตวา ใชเงินลงทุน
สวนความรักใชตัณหา
เปนการลงทุน
2. ประการตอมาคือ เขาจะตองนําเสนอความคิดใหมอน
ั นั้นดวยจิตวิญญานของยุคสมัยตน ซึ่งไม
มีภาษาทีเ่ หมาะสมเพียงพอ (ตองขุดเอาภาษาที่มอ
ี ยูมาใช)
3. ความคิดใหมๆนั้นจะตองผานการกลั่นกรองทางสังคม ถามันเกิดขึ้นมาในสังคมที่ยังไมพรอม
ความคิดใหมนี้กไ
็ มอาจผานเครื่องกรองทางสังคมไปได
ในสวนของรากเหงาความผิดพลาดของฟรอยดนน
ั้ เนื่องมาจากสาเหตุดังนี้
2. ทัศนคติเกี่ยวกับการที่ผูชายเปนใหญในสมัยของเขา(อํานาจที่สืบทอดมาทางเชือ
้ สายพอ(พอ
เปนใหญ)"(authoritarian-patriarchal attitude). ดังนั้น
จึงเปนเหตุแหงการวิเคราะหไปในหนทางนั้น
อางอิง
http://www.midnightuniv.org/fineartcmu2001/newpage15.htm