You are on page 1of 47

5 ซ.ชยางกูร42.2 ถ.

ชยางกูร
ต.ในเมือง อ.เมือง
จ.อุบลราชธานี
34000
มิถุนายน 2552

เรื่อง ขายตนฉบับ
ถึง ทานที่เปดโอกาสใหนําเสนอทุกทาน

ดิฉัน เรืองรัตนจันทร สุญญตา กะตาศรี มีตนฉบับเรื่อง ลมหายใจแหงการเดินทาง เปนเรื่องเกี่ยวกับอากาศ


ที่วนเวียนอยูในชีวิต และเกิดผลตอชีวิตทั้งขึ้นทั้งลอง ซึ่งเรียกวา ลมหายใจ ที่เดินทางเขาออกรางกายเหมือนทอง
ดินแดนมหัศจรรย พรอมกับการรู เห็น เปน จริง ระหวางการเดินทางไปกับลมหายใจ ในลักษณะสัมผัสทั้งทาง
โลกียะและทางธรรม อยางเนียนไปดวยกันตามธรรมชาติ แบบที่สัมผัสลมหายใจคะ เรื่องตางๆในชีวิตอาจเห็นได
แคปลายจมูก พอๆกับจัดการไดแนวจัดการลมหายใจ เพราะเปนเรื่องธรรมดา จึงสัมผัสไดแบบธรรมดาคะ เริ่มตน
สัมผัสไดทุกเมื่อในชีวิต แมแตลมหายใจเฮือกสุดทาย อาจเปนจังหวะปงพอดีก็ไดคะ หวังวาจะอานแลวสนุก
เพลิดเพลิน เปนเกร็ดเล็กๆนําไปใชประโยชนบางตามสมควร และชวยทําใหอากาศไมเปนพิษเพื่อลมหายใจใน
อนาคตคะ จึงสงตนฉบับมาใหอานและคัดเลือก
หากทานสนใจจะนําตนฉบับเรื่องนี้จัดพิมพและจําหนาย กรุณาติดตอดิฉันทางอีเมล
suyyadha@yahoo.com หรือโทร.0823759423,0816699232 นอกจากนี้ทานจะเลือกตนฉบับเรื่องอื่นที่ดิฉันเขียนไวได
โดยเลือกดูในwww.scribd.comและใชคําคนดวยคําวาsuyyadhaจะไดอานตนฉบับทั้งแนวปรัชญา กําลังใจ ขําขัน
วิถีชีวิต ความสุขและแรงบันดาลใจเชน สุขบางทุกขบางตั้งแตเกิด ไขกับชีวิต อวัยวะหาเรื่อง เวลานาฬิกาชีวิต
บานนาอยูเปนบานแบบของใคร ดอกไมสีขาวกับแจกันที่คูควร ลมหายใจแหงการเดินทาง happy ? be
distressful ? since be born , an egg and the life , an organ makes trouble, time clock life , a house is livable

very like [ model ] , Whose, white flower with the vase that fits, breath is trave ทุกเรื่องพรอมจะจัดพิมพและ
จําหนายคะ

ดวยความนับถือ
สุญญตา
ลมหายใจแหงการเดินทาง
1.รูวามีลมหายใจเขา
2.เห็นลมหายใจเขาไป
3.เปนลมหายใจเขา
4.จริงเทาลมหายใจเขา
5.สุดทางลมหายใจเขา
6.รูวามีลมหายใจออก
7.เห็นลมหายใจออก
8.เปนลมหายใจออก
9.จริงเทาลมหายใจออก
10.ไมหายใจเขาก็ไมรบกวนกันอีกตอไปแลว
รูวามีลมหายใจเขา

เมื่อใดที่จมูกไดกลิ่น ยอมรูวามีลมหายใจเขาแนนอน ความรูสึกนี้ถาไมเปนหวัด ก็ไมมีทางระงับความรูสึก


เตะจมูกโดยฉับพลันไดมั้งจะ เราอาจปฏิเสธกลิ่นที่ไมพึงพอใจดวยวิธี ระงับตนตอของกลิ่น หรือวิ่งหนีไปใหไกล ก็
แลวแตความถนัดจะ ในที่สุดกลิ่นก็จางคลาย ฉันไมแนใจวาเปนแนวทางลําเอียงรึเปลา เพราะกลิ่นไมไดอยูเพียง
ลําพังแตอยูปะปนกับวัตถุธาตุ อากาศธาตุอื่นอยางละเอียด ชวงปฏิเสธกลิ่นนั้นเปนชวงของความรูสึกพิถีพิถัน สูด
ลมหายใจเขาอยางตั้งใจเลย วามั้ยจะ อารมณรูวามีลมหายใจเขา ที่พิจารณาสิ่งซึ่งเปนปกติกับไมปกติในตอนนี้ จับจอ
อยูในลมหายใจไมเพียงแคผานๆ อยางนอยก็แยกกลิ่นไมพึงพอใจไดในทันทีจะ วินาทีนี้แหละที่เรารูวาลมหายใจมี
ผลตอรางกาย แมแตอารมณ ความรูสึก จิตใจก็พลอยฟาพลอยฝนไปดวยจะ เราจึงจําเปนตองขจัด ระงับกลิ่นไมพึง
พอใจเสีย ไมใหพัฒนาไปถึงขั้นเปนพิษ มลพิษตอไป จะเห็นไดชัดวาในบริเวณที่อากาศเปนมลพิษ ผูที่อยูในที่นั้นจะ
ไดรับผลกระทบตอสุขภาพจะ ภาพที่เห็นจนชินตาเชน ถนนที่หนาแนนดวยรถ ซึ่งมีทั้งคารบอนไดออกไซดและ
คารบอนมอนนอกไซดที่มองไมเห็น แตพอเขาไปกับลมหายใจแลว สักพักจะวิงเวียน คลื่นไส ถึงกับอาเจียน หมด
สติ ไดจะ แนนอนบัดนั้นจะรูแนๆวามีลมหายใจเขาแบบไหน
ลมหายใจเขานั้น มีวีซาแบบไหนจึงเขาไปในรางกายได คงไมใชเรื่องแปลก เพราะเขาตรงทางนี่จะ ผา นทาง
จมูกก็ใชได ทางอื่นนั้นคงหามผาน เรารูวามีลมหายใจเขาที่ตรงจมูกนี่แหละจะ มันชัดเจนวาตัวเราไดเชื่อมอยูกับ
อากาศที่แวดลอมทุกขณะดวยลมหายใจ แลวหัวใจสําคัญของลมหายใจเขาคืออะไร ทําไมจมูกจึงเปนทางเขาของลม
หายใจ ก็ถาจะจุดไฟดวยการถูหิน จะมีไฟแช็คไปทําไมละจะ หัวใจสําคัญของลมหายใจเขาก็เปนการจุดประกายให
เกิด พลังชีวิต แสงสวาง ไมใชดับ เมื่อเขาตรงทางที่ใช ก็เหมือนจุดไฟดวยไฟแช็ค ออกซิเจนอยูในลมหายใจเขา ทํา
ปฏิกิริยาระดับเซลแลวเกิดพลังชีวิต ถาออกซิเจนไมเพียงพอจะรูสึกพะงาบๆ เหมือนตกอยูในบรรยากาศพิศวง
แสดงวาออกซิเจนคือหัวใจสําคัญของลมหายใจ และนั่นคือสิ่งที่ลมหายใจมี แตสิ่งที่ลมหายใจเปนนั้น การรูวามีลม
หายใจเขาจะรูไดวาลมหายใจเปนสวนหนึ่งของตัวเราที่มองไมเห็น ลองกลั้นหายใจแลวจะรูวาชีวิตไมสมบูรณ
เพราะสวนที่เปนลมหายใจถูกตัดการเชื่อมตอของชีวิต เหมือนรัดเสนเลือดใหไหลไมได สวนที่เลือดไปเลี้ยง
ไมไดก็จะเนา ลมหายใจก็ไหลอยางเดียวกันนี้ระหวางตัวเรากับภายนอก ถาเลือดคือตัวเรา ลมหายใจก็คือตัวเรา และ
เปนหัวใจสําคัญดวย ฝากชีวิตไวกับลมหายใจก็เสี่ยงนอยกวาฝากไวกับอยางอื่นที่สุดแลวจะ ถึงแมเราจะรูวามีลม
หายใจเขา ตอนมีกลิ่นมาผสมซะเปนสวนใหญ แตหัวใจสําคัญของลมหายใจเขาก็เปนออกซิเจนไมเปลี่ยนจะ แม
กลิ่นจะมากระชากความสนใจตอลมหายใจรึไมก็ตาม ฉันสัมผัสความรูสึกที่แตกตางในเวลาที่หายใจตอนไดกลิ่น
กับไมไดกลิ่นไดวา ความละเอียดไมสะดุดอารมณความรูสึก เทาความหยาบ แบบที่ลมหายใจละเอียดนั้นจะบริสุทธิ์
กวาลมหายใจหยาบ และไรกลิ่น ไรมลพิษ เวลาสูดลมหายใจแลวแทบไมเกิดอารมณ ตางจากสูดอากาศที่มีทั้งกลิ่น
หอม ฉุน เหม็น ฝุนควันไอเสีย เชื้อโรค กาซพิษ ทําใหอารมณแปรปรวนไดเลยจะ กระตุนอารมณชนิดกระตุกตอม
ทุกขอยางลอยนวล รูวามีลมหายใจเขาแบบเปนทุกขจะ พอไดกลิ่นไมพึงพอใจก็รูวามีทุกขเขามาในชีวิตไดโดย
ฉับพลัน
เลือดไหลไปมาระหวางสวนตางๆภายในรางกาย ลมหายใจนั้นไหลไปมาตั้งแตในรางกายไปทะลุภายนอก
ถึงไหนตอไหน และจะตัดเสนทางเดินของลมหายใจไมได เหมือนกันกับตัดเสนเลือดนะจะ ก็เลยคิดไดวา ชีวิต
ที่เปนตัวเราก็แคสวนหนึ่งสวนใดบนโลก หรือไมก็ โลกเปนแคสวนหนึ่งของเรา แบบเปนสวนที่อยูในรางหรือ
โลกเดียวกัน หลอเลี้ยงใหมีชีวิตอยูดวยลมหายใจเชื่อมเขา-ออกระหวางตัวเรากับภายนอกตัวเรา แบบที่เลือด
ไหลเวียนไปเขา–ออกสวนตางๆของรางกาย เมื่อการเปนสวนหนึ่งสวนเดียวกันระหวางโลกกับตัวเราเชนนี้ การ
เปลี่ยนแปลงบนสวนใดๆไมวาจะเปนโลกภายนอก หรือภายในตัวเรา ก็จะกระทบถึงกันแนนอน เพราะลมหายใจ
นําเอาความเปนไปจากการเปลี่ยนแปลงเขามาสูและออกไปจากตัวเราดวย เหมือนเลือดที่ติดเชื้อในกระแสเลือด
สวนที่อยูในรางกายก็ไดรับผลกระทบแนนอน เราจะรูวามีลมหายใจเขา เพราะแสดงอาการอันเนื่องมาจากความ
หยาบของลมหายใจอยางเดียวคงจะไมดี ถารูลมหายใจละเอียดบอยกวา นาจะเปนประโยชนมากกวา เหมือนสัมผัส
กระดาษทรายกับกระดาษกรอง ความหยาบจะทําใหสะดุดอารมณ ความรูสึก ฉุดใหเกาะอยูอยางเหนียวแนนแบบ
กระดาษทรายครูดเอาผิวที่สัมผัสเกาะติดไปกับมันดวย แตกระดาษกรองจะไมครูดพื้นผิวสัมผัสใหเกาะไปเหมือน
กระดาษทราย และผานสัมผัสไปคลองและลื่นกวา แลวลมหายใจละเอียดกับลมหายใจหยาบทําไดอยางไร
ตัวลมหายใจก็เหมือนเลือด เมื่อมันไหลเขา มันก็เปนอยางที่มันเขามา ถาปนเปอนสิ่งไหนก็มีคุณสมบัติเชนสิ่งที่
ปนเปอนจะ ถาไมตองการความหยาบจากกระดาษทรายก็ตองไมออกแรงตานทานการสัมผัสและไมออกแรงไปกับ
สัมผัสจนดึงดูดไปดวยกัน ยิ่งตานก็ยิ่งไปเกาะกับความหยาบแลวถูกครูดไปกับความหยาบนั้นละจะ ปลอยใหมันเลย
ไป ก็จะไมเกิดจุดเกาะเกี่ยวระหวางตัวเรากับความหยาบที่มีในลมหายใจได เหมือนสัมผัสกระดาษทรายหยาบ
แบบไมใหครูดเอาผิวเราไปดวย
ลมหายใจละเอียด คือลมหายใจที่เราควบคุมได แบบที่เย็นชาสุดๆกับความหยาบ เวลาเรามีอารมณ ไมวา
จะโมโห ฉุนเฉียว โกรธอยางบาคลั่ง คลุมคลั่ง ตื่นเตนดีใจ ลมหายใจจะเร็ว ถี่ สั้น บางทีหอบไมรูตัว เพราะโดน
สัมผัสกระดาษทรายและถูกครูดไปกับมันเต็มเหนี่ยวจะ เจอลมหายใจหยาบแบบไปดวยกันกับมัน เหมือนมัน
ควบคุมตัวเรามั้ยจะ ถาเปนเลือด ก็ซึมซับเอาพิษในกระแสเลือดไวแบบเปดประตูยื่นมือทักทายกับมันเลย จะเคยรูจัก
กันมากอนแตปางไหนก็ไมรูละ แตจูนสัญญาณตรงกันเกิดปฏิกิริยาในขั้นหยาบ เขาคูอยูใหเห็นภายนอกไดเปน
อารมณ ความรูสึก ที่เกาะอยูกับความหยาบในแบบอารมณ ความรูสึกนั้นๆ ตางจากเวลาเฉยๆมั้ยจะ ที่พอเฉยก็จะ
แทบไมรูดวยซ้ําวาหายใจ เพราะลมหายใจมันละเอียดกวา ไมเร็ว ถี่ สั้น แตจะยาว ชา ลึก ไมหอบ ไมพลุงพลาน
แบบกระดาษกรอง ไมเปนกระดาษทราย เราจึงควบคุมใหลมหายใจละเอียดในลักษณะนี้จะ คือ รูวามีลมหายใจเขา
แลวก็รูจักลมหายใจวามันหยาบหรือละเอียดอยางไร เมื่อรูเทาทันความหยาบ ก็ระวังไมใหถูกครูด ลมหายใจนั้นก็
จะผานไปโดยไมสําแดงปฏิกิริยาในตัวเรา เมื่อใดสัมผัสอารมณ ความรูสึกเชนนี้ ก็จะสัมผัสลมหายใจละเอียดได
วาเปนอยางไร ตองใชเทคนิคบางนะจะ ในเมื่อลมหายใจเปนเรื่องทางกาย เกี่ยวเนื่องอยูกับดานรางกาย แตวาตัว
เรามีจิตดวย ไมไดมีแตกายเทานั้น กายนั้นปฏิเสธลมหายใจไมไดแนนอนพันเปอรเซนต แตปฏิกิริยาที่อยูเหนือความ
คาดหมาย มันเกิดขึ้นไดในตัวเราดวยจิตที่ควบคุมมันอีกทีนะจะ ทางกายภาพอากาศเปนอยางไร ลมหายใจเขาก็
เปนอยางนั้น แตเรามาแยกเอาแตหัวใจสําคัญมันที่คิดวารับไวใชก็พอ สวนที่ไมใชหัวใจก็ไมจับมือดวย จมูกชวย
คัดกรองใหในลําดับแรกอยูแลวละจะ สวนใหญถาสิ่งที่ปนอยูนั้นมีวิทยายุทธไมล้ําลึก ก็ถูกคัดอยูแครูจมูกนั่นแหละ
จะ แตถาผานจมูกเขาไปรางกายก็มีวิธีจัดการเชน ไอ จาม เพื่อขับออก หรือสําลัก แตถาวิทยายุทธสูงสงนักถึง
ขนาดทําใหรางกายระงับไปเชนเปนลมหมดสติ หรือสลบ ในแบบถูกวางยาสลบ ฉันเคยมีประสบการณตรงจะ
แบบอากาศเปนพิษ มันทําใหปวดหัวรุนแรง คลื่นไสอาเจียน ขณะขับรถอยู ฉันทนขับไปใหถึงจุดหมาย แตอาการ
มันหนักถึงขั้นหายใจรวยริน จะหมดลมอยูแลว แรกๆขับไปอาเจียนใสถุงไป แตมารูสึกวาจะขาดจากการรูสึกแลว
ตอนลงทางดวนใกลถึงที่หมาย ฉันคิดวาจะขับตอไปยังโรงพยาบาลใกลๆนี่เลยจะ ตอนนั้นแรงแทบไมเหลือ ก็จับ
ความรูสึกไรเรี่ยวแรงไววามันเปนอยางนี้แหละที่รูสึกไดอยู คิดทุกขณะวาจะไมทิ้งความรูสึกไมวามันจะเปนแบบ
ไรเรี่ยวแรงเชนนี้จนกวาจะถึงโรงพยาบาล ในใจมีแตคําวาไมยอมแพนะจะ ก็ไดมาถึงโรงพยาบาลพรอมถุงอาเจียน
ติดมือไมยอมปลอย จากประสบการณ ฉันรูสึกวา มาถึงโรงพยาบาลไดดวยการขับเคลื่อนของจิตใจที่แรงกลา
มากกวาอยางอื่น ไมยอมเปนลม ไมยอมหมดสติ นั่นจึงเปนสิ่งที่ฉันไดรูวา รางกายมีปฏิกิริยาปฏิเสธความหยาบที่มี
วิยายุทธสูงสง อยางเชนอาเจียน คลื่นไส ออกมาหรือแมแตหมดสติ เปนลม คงจะแสดงออกมาทํานอง ระงับดวยไม
ตายใหดับลงไปดวยกันเหมือนคอมพิวเตอรติดไวรัส รางกายก็ดับเครื่องซะเลย แตถึงกระนั้นก็ตาม ที่พึ่งในตัวเรายัง
ไมหมดจะ ฉันรูมาจากประสบการณแลววา ถากายเอาไมอยู ก็เปนหนาที่ของจิตที่จะออกมาประจัญหนาแลว ฟงดู
อาจไมเปนทํานองที่ฟงเพลินๆ หรือเหลือเชื่อ แตฉันวาไมมีอะไรเปนไปไมได เพราะทุกอยางไมแนนอน
ลักษณะทางกายกับลักษณะทางจิตก็แตกตางกันตามสภาพอยูดวย จึงยิ่งฟงไมขึ้นไปซะมากกวา เคยเกิดอุบัติเหตุ
ทางขอมูลแลวคอมพิวเตอรกูคืนขอมูลมาไดมั้ยจะ นั่นแหละจะที่จิตเปนที่พึ่งแกกายเรา แกตัวเรา ฉันไมคิดวาจะตอง
ถึงกับเชื่อเพราะมันไมมีประโยชนตรงที่เชื่อ แตถาสัมผัสลมหายใจเองจะไดมากกวาเชื่อจะ
จิตสงผลถึงลมหายใจทั้งยาว สั้น หยาบ ละเอียด สวนกายนั้นเปนหนึ่งเดียวกับลมหายใจ ถาจิตไปทาง
เดียวกับกายและลมหายใจ ก็เหลือแตสัญชาตญาณแลวละจะ เปนเรื่องดิบ ไมพรอมสําหรับการเจริญงอกงาม เมื่อรู
วามีลมหายใจเขา ก็จะรูวาจิตทําอะไรอยู ในแงของชีวิตที่มีทั้งรางกายและจิต การเปนหนึ่งเดียวกับลมหายใจสําหรับ
กายนั้น มันเปนเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันอยูโดยธรรมชาติอยูแลว จิตเปนผูใหญกวากาย มีความละเอียดกวา ก็จะเหมือน
ผูใหญที่ดูแลเด็ก กายเพลิดเพลินไปกับลมหายใจ เหมือนเด็กเลน เวลารูวามีลมหายใจเขาจึงเหมือนเด็กรูสึกตัวจาก
ที่กําลังเพลิน ตางกับเมื่อกลั้นหายใจ ตอนนี้จะรูแนๆวาไมไดเลนอยูลําพัง แตมีผูใหญอยางจิตดูอยูดวย ปกติก็เพลิน
ทั้งเด็กทั้งผูใหญไปดวยกันจะ กายรับออกซิเจนไปจุดพลังชีวิต จิตใจก็เบิกบานตื่นตัว และรับสัมผัสอยางมีชีวิตชีวา
ดวยใจ ก็แลวแตจะแนวไหน แนวทุกขหรือสุขก็มีหมดจะ เหมือนออกซิเจนจุดประกายใหพลังชีวิตโดยเปนสวน
ของชนวน จากนั้นก็จะลามไประเบิดเปนพลุในจิตใจตอไป เพราะกายและใจอยูดวยกันแบบพลุกับชนวนของพลุ
ลมหายใจก็มีหัวใจสําคัญคือออกซิเจน ที่จะไปจุดชนวนพลุในตัวเราละจะ ลมหายใจเปนสายใยชีวิต ถาไมได
จุดพลุจะเปนแบบไหน ละจะ ออกซิเจนมีอยูบนโลก และตัวเราก็มีออกซิเจนที่อยูในลมหายใจเปนสายใยเชื่อมตอ
กับโลกภายนอกตัว ไปถึงไหนตอไหน ถาตัดสายใยธรรมชาตินี้ได ก็คงอยูเหนือธรรมชาติจะ แตเรื่องเหนือ
ธรรมชาตินี้ ฉันวาคิดเอาไมได คาดคะเน คํานวณ กะเกณฑ สรุปวา เดายังไมไดเลยจะ ตองประจักษแจงดวยใจ เอา
ตาพิสูจนก็คงไมใชเครื่องมือที่เหมาะสมในการพิสูจน ตองเอาใจศึกษาใหถองแท พิสูจนดวยจิตแลวกายมันก็จะออ
เองจะ เพราะธรรมชาติมีสิ่งที่ตรงขามกันในตัวเอง แมแตสิ่งที่ไมเปนธรรมชาตินี่ไงจะ แลวเหนือธรรมชาติจะไมมี
ไดอยางไร ฉันวาธรรมชาติมีทุกสิ่ง ดังนั้นสิ่งที่เหนือกวาการมีทุกสิ่งก็คือความวางจะ ถาปราศจากทุกสิ่ง สิ่งที่เหลือก็
คือความวาง ใชมั้ยจะ ภาพความวางจึงครอบคลุมทุกสิ่ง หรือก็คือภาพ ทุกสิ่งนั้นอยูภายในกรอบครอบของความวาง
วาดภาพวงกลม แลวเติมจุดใหเต็ม จากนั้นลบทิ้งจุดทุกจุด นั่นแหละจะ ความวางครอบคลุมเหนือทุกสิ่ง ภายใน
ความวาง คือธรรมชาติ และเหนือธรรมชาติ คือความวาง
ลมหายใจมีออกซิเจนเปนสวนสําคัญที่ทําใหวางจากการหลับ ฉะนั้นเมื่อรูวามีลมหายใจ ก็เหมือนมีแนว
สองสวางแบบไมหลับ แตปลุกใหตื่น แบบนอนอยางเปดไฟแยงตานะจะ ในมุมมองอีกมุมหนึ่ง ลมหายใจเดิน
ทางเขาจมูกลงปอด มีทิศมุงไปทางกายชัดๆเลยจะ สวนจิตหรือตําแหนงสมองนั้น ไมไดจับมือกับลมหายใจเปนทาน
แรก แตปอดจะแนะนําใหรูจักตามธรรมเนียมธรรมชาติแนนอนจะ แบบการพบกันระหวางผูติดตอเชื่อมโยง ก็จะ
จับมือกับผูติดตอโดยตรงกอน แลวจึงแนะนําผูที่เกี่ยวของตอไป ในมุมมองนี้ฉันวาแมจิตจะเปนผูใหญกวากาย แตรู
หนาที่ วากายคือสวนที่ลมหายใจตองมุงไปสัมผัสมือดวยเปนอันดับแรก ฉันก็คิดวาดวยความเปนธรรมชาติดวยกัน
ทั้งจิตทั้งกาย จึงเขาใจได ไมลัดวงจร เมื่อรูวามีลมหายใจเขา ก็รูวาปอดแสดงนํา จิตไมแยงซีน แคนี้ก็รูแลววา แยก
ลมหายใจจากกาย แบบแยกจิตกับกายไมเหมือนกันแนนอนจะ มันพอๆกับตัดเสนเลือดใหญในทีเดียว การปราศจาก
ลมหายใจจึงหลับไมตื่น อยูนอกระบบไหลเวียนลมบนโลกซะแลว แตก็ไมไดเหนือธรรมชาติเสมอไปจะ พอรูวามี
ลมหายใจเขา ก็ทําใจวาชีวิตขึ้นอยูกับการไหล เดี๋ยวไหลเขา ไหลออก ไหลไมหยุด ไหลลื่น ตองปลอยใหไหลจะ
เพราะเปนธรรมชาติ ลมหายใจไหลเขาแลวก็ไหลออก กายของเราแคเปดวาลวเพื่อถายลมเขาออกสอดรับตาม
ธรรมชาติ ขณะหายใจจึงมีทั้งธรรมชาติครบทุกรูปแบบ รส กลิ่น เสียง สัมผัส สวนใหญก็รักธรรมชาติ วามั้ยจะ
แมบางครั้งจะอดที่จะเผลอไปวาธรรมชาติจัดได กําหนดได ถารูวามีลมหายใจเขา ก็จะรูในทันทีวาธรรมชาติกับตัว
เราไหลลื่นไปมาระหวางกันอยูเสมอ หนีธรรมชาติไมพนนะจะ
จิตที่อยูกับธรรมชาติอยางกาย ก็ยอมมีธรรมชาติของจิตที่จะอยูรวมกันแบบธรรมชาตินี่แหละจะ ใจสั่งมา
คือคําตอบที่ฟงแลวเปนบวกนะจะ จิตเชื่อมโยงกับกายและลมหายใจดวยกันนั่นแหละจะ หายใจเขาก็รูวามีลม
หายใจเขา มาสูความเปนหนึ่งเดียวทางกาย และพลอยเปนบริวารของจิตไปดวยกันจะ การมาเปนบริวารของจิตก็
สังเกตจาก อวัยวะบางสวนก็อยูภายใตการควบคุมของจิตใจ แบบผูใหญดูแลสายตรง ไมไกลปนเที่ยงจะ เชนที่ใช
ประจําก็ มือ เทา ขา แขน ตา ปากคอ อวัยวะภายนอกที่มองเห็นทั้งนั้นจะ ใจสั่งมาลุยโดยเฉพาะ แลวเมื่อมีลม
หายใจเขา ลมหายใจนั้นจะเปนอยางอื่นนอกจากบริวารของจิตตอไปไดอยางไรจะ เพราะเขามาเปนหนึ่งเดียวกับ
กายที่เปนเด็กในปกครองของจิตอยูนี่จะ เมื่อรูวามีลมหายใจเขา ก็รูไดวาตองมีผลตอกายและจิตอยางตรงไปตรงมา
จะ ขณะหายใจเขากายและจิตเปนอยางไร เมื่อสัมผัสทุกแงทุกมุม อันนี้ก็สัมผัสไดแบบวา กายก็มีบุคลิกภาพทาง
กาย จิตก็มีลักษณะทางจิต แลวแตจะมากํากับการแสดงกันเชนใด หายใจเขาแตละครั้ง ลมหายใจไมซ้ําเดิมหรอก
จะ กายที่มีบุคลิกขณะหายใจเขาแตละครั้ง ก็หลากหลายบุคลิกไมซ้ํา แมกระทั่งจิตใจก็ตางจิตตางใจ ไมเหมือนกัน
ทุกลมหายใจจะ เมื่อลักษณะลมหายใจบวกกับกายและจิตขณะลมหายใจหนึ่ง ก็จะจุดพลุเกิดเปนพลุรูปแบบไมซ้ํา
กัน พลุที่เปนดั่งตัวเรานั้นจุดแลวระเบิดไดหลายแบบจะ ลมหายใจก็นําออกซิเจนมาจุดพลุตามจังหวะการหายใจ
เขา จะไดพลุแบบไหน ก็ตองเปนจังหวะของลมหายใจ บวกกับกายและจิตในแบบที่อยูในขณะนั้นๆจะ สภาพ
ของใจที่ไมสนใจกายสักเทาไหร กายก็ทํางานหายใจแบบขอไปที แตถาใจมีบทบาทมากๆเชน อารมณรุนแรง จะดี
ใจหรือทุกขใจ โกรธ เกลียด เศรา เสียใจ อิจฉา ริษยา กายก็จะเปนบริวารที่กุลีกุจอทําเปนเรงรีบทํางาน ก็จะ
หายใจเร็ว ถี่ สั้น ฉันวาลักษณะของกายและจิตบวกกับลมหายใจ เปนโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตเสมอจะ เพราะเรา
หายใจเขาอยูเรื่อยๆเพื่อจุดพลังชีวิตไมขาดตอน ดังนั้นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงในชีวิตจึงมีอยูทุกขณะในลม
หายใจเขาจะ นึกภาพจุดพลุดีๆนี่ละจะ ตั้งใจจุดสักครั้งแลวจะรูวาพลุมีหลายแบบ เลือกกอนจุดก็จะดีจะ เพราะลม
หายใจเปนสวนหนึ่งของรางกายและเปนสายใยแหงชีวิต ลมหายใจเขาละเอียด กายก็ละเอียด บริวารดี จิตก็สุข
สบาย ลมหายใจดีคงจะเปนลมหายใจละเอียดมากกวาลมหายใจหยาบจะ แตจะใหยกถังออกซิเจนเลยก็ไมใชวิถี
ธรรมชาติมั้งจะ สภาพที่ปวยอาจจะใชไดจะ ในสภาพปกติก็มีลมหายใจละเอียดดวยการไมปลอยใหกายทํางานตาม
สบายเกินไป แตจิตตองกําชับการสูดหายใจอยางมีประสิทธิภาพ แตก็อีกนั่นแหละจะ แตละคนหายใจลึกสุดไดไม
เทากัน จะบอกวาหายใจขนาดไหนพอดีกับตัวเองที่สุด คงวัดลมหายใจแทนกันไมไดนะจะ เหมือนจับจังหวะจุดพลุ
ที่มีแบบพลุในตัวไหลเวียนสลับไปมาที่เกิดจากลักษณะกายและจิตที่เปนอยูขณะลมหายใจนั้นๆ ถาเคยเลนปา
ลูกดอกเอาแจคพ็อตก็จะรูสึกไดจะ วาจับจังหวะจุดพลุใหเจอพลุแบบที่แจวเปนยังไง สูดลมหายใจเขาอยางมี
ประสิทธิภาพเปนจังหวะพอดีในแตละคน ก็จะจุดพลุอยางรูตัวและเลือกได ดวยสตินี่แหละจะ แบบที่งายมากๆเลย
ก็เริ่มสูดหายใจเขาลึกสุดๆ จะรูวาสุดลมหายใจนั้น เหมือนรอคําสั่งอะไรอยู ใชมั้ยจะ ทําไมไมกลับลํา ทบทวนใหม
อีกที คําสั่งนี้ออเดอรเมื่อมาสุดลมหายใจทุกทีใชมั้ยจะ เหมือนลมหายใจเขาทุกครั้งตองทบทวนทุกทีสินา แลวคิด
วาจุดพลุแตละครั้งเปนที่นาพอใจในชีวิตเพียงไหนละจะ จึงตองทบทวนแลวทบทวนเลา ทบทวนหลายครั้ง สมาธิก็
มาเยือนจะ รูสึกไดวาคําสั่งทบทวนเมื่อสุดลมหายใจอยูในกฎธรรมชาติ ฉันจึงสัมผัสคําสั่งไมตายจากธรรมชาติวา
ทบทวนใหมอีกครั้งจะ ตามลมหายใจมาแลวก็ไมตองใชวีซาแมจะเปนอธิปไตยสวนตัวนี่แหละจะ เดินทางเขาสู
ดินแดนลึกแตไมลับ แปบเดียวก็เดินทางออก จะทําวีซาชั่วขณะหายใจเขาก็เวอรแลวจะ แปบเดียวของแตละคนก็ไม
เทากัน จะอยูในดินแดนภายในไดนานแคไหนก็อยูที่การสูดลมหายใจเขาไดละเอียดเพียงใดจะ ทองดินแดนขางใน
ไดละเอียดตามลมหายใจละเอียดนั้นๆละจะ ซอกแซกไดแคไหนก็คงตองมีความชํานาญทางมั้งจะ และนั่นก็คงตอง
สูดลมหายใจอยางสม่ําเสมอ ลักษณะแบบเครื่องเอทีเอ็มมีจังหวะทํางานสม่ําเสมอ ไมแปรปรวนตามอารมณนะจะ
แตเก็บสิ่งที่จําเปน สําคัญ เชนขอมูลโปะเซะ ในชวงเวลาที่คงที่ ไมเดี๋ยวชาเดี๋ยวเร็ว ลมหายใจที่มีประสิทธิภาพก็
สม่ําเสมอแบบนั้นจะ เปนจังหวะที่เนนเอาแตสิ่งจําเปน สําคัญ แบบการเดินทางติดตอแนวโลจิสติก แตได
ประโยชนคุมคาจะ
เห็นลมหายใจเขาไป

เมื่อรูวามีลมหายใจเขา ก็ตองมองสิจะ ปกติถารูวามีอะไรเกิดขึ้นก็ตองมองดูละจะ จะเปนไทยมุงแลวเปน


ยังไง ก็จะไดเห็นกับตาวามันเกิดอะไรขึ้น เปนstep การเดินทางไปกับลมหายใจขั้นตอไปจะ การที่ลมมันเขาไปใน
จมูก จะดูยังไงใหเห็นถาไมสองกลองเขาไป อันนี้กลองไมชวยอะไรจะ เพราะความเปนจริงนั้นเห็นไดดวยลูกตา
อยางเดียวไมครบถวนตามที่มีจริง ลมหายใจก็คือความเปนจริงที่เห็นไดจากการสัมผัส เอาสวนไหนสัมผัสเพื่อ
จะเห็นลมหายใจ ฉันรูสึกวาถนัดในการใชดานตรงขามกับปอดมันเห็นชัดดีกวานะจะ ใชความระลึกรู เพงดูลม
หายใจเห็นไดชัดถนัดกวา ฉันวามันอยูเหนือกวาจิตมั้งจะ ก็ตาภายในตัวเรานี่แหละ ที่จะเห็นทั้งจิต ทั้งปอดหรือ
กายไดจะ เห็นทั้งดานปอดและไมปอด เห็นชัดเลยวาทําไมจึงมีคําวาปอดๆ เพราะมันเปนดานที่ตรงขามกับใจ
สั่งมา ใจที่สั่งนั้นมันอยูทิศเหนือขึ้นไปตรงขามกับทิศของปอดนะจะ คราวใดใจสั่ง ก็เรียกวาไมปอดใชมั้ยจะ เมื่อ
เห็นลมหายใจเขาไป ก็ไดเห็นทางแยกอยูระหวางดานที่ปอด กับดานไมปอดจะ ยอนไปในตอนที่รูวามีลมหายใจ
เขานั้น เราใชจิตชวยมากๆเพื่อสนใจลมหายใจเขา จนรูวามีลมหายใจเขาใชมั้ยจะ ถาไมสนใจคงไมรูอาการนี้
วามั้ยจะ พอรูวามีลมหายใจเขาแลวก็มองลมหายใจเขา ทีนี้เราใชตามองจะ ตาที่วาก็อยูในตัวไมใชลูกตา แต
เปนตาตัวแม หลับตาก็เห็นจะ เห็นทั้งจิตทั้งกาย เห็นไดชัดถึงสัมผัสอยางที่เปนจริงนะจะ
เห็นลมหายใจเขาไป ตอจากไดรูวามีลมหายใจเขาแลวนะจะ คือรูอาการกอนจึงมองดูสิ่งที่เปนอาการ
นั้นนะจะ ก็คงจะจับตาเพงใกลจิต เพราะวาจิตมีบทบาททําใหรูวามีลมหายใจเขา ไมใชมองธรรมดาแตเพง
เหมือนการบอกวามีภูเขาจะยกไวหรือยกออกจากอก ก็รูดวยจิตจะ จะดูภูเขาก็ตองดูตรงจิตนั่นแหละจะ จะถาม
ทางกับคนที่รูทางก็ไดเห็นทาง หากจะถามทางกับคนที่ไมรูจักทางนั้นอยูแลว ก็ตองหาทางเอาเองมั้งจะ จะเห็น
ลมหายใจเขาไปได ดวยการตามจิตติดๆไปนะจะ มันเปนหนทางธรรมชาติอยูแลว จิตจับจออยูกับลมหายใจ
เห็นจิตก็เห็นลมหายใจอยูดวยกัน คราวนี้สัมผัสอารมณไดเลยจะ ใจสั่งมาเปนแบบไหน หายใจบริสุทธิ์หรือ
หยาบอยางใด จะเห็นวาลมหายใจเนื่องอยูดวยกับกายและจิต มีปฏิกิริยาตอกัน ดวยการเพงดูลมหายใจจะ ฉัน
คิดวาเปนการเดินทางที่ตื่นตาเมื่อเห็นลมหายใจเขาไป เพราะไดเห็นกายและจิตพรอมกัน ไปดวยนะจะ เริ่มแรก
ตองไมเปนแนวปอดเพราะจะหลงทาง ตาตัวแมอยูดานไมปอด หรือ ดานการเห็นชอบนั่นละจะ ทั้งนี้ฉันก็คิดวา
อาจจะเห็นไดกอนตั้งสติ มีสมาธิ หรือวาจะตองอาศัยสติ มีสมาธิแลวจึงจะเห็นชอบได ก็เปนเรื่องเฉพาะตัวดวย
มั้งจะ ไมเสมอไปที่ตองเปนไปอยางเดียวกันก็ได เพราะอัจฉริยะก็มีนะจะ คนที่ถึงขั้นมีสัมผัสไดเร็วเปนพิเศษก็
คงไมจําเปนตองตั้งสติ มีสมาธิ ก็เห็นไดแลวละจะ สวนปกติทั่วไปก็คงจะเริ่มดวยจับสติ จนมีสมาธิ แลวเห็นดวย
ปญญาจะ ตาตัวแมนี้แหละจะเห็นชัดมากกวาลูกตานักละ ใชวิธีพิจารณาทางนี้นะไดเห็นทั้งแพง ทั้งอาญา
เบ็ดเตล็ดทั่วไป จริงเพียงใด ก็คิดเอาเถอะวาลมหายใจเปนจริงหรือเท็จ
เห็นลมหายใจเขาไปแบบเห็นดวยใจ เรียกวารูสึกไดจริงๆ ก็เปนการเห็นจะ คือเห็นดวยตนเองโดยไม
ตองใชลูกตา แตใชสัมผัสที่เพงพิจารณาละเอียดกวาลูกตาจนรูสึกไดจริง เห็นอยางนี้คงลวงตาไดยากจะเพราะ
เห็นดวยใจ เห็นอยูภายในตนนั้นเองละจะ แลวอะไรจะปดมิดละจะ ชัดเจนกวาลูกตาเลยจะ ก็ตาตัวแมนี่นา เห็น
ทั้งจิตทั้งกาย ไมใชเรื่องเหลือวิสัยหรอกจะ เพราะไมมีความลับในโลกนี้ การเห็นดวยใจนี่ละที่ทะลุทะลวง
เปดเผยความลับที่มีทั้งหมดไดสิ้น เหมือนลมหายใจในอากาศไหลเขาตัวเรา ในขณะที่กอนหนานี้ก็คงไหลเขา
ใครบางก็ไมรู ใครจะวามีความลับในโลก คงนาลองเห็นลมหายใจนานๆ จะรูสึกวาตราบใดที่มีลมหายใจ ก็ไมมี
อะไรแตกตางกันในโลก เพราะลมหายใจเขาก็คือลมที่ไหลเวียนอันเดียวกันบนโลก ชีวิตไหนก็มีลมอันเดียวกัน
นี้เปนหัวใจเปนสายใยชีวิตแบบเดียวกัน ตางกันตรงไหน ในเมื่อหลักๆที่เปนชีวิตหนึ่งนั้น ก็เปนลมหายใจแบบ
เดียวกันนี่แหละจะ ไมนาจะมีความลับของสิ่งใดๆบนโลก ใชมั้ยจะที่จะปดไดมิด แคเห็นลมหายใจเขาไปก็จะเห็น
ทุกอยางไดจะ แตตองเปนลมหายใจที่ละเอียดนะจะ ซึ่งสัมผัสลมหายใจละเอียดไดในความรูสึกเบาๆ ยิ่งเบามาก
ยิ่งละเอียดมาก ลมหายใจหยาบจะสัมผัสไดในความรูสึกแรง เสียงดัง หนัก ฉันวามันอาศัยการกําหนดดวย
จิตมั้งจะ ฉันนั้นไมเกงหรอกจะแคสัมผัสซอกแซกไปก็เทานั้น และเอาเกร็ดเล็กๆนอยๆจากที่ไดสัมผัสมาเปน
ความประทับใจใหแกตัวเองนะจะ คิดวาคุมกับประโยชนที่ไดจากการสัมผัสลมหายใจเขา พอไดรู ไดเห็นลม
หายใจเขาไป ไมถึงขั้นเกง ก็ไมใหใครจูงจมูกไดจะ เพราะเห็นอยูขางในตัว รูสึกกับตัวเองแคนี้ก็พอแลวละ
อาการเห็นลมหายใจเขาไป ก็ตอเนื่องกับอาการรูวามีลมหายใจเขา อาการขณะนี้ก็เหมือนอยูตรง
ทางเดินเขาของผูโดยสารขาเขาที่แอรพอรตนะจะ เห็นหมดเลยวามีใครเดินทางมากับเครื่องบินซึ่งก็เหมือนลม
หายใจเขา เห็นความตื่นตาในการถายเทผูโดยสารและสัมภาระที่แอรพอรตแบบไหน ก็เห็นลมหายใจเขาแบบ
เดียวกันนั่นละจะ รูสึกพอใจในการเดินทางขาเขากับลมหายใจบางแคไหนจะ ตั้งแตรูวาเครื่องแลนดิ้ง ตอมาก็
เอ็นเทอร การเดินทางระหวางนี้ก็คงตองจับคูสนิทๆมั้งจะ จึงจะเดินทางอยางเก็บเกียวสิ่งที่อยูระหวางทางได
มากขึ้น จับคูไวตั้งแตรูวาเครื่องเขาเทียบที่แอรพอรตหรือขั้นรูวามีลมหายใจเขา ก็ไดจะ ทีนี้พอเห็นลมหายใจ
เขาไปเหมือนมองทุกอยางที่มาในเครื่องบินลําเลียงผานวาเปนใคร อยางไร คุณสมบัติเชนไร เพราะการเห็นลม
หายใจเขาไปก็คือการเห็นสิ่งที่เปนจริง เมื่อเห็นเชนนั้นก็คงจะไมเห็นผิด แตวาเปนเห็นชอบแบบสัมมาทิฏฐิ แลว
ก็จะนํามาใชประโยชนในชีวิตประจําวันไดตรงที่ เมื่อเห็นชอบแบบสัมมาทิฎฐิ ก็สามารถเลือกที่จะเลี้ยงชีวิตชอบ
ไดตรงทางตอไปนะจะ เมื่อเห็นลมหายใจเขาไป ก็จะเห็นวาสิ่งที่เลี้ยงชีวิต ประกอบกันโดยอาศัยลมเปนตัว
แปรในการตอยอดพลังงานในชีวิต ตอนนี้ฉันวาในลมหายใจ นาจะมีสิ่งควรจับมาเปนคูสนิท ใหมาเลี้ยงชีวิต
ชอบแบบที่เล็งคนหรือสัมภาระจากเครื่องที่นาจะเปนประโยชนนะจะ ลมหายใจก็เหมือนสิ่งที่ออกมาจากเครื่อง
ตรงทางเขา ถาสิ่งเหลานั้นเคลื่อนที่หรือเดินเร็ว เราก็แทบหาคนที่ใชไมเจอ ไมทันทวงที แยกแยะไมถนัด ถา
เดินเอื่อย เราก็สามารถกวาดตาอยางละเอียด หาคนที่รอรับ ไดชัดถนัดไมพลาดสายตาสักคนละจะ ซึ่งลักษณะ
เชนนี้ก็เปนเหมือนลมหายใจที่เบา ไมเร็วๆสั้นๆถี่ๆ หรือแรงแตไมมีประสิทธิภาพ แตจะเบาๆยาวๆ เพราะ
การเดินทางก็เพื่อการมองเห็นนี่นา เห็นสิ่งใหมๆที่ไมเห็นมากอน ตอนนี้สิ่งที่นามองและสนใจก็คงจะเปน
สิ่งที่จะนํามาเลี้ยงชีวิตชอบได วามั้ยจะ เราเดินทางไปไหนมาไหน ก็มักเก็บสิ่งที่ดีและเปนประโยชนมาใชในชีวิต
ตอไป การเดินทางในลมหายใจก็คงจะแนวนั้นดวยมั้งจะ เพราะฉันไมพอใจแคเดินทางแลวถายภาพ มันก็แค
ภาพ แตสําคัญตรงที่สัมผัสระหวางการเดินทางนั้นมากกวา ฉันจึงทําไดแคเก็บเกี่ยวสิ่งที่เปนประโยชน
ระหวางเดินทาง ซึ่งใครจะเดินทางอยางอื่นก็คงเปนแนวของแตละคนจะ อาจเดินทางเพื่อขยายอิทธิพลใน
ที่นั้นๆ เชนเขาควบคุม บริหารจัดการ ก็แลวแตความมุงหมายของใครของคนนั้นละจะ สวนฉันนั้นการเดินทาง
กับลมหายใจ สนุกไดหลายแบบ แตแบบเก็บเกี่ยวสิ่งที่เปนประโยชนมาใช มันเปนกลางๆดีจะ แบบวาเห็นจิต
เห็นกายแลว เอาลักษณะของจิตและกายที่เปนประโยชนมาเลี้ยงชีวิตชอบ สนุกไดเรื่อยๆ ไมมุงเนนการสั่งจิตให
ทําในสิ่งที่เกินกวาวิถีชีวิตปกติธรรมดา เรียบๆงายๆ ที่จะดําเนินตอไปนะจะ ทัวรของฉันจึงไมนําเสนอพรม
วิเศษที่จะพาทานเหาะเหินเดินอากาศ หรือผาคลุมหายตัวไปในที่ตางๆ แมจะเปนทางเลือกของนัก
เดินทางอีกแบบหนึ่งซึ่งก็มีอยูไมใชไมมี แตวาฉันไมใชผูนําเที่ยวที่เกงจะ คงไมเสี่ยงพาใหไปเที่ยวเดินทาง
ถามันผาดโผนแลวเราไมเกงพอที่จะเอาอยู เดี๋ยวสําลักนะจะ
เมื่อเห็นลมหายใจเขาไป จะเพลิดเพลินเหมือนชมวิวทิวทัศนมั้ย ฉันรูสึกวามันอินตางกันจะ เวลาใชลูก
ตาชมวิวขางนอกตัวเรา มันก็มีobjectที่อยูภายนอกตัว สวนเวลาที่เราใชจิตชมลมหายใจเขาไปใหเห็นนั้น
objectมันก็คือตัวเรา ขณะหายใจเขาเราเห็นอะไรบาง เห็นวากายและจิตผูกพันอยูกับลมหายใจรึไมจะ แมจะ
ผูกพันแตลมหายใจก็คือลมหายใจ กายก็แคกาย จิตก็สวนจิต แลวแตจะสนใจสวนไหนเปนพิเศษเถอะจะ ถา
สนใจลมหายใจ มันก็อยูกับตัวเราแคอึดใจ พอสุดความรูสึกวามีลมหายใจเขาแลว มันก็วนออกทางเดิม เมื่อ
มาสุดปลายทางแลวก็ตองยอนกลับทางเดิม เห็นบางมั้ยจะวาปลายทางของอากาศหรือลมบนโลกก็อยูที่ในตัว
เราจะ เชนเดียวกับเมื่อมาถึงปลายทาง ผูโดยสารก็ตองลงแลวละจะ ตัวเรานั้นก็คลายแอรพอรตรับสิ่งที่มากับลม
หายใจ ก็ปลายทางของลมแลวนี่จะ จะนาเพลิดเพลินกับสัมภาระที่มากับลมหายใจแบบไดของฝากของที่ระลึก
หรือไม เพียงใด อันนี้จะเห็นไดวา คนเปนหวัดเพราะของฝากสัมภาระในลมหายใจก็มี คนไมไดรับของฝาก
ก็ไมเปนหวัดก็มี หรืออาจไดรับสัมภาระเดียวกันแตไมเปดหีบหอ มันก็อยูของมันอยางนั้นเลยไมเปนหวัดก็มี
เชนกันจะ ฉันรูสึกวาการหายใจละเอียดแบบเบาๆนั้น ชวยใหลมหายใจละเอียดจะ ก็สิ่งที่เปนสัมภาระทั้งหลาย
มันยอมหนักกวาออกซิเจน ถาหายใจละเอียดได สิ่งเหลานั้นก็มีโอกาสโดยสารมากับลมหายใจเขานอยกวา
หายใจหยาบๆ แตคนเราโดยวิถีชีวิตปกติ ก็ไมมาจับความรูสึกที่ลมหายใจเขาตลอดเวลามั้งจะ ดังนั้นจึงตองมี
เทคนิคที่จะทําใหหายใจละเอียดอีกทีหนึ่งละ เวลาจิตใจไมขุนมัวและใสนิ่งแบบน้ํานิ่งนะ ลมหายใจจะเบาสบาย
เราจึงไมตองมาคอยจับจุดตรงจมูก แตจับอารมณความรูสึกใหใสนิ่งก็พอมั้งจะ ในสวนของลมหายใจเขาที่เรา
จับจองและสนใจระหวางเดินทางกับลมหายใจเขา ก็นํามาใชในชีวิตประจําวันไดจะ
นักทองเที่ยวขาเขาในการเดินทางไปกับลมหายใจเขา อาจจะไมสนใจลมหายใจเปนพิเศษ และหันไป
สนใจกายของตน ซึ่งจะสัมผัสและรูสึกไดดวยตนเอง ทีนี้จะไดรูละวาการเลี้ยงพุงมันทําใหหายใจไมคลอง
อยางไร ถาลองสัมผัสความรูสึกตรงจุดของทองขณะหายใจเขาจนสุด จะรูสึกไดวา เหมือนมีการเรงผลักดันให
เดินทางออกนอกรางกายหรืออธิปไตยเพียงใด แคไหน อาการทองไมรับมันชัดมากนอยเพียงไร ฉันเคย
สัมผัสความรูสึกระหวางพุงกางกับพุงแฟบมาแลว รูสึกวาพุงแฟบหายใจคลองกวาจะ ฉันวาที่สุดแหงลมก็คงอยู
ที่กายเรา เพราะมันไปตอไมได ตองกลับออกทางเดิมทางแอรพอรตเชนเดิม แลวเกิดอะไรขึ้นเมื่อลมหายใจเขา
มาอยูในกายเรา วามั้ยจะ ฉันวามันก็ไมพนไปจากที่มันเปน ซึ่งก็ไหลไปเรื่อยนะจะ แตเวลามาถึงสุดทางและ
จะกลับไป มันก็ตองเปลี่ยนแปลงตัวเอง แบบเดียวกับที่เราวายน้ํามาถึงขอบสระก็ตองเปลี่ยนหัวเปลี่ยนเทากลับ
ดานใชมั้ยจะ จึงจะกลับทางเดิมได ลมหายใจก็เปลี่ยนแปลงอยูในกายเราเชนกันนี้จะ หายใจออกก็ได
คารบอนไดออกไซดที่ตรงขามกับออกซิเจนจะ ตอนนี้ความสนใจยังอยูที่กาย ไมใชลมรึเปลาจะ ถากายยังนา
ชมอยู ฉันแนะนําวามีแหลงนาชมใกลๆแอรพอรตอยูจะ ตรงหัวใจนะจะ ที่เปนสวนสําคัญที่สุดทางกาย เมื่อ
ไปเที่ยวที่ใดก็ควรไปดูหัวใจของแหลงที่เที่ยวนั้นๆใชมั้ยจะ เดี๋ยวจะหาวาไปไมถึง ตอนนี้เราเขามาสัมผัสในกาย
เราก็เห็นหัวใจไดไมยากหรอกจะ มันสัมผัสการเตนตุบๆ สะเทือนไปถึงแขน ขา ขมับ คอ ชัดเจนไดจะ และจะ
รูสึกวามันเตนตุบเดียวกับทั่วทั้งราง ไมมีตรงไหนคนละตุบผิดจังหวะ สัมผัสถึงการไหลไดมั้ยจะ ในรางกายมี
การไหลถึงกัน เพราะลมหายใจที่มาเทียบแอรพอรตมีสัมภาระ ก็ตองมีการขนสงภายในรับชวงสงตอสัมภาระใน
ระบบรางกายตอไปใชมั้ยจะ มันตองไหลตอแบบรับชวงไหลอีกตอหนึ่งนะจะ กายของเราขึ้นอยูกับการไหล
ตรงนี้ก็สัมผัสไดตั้งแตรูวามีลมหายใจเขาแลวใชมั้ยจะ ที่นี้ก็ไดเห็นแลววาในกายเราก็ไหล หัวใจจึงเปนสวน
สําคัญทางกายที่ทําใหมีการไหลเวียนเลือดลม คือขนสงลมหายใจชนิดแยกสัมภาระแลว เอาออกซิเจนไปสง
อยางทั่วถึงจะ ก็เลยคิดวาหัวใจเปนแหลงทองเที่ยวทางกายที่ควรแวะชม สวนอื่นๆนั้น ก็คงตามแตอัธยาศัย
ฉันวาถาไดชมตรงหัวใจก็อาจติดใจอยูนานก็ไดจะ เพราะมันเนื่องอยูกับลมหายใจนะจะ เราเห็นแลววาลม
หายใจเขาตองกลับออกไป เปนลมเปลี่ยทิศ ซึ่งกายเราก็ทําใหลมเปลี่ยนทิศทุกครั้งที่เขามาสินา มันนาติด
ใจมั้ยจะ ฉันรูสึกวาหัวใจของกายและลมหายใจ ก็คือการเปลี่ยนแปลง การไหลก็เพื่อการเปลี่ยนแปลงทั้งใน
กาย ทั้งนอกกายจะ สรุปแลว เอาแนกับลมหายใจก็ไมได หรือกายก็เห็นแลววามีการเปลี่ยนแปลงทั่วทุกสวน
กายนี้ก็ไมแนไมใชสิ่งที่ไมเปลี่ยนแปลงทุกขณะ แบบลมหายใจนั่นแหละจะ
สําหรับสวนที่ยังมีใหชมอีก นอกจากกาย ลมหายใจแลว ก็ยังมีจิตจะ ฉันวาชมจิตก็นาประทับใจ
ไมแพกายหรือลมหายใจหรอกจะ ถาเราเลื่อนมาใกลๆระดับสายตาในสัมผัสก็จะรูสึกอารมณไดชัดจะ ใน
การเดินทางก็มีทั้งอารมณไมรู ไมแนใจ ชอบ ชื่นใจ พอใจ หรือตรงขาม รวมทั้งเฉยๆดวยจะ อารมณมัน
ไปกลับได อยางเชน ชอบแลวก็ไมชอบ ถามีอารมณไปถึงดานใดดานหนึ่งแลว มันก็กลับไปเปนอารมณดานตรง
ขามไดอีก เปนวังวนไมรูจบ แตถาเฉยแลวก็ดีเอง วามั้ยจะ จะไดไมตองขึ้นตองลอง เวลามีอารมณเฉยนั้น
จิตนิ่งใสดีนะจะ ซึ่งจิตนี้ก็เกี่ยวของอยูดวยกันกับลมหายใจและกายอยูดีละจะ อารมณเปนสื่อถึงกายและลม
หายใจอยางดีเลยเชียวจะ อยางที่แบตเตอรี่นั้นก็เหมือนจิตของเราที่มีพลังงาน ถาตอสายออกไปยังสวนตางๆ
ในกาย มันก็จะถายทอดพลังงานไปได ในขณะเดียวกันมันก็หมุนเวียนไปมาระหวางแบตเตอรี่กับสวนที่เชื่อม
ถึงกันใชมั้ยจะ จิตก็คือแหลงควบคุมพลังงานทั้งหมด ถาจิตเปนลักษณะนิ่ง การทํางานของกายก็จะเรียบดวย
หากจิตมีลักษณะอันเกิดจากอารมณหลากหลาย กายก็ทํางานรวนเรขึ้นๆลองๆ ชีวิตก็มีกาย จิต ลมหายใจ
เกี่ยวเนื่องกันอยูแบบนี้แหละจะ จะขาดสวนใดไปก็ไมได ขาดกายก็มีแตแบตเตอรี่ มันก็ตองอาศัยกายจึงจะ
ทํางานเปนรูปเปนราง อยางมีรูปธรรม ถาขาดจิต อันนี้ก็คือสิ่งไมมีชีวิต อยางเชนทอไอเสีย เปนรูปเปนราง
อยางแนนิ่งละจะ และที่ขาดไมไดก็คือลมหายใจ เพราะมันคือสายใยชีวิตที่เชื่อมตอตัวเรากับโลกภายนอกให
เปนชีวิตบนโลก ขาดสวนนี้ก็เหมือนการตัดสายใยหรือสายรกระหวางสิ่งมีชีวิตบนโลกกับโลก แบบการตัดสาย
รกเด็กที่ยังอยูในทอง แลวจะมีชีวิตอยูไดยังไงจะ การเดินทางขาเขาในระหวางชมวิวทิวทัศนนี้ ประทับใจสวน
ไหนบางจะ
เห็นลมหายใจเขาไป ก็ไมไดแอบเห็น แตตองตั้งใจเห็นจึงจะเห็นได รูสึกเห็นไมผิดเพราะรูสึกไดจริง
สัมผัสอยางผิวเผินแตไมหยาบก็ไดสัมผัสความเปนจริงละจะ การเดินทางไปกับลมหายใจเขานี้จึงไมเปนแบบ
ผาดโผน เปนลมหายใจแหงการเดินทางที่ไมเขาไปลึก เพราะฉันกลัวพาหลงอยูเหมือนกันจะ อยางที่วาแหละจะ
ถาจะเดินทางแบบเขาไปลึกๆ มันก็คงเปนแรลลี่และผาดโผน ฉันไมเกงพอหรอกจะที่จะพาทัวรแรลลี่ ไมรูวาจะ
ทําประกันภัยอยางไร ที่แนๆคือทริปลมหายใจแหงการเดินทาง ไมไดหวังเอาความมันส สะใจ แบบคึกคะนอง
แผลงฤทธิ์ ออกเดช แตเปนการเดินทางโดยสวัสดิภาพ ไมเอิกเกริก ตีฆองรองปาว แสดงแสนยานุภาพใดๆจะ
เปนลมหายใจเขา

การเดินทางชวงนี้อยูในชวงขาเขา เราเห็นสภาพความเปนจริงของตัวเราแลว ถาถามวาตอนนี้ฉันเปน


อะไร ฉันก็คงรูสึกในตอนนี้วาเปนลมหายใจเขา เพราะนั่นคือปจจุบันขณะที่เปนจริง ไมวากายหรือจิตก็แสรงวา
จริงจังเปนตัวเปนตน แตเห็นกับตาประจักษแจมชัดแลววา ไหลเรื่อยแบบหมุนเวียนมาบรรจบซ้ําแลวซ้ําเลา ลักษณะ
เหมือนการคนไปเรื่อยๆ ในเมื่อเปนลักษณะเชนนี้ ก็คงจะตอบวาเปนลมหายใจเขาถึงจะตอบไดตามที่เปนจริง
จะตอบในสวนกายหรือจิต มันก็ไหลวนคนไปเรื่อยไมทิ้งคําตอบไวเต็มคําใหตอบเต็มปากชัดๆนี่จะ ตอบชื่อเสียง
เรียงนามก็ไมใชที่เปนจริงๆซะหนอย หรือนามสมมติ ฐานะสมมติ บทบาทสมมติ มันก็ไมตรงคําถาม ถาจะเอา
ความเปนจริงตอนที่ถาม ฉันก็ตองตอบแบบไมผิดเพี้ยนจากความจริงวา เปนลมหายใจเขานะจะ หรือจะเปนนัก
เดินทางก็คงจะใช เพราะตอนนี้เห็นแลววาเราอยูทามกลางการเปลี่ยนแปลง เมื่อเดินทางมาถึงชวงนี้แลว จะรูสึก
ไดวามีการเปลี่ยนแปลงอยูทุกขณะทั้งกายและจิต เหมือนเจาะมิติมั้ยจะ อาจคลายทองดินแดนมหัศจรรยก็ได
เนื่องดวยอาศัยสัมผัสอันลึกซึ้งจนเห็นได รูสึกได เหมือนการอยูแบบไมใชมิติหนึ่งมิติใดของทั้งกายทั้งจิตที่
เปลี่ยนแปลง แตออกมาดูกายดูจิตที่เปนไปในมิติหนึ่งๆ เมื่อเราเดินทางมาถึงตางนี้ ฉันวาคงพอจะสัมผัสไดวามี
ทางเลือกที่จะเดินทางตอ โดยจับทิศของอารมณ ความรูสึกในแบบไมเปลี่ยนมิติ หรือจะมุงสูทิศที่เขาไปอีกมิติจาก
การเปลี่ยนแปลงที่เปนอยูนี้ สําหรับฉันแมวาตางมิติ ก็ไมพนตองกลับมาตรงที่เดิม เพราะยังไมอาจทะลุไปมิติที่
แตกตางไดจะ จึงเปนลมหายใจเขานี่แหละที่ไมโยกโยหลายมิติ แตเปนมิติในปจจุบันขณะนี้เลยละจะ
ณ ปจจุบันขณะนี้ฉันพามาเที่ยวในดินแดนลึกที่ไมลับ และจากสิ่งที่ไดเห็นในระหวางการเดินทางนั้น
ก็เปนสิ่งที่เขาใจมากอนวาคือตัวเรา ตอนนี้จึงตองถามวา แลวนี่เราเปนอะไรกันแน ก็ที่เห็นมาระหวางทางนั้น
ตัวเราที่วานี่คือเรานั้น ก็เปนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไหลไปเรื่อยมาเรื่อย ฉันก็เลยตอบเปนคนแรก ในเมื่อเปนผูพามาทัวร
เองวา ฉันนั้นเปนลมหายใจเขานะจะ สวนคําตอบของผูเดินทางทานใดจะตอบวาเปนอะไร ก็เปนคําตอบของคนนั้น
ฉันแคจะบอกวาเราเดินทางมาถึงชวงนี้แลว จะคิดเดินทางตอไปหรือวาหยุดพัก ถาจะเดินทางตอก็คงตองเลือก
มิติวาจะเขาไปในมิติใด เพื่อที่จะไดทําความตกลงกันวา จะแยกทางกันไปหรือวาจะไปทางเดียวกันจะ สวนฉัน
นั้นยังคิดจะมุงไปกับลมหายใจตอไป แบบเกาะติดลมหายใจอยูนี่แหละจะ เพราะมันคือสวนหนึ่งของกายที่เชื่อมตอ
กับโลกภายนอกโดยอาศัยกะบังลม ซี่โครง ขยับตัวเพื่อใหลมหายใจไมขาดตอนในการเขามาเชื่อมกับตัวเรากับ
ภายนอก จะสัมผัสอยางรูสึกไดจริงวา ลมหายใจเขาของใครก็ของคนนั้นโดยเฉพาะ จึงตอบไดเต็มปากเต็มคําวา
นี่แหละคือเรา คือเราจริงๆไมใชตัวแทน ในขณะเดี๋ยวนั้นไมไดสมมติแทนได เพราะเปนชีวิตจริงๆ แมมีกาย
และจิตแตถาขาดลมหายใจเขาขณะนั้นก็ไมมีชีวิตจริงๆ ไมเปนreality ทั้งนี้อาจเคยพบเห็นการมีรางกายและจิตแต
ปราศจากลมหายใจชั่วขณะ ก็แลวแตจะเรียกอาการนั้นวาอยางไร ซึ่งก็อยูได ยังไมตองจัดงานโศกเศราก็
กลับมาลืมตา หายใจตอ แตวาชีวิตอยางนั้นมันเปนมิติที่ไมreality ฉันจึงนําเที่ยวตอไปในมิติที่เปนreality
เพื่อเก็บเกี่ยวสิ่งที่ไดรับระหวางทางมาใชประโยชนจริงๆในมิติปจจุบันขณะนี้เลยจะ และสัมผัสดูจะรูวาลมหายใจ
นี่แหละจะนําไปเปนประโยชนไดทุกขณะแกชีวิต และเปนตัวทําใหเราอยูบนโลกอยางมีชีวิต
ฉันวาการเดินทางในชวงนี้มันเปน สห คือชวงที่เปนลมหายใจเขามันไมแบงแยก วาเปนเราเปนโลก
ภายนอก เพราะลมมันเปนทั้งสองสิ่ง ลมนอกจมูกกับในจมูกก็ลมเดียวกัน เมื่อลงปอด โลกกับเราก็ไมใชสิ่งที่
แบงแยกแตเปน สห ในขณะเดียวกันมันก็เปนลมที่สิ่งทั้งหลายใชเชนกัน เมื่อเปนลมหายใจเขาจึงไมแบง
ประเภท ไมมีสัญลักษณ เปนอยางเดียวกันคือ สิ่งมีชีวิต ตอนนี้ก็เลยตอบตรงๆวา ฉันก็เปนสิ่งมีชีวิตจะ
และเปน สห เขาไดกับสิ่งที่เปน สห เชนเดียวกัน คือกายและจิต ทั้งกายทั้งจิตตางก็ สห จับคูตรงขามในตัวแต
ก็อยูในที่เดียวกันนั่นแหละจะ จะวาไปแลวรูสึกคลับคลายคลับคลามั้ยจะ วามันไมpure สห นี่แหละจะจะpure
ไดอยางไร ความเปนสิ่งมีชีวิตนี้นั้นก็ สห ทุกกระเบียด จนกวาจะเปนสิ่งที่แนนิ่งนั่นละที่เขาวา เดินทางเดียว
มาถึงตรงจุดนี้มันคอนขางเปนบริเวณที่โอโถงนะจะ เพราะเปนลมหายใจเขานั้นมันเชื่อมตอกับโลกภายนอกได
เทาที่เปนลม เพียงแตเราหยุดอยูแคจมูกและรูวากําลังเปนสวนหนึ่งอยูกับโลกดวยลม โลกกับเราก็คือสิ่งที่
เปน สห ในลมหายใจ วามั้ยจะ โลกก็ไปดวยกันกับเราทุกขณะ เปนเราเปนโลกพรอมๆกัน ถาไมเดินทางมายัง
จุดที่เปนลมหายใจ จะสัมผัสไมคอยชัด วาโลกและเรา คือ สห เทาเทียมกัน โลกกับเราเปนเทาๆกันและเปนสิ่ง
เดียวกัน ฉันจึงเลือกจุดชมวิวที่ถนัดๆตรงที่เปนลมหายใจเขานี่นะจะ ถาไมเห็นภายนอกดวยภายในดวยไป
พรอมๆกัน มันก็ไมเห็นวาภายนอกกับภายในตัวเรามันเชื่อมกันอยูเชนไร เหมือนเดินทางหวงหนาพะวงหลังรึ
เปลาจะ ฉันก็แคไมอยากหลงอยูกับตัวเองนะจะ ก็เห็นไปแลวหมดแลวไมใชหรือจะ ทัวรลมหายใจแหง
การเดินทางก็มีเวลา ไมควรหลงอยูกับแหลงที่เที่ยวใดที่เที่ยวหนึ่งเกินไป แบบวาดูทางขางหนาตอไปจะดีกวา
นะจะ
หนทางที่มองออกไปตรงจุดที่เปนลมหายใจเขานั้นนะ ฉันคิดวามันเปนทางเบิกบานดีจะ เพราะมันเบา
โปรงโลงสบายกวากัน โอโถงกวาสุดลูกหูลูกตา รูสึกเลยวาสังขารมันหนัก ทั้งกายสังขาร จิตสังขาร เชน
น้ําหนักตัว มวลรวม อารมณทั้งหลาย ความรูสึก นึกคิด และทุกองคประกอบในตัวเราของเรา มันมีความหนัก
กวาที่เปนลมหายใจเขาจะ เมื่อเปนเชนนี้ โลกที่วากวางใหญไพศาลนั้นนะ มันก็เบาสบายกวาตัวเราเปนกอง
โลกนี้ไมมีอะไรหนักเทาตัวเทาตนที่เชื่อมอยูดวยลมหายใจบนโลกนี้แลวมั้งจะ ฉันวานาจะชมวิวที่นี่อีกทีจะรูสึก
ไดวา สิ่งที่หนักที่สุดในชีวิตนั้นมันอยูที่กายที่จิต ที่สังขารนี้ มันไมไดอยูนอกกายหรือจิตหรือสังขารเลยจะ
ขางนอกนั้นมันเบากวาเยอะเลย ตรงที่เปนลมหายใจนี้แหละจะรูสึกไดชัดเจนที่สุด วาขางนอกกับขางในตัวเรา
มันเบาตางกันเพียงไร เมื่อมาอยูที่จุดเปนลมหายใจแลว สัมผัสความรูสึกเบิกบานไดมั้ยจะ แบบเบา
สบายไมหนักนะจะ แคเบิกบานอยางคราวๆเทานี้แหละ เพราะยังมีจุดพาเที่ยวชมตอไปอีก แตไหนๆก็สัมผัสวา
เบิกบานบางแลว จะแชอยูอยางนี้สักพักก็ไมวาไร เพราะเดี๋ยวก็ตองตามมาเองละ จิตนั้นยังไงก็ตองวนเวียน
อยูกับกาย มันไปไหนก็ชางเดี๋ยวก็กลับมาตายรัง ตอนนี้ฉันพามาอยูในมิติ reality ที่สัมผัสอยูกับกายและจิต
ไมไดหลุดไปไหน เพราะมันเนื่องอยูกับลมหายใจ ก็เลยไมคิดหรอกวาจะมีการพลัดหลง เหมือนการออกมาชม
บริเวณรอบๆแอรพอรต จะรูสึกถึงการเชื่อมโยงกับโลกภายนอกชนิดบอกไดเลยวา ชีวิตคือการเดินทาง แต
จะเพลินแคไหน ยังไงก็ตองมาที่แอรพอรตอยูดี ถารูสึกเบิกบานและอยากแชอยูในความรูสึกเบิกบานก็ไม
เสียหาย เพราะความรูสึกนี้ไมเปนปฏิปกษตอตาตัวแม ที่เพงอยูในขณะเดินทาง มันไมใชความรูสึกที่จะบังตา
จนกลับมาไมถูก แตเปนความรูสึกที่ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางเลือกนําเสนอในโปรแกรมอยูแลว ที่มุง
หมายจะนํามาเจอความเบิกบานก็เพื่อเปนที่ระลึกในทัวรลมหายใจแหงการเดินทางนี้จะ แปลกมั้ยจะ ยังไมทัน
ไรก็ชวนมาดูที่ระลึกแลว สวนใหญเขาจะใหที่ระลึกกันตอนจะแยกยาย ใชมั้ยจะ แตลมหายใจแหงการ
เดินทางนี้ ใหที่ระลึกตอนเดินทางขาเขานี่แหละจะ จะไดเก็บไวระลึกตอไป ขืนใหตอนขาออก แลวจะเก็บไวที่
ไหนละจะ
การเดินทางชวงนี้ก็ขอใหไดรับความเบิกบานเทาที่จะสัมผัสอยางคราวๆนี้แหละจะ เพราะชีวิตยังตอง
เดินทางตอไป หวังวาจะเก็บเอาความเบิกบานที่ไดนี้ไวเปนอารมณหลัก ไวระลึกถึงทุกครา ชีวิตที่ไปไหนมา
ไหนก็คงมีบางที่จะไวใจทางก็ไมได วางใจใครก็ไมแนนอน ถานึกถึงเมื่อเปนลมหายใจเขาและเอาอารมณที่ระลึก
ไดนั้นมาเปนหลัก เรื่องหนักๆก็จะเบาไปเองจะ ระหวางที่เดินทางกับลมหายใจ เคยนึกบางมั้ยจะวา จะไวใจ
ทางไดแคไหน ฉันวาทางเดินของลมหายใจมันเปนทางที่ไมทะลุ ตอใหซอกแซกไปหรือรอดักอยูปากทาง ก็
เหมือนไดสัมผัสลึกๆขางในได เพราะมันไมขาดชวง แลวแตจะจับสอยหอยตามมันในชวงไหนจะ เหมือนการ
จับกระแสไฟฟาในสายไฟที่รั่วถึงกันตลอดสาย ทําใหสัมผัสกระแสไฟโดยตรงไดไมวาจะจับตรงไหนมัน
ก็ช็อต ฉันจึงเลือกจุดชมวิวตรงที่เปนลมหายใจเขานี้แหละจะ เพื่อรับความเบิกบานที่พึงจะสัมผัสในลมหายใจ
แหงการเดินทางนี้ แตวาการเดินทางไมไดหยุดที่ตรงจุดนี้หรอกนะจะ ไมมีงานเลี้ยงใดที่ไมเลิกรา ถึงจะสัมผัสถึง
ความรูสึกเบิกบาน ก็ตองมีเวลา อยางที่ลมหายใจไมขาดตอนชาดชวงจะ มันไหล เมื่อเปนลมหายใจเขาก็
จะตองไหลตอไปละจะ ถาไหลลึกก็พลิกล็อกได แบบวาไหลไปไดเทาที่จะไมมีอะไรกั้น ฉุด เปนความเบาที่สุดนะ
จะ ซึ่งจะสัมผัสอาการเบาที่สุดนี้ ดวยระลึกถึงสิ่งที่เปน อโหสิ เพราะมันจะไมมีอะไรมาฉุด มารั้ง มากั้น ไมวาจะ
ปะทะเขากับอะไรที่ไหน ก็พลิกล็อกผานฉลุย แบบลมไมเปลี่ยนทิศอยางเดิมๆ ตอนนี้ฉันวาเปนการเดินทางใน
มิติใหมแลวละ ถาไมอยากขามมิติก็ไมเปนไร แคไดสัมผัสความรูสึกเบิกบานชิมลางคราวๆก็ไมเสียเที่ยวในการ
เดินทางหรอกจะ ฉันคิดวาการจะขามไปในหนทางเบาที่สุดของลมหายใจนั้น อาจจะตองสมัครใจอีกทีหนึ่ง
ไมมีอะไรหรอกจะ เพียงแตมันเหมือนกับที่ฉันจะบอกวา ทิ้งสัญญา สิ่งที่จดไวในใจนั่นนะ หรือที่จําฝงใจก็ตาม
เถอะ มันแคอโหสิ ถึงพูดได แตรูอยูดวยใจวาจะเบาไดแคไหนจะ ฉันคิดวายิ่งปราศจากตัวเหนี่ยวรั้งมากเทาใด
ยิ่งเบามาก ก็เลยไมไดระบุไวในโปรแกรมการเดินทางกับลมหายใจ อยาวาอยางนั้นอยางนี้เลย ฉันก็โมอยูนี่ละ
จะ ไมไดเบาที่สุดละ ถาเบาที่สุดแลวสุดๆแลว ฉันคงไมไดโมอยูอยางนี้มั้งจะ แตเปนหนทางที่ควรโปรโมต
เอาไว เพราะทางเบานาเดินทางกวาทางหนักๆ ถารูตั้งแตแรกคงไมตองมีเครื่องชั่งน้ําหนักละ
เรายังอยูในชวงที่เปนลมหายใจเขาอยูเลยจะ มันเปนเวลที่ควรกอบโกยเพื่อการเดินทางตอไปขางหนา
นั้นจะไดโลง กอบโกยแลวมันจะโลงอยางไรใชมั้ยจะ โลงแนจะเพราะกอบโกยความวาง ถาไมเริ่มเสียแตเนิ่นๆ
บางทีมันวางไมทันมั้งจะ ตัวเรานี่แหละเปนยังไงก็เปนไปได ตามลมหายใจปรุงแตงเปนไป เปนไดสารพัดใน
คราบของหนึ่งรางของคนๆเดียวนี้ ถาจะใหวางก็ตองวางแผนลวงหนา วามั้ยจะ ปุบปบวางบัดเดี๋ยวนั้นก็อาจ
เปนไปได แตฉุกละหุกนักจะ ชวงที่เปนลมหายใจเขานี้แหละจะที่มีบทบาทปรุงแตงทั้งตัวใหพรอมเดินทาง
ตอไปในหนทางเชนไร เพราะลมหายใจเขาก็เขามาเปลี่ยนแปลงในตัวเรา ไมไดเขามาเฉยๆทุกครั้งเลย
นักเดินทางก็ควรเตรียมพรอมสําหรับการเดินทาง ดีกวาจะใหเปนการฉุกละหุก วามั้ยจะ เทาที่สัมผัสไดในการ
เดินทางชวงนี้ รูสึกอยูมั้ยจะวาฝนๆธรรมชาติ เชน กอบโกยความวาง ทําใหเปนความเบาที่สุดในตอนตอไป
ทิ้งสัญญาหรือการจารึกฝงจํา ถามองดูนอกรูจมูกกับในจมูกจะรูสึกไดวา ที่ฝนธรรมชาตินั้นนะ ก็ธรรมชาติใน
ตัวเราเทานั้นแหละ แตนอกตัวเรามันไมไดขัดขืน ไมยากอยางที่คิด เหมือนลมลอยเขาจมูกและลอยอยูใน
อากาศโลก แตพอเขาปอดไหลตอเทานั้นแหละ มีแรงเกาะเกี่ยว เลหลับสลับราง เรื่องงายๆเบาๆ ก็เปน
เรื่องยากเรื่องหนักในธรรมชาติที่ตัวเราไปซะ ฉันวาจากงายๆเบาๆ มาเปนยากๆหนักๆได ก็คงเปลี่ยนจาก
หนักๆมาเบาๆไดละนา แตการเดินทางในหนทางใดก็ตองอยูที่ความสมัครใจเปนเบื้องตนจะ ดินแดน
มหัศจรรยที่ตัวเรานี้ จะเทียวขึ้นเทียวลองไปกับลมหายใจกี่รอบก็ได จนกวาจะเบื่อ ถาไมเบื่อก็คงชํานาญทางละ
จะ เที่ยวไปกับลมหายใจไมเสียเงินหรอกจะแตเสียสถานะสมมติ ฉันวามันรวมเดินทางไปดวยกันไมไดนะจะ
ตองปลีกเวลาสมมติกับเวลาทองเที่ยวไปกับลมหายใจจริงๆเปนสัดสวน การสมมติวาจริงนั้นมันทําไดอยูแลว
ตอนนี้จะเริ่มออกเดินทางตอแลวละจะ ถาเบื่อก็ไมเปนไรเพราะยังไงก็ตองเดินทาง
เปนลมหายใจเขาไมไดหางไกลจากกายหรือวาจิต แตอยูตอเนื่องกันชนิด ขาดฉันแลวเธอจะรูสึกจะ
เดินทางตอก็ไมเห็นจะตองกังวลอะไรเลย ยังไงมันก็ตองรูสึกอยูดี โดยเฉพาะการเขาไปในกายซึ่งเปนของหนัก
เปนทางตัน ทางไมทะลุ รับรองไดวาไปไหนไกลไมเทาไหร อยางมากก็ถึงทางตันตรงนี้นี่เองแหละจะ โดยปกติ
ของการเดินทาง เมื่อมาถึงทางที่ตัน มันก็ตองถอน แตสวนมากจะถอนตัวไมทัน เหมือนลมหายใจเขาเดินทางสู
กายแลวเกิดการเปลี่ยนแปลงในที่สุดก็ถูกกะบังลมบีบใหออก ชีวิตมันจะรูวาทางไหนตันแลวถอนตัว ไมเปน
เหมือนลมหายใจไดบางรึเปลา ฉันวาตัวเรานี่มันก็เปนของตัน ไมใชของวาง มันจะabsentไดอยางไร
กอนจะabsent ฉันวาตองดูตอนที่มันเกิดอะไรขึ้นขณะลมหายใจถูกขับออกนะจะ จะเห็นวาลมหายใจออกเปน
อยางไร ตัวหรือรางกายของเราก็เปนอยางนั้นนั่นแหละ เพราะมันคือสิ่งเดียวกัน คารบอนไดออกไซดเปน
ลักษณะไหน กายของเราก็ไมไดผิดเพียนไปจากมันนักนะจะ ก็เลยตองแวะชมอีกแลว ตรงจุดนี้มีที่ใหชม คือ
ความเกี่ยวเนื่องของกายและลมหายใจนี่ละจะ วากายเปนอยางไรลมหายใจก็ลักษณะนั้นเหมือนกัน ความรูสึก
ของเรามันเกิดอยูที่กายนี้ใชมั้ยจะ เพราะวาที่นี่มีจิตเปนอารมณ ความรูสึก หรือคือมีชีวิต ทีนี้จุดแวะชมนี้บอก
เราวา ขณะมีชีวิตอยู ณ บัดเดี๋ยวนี้ ตัวเราเปนเชนไรเมื่อปลอยสภาพมีชีวิตชั่วครูออกไปเปนลมหายใจออก มัน
ก็จะเปนไปอยางที่เปนตอนอยูในชีวิตครูนั้นจะ คุณสมบัตินั้นมันติดตัวเราในสวนที่เปนลมหายใจออกไปดวย
แลวคารบอนไดออกไซดมันเปนยังไง ก็นําแสงสวางไมเหมือนออกซิเจนมั้งจะ ดูๆแลวเหมือนโลกภายนอก
พยายามจุดไฟสองสวางในตัวเราครั้งแลวครั้งเลาแตเราก็ทําดับทุกครั้งละนา ไมติดสวางเปนดาวฤกษหรอก แต
ลักปดลักเปด เกิด ๆดับๆตลอดชีวิตเลยละ หายใจเขาก็แชะๆๆใหประกายพลังชีวิต แตทันทีทันใดก็ดับแลว แม
จะลักษณะทํานองนี้ก็ยังไมabsentเลยนะจะ เมื่อมีpresentไดก็absentได ถาอยางไรคงตองตามไปดูตอนตอไป
จะ
จริงเทาลมหายใจเขา
ตอนนี้ฉันไดบอกไวกอนแลวนะจะวาฉันก็ไมเบาเทาไหร ก็เลยตองเดินทางตอไปดวยความไมประมาท ใน
สิ่งที่ไดสัมผัสและประจักษแลวนั้น จะวาเปนธรรมดาก็ธรรมดา จะวามหัศจรรยก็คงจะได แลวแตมุมมอง มุม
ธรรมดากับมุมมหัศจรรยมุมไหนจริงละ สําหรับฉัน ตองเปนไดทุกแงมุมนี่แหละที่เปนชีวิตจริง และจริงๆแลวทุก
มุมก็ตองถูกมองอยางทั่วทุกแงมุม เพราะวากาย จิต และลมหายใจ เกี่ยวเนื่องกันไมวาจะมุมไหน และก็สัมผัสไดวา
จริงเทาลมหายใจเขา ซึ่งมันก็จริงอยูในขณะนั้นแหละจะ ครูตอมาก็จะเปนภาคตอไป แลวแตลมหายใจตอไปจะปรุง
แตงเชนใด ก็นี่แหละฉันวาเปนกลไกของความมหัศจรรย เพราะการพรอมที่จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอนี้
เทากับเปนกุญแจสูมุมมหัศจรรยละจะ อะไรจะเกิดขึ้นมันก็ตองเนื่องมาจากมีการเปลี่ยนแปลงทําใหเกิดขึ้นใชมั้ยจะ
ถานิ่งเปนเพชร ก็ไมรูจะเปนยังไงที่เกิดเปนเพชรนะจะ เวลานี้ฉันพามาสัมผัสความจริงในลมหายใจเขา ซึ่งก็แลวแต
จะเลือกสัมผัส หรือชมความจริงในมุมไหน เพราะทุกมุมอาจเปนมุมโปรดไดแตกตางกันในแตละคนมั้งจะ สําหรับ
ฉัน ความจริงในลมหายใจเขา แมมีมากมุม ทั้ง วิทย คณิต ภาษา ศาสนา สังคม คอมพิวเตอร อีกมากมายที่เปนวิชา
เปนสิ่งที่นํามาใชไดจริง ก็ยังไมจุดประกายใหพลังชีวิตไดเทามุมๆหนึ่ง แบบที่เห็นไดวาโลกแตกตางจากดวงอาทิตย
คือวา การเดินทางที่ผานมา เราสัมผัสไดแลววา เราคือสวนหนึ่งที่เชื่อมอยูกับโลกอยางมีชีวิต สิ่งที่เชื่อมเราและโลก
ทุกขณะนั้นก็คือลมหายใจ มาถึงชวงนี้ก็ไดสัมผัสความจริงในลมหายใจทุกมุม ซึ่งมุมหนึ่งก็จะเห็นวาโลกขึ้นอยู
กับดวงอาทิตยซึ่งเปนดาวฤกษ ตรงนี้ฉันไมไดออกนอกเรื่องนอกทางนะจะ แตจะยอนถึงตอนที่สัมผัสลมหายใจเขา
วา เขามาแชะๆๆๆแลวก็ดับ มีติดๆดับๆ แบบที่โลกหมุนเวียนเปนกลางวัน กลางคืน มีมืดมีสวาง ลักษณะเชนนี้ไม
เหมือนดวงอาทิตยหรือดาวฤกษที่สวางตลอด สัมผัสความจริงไดมั้ยจะวาหากวนเวียนบนโลกนี้ ยังไงก็ตองอยูในวัฏ
จักรเชนนี้แหละ นอกเสียจากจะโกอินเตอรในจักรวาล แบบดาวฤกษที่สวางแลวสวางตลอด ตรงนี้แหละจะที่ฉันจะ
บอกวาเปนมุมมหัศจรรยที่นาสนใจและเกิดขึ้นได เปนความจริงในมุมหนึ่งที่นาจริงจังดุจดาวฤกษสวางจริงๆจังๆนะ
จะ
ดาราศาสตรก็เปนมุมหนึ่งในความจริงที่เกี่ยวอยูกับเรา จึงไมไดออกนอกทางจะ ถาฉันจะชวนดูดาวก็คง
ไมไดนอกเสนทางใชมั้ยจะ ลมหายใจแหงการเดินทาง ไปถึงนอกโลกไดเชนนี้ละจะ ก็บอกแลววาลมหายใจเขาก็คือ
ลมบนโลก และโลกก็ไมไดตัดขาดจากนอกโลก ลมมันเย็นดีและเดินทางตอเนื่องก็ได อยางที่โลกขึ้นอยูกับดวง
อาทิตย แมแตกตางกันในความเกิดดับแบบดาวเคาระห กับการสวางตลอดแบบดาวฤกษ แตก็ไมไดตัด
ขาดความสัมพันธตอกัน และสัมพันธกันตลอดดวยซี ตอนนี้สัมผัสไดวาเราและลมหายใจเขา ขึ้นตรงตอโลก
หรือดวงอาทิตยละจะ เปนไปไดมั้ยวาจะมีสิ่งที่อยูบนโลกซึ่ง ขามขั้นเปนสายตรงกับดวงอาทิตยโดยไมผานขั้น
ตอนบนโลกอีกนะจะ หรือแมแตดวงอาทิตยก็ยังไมใชที่หนึ่ง เพราะมีจักรวาลใหญกวานะจะ ตอนนี้ฉันวาเปนความ
จริงเทาลมหายใจเขาที่มีความมหัศจรรยมุมหนึ่งแบบดาวฤกษสองสวางเลยจะ เหนือโลกก็มีดวงอาทิตย และ
จักรวาลกับอวกาศ ความจริงเทาลมหายใจเขานั้นไมไดแคบ แตกวางใหญเชื่อมถึงกันตั้งแตจมูกไปจนถึงอวกาศได
วามั้ยจะ แลวแตจะโปรดมุมไหน การเดินทางชวงนี้ก็ลองสัมผัสความจริงเทาลมหายใจเขาเองเถอะจะ สัมผัสทุกมุม
เหมือนโลกสัมผัสอวกาศทุกมุม เพราะเรากับโลกก็คือหนึ่งเดียว จึงไมใชอุปสรรคที่จะสัมผัสความจริงที่โลกได
สัมผัสอยูมั้งจะ อยางนอยก็มีอาทิตย จันทร ใหเห็นเต็มๆตา สวนดาวอื่นคงเห็นไมคอยชัด สัมผัสไปมารูสึกบางมั้ย
จะวาสิ่งที่เขากันไดจึงจะอยูรวมกันไดนะจะ เหมือนที่เราเขากับโลกไดดวยมีลมหายใจเขาออกใหเราบนโลกนี้
และเราก็เหมือนโลกที่หมุนเวียนมาบรรจบทั้งหมุนรอบตัวเองและรอบสิ่งที่ขึ้นอยูดวย เชนดวงอาทิตย ซึ่งในตัวเรา
นั้นนะมันมีระบบหมุนเวียนทั่วตัวตลอดเวลาแบบโลกหมุนรอบตัวเองนี่แหละจะ ถอดแบบกันไมผิดเพี้ยนเลย กาย
และจิตบวกลมหายใจเปนชีวิตบนโลก แลวก็หมุนเวียนทั้งลมหายใจเขาออก จิตขณะประกอบอยูดวยกายในครูที่ลม
หายใจเขาและออก เปลี่ยนแปลงแลวเปลี่ยนแปลงอีกอยูตลอด ลักษณะอาการเชนนี้เปน ปกติทางโลกจะ เพราะโลก
เปนตนแบบมันก็เปนปกติแบบโลกละจะ แตฉันวาดาวดวงอื่นคงมีปกติตางกันอยูมั้งจะ ที่เดนชัดมากๆก็มีดวง
อาทิตย ดวงจันทร ที่เราสัมผัสไดดวยแสงแดดและแสงจันทร วาแมอยูบนโลกก็สัมผัสความเปนดาวฤกษไดเชนใด
ลมหายใจที่เขาก็ทําใหสัมผัสความจริงมุมนี้ไดเชนกัน
จริงเทาลมหายใจเขาในทุกแงมุม อาจมีบางมุมที่ไมทันดูก็ออกไปกับลมหายใจซะกอน หายใจเขารอบ
ตอไปคงไมพลาดมั้ง การเดินทางกับลมหายใจเขาในชวงนี้ จึงเปนชวงที่ชวนสัมผัสทุกแงทุกมุมในความจริงที่ลม
หายใจเขานี้แหละจะ เพราะลมหายใจเขามาสูกายก็เนื่องอยูกับกายและจิต จึงสัมผัสไดโดยตรง รับรูอารมณ
ความรูสึก ความจริงอยางถองแทไดเทาที่มี ที่ลมหายใจเขาหลอมเอามาสูกายเราใหสัมผัสสุดความสามารถนี้แหละ
จะ ความจริงที่วานั้นก็คือความจริงที่สัมผัสไดดวยกายดวยจิตนี้เองจะ วาทุกสิ่งมีสิ่งที่ตรงขาม มีจริงมีไมจริง มี
present มีabsent มีดาวฤกษมีดาวเคาระห มีทุกขมีไมทุกข มีทุกสิ่งมีความวาง มีมืดมีสวาง มีเกิดมีดับ แมอยู
บนโลกก็ไมไดโดดเดี่ยวจากอาทิตยและจันทรฉันใด กายและจิตที่มีลมหายใจเขาก็สามารถสัมผัสความจริงเทาลม
หายใจเขาจะ ทําไมฉันจึงใชชวงเวลาในลมหายใจเขา สัมผัสความจริงเทาลมหายใจเขานั้น อาจเปนเพราะฉันรูสึกวา
ลมหายใจแหงการเดินทาง เปนเรื่องทํานองระยะทางพิสูจนมา กาลเวลาพิสูจนคน ในชีวิตหนึ่จะเดินทางขึ้นๆลองๆ
ไปกับลมหายใจสักกี่รอบ ถาจับจังหวะไดวา ชวงที่กายและจิตบวกลมหายใจ จะทําใหเกิดความมหัศจรรยขึ้นได มัน
ก็ตองเปนตอนที่เปนจังหวะเกิดใชมั้ยจะ จึงจะเกิดมหัศจรรยดวยนะจะ แลวลมหายใจเขานั้นก็มาทําใหมันเกิดนี่
แหละจะ ฉันจึงใชชวงเวลาแหงการเดินทางไปกับลมหายใจเขานี้ สัมผัสความจริงทุกแงทุกมุมเลย คือถารูใหถอง
แทก็รูในตอนเกิด ตอนเปนชีวิต ตัวเปนๆนี่แหละจะ จะเกิดปุบแตกฉานปบก็มีสิทธิแบบอัจฉริยะที่ไมมีขอบเขตนะ
จะ สวนฉันก็ไดแตคลําทางเอานะจะ การเดินทางในทัวรนี้กับฉันถาชาหรือไมทันใจก็ถือซะวาเปนธรรมดานะจะ
ไมคอยเปนแนวอัจฉริยะจะ ก็คงพาขึ้นพาลองไปกับลมหายใจเพื่อสัมผัสความจริงอยางถองแททุกแงทุกมุมเอานะ
จะ
ในชวงเปนลมหายใจเขา ฉันชวนใหตามมาเพื่อดูวาabsentเปนไดอยางไรใชมั้ยจะ ตอนนี้คงรูแลววามันก็
ธรรมดา ถาไมpresent ซะก็รอดตา รอดจิต รอดบวง รอดกับดัก วามั้ยจะ แตฉันวายังไงก็ยังไมรอดสัมผัสที่จับไดวา
absentมั้งจะ เหมือนความรูสึก เกิดก็รู ดับก็รู มีก็รู ไมมีก็รู เพราะวาเรามีทั้งกายทั้งจิตที่รูทั้งรูปธรรม นามธรรม อยูนี่
นา จึงรูสึกไดวาabsentจริง ถาจําความรูสึกตอนเปนลมหายใจเขาที่เบาสบายได ก็จะรูสึกไดลางๆถึง absentดวย
มั้งจะ เพียงแตเปนลมหายใจเขาก็ยังเนื่องอยูกับกายและจิตอยู ยังไงก็สัมผัสได ฉันก็เลยบอกวาไมมีพลัดหลง
แนๆจะ ตอเมื่อขาดสะบั้นตอกายและจิต ตอนนั้นละที่เปนไดมากกวาที่เปนอยูละมั้งจะ ที่แนๆจะabsentก็เมื่อไม
จํากัดดวยกาลจะ ถายังจริงเทาลมหายใจเขา แบบเปนปจจุบันขณะ ก็presentตอเนื่องไปนะจะ ฉันวาเปนอีกมิติ
หนึ่งมั้งจะสําหรับabsentจริงๆ และไมรูวาในโลกมีสิ่งabsentนี้แบบไหน แตในอวกาศมีจะ ถาเพงทุกมุมแลวก็
จะเห็นวา absentก็เปนสิ่งที่จริงแบบไมถูกปรุงแตง ตางจากกายเราที่มันถูกปรุงแตงเปนกาย จิตก็ถูกปรุงแตงทั้ง
อารมณ อาวรณ อาการ ลมหายใจก็ชัดวามีสวนผสมมาจะ มันจึงมีกาลเวลาที่จะคงอยู แลวอะไรที่ไมไดถูกปรุง
แตง ดูไปดูมาทุกอยางเปนpresentประเภทเดียวกันหมด วามั้ยจะ แมแตลมหายใจ เทาที่สัมผัสความจริงเทาลม
หายใจเขา ฉันวา แสงอาทิตยนี้นาจะเปนความจริงที่ไมคอยปรุงตลอดเวลา หรือเปนแบบปรุงสําเร็จรูปมานะจะ มัน
ก็พอๆกับเราหายใจเขาออก แตเรามองแสงอาทิตยเห็นเพราะวาเราใชสัมผัสความรอนจากแสงแดด ใชมั้ยจะ คงเปน
เพราะดวงอาทิตยเปนความจริง ยังไงก็ตองสัมผัสไดไมวาจะpresent ,absent จะกลางวันหรือกลางคืน เทาที่จริงเทา
ลมหายใจเขา
ฉันวาเราเดินทางกันมาถึงตรงนี้ นอกจากจะสัมผัสในการเปนจริงเทาลมหายใจเขาแลว ยังอาจรูสึกไดวา
ที่วาจริงเทาลมหายใจเขาทุกแงทุกมุมนั้นนะ มันยังไมแนหรอกจะ กะบังลมกับซี่โครงเปนพยานได เดี๋ยวมันก็บีบ
ลมหายใจออก ทุกสิ่งก็เปนประเภทเดียวกัน คือจริงเทาลมหายใจเขา แลวอะไรบางที่เหลืออยู ฉันวาสิ่งนั้นละที่
จริงยิ่งกวาลมหายใจ และกวาจะสัมผัสความจริงที่ยิ่งกวาลมหายใจ คงตองเขาใกลสิ่งที่วานั้นใหไดกอนมั้งจะ
อารมณที่อยูใกลความจริงอยางยิ่งที่วานั้นก็คงจะเปนอารมณดี เพราะมันเปดกวางอาแขนรับเอาสิ่งตางๆไดมากกวา
อารมณเสีย บูด ดังนั้น ภารกิจในการเดินทางระหวางนี้ก็เปนการละอารมณขุนมัว ทําใหเกิดอารมณดี หรือละความ
จริงที่เทาลมหายใจเขาสูความจริงอยางยิ่ง ความจริงเทาลมหายใจเขาก็เชน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ
ความรูสึก ความนึกคิด ที่มันปรุงแตงแบบไมตายตัวจนเปนทุกข แลวอะไรละที่จัดอยูในประเภทนี้บาง ฉันคิดวา
บรรดาที่เขาขายpresentทั้งหมดนะทุกขลวนๆมั้งจะ จากการที่มันไมมีสิ่งใดรอดพนการขับเคลื่อนของซี่โครงกับ
กะบังลมในเวลาตอมาทั้งนั้น สัมผัสแหง absent อาจจะชวยใหรูสึกไดวาจะละจากpresentก็ได แมมันจะดูแลวไม
ชัดนักในสิ่งที่ฉันสาธยายอยู แตอาศัยหลักปฏิสัมพันธมาจับจะชวยใหสัมผัสงายขึ้นจะ แบบวามีสิ่งใดก็ตองมีสิ่งที่
ตรงขามกัน ก็เชนที่เราเปนทุกข มันก็คือเราหันหนาเขาหาทุกข ขณะเดียวกันนั้นเราก็หันหลังใหดานที่ไมใชทุกข
เรากลับหลังหันก็ได ฉันจึงวาอารมณดีคืออารมณที่เขาใกลสิ่งที่จริงยิ่งกวาจริงเทาลมหายใจเขา พอมาถึงตรงนี้ก็
จะขอหยุดพักเก็บเกี่ยวประโยชนมาใชในชีวิตจะ เดี๋ยวคอยเดินทางตอ แมจะรูวาสวนใหญก็เปนจริงเทาลมหายใจ
เขาและเปนแคpresent ก็จะเก็บสิ่งที่เปนpresentนี้แหละจะ คืออารมณดีนี่เอง สะสมอารมณดีเพื่ออนาคตนะจะ
ลองคิดดูก็ไดวาอารมณดีทดแทนอะไรในชีวิตไดบาง คลายๆจะแทนทุกอยางไดแบบเต็มอิ่มมั้ยจะ ไมกินก็ไมคอย
หิว เหนื่อยแคไหนก็ไมลา อาการโหยหาแทบจะปลิดทิ้ง ฉันวาอารมณดีเปนเหมือนน้ําชําระลางชีวิตและเปนสิ่งที่
หลอเลี้ยงชีวิตใหยืนดวยจะ แตอยูๆจะอารมณดีไดก็เปนความสามารถเฉพาะตัวดวยมั้งจะ ซึ่งฉันก็จะเก็บเกี่ยว
อารมณดีนี่เลยจะ แบบวาสั่งปุบไดปบเลยก็ตองปรับพื้นฐานมั้งจะ ถาชีวิตมีอารมณดีเสียเปนสวนใหญ ก็เกือบๆจะ
ปลดทุกขไดงายแบบอัตโนมัติ ไมวาจะเปนทุกข โศก โรค ภัย ทั้งหลาย ถาเอาอารมณเปนใหญก็นาจะเอาอารมณดี
มากกวาอารมณอื่น วามั้ยจะ ซึ่งจะชวยขจัดทุกข โศก แมแตโรค ภัย ไดทั้งสิ้นจะ
จะเอาอะไรนักหนากับอารมณดี คิดอยางนั้นใชมั้ยจะ ที่ฉันหยุดพักยังไมเดินทางตอนนี้ ก็เพราะจะบอกวา
เรายังมีภาระคือมีกายมีจิตและลมหายใจเปนภาระอยูนะสิจะ ดังนั้นเปนหนาที่โดยสวนตัวที่จะละทิ้งไมได พอรูวา
อารมณดีชวยในดานหันหลังใหกับทุกขแลว มันก็เปนสิ่งสําคัญในชีวิตละจะ เพราะเราจะใชอารมณดีดูแลกายดูแล
จิตและลมหายใจทั้งขาเขาขาออกใหไมทุกข ไมถึงกับหัวเราะตลอดเวลาที่เขาวาทําอะไรก็ไมผิดหรอกจะ แต
อารมณเต็มอิ่มไมลนจนหัวเราะ เปนความพอดีในความสุข ไมขาดไมเกินนะจะ นึกถึงแบบไมเวอรนะจะ คิดไปคิด
มาตรงกับคําที่นึกขึ้นมาไดวา ผูดีจะ ดีที่ภายในนะจะ เปนอารมณลงตัว เต็มอิ่มในสุขและไมลนเกินขอบเขต
เดินทางมาถึงชวงนี้ไมรูอะไรทําใหใชคําวา ผูดี กับนักเดินทางในทัวรนี้นะจะ ถาเปนทัวรผูดีมันก็ไมเสียหายมั้ง
คือฉันก็แครูสึกวาอารมณดีนี้มันทําใหดีไปหมด รวมๆแลวเลยตรงคําผูดี ที่ดีพรอมทั้งกายทั้งใจนะจะ เชน ไม
ทรมานกายทรมานใจแนๆ อารมณดีคอนขางเปนกลางไดงายกวาอารมณไมดีจะ อะไรที่เปนทางสายกลาง ไมเปน
ที่สุดทางใดทางหนึ่ง ก็สบายที่สุดจะ ตอนนี้ฉันชวนหยุดพักเพื่อเอาเรื่องเอาราวในความเปนสายกลางนี่แหละจะ ก็
ตั้งแตเปนลมหายใจเขา จนเปนจริงเทาลมหายใจเขา มันกําลังจะคอนไปทางสุดสายมั้งจะ พักกอนคงจะดี ปลอยให
อะไรที่เปนไปมันจริงเทาลมหายใจเขา สวนเราก็ดูเฉยๆ อยูระหวางขาเขาขาออก สบายสุดๆจะ เรียกวา หายใจเขา
แลว อะไรจะเกิดก็ใหมันเกิด สิ่งที่มันจริงมันก็จริงเทาลมหายใจเขา ชวงนี้เปนการหยุดพักอยูเฉยๆแตไมเสียเปลาจะ
แถมความสบายใหอีกตางหาก เขาวาการหลงเพลิดเพลินในความสบายจะกลายเปนเกียจครานไดใชมั้ยจะ ก็คง
จะตองปลอยความสบายเชนกัน และเชื่อวาการเดินทางตอไปจะเก็บเกี่ยวสิ่งตางๆไดอีกจะ
เมื่อเดินทางมาถึงการจริงเทาลมหายใจเขา เราก็สกัดเอาสารที่มีในความจริงนี้ซะเลยสิ วามั้ยจะ แบบที่สิ่งอื่น
ถูกสกัดเอาสารที่มีอยูมาใชเชน สารสกัดดาวเรืองใชบํารุงสายตา เราก็คงมีสิ่งที่สกัดเอามาไดถาไมเนาเสียซะกอน ที่
ทําอยูก็คงมีบางเชน สกัดเม็ดเลือดจากสวนที่เปนน้ําเลือดมาใช โดยสวนตัวฉันแลว ไมนึกถึงเลือดคนอื่นดีกวาจะ
ฉันคิดวานี่เปนโอกาสทดลอง ยับยั้ง ระงับ ในสิ่งที่จริงเทาลมหายใจเขานะจะ มันไมแปลกพอๆกับที่กบจําศีลหยุด
การเปลี่ยนแปลงชั่วคราวมั้งจะ ถาควบคุมจิตไดก็สั่งไดแบบกดปุมstopหรือปุมplayตามตองการ ถาถามวาอยาก
สกัดอะไรละ ฉันก็คิดวาแตละคนนั้นตางกันทั้งความตองการสกัดและสิ่งที่จะสกัดไดออกมาจากตัวก็คงไดมา
แตกตางกันจะ แลวแตความเหมาะสมเฉพาะตัวมั้งจะ อาจจะตองการสกัดพลังงานถาใชแรงงานเปนวิถีหลัก ฉันก็ไม
รูวาจะสกัดอะไรบาง ที่มันจริงเทาลมหายใจเขา แตละคนก็คงแตกตางทั้งกายวิภาค กลไกในรางกายและจิตใจ สาร
สกัดที่ไดของตางคนก็คงมีรายละเอียดตางกันบางละจะ แคมองตาก็เห็นความตางในรูมานตาแลว ลายนิ้วมือก็ตาง
ยิ่งขางในยิ่งมีความละเอียดที่แตกตางโดยเฉพาะในสวนจิต ที่รูสึกไดจากอารมณ ถาสกัดอารมณได ทุกอยางก็อยู
ในcontrolมั้งจะ อารมณที่นาสกัดเอามาก็นาจะเปนอารมณเบิกบาน อารมณดีนะจะ ดังนั้นชวงนี้ของฝากจากการ
เดินทางในทัวรลมหายใจแหงการเดินทาง ก็คือ สารสกัดอารมณดีจะ จะสนใจหรือไมก็แลวแตความประสงคจะ
สกัดไดไมซับซอนนัก เดินทางมาถึงตรงนี้ไดก็สกัดอารมณดีไดละจะ แมฉันจะไมใชผูชํานาญการเดินทางนัก แต
ก็พอจะรูวามีอะไรระหวางทางที่เก็บเกี่ยวมาได ฉันนั้นอาจจะไมสนใจจําเสนทางซะดวยซ้ําจะ แตไมพาหลงหรอก
นา
ชีวิตตองดําเนินตอไปพรอมลมหายใจ เปนภาระระหวางเรากับโลกที่ดําเนินไปดวยกัน เลยหยุดพักนาน
ไมไดจะ ชวงนี้จะถึงจุดผันแปรในเสนทางแลวจะ บอกไวกอนวาฉันไมไดย้ําคิดย้ําทํา แตเสนทางลมหายใจมันพา
ไปนะจะ และเปนชวงแลกเปลี่ยนระหวางเรากับโลก ใหสิ่งใดก็ไดสิ่งนั้นกลับคืนละจะ แหลงทองเที่ยวที่
เปลี่ยนแปลงอยูทุกขณะนี้ละจะ ที่โลกสะเทือนไปดวย
สุดทางลมหายใจเขา

ฉันเคยอางวาทางที่เปนกลางนั้นสบายที่สุดใชมั้ยจะ ตอนนี้แหละจะไดรูวาทําไมฉันจึงวามันสบาย เพราะ


การเดินทางกับลมหายใจก็เหมือนเสนทางบนโลกนี้เองจะ ไมไปไหนนอกโลกแตจะสุดขั้วโลกไดทั้งสองขั้วจะ
บริเวณสุดขั้วนั้น ถาเดินทางกับลมหายใจก็จะรูสึกอยูแถวๆขั้วปอดนะจะ แลวเราก็ไมยอมอยูที่ขั้วเพราะมันไมสบาย
เทาเดินทางไปกับลมหายใจออก ใชมั้ยจะ ลองพักอยูกับสุดทางลมหายใจเขาก็ได จะรูวาไมใชทางที่สบายที่สุดจะ
และเปนอันตราย ทีนี้ก็จับจุดเหมาะๆไดแลวละ วามั้ยจะ เพราะการเดินทางในลมหายใจนั้น ยังไงก็ไปกลับอยู
ระหวางขั้วที่ตัวเรากับสุดขอบขั้วที่เนื่องอยูกับโลก ไมวาจะเรียกความเกี่ยวของระหวางโลกกับสิ่งรอบๆโลก
อยางไร ฉันวาเปนวิชาที่เกี่ยวกับขั้วแบบขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต หรือขั้วที่ตัวเรากับขั้วนอกตัวเรา ปรากฏการณ
ก็มีตางกันแตละขั้ว แตบริเวณที่รับแดดสุดๆไมใชขั้ว กลับเปนแถบศูนยสูตร เราหายใจสุดขั้วรอบหนึ่งๆแทบไม
ทันรูสึกวามั้ยจะ ฉันวานาพิสูจนวาสุดทางหายใจเขา กับขั้วนอกตัวเราไกลกันแคไหน เทาที่ฉันรู คงมีการพิสูจนอยู
บางในอวกาศ แตก็ไมรูวาจะมีอะไรซึ่งตองพิสูจนบาง ตอนนี้รูสึกวาสุดขั้วบางมั้ยจะ ก็ตั้งแตรูวามีลมหายใจเขา
และเดินทางมาเห็นลมหายใจเขา จนเปนลมหายใจเขา กระทั่งจริงเทาลมหายใจเขานั้น มันมีอะไรรอดการเยี่ยมชม
ไปอีกละ ความจริงทุกแงทุกมุมก็ถูกงัดออกมาชมจนไมรูจะอาแขนอยางไรอีก มันสุดขั้วแลวตรงนี้จะ จริงเทาลม
หายใจเขามันทําเอาละลานไปหมด หนักนะสิจะ มีความจริงมากมายเทาลมหายใจเขาที่เราสัมผัสและรูสึกจากความ
จริงเหลานั้น ทํายังไงไดจะ ลมหายใจเขาก็ไมใชอื่นไกล มันคือสวนหนึ่งของกายเรา ดังนั้นเราก็ตองเผชิญความจริง
จนสุดขั้ว ทุกลมหายใจเขาอยางนี้แหละจะ
สุดทางลมหายใจเขา หรือสุดขั้วปอด มันเปนระยะทางที่ไมสั้นเขาหรือยืดยาวออก แตวาบางทีความรูสึก
ของเราเองที่หายใจเขาแตละครั้งมันคลายสุดขั้วไมเทาเดิม สั้นบาง ยาวบาง ชีวิตถึงที่สุดที่ไหน รึวาตรงขั้วปอดจะ
สําหรับฉันการเดินทางกับลมหายใจเขาตอนนี้ ถาไมปลอยเรื่องจริงเทาลมหายใจเขาซะ มีหวังมันทับถมทวมตัว
หนักอึ้งแนๆจะ นี่ละมั้งที่เขาวาความจริงมีแบบหนักกับไมหนัก ความจริงที่จริงเทาลมหายใจเขานั้นหนักจะ อะไรก็
ตามมันไมเบาทั้งนั้น ตัวฉันยังไมเบาเลย มีความจริงที่ไมหนักอยูก็คือ ความวางจะ ซึ่งจริงยิ่งกวาที่จริงเทาลมหายใจ
เขา ทําไมมาอางถึงความวางเอาตอนสุดทางลมหายใจเขา วามั้ยจะ ที่จริงฉันก็อางมาตลอด เพียงแตมันปนอยูกับ
ความรู เห็น เปน จริง ทุกแงมุมนั้นนะจะ ถาสัมผัสทุกๆมุมทุกๆแงก็จะรูไดวาฉันก็อางความวางมาตั้งแตเริ่มเดินทาง
กับทัวรลมหายใจแหงการเดินทางจะ และมาถึงสุดขั้วของปอดนี้จะยอมหักไมยอมงอรึวา ยังไงก็ได ที่ใชวลียอม
หักไมยอมงอนี้ ก็ไมไดเอาความหมาย แตเอาความตรงๆเลยจะ วาจะยอมใหปอดแตกหรือยอมใหลมหวน ฉันวา
อะไรมันมีจุดเริ่มตนมันก็มีจุดจบ ถาไมยอมจบก็อยาไปสุดทางสิจะ เหมือนขามสะพาน ถาอยูระหวางสะพานที่ขาม
ก็ไปไดทั้งสองทาง ทางเลือกมีมากกวาสุดทางจะ เมื่อสุดทางหายใจเขาแลวสิ้นสุดแคนี้ ก็ไมมีทางเลือกอีกตอไป
เห็นชัดวาไมใชตรงกลางแตสุดทางที่ขั้วปอด มันเปนเรื่องกูไมกลับ ซึ่งทัวรลมหายใจแหงการเดินทางเชื่อวา คงไม
มีผูใดหลงทาง และอยูตรงสะพานขามกันครบจะ ทีนี้จะเดินทางตอไปมั้ยจะ ลมหายใจแหงการเดินทางพาไป
ในทางสายกลางโดยลมพาไปนะจะ อยูกับลมหายใจทุกขณะก็เกาะอยูตรงสะพานนี่แหละจะ สุดทางลมหายใจเขาก็
เหมือนสุดขั้วโลก มันไมหลุดโลกงายนักมั้งจะ ลมหายใจมีเขาแลวก็ออก มันไหลก็คือเรามีชีวิต ถามันหยุดไหลก็
เพราะมันสุดขั้ว ฉันจึงเกาะสะพานอยูตรงกลางนี่ละจะ แบบวาพอรูวาหายใจเขา ก็รูวามันตองหายใจออก เพื่อมุง
อยูตรงกลางไมไปสุดขั้วจะ อยูในทางกลางๆนี้ทั้งสบายกาย สบายใจ หายใจสะดวก ชีวิตไหลไปเหมือนน้ําในแมน้ํา
แมมันไมไหลยอนแตตราบใดที่ยังไหลไป มันก็ไมเนา น้ําเนานั้นมันเปนน้ําไมไหล น้ําขังสวนมากจะ มองมุมไหน
ฉันก็เห็นแตชีวิตอยูดวยการไหล ไมนิ่งจริงๆเลยจะ ขนาดเดินทางกับลมหายใจ ก็เปนเรื่องไหลเวียนของลมหายใจ
เกี่ยวเนื่องกับเลือดที่ไหลเวียนในกาย ถาชีวิตหยุดการไหลก็คงนิ่งแนๆจะ ซึ่งจะเนาหรือไมเนาก็เปนไปไดทั้งสอง
แบบ ถาสิ่งที่เคยไหลมาตลอดนั้นไมมีเชื้อใหเนาก็คงไมเนาแมจะนิ่ง แตถาสิ่งที่เคยไหลมาตลอดเต็มไปดวย
ความหยาบมันก็ครบถวนกระบวนการเนาตอไปจะ ฉันจึงสังเกตในตอนเริ่มออกเดินทางวา เมื่อรูวามีลมหายใจเขา
นั้น การไดรูลมหายใจละเอียดมันชวยกรองการไหลหรือการเดินทางใหปราศจากเชื้อเนา เลือดก็ดีเพราะลมหายใจ
ละเอียด ทุกอยางที่เคยไหลก็ไหลอยางไมพรอมจะขุนมัว กายและจิตก็ไมขุนมัว ไมแปลกที่จะไมเกิดการเนาเมื่อ
นิ่งจะ แตฉันวาลมหายใจไหลเขา ออกนี้เปนการเดินทางที่เสนทางเปดตลอดไมมีจุดหยุดตรวจ ดาน จุดสกัดการ
เดินทาง แตเปนเสนทางไมถาวรเมื่อยกเลิกเสนทางก็ปดตลอด ไมมีวีไอพีเล็ดลอดไดจะ
สุดทางลมหายใจเขา จะวาเปนการเดินทางที่คุมมันก็ใช เปนสัมผัสที่รูสึกไดชัด วาชีวิตตองทุมเทสุดกําลัง
เต็มความสามารถที่สุด เหมือนหายใจเขาจนสุดทางลมหายใจเขา แลวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สุดยอดเชนกัน ก็
ทุกลมหายใจเขามันมีขั้วเปนเปาหมายชัดเจนอยูนี่จะ เปนการเตือนตัวเองใหรูวาสุดขั้วอยูที่ตัวเรา ตอนที่เริ่มออก
เดินทางฉันก็ชวนสัมผัสที่วา เราเชื่อมอยูกับโลกดวยลมหายใจขณะมีชีวิตใชมั้ยจะ ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงสุดขั้ว
ของการเชื่อมอยูกับโลกภายนอกตัวแลวจะ เราจะไปไหนตอดี อยูบนโลกวนเวียนอยูอยางเกา หรือไปนอกโลกสู
อวกาศจะ ฉันวาตางคนตางมีภาระของตัว ฉันก็มีกายและจิตบวกกับลมหายใจเปนภาระในชวงหนึ่งนี้ คงไมละทิ้ง
ภาระหนาที่ในอันที่จะดูแล รักษา ปกปองอธิปไตยของตัวหรอกจะ เพราะไมมีใครเหมาะสมที่จะรับภาระหนาที่นี้ดี
ไปกวาตัวเราแลวละ ที่เห็นๆก็ตองสูดลมเขาไปในปอดเอง และปลอยลมออกมาใหไดเองดวยจะ แมจะสุดขั้วใน
ชีวิตนี้แลว ก็ไมใชที่สุดแหงชีวิต ใชมั้ยจะ การเดินทางกับลมหายใจนี้แหละ บอกเราเองชัดๆเลยวา ชีวิตเราสุดขั้วตรง
สุดทางลมหายใจเขา และไมถึงที่สุดแหงชีวิตสักที ผูใดนะจะริเริ่มคําวาเหนือฟายังมีฟา ฉันไดยินแตสัมผัสไม
ลึกซึ้ง เพิ่งจะมาถองแทก็ตอนเดินทางกับลมหายใจเขามาถึงสุดทางลมหายใจเขานี้เองละจะ ซึ่งไดรูวาสุดขั้วปอด
แลวก็ไมใชสุดๆของชีวิต มันจึงซึมซาบกับคําวาเหนือฟายังมีฟาพอประมาณจะ และรูวาชีวิตสุดขั้วไดเสมอแตก็เทา
นั้นเอง เมื่อสุดขั้วแลวก็ถอยกลับ รอจังหวะสุดขั้วตอไปอีก นี่ก็คือชีวิตจริงที่อิงธรรมชาติ และการเดินทางในชวงนี้
ก็นําเสนอบทบาทที่ธรรมชาติเขียนบทและกํากับใหเราเปนอยูตลอด ใหนักเดินทางไดชมบทบาทอันจะนา
ประทับใจเพียงใด ก็ไมแนใจนักหรอกจะ เมื่อชมบทบาทโดยธรรมชาติกํากับใหแลว คงรูสึกไดวาในตัวเราพรอม
จะสุดขั้วเสมอ ทั้งกายทั้งจิตบวกลมหายใจ ที่ตอนนี้มาถึงสุดทางลมหายใจเขาแลวจะ
ระหวางการเดินทางชวงนี้ อยูๆก็สัมผัสถึงสิ่งหนึ่งไดจะ มันคือภูมิตานทาน ดวยวามันสุดขั้วแลวแตก็เทา
นั้นเอง ก็เลยสัมผัสไดวาธรรมชาติคงใหภูมิตานทานในตัวมั้งจะ ทานทนความสุดขั้วในตัวเองนี่ละจะ ไมวาจะทาง
กายทางจิตทางลมหายใจ ก็มีภูมิตานทานเพื่อปรับสมดุลใหเปนกลาง เพราะชีวิตอยูระหวางขามสะพานมั้งจะ
ทางที่อยูตรงกลางนะจะ ในขณะที่ตัวเรามันเปนสุดขั้วของลมหายใจเขา ฉันวาภูมิตานทานนี้เปนความจริงที่แฝงอยู
โดยธรรมชาติ ถาภูมิตานทานถูกเก็บกด อาการสุดขั้วก็กูไมกลับ และเตลิดเปดเปง หลงใหลไปเลย หลงอะไรก็
ชาง ฉันวามันก็หลงอาการเดียวกันนะแหละจะ เชน รางกายหลงตัวเอง อาจมีปฏิกิริยาตอตานไมลงตัว ที่วาเปนโรค
ภูมิคุมกันแบบแพภูมิตัวเอง หรือกอเกิดเนื้อเยื่อแหวกแนวและทําลายตัวเอง อาการสุดขั้วทางกายก็มีอีกหลายแบบ
บางทีมันก็อาศัยความสุดขั้วในตัวเราเปนเสนทางเดินของมันอยางเนียนๆจะ ถือโอกาสสัมปทานทางเดินสุดขั้วแบบ
นี้ไมดี วามั้ยจะ กายเรานี้จริงเทาลมหายใจเขา เมื่อมันสุดขั้วมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอยางฉับพลัน เร็วขั้นฉุกเฉิน
หรือกูไมกลับเลยก็ไดมั้งจะ รางกายจึงจําเปนที่ตองมีภูมิตานทานทั้งระบบจะ หัวใจทางกายนั้นก็คือหัวใจบนอกเรา
มันมีบีบมีคลาย เปนแบบอยางเดียวกับลมหายใจที่มีเขามีออกเลยจะ ถามันสุดขั้วก็วาย( y ) ไมถึงzกันพอดี
ระบบในกายทุกสวนคงมีภูมิตานทานโดยธรรมชาติปรับสมดุลของมันเองมั้งจะ ถาเราไมทําใหมันรวนมันคงอยูของ
มันแบบธรรมชาตินะจะ หรือไมก็ถูกรบกวนจากผูอื่น เชนไวรัส สารพิษ สิ่งปนเปอน พวกนี้ถาเราไมหลงมันก็คงไม
เขาทางมันมั้งจะ เหมือนไขมันกับกลามเนื้อ ถาไขมันพอกพูน เราก็ตองฟตกลามเนื้อใหแนนเบงกลามเบียดไขมัน
ใหฝอลีบไป เราก็จะไมออนแรงแถมแข็งแรงยิ่งกวาเกา เปนการจัดการที่เนื้อไมใชไขมันจะ ใชแนวภูมิตานทาน
โดยธรรมชาตินี้ละดีตอชีวิตนักละจะ แบบวาสิ่งไหนมันจะมารบกวนกายเรา ก็ใหมันเปนไปตามอัตภาพของมัน
และเราก็ไมถอยแตล็อกประตูแนนๆเลยจะ เรียกก็ไมขานละ แยกขาดกันเลย เพราะมันจะทําใหเราหลงแลวกายเราก็
จะเสียสมดุล ถาระบบในกายเราแข็งแรงพอที่จะไมถูกเจาะระบบมันก็ไมเสียสมดุล เหมือนกลามเนื้อแข็งแรง
เบียดไขมันฝอไดนะจะ ที่เคยไดยินมาวาชนะสิ่งใดไมเทาชนะตัวเองนั่นละใชไดดีเลยจะ จัดการที่ตัวที่กายของเราก็
พอ แลวจะชนะสิ่งที่มารบกวนไดเองจะ แตถาชนะตัวเองมันยาก ก็ขอความชวยเหลือไปเถอะจะ เพราะเราเองก็สุด
ขั้วเทาสุดทางลมหายใจเขาของเรา มันยังไมถึงที่สุดแหงชีวิต ดังนั้นโลกนี้จึงมีมากกวาความโดดๆ แตมีความ
หลากหลายใหเราเลือกเอามาใช นอกจากแคตัวเรา เชน การรักษาทางเลือก ไมวาจะเลือกรักษาทางไหนก็ดีกวา สุด
ขั้วอยูเทาสุดทางลมหายใจเขาแคนั้นจะ เพราะธรรมชาติมีหลากหลายสิ่งที่แตกตาง ถาเราขาดสมดุลก็หาเอาจากสิ่ง
อื่นมาทําใหมันสมดุลมั้งจะ สารสกัดจากธรรมชาติคงชวยรักษาสมดุลทางกายใหเราได เปนการชนะดวยการอาศัย
สิ่งอื่น แตก็ดีกวาขึ้นหลังเสือแลวลงไมได วามั้ยจะ เพราะมันสุดอยูแคขั้วเดียวในตัวเองจะ
สมดุลทางจิตก็สําคัญจะ เรามีกายและจิตอยูควบคูกัน ถาจิตไมอยูในสมดุลก็จะสงผลทางกายได จิตนั้น
สัมผัสไดโดยเร็วที่สุดก็ดวยอารมณนะจะ แมมันจะไมใชเนื้อแทของจิต แตมันนะแหละจูงจิตจูงความรูสึก นึกคิด
เขาถึงอารมณไดก็จูงใจไดใชมั้ยจะ อารมณนั้นสุดขั้วแลวเปนอยางไร ถาลองทบทวนดูจะรูวาเลือดสูบฉีดปดๆเลย
จะ กายมันพลอยฟาพลอยฝนและจะทะลุขั้วไปดวย แทบจะทะลักออกมาไหลนอกเสนเลือด ที่เขาเรียกวาเลือดออก
ทางที่ไมปกติ ตรงนี้ฉันไมไดมองมุมที่จริงเทาลมหายใจเขา แตมองมุมที่มันตองเปนลมหายใจออก ณ สุดขั้วสุดทาง
ลมหายใจเขานี่แหละจะ มันเห็นความสมดุลทางจิตเชนกัน ไมใชแคสมดุลทางกายเทานั้น กายกับจิตไมไดตัดขาด
ผลกระทบตอกัน ความรูสึกทนไมไดมันก็แยกยากวากายหรือจิตไมทน เวลาหายใจเขาจนสุดแลวกลั้นไวไม
ปลอย เกิดอารมณสุดขั้วยังไงจะ คลายๆทวารหนักทวารเบาจะทะลักรึเปลา รูสึกมันจะระเบิดอยูแลวใชมั้ยจะ ก็กาย
มันอยูควบคูกับจิตหรืออารมณ ก็เลยตองใหมีความสมดุลทั้งกายทั้งจิต ฉันไมไดหวังวาจะมีอารมณอยูกลางสะพาน
ตลอดเวลา บางทีมันก็ไตไปสุดทาง แตตองถอยมาอยูตรงกลางสะพานโดยเร็ว ถามันพนสะพานสุดขั้ว มันจะ
กลับมาในอารมณไหนไดอีกมั้ยละจะ แลวจิตเราที่ตองเกิดตอเนื่องไปมันจะมีสภาพยังไง กายที่ตองอยูกับจิตและ
ตั้งอยู โดยมีจิตที่สุดขั้วซึ่งเหมือนเครื่องบินที่หาจุดลงจอดไมเจอ อาจตองรอนลงในลักษณะไมสวยงาม สมดุล ไม
ตรงจุดที่ควร สงผลตอบุคลิกภาพและการกระทําโดยตรงเลยจะ อารมณปรี๊ดสุดขั้วปอดก็เปนไปได แตเชื่อมั้ยจะวา
จะรูสึกไขวควาหาอารมณตรงขามเองโดยอัตโนมัติ คงเปนเพราะภูมิตานทานทางจิต หรือสภาพสมดุลโดย
ธรรมชาตินะจะ ลักษณะก็เชนกันกับการชนะทางกาย เพียงแตการชนะทางกายเปนรูปธรรม แตจิตเปนนามธรรม
และสัมผัสดวยลักษณะของการระลึกรู อาจเปนสติที่จะทําใหรูสึกไดจะ และสัมปชัญญะจะตามมา เราจะไมหลง
เชนเดียวกับหลงทางกาย เพราะสติเปนภูมิตานทานใหจิตสมดุล เหมือนตอนนี้ที่เราอยูในอารมณสุดขั้วปอด และรูวา
ถานานเกินไปมีหวังเรี่ยราดมั้งจะ ดังนั้นการเดินทางตอไปก็ตองเปนลมหวนออกนะจะ ดีกวาใหมันปูดปาด วามั้ย
จะ ฉันไมไดใหลองนะ ที่ชวนเดินทางมาสุดทางลมหายใจเขาก็เพื่อชมสภาพธรรมชาติของแหลงทองเที่ยวใหเห็น
กลไกสมดุลทางธรรมชาติชัดๆเทานั้นจะ ควรใหเปนสมดุลนะจะ ถาสมดุลทางจิตตลอดก็งายที่จะมีกายที่สมดุล
โรคตางๆบางทีจิตใจเข็มแข็งกายมันก็ฟนฟูสภาพงายดายจะ อยางนอยทุกขกายไมทุกขใจ ก็ยังมีหวังกวาทุกขทั้งกาย
ทุกขทั้งใจ ชีวิตก็มีเพื่อนแทคือกายและจิตนี่แหละจะ ลมหายใจก็คือกาย ถาไมพากันทุกข ก็เปนลาภอันประเสริฐ
สวนลมหายใจที่มาถึงสุดทางที่ขั้วปอดนั้น กะบังลมและซี่โครงคงจะรูวาจะทําอยางไร มันคงกลัวปอดจะ
แหกมั้งจะ ถาไมเชนนั้นก็คงกลัวเสียหนาซี่โครงและกะบังลมที่หุมปอด หุมหัวใจ วาไมมีน้ํายา เปนกระดูกซะเปลา
แข็งกวาเนื้อแตขับลมไมไดก็นาคิดนะจะ สุดทางลมหายใจเขาแลว รูสึกอยางไรกับแหลงทองเที่ยวนี้บางจะ ฉันวา
กายและจิตคงเปนไปในทางเดียวกับลมหายในนะจะ วามันตองเดินทางออก ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางก็คงจะ
ไมฝนธรรมชาติของแหลงทองเที่ยวดวยจะ จะไดเดินทางโดยสวัสดิภาพ และมีลมหายใจแหงการเดินทางที่คลอง
ตลอด ไมนามาติดอยูที่ขั้วปอดนี้หรอกจะ ฉันวาสุดทางลมหายใจเขา ก็แคสมมติวาใชตัวเราในขณะสุดขั้วนั้น จะ
เปนอะไรก็สมมติวาเปนอันนั้น แบบเขาถึงบทบาทชนิดออกซิเจนกลับกลายเปนคารบอนไดออกไซดในลมหายใจ
โดยฉับพลัน ยังไมทันเลื่อยขาเกาอี้มันก็เปลี่ยนแบบนี้แลว เห็นมั้ยจะลมหายใจออกเต็มไปดวยคารบอนไดออกไซด
อยางเขาถึงบทบาทจริงๆ แลวจริงๆเราเปนอะไรละในจังหวะสุดขั้วแลวนั้น จังหวะสุดขั้วนี้แหละจะเปนไดเรื่อยๆ
แตเปนแลวก็เปลี่ยนแบบออกซิเจนเปนคารบอนไดออกไซด เพียงแตมันเขามาเรื่อยๆ ก็เลยเปนตอเนื่อง เปนเรื้อรัง
ตราบเทาที่ลมหายใจยังเดินทางไปมาระหวางเรากับโลก ไมวาตัวเองจะถูกเรียกวาอะไร จะอยูที่ไหน คนๆหนึ่งก็ยัง
เปนคนๆเดิมนี้แหละจะ มันสุดขั้วอยูแลว ตัวฉันเลยไมเปนไปตามสมมติอยางไหน ที่จะเทียบขั้วไดเทาพอดีเปะ
เหมือนตัวคนเดียวที่เปนมาตั้งแตหายใจเขาครั้งแรกจนตอเนื่องตอไปจริงๆจะ ฉันสุดขั้วตั้งแตหายใจครั้งแรกแลวละ
จะ แตเพิ่งมารูตอนเดินทางกับลมหายใจนี้จะ เอาเถอะจะ ถายังติดคางยังไมเคลียรในแหลงทองเที่ยวตรงสุดทางลม
หายใจเขา ก็มาทัวรรอบใหม เดี๋ยวจะถวงเวลาในการทัวร แลวมันก็คงไมไดกําไรคุมกันหรอกจะ
รูวามีลมหายใจออก

ชวงเวลานี้คอยรูสึกถึงความโลงขึ้นมาหนอยใชมั้ยจะ อะไรจะโลงเทาเอาออกไปใหสุดละ ยิ่งสุดไดมากก็ยิ่ง


รูสึกโลงมาก การเดินทางกับลมหายใจออกตอนนี้ รูสึกไดทันทีวามีลมหายใจออก เหมือนรออยูแลวที่จะมีจังหวะนี้
ใชมั้ยจะ มันอั้นอยูตั้งแตสุดทางลมหายใจเขานะจะ รูสึกวาสุดขั้วแลวตองปลดปลอยแบบซึ้งแคไหนละจะ ถาไม
ปลอยมันจะระเบิดแนๆ มันตองมีความสมดุลนะจะ กายและจิตและลมหายใจตองสมดุลทั้งสามดาน ขาดสิ่งใดสิ่ง
หนึ่งก็ขาดความมีชีวิตแมจะไมไดออกนอกโลกก็ตาม ก็คงอยูบนโลกแตไมมีชีวิตนั่นละจะ รูวามีลมหายใจออกก็
สัมผัสไดวายังอยูในทางสายกลาง ยังไปไมสุดขั้วชนิดกูไมกลับ การเดินทางขาออกชวงนี้จึงนาจะยินดีจะกับ
สัญญาณของชีวิต ฉันวาลมหายใจออกมันใหความรูสึกโลงและอุนใจดวยจะ เวลาไดถอนหายใจก็เชนกัน มัน
สบายขึ้นเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยละ เชื่อมั้ยจะวาลมหายใจออกนี่ละทําใหเรายกภูเขาแมแตโลกทั้งใบ
ออกไปใหสุดไดจะ หลังจากที่มันไหลเขาสูจมูกเมื่อเปนลมหายใจเขา จนความจริงแทบลนทะลักออกจากทวาร
ถาอั้นไวอาจจะระเบิด ดังนั้นลมหายใจออกจึงชวยปรับสมดุล ขับลม หรือสิ่งที่เชื่อมเรากับโลกออกไปใหสุด ก็เลย
รูสึกสบายจะ ตั้งใจหายใจออกก็จะมีลมหายใจออกที่ละเอียดกวาหายใจทิ้งไปงั้นๆ ฉันสัมผัสไดวา เมื่อรูวามี
ลมหายใจออก ก็รูสึกวาคารบอนไดออกไซดที่เราไมรับนั้น มันมีที่ๆจะอยูอยางกวางขวางยิ่งกวาตัวเรา ซึ่งเปน
อากาศบนโลกนี้เอง และมีสิ่งที่เห็นคุณคาของมันอยางยิ่ง สิ่งนั้นคือตนไมจะ จึงคิดวาชีวิตเราไมมีสิ่งที่ไร
ประโยชน เพียงแตเราไมสามารถใชประโยชนจากบางสิ่งไดเอง โลกมีการrecycle มาตั้งแตเรายังไมคนพบวิธีนี้จะ
ลมหายใจออกนั้น เรารูวามีลมหายใจออกอยางไมเสียดายเลยสักนิด วามั้ยจะ นี่แหละคือความรูสึกที่
เปนสุขจริง รูสึกไมเสียดายนี่แหละจะ มันเปนความโลง สบาย เปนสุข กวาไขวควา ดึงดูด สูดลมเขามาอีก
แมเราจะไมใหความสนใจกับลมหายใจออกแบบที่เห็นมันไมนาเสียดายเลยสักนิดนั้นก็ตาม แตเราก็ไมตองการ
รอชาที่หายใจเขาแลวหายใจออกอีก วามั้ยจะ ฉันเองนั้นเมื่อรูวามีลมหายใจออกก็รูวาตองหายใจเขา มัน
ไมใชมุขนะจะ แตวามันเปนคลายๆบูมเมอแรง ลมหายใจนี้แหละจะ หายใจออกแลวก็กลับมาหายใจเขา ถา
หายใจเขาลึก หายใจออกก็ยาว แบบวาไมมีกําไร ขาดทุน แตเทาทุน เมื่อรูวามีลมหายใจออกก็เลยไมมีใคร
เสียดาย เพราะไมขาดทุนมั้งจะ ฉันเคยเกริ่นไวตอนที่เปนจริงเทาลมหายใจเขาวา ชีวิตเราเชื่อมกับโลกอยู
ดวยลมหายใจ เราจะใหสิ่งใดออกไป มันก็จะกลับคืนสูเราอีกตอไปเชนกัน สั้นๆเลยก็คือ ใหสิ่งใดก็จะไดรับ
สิ่งนั้นกลับคืนจะ ยิ่งใหมากยิ่งไดมากชัดเลย ก็เพราะยิ่งหายใจออกยาวก็ยิ่งถายเทลมออกไดมาก ไมมีอะไร
ตกคางสะสมเปนพิษเปนภัยเบื้องหนาเปนผลดีที่ไดแกตัวจะ แตตรงขาม ถาคิดจะเอากําไรแบบหายใจเขายาว
และหายใจออกเอากําไรอาจขาดทุนดวยซ้ํา แตไมเปนไรเพราะมันตองคืนสูโลกในที่สุด ในระหวางเดินทาง
ออกนี้ คงจะไมขาดทุนกันรึวายังไงจะ ฉันก็วาชีวิตมันเทาทุนคงจะสมดุลกวาจะ อยากรูวาสมดุลดีกวาอยางไร
ก็ตองหายใจเขาอีกใชมั้ยจะ ไมอยางนั้นมันก็จะสุดขั้วที่นอกตัวเรา นี่แหละจะที่รูสึกไดในการเดินทางขาออกเมื่อ
รูวามีลมหายใจออก ที่ฉันมาอางถึงลมหายใจเขาอีกในตอนเดินทางขาออก ก็ไมไดสับสน งงอะไรหรอกจะ
เพียงแตจะย้ําวาไมไปสุดขั้ว แตเขาสูความสมดุลเสมอ อยูบนทางสายกลางตลอด เพราะเดินทางออกนั้นมันไป
ไดแบบอนาคตหนทางยาวไกล ถาไมเกาะอยูตรงทางสายกลางเดี๋ยวมันจะเบาไปแบบลองลอย เหมอไปไกล
ฉันวาอนาคตนอกตัวกับอนาคตในตัว ถาใหไมตองเสียแรงมาก ก็คงเอาระยะทางอันใกลๆในตัวนี่ละจะเปน
อนาคต แบบเกาะติดลมหายใจเขาตอไป มากกวาจะลอยไปกับลมหายใจออกจนสุดขั้ว สั้นๆเลยอีกครั้งก็ขอ
ใชคําวา เอาชีวิตนี่ละจะเปนอนาคต นอกตัวนั้นไมวาจะยาวไกล สั้นแคไหน สูงสง ต่ําตอย ใหญโต เล็กนอย
คับฟาคับแผนดิน เปนอยางไรก็ใหมันเปนของมันไปเถอะ ฉันไมรูสึกวาอะไรจะทดแทนชีวิตได คือวาเวลา
เดินทางไปกับลมหายใจออก มันมีสิ่งภายนอกตัวมากมายยิ่งนัก ฉันก็เลยสรุปวาสงที่จะเลือกเอานั้น ก็มีเพียงลม
หายใจเขาในเวลาตอมานะจะ ย้ําซ้ําๆก็เหมือนบนใชมั้ยจะ ก็แลวแตจะสนใจจะ เพราะทัวรลมหายใจแหงการ
เดินทางไมควรรูสึกเบื่อ แบบวาเบื่อเดินทางกับลมหายใจ มันคงไมมีอะไรจะเบื่อไดอีกแลวละ แตถาลองลอยแลว
ไมเบื่อ ก็คงเปนอนาคตที่มีหนทางยาวไกลและอาจจะเหนื่อยนะจะ ฉันวาการเหน็ดเหนื่อยก็แนวๆทรมานให
ตัวเองเปนทุกขจะ ไหนๆก็หายใจออกแลว ทําไมเอาทุกขไวซะละจะ
รูวามีลมหายใจออก ก็แครู จะดีใจหรือซึมเซาก็ไมใชจะ ไมสะใจดวย ความรูสึกนี้สัมผัสอยูแลวมั้งจะ
อารมณขณะเดินทางกับลมหายใจออกแทบจะสวัสดี วามั้ยจะ ฉันจะใชคําวาผูดีในจังหวะนี้อีก คงไมหนักหนา
เกินไปนะจะ กลาวถึงผูดีคงไมนาจะรังเกียจเทาผูรายหรอกจะ เพราะฉันชอบผูดี แบบที่โบราณสอนไว ใหอยา
คบคนพาลจะพาไปหาผิด ฉันจึงจะใชคําวาผูดีมากกวาเอยถึงผูรายจะ ในเวลานี้เราก็รูวามีลมหายใจออก ซึ่งลม
หายใจออกที่ละเอียดก็ไมพาไปหาผิดจะ ผูดีในสัมผัสของฉันนั้น ก็มีกายดีจิตดี ลมหายใจก็ดีจะ ลมหายใจที่
ออกมาจากการปรุงกายและจิตที่ดี มันก็คงไมรายนักมั้งจะ ที่แนๆไมนาจะแพรเชื้ออะไร แมจะมี
คารบอนไดออกไซดอยูในลมหายใจออก แตไมมีอะไรผสมโรงไปกับมัน มันก็แคลมหายใจออกที่ธรรมชาติ
สามารถrecycle ไดเองอยูแลว โดยตนไมก็ดี แรงกดดันในบรรยากาศก็ดี หายใจออกแลวไมเหลือบากวาแรงที่
โลกจะทนไหวนะจะ มันไมใสไขใหคารบอนไดออกไซดเชน ความริษยา อาฆาต มาดราย ประสงคราย
ประทุษราย ที่มีพิษสงอันตรายและพาไปหาผิด ขณะรูวามีลมหายใจออก คงจะสัมผัสความรูสึกรับผิดชอบอยู
บางจะ นั่นคือสิ่งที่เราไดกระทําตอโลกภายนอกตัว อันเกี่ยวเนื่องมาจากกายและจิตเรานี่ละจะ ถาคิดดี ทําดี
ผลกระทบตอทุกสิ่งรวมทั้งตัวเองก็จะดี ถาหายใจออกแบบไมรูสึกรับผิดชอบ ก็คงยกใหเปนวีไอพี ทําอะไรก็ไม
ตองรับผิดชอบ สําหรับความรูสึกที่ฉันสัมผัสได ผูดีนั้นรับผิดชอบทุกลมหายใจออกจะ ไมจําเปนตองยกให
เปนวีไอพี ก็เห็นความสําคัญทุกสิ่งไดอยูแลวไมเฉพาะจะตองอยูในสถานะวีไอพีหรอกจะจึงจะซาบซึ้ง
ถึงความสําคัญ ดังนั้นชวงที่เดินทางกับลมหายใจออกนี้ก็จะรูวาเรากับโลกใหรายแกกันนั้นไมได เพราะ
เชื่อมกันอยูทุกขณะทุกลมหายใจ โลกภายนอกตัวก็เชน สิ่งมีชีวิตอื่น ทรัพยากรธรรมชาติ หรือนอกโลกใน
อวกาศก็สัมผัสกันอยูจะ ใหทุกขแกทานทุกขนั้นถึงตัวเปนไปไดจริงจะ ฉันจึงชอบการเดินทางกับลม
หายใจออกแบบผูดี ที่รับผิดชอบตอการกระทํามากๆจะ
รูวามีลมหายใจออก เปนความรูสึกงายกวาสูดหายใจเขารึเปลาจะ ถาความรูสึกรับผิดชอบเกิดขึ้นแบบ
รูสึกไมหนักหนาเทาที่หายใจออก โลกนี้ก็คงไมตองสะเทือนหวั่นไหว เพราะสามารถrecycle ลมหายใจออกได
เองอยางสมดุลอยูแลว ไมมีสิ่งที่เหลือบากวาแรงที่โลกจะทําการเปลี่ยนแปลงใหกลับมาเปนสิ่งที่เปนประโยชน
ไดนะจะ แมโลกจะมีระบบปรับสมดุลทางธรรมชาติ อยางเชนปรับคารบอนไดออกไซดใหเราหายใจเขาไดอีก
แตถามันมีสิ่งที่ผสมโรงมากๆอยางไมรับผิดชอบ ไมไดมีแคคารบอนไดออกไซดแคนั้น โลกอาจไมอยูในทาง
สายกลางที่ยังสมดุลอยางที่หมุนเขาหาจุดศูนยกลางตามเดิมนี้ และอาจสุดขั้ว เมื่อนั้นคงเกิดการ
เปลี่ยนแปลงชนิดสุดขั้วกันละจะ โลกกับเราก็คลายๆตัวติดกัน สวนที่ติดกันก็คือลมหายใจ ไมวาเราหรือโลกก็
เลยขาดความรับผิดชอบตอกันไมได แมการอยูบนโลกจะเปนเรื่องที่ทําไดแบบ ยังไงก็ยากจะหลุดพนไปจาก
โลกละ โลกนี้อยูไดเสมอ ยึดตําแหนงบนโลกอยางกระหยิ่มใจแนๆ ใชมั้ยจะ ฉันวาตราบใดที่มีลมหายใจเขา
ออก มันเปนเรื่องการมีชีวิตเพื่อรับผิดชอบ จะรับผิดชอบไมไดก็เมื่อจบชีวิตนะจะ แนนอนวาชีวิตสิ้นสุด
ความรับผิดชอบก็จบ แตกายและจิตก็ยากจะหลุดไปจากโลก ใชมั้ยจะ แลวอยางนี้จะวามีชีวิตเพื่ออะไร ถา
ไมใชเพื่อรับผิดชอบ มันคือสิ่งที่ตอนไมมีชีวิตนั้นทําไมได นี่ควรจะเปนศักดิ์ศรีของสิ่งมีชีวิตบนโลกจะ และทุกสิ่ง
ที่มีชีวิตลวนตองมีความรับผิดชอบเปนของตนวามั้ยจะ แบงเบากันไดในครั้งหนึ่งๆ แตยกใหหมดเลย จะไปรู
ไดยังไงวาจะรับผิดชอบลมหายใจออกแทนกันที่จะตองเปนแลวเปนอีกตอไปอยางไร มันเปนอนาคตที่คงยากจะ
หยั่งรู รับผิดชอบแทนไปตลอดชีวิตคงไมไดจะ ไฟไมสิ้นเชื้ออยูในตัวคนนี่แหละจะ อาจเสียชื่อประกันภัยที่จะ
รับผิดชอบแทน สายใยรับผิดชอบพัวพันอาจเรียกเวรกรรมรวมกันหรืออะไรก็ตามเถอะจะ ฉันไมคอยหวังวาจะ
พบการเปลี่ยนอะไรในลักษณะเปนอยางเดียวกันหมด เพราะจะเขาแนวทางสุดขั้วเหมือนกัน แตเชื่อวา
ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางจะพาสัมผัสเกร็ดความจริงแบบมีชีวิตชีวา สมกับการเปนหนึ่งเดียวกับโลกจะ
หากรูวามีลมหายใจออก ทําไมจะไมโลงละจะชองอกแฟบเขาอยางนั้น เคยมั้ยจะที่เวลาหายใจเขา บาง
ทีรูสึกวาหายใจไปถึงสะดือ บางทีก็ถึงแคลิ้นป คิดดูสิจะวากะบังลม ซี่โครง ตองหยอนแคไหนในการสูดลม
หายใจเขาแตละครั้ง เพื่อใหชีวิตนี้ไมหยอนตลอดเวลาเมื่อรูวามีลมหายใจออกก็รูสึกวาหายหยอนเปนพักๆละจะ
วานี่แหละซี่โครง กะบังลม ทําใหรูสึกโลงไปไดในทีหนึ่ง การรูวามีลมหายใจออกก็ไดรูสึกโดยตรงตอซี่โครง และ
กะบังลมในลักษณะที่ไมหยอนนะจะ มันก็คงรักษาสมดุลของมันมั้งจะ ถาหยอนไมตึงก็ยานละจะ หายใจออกทีก็
โลง ดวยวาเรายังไมยานดวยจะ แตถาสะอึกก็ไมชอบ มันตึงอยางไมดูทิศทางลม ไมรูกาละเทศะ แทนที่จะโลงก็
เลยจึ๊กๆจั๊กๆ ทําไมชีวิตเราตองมีจังหวะที่เหมาะสม ไมวาจะเนื้อเยื่อของกายตรงไหนก็มีจังหวะของมันทั้งนั้น
และสอดคลองสัมพันธกันเสมอดวย เมื่อรูวามีลมหายใจออกก็รูสึกไดวา มันคือสรุปของกายและจิตที่รับรูรวมกัน
มาแลวนะจะ เห็นอยางไรบางจะ ฉันวาคารบอนไดออกไซดยืนพื้นกันทั้งนั้น วามั้ยจะ แลวทําไมตองยืนพื้นเปน
คารบอนไดออกไซด ทั้งๆที่ถาเอาตัวเราเปนหลักก็หายใจเขาเอาออกซิเจนนี่นา ฉันวาโลกใหเราแบงความ
รับผิดชอบกับพืชอยูจะ เราตองใหคารบอนไดออกไซดแกพืชและพืชก็ใหออกซิเจนกับเรา หรือจะบอกวาผูที่
แข็งแรงกวาก็ตองรับผิดชอบตอผูที่ออนแอกวาเพื่อการอยูไดทั้งสองฝายจะ เรากับพืชก็ตองรับผิดชอบกันและ
กัน แข็งแรงกวาแลวเอาตัวรอดผูเดียว โลกเห็นวาไมชอบมั้งจะ ฉันรูสึกเลยวาลมหายใจออกนี่แหละมัน
แสดงออกถึงการแชรระหวางเราและสิ่งนอกตัว หรือเมื่อมีรับเขาก็มีใหไป และใหแกผูที่สมควรรับ แมเราจะคิด
ใหแกสิ่งอื่น แตถาสิ่งนั้นไมตองการคารบอนไดออกไซด มันก็ไมมีคา พืชคือสิ่งที่เห็นคาลมหายใจออกของเรา
ผูที่ออนแอกวายอมเห็นคุณคาความสําคัญในผูที่เขมแข็งยิ่งกวา ถาไมเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิแรงกลานะจะ ดี
นะที่พืชไมมีมิจฉาทิฏฐิเราจึงไดออกซิเจนมาใชอยูตอไป รูวามีลมหายใจออกก็สัมผัสถึงการใหไดใน
ขณะเดียวกันจะ ใหอยางระมัดระวังก็จะดีจะ หายใจออกก็ไมผสมโรงอะไรมากไปกวาคารบอนไดออกไซดมั้ง
จะ
เมื่อเดินทางขาออกแลว มีอะไรติดตัวไปไดบางนะ สัมผัสลมหายใจออกเมื่อรูวามีลมหายใจออก คงได
อะไรเพื่อแลกเปลี่ยนกันบางนะจะ คารบอนไดออกไซดนั้นไมตองหวง คงไมมีใครไมไดออกมาจะ นอกจากจะ
สุดขั้ว ไมตองขึ้นๆลองๆแบบอาการกําเริบอีกนะจะ ฉันไมรูมากนักวาหายใจไมใหเอาคารบอนไดออกไซด
ออกมาทําอยางไร เพราะรูแคสัมผัสที่ไดนั้นมันก็ยังไมโกอินเตอรจะ ฉันนั้นยังหายใจเขา ออก แบงปนความ
รับผิดชอบกับพืชอยูนี่แหละจะ เวลาจะใหอะไรแกสิ่งใด เราก็ตองดูวาสิ่งนั้นจะรับอะไรบาง ใชมั้ยจะ ดังนั้น เมื่อ
รูวาหายใจออกก็คอยๆปลอยลมหายใจใหมันระมัดระวัง คงจะถูกใจผูรับกวาพนพรวดเปนจรวดมั้งจะ มันอาจมี
สวนผสมที่เกินพอดีไปนะจะ ขาดๆเกินๆ เชน สิ่งที่ไดมาจากกายและจิตทั้งหลาย รวมถึงพลังขับเคลื่อนที่
สงผลตออาการ การแสดงออก ซึ่งมันตองปรุงดวยอารมณทั้งนั้นจะ อารมณเกินออกไป มันก็จะไปสุดขั้วที่สิ่งอื่น
เดี๋ยวมันก็จะวกกลับมาที่เรานะสิจะ ถาอารมณออกไปพอดี คงไมถึงกับสงไปถึงสิ่งอื่นแลวทําใหสิ่งนั้นมีอารมณ
สุดขั้ว เราอาจไมตองรองรับอารมณกลับมาเกินพอดีดวยจะ นอกจากคนนั้นจะมากดวยอารมณในตัวอยูแลว
ตอนที่รูวามีลมหายใจออกนี่แหละจะหากรูเรารูเขาก็จะดี เรามันก็ตองหายใจเขา ออก ถาคิดวาหายใจออกแลว
ก็ถือโอกาสทิ้งทวนทุกครั้ง แบบนี้ก็ตองเปนวีไอพี ที่ไมจําเปนตองหายใจเขาอีกสิจะ จึงจะไมตองรับผิดชอบสิ่ง
นั้นกลับคืน แตถายังตองหายใจเขาอีก ก็ตองรับสิ่งที่ใหออกไปนั่นกลับคืนละจะ ทัวรลมหายใจแหงการเดินทาง
ขาออก ไมเชื่อก็ตองเชื่อ วามีสิ่งที่รอตอนรับการกลับออกไปจะ
การเดินทางในระหวางนี้ ฉันก็ไมคอยคิดวาจะมีนักเดินทางออกนอกเสนทางไปไกล แมเดินทางขา
ออกนั้นจะมีขั้วนอกตัวไดเทาลมที่อยูภายนอก เพราะกะบังลมและซี่โครงไมสุดขั้วชนิดกูไมกลับ มันจะหยอนลง
คลายพรอมรับสิ่งใหมๆในไมชาจะ ฉันก็วาการตามติดสิ่งที่ลวงไป มันไมใชภาระสําคัญเทาการอยูที่ปจจุบัน
แตก็ตามถนัดนะจะ ถาชอบยอนยุคก็เปนความพอใจสวนตัว สําหรับฉันเวลามันไมใชเครื่องมือของใคร แตไมรู
ทําไมกาละเทศะจึงถูกอางทั้งๆที่ มันไมตรงไปตรงมาแคกาละเทศะนั้นๆ แตเปนการพวงมาเปนขบวนตั้งแต
กาลครั้งหนึ่ง จับแพะชนแกะก็ทําได เรื่องนี้แหละมันทําใหเสียเวลาและเบียดเบียนเวลาปจจุบันอยางยิ่ง สิ่งที่มี
ลักษณะดังนี้ก็มีเยอะเชน ความอาฆาต มาดราย จองลาง จองผลาญ มุงราย ประสงคราย เหมือนหายใจออกไม
สุด ความรับผิดชอบตองตั้งอยูจริงในขณะที่เปนไปได วามั้ยจะ ถาคิดวา ณ ขณะหายใจออก ยังคางคาตามติด
สิ่งที่เปนเวลาลวงแลว จะรับผิดชอบลมหายใจเขาตอไปแคไหนไดอีก ไมเสียไปถึงอนาคตเลยหรือจะ นั่น
ควรจะเปนสิ่งที่ถูกกาละเทศะที่สุดมั้งจะ ฉันเคยรูมาวาการพูด คิด ทํา ถาไมถูกกาละเทศะ ก็ไมเรียกวา พูดดี
ทําดี คิดดี เชน พูดดวยความระลึกในอารมณ ความรูสึกแตปางกอนเมื่อลมหายใจที่ผานมา อาจจะสอเสียด
นินทา วาราย ยุแยง กลาวเท็จ ลวนเปนสาเหตุของการไมรับผิดชอบเต็มที่สุดกําลังในปจจุบันขณะ แตให
ความสําคัญกับเวลาที่ผานมายิ่งกวา ทั้งคิด พูด ทํา ยึดสิ่งที่เปนจากการปรุงแตงของลมหายใจที่จากไปแลวเปน
ตัวหลัก จึงออกมาเชนนี้จะ ทําบอยๆอาจแยกแยะจริงเท็จไมออก เพราะอคตินะจะ ฉันจึงขอย้ําหนอยนะจะ
วาลมหายใจแหงการเดินทางนี้ อะไรพอที่จะเก็บเกี่ยวก็เก็บ อะไรไมควรคางเก็บก็ปลอยจะ มันจะถวงเวลา
ทัวรเพราะมัวแยกแยะจริงเท็จไมออกอยูนี่นะจะ ทําใหลมหายใจก็จะมากมายสวนผสมและไมบริสุทธิ์จะ ไมวา
จะเปนการคิด พูด ทํา เพื่อไปกระทบคนอื่น มันก็เปนสิ่งที่ไมบริสุทธิ์จะ ยืนยันและขอรับรองวาเปนความจริง
ลมหายใจออกนี้แหละเปนสิ่งที่บอกใหรูวามีลมหายใจออกแลว ไมไดบอกวาตนนั้นสําคัญอยูในขณะนี้ ก็
ขนาดลมหายใจอันเปนชีวิตยังกําลังออกไปนะจะ แลวจะสําคัญวาตัวนี้คือวีไอพีไดอยางไร มันผิดธรรมชาติจะที่
จะรูสึกวา ความเปนตัวเองคือสิ่งที่ตั้งมั่นดํารงคงอยูโดยไมอาจเปลี่ยนหรือลมได สายใยชีวิตคือลม
หายใจนั้น มันออกไปแบบบอกชัดเลยวา อยามาอางเลย มันเปนจึ๊กๆจั๊กๆ ไมไดจะทําใหเสียความเชื่อถือใน
ตัวเองนะจะ เพียงแตเมื่อรูวามีลมหายใจออก ก็รูไดวาไมมีตัวจริงที่เรามักอางถึงวานี่นะเราอยูจริงจะ สิ่งที่มีก็มี
อยูเทาเวลาหนึ่งของลมหายใจเขาแลวออกซึ่งเปนชวงชีวิตที่เกิดตอเนื่องไปนะจะ แตทัวรนี้เราสัมผัสแบบทุก
ขณะ มันก็จะเห็นวาเกิดๆดับๆติดตอกัน เวลานี้อาจรูสึกถึงคําวาสมมติไดชัดมากๆจะ เพราะมันมีการออกไป
ทุกครั้งที่เขามาและเราก็ยังรูสึกถึงสิ่งที่ผานไปอยู ก็เทากับสมมตินะสิจะ ดังนั้นคิดดูเถอะจะวาชีวิตเราอยูกับสิ่ง
สมมติแคไหน ทั้งความรูสึก อารมณ นึกคิด กายของเราที่ถูกปรุงดวยลมหายใจเขาๆออกๆ หากยังยึดอยูที่
อารมณ ความรูสึก นึกคิด รางกายที่ตองปรุงทุกขณะ จนเต็มไปดวย อาการสะสมทั้ง ความอาฆาตแคน
พยาบาท จองเวร หรือแนวหลงใหลอยูในภวังค อาลัยอาวรณ ถวิลหาอยูตลอด ซึ่งในกายทั้งเนื้อทั้งตัวนั้น
ไหลวนอยูไมหยุดทั้งเลือด ลมหายใจ ประสาท แมแตจิตก็ไมเที่ยง แลวจะชวยใหปจจุบันทุกขณะยิ่งยงจงเจริญ
ขึ้นอยางไร เพราะสิ่งที่ยึดอยูนั้นมันเปนสมมติ แตก็หลงแบบตั้งใจวาจริง
ชวงที่รูวามีลมหายใจออก จุดเดนของชวงนี้ไมไดอยูที่ระยะทางอันยาวไกลจากจมูกออกไปจะ แต
อยูที่เราทําไดจริงแคไหน เราไมเอาสมมติ ณ ขณะนั้นๆไดเพียงใด จุดโฟกัสมันอยูที่ลมหายใจออก ซึ่งเปน
สายใยชีวิตที่สําคัญนั้นเดินทางออก ฉะนี้แลวยังเหลืออะไรสําคัญพอใหอางอยูอีกละจะวานี่แหละตัวจริง แมไม
สะทกสะทานเพราะเดี๋ยวก็จะหายใจเขาอีก ก็สุดแลวแตจะสัมผัสเองจะ บางทีสัมผัสกับการคิดมันก็แยกกัน ไม
ไปทางเดียวกัน ฉันเคยดูฉากหนังที่ตบจูบ ก็พอจะรูสึกวา สัมผัสกับการคิดมันก็แยกกันตามถนัดของแตละคน
แบบที่ยังไงก็ทึกทักได ถาคิดวาไมเปนอันตรายถึงชีวิตก็แลวแตความพอใจจะ ฉันวาถาจะสมมติความพึงพอใจก็
ไมรูจะสมมติทําไม บางทีฉันก็ลืมวาหายใจออกแมจะหายใจเขาตอไป ก็บอกไวแลววาฉันไมสนใจจําเสนทางแต
ไมหลงทางหรอกจะ ตราบใดที่ชีวิตมีสมมติก็คงไมเปนอันตรายถารูจักมัน อยางนอยก็รูวาอะไรจริงละ อยาก
เห็นลมหายใจออกไปมั้ยจะ วาเปนอยางไร ตามมาเถอะนา เห็นสมมติก็ชางเห็นจริงก็ชาง ไหนๆก็ทัวรอยูแลว
นะจะ ฉันวาเห็นลมหายใจออกไปอาจนาประทับใจก็ได
เห็นลมหายใจออกไป

การเดินทางขาออกชวงนี้คงไมเซ็งกับสิ่งที่ผานมาในชวงที่รูวามีลมหายใจออกมากนักใชมั้ยจะ ฉันคิดวาถา
เซ็งก็เปนธรรมดา ที่จะรูสึกเหมือนฉันทิ่มตําแทงใจดํา ฉันไมไดมีประสงคจะใหเลิกทัวรกอนเดินทางชมทั่วทุก
จุดนะจะ ไมไดหลอกใหเลิกเดินทางไมคุมทัวรหรอกจะ จริงๆก็รูอยูบางนะจะวาเดินทางขาออกจะเกิดความรูสึก
ระหวางคณะทัวรอยางไร แตฉันก็ตองพาเดินทางไปอยางนั้นแหละจะ เพราะสิ่งที่เปนความจริงนั้นมันก็ถูกใจบาง
ไมถูกใจบางเปนธรรมดา จากการที่แตละคนก็มีรายละเอียดทั้งกายทั้งจิตตางกัน จะมีใครเซ็งบางก็อาจเปนไปได
ทัวรนี้ไมจํากัดความแตกตาง ก็เลยรูแตแรกวาคงจะมีคนเซ็ง ดังนั้นถาจะสมัครใจตอไปหรือไมก็ไมเปนไรจะ ฉัน
คงจะบอกวาชวงนี้ก็จะชวนสัมผัสตอไปละ ไมแปลกไปจากตอนเห็นลมหายใจเขาไปนักจะ คือเห็นดวยตาตัว
แมแบบสัมมาทิฏฐิ ซึ่งสัมผัสไดแบบที่เคยสัมผัสตอนเห็นลมหายใจเขาไปนะจะ แลวจะเห็นวาเมื่อลมหายใจเขา
ไดปรุงกายและจิตแลว ตอนที่เห็นลมหายใจออกนี้มันเปนอยางไร เหมือนเวลาที่ผานมานั้นเรารับเอาวัตถุดิบ
สวนผสม เขามาประกอบมาปรุงเปนอาหารรึเปลาจะ ทั้งอาหารกาย อาหารจิต แลวสภาพที่ปรุงเสร็จเรียบรอยแลว
อรอยนารับประทานอยางไร ที่แนๆไมเปนสภาพเดิมเชนกอนจะปรุงเสร็จใชมั้ยจะ ตอนนี้คงซาบซึ้งกับสัมผัสครั้ง
เมื่อรูวามีลมหายใจออก ที่เปนความรูสึกรับผิดชอบไดอยางดีขึ้นละจะ เพราะวาเมื่อปรุงแลวจะยอนกลับมาเปน
สภาพเดิมเชนเมื่อกอนปรุงไมไดอีก ขณะปรุงก็เปนตัวชี้วาเราจะมีอนาคตเชนไร แบบที่ปรุงอยางไรก็เปนอยางนั้น
แหละจะ ปรุงทั้งกายปรุงทั้งจิต ฉันจึงย้ําวาควรสัมผัสลมหายใจที่ละเอียดมาตั้งแตรูวามีลมหายใจเขา เพื่อรู
ทุกแงทุกมุม รูขณะปรุงกายปรุงจิต จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เห็นลมหายใจออกไป ซึ่งผานการสัมผัสความรูสึก
รับผิดชอบมาดวย นี่แหละจะที่เคยไดยินวาทําอยางไรก็ไดอยางนั้น อาหารกายอาหารจิตที่รับอยูทุกขณะลมหายใจ
ปรุงแตงทั้งกายทั้งจิตอยางที่เราเองสามารถรูมาตั้งแตรูวามีลมหายใจเขาแลวจะ และคอยควบคุมมันใหออกมาเปน
อยางที่เรากําหนดไดนะจะ เจตนาคือเครื่องมือควบคุมการปรุงทั้งกายทั้งจิตของเรานี่แหละจะ มันจึงผานความรูสึก
รับผิดชอบมาอยางชัดๆเลยใชมั้ยจะ
การเดินทางในชวงเวลานี้ อยาเพิ่งงงกับความรูสึกรับผิดชอบ และความรูสึกไมยอนยุคไปในลมหายใจที่
ผานมาเลยจะ ดูๆแลวมันคงจะเอามาหักลางกันแบบขางๆคูๆ แบบวา ทําอะไรก็ทําไปแลว ก็ใหมันแลวๆไป ไมตอง
รับผิดชอบเพราะไมควรยอนยุค อยางนั้นมันขางๆคูๆ จะเห็นวาสัมผัสในความรับผิดชอบนั้น ระลึกดูดีๆจะรูวามัน
สัมผัสตั้งแตรูวามีลมหายใจออก กอนจะเห็นลมหายใจออกไปจะ และก็รูวาตองมีลมหายใจออกตั้งแตมีลมหายใจ
เขา วามั้ยจะ ใครจะวาจะไมหายใจออกก็ยิ่งกวาขางๆคูๆจะ เวลาเราสูดลมหายใจเขา เราไขวควารับเอาสัมผัสที่พึงมี
ในโลกทั้งหลายเขาสูตัว เพื่อมาเปนอาหาร เปนวัตถุดิบ ปรุงกายปรุงจิต แตเราเองเปนผูควบคุมการปรุงใหมัน
ออกมาเปนในแบบที่เราตองการ ยกตัวอยางเชน ขณะรูวามีลมหายใจเขา ก็จะรูวามีทั้งความรู วิชา อารมณ ความรูสึก
ทั้งรูปธรรม นามธรรม ที่เราสัมผัสอยูและกําลังปรุงกายปรุงจิตของเรา ออกซิเจนดวย ทุกสิ่งที่เขามาในขณะเรา
ระลึกรูวามีลมหายใจเขา มันมีสิ่งสะสมอยูไดทั้งที่ตัวเราและนอกตัวเรา รายละเอียดในการสะสมคงตองสัมผัสเอา
เองจะ ที่ฉันจะนําเสนอตอนนี้เปนเรื่องของการปรุง ที่ออกมาเปนอยางที่เปนแบบฉบับของแตละคน ฉันไมไดชวน
ทําการละเลงอะไรหรอกนะจะ เพราะตอนนี้มันเปนการเดินทางขาออกแลว แคจะแยกความรับผิดชอบกับความ
ไมยึดมั่นในสิ่งที่ผานมาแลว ใหเปนสัดสวน ยังไงมันก็ตองรวมอยูในสัมผัสที่เปนการเดินทางชวงเห็นลมหายใจ
ออกไปนี่แหละจะ แตจะเอามาปนกันแบบใหหักลางขางๆคูๆก็จะอายพืชนะจะ สัมผัสของเราบอกไดวาเมื่อเห็น
ลมหายใจออกไป ก็จะเห็นวามีความรับผิดชอบเปนของตัว และมีสิ่งที่ผานพนไปพรอมกับลมหายใจออก ถายึด
ความรับผิดชอบก็จะเปนผลดีแกตัว ไมใชแคสิ่งภายนอกหรอกจะ ดวยวาเดี๋ยวก็จะหายใจเขาอีกไมใชหรือจะ
ยังไงเสียก็ไมพนไดรับสิ่งที่ผานพนออกไปกับลมหายใจออกครั้งที่ผานมากลับคืนสูตัวอยูดีจะ แบบที่ผานการปรุง
มาดวยฝมือตัวเองมาตั้งแตกาลครั้งหนึ่งเมื่อหายใจคราวที่แลว มันไมไดกลับมาในสภาพดั้งเดิมตั้งแตไมไดรับการ
ปรุงหรอกจะ แตเปนวัตถุดิบที่เหมือนน้ํามันทอดซ้ํา ดังนั้นเมื่อเห็นลมหายใจออกไป ก็ไมไดหมายความวา
กําลังเห็นสิ่งอื่นใด แตนั่นคือกายสวนหนึ่งของเราที่ปรุงแลวจะ เห็นวาเปนอยางไรก็เปนเรื่องของแตละคนที่แมจะ
ไมเปดเผย ก็ปลอยลมหายใจออกสูภายนอกตัวกันทั้งนั้น วามั้ยจะ ถาแอบเห็นคนอื่นวาปรุงแลวเปนอยางไร ก็คง
จะติดตาอยูบาง เพราะมันเห็นไดดวยตาและดวยสัมผัสละจะ แตเราไมควรใสใจการปรุงของใคร เพราะที่ๆเราตอง
ดูแลการปรุงก็มีเปนของตัวเองอยูแลวจะ ดูคนอื่นปรุงไปก็เทานั้น เสียเวลาเราปรุงที่ตัวเอง เดี๋ยวมันจะเผลอ
ไหมหรือไมสุกกันเลยจะ
เมื่อเห็นลมหายใจออกไป ฉันวาเปนโอกาสสํารวจฝมือ ผลงาน การปรุงของตัวเองไดอยางรอบคอบจะ
แนนอนวาสภาพมันไมยอนกลับเปนดั่งสภาพดั้งเดิมที่รูวามีลมหายใจเขาจะ ฉันจึงคิดวา ชีวิตก็คือสิ่งมหัศจรรย
การมีชีวิตคือการสรางสรรค ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยางแนๆ ดังเชนลมหายใจที่เขาสูรางกาย ก็จะออกมา
เปนลมหายใจออก เปนผลงาน ฝมือการสรางสรรคแกโลกภายนอกตัว แมไมแนใจวาจะไดรับความนิยมขนาด
ไหนในผลงานลมหายใจออก แตที่เปนแฟนคลับแนนอนก็มีอยูจะ คือพืชนั่นเอง ฉันนั้นสัมผัสไดทุกครั้งที่เห็นลม
หายใจออกเลยจะ วาฉันก็มีแฟนคลับตัวจริงและเหนียวแนนดวย ฉันก็ไมรอชาที่จะปลูกตนไมเทาที่จะทําได เพื่อ
แบงปนความรับผิดชอบแกกันดวยความนิยมที่มีตอกันนะจะ เวลานี้ฉันอยากจะบอกวาสิ่งใดเมื่อเห็นคุณคาสิ่ง
ไหนแลว ก็จะไมตอตานหรือทําลาย ก็จะเห็นวานานๆ เราจึงจะเห็นตนไมเปนอุปสรรค ตางจากเราที่ทํากับตนไม
แบบไมเอาใจแฟนคลับซะเลย ฝมือการปรุงของตัวเอง เห็นแลวนาชิมหรือรูสึกชิมไมลงก็ไมรูนะจะ นั่นแหละคือ
สิ่งที่จะกลับมาเปนวัตถุดิบในลมหายใจเขาตอไปจะ ทุกอยางที่ปรุงแลวและใหออกไปภายนอกตัวเรา มันก็ไมหลุด
ไปจากโลกนี้จะ และจะถูกนํากลับมาเปนวัตถุดิบในการปรุงทั้งกายทั้งจิตในขณะหายใจเขาตอไป เห็นบางมั้ยจะวา
ความรูสึกรับผิดชอบที่สัมผัสไดนั้น มันอยูในชวงเวลาที่พอดีๆ ไมใชปลอยออกแลวจึงรูสึก แตรูสึกตั้งแตรูวาจะ
ปลอยออกนะจะ เหมือนกันกับทวารอื่นแหละจะ ทวารที่ปลอยหนักก็เชนกัน รูสึกวามันเปนทั้งรูป รส กลิ่น เสียง
สัมผัส ตั้งแตรูวาจะปลอยออกใชมั้ยจะ อันนั้นเราอายแคไหน กายและจิตที่ปรุงขึ้นดวยลมหายใจทุกขณะนี้ ก็นาจะ
ดูแลควบคุมเหมือนกันแหละจะ ตอนนี้มาถึงการไดเห็นแลว ก็จะสัมผัสความรูสึกละอายชัดไดเลยละ ยิ่งเห็นวา
มันจะออกสูภายนอกยิ่งสัมผัสความรูสึกละอายไดชัดมาก วามั้ยจะ หากเย็นชาตอการรูสึกละอายได ก็วาดานได
อายอด แลวไดอะไรละ ฉันวามันก็ไมหายไปจากโลกนะจะ แตจะกลับคืนสูลมหายใจเขาตอไปจะ
การเดินทางกับลมหายใจออกนี้ เห็นหรือไมจะวาสิ่งที่แตละคนปรุงได มันเปนสิ่งเฉพาะตัว ปรุงแทนกัน
ไมได กายและจิตของใครก็คนนั้นดูแลควบคุมการปรุงดวยตนเองเทานั้นละ ไมวาจะเห็นลมหายใจออกไปหรือ
เห็นอะไรออกไปทางทวารไหน ก็เปนฝมือ ผลงาน การปรุงเฉพาะตัวเองจะ จะออกมาเปนอยางไรก็คงเปนเทคนิค
ของแตละคน ดวยเจตนา ความรับผิดชอบ ความละอาย แลวแตจะมีเทคนิคปรุงกายปรุงจิตใหออกมาเปนตัวเอง
อยางไรจะ ตอนนี้เห็นลมหายใจออกไป รูสึกบางมั้ยจะวา กายเราจิตเราคือแหลงปรุงชีวิตชัดๆเลย ธรรมชาติก็มีสิ่ง
ที่มีชีวิตเปนแหลงปรุง แหลงสรางสรรค แหลงมหัศจรรย ใหแสดงฝมือ ผลงาน ออกมาอยางเปนตัวของตังเองที่มี
อิสระเต็มที่เลย ทุกลมหายใจเขา ออก จึงมีสิ่งแลกเปลี่ยนระหวางเรากับโลกอยูทุกขณะ ฉันเองนั้นจะปรุงอะไร ยังไง
ก็ไมลืมแฟนคลับอันเหนียวแนนแนนอน ถาไมมีแฟนคลับแลวจะอยูบนโลกอยางไร เห็นลมหายใจออกไปก็เห็นวา
เราใหอะไรออกไปสูภายนอกตัวดวยจะ ฉันใหแฟนคลับทุกลมหายใจออกละ และเมื่อเห็นฝมือ ผลงาน การปรุง
ของตัวเองแลว ตอไปคงจะเขาใจวาทุกขณะที่ปรุง เราตองตั้งใจปรุงดวยความละเอียดถี่ถวนรอบคอบ ตั้งแตคัดสรร
วัตถุดิบ เชน การกินเพื่ออยู ไมใชอยูเพื่อกิน ทํานองนั้นนะจะ เพราะเราตองดูแลควบคุมการปรุงดวยตัวเองจะ ปรุง
กายปรุงจิตของเราเอง อารมณทั้งหลายที่เรียกวาอะไรก็ชาง เหลานั้นที่มาปรุงจิต ซึ่งเราก็เห็นไดวาปรุงแลวจะ
ออกมาเปนอยางไร ถาหลับหูหลับตาปรุงก็ได เพราะมันก็ตองคืนสูภายนอกอยูแลว แตเราพัฒนาฝมือ สราง
ผลงานในชีวิตไดเพียงใด เกิดมามีชีวิตแลวมันก็ไมควรใหธรรมชาติผิดหวังในตัวเรา วามั้ยจะ แหลงทองเที่ยวที่
ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางนํามาชมนี้แหละ คือแหลงมหัศจรรย ที่ธรรมชาติระบุตําแหนงไวบนโลก ใหทํา
สิ่งมหัศจรรยแกโลกอยางไมหยุดนิ่ง รูสึกวาแตกตางจากแหลงทองเที่ยวใดๆในโลกหรือวาไมแตกตางจะ ถา
สัมผัสที่ได ทั้งความรับผิดชอบ เจตนา ความละอาย ทําใหรูสึกอยางละเอียดแลว ก็จะเห็นความแตกตางในความ
เหมือนของทุกสิ่งที่มีชีวิตบนโลกนี้ไดจะ ปรุงดวยตัวเองก็รูไดเองแนๆอยูแลวละจะ
ชวงเวลานี้ใหจับตาดูลมหายใจออกจะ แลวจะรูสึกไดวา เราคือคนหนึ่งที่นาจับตา เพราะเรากําลังจะให
สิ่งที่ปรุงดวยชีวิตแกโลกภายนอกตัว ทีนี้จะเปนผูใหที่นาจดจําเพียงใด ก็แลวแตจะตั้งใจเอาเองจะ อยางเบาะๆก็
ใหคารบอนไดออกไซดกันละ ซึ่งก็คงรูวาเหมือนกันหมดทุกคน เลยไมมีใครถือสา แมวาคารบอนไดออกไซดถา
มีมากๆก็จะเปนพิษได ตรงนี้จะเห็นวามีความเหมือนที่แตกตางระหวางคนบนโลกรวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่น ตรงสิ่งที่
แลกเปลี่ยนกับโลกภายนอกตัวนี่แหละจะ มันออกมาจากตัวขางในแทๆของแตละคน มีทั้งที่เหมือนๆกันเชน
คารบอนไดออกไซด และที่ไมเหมือนกัน เชน เจตนา ความรูสึกนึกคิด ลมหายใจออกก็แบกเอาเครื่องปรุงและ
สภาพที่ปรุงเสร็จทั้งกายและจิตออกมาแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอกใหเห็นกันจะๆเลยจะ ฉันเลยอยากใหมองเห็น
ความเหมือนและความแตกตางในคนและสิ่งมีชีวิตบนโลก ตอนนี้แหละที่เห็นลมหายใจออกไปแลวอาจสัมผัสได
อยางที่ฉันสัมผัสวา จะเหมาเอามาตรฐานของตัวแตละคนวัดคนอื่นคงไมได หรือก็คือ ความแตกตางโดย
ละเอียดในเฉพาะบุคคลเปนสิ่งที่กะเกณฑกันยากและไมเทากัน บางคนอาจปรุงเปนแบบหนึ่ง คนอื่นก็เชนกัน
ใครๆก็ปรุงกันทั้งนั้น แตไมมีใครไมตองแลกเปลี่ยนกับโลก แลวโลกจะมีวิธีปรับสมดุลในสิ่งที่ไดรับกลับคืนมา
อยางไร ตรงนี้แหละจะที่มันนาสนใจ เพราะสิ่งที่เหมือนกันถามีจํานวนมากก็เปนเสียงขางมากที่มีบทบาทสําคัญ
ตอโลก แลวถาคุณสมบัติที่เหมือนกันสวนใหญเปนพิษ อยางเชน มลพิษทางกาย ทางจิต มันก็เปนภาวะที่โลก
ตองแบกรับโดยปลอยใหพิษสงสําแดงไปจนหมดฤทธิ์ หรือปรับคุณสมบัติที่เปนนั้น ใหหลอมละลายพิษสงจน
หมดไปกอนจะสาย แตถาปรับสมดุลไมได ฉันวากาลครั้งหนึ่งก็จะมีเรื่องเลาวา เหตุเกิดเพราะขาดความ
รับผิดชอบ ละอาย เปนจุดสําคัญจะ มันไมใชเรื่องใหมันเปนไปเถอะ เพราะวาโลกกับเรานั้น จะทึกทักวาฝาย
ไหนเปนผูรับ ฝายไหนเปนผูให คงไมได แตตองทําหนาที่ทั้งสองอยางดวยกัน ฉันจึงเห็นในตอนนี้และอยากเปดเผย
ตอคณะทัวรวา แมวาโลกที่เทียบกับตัวเราแลวมีขนาดใหญนัก ก็ยังเปนผูรับจากเรา คือสิ่งที่ยิ่งใหญใชวาจะ
ไมไดรับสิ่งใดจากสิ่งอื่น จึงเห็นไดวาไมมีอะไรอยูอยางเปนผูใหฝายเดียว หรือรับอยางเดียว ชัดเลย แตมีทั้งใหทั้ง
รับ เราดวย ตอนนี้คงเห็นไดวา การเปนทั้งผูใหและผูรับเปนเรื่องธรรมชาติ เพราะแมแตโลกเองก็ทั้งใหทั้ง
รับรวมกันกับเรา ฉันวาเมื่อเห็นธรรมชาติในลมหายใจออกก็คงเห็นวา ที่ธรรมชาติมีสิ่งที่แตกตางในความเหมือน
ของสิ่งมีชีวิต ก็เพื่อเปนทางเลือกของการรับผิดชอบในความเหมือนเปนสวนใหญ ที่อาจจัดการไมไดจนตองเปนภัย
ยอนกลับสูโลกเองนะจะ
เห็นลมหายใจออกไป ถาไมปลอยใหมันออก ก็เหลือวิสัยอยูเหมือนกัน เพียงแต ณ ขณะที่หายใจออก กาย
มันก็ตั้งทาจะหายใจเขาแลวละ ทีนี้ก็ชัดเลยวา ลมหายใจออกไมทันไปไกลสุดขั้วนอกตัวแตประการใด มัน
ปวนเปยนอยูในลมหายใจเรานี่แหละจะ เห็นลมหายใจออกแลวเราจะนึกถึงสิ่งใดมากที่สุดละจะ ฉันนะตั้งแตเห็น
ลมหายใจออกไป ก็มองไมเห็นสิ่งอื่นที่จะเอามาใสจิตใสกายที่มันจะมาแทนที่ออกซิเจน และสวนผสมที่เปนคุณแก
กายและจิตหรอกจะ แนนอนวาหายใจเขาในลมหายใจตอไป ยิ่งตองละเอียดในสิ่งที่อยูในลมหายใจ เพื่อกรองเอา
สิ่งที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอยางพอดีๆ เพราะวากายและจิตตองการความสมดุลเทานั้นแหละจะ ไมไดตองการ
มากกวาสมดุล และจากที่ไดเดินทางมาตั้งแตรูวามีลมหายใจเขาจนบัดนี้ คงจะเห็นแลววา กายและจิตมันมีเวลา
ตั้งอยูแคเกิดปุบดับปบ แลวจะเอาอะไรบางละที่จะอางวาเพื่อความเพียงพอใหกายและจิตสมดุล คือสมดุลไมใช
อาการสะใจนะจะ สะใจแลวก็ใชวาจะเที่ยงอยูไดจะ แบบวาดีสุดขั้วชั่วขีดนั้น มันก็ขาดๆเกินๆ ใชมั้ยจะ ถาเปน
อาการสะใจ ก็นาเปนหวงนะจะ หวงโลกดวยจะ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นที่รวมโลกก็จะถูกเหมารวมไปกับความสะใจ
แนนอนเพราะหนีไปจากโลกไมพนนี่นา ฉันวาเห็นลมหายใจออกไป ก็จะเห็นวามีสิ่งอื่นตองรับเอาสิ่งที่เราปลอย
ออกไป ทั้งจําใจและจําเปน จําตองรับแนๆละ มีวีไอพีไมตองรับรึเปลาก็ไมแนใจจะ เห็นแลวใชมั้ยจะวาลมหายใจ
ออกเปนชวงของการเดินทางที่ไมควรลืมตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อจะไมเปนการดับเครื่องชน ที่ไมคิดจะแกไข
อะไรแลวจะ หรือใชคําที่คุนๆก็วา ปลอยไปแบบเวรทํากรรมแตง แลวแตเวรแตกรรม แนวๆนั้นนะจะ มันไมใช
แนวทางที่ธรรมชาติใหแกสิ่งมีชีวิต เพื่อดับเครื่องชนแบบไมยอมแกไขอะไรทั้งสิ้น เพราะโลกคงไมมีแนวทาง
ทําลายตัวเองมั้งจะ
เดินทางมากับทัวรนี้ หากยังไมเห็นอะไรมากเทาที่คาดหวัง ก็ตองลองเปนลมหายใจออกจะ เพราะไมยาก
หรอก มันก็เปนกายสวนหนึ่งของเราที่ออกมาสูภายนอกนะแหละจะ ลมหายใจออกนี่แหละสะทอนตัวจริงเสียง
จริงชัดๆวาปรุงอยางไร เปนอยางไร ลมหายใจออกแตกตางกับลมหายใจเขาอยางไร วัดลมหายใจออกแค
ปริมาณอัลกอฮอรก็ได แตอัลกอฮอรดูแลวก็ไมตางกับไมดู มีสิ่งที่นาดูอีกมากจะ เคยสัมผัสเมื่อเปนลมหายใจเขา
แลวนี่จะ ก็ลองสัมผัสเมื่อเปนลมหายใจออกบาง แลวจะเหวอ ทําไมเปนไปไดเพียงนี้แคชวงลมหายใจเขาออกนี่
แหละจะ ทีนี้ละจะไดซึ้งถึงการเชื่อใจใคร ที่มักใหเชื่อใจกันดีนัก ถาเปนลมหายใจออกจะเห็นไดวา ตอนนี้ละไหน
นะอะไรที่เอามาเชื่อกันไดบาง เมื่อเปนลมหายใจเขาก็เห็นออกซิเจน กลับออกมาเปนลมหายใจออกเห็น
คารบอนไดออกไซด อยางหนามือเปนหลังมือ นี่แหละที่ฉันวาเปนความเหมือนที่แตกตางในคนจะ และก็ไมผิด
ที่คิดเชื่อในคนอื่นหากเปนการชวยใหลืมไปวาทุกคนหายใจเขา ออก เพื่อปรุงกายปรุงจิตของตนเอง แบบที่คิดวา
ใครจะปรุงกายปรุงจิตใหตนไดชั่วขณะก็ไมเปนไร ยืมจมูกหายใจไดแคไหนละ มันก็อาจจะหันเหไปสนใจคนอื่นก็
ไดเพื่อหนีตัวเอง ฉันก็คิดวามีวิธีเบี่ยงเบนประเด็นในลมหายใจออกอยูมากมาย แตไมมีวิธีที่จะไมตองหายใจเขาอีก
หรอกจะ ยังไงก็ตองเผชิญกับสิ่งที่เปนผลจากลมหายใจออกเอง ดังนั้นลองเดินทางเขาถึงการเปนลมหายใจออก
จะไดคุมทุนที่ออกทัวรมาแลวนะจะ

เปนลมหายใจออก

ตรวจวัดอะไรในลมหายใจออกไดบาง ถาฉันเปนผูวัดลมหายใจออก ก็คงไมอยากเห็นอัลกอฮอรเทาไหร


แตเชื่อเถอะวาตอใหไมพบอัลกอฮอรก็ทําใหมึนไดจะ ทุกสิ่งที่มีลมหายใจออกไปก็มีสิทธิหายใจเขากลับคืนสินะจะ
ก็เหมือนใหไปแลวก็รับกลับคืนได ถาไมใหหรือหายใจออกกอน จะเอาพื้นที่สวนไหนมารับเรื่อยๆวามั้ยจะ ปอด
อาจจะแตกก็ได ฉันจึงใหลองสัมผัสโดยเปนลมหายใจออกในชวงเวลานี้ เพื่อจะไดสัมผัสสวนเกินจะ ก็จะไดซึ้ง
วาหายใจเขาแลวตองหายใจออก ตอนเปนลมหายใจออกนี้แหละจะที่เปนสวนเกิน และตองออกไปดวย
อะไรบางในลมหายใจที่เปนสวนเกินที่เราสัมผัสไดบาง ลองสัมผัสดูเถอะนะ อาจไมคอยงายที่จะยอมรับวา
ขณะนี้ที่เปนลมหายใจออกเปนสภาวะสวนเกิน จริงๆลมหายใจออกมันก็คือกายสวนหนึ่งของเราที่เปดเผยออกสู
ภายนอก ตอนนี้เราระลึกรูวาเปนลมหายใจออก จะดีเกินไปหรือต่ําชาเกินไปก็เปนสภาวะเกินเหมือนกันจะ ตอง
หายใจออก เพราะมันเกินเวลาในการเปนอยางเดิมไปแลว และเปนอยางใหมขณะเปนลมหายใจออก ตอนนี้ไมเชื่อก็
ตองเชื่อวา ที่เคยรูสึกตอนเปนลมหายใจเขานั้นมันเปนเราอยูชั่วขณะ และบัดนี้สัมผัสที่เปนลมหายใจออกก็เปนเรา
ในขณะปจจุบันที่เกินพอดีของกายและจิตซึ่งตองขับออกไป ไมวาจะเปนอยางไรมันก็เกินเวลาตั้งมั่นแลวละจะ ฉัน
วาลมหายใจออกนี้เองที่โลกจะไดรับรูตัวตนของเรา เชน เปนนักดื่ม นักปรุงแตง นักสรางสรรค ระหวางปรุงแตง
กับสรางสรรคมันตางกันอยูนะจะ อาจจะปรุงแตงจริต อารมณ บุคลิก คําพูด ใหเปนไปตามความตองการหรือจิต
ปรารถนา แตไมใชวาจะเปนสิ่งที่สรางสรรคเสมอไป เสแสรงไดในระดับปรุงแตง แตไมเขาขั้นสรางสรรคนะจะ
นักพัฒนา อันนี้รูไดเองจะวาพัฒนาจากหายใจเขาแคไหน ถาเหนือกวาที่ไดรู ไดเห็น ไดเปน และจริง กวาลมหายใจ
เขาแลว ก็พนกฏธรรมชาติละจะ เพราะลมหายใจเขานั้นเปนไดทุกสิ่งทั้งหมดที่มีบนโลก พอเขาสูตัวเราๆก็ปรุง
กาย ปรุงจิตใหเปนไปอยางที่มีในโลก แตถาเราไมเปนอยางนั้นและเหนือกวานั้นได คงไมเปนไปภายใตกฏ
ธรรมชาติแลวละจะ เรียกวา หลุดพนจากอาการเกิดๆดับๆ ขึ้นๆลองๆ ไมใชเรื่องเพอเจอหรอกจะ จากกฏธรรมชาติ
นี้แหละที่มีสิ่งซึ่งตรงขามกันในตัวมันเองเสมอเพราะนั่นคือสมดุลธรรมชาติ ดังนั้นในกฏนี้มันก็มีสิ่งที่ตรงขามกับ
การเปนทุกสิ่งที่มีในธรรมชาติอยูดวย อันนั้นก็คือความวาง และก็เปนสิ่งที่มีอยูในธรรมชาติเชนกัน ไมไดมาจากที่
อื่นใด แตรวมอยูในธรรมชาติแบบที่สามารถไมกลับมีอาการกําเริบตามธรรมชาติทั้งหลายอีกจะ
สัมผัสที่เปนลมหายใจออกอาจสัมผัสไดตางกัน แลวแตสัมผัสของใครของคนนั้น ไมมีใครเปนมาตรฐาน
ใหไดเทาตัวเองเพราะโลกไมใชสิ่งที่หยุดนิ่ง ทุกสิ่งบนโลกก็ไมนิ่ง ตอเมื่อพนสภาวะธรรมดาแบบอาการตาม
ธรรมชาติที่เกิดๆดับๆ ขึ้นๆลองๆนะจะ คงจะนิ่งได ซึ่งไมเหลือวิสัยที่จะนิ่งเชนกัน เพราะไมไดหลุดจาก
ธรรมชาติ แตเปนไปตามธรรมชาตินี่แหละจะ ใชคําแบบทุบดินดวยกําปนก็คงจะวา ไมเอาอีกแลวก็เอาแตความ
วางและนิ่ง ไมกลับกําเริบอาการธรรมชาติแบบธรรมดาทั่วๆไป แตเปนอาการนิ่ง ไมขึ้นไมลองจะ แลวจะเปน
ยังไงละ ฉันสัมผัสวาก็เปนสิ่งที่อยูในธรรมชาติแบบไมติดเชื้อธรรมชาตินะจะ เหมือนเราสัมผัสความวางไดอยางไร
ก็แนวๆนั้นละจะ ลมหายใจออกเปนอยางไรบางจะ ฉันวาเปนลมหายใจออกก็ดีตรงที่ไดรูจักตัวเองนี่แหละจะ เปน
แบบไหนก็คือธรรมดาในธรรมชาติทั้งนั้น วามั้ยจะ จะมีแบบพิเศษกวาธรรมดาก็เปนความวางนี่ละจะ ที่
เหนือกวาธรรมดาในธรรมชาติ และฉันก็รูสึกวาเวลาสัมผัสความวางมันตางจากธรรมดาและพิเศษจริงๆ เพียงแต
มันวางเดี๋ยวเดียว คิดวาการวางจริงๆตองยิ่งใหญจะ ตอนนี้ฉันก็เปนลมหายใจออกที่ธรรมดามีอยูในธรรมชาติ
มีลมหายใจเขามาจากธรรมชาติ ก็ปรุงกายปรุงจิตเปนแบบที่มีในธรรมชาติ บางครั้งก็สรางและสรร บางครั้งก็มา
อยางไรก็ไปอยางนั้น ฉันก็เลยไมคอยเบาสักเทาไหร ตอนเปนลมหายใจออกไดก็ไมจมอยูกับอดีตที่เปนตัวตน
โทนโทอยูนั่น วามั้ยจะ แตไดเห็นอดีตที่เปนรางกายและจิตที่ยังเชื่อมอยูกับลมหายใจออกวาที่แลวมาเปนอยางไร ถา
ไมลองเปนลมหายใจออกก็ไมเห็นอดีตของตนชัดๆ เพราะหลงอยูในสมมติวาจริงขณะนั้นนะจะ
เปนลมหายใจออกแลวไดอะไร ถามองมาขางหลังก็จะเห็นอดีตที่เปนเรานะจะ เห็นกายและจิตที่ยังเชื่อม
อยูดวยลมหายใจออกนี้ ถามองขางหนาก็เปนโลกภายนอกที่รอรับ เมื่อออกไปสูภายนอกแลวจะไปอยูตําแหนงใด
เมื่อไหรจะไดเปนลมหายใจเขาเพื่อเกิดเปนชีวิต คงอยูที่ตอนเปนลมหายใจออกนั้น มีสภาพยากงายที่จะปลดเปลื้อง
พันธะที่มีในลมหายใจออกแคไหน ถาเปนคารบอนไดออกไซดเหนียวแนนแบบพันธะแข็งแรงก็คงไปเปนชีวิตใน
พืชละจะ ถาพันธะคารบอนไดออกไซดสลายไดก็อาจกลับมาเปนลมหายใจเขาสําหรับสิ่งมีชีวิตที่ตองการ
ออกซิเจนตอไป ซึ่งฉันก็สัมผัสไดเพียง พอเปนลมหายใจออกก็พรอมจะจับลมหายใจเขาจอที่จมูกตอไป เพราะ
คอนเซปตมันอยูที่ไมไปสุดขั้วนะจะ แตถาใครเปนลมหายใจออกแลวสัมผัสไดอยางไรก็สัมผัสไปเถอะจะ ทัวร
ลมหายใจแหงการเดินทางไมมีกรอบหรอก แตใหสัมผัสจนคุมการเดินทางจะ ฉันนั้นสัมผัสลมหายใจออกและ
มองอดีตของตัวเองแลว รูวามีลมหายใจเขาที่จะเปนอนาคต ก็เลยไมยึดติดกับอดีตที่เปนรูปรางเห็นโทนโทอยูนั่น
มากนัก และรูวาตองปรุงกายปรุงจิตซ้ําแลวซ้ําอีกอยูนี่แหละ โลกใหสิ่งมีชีวิตเปนแหลงปรุงสรรพสิ่งแกโลก ฉันก็
เลยเห็นทั้งอนาคต ทั้งอดีต ตอนที่เปนลมหายใจออกนะจะ
ชวงของการเดินทางกับลมหายใจออกในขณะที่เปนลมหายใจออกนี้ สิ่งที่สัมผัสไดเหมือนฉันบางมั้ยจะ
สําหรับฉันไดสัมผัสอยู 3 อยางในระหวางทางตรงนี้ คือ อดีต ปจจุบัน และอนาคต ฉันสัมผัสในความเปนอดีตได
ขณะเปนลมหายใจออก วาผานกายและจิตที่ปรุงมาอยางไร สัมผัสปจจุบันขณะนี้วาลมหายใจออกเปนสวนเกินที่
กลับคืนสูโลก สัมผัสอนาคตวาแตละคนตางมีตําแหนงในโลกภายนอกเมื่อเปนลมหายใจออก จนกวาจะกลับคืน
สูความมีชีวิตเปนลมหายใจเขาอีก มันทําใหฉันสัมผัสทั้ง 3 รอบเวลาไดเมื่อเปนลมหายใจออก เห็นมั้ยจะวาทัวร
กับลมหายใจแหงการเดินทางนี้คุมนักหนา อดีตของใครเปนอยางไรก็ดูเอง อนาคตจะอยูในตําแหนงไหนก็คงเห็น
ได สวนฉันนั้นเชื่อวาเวลาเปนตัวแปรสําหรับสิ่งที่ประกอบดวยกาละเทศะ ทั้งอดีตและอนาคตก็เปนปจเจกของ
เวลา อาจเหมือนโยงถึงกันเพราะเราเชื่อมอยูที่ปจจุบัน แตอะไรละจะขามอดีต ปจจุบัน ไปอนาคตได ตอนนี้ที่เปน
ลมหายใจออกคงรูละวาขามอดีต อนาคตไดอยางไร ฉันนั้นรูอยูแตวาสัมผัสที่มีกายและจิตในขณะปจจุบันมัน
ตองการลมหายใจเขาและออกเพื่อจุดประกายชีวิต อดีตนั้นไมตองใชลมหายใจ จึงชางมัน สวนอนาคตก็เปนสิ่งที่
ประกอบดวยกาล เมื่อเวลามันยังไมถึงซึ่งการเปนองคประกอบมันก็คงยังประกอบเปนสิ่งใดไมได ตอใหมีใหเปน
อะไรก็ตามแต ถาเวลาที่จะเปนองคประกอบมันยังไมถึงก็ตองชางมันไปกอน เพราะทั้งอดีตและอนาคตเปนสิ่งที่ไม
อาจกระทําไดเหมือนปจจุบันขณะที่มีชีวิต ซึ่งพรอมเปลี่ยนแปลงไดทุกเมื่อ ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง ตรงนี้ละจะที่
นาสนใจกวาเวลาในอดีตหรืออนาคต เมื่อเปนลมหายใจออกและเห็นอดีต ปจจุบัน อนาคต ก็ยอมรูวาปจจุบันเปน
ชวงที่นาสนใจที่สุด สําหรับฉันมันคือเวลาที่ธรรมชาติเปดโอกาสใหเต็มที่ ไมวาจะปรุงแตงกายปรุงแตงจิตอยางไรก็
ทําไปเต็มที่เลย และจะสงผลตอตําแหนงในอนาคตตอไปจะ อาจจะเปนชีวิตในพืช ในสัตว ในคน หรือเปนลม
หายใจที่ลอยอยูนอกกายของสรรพสิ่งตางๆ แลวแตจะไปอยู ณ แหงหนใด แตก็คงมีที่กวางใหญไพศาลรองรับอยูจะ
ทั้งอากาศธาตุ วัตถุธาตุ บนดิน ในน้ํา แลวแตจะสามารถดํารงอยูในสถานะใดไดนะจะ ขึ้นอยูกับพันธะและการ
สลายพันธะ อยางที่แมไมกลับคืนเปนลมหายใจเขาสูการมีชีวิตในพลันทันที ก็มีตําแหนงที่อยูของลมหายใจออก
อันเปนสวนของกายเราอยูแลวตามคุณสมบัติที่เราปรุงแตงเองดวยตัวเองจะ อนาคตก็เปนไปตามองคประกอบ
ของเวลากับลมหายใจ ดังนั้นชีวิตที่เชื่อมกับโลกภายนอกดวยลมหายใจ ก็คงมีอนาคตตามการปรุงกายปรุงจิตดวย
ตัวเองจะ ทั้งอนาคตอันใกลและอนาคตที่ยังหางไกล
การเดินทางชวงนี้ไมตองหวงหนาพะวงหลังหรอกนะจะ ไมวาลมหายใจออกจะเปนอยางไรและเห็น
อนาคตของคุณสมบัติที่เปนลมหายใจออกเชนใด วาจะมีตําแหนงไหนบนโลกภายนอกกายและจิตในเวลาตอไป
เพราะตราบใดที่ยังมีลมหายใจเขาได แมเฮือกสุดทายความเปลี่ยนแปลงก็สามารถเกิดขึ้นจากการปรุงกายและจิตจะ
ฉันวาทัวรลมหายใจแหงการเดินทางไมเพียงแคพาเดินทางชมแหลงทองเที่ยวมหัศจรรยเทานั้น แตไดโอกาส
ลงทุนดวยนะจะ จะลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตามแตจะวางแผนมั้งจะ เพราะระหวางที่ดํารงชีวิตเปนเวลาที่
กําหนดอดีต อนาคตเปนในแบบที่ตัวเราเองลงมือปรุง ถาหวังผลระยะสั้นก็ลงทุนตามถนัดเถอะจะ ฉันนั้นเชื่อวาลม
หายใจนี้แหละเปนสาเหตุทั้งอดีต อนาคตและเปนพยานหลักฐานซึ่งปรากฏแกโลกภายนอกตัวทุกขณะ ดังนั้นจะ
ลงทุนแบบไหนก็ไดคืนผลตอบแทนทั้งนั้นจะ ไมมีลงทุนสูญเปลาแนนอน ฉันก็ลงทุนเพื่ออนาคตเชนกัน หวังวา
จะวางไดนะจะ ไมอยากเปนแคที่สัมผัสลมหายใจออกที่เปนคารบอนไดออกไซดซึ่งไมหมดพันธะ ไมเปนธาตุ
บริสุทธิ์ ก็รูมาวาธาตุบริสุทธิ์บนโลกมีมากมายทั้งในบรรยากาศ บนพื้น ใตพื้นโลก หรืออวกาศ ที่ไดตั้งหลักอยาง
ไมพัวพันกับสิ่งอื่น ไมรูลงทุนอยางไรนะจะ อยางนอยเปนเพชรก็ดีกวาคารบอนแบบอื่นละ แมกาลเวลาจะเปน
องคประกอบของการทําใหธาตุมารวมตัวกัน หรือทําใหธาตุไมพนการพัวพัน แตถาไดตั้งหลักบริสุทธิ์ก็ดีกวาละจะ
อาจ จะรูสึกวาฉันเพอเจอเลนแรแปรธาตุก็ตามใจจะ เพราะฉันก็แคพาทัวรเฉยๆ แตการสัมผัสนั้นตองสัมผัสเอง ไม
จําเปนตองรูสึกอยางฉันเพราะมันเปนสัมผัสสวนตัวจะ ทัวรดวยกันก็จริงแตสัมผัสใครก็สัมผัสคนนั้นสิจะ ที่
เดินทางมาถึงตรงนี้ก็คงไมใชเพื่ออะไรมากมายนอกจากเปนลมหายใจออก เปนปจจุบันนะจะ จะเห็นวากายและจิต
ที่อยูเบื้องหลังลมหายใจออกนั้น ก็คือสภาพของอดีต เดี๋ยวเราก็จะไดทบทวนอดีตนี้ตอไปในลมหายใจเขาอีกละจะ
คุมสําหรับการทัวรบางมั้ยจะที่เปนลมหายใจออก มันทําใหสัมผัสกับชีวิตไดโดยตรงใชมั้ยจะ วาลมหายใจ
เขาผานจมูก ปรุงกายปรุงจิตเปนชีวิตแลวเปนยังไง นี่แหละคือเราในตอนที่เปนๆ เราตัวเปนๆมันก็คือนักปรุงแตง
และมีอยูสองอยางที่มีอยูในการปรุง ก็คือปรุงสุข กับปรุงทุกข ไมปรุงอยางใดก็ปรุงอยางหนึ่งละ เชื่อมั้ยจะวาทั้งๆที่รู
รสชาติของมันอยูแลวก็ปรุงซ้ําๆตอไป ชีวิตมีแตปรุง ตอนเปนลมหายใจออกนี้ก็มองยอนดูชีวิตเปนๆที่ยังไมขาด
ตอนไดอยางลึกซึ้งไดละจะ ฉันวาเราก็เห็นชีวิตของตัววาเปนอยางไร และคงอยากกลับไปทําใหชีวิตดีขึ้นในลม
หายใจเขาตอไปมั้งจะ เพราะแตละคนตอนนี้ก็คงเตรียมสูดหายใจเขาอยูละ ไมวาอนาคตภายนอกจะเปนเชนไรแต
อนาคตภายในตัวทั้งกายทั้งจิต มันขึ้นอยูกับตัวเราเทานั้น หายใจกี่รอบก็เกิดผลตอตัวทุกครั้ง ฉันก็เลยคิดวาการลอง
สัมผัสแบบเปนลมหายใจออกแลว ก็รูวาไมอาจแกไขอะไรได สูจับลมหายใจเขาใหมแลวปรุงชีวิตใหดีขึ้นตอไป
นาจะทันสมัย ทันกาลกวา ขณะนี้เดินทางมาถึงลมหายใจออกและเปนลมหายใจออกแลวนะจะ จะวาไปแลว ไมวา
ปรุงกายปรุงจิตปรุงชีวิตอยางไร มันก็เรียกวาของเสีย ที่ตองขับออกทุกครั้ง วามั้ยจะ หายใจออกทิ้งไปยังไม
เสียดายความเปนตัวเองอยางสุดๆ ก็มันเปนของเสีย ใชมั้ยจะ เห็นรึไมจะวาเปนลมหายใจออกแลวคุมแคไหน ตรงที่
ตาเราเองสวางนะจะ สัมผัสไดในทันทีมั้ยจะวา ปรุงกายปรุงจิตแลว ควรรีบทิ้งเสียแตโดยเร็ว เพราะมันเปนของเสีย
ได ปรุงสุขปรุงทุกขก็ชาง ปรุงปุบก็ละวาง ปลอยทิ้งไปเร็วๆใหไดมากที่สุดเปนดี ไมควรยึดมั่นถือมั่นเอาไว เพราะ
ของมันเสียมันเนาบูดไดจะ ไมเที่ยง และจะกลับกลายเปนพิษตอตัวเองไดทั้งนั้น ไมวายึดมั่นในสุขในทุกข ก็เปน
พิษไดถาถือเอาไวไมวางหรือวางไมลง ฉันวาเปนลมหายใจออกนี้เปนชวงที่รูตัววา ความรูสึกวาตัวเรานั้นควร
เพลาๆลงหนอยคงจะไดดีกวาเดิม เพราะจริงๆแลวมันก็เปนของเสียทุกลมหายใจออกจะ คือไมถือเอาของเสียวา
เปนตัวเรา มันก็คงจะไดดีกวาเดิมละ วามั้ยจะ
กายและจิตที่เราเชื่อมอยูดวยลมหายใจออกขณะนี้ เปนสมบัติที่โลกหรือใครก็แยงไปไมได มันตอง
ประกอบอยูดวยกันทั้งกายทั้งจิตทั้งลมหายใจ เปนชีวิตหนึ่ง สมบัติเพียงเทานี้ก็เกินพอแลวที่จะใหความสุขเชื่อมั้ย
จะ แคกายและจิตกับลมหายใจมารวมกันเทานั้นแหละ เมื่อใดที่ไมครบสามอยางพรอมเพรียง ตอใหมีเงิน ลาภยศ
สรรเสริญ อํานาจ บริวาร สมบัติอื่นใด ก็ไมมีความหมายจะ เมื่อเปนลมหายใจออกแลว เห็นชัดมั้ยจะวาสมบัติใดๆ
ในโลกที่จะเทียบชีวิตไดนั้น มีแบบใด ตอนนี้เขาใจถองแทแนๆจะในสมบัติที่มีบนโลก ฉันไมรูวาใครสัมผัสได
อยางไรบาง เพราะเปนสัมผัสสวนตัวของแตละคน แตฉันวาถาเปนลมหายใจออกอยูขณะนี้ ยอมรักษาสมบัติที่มี
คาที่สุดไดถูก วามั้ยจะ ถาคิดวาสิ่งไหนเปนสมบัติที่มีคาที่สุดก็ยึดรักษาสิ่งนั้นละจะ ฉันก็วาคงเลือกแทนกันไมได
ลมหายใจจะหยุดอยูที่ผูใดก็แลวแตนะจะ ฉันไมคอยเชื่อหรอกจะเพราะแตละคนคงสูดลมหายใจไมหลง
ทางเขาออกเลยละ ปรากฏวาระลึกอยูที่สมบัติซึ่งไมยอมปลอยแตไมสนใจจริงๆจังๆเทาไหร วามั้ยจะ กลับไป
สนใจอยางมากในเงิน ทอง ยศ ตําแหนงสมมติ สรรเสริญ อํานาจ วามีคายิ่งกวาซะอีก ลําบากแคไหนยากเย็นจน
ตองแลกดวยความทรมานตนเพื่อใหไดมาก็ยอม มันก็เปนความสนใจของชวงที่มีชีวิตหนึ่งก็วาไมไดหรอกจะ
ฉันเองก็มีชีวิตที่ไมไดเบา เพียงแตรูวาตัวเองเลือกอะไรที่คิดวามีคานะจะ เพื่อใหรางกายและจิตเปนสมบัติที่
ปราศจากมลทิน ซึ่งนาจะเปนสิ่งที่ธรรมชาติตองการ เพราะธรรมชาติก็นาจะเปนไปอยางไมมีมลทินมั้งจะ
ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางขาออก ชวงการเปนลมหายใจออกนี้แหละ ที่ทําใหเห็นวาเราเดินทางผาน
ชีวิตมาคุมแคไหน ชวงที่ลมหายใจเขาจมูกและจุดประกายแกชีวิตนั้น เกิดเปนชีวิตที่ปรุงแตงเปนกายเปนจิตเชนใด
จนกระทั่งเปนลมหายใจออกนี้ ชีวิตผานการเดินทางของลมหายใจอยางคุมสักเพียงไร เพราะชีวิตก็คือการเดินทาง
ของลมหายใจ มาถึงชวงที่เปนลมหายใจออกก็สัมผัสสิ่งที่ไดจากการเดินทางในรอบหนึ่งวาคุมแคไหน ไดอะไร ไม
เหมือนการลงทุนธรรมดาที่หวังผลตอบแทนแบบไมยอมขาดทุน เพราะนั่นเทากับ สิ่งที่ทําหรือลงทุนมีคามีราคา
นอยกวา เมื่อเทียบกับสิ่งที่ไดรับจากสิ่งอื่น ซึ่งถือวาเปนกําไร แบบวาลงทุน 10 บาท ไดมา 100 บาท ก็ไดกําไร
10เทา แตเทียบคากันแลว ยอมรูดีวาลงทุนเทาไหรก็มีคาเทานั้น ตองติดตามตอนที่เปนจริงเทาลมหายใจออกจะ
แลวจะสนุกยิ่งขึ้นไปอีก
จริงเทาลมหายใจออก

มาถึงปากทางเขาออกอีกครั้งแลวจะ สัมผัสกับการเชื่อมอยูระหวางชีวิตเรากับโลกดวยลมหายใจวาจริงเทา
ลมหายใจออกแคไหนจะ สวนฉันนั้นสัมผัสที่ไดจากการเดินทางของลมหายใจทุกครั้ง มันจริงเทาลมหายใจทั้งเขา
และออกละจะ แลวมันก็ไดเห็นความไมจริงในที่สุด คลายๆกับชีวิตจริงที่เอามาสรางเปนภาพยนต มันเปนเรื่องที่
เกิดขึ้นจริงๆและมันก็เปนจริงแคนั้น ซึ่งกลายเปนสมมติทุกอยางในภาพยนตใหสมจริงไปเองอีกมิติหนึ่ง ลมหายใจ
ที่เดินทางเขาแลวออกก็เปนตนกําเนิดของฉากละครชีวิตเราจะ มันเปนการเดินทางที่ใหอรรถรสอยางตอเนื่อง
แลวแตเราจะหยิบยกสิ่งที่สัมผัสขณะลมหายใจเขาออกมาปรุงแตงเปนชีวิตแบบใด เปนภาพยนตที่สมจริงสักเพียง
ไหน จริงเทาลมหายใจออก แลวมันก็เปนฉากหนึ่งๆไป สวนมันจะจบเปนฉากๆหรือลากยาวไมยอมจบเพราะจบ
ไมลงยังไง ก็เปนเพราะเราสรางภาพยนตที่สมจริงหรือไมนะจะ ฉันวาถาสมจริงมันก็ตองจบพรอมลมหายใจออก
คือจริงเทาลมหายใจออกก็เทานั้นแลว แตเราก็ยืดตอนจบออกไปซะ อยางนั้นมั้ยจะ จะเพราะเรตติ้งแรงหรือเพื่อ
อะไรก็ไมรูจะที่ตองสมมติตอไป การเดินทางกับลมหายใจออกในชวงเวลานี้ ก็จะชวนสัมผัสความจริงเทาลม
หายใจออกกันเองละจะ ใหดูวาชีวิตที่เดินทางชวงเวลาหนึ่งรอบลมหายใจเขาจนกระทั่งออกมานี้ สมจริงไดเทาไหร
หรือจะใหสัมผัสตรงๆกับการเปนตัวตนจริงๆของตัวเองก็วาไดจะ เราเองเปนจริงอยางที่สัมผัสในขณะลมหายใจ
ออกแนๆ เพราะลมหายใจออกก็คือกายสวนหนึ่งของเรา ฉันไมชวนใหเอากําไรมาตั้งแตตนแลวนะจะ จึงยกสวนที่
เปนจริงวาเกินจริงไปไมไดนะจะ ทั้งเลือด เนื้อ ประสาท จิต วิญญาณ อารมณ ความรูสึกนึกคิด ตางคนตางรับและ
ปรุงเอาเอง กระทั่งคารบอนไดออกไซดที่เขมขนในลมหายใจออกไมเทากันดวยจะ จริงเทาลมหายใจออกนั่นแหละ
ที่โลกไดรับจากเรา
การเดินทางในชวงนี้ก็เปนการกลับมาที่แอรพอรตอีกครั้งเพื่อเทคออฟ คิดดูสิจะวาควรมีอะไรติดตัวบาง
เพื่อการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย หากมีสิ่งที่นําติดตัวมากก็อาจโอเวอรโลดเปนอันตราย วามั้ยจะ ถาจริงเทาลม
หายใจออกก็แสดงวา โลกยังมีอะไรที่จริงในตอนหายใจเขาไดอีก ตัวเรามันจึงไมใชที่ๆปฏิเสธการรับสิ่งที่จริงใน
เวลาตอไปทุกลมหายใจได วามั้ยจะ เราคงไมเหมาลําเพื่อใชหอบสิ่งที่ติดตัวอยางไมสมจริงมั้งจะ แบบเอาเปนโลก
สวนตัวนะจะ ซึ่งโลกสวนตัวมันมีจริงก็เทาแคในตัวจะ แตลมหายใจออกที่เดินทางสูโลกภายนอกนั้นมันมีจริงบน
โลกเทาลมหายใจออกเทานั้นละจะ เหมาเอาวาเปนจริงแบบลมหายใจออกของเราไปทั้งโลกก็ไมใชละ ฉันวาใชคํา
ในตอนนี้มันยาก แตสัมผัสนั้นไมยาก คือ รู เห็น เปน จริง ตลอดลมหายใจนั้น สัมผัสไดดวยตัวเองนะจะ พอมาถึง
ตอนที่จริงเทาลมหายใจออก มันก็จริงที่ตัวเรา ไมไดเหมาเอาตัวผูใด สิ่งใด ทั้งโลกเปนอยางเดียวกับเรา เปนจริง
แบบนี้ไมเหมาเอาโลกเปนโลกสวนตัวแบบเหมาลําจะ ทีนี้จะสัมผัสไดอีกวาจริงในแบบเรา กับจริงอยางอื่นในผูอื่น
สิ่งอื่นตางกันอยางไร แมแตความเขมขนคารบอนไดออกไซด ลักษณะลมหายใจออก ลักษณะจิต อารมณ ความคิด
ของผูใด เราก็สัมผัสในความแตกตางนั้นได เพราะเราแยกออกไมเหมาเปนสัมผัสเดียว แตวาเราจะมีที่ๆจะรับความ
จริงที่มีนอกตัวไดทุกเมื่อเพราะพื้นที่จริงๆนั้นไมไดเต็ม เชื่อมั้ยจะวาฉันยังไมเบลอ คือที่ใหสัมผัสวาจริงเทาลม
หายใจออกก็จะเห็นไดวา มันกําลังเคลื่อนที่ไปกับลมหายใจเชนกัน สําหรับสิ่งที่จริงนั้นนะ สวนหนึ่งของกายเราที่
จริงเทาลมหายใจออกนั้นแหละ เห็นแลววาก็แคสวนหนึ่ง และสวนที่ยังอยูโทนโทพรอมจิตนั้นก็เปนสวนที่ยัง
เปนพื้นที่สําหรับรับความจริงในลมหายใจเขาตอไป ทีนี้ออหรือยังจะวาเราไมควรเหมาโลกเปนโลกสวนตัว มันจะ
โอเวอรโลด แบบไมเหลือพื้นที่สําหรับความจริงในลมหายใจตอๆไปอีกอยางที่ควรจะเปนนะจะ เอาสั้นๆตรงๆเลย
คือ ตอนนี้ฉันชวนเดินทางมาสัมผัสสิ่งที่จริงเทาลมหายใจออก สัมผัสใครก็สัมผัสคนนั้น ชัดมั้ยจะ เพราะโลกมี
ความเหมือนที่แตกตาง แบบประสบการณชีวิตของใครก็จริงสําหรับคนนั้น มันไมใชสิ่งที่จะมาเปรียบเทียบเอาเปน
อยางเดียวกัน เหมาโลกภายนอกยกลําไมได เพราะไมสมจริงแนๆจะ
มาถึงตอนนี้อยากใหเปดสัมผัสตั้งหลายอยางในทางโลกทั้งนั้นจะ เพราะวาเปนการเดินทางขาออกสูโลก
ภายนอกแลวนี่จะ จะมาวกวนกับโลกสวนตัวไปทําไมละ ณ ปจจุบันขณะเราอยูในชวงการเดินทางขาออกที่เปนจริง
เทาลมหายใจออก ตรงแอรพอรตนี้แหละ เชื่อมั้ยจะวาแตละคนมีที่ห มายของตนตั้งแตมาถึงแอรพอรตอีกครั้ง
ในยานนาวาลําเดียวทั้งโลกนี้ใชวาทุกสิ่งจะมีที่หมายเดียวกันขณะที่จริงเทาลมหายใจออกนี่ แบบวาลมหายใจออก
ของสรรพสิ่งจะไปตอจนถึงที่พํานักแตกตางกัน ก็คงจะรูแควาเราไปสงคนขึ้นเครื่องเราก็พอจะรูไดวาแตละคนบน
เครื่องก็ตองแยกยายไปตอจนสิ้นสุดยังที่พํานักตางกันอยูแลว ไมตองตามไปดูวาใครไปถึงไหนหรอกจะ มันไมได
อะไร ฉันวาโลกมันกลม และอาการธรรมชาติก็กําเริบไดเรื่อยๆ ขึ้นๆลองๆ เดี๋ยวก็เปนบุพเพวนเวียนมาบรรจบบน
โลกกลมๆกระทั่งเบื่อไปนะจะ ตอนนี้ฉันคิดวาสิ่งที่ไดจากการเดินทางคงจะมีบาง อยางนอยๆก็รูวาโลกใบเดียวนี้
เปนที่ๆมีโลกอันกวางใหญหลายใบซอนอยูซึ่งเปนโลกสวนตัวของสิ่งตางๆ แตวาโลกภายนอกกับโลกภายใน มี
ลมหายใจที่เดินทางเขาออกแลกเปลี่ยนถายเทซึ่งกันและกัน จึงตองมีความเกี่ยวของสัมพันธกันทุกขณะ ความเปน
โลก ไมวาจะภายนอกหรือภายในก็เปนธรรมชาติเหมือนกัน แตก็มีความเหมือนที่แตกตางจะ ตรงที่โลกภายนอก
ไมใชศูนยกลางของจักรวาล สวนโลกภายในมีสิทธิที่จะเปนศูนยกลางที่มีคุณสมบัติพึ่งตัวเอง ไมใชเปนเชนโลก
บริวารของดาวฤกษใด ไมจําเปนตองหมุนเวียนสลับมืด สลับสวางอยางรอคอยแสงจากดาวฤกษก็ได โลกภายใน
จึงมีสิทธิสวางไดอยางดาวฤกษ ไมตกอยูในความมืดบอดนะจะ เปนโลกที่เปนกลางวันตลอด ไมตองหลับมีแตตื่น
ซึ่งฉันก็ไมวาอยางไรหรอกจะถาจะสัมผัสแตกตางไปจากนี้ เพราะเมื่อเทคออฟแลวก็ตองเดินหนาไปยังที่พํานัก
สวนตัวกันอยูแลว นั่นคือความแตกตางในความเหมือนของนักเดินทางละจะ คงไมมีทางเลือกเปนอื่นแลวในแตละ
คนเมื่อเทคออฟแลวนี่จะ โอกาสเลือกจุดหมายปลายทางมันไมใชตอนนี้ แตตองเลือกมากอนที่จะเปนจริงเทาลม
หายใจออกวาจะเปนอยางไรจะ
ฉันก็พามาถึงแอรพอรตเทานั้นละจะ ลมหายใจเปนสมบัติเฉพาะตัวที่ตีตราลิขสิทธิ์โดยเจาของลมหายใจนั้น
ตอนนี้แหละที่มันจริงเทาลมหายใจออกที่จะเห็นชัดๆวาก็อปปไมได เพราะมันเปนจริงมาดวยการปรุงแตงเฉพาะตัว
ดวยกาย ดวยจิตวิญญาณ ดวยความระลึกอยางมีสติและปญญา เจตนา เหลานี้เองที่ทําใหลมหายใจออกมี
องคประกอบ ที่มีสัดสวน คุณสมบัติแตกตางกัน เชน ลมหายใจกลิ่นนิโคติน ลมหายใจกลิ่นดิบ ไหม ลองสูดกลิ่น
อาหารที่ปรุงสุก ดิบ ไหม ก็จะรูวากลิ่นแตกตางยังไงจะ อากาศหรืออณูกลิ่นจากการปรุงอาหารตางกันก็แนวๆ ลม
หายใจออกที่เกิดจากการปรุงทั้งกายทั้งจิตนะจะ มันมีองคประกอบที่มีสัดสวน คุณสมบัติ ความเขมขนที่แตกตางกัน
บางกลิ่นก็ลอยไปไดไกล บางกลิ่นลอยไปไดชา กลิ่นฉุน กลิ่นเบาไมเทากัน ลมหายใจออกก็เปนจริงเทาลม
หายใจออกอยางมีความแตกตางกันละ ฉันก็เลยพามาถึงเทาที่อยูตรงแอรพอรตนี่เองจะ ไมไดบอกวาทางใครทาง
มันนะจะ เพราะทัวรลมหายใจแหงการเดินทางยังตองเดินทางตอ แคบอกวาเราใหอะไรแกโลกภายนอกไปบาง
เทานั้นเอง โลกก็คงจารึกอยางที่เปนจริงเทาลมหายใจออกไวนะจะ คิดดูสิจะวาโลกใบเดียวสามารถบันทึกจารึก
อะไรตางๆมากมาย โดยไมลาหรือรวนมานานแคไหน ฉันวาโลกภายนอกมีพื้นฐานการปรับสมดุลดีเยี่ยมเลยจะ ผิด
กับโลกภายใน ที่ออกอาการมึนตึ๊บได นอกเสียจากจะมีโลกภายในที่ไมแคบ แบบพื้นที่วางมากๆนะจะ ยังไงคงมึน
ยาก ฉันวาลมหายใจที่เดินทางออกไปมันก็จะถูกพืชแกไขใหอยูบาง วามั้ยจะ โลกภายนอกก็เปนเพียงดาวเคราะห
ลําดับที่ 3 และเปนบริวารของดวงอาทิตย เปนอยางอื่นไปไมไดแลว มันจึงตองมีพื้นฐานการปรับสมดุลอยางดี
สวนโลกภายในนั้นเปนไดตามที่จะเลือก ถาสนใจก็จะรูเองจะวา การระเบิดมันมีอานุภาพขนาดเล็กจนใหญระดับ
จักรวาลได ที่แนๆคือมันมีพลังแนนอนจะ ถามีกลองวิเศษสองที่สิ่งมีชีวิตก็คงจะเห็นแสงรอบๆตัวแตกตางกัน
ไดละมั้งจะ ฉันนั้นก็แสนจะธรรมดาเลยไมไดสรรหาอุปกรณเสริมมาบริการในทัวรนี้จะ ที่มาวาถึงโลกที่เปนดาว
เคาระหนี้ก็เพราะโลกภายในนั้นเลือกเสนทางโคจรไดนะจะ อาจจะรักษาตําแหนงอยางดาวเคราะหลําดับที่เดิม หรือ
แตกตางไปจากเดิม ฉันอาจจะทําใหนักเดินทางในทัวรนี้หวั่นวิตกจะหลุดโลกหรือวงโคจรในจักรวาลนี้เสียแลวมั้ง
จะ นักเดินทางกลัวการเดินทางไกลหรือจะ ยุคนี้เขาใฝฝนจะไปอวกาศกันไมใชหรือ กลัวหลุดโลกก็ไปไมถึงอวกาศ
เทานั้นละจะ แตไมไดหมายความวาตอไปนี้เราจะเหาะเหินกันนะจะ เพราะฉันไมไดถึงที่สุดในเรื่องเบา ยิ่ง
ขนาดลอยเชียวนะจะ แตฉันนั้นไมไดเบาสักนิด จึงพาเหาะไมไหวจะ แคเลือกเสนทางโคจรก็พอ
คิดวาเกี่ยวกับเรื่องจริงเทาลมหายใจออกอยางไร ใชมั้ยจะ ก็เพราะวาโลกภายในนั้นมีอยูเทาลมหายใจ
เหมือนกัน หากปราศจากลมหายใจเมื่อใด โลกภายในก็คงอยูไมได ถามันเปนคุณสมบัติแบบดาวเคราะหที่พึ่ง
ตัวเองไมไดนะจะ มันจึงตองหาตําแหนงโคจรไปใชมั้ยจะ แบบที่โลกอยูในลําดับที่ 3ของสุริยจักรวาลและยังคง
ลําดับนี้อยูเพื่อการมีชีวิตที่มหัศจรรย หากโคจรในวิถีอื่นก็เปนแบบดาวอื่นในจักรวาล แลวการเปนจริงเทาลม
หายใจออกมันเปนโลกแบบไหน โคจรในวิถีเชนใดละ โลกภายในของเรานี้เองละจะที่เลือกเสนทางโคจรเองได จะ
เปนการรักษาตําแหนงอยางโลกหรือดาวดวงที่3ในสุริยจักรวาล หรืออยางดาวดวงอื่น ดาวฤกษก็ไดเชนกัน ฉันคิด
วาพลังงานในโลกภายในก็เพียงพอที่จะเปนไดทุกแบบละมั้ง แตก็ตองแลวแตเหตุ ปจจัยของการอุบัติ ตรงนี้สัมผัส
ไดงายๆจะ อยางที่เราจับอารมณ ความรูสึกของเรานั่นแหละ เราจะรูวามันเปนการอุบัติแบบดาวเคราะหที่พึ่งการ
ปรุงแตงจิต ปรุงแตงกายดวยอารมณ สังขารก็ถูกลมหายใจปรุงแตง อยูอยางบริสุทธิ์เองยังไมได มันตองมีอารมณ มี
ตัวนําพลังงานมากระตุนใหตื่นมีชีวิต ถาสลัดอารมณออกก็จะเห็นอาการไรอารมณ อาการนั้นกับการอยูอยาง
ดาวฤกษมันก็คลายๆจะลิ้มๆชิมๆแนวไดจะ คิดดูเถอะวาโลกภายนอกจะเห็นวาอาการอยางนั้นอยูถูกที่ถูกตําแหนง
เพียงใด ฉันก็ไมไดเหมาวาผิดปกติธรรมดาบนโลกลําดับที่3ของสุริยจักรวาลนะจะ เพียงแตมันเปนจริงเทาลม
หายใจออกไดอยางนั้นจริง อยูไดโดยไมอาศัยอารมณเปนตัวนําพา อยูเหนืออารมณ เหนืออิทธิพลของการกระตุน
สัมผัส ความรูสึก จะเปนอยางนี้ไดคิดดูสิจะวาคืออะไร ยกตัวอยางเอาไฟไปจี้ดวงอาทิตยก็คงไมเห็นภาพชัด
นัก แตถาเย็บแผลสดกับเย็บแผลที่ฉีดยาชาจะชัดกวา เสียงของอารมณมันชัดกวากันจะ ทีนี้สงสัยมั้ยจะวาอาการไร
อารมณมันดีอยางไร ฉันวาชีวิตคนเราถาปราศจากรสชาติมันก็คงฝนธรรมชาติไปมากๆ แตธรรมชาติบนโลกมันก็
คือคุณสมบัติอยางดาวนพเคราะหนี่จะ ถาไมฝนมันแลวจะเปลี่ยนวิถีโคจรไดอยางไร ยานอวกาศฝนแรงดึงจาก
ธรรมชาติบนโลกเพียงใดจึงจะออกไปสูอวกาศได ตัวเราก็ตองใชพลังมหาศาลที่จะฝนธรรมชาติแบบธรรมดาบน
โลก เพื่อจะเปลี่ยนแนวโคจรที่โลกภายในใหหลุดพนวิถีมืดๆสวางๆ ทุกขปนสุข เปนๆหายๆ เกิดๆดับๆ ฉันวาไม
ตองขึ้นยานก็ออกจากวิถีโคจรเดิมๆไดจะ
ตอนนี้ฉันไมไดชวนใหทิ้งหรือสละโลกนะจะ เพราะที่นี่คือทางสายกลางแลวละ สําหรับสิ่งมีชีวิต แตถา
อนาคตหยุดปรุงเมื่อใด แบบวาลมหายใจไมเขาออกแลว มันก็ตองหวังตอโลกหนาหรือโลกภายในที่จะไมวนเวียน
โคจรอยางทุกขก็ทนสุขก็ไมเที่ยง มืดบางสวางบาง จะดานไหนยาวนานกวา กลางวันหรือกลางคืนนานกวา ก็
เปนโลกเฉพาะสวนตัวดวยละจะ โลกภายในนี่ละคือโลกอนาคตของตัวเรา จะวาไปแลวเหมือนดาราศาสตรและ
พยากรณศาสตรเปนสิ่งที่สัมพันธกันมั้ยจะ ฉันเชื่อวาเราไมรูตัววาโลกที่เราอาศัยอยู กําลังหมุนรอบตัวเองทุกขณะ
มันหมุนดวยแรงดึงและแรงเหวี่ยง แลวเหวี่ยงไปดึงไปทําไม ฉันนั้นเคยยืนหมุนรอบตัวเองสักหลายๆรอบแลว
หยุดยืนนิ่งๆ แตมันยืนอยูไมไดจะ โลกก็คงหยุดหมุนแลวอยูนิ่งๆไมไดทํานองเดียวกัน ฉันรูสึกวาตอนหยุดอยูกับ
ที่หลังจากหมุนรอบตัว มันมีแรงเหวี่ยงตัวเองและแรงดึงระหวางเรากับโลก ซึ่งก็เหมือนที่เรามีลมหายใจเดิน
ทางเขาออกระหวางเราและโลกเพื่อการดํารงอยูของชีวิต แตโลกมีการดํารงอยูในลักษณะเหวี่ยงและดึงระหวาง
โลกกับจักรวาล เพื่อดํารงอยูไดไมเสียสมดุลในโคจร นั่นคือโลกตองเปลี่ยนแปลงทุกขณะเพื่อรักษาวิถีโคจร ถา
โลกภายในของเราเปนไปตามกระแสโลกภายนอก ก็ยอมไมรูสึกถึงการเปลี่ยนแปลงพอๆกับไมรูสึกวาโลก
หมุนรอบตัวเองจะ และหนีไมพนการเดินทางซ้ํารอยเกา คือหายใจเขาออก ประกอบไปดวยนาวาของอากาศที่
เชี่ยวไหลขุนตามกระแสการเปลี่ยนแปลงโลกภายนอกที่ไมหยุดนิ่ง วนอยูบนโลกกลมๆทั้งขุนทั้งหมองมัวหมน
มันก็เปนธรรมดาโลก ที่ฉันอยากจะบอกวาทัวรลมหายใจแหงการเดินทางนั้น พาชมแหลงทองเที่ยวเพื่อสัมผัส
มหัศจรรยก็เลยไมเนนรอยทางธรรมดาซ้ํารอยเดิมๆ ทัวรนี้จึงจะไมเสียเวลาอยางนาเสียดาย แตก็อีกนั่นแหละ
มาถึงแอรพอรตแลวมันสายไปสําหรับการเลือกวิถีโคจร ยังไงก็ตองเทคออฟตามวิถีที่ไดปรุงแตงมาแลวนั่นแหละ
จะ
ปกติเมื่อมาถึงแอรพอรตก็สุดการปฏิสัมพันธกันแลวมั้งจะ ตางคนก็ตางมีวิถีโคจรเฉพาะตัวละ สวนตัวฉัน
ไมมุงเนนสํารวจแหลงพลังงานที่ไหนอีก เพราะแคกายและจิตกับลมหายใจก็พอเพียงที่จะใหพลังงานเพื่อดํารงอยูได
ทั้งแบบเกิดๆดับๆ และพลังงานมหาศาลดุจดาวฤกษก็ยังได ก็เลยชอบคนควาสูตรการปรุงเพื่อปรุงโลกภายในให
มหัศจรรยนะจะ อยางนอยๆก็พอใหมีพลังแสงสองทางไปตลอด จะหลับจะตื่นก็ไมหลงทาง ฉันวาโลกภายใน
ของตัวเรานี้แหละ สรางไดตอนที่มีลมหายใจเปนองคประกอบอยู ถาไมปรุงแตงโลกของเราจริงๆตั้งแตตอนมีลม
หายใจ แลวจะไปเอาอะไรมาเปลี่ยนแปลงพลังงานใหมีศักยภาพดํารง สถิต อยูไดละจะ ที่พรรณากอนออกจากแอร
พอรตเสียทีก็เพื่อบอกวา ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางในเวลาตอไป แมจะเริ่มกาวจากแอรพอรตเขาสูแหลง
ทองเที่ยวอีก แตเราจะสรางโลกของเราแตละคนเปนโลกที่มีศักยภาพ เปนดินแดนมหัศจรรยจะ เราจะไมเดินทาง
แบบทําลายแหลงทองเที่ยวหรือเสียเวลาเปลา เชนทําลายสุขภาพกายและจิต โลกภายในของเรานี้เราสรางเองได
และฝากอนาคตไวที่โลกที่แทจริงในตัวเราไดจะ ลมหายใจออกก็เปนจริงสูโลกภายนอกเทาลมหายใจออกนะจะ ยัง
มีโลกที่แทจริงซึ่งอยูในตัวเรา จนกวาจะสิ้นสุดการเดินทางของลมหายใจ เมื่อนั้นก็จะหยุดศักยภาพของโลกที่
แทจริงแคเพียงเทานั้นที่ลมหายใจสุดทาย แลวโลกที่แทจริงนี้แหละที่จะเปนโลกอนาคตโคจรไปตามวิถีที่มี
ศักยภาพสุดทายในเมื่อนั้น พลังงานที่ถูกหลอมจนเปนสภาวะทรงศักยภาพในการดํารง สถิตเชนใด ก็เปนจริงเทาลม
หายใจแหงการเดินทางของแตละคนแตกตางกันไปจะ ฉันคิดวาสัมผัสที่ฉันไดจากการเดินทางไปกับลมหายใจนี้
มันสัมผัสไดเฉพาะตัวจึงยากจะพรรณา เพราะมันจริงเทาลมหายใจ ดังนั้นตองหายใจและสัมผัสลมหายใจเอง
เชนกันจะ
ฉันพามาสงอดีตเหินเวหาสูโลกภายนอกในตอนนี้ มันก็ไมไดไปไหนจากโลกหรอกจะ ใชวาเมื่อเราหัน
หลังใหลมหายใจออกแลวเดินทางจากแอรพอรตกลับเขาสูแหลงทองเที่ยวอีกครั้ง ก็จะทิ้งทุกอยางไวภายนอกได
เพราะตัวเราที่เห็นโทนโทนี่มันอยูบนโลกใบเดียวกับลมหายใจออกเมื่อครูนี้แหละจะ การเดินทางที่ผานมาฉัน
พรรณาเปนตุเปนตะเรื่อง รู เห็น เปน จริง กับลมหายใจแลว ถาสัมผัสไดอยางไรก็ใชสัมผัสนั้นละจะ บางทีการ
พรรณากลิ่นมันก็ไมเทาสูดดมเองจึงจะรูกลิ่นแทๆ วามั้ยจะ ถาบอกวานี่คือกลิ่นอวกาศ ฉันก็วาพรรณาไปเถอะ
เหมือนกัน อาจจะซื้อมาลองดมเพื่อสัมผัสกลิ่นแทๆวาเปนอยางไร แตลมหายใจแหงการเดินทางไมตองซื้อก็
สัมผัสไดเองทุกขณะที่มีลมหายใจจะ
ไมหายใจเขาก็ไมรบกวนกันอีกตอไปแลว

เวลาเดินทางมักจะมีคําวา กองทัพเดินดวยทอง นั่นหมายถึงตองมีผูปรุงอาหารใชมั้ยจะ เราจะรบกวนไดก็


เมื่อผูนั้นปรุงนะจะ ถาเขาไมปรุงเราก็รบกวนไปเถอะ ไมอิ่มทองหรอก อาปากรอยังไงก็มีแตลม เหมือนไปสั่ง
อาหารตอนรานปด ผูปรุงอาหารไมอยูทํางานแลว ฉันวาแลวแตเทคนิคเฉพาะตัวที่จะหาอาหารมั้งจะ ไมแนะนําให
งัดเพราะเวลาทวงคืนมันไมนาดูจะ ชีวิตเราก็เหมือนรานอาหาร ตราบใดที่ดํารงกิจดวยการหายใจ มันก็ตองมีกลิ่น
รบกวนจากการประกอบ การปรุงของแตละคนออกสูโลกภายนอกจะ ลมหายใจออกของเราอยางเบาะๆก็สงกลิ่น
คารบอนไดออกไซดใชมั้ยจะ อาจมีกลิ่นตามความชอบสวนตัวในรายละเอียดยอยๆอีกมากมาย เชน กลิ่นละมุด
จากอัลกอฮอร กลิ่นปลารา กลิ่นทุเรียน ทํายังไงไดละ รานมันเปดอยูก็ตองสงกลิ่นออกไปทุกเมื่อขณะปรุงนั่นแหละ
ครั้นจะหามสงกลิ่นก็ออกจะฝนธรรมชาติสวนตัวกันมั้งจะ ฉันก็คิดวาโลกใบนี้มีแหลงรานปรุงชีวิตเต็มไปหมด ก็คง
มีกลิ่นคละเคลาบนโลกละจะ กลิ่นโลกคงมีกลิ่นเฉพาะไปจากกลิ่นนอกโลกละมั้ง ถาอยูบนโลกก็ตองจําใจสูดกลิ่น
เขาไปพรอมลมหายใจ วามั้ยจะ ตอเมื่อไมหายใจเขาก็ไมรบกวนกันอีกตอไปแลว เพราะควรเคารพโลกสวนตัวของ
สิ่งที่ไมเชื่อมตอดวยลมหายใจกับโลกภายนอกใบที่ 3 นี้แลวนะจะ คือวา ลมหายใจแหงการเดินทางคงจะไมเดินทาง
ขามมิติเพื่อบุกรุกโลกอื่นของสิ่งใด แคเดินทางเขาออกแหลงทองเที่ยวที่ดํารงอยูในชีวิตปจจุบัน ก็เหนื่อยเอาการแลว
ละ มันอาจจะฝนวิถีโคจรบางเปนพักๆก็พอจะได แตการจะตานแรงดึงกลับในแนวทางของโลกดาวเคราะหมันทํา
ใหหืดจับเหมือนกันละจะ เพราะอยางนี้อยาวาแตจะรบกวนโลกสวนตัวของสิ่งที่ไมเชื่อมดวยลมหายใจบนโลกอีก
ตอไปแลวเลย เอาโลกที่แทจริงของตัวเองใหมันรอดฝงกอนเถิด คงจะปรับวิถีไดไมงายทีเดียวนัก ก็เห็นมาแลววา
ยานอวกาศตองใชพลังมหาศาลตานแรงของโลกดึงกลับแคไหนจึงจะหลุดพนไปได ฝนธรรมชาติบนโลกแตไม
ผิดปกติของจักรวาลหรือนอกโลกก็มีจะ
การเดินทางของลมหายใจนั้น จะชาหรือเร็วก็ตองแวะจอด อาจเพื่อเปลี่ยนยานพาหนะ เติมพลังงาน ชีวิตก็
เปนเชนเดียวกันนี้แหละจะ มีลมหายใจแหงการเดินทาง แตไมชาไมเร็วก็อาจแวะปมเพื่อหายใจตอ หรือเปลี่ยน
สังขารไปเลย มันเปนของไมจีรังแนนอน ลมหายใจนี่แหละจะที่จะเปนชีวิตตอไปในสังขารใหมซึ่งประกอบดวย
กายและจิต เพราะลมหายใจคือสายใยชีวิต มันเดินทางก็เพื่อแสวงหาการมีชีวิต ซึ่งคอนเซปตการเดินทางของลม
หายใจก็คือยึดเสนทางสายกลาง ถาไมอยูในทางสายกลางก็เปนอันตรายตอการดํารงอยูอยางมีชีวิต เชน หายใจเขา
แลวตองหายใจออก ปรับสมดุลใหอยูในทางสายกลาง สุดขั้วปอดแลวก็ตองถอน กายและจิตใดที่มีลมหายใจเดิน
ทางผาน ก็จะเขาสูวัฏจักรขึ้นๆลองๆ วับๆวูบๆ ดับๆสวางๆ เมื่อนั้นก็คงฉลองวันเกิดทันทีที่เวียนมาบรรจบ ฉัน
ก็วาเปนโอกาสเดินทางสายกลางที่ฉลองไดไมอายใครจะ ถาเราสุดขั้วคงไมไดอยูฉลองแลว วามั้ยจะ เพราะโลกมี
พื้นฐานการปรับสมดุลในธรรมชาติ หรือมีทางสายกลางเปนแนวทางเหมือนกันเพื่อการดํารงอยู ถาฉลองวันเกิดก็
เหมือนฉลองวันแหงทางสายกลางสากลโลกมั้งจะ ตอนนี้ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางก็ไมรูวาจะตรงกับวันเกิด
ของนักเดินทางหรือไม ฉันวาถาจะถือเอาลมหายใจเขาที่เปนสายใยชีวิต ซึ่งกําลังเดินทางสูปอดพรอมกันเปน
โอกาสเกิดชีวิตขณะเดียวกัน ก็ไมผิดธรรมเนียมนักหรอก วามั้ยจะ ใครเกิดกอนนี้ก็จะตองหายใจเขาพรอมกันนี้อยูดี
สรุปแลวก็เกิดจังหวะเดียวกันแหละจะ ฉันเพียงแตชวนดูโอกาสเกิดชีวิตของเราเทานั้นแหละจะ ถาจะยึดเอาวัน
เวลาใด เมื่อใดเปนสําคัญก็สุดแลวแตความประทับใจของแตละคน นับเวลาการเดินทางของลมหายใจเปนอายุขัย
ดวยกันอยูแลวนี่จะ ระหวางอายุขัยก็เปนเวลาสวนตัวที่จะดํารงอยูอยางธรรมดาตามธรรมชาติ รวมทั้งอยาง
มหัศจรรย ในวิถีโคจรของตัวเอง ดังนั้นชวงเวลาของอายุขัยก็เปนโอกาสเกิดไดทุกเมื่อ เกิดกาย จิต ทุกขณะ เกิดแลว
เปนอยางเดิม แยกวาเดิม ดีกวาเดิม ไดทั้งนั้น ตามเหตุปจจัยที่ทําใหอุบัติขึ้น ฉันวานาตื่นเตนนะจะกับการเดินทางที่
กําลังจะไปตอในเวลานี้ อยากเห็นวิวัฒนาการของกาย ของจิตมั้ยจะ ตื่นเตนพอๆกับคนหาสมบัติในดินแดน
มหัศจรรยเลยมั้ย
วิวัฒนาการทางกาย ทางจิต ก็อาศัยจังหวะลมหายใจเดินทางเขานี่แหละ ถาลมหายใจไมเดินทางผานก็ยาก
จะเปลี่ยนแปลงในแนววิวัฒนาการ แถมอาจจะถูกสิ่งอื่นแซงหนาวิวัฒนาการขึ้นบนกายและจิตอยางนาเสียดาย การ
เดินทางในทัวรเที่ยวนี้ก็เหมือนเราเดินทางไปเที่ยวแหลงทองเที่ยวอื่นซ้ํารอบสอง รอบตอๆไป มันก็อยากจะดู
วามีอะไรเปลี่ยนไปบางแนนอนละ มีวิวัฒนาการอยางไรบาง ปรับปรุงใหมหรือวาอยูอยางไมปรับปรุงเลย ถึงจะ
อนุรักษก็ตองปรับปรุงจะ เชน ทําใหสะอาด ปลอดภัย เชนเดียวกับแหลงทองเที่ยวของทัวรลมหายใจแหงการ
เดินทางดวยเชนกัน เห็นแลวคงรูเองวานาเที่ยวเพียงใด ซึ่งลมหายใจก็ยังเดินทางเขาออกอยางไมมีคอมเมนต วามั้ย
จะ ก็เปนเพราะลมหายใจเที่ยวที่อื่นไมสนุกเทาเที่ยวผานกายและจิต มันมีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงไดทุกเมื่อ เที่ยว
แลวเพลินในอารมณทุกรูปแบบ ปรุงไดเรื่อยๆไมมีอิ่มหรอกรานนี้ นี่แหละเปนแหลงทองเที่ยวที่มหัศจรรยบนโลก
นี้ที่โคจรในลําดับที่3ของสุริยจักรวาล เที่ยวที่ไหนก็ไมถึงอารมณเทาเที่ยวที่นี่หรอกจะ เพราะอยางนี้เองลมหายใจ
จึงตองเดินทางเขาออกกายและจิต เพื่อเที่ยวในที่ๆสนุกที่สุดแหละจะ ชีวิตเปนอะไรไดถาไมใชผลของลมหายใจ ดู
ลมหายใจเปนสัญญาณของชีวิตก็ได ถามันเดินทางเขาแลวออกก็ไดชีวิตขณะหนึ่ง ฉันเชื่อวาลมหายใจเดินทางอยาง
มีวีซา มีกําหนดเวลาหมดอายุ มีเงื่อนไขการเดินทางเขาออก ในลมหายใจมีพันธะเปนคุณสมบัติในการไดวีซาให
เขาสูกายและจิต พันธะอยางแนๆก็เชน พันธะในออกซิเจน สวนพันธะที่มีอีกในลมหายใจก็แลวแตกายและจิตนั้น
จะรับคุณสมบัติออกวีซาใหรึเปลา ไมคอยเสรีเทาไหร แถมเขาไดก็ตองเดินทางออกแลวขอวีซาใหม หากจะตอวีซา
ก็ไมรูตอยังไง เสี่ยงปอดแตกมั้งจะ เทาที่แอรพอรตยังเปดใชก็เดินทางเขาออกได พันธะที่มีนั่นแหละที่ตองเปน
ลมหวนเขามายังกายและจิตเพื่อมีชีวิตขณะแลวขณะเลา พันธะสัญญากับตัวเองก็ยังเอาแนเอานอนไมไดเลย วามั้ยจะ
กําหนดเวลาหมดอายุของวีซาสําหรับลมหายใจ ตองเครงครัด ดูจากซี่โครงและกะบังลมก็จะเขาใจ ไมมีวีซาตลอด
ชีพจะ เงื่อนไขการเดินทางเขาออก ก็ตองเดินทางเขาในชองทางที่ถูก ออกก็ถูกชองทาง แมเดินทางเขาถึงภายในแลว
ก็ยังตองมีจุดรับ จุดโดยสารเปนระบบ ลัดขั้นตอน วงจรไมได คิดดูสิจะการเดินทางของลมหายใจมันผอนคลาย
ขนาดไหน แตฉันก็พาทัวรกับลมหายใจแหงการเดินทางอยางไมมีพิธีรีตองอยางนี้ละจะ
ฉันวาเรามองหาวิวัฒนาการของแหลงทองเที่ยวกัน นาจะสนุกกวา วามั้ยจะ มีจุดขายอยู 3 จุดเองแหละจะ
คือกาย จิต ลมหายใจ มันก็คงมีการเปลี่ยนแปลงละจะ อยางแนๆก็เวลาเปลี่ยน คงจะมีการบูรณะซอมแซมบางสวน
เปนโอกาสๆไปมั้งจะ กายก็มีโปรตีนเปนสวนบูรณะซอมแซม จิตก็คงมีสารที่ตอตานการสื่ออารมณที่จะมาเกาะจิต
ทําใหมันไมทรุด เสื่อมลงไปนะจะ เอาแคการอนุรักษก็พอจะชื่นตา ชื่นบานในยามกลับเขามาชมแหลงทองเที่ยวอีก
ใชมั้ยจะ ทีนี้เราจะรูสึกเรียกรองใหมีสิ่งที่ดีขึ้นกวาเดิมมั้ยละ อยางเชน โปรโมชั่นใหมๆ เที่ยวแลวคนพบเสนทาง
ใหม วิถีโคจรใหม อาจคนพบแหลงทองเที่ยวอื่นโดยบังเอิญ มันนาคน นาตื่นเตน สําหรับการเดินทางแหงลม
หายใจเขา ในเที่ยวใหมเรื่อยๆ วามั้ยจะ ถาเดินทางเขามาทีไรไดเห็นแหลงทองเที่ยวมีแตทรุดกับโทรม คงไมอยาก
เดินทางตอ แตถามันดีกวาเกาก็ตองเดินทางเทียวไปเทียวกลับอยูเสมอแหละจะ ในทางโลกภายนอกก็เห็นเราไดใน
ลักษณะที่เรียกวา เจริญเติบโต เปลงปลั่ง งดงาม แจมจรัส แข็งแรง สวนโลกภายในนั้นมีแตเราเทานั้นที่รู เห็น เปน
จริง อยางนั้น คือทั้งรู ทั้งเห็นเชนเดียวกับที่โลกภายนอกเห็นและรูจักเรา อีกทั้งเรายังเปนและจริงได ในขณะที่โลก
ภายนอกไดแครูแคเห็น ไมไดเปน หรือจริงอยางที่เราสัมผัสโลกภายในที่แทจริงของเราเอง โลกภายนอกไดแครู แค
เห็น เทานั้นเอง สวนที่เปนและจริงนั้น เกิดอยูในโลกภายในที่แทจริงของเราจะ ฉันจึงบอกไวตั้งแตตอนหายใจออก
วา มันเปนความเหมือนที่แตกตางของแตละคนบนโลกที่ 3 ของสุริยจักรวาล โลกภายนอกกับโลกภายในก็เที่ยวได
ไกลไมแพกัน วามั้ยจะ อาจจะขึ้นอยูกับความอึดของนักเดินทาง เพราะทุกคนที่เดินทางดวยกันนั้นใชวาจะ
ประสบสิ่งเดียวกันเปะ อยางนอยที่นั่ง ที่ยืน ขณะเดินทางก็คนละตําแหนง คนละพิกัดแลวละ ถาเปนการเดินทาง
แบบไมเอารายละเอียดแบบทองเที่ยวในโลกภายนอกทั่วๆไป ก็คงเห็นเดือน ดาว เห็นอาทิตยสลับกันไป ไมมีอะไร
หรือเสนทางไหนแปลกไปกวานี้ เพราะมันกลม
ตอนนี้ยังไมบอกวาจะเจอวิวัฒนาการของกายและจิตไดตรงไหน แตพรรณาออมโลกจนวนมาเจอเดือน
ดาว อาทิตย เพราะอยากใหเห็นและสัมผัสวา รู เห็น ยังไมใชเหตุปจจัยของวิวัฒนาการ แตมันตองเปนและจริง
ประกอบดวย ดูละครก็ไมไดเปนตัวละครจริงฉันใดก็ฉันนั้น ยังไงก็เปนผูชม ไมไดรางวัลตุกตาทองกับเขา
หรอก ทีนี้คิดวาจะเจอวิวัฒนาการทั้งกาย ทั้งจิตไดโดยงายหรือวายากจะ ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางสนับสนุน
การคนพบเสนทางใหมๆ หรือแหลงทองเที่ยวอื่นก็ตามแตจะเจอไดละจะ มันเปนคอนเซปตลมหายใจแหงการ
เดินทางดวยจะ อาจมีทัวรจากที่ๆเราไมเคยไปเที่ยวโคจรเฉียดมา ก็คงเปนประสบการณการเดินทางทองเที่ยวกับลม
หายใจก็ไดมั้งจะ แตฉันก็ยังคิดวาการรักษาสภาวะโคจรของโลกที่แทจริงของเรา สําคัญกวาสนใจวิถีโคจรของอะไร
ก็ชาง เพราะมันจะปลอดภัยเสมอ อีกทั้งถาเกิดวิวัฒนาการก็จะเกิดผลตอการโคจรจะ เพื่อการดํารงอยูอยาง
เหมาะสมกับวิวัฒนาการ ไมตองคนหาวิวัฒนาการยากๆไกลๆก็เห็นได เชน เวลาสตรีมีครรภ เกิดกายและจิตที่เปน
เทาตัว วิถีชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบางในบางอิริยาบถ แมแตอารมณก็เปลี่ยน กายและจิตมีวิถีที่เปลี่ยนแปลง
เพื่อความเหมาะสมเชนกันจะ เกิดสภาวะหนึ่งที่เปนขึ้นมาจากการเกิดเปนเทาตัวทั้งกายและจิต แทนดวยคําวาแม
และมีพันธะเพิ่มขึ้นกวาเดิมอีกเปนทวีคูณ แคปรากฏการณนี้ก็พอจะสัมผัสไดมั้ยจะวาแหลงทองเที่ยวมหัศจรรยนี้
สามารถมีวิวัฒนาการไดทั้งกายและจิต จะคนพบมันไดเมื่อเขาถูกจุดหรือรหัสของวิวัฒนาการจะ ตอนนี้
คลับคลายคลับคลาวาฉันบอกใบลายแทงอะไรมั้ยจะ ฉันจะไปรูลายแทงสวนตัวของใครไดหรือจะ เพราะแตละคนมี
โลกสวนตัวโลกที่แทจริงโคจรในวิถีของตัวเองอยู ฉันไมเสี่ยงโคจรไปหาแรงดึงแรงเหวี่ยงจากวิถีโคจรอื่นหรอกจะ
เพียงแตบอกจากสัมผัสวาแหลงทองเที่ยวมหัศจรรยมีความเหมือนที่แตกตาง บางคนตั้งครรภงาย บางคนแสนจะ
ยาก บางคนเปนหมัน แคปรากฏการณที่โลกภายนอกก็รูก็เห็นไดนี้ คงจะพอเขาใจวาจะคนหาวิวัฒนาการในแหลง
ทองเที่ยวของลมหายใจแหงการเดินทางไดอยางไรจะ ทั้งนี้ไมไดชวนปรับแหลงทองเที่ยวเปนที่ทําการทดสอบ
สมมติฐานอะไรนักหรอกนะจะ เพราะมันก็เปนไปตามกฎธรรมชาติของมันอยูดีนั่นแหละ อยาไปตั้งสมมติฐานไกล
สุดขั้วเลย แหลงทองเที่ยวมหัศจรรยมันก็อยูในคอนเซปตเดียวกับลมหายใจแหงการเดินทาง ทั้งที่จะตองเปนทาง
สายกลางและอาจใชเสนทางในการเดินทางใหมไดเพื่อความเหมาะสมอยูดีนะจะ ตอใหเกิดวิวัฒนาการก็ตองปรับ
ใหอยูในทางสายกลางเพื่อความสมดุลและดํารงอยูไดตอไป จากวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นนั้น มันก็เขาคอนเซปตอยูตรง
ทางสายกลางนั่นแหละจะ ก็แหลงทองเที่ยวนี้มันประกอบอยูดวยลมหายใจนี่นา
พอมาเที่ยวรอบใหมรูสึกชินกับที่ๆคุนตาหรือวาเหมือนเพิ่งคนพบบางจะ เชื่อเถอะวาเสนทางลมหายใจ
ในกายเรา ก็พอๆกับเสนทางในเขาวงกตมั้งจะ ใหมๆก็นาสนุก นาติดตาม เมื่อไหรเห็นที่เกาซ้ําๆก็อยากจะหลุดโลก
ใหไดเลยละ ซึ่งมันเปนโอกาสคนพบเสนทางเดินใหมที่มีอยูจริงเทาลมหายใจออกจะ และจะเดินทางทัวรกับลม
หายใจแหงการเดินทางอีกกี่ครั้ง ก็ออกจากเสนทางเดิมๆดวยเสนทางที่คนพบใหมไดเอง เทานี้ก็พอจะหาทางแหวก
จักรวาลที่สะกดใหงมเข็มในมหาสมุทรไดบางมั้ยจะ ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางตองใชกายและจิตเปนประตู
ขามหวงแรงดึงแรงเหวี่ยงสูวิถีโคจรใหม หรือก็คือการมีชีวิตเปนการเปดประตูสูหองพักเมื่อกาวผานประตูไป
แลวนะจะ ตองมีชีวิตจึงจะเปดประตูได ถาเปนลมหายใจที่ผานเขาออกสังขารไมไดก็ไหลเวียนอยูตามยถานะจะ
ดังนั้นชวงเวลาเปดประตูมันก็แลวแตจะเปดแลวแตจะเจอประตูบานที่พาออกสูหองที่ไมมืด หองที่เปนอิสระจาก
แรงดึงแรงเหวี่ยง หรือหองที่มีแตความสุขก็ไดทั้งนั้น เชื่อเถอะวาลมหายใจแหงการเดินทาง เปดประตูปุบเจอหอง
ดังกลาวปบเปนไปไดนอย สวนมากจะเปดจนประตูพังก็ยังอยูวนไหลเวียนอยูในยถา ฉันไมไดยกตัวอยางมาใหโห
กลับนะจะ แตวาบอกแลว วาอะไรที่มันถูกจุด ถูกรหัส มันก็ปุบปบเผงเลย ขนาดการปฏิสนธิมันยังตองเปนหลัก
เดียวกันนี้เลย การเดินทางของลมหายใจทุกขณะก็คลายๆกันแหละจะ เปดประตูเจอดานมืดก็ได เชน เจอเชื้อโรคก็
ไมสบาย เจอมายาก็หลงอยูในหองจนลืมเวลาที่เหลืออยูไปเลย เจอมรสุมก็ตองหาที่ตั้งหลัก เจอสมติฐานก็ตองพึ่ง
ตัวเอง ฉันชวนสัมผัสการปรุงมาแลวใชมั้ยจะ นั่นละคือสูตรที่จะไขประตู สูตรที่ใชสําหรับเปดประตูสูหองที่ไร
ทุกขก็มีจะ คือสูตร 8 ประกอบดวย การเห็นควรเห็นชอบ การคิดควรคิดชอบ การพูดจาควรพูดจาชอบ การทําการ
งานควรและชอบ การเลี้ยงชีวิตควรและชอบ การพากเพียรควรและชอบ การมีสติชอบ มีสมาธิชอบ พักหองนี้แลวมี
ความสุขชั่วชีวิตละจะ หองนี้ก็ใกลๆหองที่ไรแรงดึง แรงเหวี่ยงละจะ เพียงแตเมื่อประตูพังก็ยังไมพนแรงดึง
กลับมาโคจรในลําดับที่ 3บนโลกเดิมๆ ฉันพรรณามาก็เพื่อเชิญชวนใหทองเที่ยวนะจะ ดีกวาปลอยใหประตูยึด
มันนาเสียดายเวลาจะ กวาลมหายใจจะไดวีซาเขาออกไมใชเรื่องจิ๊บจอย
เมื่อมาเที่ยวรอบนี้ก็อยากจะใหตระหนักถึงการดูแล บํารุง แหลงทองเที่ยวดวยจะ ไมใชแคมองแต
วิวัฒนาการในแหลงทองเที่ยว คือ แคไมทําลายแหลงทองเที่ยว ก็ถือวาสมศักดิ์ศรีที่ไดวีซาเดินทางเขาแลวจะ การ
ดูแลกายและจิตอยางอนุรักษแหลงทองเที่ยวนี้แหละ ที่สมศักดิ์ศรีที่ไดมีชีวิต ทัวรนี้ไมสนับสนุนการทําลายแหลง
ทองเที่ยว ไมวากายหรือจิตดวยวิธีการใดๆก็ตามแต เพราะมีแตจะปดประตูหนทางตัน ลมไมลวงผาน ไมระบาย เปน
มลพิษนะสิจะ ทัวรลมหายใจแหงการเดินทางชวนใหดูแลการถายเท ไหลเวียนอากาศ ปรับสภาพอากาศใหไมเปน
มลพิษ และเปนอากาศบริสุทธิ์ยั่งยืน เพื่อชีวิตที่ยืนยาวบนโลกตอไป หวังใหพืชรับผิดชอบโดยตรงคงจะหวัง
เกินไปหนอย ตองชวยกันรับผิดชอบตอลมหายใจออกของแตละคนดวยจะ โยนความรับผิดชอบไปก็ไมพนวกกลับ
มาหาตัวเองแนเพราะโลกมันกลม ชวงนี้เปนการเดินทางที่ชื่อวา ไมหายใจเขาก็ไมรบกวนอีกตอไปแลว ดังนั้นจึง
สุดแลวแตจะสนองตอบการรบกวนในวิถีของตนจะ ลมหายใจแหงการเดินทางก็หวังใหเดินทางโดยสวัสดิภาพ
ตลอดลมหายใจนะจะ

You might also like