You are on page 1of 10

Fundamental Principles (หลักการพื้นฐาน)

1.1 การพัฒนาอุปนิสัย (Developing Habits) : ประกอบด้วย 3 สิ่งคือ : Knowledge / Skill / Desire


(ความอยาก) สิ่งที่ยากในการพัฒนาอุปนิสัย คือการสร้างความอยากที่จะทำา

1.2 คุณลักษณะ (Character) / บุคลิกภาพ (Personality)

- Character : เป็นสิ่งที่อยูใ่ ต้ภูเขานำ้าแข็งมองไม่เห็น เช่น ความเป็นคนมี Service mind ,


ความเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี (ความเป็นคนดี)

- Personality บุคลิกภาพ : เป็นสิ่งที่มองเห็นจากภายนอก เป็นภาพพจน์ ความรู้ความสามารถ


(ความเป็นคนเก่ง) แม้ว่าภาพพจน์ เทคนิค และ ทักษะ สามารถส่งผลให้เกิดความสำาเร็จภายนอกก็ตาม
แต่นำ้าหนักของความมีประสิทธิผลที่แท้จริงจะอยู่ใน คุณลักษณะที่ดี (ไม่ฝืนธรรมชาติ)

1.3 Four Levels of Leadership (4 ระดับแห่งภาวะผูน้ ำา)

- Personal Trustworthiness
- Interpersonal Trust
- Managerial Empowerment
- Organizational Alignment

การสร้าง Leadership ต้องเริ่มที่ การสร้างความไว้วางใจในตัวบุคคลเองก่อน ซึง่ การที่จะสร้างความไว้วางใจได้


ต้องประกอบด้วย Character และ Competence ซึง่ ต้องอาศัยการฝึกฝนให้เกิดความสมดุล

ก็จะมีภาพที่ทำาให้ผู้อื่นเกิดความไว้วางใจ และ จะนำาไปสู่ การไว้วางใจระหว่างบุคคล (Interpersonal Trust)


และเมื่อเรามีความไว้วางใจกันระหว่างบุคคล ก็สามารถมอบหมายอำานาจในการบริหารให้
แก่บุคคลหรือกลุ่มคนนั้นได้ และ เมื่อมีการกกระจายอำานาจ และทุกคนมีเป้าหมายร่วมกัน
ก็จะเกิดผลในการบริหารงานขององค์กรที่มีประสิทธิผล ต่อไป

สำาหรับหลักสูตร The 7 Habits เป็นการสอนให้เกิดในเรื่องของการสร้าง Level ที่ 1 และ 2 คือเป็นการสร้าง


ให้เกิดความไว้วางใจ ในตัวบุคคล และนำาไปสู่ความไว้วางใจ ต่อกันกับผู้อื่น ซึ่งประเด็นนี้ จะเห็นได้ว่า คำาว่า
Empowerment จะต้องมีการพัฒนา ผู้ความรู้ความสามารถ ของคนที่จะมา รับมอบอำานาจก่อน
การกระจายอำานาจจึงจะเกิดประโยชน์แก่องค์กร และเมื่อคนที่รับ มอบอำานาจมีความสามารถและไว้วางใจได้
ก็จะเกิดการพัฒนาความคิดในการทำางาน ไม่ใช้ทำางานเฉพาะตาม Job ที่ได้รับมอบหมาย

1.4 วงจรวุฒิภาวะ (The Maturity Contunuum) : เป็นการแสดงความสัมพันธ์ ระหว่าง 7 อุปนิสัย โดยแบ่งเป็น


ชัยชนะส่วนตน (Private Victory) ชนะใจตน ประกอบด้วย 3 อุปนิสัย ;

1 Be Proactive
คนที่มีนิสัย "Proactive" คือคนที่เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำา คือคนที่ "รู้ตัวว่าเลือกได้" คนที่มีนิสัยแบบนี้

จะมีความกระตือรือล้น เป็นคนที่ Active เป็นคนที่รู้วา่ ตัวเองต้องการอะไร คนที่ Proactive จะไม่รอให้สิ่งต่างๆ


เกิดขึ้นกับตัวเขา แต่เขาจะเป็นคนทำาให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น ด้วยตัวเขาเอง เพราะเมื่อเขาเลือกที่จะเป็น
เมื่อเขารู้วา่ ตัวเองต้องการอะไร เขาก็จะมีความริเริ่มที่จะทำาให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นในทันที

2 Begin with the end in Mind (เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ)

3 Put First Things First (ทำาสิ่งทีสำาคัญก่อน)


ถ้าเราสามารถฝึก 3 อุปนิสัยแรกทั้ง 3 ได้ จะทำาให้นำาไปสู่ การที่เราสามารถพึงพาตนเองได้ (Independence)

และหลุดพ้นจาก การพึ่งพาผู้อื่น (Dependence) เป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ ซึง่ ทั้ง 3


นิสัยดังกล่าว เป็นการเรียนรู้การฝึกตนเอง เพื่อให้เกิดการสร้างวินัยให้ตนเอง
ชัยชนะในสังคม (Public Victory) ชนะใจผู้อื่น ประกอบด้วย 3 อุปนิสัย :

4 Think Win-Win (คิดแบบ ชนะ-ชนะ)

5 Seek First to Understand Then to Be Understood (เข้าใจผู้อื่นก่อนแล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา)

6 Synergie (ผนึกพลังประสานความต่าง)
เมื่อเรามีความน่าไว้วางใจและสามารถพึงพาตนเองได้ (dependence) และ มีการฝึกฝนอุปนิสัยที่ 4-6
จะนำาไปสู่ความไว้วางใจระหว่างบุคคลและเกิดการพึงพาซึ่งกันและกัน (Interdependence)
และจะนำาไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างบุคคลที่ยน
ื ยาว การฝึกฝน โดยใช้อุปนิสัยสุดท้าย

7 Sharpen the Saw (ลับเลื่อยให้คม)


7 เป็นการฝึกฝนในการปฏิบัติอปุ นิสัยทั้ง 6 อย่างสมำ่าเสมอ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว
สำาหรับอุปนิสัยที่

ไม่มีใครที่จะสามารถฝึกให้บรรลุ อุปนิสัยทั้ง 7 ได้ตลอดเวลา จะมีการกลับไปกลับมาของนิสัยเสมอ


เมื่อมีสิ่งเร้าจากภายนอก แต่ถ้ามีการฝึกฝนอยู่เสมอ การเบี่ยงเบนของอุปนิสัย ต่อสิ่งเร้าก็จะเกิดขึ้นน้อย
1.5 Three-Person Teaching : เป็นหลักที่น่าสนใจและนำามาปฏิบัติในองค์กร กล่าวคือ
การเรียนรู้สิ่งใดให้เกิดความเข้าใจ ในขณะเรียน จะต้องสมมุติเสมอว่า
/
เมื่อเรียนจบแล้วจะต้องนำาสิ่งที่เราเรียนรู้หรือเข้าใจไปสอนต่อให้ผู้อื่น และในทางปฏิบัติ
มีหลักในการปฏิบัติดังนี้
- Capture : จับประเด็นแนวคิดพื้นฐาน
- Expand : เพิ่มประสบการณ์ หรือความรู้ของตนเองเข้าไป เพื่อเพิ่มความเข้าใจ
- Apply : การนำาไปปฎิบัตใิ นชีวิตประจำาวัน และถ่ายทอดตัวอย่างต่างๆ ทีน่ ำาไปประยุกต์ใช้ได้
1.6 Basic Change Model : (แบบจำาลองพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลง)
- See : what we see drive what we do / การมองที่แตกต่างกัน ของแต่ละคน ทำาให้เกิดการกระทำา (Do)
ที่แตกต่างกัน
- DO : เป็นการกระทำาที่เกิดจากการมอง
- GET : ผลที่ได้จากการกระทำา / ผลที่เกิดขึ้นจะทำาให้เกิดการมองและทัศนะคติใหม่ๆ ทำาให้เกิดการเปลี่ยน
พฤติกรรม
1.7 องค์ประกอบพื้นฐานของอุปนิสัยทั้ง 7
- Principle (หลักการ) : กฎธรรมชาติหรือความจริงขั้นพื้นฐานอยู่ภายนอกตัวเรา ซึ่งมาคู่กับคำาว่า ค่านิยม
(Value) ซึ่งเป็นความเชื่อหรืออุคมคติที่เราเลือกขึ้นเอง ซึ่งสิ่งสำาคัญในการพัฒนาอุปนิสัยที่ดี
ต้องเลือกปฏิบัติในสิ่งที่เป็นค่านิยมที่อยู่บนพื้นฐานของหลักการ (Value บางอย่างเป็น Principle

บางอย่างไม่เป็น )

- Paradigms (กระบวนทัศน์หรือกรอบความคิด) : เป็นตัวที่ทำาให้คนเรามองสิ่งเดียวกันแตกต่างกัน


ถ้าเราเปลี่ยนกรอบความคิดจะนำาไปสู่การมองที่แตกต่างไป ในวงจร See / Do / Get และมีคำากล่าวว่า

"การเปลี่ยนแปลงครั้งสำาคัญเกือบทุกครั้งทางวิทยาศาสตร์ ก่อนอื่นต้องเป็นการฉีกออกจากแนวเดิม
วิธีการคิดแบบเดิมๆ หรือ กรอบความคิดแบบเก่านั่นเอง"

นอกจากนี้ในเรื่องของกรอบความคิดจะมีอิทธิพลพลมาจาก กระจกเงาสังคม (The Social Mirror)


ซึ่งเป็นภาพสะท้อนจากความทรงจำาของการที่ผู้อื่นมองเห็นเราอย่างไร และ ความเชื้อที่กลายเป็นความจริง
(Self-Fulfilling Prophecy) เช่น การทีเราคิดว่าคนๆหนึ่งไม่มีความสามารถ เราจะคอยช่วยเหลือเขา
และคอยปกป้องเขามากเกินควร ด้วยความกลัวว่าเขาจะล้มเหลว
ทำาให้ขาดการให้โอกาสที่จะให้เขาทำาอะไรด้วยตนเอง
- Processes (กระบวนการ) ชุดของกิจกรรมทางความคิดหรือกายภาพซึ่งเชื่อมโยงกัน
1.8 ความสมดุลของ Production (P) และ Production Capability (PC)
เราจะต้องรักษาสมดุลระหว่าง P/PC เช่น ดูแลบำารุงรักษาเครื่องจักรให้มีสภาพดี จึงจะสามารถให้ ผลผลิตที่ดีได้
และคำาว่าPC รวมไปถึงบุคลากรในองค์กรด้วยซึ่งถือเป็นสิ่งสำาคัญที่สุดในองค์กร
1.9 The Emotional Bank Account (บัญชีออมใจ)
เป็นการเปรียบเทียบสำาหรับปริมาณของความไว้วางใจที่คนอื่นมีต่อเรา ซึง การกระทำาของเรา มีผลกับ การฝาก
หรือ ถอน ความมั่นใจในตัวเรา ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราควรจะต้องทำาเสอม คือ การเติมบัญชีออมใจของเรากับ เพื่อนๆ
หรือบุคคลรอบข้างของเรา

กรอบความคิดของอุปนิสัยทั้ง 7 ประการ The 7 Habits (อุปนิสัย 7 อย่าง)


เริ่มจากการพึ่งพาผู้อื่น นำาไปสู่การพึ่งพาตนเอง และพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

ชนะใจตน

1. เป็นฝ่ายเริ่มต้นทำาก่อน (โปรแอกทีฟ)
2. เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ
3. ทำาตามลำาดับความสำาคัญ

ชนะใจผู้อื่น

4. คิดแบบ ชนะ/ชนะ
5.เข้าใจคนอื่นก่อนจะให้คนอื่นเข้าใจเรา
6. ประสานพลัง
7. ลับเลื่อยให้คม

1 Be Proactive ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นทำาก่อน ( Individuals are responsible for their own choices


อุปนิสัยที่

and have the freedom to choose.) “ไม่มีใครทำาร้ายเราได้ นอกจากตัวเอง” “เราเป็นอย่างที่เราเป็น


หรือเป็นอย่างที่เขาพูด”การรุก คือ การทำาให้ดีที่สุด ตั้งแต่ครั้งแรก (อย่าคิดว่าจะสามารถแก้ไขครั้งที่ 2 ได้อีก
“ฉันทำาได้”สิ่งที่จำาเป็นต้องทำา หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ชอบ แต่จำาเป็นต้องทำา ให้พยายามทำาจิตใจให้ชอบ ทำาซำ้า ๆ
จนเข้าไปอยู่ในจิตใจของตนเอง
Be Proactive คือ อะไรไม่เคยทำา ต้องเรียนรู้ ทำาให้ได้ ทำาให้เกิดความชำานาญ
การคิดแนวรุก คือ การตัดสินปัญหาแก้ไขได้ อย่าให้สิ่งภายนอกตัดสินเรา ฉันเลือกที่จะไป
ฉันควบคุมความรู้สึกของฉันได้
แก่นสารของความอยู่รอด

อย่าไปสนใจว่าใครทำาอะไร ให้สนใจเฉพาะว่า ตนเองทำาอะไร ทำาดีหรือยัง เพื่อที่จะเปิดเกมส์รุกได้ เช่น


หัวหน้าว่า คือ เรื่องของหัวหน้า เรื่องของเรา คือ งานที่เราต้องทำา ทำาไป อย่าสนใจสิ่งที่หัวหน้าว่า
จนทำาให้เราไม่สามารถทำางานในส่วนที่เรารับผิดชอบ
ความมีอิสระในการเลือก เช่น Self Awareness (เตือนตนเอง ให้รู้วา่ เรารู้สึกอย่างไร) Imagination
(ใช้สมองคิดว่าตอบโต้ให้เป็นการออมบัญชีความรู้สึก) Conscience (สติ) Independent Will (อิสระในความคิด)
อย่าสนใจสิ่งที่มากระทบระหว่างทางก่อนถึงความสำาเร็จหรือเป้าหมาย ปล่อยวางมันไป
มุ่งไปสู่สิ่งที่เป็นเป้าหมาย

- ตอบสนองตามค่านิยม โดยไม่ยอมให้ อิทธิพลภายนอก (อารมณ์ ความรู้สึก หรือ สภาวการณ์)


มาควบคุมการตอบสนองของตน
- รับผิดชอบต่อ พฤติกรรมของตนเอง (ทุกคนมีอิสระในการเลือกที่จะทำาอะไร
แต่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตามมาจากสิ่งที่เราเลือก)

- มุ่งเน้นที่ Circle of Influence (หาทางแก้ไขปัญหาเพื่อกำาจัดความกังวล หรือ


ไม่มองหรือคิดกังวลแต่เรื่องปัญหา) และถ้าฝึกไปเรื่อยๆ จะนำาไปสู่ระดับ ให้อภัยต่อผู้อื่น (Transition Figure)

ผู้บริหารที่ดี จะต้องมีหลักการบริหาร 5 ข้อ คือ

Personal Mastery มุ่งสู่ความเป็นเลิศ – สมอง (ความคิดสร้างสรรค์) – innovation


Mental Models วิธีคิดมุมมอง – channel (ช่องทาง) เช่น ตัวอย่างสินค้า เช่น แชมพู เป็นต้น
Shared Vision ประสานวิสัยทัศน์ – แบ่งปันความคิด – เรียนรู้นิสัยใจคอกัน
Team Learning เรียนรู้การทำางานเป็นทีม (Top – Down/ Down – Top)
Systems Thinking (คิดเป็นระบบ)

อุปนิสัยที่ 2 Begin with the End in Mind เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ(Mental creation precedes physical
creation)
จิต คือผู้เดินทางอยู่เหนือมิติแห่งกาลเวลา ทุกอย่างเริ่มต้นที่จิต
เจตนา เป็นเครื่องชี้กรรม ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม
ความสำาเร็จ เริ่มต้นจากก้าวแรก เริ่มสะสมความสำาเร็จด้วยระยะเวลาที่ท่านไปอย่างสมำ่าเสมอ
You are what you think.
การเรียน คือ ฟังด้วยหู การอบรม การพัฒนา
/ /
ความร่วมมือเป็นทีม ความคิดที่ช่วยกันแก้ปัญหา ความรับผิดชอบหน้าที่ตนเองให้ดี
การที่มนุษย์จะประสบความสำาเร็จในสิ่งต่าง ๆ ได้จำาเป็นต้องเปลีย
่ นวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
(
อย่าติดกับกรอบความคิด สิ่งที่เราเห็นแล้วคิด เกิดความเข้าใจไปเอง ซึ่งอาจจะเป็นไปไม่ได้ )
มนุษย์ควรหาความสามารถ เพื่อทำาให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เราจะทำางานให้เหมือนว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
Think smart – ชี้เฉพาะ วัดได้ เป็นไปได้ เชื่อถือได้ มีตัวตน
จินตภาพ = Mind Map
วันใดที่คิดอยากจะทำาอะไรที่ดี ให้เขียนไว้เพื่อให้จำาได้ และต้องทำาให้สำาเร็จ ระวังทัศนคติที่ทำาลายตัวเอง เช่น
ขี้เกียจ ท้อแท้ พลัดวันประกันพรุ่ง วิตกกังวล ฯลฯ เ พราะจะทำาให้เราไม่สามารถไปถึงความสำาเร็จได้
การปรับเปลีย ่ นกรอบความคิด โดยมีหลักการ คือ ทำาความดี ละเว้นความชั่ว ทำาจิตใจให้บริสุทธิ์ เข้าใจถึง
ความไม่เทีย ่ งแท้ ฯลฯ
สมองมี 2 ซีก คือ ซีกซ้าย (ปัญญา) ซีกขวา (อารมณ์) การฝึกสมองด้านขวาโดยจินตนาการให้แข็งแกร่ง
ทำาให้เห็นภาพได้ชัดเจน
อย่ายึดมั่นถือมั่นจนกลายเป็นคนหลงและผิดพลาด ยึดกับกรอบของตนเอง
- -
ยุทธศาสตร์ วางแผน – ตัดสินใจทำา คาดการณ์ว่าจะเพิ่มกี่ % - คิดว่าจะทำาอย่างไร-ลงมือทำา
- การเริ่มต้นที่จุดมุ่งหมายในใจ คือ การสร้างหรือวางแผน การออกแบบ และ
วางโครงร่างสำาหรับสิ่งที่เราต้องการจะเป็น ก่อน โดยคิดหลายๆ ทางเลือก และ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดในใจก่อน
แล้วค่อยนำาความคิดนั้นมาปฏิบัติ ให้เกิดผล ตามความคิดหรือสิ่งที่เราคาดหวังไว้
- การฝึกฝน อุปนิสัยที่ 2 นี้ ต้องเริ่มต้นที่ ต้องตั้ง Personal Mission ก่อน แล้ว จาก Personal Mission ค่อยๆ
แตกมาเป็น Activity ย่อยๆ ในการทำาอะไรในแต่ละช่วงของชีวิต และ ทบทวนสิ่งที่เรากระทำาว่า support หรือ

เป็นไปตาม Mission ที่เราอยากได้ หรือ อยากเป็น หรือไม่

- นิสัยข้อนีเ้ ป็นการสร้าง ความปรารถนา และแรงจูงใจ ให้ทำาในสิ่งที่เราควรจะทำา แต่เรามัก


ผลัดวันกับตัวเองเสมอ
3 Put First Things First ลำาดับความสำาคัญก่อนหลัง (Effectiveness requires balancing important
อุปนิสัยที่

relationships, roles, and activities.)


- อุปนิสัยนี้เป็นการฝึก การบริหารเวลา โดยต้องจัดลำาดับความสำาคัญของงาน โดยจะโยงมาจาก Personal
Mission คือทำาในสิ่งที่ support mission ชีวิตที่ประสบความสำาเร็จนั้น ต้องเรียงลำาดับความสำาคัญก่อนหลัง คือ
คิดว่าจะทำาอะไร ทำาอย่างไร เริ่มจากอะไรก่อน โดยตอบรับในสิ่งที่ดีและปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ดี ทุกคนมีต้นทุน คือ
24 ช.ม. แต่ต่างกันในการใช้เวลาให้มีคุณค่าและเป็นประโยชน์อย่างไร การสั่งสม
เวลาที่เท่ากัน

(คุณลักษณะที่ดีที่ควรสะสมไว้) การลบล้าง (สิ่งที่ควรเลิก)


ความเมตตากรุณาและสุภาพ
รักษาสัญญา
ทำาตามความคาดหวัง
ซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ไม่อยูใ่ นเหตุการณ์
กล่าวขอโทษ คำาทักทาย คำาขอบคุณ
เอาใจใส่คนในครอบครัว พูดคุย
รับประทานอาหารร่วมกัน
นอนให้ได้วันละ 6 ช.ม. เต็ม
ออกกำาลังกายทุกวัน ๆ ละ 15 นาที

สงบจิตใจทุกวัน ๆ ละ 15 นาที

อ่านหนังสือทุกวัน ๆ ละ 30 นาที ความโหดร้าย ความหยาบคาย และอบายมุขต่าง ๆ


ไม่รักษาสัญญา
ทำาลายความคาดหวัง
ไม่ซื่อสัตย์และตีสองหน้า
ยโส หลอกลวง
ทะะเย่อหยิ่งดูละครโทรทัศน์จนดึก
ผลัดวันประกันพรุ่ง
ทะเลาะกันในครอบครัว
เอาความเครียดจากงานมาระบายกับคนในบ้าน
- ใช้หลักในการแบ่ง สิ่งที่ต้องทำาออกเป็น 4 ส่วนคือ
I. สำาคัญ และ เร่งด่วน (Emergency Job)
II. สำาคัญ แต่ ไม่เร่งด่วน (Planing Job) ถ้า Plan ไม่ดี จะกลายไปเป็น ข้อ I
III. ไม่สำาคัญแต่เร่งด่วน (Yes Man คือ ใครชวนทำาอะไร ทำาหมด)
IV. ไม่สำาคัญ และ ไม่เร่งด่วน (สิ่งบันเทิง ที่เกินความจำาเป็นในชีวิต ) ต้องเลิกทำา
1. Urgent (เร่งด่วน) Important (สำาคัญ)
เช่น วิกฤตการณ์ การแก้ปัญหางานเฉพาะหน้า 2. Unurgent (ไม่เร่งด่วน) Important (สำาคัญ)
เช่น การวางแผน การพักผ่อนหย่อนใจ การวางแผน

3.Urgent (เร่งด่วน) Unimportant (ไม่สำาคัญ)


เช่น การรับโทรศัพท์ รายงาน ปิดประชุม 4. Unurgent (ไม่เร่งด่วน) Unimportant(ไม่สำาคัญ)
เช่น การดูละครโทรทัศน์ กิจกรรมเสียเวลาต่าง ๆ

- สรุป คือต้องเลือกทำาในข้อ I & II และ พยายามอย่าปล่อยให้ ข้อ II กลายมาเป็นข้อ I (Try to Keep Schedule)
Permanent change – Result/Action/Think/Idea/Conditioning
Strategy – Change Condition/New Idea/Positive Thinking/Focus Action/Better Result
Put First Think First คือ หน้าที่เราทำาอะไร ให้ทำาตามนั้นเป็นอันดับแรก ให้ได้ Productivity
อุปนิสัยที่ 4 Think Win-Win (Effective long-term relationships require mutual benefit)

- แสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน
- ให้ความร่วมมือ ไม่ใช่แข่งขันชิงดีกัน
- เน้นการฟัง ใช้เวลาในการสื่อสารกันให้ยาวนานขึ้น และ พูดคุยกันด้วยความกล้าแสดงออก
- จุดประสงค์ ของ การฝึกนิสัยที่ 4 คือ การสร้าง ความเชื่อซึ่งกันและกัน (Interpersonal Thrust )
หากเราคิดชนะ วันหนึ่งเราก็ต้องแพ้ หากเราปรองดองกันมีแต่ ชนะ-ชนะ
เราควรฝึกให้คนคิดและต้องการสิ่งนั้นด้วยตัวเขาเอง

วุฒิภาวะ คือ
การแสดงความคิดและความรู้สึกของตนเองด้วยความกล้าแสดงออกและด้วยความเอาใจใส่ต่อความคิดและควา
มรู้สึกของผู้อื่น
Character (คุณลักษณะ) + Competence (ความรู้ความสามารถ) นำาไปสู่ Trustworthiness (ความน่าไว้วางใจ)
นำาไปสู่ Trust (ความไว้วางใจ) รวมกันเป็นความสัมพันธ์ (Relationship)
(Effective Habits Internalized Principles and Patterns of Behavior) ประกอบไปด้วย
นิสัยที่มีประสิทธิภาพ

Knowledge & Skill (What to, Why to)


Skills (How to) ทำาซำ้า ๆ กลายเป็น Habit (นิสัย)
Desire = I want to (ความต้องการ)
กรอบความคิด คือ สิ่งที่เห็นเข้ากระบวนการความคิด ประสบการณ์เฉพาะบุคคล ค่านิยมเฉพาะคน
สิ่งที่เป็นความใฝ่ฝันของตน ออกมาเป็น กรอบความคิดเฉพาะของตนเอง
กรอบความคิด หรือ กระบวนทัศน์ (Paradigm) เป็นวิธีการที่บุคคลรับรู้ มองเห็นเข้าใจ
และตีความโลกที่อยู่รอบตัว เปรียบเสมือนแผนที่ในใจ บุคคล เป็นผลผลิต ของ การเรียนรู้ และ ประสบการณ์
และไม่มีบุคคลที่สองที่จะมีความรู้แบบเดียวกัน ดังนั้น จึง
ไม่มีบุคคลสองคนที่จะตึกรอบความคิดลักษณะเดียวกัน
กรอบความคิด เป็นสิ่งที่ทำาให้เราเกิดการการกระทำา ส่งผลต่ออนาคตของตนเองและผู้อื่น
คนจะต้องคิดและควบคุมความคิดให้ได้
การกระทำาอย่างเดียวกัน บางคนมีความสามารถในการทำางานให้เสร็จเร็วหรือช้าต่างกัน
ขึ้นอยู่กบ
ั ความสามารถในการตัดสินใจของแต่ละคน คนที่อยู่ขา้ งหน้า มีผลต่างจากคนที่อยู่ข้างหลัง รางวัลที่ได้
มีผลต่างกันมหาศาล แม้วา่ จะทุ่มสุดตัว เช่น การวิ่งแข่ง ที่ 1 มีความแตกต่างจากที่ 2 ดังนั้น
เราจะต้องคิดให้ทันกับการการเปลี่ยนแปลงของโลก
ความผิดที่ไม่ก่อความเสียหายในทางศีลธรรมไม่ถือว่าเป็นสิ่งเลวร้าย ความผิด คือ สิ่งที่ทำาให้คนก้าวหน้าจาก
การพัฒนาสิ่งที่ผิด ให้ทำาถูกและดีขึ้น
ปัจจุบัน สิ่งที่เราต้องคำานึง คือ เป้าหมายสูงสุดที่ให้ผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้น สิ่งที่ต้องเปลี่ยน คือ วิธีการ
อย่ายึดวิธีการเดิม ๆ ที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้

ความสำาเร็จ คือ มีชีวิตเป็นอิสระ ที่เกิดจาก ความมุ่งมั่นให้ได้เป้าหมาย (Mission) + สิ่งที่ต้องการจะไป (Vision)


+ พลังผลักดัน (Passion)
การเรียนรู้ คือการเปลี่ยนแปลงการกระทำา เกิดเป็นพฤติกรรมแล้วเกิดการเปลีย
่ นแปลง คือ ความรู้
ดึงความคิดที่เป็นนามธรรมมาเป็นการกระทำา ซึ่งเป็นรูปธรรม
กรอบความคิดใหม่ คือ ทำาวิกฤติให้เป็นโอกาส
การว่าใคร ให้คิดเสมอว่า เราเอากรอบความคิดเราว่าเขา = เราว่าตัวเราเอง
กรอบความคิด สร้างจากอารมณ์ + ความคิด
ทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้ ทุกคนต้องเปลีย
่ นแปลงให้เข้ากับสิ่งที่เปลีย
่ นไปตลอดเวลา
Principle = หลักการที่เป็นจริงไม่เปลีย่ นแปลง ไม่ขึ้นกับเวลาและสถานที่
ถ้าไม่มีการสูญเสีย จะไม่มีการได้มา ต้องเสียสละ อดทน จึงจะได้มา นี่คือหลักการ
Independence = การพึ่งพาตนเองได้ Interdependence นำาไปสู่ Globalization การผูกพันพึ่งพาคนหนึ่งคน
มีผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น ให้ระลึกไว้เสมอว่า “เราจะร่วมกันทำาอย่างไรดี”
สงบจิตใจวันละ 15-30 นาที ทบทวนสิ่งที่ทำาในแต่ละวันทุก ๆ วัน สร้างภาพความสำาเร็จของตนเองให้ชัดขึ้นทุก
ๆ วัน – กล้าพูด กล้าทำา
คนพยายามมองโลกอย่างที่ต้องการเห็น ไม่มองอย่างโลกที่เป็นอยู่
คุณลักษณะ (Character) + ความรู้ความสามารถ (Competence) นำาไปสู่ ความน่าไว้วางใจ (Trustworthiness)
และนำาไปสู่ความไว้วางใจ (Trust)
การทำางานร่วมกันอยู่ตรงที่ว่า รู้จักเอาวัตถุประสงค์ของงานเป็นหลัก ไม่ใช่เอาเรื่องใจชอบหรือไม่ชอบเป็นเกณฑ์
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดอยู่กบ
ั ที่ไม่ว่าบุคคลหรือวัตถุ ปัญหาอยู่ที่ว่า
จะคิดและทำาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร นักต่อสู้ที่แท้ ย่อมไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง
รากฐานความก้าวหน้า 5 ประการ (5 Pillars) คือ
Productive – ผลผลิตขององค์กร เป็นตัวชี้วัดความสามารถของผู้บริหารและบุคคลในองค์กร
Participate – การร่วมมือการยอมรับ การพึ่งพาซึ่งกันและกัน การให้ความร่วมมือที่ดีต่อกัน
Positive – ความคิดบวก การมีมุมมองที่กว้างไกล มองโอกาสที่ซ่อนตัวอยูใ่ นปัญหาทุกปัญหาได้ออก รู้จักคิด
ความคิดเป็นตัวเริ่มต้นที่จะจุดประกายไฟทุกอย่าง
ความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ให้คนทำาอะไรที่เป็นประโยชน์
Patriotic – ความผูกพันความรัก ความเสียสละให้กับองค์กร เพื่อให้บริษัทอยู่ได้ เราก็อยู่ได้
Professionals – การเป็นมืออาชีพ จะต้องอาศัยปัจจัยสำาคัญ คือ ตาถึง - ต้องมองอะไรกว้าง มองไกล มองลึกซึ้ง
มองให้เห็นที่มาที่ไป มองเห็นภาพรวมภาพย่อย มองเห็นความชัดเจนของข้อมูล การมองกว้าง –
ความลึกซึ้งเป็นเรื่องของประสบการณ์และทักษะจะต้องมีควบคู่กันไป มองเห็นรายละเอียด
เห็นที่มาที่ไปโปร่งใส

ใจถึง – กล้าตัดสินใจ แต่จะต้องตัดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด


มือถึง – ทำาอะไรต้องเก่ง หากเราไม่เก่ง ก็ขอความร่วมมือจากบุคคลอื่น ๆ ได้
เพียงใช้ศิลปะการเข้าไปนั่งในใจคนให้เป็น
เงินถึง – เงินในที่นี้ หมายถึง สมองมนุษย์ คนมีสมองก็เหมือนมีเงิน
เศรษฐีของโลกรำ่ารวยมาจากการใช้สมองมากกว่าขนเงินมาลงทุน
บุญถึง – เป็นคนมีความสุข จิตใจสงบ ทำาดี ผลมาย่อมดี

คนที่เข้มแข็ง อดทน และเชื่อมั่นเท่านั้นที่จะยืนอยู่บนฝั่งแห่งความสำาเร็จได้


ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Responsive Listening Skills)
โดยไม่ใช้คำาพูด โดยใช้คำาพูด
- ฟังอย่างสนใจ
- มีสีหน้าที่เอาใจใส
- สบตา
- พยักหน้า
- เอนตัวมาข้างหน้า
- เล่าต่ออีกซิครับ/ค่ะ่่
- อ้อ/ งั้นหรือ/ จริงหรือ
- ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ…กรุณาเล่า อีกครั้งได้ไหมครับ

เทคนิคการใช้สูตร Taking the heat ในการรับฟัง

H - Hear them out (ตั้งใจรับฟัง)


E - Empathize (แสดงความเห็นอกเห็นใจ)
A - Apologize (ให้อภัย)
T - Take responsibility for action (รับผิดชอบในการแก้ไข)

5 Seek First to Understand , Then to Be Understood (การวินิจฉัยโรคต้องมาก่อนการจ่ายยา


อุปนิสัยที่

ความเข้าใจได้มาจากการฟัง)

- อุปนิสัยนี้ เป็นการฝึก การฟัง โดยพยายามให้เป็นการฟังแบบ เข้าอกเข้าใจกัน


- มักจะพบว่าในองค์กร มีคนที่มักจะ ตัดสินใจ หรือ ออกคำาสั่ง โดยยังไม่ได้ ทำาความเข้าใจกับ สิ่ง ที่ผู้สื่อสาร
ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือ เพื่อนร่วมงาน ต้องการให้เราเข้าใจ
6 Synergize (ผลรวมที่ได้รับทั้งหมดมีค่ามากกว่าการเอา แต่ละส่วนมาร่วมกัน)
อุปนิสัยที่

- ถ้าเราสามารถ ฝึก อุปนิสัยที่ 4 และ 5 ผ่านแล้ว จะทำาให้เราสามารถ ผนึกพลังแนวความคิด


ที่แตกต่างของแต่ละคน มาช่วยกันเป็นจุดเสริม เป็นทางเลือกใหม่ ทีมีประสิทธิผลมากขึ้น
- ผลรวมทั้งปวงจะมากกว่าการเอาแต่ละส่วนประกอบมาบวกกัน เช่น การเกิด Synergize
ไม่ใช้การหารือร่วมกันเพื่อเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่งของแต่ละคน แต่เป็นการนำา
ข้อดีของแนวทางของแต่ละคน มารวมกันเป็นทางเลือกใหม่ ให้มีประสิทธิผลการขึน้
กว่าการนำาแนวทางของแต่ละคนมารวมกัน
7 Sharpen the Saw (Production (results) requires development of Production Capability
อุปนิสัยที่

(resources) )
- เป็นการฝึกฝนอุปนิสัยทั้ง 6 ให้คมอยู่เสมอ โดยแบ่งเป็น
การฝึกฝน ด้านกายภาพ (ทำาร่างกายให้สมบูรณ์)

การฝึกฝน ด้านสติปัญญา (อ่าน หนังสือ หาความรู้ใหม่อยู่เสมอ)

การฝึกฝน ด้านจิตวิญญาณ ( ทำาสมาธิ หรือ การใช้เวลากับธรรมชาติ)


เสียอะไรเสียได้อย่าเสียใจ เพราะมันหมายถึงการสูญสิ้นทุก ๆ อย่าง
อดีตจบไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง ทำาปัจจุบัน ขณะจิตให้ดีที่สุด
ความคิดมีตัวตน คนจะเป็นอย่างที่คิด จงพูดอย่างที่คิดและทำาอย่างที่พูด

You might also like