Professional Documents
Culture Documents
ลมหายใจแห่งการเดินทาง
ลมหายใจแห่งการเดินทาง
ชยางกูร
ต.ในเมือง อ.เมือง
จ.อุบลราชธานี
34000
มิถุนายน 2552
เรื่อง ขายตนฉบับ
ถึง ทานที่เปดโอกาสใหนําเสนอทุกทาน
very like [ model ] , Whose, white flower with the vase that fits, breath is trave ทุกเรื่องพรอมจะจัดพิมพและ
จําหนายคะ
ดวยความนับถือ
สุญญตา
ลมหายใจแหงการเดินทาง
1.รูวามีลมหายใจเขา
2.เห็นลมหายใจเขาไป
3.เปนลมหายใจเขา
4.จริงเทาลมหายใจเขา
5.สุดทางลมหายใจเขา
6.รูวามีลมหายใจออก
7.เห็นลมหายใจออก
8.เปนลมหายใจออก
9.จริงเทาลมหายใจออก
10.ไมหายใจเขาก็ไมรบกวนกันอีกตอไปแลว
รูวามีลมหายใจเขา
การเดินทางขาออกชวงนี้คงไมเซ็งกับสิ่งที่ผานมาในชวงที่รูวามีลมหายใจออกมากนักใชมั้ยจะ ฉันคิดวาถา
เซ็งก็เปนธรรมดา ที่จะรูสึกเหมือนฉันทิ่มตําแทงใจดํา ฉันไมไดมีประสงคจะใหเลิกทัวรกอนเดินทางชมทั่วทุก
จุดนะจะ ไมไดหลอกใหเลิกเดินทางไมคุมทัวรหรอกจะ จริงๆก็รูอยูบางนะจะวาเดินทางขาออกจะเกิดความรูสึก
ระหวางคณะทัวรอยางไร แตฉันก็ตองพาเดินทางไปอยางนั้นแหละจะ เพราะสิ่งที่เปนความจริงนั้นมันก็ถูกใจบาง
ไมถูกใจบางเปนธรรมดา จากการที่แตละคนก็มีรายละเอียดทั้งกายทั้งจิตตางกัน จะมีใครเซ็งบางก็อาจเปนไปได
ทัวรนี้ไมจํากัดความแตกตาง ก็เลยรูแตแรกวาคงจะมีคนเซ็ง ดังนั้นถาจะสมัครใจตอไปหรือไมก็ไมเปนไรจะ ฉัน
คงจะบอกวาชวงนี้ก็จะชวนสัมผัสตอไปละ ไมแปลกไปจากตอนเห็นลมหายใจเขาไปนักจะ คือเห็นดวยตาตัว
แมแบบสัมมาทิฏฐิ ซึ่งสัมผัสไดแบบที่เคยสัมผัสตอนเห็นลมหายใจเขาไปนะจะ แลวจะเห็นวาเมื่อลมหายใจเขา
ไดปรุงกายและจิตแลว ตอนที่เห็นลมหายใจออกนี้มันเปนอยางไร เหมือนเวลาที่ผานมานั้นเรารับเอาวัตถุดิบ
สวนผสม เขามาประกอบมาปรุงเปนอาหารรึเปลาจะ ทั้งอาหารกาย อาหารจิต แลวสภาพที่ปรุงเสร็จเรียบรอยแลว
อรอยนารับประทานอยางไร ที่แนๆไมเปนสภาพเดิมเชนกอนจะปรุงเสร็จใชมั้ยจะ ตอนนี้คงซาบซึ้งกับสัมผัสครั้ง
เมื่อรูวามีลมหายใจออก ที่เปนความรูสึกรับผิดชอบไดอยางดีขึ้นละจะ เพราะวาเมื่อปรุงแลวจะยอนกลับมาเปน
สภาพเดิมเชนเมื่อกอนปรุงไมไดอีก ขณะปรุงก็เปนตัวชี้วาเราจะมีอนาคตเชนไร แบบที่ปรุงอยางไรก็เปนอยางนั้น
แหละจะ ปรุงทั้งกายปรุงทั้งจิต ฉันจึงย้ําวาควรสัมผัสลมหายใจที่ละเอียดมาตั้งแตรูวามีลมหายใจเขา เพื่อรู
ทุกแงทุกมุม รูขณะปรุงกายปรุงจิต จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เห็นลมหายใจออกไป ซึ่งผานการสัมผัสความรูสึก
รับผิดชอบมาดวย นี่แหละจะที่เคยไดยินวาทําอยางไรก็ไดอยางนั้น อาหารกายอาหารจิตที่รับอยูทุกขณะลมหายใจ
ปรุงแตงทั้งกายทั้งจิตอยางที่เราเองสามารถรูมาตั้งแตรูวามีลมหายใจเขาแลวจะ และคอยควบคุมมันใหออกมาเปน
อยางที่เรากําหนดไดนะจะ เจตนาคือเครื่องมือควบคุมการปรุงทั้งกายทั้งจิตของเรานี่แหละจะ มันจึงผานความรูสึก
รับผิดชอบมาอยางชัดๆเลยใชมั้ยจะ
การเดินทางในชวงเวลานี้ อยาเพิ่งงงกับความรูสึกรับผิดชอบ และความรูสึกไมยอนยุคไปในลมหายใจที่
ผานมาเลยจะ ดูๆแลวมันคงจะเอามาหักลางกันแบบขางๆคูๆ แบบวา ทําอะไรก็ทําไปแลว ก็ใหมันแลวๆไป ไมตอง
รับผิดชอบเพราะไมควรยอนยุค อยางนั้นมันขางๆคูๆ จะเห็นวาสัมผัสในความรับผิดชอบนั้น ระลึกดูดีๆจะรูวามัน
สัมผัสตั้งแตรูวามีลมหายใจออก กอนจะเห็นลมหายใจออกไปจะ และก็รูวาตองมีลมหายใจออกตั้งแตมีลมหายใจ
เขา วามั้ยจะ ใครจะวาจะไมหายใจออกก็ยิ่งกวาขางๆคูๆจะ เวลาเราสูดลมหายใจเขา เราไขวควารับเอาสัมผัสที่พึงมี
ในโลกทั้งหลายเขาสูตัว เพื่อมาเปนอาหาร เปนวัตถุดิบ ปรุงกายปรุงจิต แตเราเองเปนผูควบคุมการปรุงใหมัน
ออกมาเปนในแบบที่เราตองการ ยกตัวอยางเชน ขณะรูวามีลมหายใจเขา ก็จะรูวามีทั้งความรู วิชา อารมณ ความรูสึก
ทั้งรูปธรรม นามธรรม ที่เราสัมผัสอยูและกําลังปรุงกายปรุงจิตของเรา ออกซิเจนดวย ทุกสิ่งที่เขามาในขณะเรา
ระลึกรูวามีลมหายใจเขา มันมีสิ่งสะสมอยูไดทั้งที่ตัวเราและนอกตัวเรา รายละเอียดในการสะสมคงตองสัมผัสเอา
เองจะ ที่ฉันจะนําเสนอตอนนี้เปนเรื่องของการปรุง ที่ออกมาเปนอยางที่เปนแบบฉบับของแตละคน ฉันไมไดชวน
ทําการละเลงอะไรหรอกนะจะ เพราะตอนนี้มันเปนการเดินทางขาออกแลว แคจะแยกความรับผิดชอบกับความ
ไมยึดมั่นในสิ่งที่ผานมาแลว ใหเปนสัดสวน ยังไงมันก็ตองรวมอยูในสัมผัสที่เปนการเดินทางชวงเห็นลมหายใจ
ออกไปนี่แหละจะ แตจะเอามาปนกันแบบใหหักลางขางๆคูๆก็จะอายพืชนะจะ สัมผัสของเราบอกไดวาเมื่อเห็น
ลมหายใจออกไป ก็จะเห็นวามีความรับผิดชอบเปนของตัว และมีสิ่งที่ผานพนไปพรอมกับลมหายใจออก ถายึด
ความรับผิดชอบก็จะเปนผลดีแกตัว ไมใชแคสิ่งภายนอกหรอกจะ ดวยวาเดี๋ยวก็จะหายใจเขาอีกไมใชหรือจะ
ยังไงเสียก็ไมพนไดรับสิ่งที่ผานพนออกไปกับลมหายใจออกครั้งที่ผานมากลับคืนสูตัวอยูดีจะ แบบที่ผานการปรุง
มาดวยฝมือตัวเองมาตั้งแตกาลครั้งหนึ่งเมื่อหายใจคราวที่แลว มันไมไดกลับมาในสภาพดั้งเดิมตั้งแตไมไดรับการ
ปรุงหรอกจะ แตเปนวัตถุดิบที่เหมือนน้ํามันทอดซ้ํา ดังนั้นเมื่อเห็นลมหายใจออกไป ก็ไมไดหมายความวา
กําลังเห็นสิ่งอื่นใด แตนั่นคือกายสวนหนึ่งของเราที่ปรุงแลวจะ เห็นวาเปนอยางไรก็เปนเรื่องของแตละคนที่แมจะ
ไมเปดเผย ก็ปลอยลมหายใจออกสูภายนอกตัวกันทั้งนั้น วามั้ยจะ ถาแอบเห็นคนอื่นวาปรุงแลวเปนอยางไร ก็คง
จะติดตาอยูบาง เพราะมันเห็นไดดวยตาและดวยสัมผัสละจะ แตเราไมควรใสใจการปรุงของใคร เพราะที่ๆเราตอง
ดูแลการปรุงก็มีเปนของตัวเองอยูแลวจะ ดูคนอื่นปรุงไปก็เทานั้น เสียเวลาเราปรุงที่ตัวเอง เดี๋ยวมันจะเผลอ
ไหมหรือไมสุกกันเลยจะ
เมื่อเห็นลมหายใจออกไป ฉันวาเปนโอกาสสํารวจฝมือ ผลงาน การปรุงของตัวเองไดอยางรอบคอบจะ
แนนอนวาสภาพมันไมยอนกลับเปนดั่งสภาพดั้งเดิมที่รูวามีลมหายใจเขาจะ ฉันจึงคิดวา ชีวิตก็คือสิ่งมหัศจรรย
การมีชีวิตคือการสรางสรรค ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยางแนๆ ดังเชนลมหายใจที่เขาสูรางกาย ก็จะออกมา
เปนลมหายใจออก เปนผลงาน ฝมือการสรางสรรคแกโลกภายนอกตัว แมไมแนใจวาจะไดรับความนิยมขนาด
ไหนในผลงานลมหายใจออก แตที่เปนแฟนคลับแนนอนก็มีอยูจะ คือพืชนั่นเอง ฉันนั้นสัมผัสไดทุกครั้งที่เห็นลม
หายใจออกเลยจะ วาฉันก็มีแฟนคลับตัวจริงและเหนียวแนนดวย ฉันก็ไมรอชาที่จะปลูกตนไมเทาที่จะทําได เพื่อ
แบงปนความรับผิดชอบแกกันดวยความนิยมที่มีตอกันนะจะ เวลานี้ฉันอยากจะบอกวาสิ่งใดเมื่อเห็นคุณคาสิ่ง
ไหนแลว ก็จะไมตอตานหรือทําลาย ก็จะเห็นวานานๆ เราจึงจะเห็นตนไมเปนอุปสรรค ตางจากเราที่ทํากับตนไม
แบบไมเอาใจแฟนคลับซะเลย ฝมือการปรุงของตัวเอง เห็นแลวนาชิมหรือรูสึกชิมไมลงก็ไมรูนะจะ นั่นแหละคือ
สิ่งที่จะกลับมาเปนวัตถุดิบในลมหายใจเขาตอไปจะ ทุกอยางที่ปรุงแลวและใหออกไปภายนอกตัวเรา มันก็ไมหลุด
ไปจากโลกนี้จะ และจะถูกนํากลับมาเปนวัตถุดิบในการปรุงทั้งกายทั้งจิตในขณะหายใจเขาตอไป เห็นบางมั้ยจะวา
ความรูสึกรับผิดชอบที่สัมผัสไดนั้น มันอยูในชวงเวลาที่พอดีๆ ไมใชปลอยออกแลวจึงรูสึก แตรูสึกตั้งแตรูวาจะ
ปลอยออกนะจะ เหมือนกันกับทวารอื่นแหละจะ ทวารที่ปลอยหนักก็เชนกัน รูสึกวามันเปนทั้งรูป รส กลิ่น เสียง
สัมผัส ตั้งแตรูวาจะปลอยออกใชมั้ยจะ อันนั้นเราอายแคไหน กายและจิตที่ปรุงขึ้นดวยลมหายใจทุกขณะนี้ ก็นาจะ
ดูแลควบคุมเหมือนกันแหละจะ ตอนนี้มาถึงการไดเห็นแลว ก็จะสัมผัสความรูสึกละอายชัดไดเลยละ ยิ่งเห็นวา
มันจะออกสูภายนอกยิ่งสัมผัสความรูสึกละอายไดชัดมาก วามั้ยจะ หากเย็นชาตอการรูสึกละอายได ก็วาดานได
อายอด แลวไดอะไรละ ฉันวามันก็ไมหายไปจากโลกนะจะ แตจะกลับคืนสูลมหายใจเขาตอไปจะ
การเดินทางกับลมหายใจออกนี้ เห็นหรือไมจะวาสิ่งที่แตละคนปรุงได มันเปนสิ่งเฉพาะตัว ปรุงแทนกัน
ไมได กายและจิตของใครก็คนนั้นดูแลควบคุมการปรุงดวยตนเองเทานั้นละ ไมวาจะเห็นลมหายใจออกไปหรือ
เห็นอะไรออกไปทางทวารไหน ก็เปนฝมือ ผลงาน การปรุงเฉพาะตัวเองจะ จะออกมาเปนอยางไรก็คงเปนเทคนิค
ของแตละคน ดวยเจตนา ความรับผิดชอบ ความละอาย แลวแตจะมีเทคนิคปรุงกายปรุงจิตใหออกมาเปนตัวเอง
อยางไรจะ ตอนนี้เห็นลมหายใจออกไป รูสึกบางมั้ยจะวา กายเราจิตเราคือแหลงปรุงชีวิตชัดๆเลย ธรรมชาติก็มีสิ่ง
ที่มีชีวิตเปนแหลงปรุง แหลงสรางสรรค แหลงมหัศจรรย ใหแสดงฝมือ ผลงาน ออกมาอยางเปนตัวของตังเองที่มี
อิสระเต็มที่เลย ทุกลมหายใจเขา ออก จึงมีสิ่งแลกเปลี่ยนระหวางเรากับโลกอยูทุกขณะ ฉันเองนั้นจะปรุงอะไร ยังไง
ก็ไมลืมแฟนคลับอันเหนียวแนนแนนอน ถาไมมีแฟนคลับแลวจะอยูบนโลกอยางไร เห็นลมหายใจออกไปก็เห็นวา
เราใหอะไรออกไปสูภายนอกตัวดวยจะ ฉันใหแฟนคลับทุกลมหายใจออกละ และเมื่อเห็นฝมือ ผลงาน การปรุง
ของตัวเองแลว ตอไปคงจะเขาใจวาทุกขณะที่ปรุง เราตองตั้งใจปรุงดวยความละเอียดถี่ถวนรอบคอบ ตั้งแตคัดสรร
วัตถุดิบ เชน การกินเพื่ออยู ไมใชอยูเพื่อกิน ทํานองนั้นนะจะ เพราะเราตองดูแลควบคุมการปรุงดวยตัวเองจะ ปรุง
กายปรุงจิตของเราเอง อารมณทั้งหลายที่เรียกวาอะไรก็ชาง เหลานั้นที่มาปรุงจิต ซึ่งเราก็เห็นไดวาปรุงแลวจะ
ออกมาเปนอยางไร ถาหลับหูหลับตาปรุงก็ได เพราะมันก็ตองคืนสูภายนอกอยูแลว แตเราพัฒนาฝมือ สราง
ผลงานในชีวิตไดเพียงใด เกิดมามีชีวิตแลวมันก็ไมควรใหธรรมชาติผิดหวังในตัวเรา วามั้ยจะ แหลงทองเที่ยวที่
ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางนํามาชมนี้แหละ คือแหลงมหัศจรรย ที่ธรรมชาติระบุตําแหนงไวบนโลก ใหทํา
สิ่งมหัศจรรยแกโลกอยางไมหยุดนิ่ง รูสึกวาแตกตางจากแหลงทองเที่ยวใดๆในโลกหรือวาไมแตกตางจะ ถา
สัมผัสที่ได ทั้งความรับผิดชอบ เจตนา ความละอาย ทําใหรูสึกอยางละเอียดแลว ก็จะเห็นความแตกตางในความ
เหมือนของทุกสิ่งที่มีชีวิตบนโลกนี้ไดจะ ปรุงดวยตัวเองก็รูไดเองแนๆอยูแลวละจะ
ชวงเวลานี้ใหจับตาดูลมหายใจออกจะ แลวจะรูสึกไดวา เราคือคนหนึ่งที่นาจับตา เพราะเรากําลังจะให
สิ่งที่ปรุงดวยชีวิตแกโลกภายนอกตัว ทีนี้จะเปนผูใหที่นาจดจําเพียงใด ก็แลวแตจะตั้งใจเอาเองจะ อยางเบาะๆก็
ใหคารบอนไดออกไซดกันละ ซึ่งก็คงรูวาเหมือนกันหมดทุกคน เลยไมมีใครถือสา แมวาคารบอนไดออกไซดถา
มีมากๆก็จะเปนพิษได ตรงนี้จะเห็นวามีความเหมือนที่แตกตางระหวางคนบนโลกรวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่น ตรงสิ่งที่
แลกเปลี่ยนกับโลกภายนอกตัวนี่แหละจะ มันออกมาจากตัวขางในแทๆของแตละคน มีทั้งที่เหมือนๆกันเชน
คารบอนไดออกไซด และที่ไมเหมือนกัน เชน เจตนา ความรูสึกนึกคิด ลมหายใจออกก็แบกเอาเครื่องปรุงและ
สภาพที่ปรุงเสร็จทั้งกายและจิตออกมาแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอกใหเห็นกันจะๆเลยจะ ฉันเลยอยากใหมองเห็น
ความเหมือนและความแตกตางในคนและสิ่งมีชีวิตบนโลก ตอนนี้แหละที่เห็นลมหายใจออกไปแลวอาจสัมผัสได
อยางที่ฉันสัมผัสวา จะเหมาเอามาตรฐานของตัวแตละคนวัดคนอื่นคงไมได หรือก็คือ ความแตกตางโดย
ละเอียดในเฉพาะบุคคลเปนสิ่งที่กะเกณฑกันยากและไมเทากัน บางคนอาจปรุงเปนแบบหนึ่ง คนอื่นก็เชนกัน
ใครๆก็ปรุงกันทั้งนั้น แตไมมีใครไมตองแลกเปลี่ยนกับโลก แลวโลกจะมีวิธีปรับสมดุลในสิ่งที่ไดรับกลับคืนมา
อยางไร ตรงนี้แหละจะที่มันนาสนใจ เพราะสิ่งที่เหมือนกันถามีจํานวนมากก็เปนเสียงขางมากที่มีบทบาทสําคัญ
ตอโลก แลวถาคุณสมบัติที่เหมือนกันสวนใหญเปนพิษ อยางเชน มลพิษทางกาย ทางจิต มันก็เปนภาวะที่โลก
ตองแบกรับโดยปลอยใหพิษสงสําแดงไปจนหมดฤทธิ์ หรือปรับคุณสมบัติที่เปนนั้น ใหหลอมละลายพิษสงจน
หมดไปกอนจะสาย แตถาปรับสมดุลไมได ฉันวากาลครั้งหนึ่งก็จะมีเรื่องเลาวา เหตุเกิดเพราะขาดความ
รับผิดชอบ ละอาย เปนจุดสําคัญจะ มันไมใชเรื่องใหมันเปนไปเถอะ เพราะวาโลกกับเรานั้น จะทึกทักวาฝาย
ไหนเปนผูรับ ฝายไหนเปนผูให คงไมได แตตองทําหนาที่ทั้งสองอยางดวยกัน ฉันจึงเห็นในตอนนี้และอยากเปดเผย
ตอคณะทัวรวา แมวาโลกที่เทียบกับตัวเราแลวมีขนาดใหญนัก ก็ยังเปนผูรับจากเรา คือสิ่งที่ยิ่งใหญใชวาจะ
ไมไดรับสิ่งใดจากสิ่งอื่น จึงเห็นไดวาไมมีอะไรอยูอยางเปนผูใหฝายเดียว หรือรับอยางเดียว ชัดเลย แตมีทั้งใหทั้ง
รับ เราดวย ตอนนี้คงเห็นไดวา การเปนทั้งผูใหและผูรับเปนเรื่องธรรมชาติ เพราะแมแตโลกเองก็ทั้งใหทั้ง
รับรวมกันกับเรา ฉันวาเมื่อเห็นธรรมชาติในลมหายใจออกก็คงเห็นวา ที่ธรรมชาติมีสิ่งที่แตกตางในความเหมือน
ของสิ่งมีชีวิต ก็เพื่อเปนทางเลือกของการรับผิดชอบในความเหมือนเปนสวนใหญ ที่อาจจัดการไมไดจนตองเปนภัย
ยอนกลับสูโลกเองนะจะ
เห็นลมหายใจออกไป ถาไมปลอยใหมันออก ก็เหลือวิสัยอยูเหมือนกัน เพียงแต ณ ขณะที่หายใจออก กาย
มันก็ตั้งทาจะหายใจเขาแลวละ ทีนี้ก็ชัดเลยวา ลมหายใจออกไมทันไปไกลสุดขั้วนอกตัวแตประการใด มัน
ปวนเปยนอยูในลมหายใจเรานี่แหละจะ เห็นลมหายใจออกแลวเราจะนึกถึงสิ่งใดมากที่สุดละจะ ฉันนะตั้งแตเห็น
ลมหายใจออกไป ก็มองไมเห็นสิ่งอื่นที่จะเอามาใสจิตใสกายที่มันจะมาแทนที่ออกซิเจน และสวนผสมที่เปนคุณแก
กายและจิตหรอกจะ แนนอนวาหายใจเขาในลมหายใจตอไป ยิ่งตองละเอียดในสิ่งที่อยูในลมหายใจ เพื่อกรองเอา
สิ่งที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอยางพอดีๆ เพราะวากายและจิตตองการความสมดุลเทานั้นแหละจะ ไมไดตองการ
มากกวาสมดุล และจากที่ไดเดินทางมาตั้งแตรูวามีลมหายใจเขาจนบัดนี้ คงจะเห็นแลววา กายและจิตมันมีเวลา
ตั้งอยูแคเกิดปุบดับปบ แลวจะเอาอะไรบางละที่จะอางวาเพื่อความเพียงพอใหกายและจิตสมดุล คือสมดุลไมใช
อาการสะใจนะจะ สะใจแลวก็ใชวาจะเที่ยงอยูไดจะ แบบวาดีสุดขั้วชั่วขีดนั้น มันก็ขาดๆเกินๆ ใชมั้ยจะ ถาเปน
อาการสะใจ ก็นาเปนหวงนะจะ หวงโลกดวยจะ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นที่รวมโลกก็จะถูกเหมารวมไปกับความสะใจ
แนนอนเพราะหนีไปจากโลกไมพนนี่นา ฉันวาเห็นลมหายใจออกไป ก็จะเห็นวามีสิ่งอื่นตองรับเอาสิ่งที่เราปลอย
ออกไป ทั้งจําใจและจําเปน จําตองรับแนๆละ มีวีไอพีไมตองรับรึเปลาก็ไมแนใจจะ เห็นแลวใชมั้ยจะวาลมหายใจ
ออกเปนชวงของการเดินทางที่ไมควรลืมตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อจะไมเปนการดับเครื่องชน ที่ไมคิดจะแกไข
อะไรแลวจะ หรือใชคําที่คุนๆก็วา ปลอยไปแบบเวรทํากรรมแตง แลวแตเวรแตกรรม แนวๆนั้นนะจะ มันไมใช
แนวทางที่ธรรมชาติใหแกสิ่งมีชีวิต เพื่อดับเครื่องชนแบบไมยอมแกไขอะไรทั้งสิ้น เพราะโลกคงไมมีแนวทาง
ทําลายตัวเองมั้งจะ
เดินทางมากับทัวรนี้ หากยังไมเห็นอะไรมากเทาที่คาดหวัง ก็ตองลองเปนลมหายใจออกจะ เพราะไมยาก
หรอก มันก็เปนกายสวนหนึ่งของเราที่ออกมาสูภายนอกนะแหละจะ ลมหายใจออกนี่แหละสะทอนตัวจริงเสียง
จริงชัดๆวาปรุงอยางไร เปนอยางไร ลมหายใจออกแตกตางกับลมหายใจเขาอยางไร วัดลมหายใจออกแค
ปริมาณอัลกอฮอรก็ได แตอัลกอฮอรดูแลวก็ไมตางกับไมดู มีสิ่งที่นาดูอีกมากจะ เคยสัมผัสเมื่อเปนลมหายใจเขา
แลวนี่จะ ก็ลองสัมผัสเมื่อเปนลมหายใจออกบาง แลวจะเหวอ ทําไมเปนไปไดเพียงนี้แคชวงลมหายใจเขาออกนี่
แหละจะ ทีนี้ละจะไดซึ้งถึงการเชื่อใจใคร ที่มักใหเชื่อใจกันดีนัก ถาเปนลมหายใจออกจะเห็นไดวา ตอนนี้ละไหน
นะอะไรที่เอามาเชื่อกันไดบาง เมื่อเปนลมหายใจเขาก็เห็นออกซิเจน กลับออกมาเปนลมหายใจออกเห็น
คารบอนไดออกไซด อยางหนามือเปนหลังมือ นี่แหละที่ฉันวาเปนความเหมือนที่แตกตางในคนจะ และก็ไมผิด
ที่คิดเชื่อในคนอื่นหากเปนการชวยใหลืมไปวาทุกคนหายใจเขา ออก เพื่อปรุงกายปรุงจิตของตนเอง แบบที่คิดวา
ใครจะปรุงกายปรุงจิตใหตนไดชั่วขณะก็ไมเปนไร ยืมจมูกหายใจไดแคไหนละ มันก็อาจจะหันเหไปสนใจคนอื่นก็
ไดเพื่อหนีตัวเอง ฉันก็คิดวามีวิธีเบี่ยงเบนประเด็นในลมหายใจออกอยูมากมาย แตไมมีวิธีที่จะไมตองหายใจเขาอีก
หรอกจะ ยังไงก็ตองเผชิญกับสิ่งที่เปนผลจากลมหายใจออกเอง ดังนั้นลองเดินทางเขาถึงการเปนลมหายใจออก
จะไดคุมทุนที่ออกทัวรมาแลวนะจะ
เปนลมหายใจออก
มาถึงปากทางเขาออกอีกครั้งแลวจะ สัมผัสกับการเชื่อมอยูระหวางชีวิตเรากับโลกดวยลมหายใจวาจริงเทา
ลมหายใจออกแคไหนจะ สวนฉันนั้นสัมผัสที่ไดจากการเดินทางของลมหายใจทุกครั้ง มันจริงเทาลมหายใจทั้งเขา
และออกละจะ แลวมันก็ไดเห็นความไมจริงในที่สุด คลายๆกับชีวิตจริงที่เอามาสรางเปนภาพยนต มันเปนเรื่องที่
เกิดขึ้นจริงๆและมันก็เปนจริงแคนั้น ซึ่งกลายเปนสมมติทุกอยางในภาพยนตใหสมจริงไปเองอีกมิติหนึ่ง ลมหายใจ
ที่เดินทางเขาแลวออกก็เปนตนกําเนิดของฉากละครชีวิตเราจะ มันเปนการเดินทางที่ใหอรรถรสอยางตอเนื่อง
แลวแตเราจะหยิบยกสิ่งที่สัมผัสขณะลมหายใจเขาออกมาปรุงแตงเปนชีวิตแบบใด เปนภาพยนตที่สมจริงสักเพียง
ไหน จริงเทาลมหายใจออก แลวมันก็เปนฉากหนึ่งๆไป สวนมันจะจบเปนฉากๆหรือลากยาวไมยอมจบเพราะจบ
ไมลงยังไง ก็เปนเพราะเราสรางภาพยนตที่สมจริงหรือไมนะจะ ฉันวาถาสมจริงมันก็ตองจบพรอมลมหายใจออก
คือจริงเทาลมหายใจออกก็เทานั้นแลว แตเราก็ยืดตอนจบออกไปซะ อยางนั้นมั้ยจะ จะเพราะเรตติ้งแรงหรือเพื่อ
อะไรก็ไมรูจะที่ตองสมมติตอไป การเดินทางกับลมหายใจออกในชวงเวลานี้ ก็จะชวนสัมผัสความจริงเทาลม
หายใจออกกันเองละจะ ใหดูวาชีวิตที่เดินทางชวงเวลาหนึ่งรอบลมหายใจเขาจนกระทั่งออกมานี้ สมจริงไดเทาไหร
หรือจะใหสัมผัสตรงๆกับการเปนตัวตนจริงๆของตัวเองก็วาไดจะ เราเองเปนจริงอยางที่สัมผัสในขณะลมหายใจ
ออกแนๆ เพราะลมหายใจออกก็คือกายสวนหนึ่งของเรา ฉันไมชวนใหเอากําไรมาตั้งแตตนแลวนะจะ จึงยกสวนที่
เปนจริงวาเกินจริงไปไมไดนะจะ ทั้งเลือด เนื้อ ประสาท จิต วิญญาณ อารมณ ความรูสึกนึกคิด ตางคนตางรับและ
ปรุงเอาเอง กระทั่งคารบอนไดออกไซดที่เขมขนในลมหายใจออกไมเทากันดวยจะ จริงเทาลมหายใจออกนั่นแหละ
ที่โลกไดรับจากเรา
การเดินทางในชวงนี้ก็เปนการกลับมาที่แอรพอรตอีกครั้งเพื่อเทคออฟ คิดดูสิจะวาควรมีอะไรติดตัวบาง
เพื่อการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย หากมีสิ่งที่นําติดตัวมากก็อาจโอเวอรโลดเปนอันตราย วามั้ยจะ ถาจริงเทาลม
หายใจออกก็แสดงวา โลกยังมีอะไรที่จริงในตอนหายใจเขาไดอีก ตัวเรามันจึงไมใชที่ๆปฏิเสธการรับสิ่งที่จริงใน
เวลาตอไปทุกลมหายใจได วามั้ยจะ เราคงไมเหมาลําเพื่อใชหอบสิ่งที่ติดตัวอยางไมสมจริงมั้งจะ แบบเอาเปนโลก
สวนตัวนะจะ ซึ่งโลกสวนตัวมันมีจริงก็เทาแคในตัวจะ แตลมหายใจออกที่เดินทางสูโลกภายนอกนั้นมันมีจริงบน
โลกเทาลมหายใจออกเทานั้นละจะ เหมาเอาวาเปนจริงแบบลมหายใจออกของเราไปทั้งโลกก็ไมใชละ ฉันวาใชคํา
ในตอนนี้มันยาก แตสัมผัสนั้นไมยาก คือ รู เห็น เปน จริง ตลอดลมหายใจนั้น สัมผัสไดดวยตัวเองนะจะ พอมาถึง
ตอนที่จริงเทาลมหายใจออก มันก็จริงที่ตัวเรา ไมไดเหมาเอาตัวผูใด สิ่งใด ทั้งโลกเปนอยางเดียวกับเรา เปนจริง
แบบนี้ไมเหมาเอาโลกเปนโลกสวนตัวแบบเหมาลําจะ ทีนี้จะสัมผัสไดอีกวาจริงในแบบเรา กับจริงอยางอื่นในผูอื่น
สิ่งอื่นตางกันอยางไร แมแตความเขมขนคารบอนไดออกไซด ลักษณะลมหายใจออก ลักษณะจิต อารมณ ความคิด
ของผูใด เราก็สัมผัสในความแตกตางนั้นได เพราะเราแยกออกไมเหมาเปนสัมผัสเดียว แตวาเราจะมีที่ๆจะรับความ
จริงที่มีนอกตัวไดทุกเมื่อเพราะพื้นที่จริงๆนั้นไมไดเต็ม เชื่อมั้ยจะวาฉันยังไมเบลอ คือที่ใหสัมผัสวาจริงเทาลม
หายใจออกก็จะเห็นไดวา มันกําลังเคลื่อนที่ไปกับลมหายใจเชนกัน สําหรับสิ่งที่จริงนั้นนะ สวนหนึ่งของกายเราที่
จริงเทาลมหายใจออกนั้นแหละ เห็นแลววาก็แคสวนหนึ่ง และสวนที่ยังอยูโทนโทพรอมจิตนั้นก็เปนสวนที่ยัง
เปนพื้นที่สําหรับรับความจริงในลมหายใจเขาตอไป ทีนี้ออหรือยังจะวาเราไมควรเหมาโลกเปนโลกสวนตัว มันจะ
โอเวอรโลด แบบไมเหลือพื้นที่สําหรับความจริงในลมหายใจตอๆไปอีกอยางที่ควรจะเปนนะจะ เอาสั้นๆตรงๆเลย
คือ ตอนนี้ฉันชวนเดินทางมาสัมผัสสิ่งที่จริงเทาลมหายใจออก สัมผัสใครก็สัมผัสคนนั้น ชัดมั้ยจะ เพราะโลกมี
ความเหมือนที่แตกตาง แบบประสบการณชีวิตของใครก็จริงสําหรับคนนั้น มันไมใชสิ่งที่จะมาเปรียบเทียบเอาเปน
อยางเดียวกัน เหมาโลกภายนอกยกลําไมได เพราะไมสมจริงแนๆจะ
มาถึงตอนนี้อยากใหเปดสัมผัสตั้งหลายอยางในทางโลกทั้งนั้นจะ เพราะวาเปนการเดินทางขาออกสูโลก
ภายนอกแลวนี่จะ จะมาวกวนกับโลกสวนตัวไปทําไมละ ณ ปจจุบันขณะเราอยูในชวงการเดินทางขาออกที่เปนจริง
เทาลมหายใจออก ตรงแอรพอรตนี้แหละ เชื่อมั้ยจะวาแตละคนมีที่ห มายของตนตั้งแตมาถึงแอรพอรตอีกครั้ง
ในยานนาวาลําเดียวทั้งโลกนี้ใชวาทุกสิ่งจะมีที่หมายเดียวกันขณะที่จริงเทาลมหายใจออกนี่ แบบวาลมหายใจออก
ของสรรพสิ่งจะไปตอจนถึงที่พํานักแตกตางกัน ก็คงจะรูแควาเราไปสงคนขึ้นเครื่องเราก็พอจะรูไดวาแตละคนบน
เครื่องก็ตองแยกยายไปตอจนสิ้นสุดยังที่พํานักตางกันอยูแลว ไมตองตามไปดูวาใครไปถึงไหนหรอกจะ มันไมได
อะไร ฉันวาโลกมันกลม และอาการธรรมชาติก็กําเริบไดเรื่อยๆ ขึ้นๆลองๆ เดี๋ยวก็เปนบุพเพวนเวียนมาบรรจบบน
โลกกลมๆกระทั่งเบื่อไปนะจะ ตอนนี้ฉันคิดวาสิ่งที่ไดจากการเดินทางคงจะมีบาง อยางนอยๆก็รูวาโลกใบเดียวนี้
เปนที่ๆมีโลกอันกวางใหญหลายใบซอนอยูซึ่งเปนโลกสวนตัวของสิ่งตางๆ แตวาโลกภายนอกกับโลกภายใน มี
ลมหายใจที่เดินทางเขาออกแลกเปลี่ยนถายเทซึ่งกันและกัน จึงตองมีความเกี่ยวของสัมพันธกันทุกขณะ ความเปน
โลก ไมวาจะภายนอกหรือภายในก็เปนธรรมชาติเหมือนกัน แตก็มีความเหมือนที่แตกตางจะ ตรงที่โลกภายนอก
ไมใชศูนยกลางของจักรวาล สวนโลกภายในมีสิทธิที่จะเปนศูนยกลางที่มีคุณสมบัติพึ่งตัวเอง ไมใชเปนเชนโลก
บริวารของดาวฤกษใด ไมจําเปนตองหมุนเวียนสลับมืด สลับสวางอยางรอคอยแสงจากดาวฤกษก็ได โลกภายใน
จึงมีสิทธิสวางไดอยางดาวฤกษ ไมตกอยูในความมืดบอดนะจะ เปนโลกที่เปนกลางวันตลอด ไมตองหลับมีแตตื่น
ซึ่งฉันก็ไมวาอยางไรหรอกจะถาจะสัมผัสแตกตางไปจากนี้ เพราะเมื่อเทคออฟแลวก็ตองเดินหนาไปยังที่พํานัก
สวนตัวกันอยูแลว นั่นคือความแตกตางในความเหมือนของนักเดินทางละจะ คงไมมีทางเลือกเปนอื่นแลวในแตละ
คนเมื่อเทคออฟแลวนี่จะ โอกาสเลือกจุดหมายปลายทางมันไมใชตอนนี้ แตตองเลือกมากอนที่จะเปนจริงเทาลม
หายใจออกวาจะเปนอยางไรจะ
ฉันก็พามาถึงแอรพอรตเทานั้นละจะ ลมหายใจเปนสมบัติเฉพาะตัวที่ตีตราลิขสิทธิ์โดยเจาของลมหายใจนั้น
ตอนนี้แหละที่มันจริงเทาลมหายใจออกที่จะเห็นชัดๆวาก็อปปไมได เพราะมันเปนจริงมาดวยการปรุงแตงเฉพาะตัว
ดวยกาย ดวยจิตวิญญาณ ดวยความระลึกอยางมีสติและปญญา เจตนา เหลานี้เองที่ทําใหลมหายใจออกมี
องคประกอบ ที่มีสัดสวน คุณสมบัติแตกตางกัน เชน ลมหายใจกลิ่นนิโคติน ลมหายใจกลิ่นดิบ ไหม ลองสูดกลิ่น
อาหารที่ปรุงสุก ดิบ ไหม ก็จะรูวากลิ่นแตกตางยังไงจะ อากาศหรืออณูกลิ่นจากการปรุงอาหารตางกันก็แนวๆ ลม
หายใจออกที่เกิดจากการปรุงทั้งกายทั้งจิตนะจะ มันมีองคประกอบที่มีสัดสวน คุณสมบัติ ความเขมขนที่แตกตางกัน
บางกลิ่นก็ลอยไปไดไกล บางกลิ่นลอยไปไดชา กลิ่นฉุน กลิ่นเบาไมเทากัน ลมหายใจออกก็เปนจริงเทาลม
หายใจออกอยางมีความแตกตางกันละ ฉันก็เลยพามาถึงเทาที่อยูตรงแอรพอรตนี่เองจะ ไมไดบอกวาทางใครทาง
มันนะจะ เพราะทัวรลมหายใจแหงการเดินทางยังตองเดินทางตอ แคบอกวาเราใหอะไรแกโลกภายนอกไปบาง
เทานั้นเอง โลกก็คงจารึกอยางที่เปนจริงเทาลมหายใจออกไวนะจะ คิดดูสิจะวาโลกใบเดียวสามารถบันทึกจารึก
อะไรตางๆมากมาย โดยไมลาหรือรวนมานานแคไหน ฉันวาโลกภายนอกมีพื้นฐานการปรับสมดุลดีเยี่ยมเลยจะ ผิด
กับโลกภายใน ที่ออกอาการมึนตึ๊บได นอกเสียจากจะมีโลกภายในที่ไมแคบ แบบพื้นที่วางมากๆนะจะ ยังไงคงมึน
ยาก ฉันวาลมหายใจที่เดินทางออกไปมันก็จะถูกพืชแกไขใหอยูบาง วามั้ยจะ โลกภายนอกก็เปนเพียงดาวเคราะห
ลําดับที่ 3 และเปนบริวารของดวงอาทิตย เปนอยางอื่นไปไมไดแลว มันจึงตองมีพื้นฐานการปรับสมดุลอยางดี
สวนโลกภายในนั้นเปนไดตามที่จะเลือก ถาสนใจก็จะรูเองจะวา การระเบิดมันมีอานุภาพขนาดเล็กจนใหญระดับ
จักรวาลได ที่แนๆคือมันมีพลังแนนอนจะ ถามีกลองวิเศษสองที่สิ่งมีชีวิตก็คงจะเห็นแสงรอบๆตัวแตกตางกัน
ไดละมั้งจะ ฉันนั้นก็แสนจะธรรมดาเลยไมไดสรรหาอุปกรณเสริมมาบริการในทัวรนี้จะ ที่มาวาถึงโลกที่เปนดาว
เคาระหนี้ก็เพราะโลกภายในนั้นเลือกเสนทางโคจรไดนะจะ อาจจะรักษาตําแหนงอยางดาวเคราะหลําดับที่เดิม หรือ
แตกตางไปจากเดิม ฉันอาจจะทําใหนักเดินทางในทัวรนี้หวั่นวิตกจะหลุดโลกหรือวงโคจรในจักรวาลนี้เสียแลวมั้ง
จะ นักเดินทางกลัวการเดินทางไกลหรือจะ ยุคนี้เขาใฝฝนจะไปอวกาศกันไมใชหรือ กลัวหลุดโลกก็ไปไมถึงอวกาศ
เทานั้นละจะ แตไมไดหมายความวาตอไปนี้เราจะเหาะเหินกันนะจะ เพราะฉันไมไดถึงที่สุดในเรื่องเบา ยิ่ง
ขนาดลอยเชียวนะจะ แตฉันนั้นไมไดเบาสักนิด จึงพาเหาะไมไหวจะ แคเลือกเสนทางโคจรก็พอ
คิดวาเกี่ยวกับเรื่องจริงเทาลมหายใจออกอยางไร ใชมั้ยจะ ก็เพราะวาโลกภายในนั้นมีอยูเทาลมหายใจ
เหมือนกัน หากปราศจากลมหายใจเมื่อใด โลกภายในก็คงอยูไมได ถามันเปนคุณสมบัติแบบดาวเคราะหที่พึ่ง
ตัวเองไมไดนะจะ มันจึงตองหาตําแหนงโคจรไปใชมั้ยจะ แบบที่โลกอยูในลําดับที่ 3ของสุริยจักรวาลและยังคง
ลําดับนี้อยูเพื่อการมีชีวิตที่มหัศจรรย หากโคจรในวิถีอื่นก็เปนแบบดาวอื่นในจักรวาล แลวการเปนจริงเทาลม
หายใจออกมันเปนโลกแบบไหน โคจรในวิถีเชนใดละ โลกภายในของเรานี้เองละจะที่เลือกเสนทางโคจรเองได จะ
เปนการรักษาตําแหนงอยางโลกหรือดาวดวงที่3ในสุริยจักรวาล หรืออยางดาวดวงอื่น ดาวฤกษก็ไดเชนกัน ฉันคิด
วาพลังงานในโลกภายในก็เพียงพอที่จะเปนไดทุกแบบละมั้ง แตก็ตองแลวแตเหตุ ปจจัยของการอุบัติ ตรงนี้สัมผัส
ไดงายๆจะ อยางที่เราจับอารมณ ความรูสึกของเรานั่นแหละ เราจะรูวามันเปนการอุบัติแบบดาวเคราะหที่พึ่งการ
ปรุงแตงจิต ปรุงแตงกายดวยอารมณ สังขารก็ถูกลมหายใจปรุงแตง อยูอยางบริสุทธิ์เองยังไมได มันตองมีอารมณ มี
ตัวนําพลังงานมากระตุนใหตื่นมีชีวิต ถาสลัดอารมณออกก็จะเห็นอาการไรอารมณ อาการนั้นกับการอยูอยาง
ดาวฤกษมันก็คลายๆจะลิ้มๆชิมๆแนวไดจะ คิดดูเถอะวาโลกภายนอกจะเห็นวาอาการอยางนั้นอยูถูกที่ถูกตําแหนง
เพียงใด ฉันก็ไมไดเหมาวาผิดปกติธรรมดาบนโลกลําดับที่3ของสุริยจักรวาลนะจะ เพียงแตมันเปนจริงเทาลม
หายใจออกไดอยางนั้นจริง อยูไดโดยไมอาศัยอารมณเปนตัวนําพา อยูเหนืออารมณ เหนืออิทธิพลของการกระตุน
สัมผัส ความรูสึก จะเปนอยางนี้ไดคิดดูสิจะวาคืออะไร ยกตัวอยางเอาไฟไปจี้ดวงอาทิตยก็คงไมเห็นภาพชัด
นัก แตถาเย็บแผลสดกับเย็บแผลที่ฉีดยาชาจะชัดกวา เสียงของอารมณมันชัดกวากันจะ ทีนี้สงสัยมั้ยจะวาอาการไร
อารมณมันดีอยางไร ฉันวาชีวิตคนเราถาปราศจากรสชาติมันก็คงฝนธรรมชาติไปมากๆ แตธรรมชาติบนโลกมันก็
คือคุณสมบัติอยางดาวนพเคราะหนี่จะ ถาไมฝนมันแลวจะเปลี่ยนวิถีโคจรไดอยางไร ยานอวกาศฝนแรงดึงจาก
ธรรมชาติบนโลกเพียงใดจึงจะออกไปสูอวกาศได ตัวเราก็ตองใชพลังมหาศาลที่จะฝนธรรมชาติแบบธรรมดาบน
โลก เพื่อจะเปลี่ยนแนวโคจรที่โลกภายในใหหลุดพนวิถีมืดๆสวางๆ ทุกขปนสุข เปนๆหายๆ เกิดๆดับๆ ฉันวาไม
ตองขึ้นยานก็ออกจากวิถีโคจรเดิมๆไดจะ
ตอนนี้ฉันไมไดชวนใหทิ้งหรือสละโลกนะจะ เพราะที่นี่คือทางสายกลางแลวละ สําหรับสิ่งมีชีวิต แตถา
อนาคตหยุดปรุงเมื่อใด แบบวาลมหายใจไมเขาออกแลว มันก็ตองหวังตอโลกหนาหรือโลกภายในที่จะไมวนเวียน
โคจรอยางทุกขก็ทนสุขก็ไมเที่ยง มืดบางสวางบาง จะดานไหนยาวนานกวา กลางวันหรือกลางคืนนานกวา ก็
เปนโลกเฉพาะสวนตัวดวยละจะ โลกภายในนี่ละคือโลกอนาคตของตัวเรา จะวาไปแลวเหมือนดาราศาสตรและ
พยากรณศาสตรเปนสิ่งที่สัมพันธกันมั้ยจะ ฉันเชื่อวาเราไมรูตัววาโลกที่เราอาศัยอยู กําลังหมุนรอบตัวเองทุกขณะ
มันหมุนดวยแรงดึงและแรงเหวี่ยง แลวเหวี่ยงไปดึงไปทําไม ฉันนั้นเคยยืนหมุนรอบตัวเองสักหลายๆรอบแลว
หยุดยืนนิ่งๆ แตมันยืนอยูไมไดจะ โลกก็คงหยุดหมุนแลวอยูนิ่งๆไมไดทํานองเดียวกัน ฉันรูสึกวาตอนหยุดอยูกับ
ที่หลังจากหมุนรอบตัว มันมีแรงเหวี่ยงตัวเองและแรงดึงระหวางเรากับโลก ซึ่งก็เหมือนที่เรามีลมหายใจเดิน
ทางเขาออกระหวางเราและโลกเพื่อการดํารงอยูของชีวิต แตโลกมีการดํารงอยูในลักษณะเหวี่ยงและดึงระหวาง
โลกกับจักรวาล เพื่อดํารงอยูไดไมเสียสมดุลในโคจร นั่นคือโลกตองเปลี่ยนแปลงทุกขณะเพื่อรักษาวิถีโคจร ถา
โลกภายในของเราเปนไปตามกระแสโลกภายนอก ก็ยอมไมรูสึกถึงการเปลี่ยนแปลงพอๆกับไมรูสึกวาโลก
หมุนรอบตัวเองจะ และหนีไมพนการเดินทางซ้ํารอยเกา คือหายใจเขาออก ประกอบไปดวยนาวาของอากาศที่
เชี่ยวไหลขุนตามกระแสการเปลี่ยนแปลงโลกภายนอกที่ไมหยุดนิ่ง วนอยูบนโลกกลมๆทั้งขุนทั้งหมองมัวหมน
มันก็เปนธรรมดาโลก ที่ฉันอยากจะบอกวาทัวรลมหายใจแหงการเดินทางนั้น พาชมแหลงทองเที่ยวเพื่อสัมผัส
มหัศจรรยก็เลยไมเนนรอยทางธรรมดาซ้ํารอยเดิมๆ ทัวรนี้จึงจะไมเสียเวลาอยางนาเสียดาย แตก็อีกนั่นแหละ
มาถึงแอรพอรตแลวมันสายไปสําหรับการเลือกวิถีโคจร ยังไงก็ตองเทคออฟตามวิถีที่ไดปรุงแตงมาแลวนั่นแหละ
จะ
ปกติเมื่อมาถึงแอรพอรตก็สุดการปฏิสัมพันธกันแลวมั้งจะ ตางคนก็ตางมีวิถีโคจรเฉพาะตัวละ สวนตัวฉัน
ไมมุงเนนสํารวจแหลงพลังงานที่ไหนอีก เพราะแคกายและจิตกับลมหายใจก็พอเพียงที่จะใหพลังงานเพื่อดํารงอยูได
ทั้งแบบเกิดๆดับๆ และพลังงานมหาศาลดุจดาวฤกษก็ยังได ก็เลยชอบคนควาสูตรการปรุงเพื่อปรุงโลกภายในให
มหัศจรรยนะจะ อยางนอยๆก็พอใหมีพลังแสงสองทางไปตลอด จะหลับจะตื่นก็ไมหลงทาง ฉันวาโลกภายใน
ของตัวเรานี้แหละ สรางไดตอนที่มีลมหายใจเปนองคประกอบอยู ถาไมปรุงแตงโลกของเราจริงๆตั้งแตตอนมีลม
หายใจ แลวจะไปเอาอะไรมาเปลี่ยนแปลงพลังงานใหมีศักยภาพดํารง สถิต อยูไดละจะ ที่พรรณากอนออกจากแอร
พอรตเสียทีก็เพื่อบอกวา ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางในเวลาตอไป แมจะเริ่มกาวจากแอรพอรตเขาสูแหลง
ทองเที่ยวอีก แตเราจะสรางโลกของเราแตละคนเปนโลกที่มีศักยภาพ เปนดินแดนมหัศจรรยจะ เราจะไมเดินทาง
แบบทําลายแหลงทองเที่ยวหรือเสียเวลาเปลา เชนทําลายสุขภาพกายและจิต โลกภายในของเรานี้เราสรางเองได
และฝากอนาคตไวที่โลกที่แทจริงในตัวเราไดจะ ลมหายใจออกก็เปนจริงสูโลกภายนอกเทาลมหายใจออกนะจะ ยัง
มีโลกที่แทจริงซึ่งอยูในตัวเรา จนกวาจะสิ้นสุดการเดินทางของลมหายใจ เมื่อนั้นก็จะหยุดศักยภาพของโลกที่
แทจริงแคเพียงเทานั้นที่ลมหายใจสุดทาย แลวโลกที่แทจริงนี้แหละที่จะเปนโลกอนาคตโคจรไปตามวิถีที่มี
ศักยภาพสุดทายในเมื่อนั้น พลังงานที่ถูกหลอมจนเปนสภาวะทรงศักยภาพในการดํารง สถิตเชนใด ก็เปนจริงเทาลม
หายใจแหงการเดินทางของแตละคนแตกตางกันไปจะ ฉันคิดวาสัมผัสที่ฉันไดจากการเดินทางไปกับลมหายใจนี้
มันสัมผัสไดเฉพาะตัวจึงยากจะพรรณา เพราะมันจริงเทาลมหายใจ ดังนั้นตองหายใจและสัมผัสลมหายใจเอง
เชนกันจะ
ฉันพามาสงอดีตเหินเวหาสูโลกภายนอกในตอนนี้ มันก็ไมไดไปไหนจากโลกหรอกจะ ใชวาเมื่อเราหัน
หลังใหลมหายใจออกแลวเดินทางจากแอรพอรตกลับเขาสูแหลงทองเที่ยวอีกครั้ง ก็จะทิ้งทุกอยางไวภายนอกได
เพราะตัวเราที่เห็นโทนโทนี่มันอยูบนโลกใบเดียวกับลมหายใจออกเมื่อครูนี้แหละจะ การเดินทางที่ผานมาฉัน
พรรณาเปนตุเปนตะเรื่อง รู เห็น เปน จริง กับลมหายใจแลว ถาสัมผัสไดอยางไรก็ใชสัมผัสนั้นละจะ บางทีการ
พรรณากลิ่นมันก็ไมเทาสูดดมเองจึงจะรูกลิ่นแทๆ วามั้ยจะ ถาบอกวานี่คือกลิ่นอวกาศ ฉันก็วาพรรณาไปเถอะ
เหมือนกัน อาจจะซื้อมาลองดมเพื่อสัมผัสกลิ่นแทๆวาเปนอยางไร แตลมหายใจแหงการเดินทางไมตองซื้อก็
สัมผัสไดเองทุกขณะที่มีลมหายใจจะ
ไมหายใจเขาก็ไมรบกวนกันอีกตอไปแลว