You are on page 1of 48

5 ซ.ชยางกูร42.2 ถ.

ชยางกูร
ต.ในเมือง อ.เมือง
จ.อุบลราชธานี
34000
กันยายน 2552

เรื่อง ขายตนฉบับ
ถึง ทานที่เปดโอกาสใหนําเสนอทุกทาน

ดิฉัน เรืองรัตนจันทร สุญญตา กะตาศรี มีตนฉบับเรื่อง กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ เปนเรื่องเกี่ยวกับการ


ถายทอดความตองการของสิ่งมีชีวิตตอสิ่งอื่น และของเกี่ยวกับการใชพระเดชกับพระคุณที่สามารถจัดรูปแบบได
จึงจินตนาการออกมาในแนวภาพของครึ่งคนครึ่งสัตว เรื่องนี้อานแลวเหมือนสองกระจกเห็นความตองการขางใน
หัวใจที่มีทั้งคนทั้งสัตว ในรูปแบบที่เหมือนและตางกันได ไมแนะนําวาเปนแนวทางยึดถืออยางใด แคเขาใจความ
ตองการของสิ่งมีชีวิตในแบบที่เลือกไดคะ จึงสงตนฉบับมาใหอานและคัดเลือก
หากทานสนใจจะนําตนฉบับเรื่องนี้จัดพิมพและจําหนาย กรุณาติดตอดิฉันทางอีเมล
suyyadha@yahoo.com หรือโทร.0823759423,0816699232 นอกจากนี้ทานจะเลือกตนฉบับเรื่องอื่นที่ดิฉันเขียนไวได
โดยเลือกดูในwww.scribd.comและใชคําคนดวยคําวาsuyyadhaจะไดอานตนฉบับทั้งแนวปรัชญา กําลังใจ ขําขัน
วิถีชีวิต ความสุขและแรงบันดาลใจเชน สุขบางทุกขบางตั้งแตเกิด ไขกับชีวิต อวัยวะหาเรื่อง เวลานาฬิกาชีวิต
บานนาอยูเปนบานแบบของใคร ดอกไมสีขาวกับแจกันที่คูควร ลมหายใจแหงการเดินทาง อินทรีสาวเจาถิ่น
happy ? be distressful ? since be born , an egg and the life , an organ makes trouble, time clock life , a house

is livable very like [ model ] , Whose, white flower with the vase that fits, breath is trave , young eagle is
influenced person of the area ทุกเรื่องพรอมจะจัดพิมพและจําหนายคะ

ดวยความนับถือ
สุญญตา
กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ

1.เงือก@ผูหญิงมีลําตัวสวนลางและหางเปนปลา
2.กินรี@ผูหญิงมีปกและขากับหางเปนนก
3.ครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก
4.สฟงซ@คนมีลําตัวเปนสิงห
5.เซนทอร@ลําตัวสวนบนเปนคนสวนลางเปนมา
6.เมดูซา@ผูหญิงมีผมเปนงู
7.ลาเมีย@ผูหญิงมีลําตัวเปนงู
8.ไวเวิรน@มังกรแปลงรางเปนหญิง
9.พิกซี่@ลักษณะเหมือนคนขนาดเล็กมีปกแบบแมลง
10.มิโนทอร@ลําตัวสวนบนเปนคนสวนลางเปนกระทิง
เงือก@ผูหญิงมีลําตัวสวนลางและหางเปนปลา

สิ่งมีชีวิตจงอยามีเวรซึ่งกันและกันเลย เพราะมีชีวิตจึงเกี่ยวของดวยเวรไดทุกเวลา ในความตองการของ


คนและสัตวนั้นมีสิ่งที่ตองการเหมือนกันเรื่องความสงบเย็น ดุจดั่งเงือกที่มีความเปนอยูดวยความสงบ เยือกเย็นทั้ง
กายและใจ คนที่มีความตองการพอๆกันในความเปนอยูอันสงบเยือกเย็นกายและใจ ยอมที่จะไมใชพระเดชแตมุงใช
พระคุณ แมจะไมเปนพระคุณทุกเมื่อก็คงพยายามใหคุณมากกวาโทษ โทษที่มีตอสิ่งไมมีชีวิตนั้นก็คงเสมอดวย
ความไมมีชีวิตนะจะ แตวาโทษซึ่งมีตอสิ่งมีชีวิตนั้นยอมบั่นทอนความมีชีวิตลงไดไมมากก็นอย และอาจถึงแก
ชีวิตลงไป เวรซึ่งกันและกันเกิดมาจากความตองการของสิ่งมีชีวิตที่ทั้งจงใจใหเกิดเวรแกสิ่งอื่นและไมจงใจจะ ถา
จงใจจะกอเวรซึ่งกันและกันก็คงตองตั้งใจใชสวนหนึ่งสวนใดในรางกายกระทําตอสิ่งอื่นละ ไมวาทางกาย วาจา ใจ
ซึ่งระหวางสวนที่เปนคนกับปลา ก็เห็นวาสวนบนทําเวรไดถนัดกวามั้งจะ ฉันไมอคติกับสวนไหนเพราะเปน
สิ่งมีชีวิตเทาๆกัน แตความถนัดนั้นตางกันนะจะ พระเดชกับพระคุณนั้นถาถนัดอยางแรกก็เปนเวรซึ่งกันและกัน เมื่อ
เปนเวรแลวมันก็ไมมีมากมีนอยหรอกจะ เวรก็คือเวรและยอมจะมีนายเวรเปนสิ่งตอบแทน สวนพระคุณนั้นแมไม
ถนัดมันก็เปนธรรมชาติและไมดัดจริตแบบวาถาใหคุณแลวก็ไมเปนโทษเกิดเวร นายเวรก็ไมตองมีละจะ เรื่องที่ตอบ
แทนนั้นเมื่อไมใชนายเวรมันก็สงบดีอยูแลว ไมตองเรียกรองสิ่งใดก็คุมคุณจะ
ผูไมมีเวร ยอมที่จะดํารงตนอยูเหนืออารมณและความตองการ ฉันอาจจะหลีกเลี่ยงที่จะกลาวถึงเรื่องของ
ความตองการไมไดเพราะมันเปนสิ่งที่มีอยูในสิ่งมีชีวิต และอาจทําใหรูสึกกระทบความรูสึกในขณะอานอยูนี้ แต
ถาไมรับรูความตองการที่มีในสิ่งมีชีวิต และอารมณความรูสึก ก็จะเขาใจสิ่งมีชีวิตเพียงแคเรื่องที่ไมพนเวรซึ่งกัน
และกันทั้งรูตัวและไมรูตัว สิ่งมีชีวิตจะเปนสุขก็คงไมใชดวยเวรมั้งจะ ฉันรูสึกเลยจะวาผูไมมีเวรยอมมีความสุข
เปนผูไดรับความสุขจากการปราศจากการตอบแทนที่เปนนายเวร ยอมเย็นกายเย็นใจเหมือนปลาที่สัมผัสน้ํา สวนที่
เปนปลงคงชวยดึงใหอยูอยางเยือกเย็นทั้งกายและใจ แบบวาจะทําตามถนัดของคนก็คงลําบากอยูมั้งจะ คงมีความ
ระงับความรอนรุม รอนรน พลุงพลานอยูในตัว คอยดึงใหเย็นเขาไว ดังนั้นการจะทําสิ่งใดที่เปนคุณหรือโทษก็คง
จะไมผิดพลาดหรือพลั้งไปมั้งจะ ลักษณะความตองการที่เปนปลานั้น ฉันคิดวาหนีรอนจะ ก็ไมเห็นเงือกเพนพาน
บนบกนี่จะ การมีสวนที่เปนปลาในตัวก็ไมทําใหความมีชีวิตหายไปและยังคงมีชีวิตเต็มตัวเทาเดิมจะ สวนที่เปน
หางปลาก็มีชีวิตนะจะ มีความเปนสิ่งมีชีวิตที่ไมตางไปจากความมีชีวิตเทาเดิม ตางแคความถนัดนะจะ ถาใชความ
ถนัดในดานเปนคุณทั้งสองสวนก็เย็นกายเย็นใจ ไมเดี๋ยวรอนเดี๋ยวเย็น ผูที่ใชชีวิตอยางเงือกอยูในน้ํานั้นจะทําอะไร
คงไมพนตัวจะ เพราะทําไปแลวมันก็ละลายในน้ําอยูดี ดังนั้นถาไมสงบเยือกเย็นก็อาจทําในสิ่งที่เปนสารละลายทํา
ใหน้ําขุนและเดือดรอนเอง ตองวายจมอยูในผลการกระทําของตนเองจะ เปนเชนเงือกก็คงตองรักน้ําพอๆกับรัก
ตัวเองมั้งจะ
เมื่อไมหวังในทุกขแลว สิ่งที่มีชีวิตไมควรเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย การเบียดเบียนจะเกิดขึ้นจากพระคุณ
คงไมมีหรอกจะ แตพระเดชนั้นไมมีเวนจากการออกแรงทั้งเบียดทั้งเบียน ลักษณะสวนหางปลาคงเปนสวนที่ใช
สําหรับเคลื่อนตัวมากกวาไปเกี่ยวของกับสิ่งอื่นมั้งจะ ถาจะใชพระเดชคงเปนการใชในสวนบนนะจะ การมีชีวิต
อยูรวมกันในรางเดียวของคนกับปลาเหมือนเอาพื้นที่เปนบกมาอยูรวมกับพื้นที่เปนน้ํา คงเปนชีวิตที่ไมแหงไดสนิท
และไมไดมีแตน้ํามั้งจะ แตมีความตองการและสนองความตองการแบบใชพระเดชไปครึ่งตัวละจะ ซึ่งก็คงรูสึก
กลัวแลงน้ําอยูดวยจึงตองอยูในน้ําอยางสงบเยือกเย็น หลีกเลี่ยงการเบียดเบียนหรือใชพระเดชจะ ฉันวาคนเต็มตัวก็
สัมผัสความเย็นกายเย็นใจไดเหมือนรูสึกกลัวแลงน้ํา คือไมใชอารมณมากจนพุงปรี๊ดเหมือนปลากระโดดออกจาก
น้ํานะจะ สวนที่เปนหางปลานี่แหละที่ดึงไมใหกระโจนออกจากน้ํา ฉันจึงไดขอคิดจากเงือกวา ชีวิตเลือกได ทั้ง
อยูเย็นเปนสุข ทั้งรุกเราเรารอน ไมจําเปนตองมีหางเปนปลาก็คงพอจะเลือกใชชีวิตอยางเย็นกายเย็นใจไดนะจะ
พระคุณนั้นนอกจากมีฤทธิ์ตอผูรับแลวผูใชก็ไดความเย็นกายเย็นใจดวยจะ เพราะการที่จะใชสิ่งใดในชีวิตไดก็ยอม
ตองมีสิ่งนั้นในชีวิตอยูแลว การใชพระคุณกับสิ่งอื่นก็ยิ่งเปนการเพิ่มศักยภาพ พัฒนาสวนที่เปนคุณในตัวใหคงอยู
ไมเสื่อม หรือฝอไปนะจะ ยิ่งใชพระคุณกับสิ่งอื่น ตัวผูใชก็ยิ่งมีความเปนคุณมากขึ้น ตรงขามกับการเบียดเบียนดวย
พระเดช มันจะเพิ่มในสวนที่เปนโทษ กลายเปนพิษสงเบียดสวนที่เปนคุณฝอไปไดจะ ความรูสึกในความเราใจ เรา
รอนยอมรุนแรงดวยพระเดช และเผาผลาญไปในตัวดุจไฟที่ลุกโชน อาจจะแลงน้ําไดมั้งจะ
ความตองการของสิ่งมีชีวิตนั้น บางครั้งทําใหกระทําตอสิ่งอื่นอยางไมละเวน ทั้งดวยกาย วาจา ใจ เพราะ
รูสึกถึงความตองการที่มีในตัววาตองทําใหหายตองการใหได จึงไปจบความตองการลงดวยสิ่งอื่น นั่นเปนเรื่องที่ไม
ควรเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ฉันคิดวาทั้งสวนที่เปนปลาและคนคงมีความตองการทั้งสองสวนจะ ดังนั้นเงือกก็
คงมีความตองการแบบผสมผสานนะจะ ซึ่งจะทิ้งบกหรือทิ้งน้ําก็ไมรูสิจะ แตสําหรับคนเรานั้น ก็อาบน้ําแมจะอยู
บนบกละจะ อยางนอยก็เปนการชําระลางคราบไคลไมใหสะสมจนสกปรก เปนการเบียดเบียนทั้งตัวเองและผูอื่น
แมอยูบนบกก็ตองการน้ําจนเปยกทั้งตัวอยางเปนคุณนะจะ แตคงลงไปแชในน้ําอยางปลาไมไหวเพราะน้ําจะเปน
โทษตอชีวิตได เงือกที่ใชชีวิตในน้ําคงสะสมคุณจากน้ํามากโข ถาบังเอิญเห็นเงือกคงเปนโชคดีจะ แตหากไมได
เห็นเงือกเลยชีวิตก็คงหาความเยือกเย็นบนบกเอาไดจะ เชน ไมวิ่งเขาชนแตเคลื่อนที่หลบหลีกการชนดั่งหางปลา ก็
ไมเคยเห็นปลาวายน้ําเขาชนกับสิ่งใดนี่จะ ลดการเบียดเบียนลงในทันทีจะ แนวทางเคลื่อนตัวแบบเงือก คงมุงไม
เบียดเบียนซึ่งกันและกันจะ และเปนเรื่องที่ควรใชมากกวาพระเดช
สิ่งที่ชีวิตไมตองการคือความทุกขกายทุกขใจเลยจะ และคงเปนความตองการที่ไมแตกตางกันในทุกชีวิต
ซึ่งลวนเปนเพื่อนที่เกิด แก เจ็บ ตาย ดวยกันทั้งสิ้น สิ่งมีชีวิตจึงเปนเพื่อนที่มีทุกขดวยกันทั้งนั้นจะ ทุกขของ
สิ่งมีชีวิตใดก็เปนทุกขของสิ่งนั้น จะไมมีทุกขทั้งกายทั้งใจก็ตองละจากทุกขเองจะ เปนเพื่อนทุกขหรือเปนเพื่อนที่
ไรทุกขดวยตัวเอง ฉันหวังวาสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตวจะเปนเพื่อนกันโดยปราศจากความทุกข เมื่อดูลักษณะของ
เงือกแลวไมรูวาสวนที่เปนปลากับเปนคน สวนไหนละจากทุกขของตนไดงายกวากัน สําหรับคนเต็มตัวนั้นถามี
ความตองการแบบเงือกก็คงเปนทุกขแบบปลาตายน้ําตื้น ปลาเกยตื้น ปลาขาดน้ํา คงเปนทุกขทั้งกายทั้งใจละจะ เชน
การอยูในสภาพแวดลอมที่ไมอํานวยในการอยูอยางปลอดภัย และมีความสุขกายสบายใจ อาจเปนเพราะเขาไปอยูใน
สภาวะแวดลอมที่ไมเหมาะสมตอตัวนั้นเองแบบปลากระโดดขึ้นจากน้ํา หรืออาจพลัดหลงเขาไปแบบปลาเกยตื้น
ซึ่งสภาพก็ไมตางจากปลาตายน้ําตื้นหรือขาดน้ําจะ ทุกขทั้งกายทุกขทั้งใจ เนื่องจากอยูในสภาพแวดลอมที่ไม
เหมาะสมกับตน ดังนั้นการไมทุกขกายทุกขใจของสิ่งมีชีวิตจึงไมเหมือนกัน บางสิ่งอยูบนบกแลวสุขกายสุขใจ แต
ปลานั้นถาขึ้นบนบกก็ทุกขทั้งกายทั้งใจเลยจะ การไมมีทุกขทั้งกายทั้งใจจึงรูไดดวยตัวเอง เหมือนปลาที่ยอมวายเขา
หาน้ํา และคนก็ตองวายขึ้นบนบกใหพนจากน้ํา หากมัวมองในสิ่งอื่นก็คงเปนไดแคเพื่อนที่มีทุกขอยูในตัวเอง และ
เปนเพื่อนทุกขกันไดไมนอยหนา
เพื่อนทุกขที่เกิด แก เจ็บ ตาย ดวยกันทั้งหมดทั้งสิ้น คงไมตองการไดรับทุกขเพิ่มขึ้นจากสิ่งใดอีกเลย ความ
ตองการนี้คงมีไมมากหรือนอยไปกวากันละจะ การไมเปนเพื่อนทุกขไดก็ดีทั้งตอตัวเองและผูอื่นจะ เมื่อไปที่ใดก็
ไมพกเอาทุกขไปที่นั่นดวย แบบวาเห็นหนาแลวมีความสุข ไมใชเห็นหนาแลวทุกขทะลักทวมตัว ถาเห็นเงือกก็คง
ไมรูสึกทุกขเต็มรอยเปอรเซนตมั้งจะก็ครึ่งหนึ่งเปนคนครึ่งหนึ่งเปนปลา ถาเห็นปลาแลวทุกขก็คงมีสุขยากมั้ง ฉัน
ไมคิดวาสิ่งมีชีวิตจะเปนเพื่อนทุกขกันทั้งปทั้งชาติ คงอยากจะไมมีทุกขกายทุกขใจเลยมากกวานะจะ แตก็ตองละ
ทุกขเอง จึงตองมองดูเพื่อนทุกขพยายามไมมีทุกขกายทุกขใจตามแบบฉบับของตน และไมไปเพิ่มทุกขแกกายและ
ใจใหกันและกัน เหมือนกําลังวิดน้ําออกจากเรือที่อาจจะจมแตขณะเดียวกันเพื่อนทุกขก็เทน้ําเขาเรือ จะรูสึกยังไงละ
จะ เงือกก็เปนทั้งคนทั้งปลา จึงมีทุกขกายทุกขใจเปนเพื่อนทุกขที่คงอยากจะไมมีทุกขกายทุกขใจเลย
เมื่อรูวาทุกสิ่งที่มีชีวิตลวนเปนเพื่อนทุกข ทั้งเกิด แก เจ็บ ตาย ดวยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ก็ยอมที่จะรักษาตนให
พนจากทุกขภัยทั้งสิ้นเสีย เชน ปลาก็คงตองระวังเพื่อนทุกขที่ชอบจับปลากินเปนอาหาร คนที่มีความตองการแบบ
กึ่งๆเหมือนเงือกก็คงมีทั้งทุกขภัยจะ พระคุณเทานั้นที่จะเปนสิ่งชวยใหพนทุกขภัย สวนพระเดชนั้นเปนแรงทั้งเบียด
ทั้งเบียนเกิดทุกขภัยจะ เงือกจึงอยูในน้ํามั้งจะ ฉันก็ไมรูวาจะพนทุกขภัยไดแคไหน แตอยางนอยก็คงไมตองตายน้ํา
ตื้น ดังนั้นคงพบเงือกไดในที่ๆน้ําไมตื้นมั้ง คนที่ไมพลัดหลงไปอยูในสภาพแวดลอมที่ไมเหมาะสมกับตัวก็คง
รักษาตนใหพนจากทุกขภัยไดนะจะ ที่ไหนมีพระเดชที่นั่นไรคุณ สภาพที่ตกอยูภายใตพระเดชก็เหมือนปลาถูกจับ
ขึ้นมาจากน้ําลึก อาจไดอยูในน้ําตื้นหรือขาดน้ํา ชีวิตเมื่อเจอกับพระเดชก็เปนชีวิตที่เจอทุกขภัย สิ่งมีชีวิตยอมรูรักษา
ตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น ดวยการแยกแยะพระเดชกับพระคุณไมใหปะปนกันนะจะ ถาทั้งพระเดชทั้งพระคุณปน
กันอยูมันก็กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ สภาพแบบนี้เชน รักจริงหวังครอบครองเรือนรางทั้งหมดเลย หวังดีประสงคราย
เอาปลามาแลกหวังไดเพชรของคนอื่นกลับไป ตบหัวลูบหลัง มีกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณตามความถนัดหลากหลาย
แบบจะ เพื่อนทุกขจึงเปนเพื่อนที่มีทุกขดวยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แมทั้งคนทั้งสัตวจะตองการรักษาตนใหพนจากทุกข
ภัยทั้งสิ้น แตถาไมเปนไปในแนวทางเดียวกัน ไมรวมกันแลว ก็คงมีความเปนกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณอยูนั่นแหละจะ
ฉันวาเงือกคงไมจับหางตัวเองเปนอาหาร แตปลาอาจถูกคนเลี้ยงไวเปนอาหาร ซึ่งคงไมตองเปนเงือกจึงจะเปน
แนวทางเดียวกันไดมั้งจะ
สําหรับเรื่องกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณนี้ หลีกเลี่ยงที่จะใชแคพระเดชหรือพระคุณยากมั้งจะ เหมือนเงือกที่มี
ความตองการผสมผสานทั้งคนทั้งปลา ทั้งเปยกทั้งแหง คนลวนๆก็ยังใชทั้งพระเดชทั้งพระคุณแมไมมีสวนไหนเปน
ปลาก็เถอะ ทั้งตองการใชพระเดชและพระคุณ แตถาใชชีวิตแบบเยือกเย็นบอยกวารอนรุมก็คงคลายเงือกอยูในน้ํา
มากกวาบนบกจะ ก็มีทั้งกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ แบบรูรักษาตัวใหพนจากทุกขภัยบนบกเลยอยูอยางเยือกเย็นในน้ํา
ฉันวามันกึ่งๆจะ แบบวาใชพระเดชก็เต็มที่ไมได เพราะน้ําละลายหมดละมั้ง ใชพระคุณก็คงไมเต็มที่เหมือนกัน
ดังนั้นเมื่อเปนคนเต็มตัวก็ใชพระเดชพระคุณไดเต็มที่ไมมีเจือจางจะ แตถาใชทั้งสองอยางเลยมันก็เปนแนวทางกึ่ง
พระเดชกึ่งพระคุณ แบบกึ่งๆนะจะ ทั้งคนทั้งปลาคงมีความตองการและความถนัดเฉพาะตัว แตทุกสิ่งนาจะตองการ
เพื่อนที่ไมมีทุกขมาใหจะ พระเดชคงไมเปนที่ตองการและคงไมมีผูใดใชพระเดชกับมิตรมั้งจะ นอกเสียจากจะเปนผู
ไมรูจักวาพระเดชควรใชอยางไรนะจะ แสดงพระเดชกับมิตรก็คงเห็นมิตรอยางไมเปนมิตรและเปลี่ยนมิตรเปนตรง
ขามมั้งจะ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจึงเปนการใชพระเดชพระคุณแบบไมเสมอกับความเปนผูใชเต็มตัว เงือกจึงไมคอย
ปรากฏตัวสูกับพระเดชเต็มๆบนบกมั้งจะ
เรื่องเกี่ยวกับเงือก@ผูหญิงมีลําตัวสวนลางและหางเปนปลา สะทอนมุมมองของการใชพระเดชกับ
พระคุณที่กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเทานั้นแหละจะ คนที่มีรางกายเปนคนลวนๆนั่นแหละที่ใชพระเดชเต็มที่และมี
พระคุณใชไดเทาที่มี ปรากฏวาเปนแนวกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ฉันคิดวาเพื่อนทุกขในโลกคงชอบพระคุณมากกวา
พระเดช แตไมยอมละการใชพระเดชในการกระทําตอสิ่งอื่นงายๆ โอกาสใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไมนาจะเปน
โอกาสในการพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นจะ เงือกเปนลักษณะของการพยายามที่จะรักษาตนใหพนจากทุกขภัยดวยการอยู
ในสภาพแวดลอมที่เหมาะสมแกตน และพยายามหลีกเลี่ยงการมีเวรแกกันและกัน หลีกเลี่ยงการเบียดเบียนซึ่งกัน
และกัน หลีกหางจากความทุกขกายทุกขใจ เปนเพื่อนทุกขกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณบนโลกนี้จะ
กินรี@ผูหญิงมีปกและขากับหางเปนนก

สัตวทั้งหลายที่เปนเพื่อนทุกข นอกจากจะมีการเกิด แก เจ็บ ตาย ดวยกันทั้งหมดทั้งสิ้นแลว ถาถูกสาปก็คง


เปนเพื่อนทุกขเหมือนกันจะ ดั่งเชนกินรี ที่ไดรับเวรจากการถูกสาปและกลายจากผูหญิงเปนกินรี กินรีเลยตองอยูกับ
เวรที่ไดรับมาจากการสาปจะ ฉันวาคนเราถาไมพอใจก็สาปแชง เปนการใหเวรแกกันและกันเลยจะ ความเปนอยู
อยางกินรีไมอัตคัตขัดสนพรอมทั้งสมบูรณดวยอาหารและหมูพวกพอง เพราะไดรับเวรจากผูสาปที่รับผิดชอบในคํา
สาปของตนอยูนะจะ คือไมปลอยใหอดอยากแตก็ตองอยูดวยการถูกกํากับควบคุม คงเปนสุขอยางออกแบบเอง
ไมไดนะจะ คนเต็มตัวก็มีบางครั้งที่สรางเวรแกกันและกันแบบรับผิดชอบในเวรที่กออยูบาง เชน การจางหรือใช
แรงงานเถื่อน มีทั้งควบคุมกํากับใหเปนอยูอยางกับถูกสาป แตไมคอยปลอยใหลมหายตายจากจะ คงเพราะแรงงาน
นั้นหายาก การควบคุมกํากับนั้นก็เปนการใชพระเดชแนๆ ไมวามองมุมไหนการใชพระเดชก็สรางเวรแกและกันจะ
เพราะสิ่งมีชีวิตยอมสุขไดดวยตัวเองไมมีพระเดชใดๆจะกระตุนตอมสุขไดหรอกจะ การใชพระเดชควบคุมกํากับก็
กอสุขใหไมไดจะ แมจะไมไดปลอยใหลมหายตายจากแลวจะถือวาไมใชเวรนั้น ก็คงขางๆคูๆจะเพราะมันเปนการ
ผูกชีวิตอื่นใหติดอยูกับเวรชัดๆเลย แบบวาตายก็ไมไดแถมยังตองอยูอยางถูกควบคุมกํากับเหมือนถูกสาปนะจะ
เครื่องมือสรางเวรก็คงเปนอยางอื่นไมมีนอกจากพระเดช บนโลกนี้มีความตองการที่จะเปนอยูแบบถูกสาปเหมือน
กินรีอยูจริงจะ ทั้งดิ้นรนเกี่ยวของกับเวรนั้นเองและถูกบังคับก็มีจะ
สิ่งมีชีวิตจงเปนสุขเถิด อยาไดมีเวรดวยพระเดชตอกันเลย แมความตองการจะเปนสิ่งที่ทําใหสิ่งมีชีวิตนํา
ตัวเองเขามาตามทางที่ตองการอาจจะโดยพลัดหลง และหลงติดอยูในความเปนอยูอยางตองคําสาป แตสิ่งมีชีวิตก็มี
ความรูสึกนึกคิดของตัวไดเมื่อใดที่รูตัวมั้งจะ และเมื่อนั้นคงจะเรียกรองอิสระแกตน ชีวิตที่หลงกาวไปในหนทางที่
ถูกสาปก็มีอยูจริงจะ เชน การหลงเพลินใชชีวิตแบบที่รูสึกพอใจจนลืมอะไรๆไดหมด หากมีขณะหนึ่งที่รูตัวก็คง
อยากเปลี่ยนชีวิตมั้งจะ ถาไมสายเกินไปแบบที่กินรีถูกสาปตองอยูในปาหิมพานตเทานั้นซึ่งอุดมสมบูรณ
เพรียบพรอม แตเปนการถูกสาปจะ ทําใหไดขอคิดจากกินรีวา พระเดชนั้นก็ทําใหหลงใหลไดเหมือนกัน แบบวารู
วาเปนไฟแตพอใจเลนกับไฟมั้งจะ เหมือนไดรับพระเดชแบบตองคําสาปโดยไมรูตัววากําลังถูกใหเวรนะจะ ฉันก็
คิดวากินรีคงอยูในปาหิมพานตอยางไมสนใจโลกภายนอกมั้งจะ มันคลายๆกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจะ เพราะมีทั้งคุณ
ทั้งโทษนะจะ คิดดูเถอะจะวาปกนั้นจะเอาไวทําอะไรบางในเมื่อบินหนีไมได ยังไงก็ตองอยูในปาหิมพานตดวยคํา
สาป สาปกันแบบนี้เลยละจะ คนเราแมไมมีสวนที่เปนนกก็ไดเจอกับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณในชีวิตไดเหมือนกัน
กับกินรีจะ เชน ชีวิตที่ตกที่นั่งสบายกลายเปนนกนอยในกรงทอง หรือชีวิตที่เขาไปเกี่ยวของกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่
ถอนตัวไมได อาจจะเปนเรื่องผิดกฏหมาย ถูกกฏหมายแตผิดศีลธรรม ไมผิดกฎหมายไมผิดศีลธรรมและยึดติดเสีย
แลว คือติดในความพึงพอใจอยางถอนไมขึ้น ก็คงจะกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณละจะเพราะเปนสุขแบบมีเวรติดตาม
แบบวาถาไมใชการเริ่มมาจากใชพระเดชแลวคงไมมีสุขแถมมาและหลงมัวเมาจนถอนไมขึ้นมั้งจะ การทําใหลุม
หลงมัวเมานั้นเปนการใหเวรมั้งจะ
ชีวิตที่ไมไดรับการเบียดเบียนยอมเปนสุข การเปนคนครึ่งนกแมจะเปนคนที่บินไดแตก็ยังมีความตองการ
อยูจะ แบบวาปกไมไดชวยในเรื่องหมดความตองการมั้งจะ ถึงแมปาหิมพานตจะอุดมสมบูรณทั้งอาหารและพวก
พอง ไมเหงาเดียวดายแนๆ แตความตองการก็ยังมีจะ คิดแลวขนาดคนที่บินไมไดยังใชทั้งพระเดชทั้งพระคุณ ถาบิน
ไดเหมือนกินรีก็นาจะถูกกักกันใหอยูในบริเวณจํากัดเผื่อการใชพระเดชพระคุณไมอั้นนะจะ ก็นาจะเขาใจคนสาป
แลวละมั้งจะ คนเต็มตัวนั้นก็มีโอกาสใชพระเดชพระคุณในสถานะเหมือนมีปกบินไดจะ คืออยูในสภาวะไดเปรียบ
ผูอื่นทั้งตําแหนง อิทธิพล ที่ผูอื่นจะตอบโตไดยาก หรือตอบโตไดไมถึงตัว สภาวะเชนนี้มันยั่วยวนใหแสดงพระ
เดชมั้ยละจะ อาจไมสนใจในพระคุณเลยก็เปนได แลวการเบียดเบียนกันและกันจะไมมีไดอยางไร อาจจะถวิลหาผู
สาปใหกํากับจัดสรรพื้นที่ใหอีกรายเหมือนกินรีแลวมั้งจะ แบบที่ถาอยากจะใชพระเดชก็ใชในบริเวณที่ตนตองอยู
นั่นแหละ มันก็คงมีพวกเดียวกันละที่จะไดรับพระเดช ฉันวาเปนการรับผิดชอบในการอนุญาตพอสมควรดวยคํา
สาปนะจะ แมกินรีจะเปนสิ่งที่อยูในจินตนาการ แตโลกปจจุบันก็ไมอยูเหนือจินตนาการแบบที่เขาขายใชกึ่งพระ
เดชกึ่งพระคุณแบบเดียวกันหรอกจะ จึงเห็นไดวามีการจํากัดขอบเขตการใชพระเดชไมวาจะโดยผูใดอยูเหมือนกัน
เชน เมื่ออยูในบานเมืองของตนก็ใชสิทธิไดเต็มที่แตถาไปอยูในบานเมืองอื่นก็ตองเปนเพียงผูเขามาจากที่อื่นจะ
เหมือนกินรีอยูในปาหิมพานตก็เพลิดเพลินเต็มที่จนบินก็ได ใชพระเดชพระคุณไดในปาหิมพานต แตหมดสิทธิ์ใช
นอกปาหิมพานตจะ ชีวิตปจจุบันที่ปาเหลือนอยเต็มทีอาจไมคอยเห็นภาพในจินตนาการชัดนัก แตจะพบเห็นการ
จํากัดการใชพระเดชไดอยางเชน เมื่อขับรถในเขตหามใชเสียงก็จะบีบแตรไมได อาจจะอยูในเขตโรงพยาบาลหรือ
เขตที่ตองใชความสงบไมมีเสียงรบกวน แคบีบแตรมันเปนการใชพระเดชหรืออยางไรใชมั้ยจะ ฉันวาเราบีบแตร
เพื่อใหเกิดเสียงระงับยับยั้งสิ่งอื่นไมใหกระทําสิ่งใดที่เปนอันตรายตอตัวเราและผูอื่นไมใชหรือ ถาไมเปนพระเดช
แลวจะใหจัดวาเปนพระคุณไดมั้ยละจะ การเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ยอมไมเปนความปรารถนาที่จะไดรับแมแต
เสียงแตรในบางบริเวณมั้งจะ
กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณในโลกปจจุบันแบบที่มีการใชจริงไมไดอยูในจินตนาการนั้น คงจะเคยพบเห็นดวย
ตัวเองบางละจะ ปาหิมพานตเปนอยางไรก็สัมผัสเอาจากพื้นที่ๆมีผูไดเปรียบในสภาวะตําแหนง อิทธิพล ที่สามารถ
ใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ แบบหลงใหลมัวเมาไมคิดจะออกจากที่แหงนั้นนะจะ แลวคงนึกเห็นปาหิมพานตชัดไดใน
โลกปจจุบัน ฉันก็คิดวาปาคงไมถูกทําลายดวยพระเดชมั้งจะ แนนอนวาฉันคงไมไปตะลุยปาหิมพานตสกัดการใช
พระเดชของผูไดเปรียบในปาหิมพานตนะจะ เพราะฉันไมไดถูกสาปใหเพนพานในปาหิมพานตมั้งจะ แตฉันเปน
หวงวาถาปาหิมพานตไมสงบสุขดวยการใชพระเดชอยางผูไดเปรียบที่อยูในปานั้นแลว อาจขยายพื้นที่ปาหิมพานต
ออกมารอบนอกแผคลุมพื้นที่อื่นนะสิจะ แบบวาโลกปจจุบันติดตอเชื่อมถึงกันไดงายมาก ฉันก็เลยคิดวาคําสาป
แบบที่ใชกํากับควบคุมกินรีอาจใชไมไดกับผูไดเปรียบผูอื่นในโลกปจจุบันจะ มันจํากัดบริเวณกันยากแลวละในปจุ
บันนี้ ยิ่งเปนผูไดเปรียบทั้งตําแหนง อิทธิพลแลว ยิ่งไมกลัวคําสาปแบบที่กินรียังเครงครัดมั้งจะ ดังนั้นยอมมีการ
ใชพระเดชโดยมีผลเบียดเบียนซึ่งกันและกันไดถึงนอกปาแบบหิมพานตเลยละจะ
ความไมทุกขกายทุกขใจของสัตวโลก เปนสิ่งที่สัตวทุกชีวิตตองการเพื่อความเปนสุขในชีวิต เรื่องทุกขกาย
นั้นอาจพอมีบางสิ่งที่มีชีวิตโชคดีไมคอยเปนทุกข อยางเชนกินรี แบบที่สบายกายจนบินไดละจะ แตทุกขใจยังมี
จะ เหมือนที่กินรีบินไดแตบินออกจากปาหิมพานตไมได คนเรานั้นถาไมมีความพอใจก็ยอมทุกขใจจะ เชน แมมี
ตําแหนง อิทธิพล ไดเปรียบผูอื่น ก็อยากจะทํายิ่งขึ้นไปกวาที่ทําไดอยูในขณะนั้น มันก็ทุกขใจแนๆหากถูกจํากัด
การใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณแคพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โลกทุกวันนี้จึงมีรูปแบบการติดตอสัมพันธกันนอกวงการ แบบ
วาหาชองทางเล็ดลอดใชพระเดชพระคุณโดยไมกลัวคําสาปแบบกินรี เรียกวาเปนการทําตัวเองใหเปนผูกวางขวาง
จริงๆแลวก็เปนวิธีเล็ดลอดออกนอกปาหิมพานตเพื่อบินอยูเหนือผูอื่นอยางกวางขวางยิ่งขึ้นนั่นแหละจะ ซึ่งกินรี
ทําไมสําเร็จมั้งจะ แตคนเต็มตัวนั้นทําไปได ฉันวาโลกทุกวันนี้ไมคอยเครงครัดการควบคุมกํากับการแสดงพระเดช
ทั้งๆที่เรื่องอยางนี้ตองใชพระเดชหรือคําสาปที่รับผิดชอบนั่นแหละควบคุมกํากับจะ พระเดชตองควบคุมกํากับ
พระเดชจะ อยางที่ปาหิมพานตจัดสรรไวใหกินรีอยู คนเต็มตัวถาเขาๆออกๆไดทุกที่ไมจํากัดพื้นที่แตพกเอาความ
ไดเปรียบทั้งตําแหนง อิทธิพลไปกับตัวทุกหนแหงอยางกวางขวางแตไมเครงครัดเหมือนกินรี คงนาเปนหวงปา
แหงนั้นจะถูกมองวาเปนแหลงเสื่อมโทรมเปนบอเกิดของความทุกขของโลกมั้งจะ ฉันรูสึกวาโลกทุกวันนี้นาจะ
หวงในเรื่องการควบคุมพระเดชมากกวาที่จะหวงการถูกจํากัดพระเดชจะ เพราะสามารถเขาถึงทุกที่แลว ไมวา
วงการไหน สาปใหอยูในพื้นที่จํากัดยากแลวจะ โลกปจจุบันไมวานอนสอนงายแบบกินรีมั้งจะ แตพยายามเล็ดลอด
ออกนอกปาที่ใหความเปนอยูเหนือสิ่งอื่นไดจะ แลวก็ทําใหสิ่งอื่นเปนทุกขกายทุกขใจไดอยางกวางขวางนะสิจะ
ความไดเปรียบเหนือผูอื่นที่ควรอยูในขอบเขตที่ถูกอนุญาตใหไดเปรียบแตไมยอมอยูในกฏ กติกา แถมพยายามเล็ด
ลอดออกไปใชพระเดชอยางกวางขวาง โลกจึงตกอยูในความไดเปรียบของผูไมเกรงกลัวคําสาปและเสียเปรียบ
แมไมถูกสาปจะ โรคติดตอยังเปนเรื่องทุกขกายทุกขใจไดอยางทั่วถึงทั่วโลก พอๆกับที่มีผูเสียใจและโลงใจที่
ไดโนเสารสูญพันธุ การที่กรอบควบคุมอยางปาหิมพานตใชไมไดในโลกปจจุบันทําใหการใชกึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณ หรือพระเดชเต็มๆ ไดรับการกลาวขานถึงอยางไมเปนเพียงภาพปาหิมพานตที่แสนสุขสมเทานั้นแลวละ
แบบวานอกเหนือจินตนาการนั้นเปนไปไดโดยคนเต็มตัวนี่แหละจะ
กินรีเลือกไมไดที่จะอยูแตในกรอบ และคนเราเลือกไมไดที่จะไมทุกข เมื่อมีทั้งกายและใจก็ยอมทุกขไดทั้ง
กายทั้งใจ และเกี่ยวของอยูกับพระเดชพระคุณนี่แหละจะ เพราะมีความตองการจะจึงตองระงับความตองการซึ่งถา
ไมใชพระเดชก็คงเปนพระคุณ เปนคนเต็มตัวก็ทุกขกายทุกขใจเทาคนๆหนึ่งมั้งจะ แมไมถูกสาปก็เปนเพื่อนทุกข
ไมนอยหนากินรีละ แบบวาเดินเลยปาไปก็ไดถามันจะไมทุกข ฉันจึงคอนขางแนใจวาตอไปอาจจะมีการทอง
อวกาศใหหางจากการมัวเมามั้งจะ และผูที่ถอนตัวหรือไมถูกสาปเทานั้นที่จะเดินทางไกลไดนะจะ ซึ่งจินตนาการ
นั้นก็ไมไดเกิดจากการเกินกวาพื้นฐานของการมีจินตนาการหรอกมั้งจะ จึงมีชีวิตที่เปนแบบกินรีอยูในโลกปจจุบัน
จะ อาจเปนครึ่งคนครึ่งนกในจินตนาการ และเปนสิ่งที่ไดเปรียบหลายๆดานในโลกความจริงในปจจุบันนะจะ แลว
ถาสิ่งที่ไดเปรียบนี้ใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ จะเปนการดีกวาใชพระเดชอยางเดียวหรืออยางไรจะ ฉันวามันกึ่งๆ ก็
คงทําใหทุกขกายทุกขใจไดอยูดีละจะ จะคงความเปนครึ่งๆแมแตการใชพระเดชพระคุณไปทําไมฉันก็ไมรูสิจะ
อยางมากก็ไมเคลิบเคลิ้มในคําสาปเลยไมรูวาความตองการในขณะถูกสาปเปยมดวยพระเดชพระคุณเพียงใด
การรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น สําหรับชีวิตที่ถูกสาปเหมือนกินรี ก็คงจะตองไมออกนอกกรอบที่
ไดรับอนุญาตในชีวิตมั้งจะ แบบที่กินรีออกจากปาหิมพานตไมไดก็ไมนาหนีโดยรูทั้งรูมั้งจะ สําหรับคนเรานั้นชีวิต
ที่ตกอยูภายใตคําสาปก็มีแนจะ คือชีวิตที่ตกอยูในความลืมตัว ขาดสติยับยั้งชั่งใจ หลงใหลในความเปนอยูความมี
และไดมาอยางหมดตัวหมดใจ อาจจะหลงคิดวาอยูเหนือความธรรมดา แบบเทาไมติดดินเหมือนกินรีบินไดมั้ง ถา
ดํารงตนอยูในกรอบของคําสาปที่อนุญาตเปนบางเรื่องในชีวิตที่จะทําได เหมือนที่กินรีอยูในปาหิมพานตไดอยางไม
ขาดแคลน ก็คงอยูหางทุกขภัยอยูหรอกจะ แตถาทําในสิ่งที่เกินกวาไดรับอนุญาตในคําสาปยอมไมพนทุกขภัยจะ
เชน มีตําแหนง อิทธิพล ไดเปรียบผูอื่นแตเหมือนบินไปทุกที่ไมบินแคในพื้นที่ๆมีตําแหนงนั้นอยูแคนั้น แบบวา
ตําแหนงมันติดตัวมั้งจะ เลยพกบินขามหัวไปทุกแหงเลยทั้งปาที่อนุญาตใหบิน และนอกปานั้นดวย เลยทําตัวอยู
เหนือผูอื่นไปหมดเลย เหมือนทุกที่เปนดั่งปาหิมพานต มันก็ไมอยูในกฏของคําสาปนะจะ ยอมที่จะเจอทุกขภัย
แนนอน ถาบินขามหัวสิ่งอื่นแบบเดียวกับที่บินในปาหิมพานตคงไมพนทุกขภัยหรอกจะ ตําแหนงคงถอดถอนยาก
พอๆกับคําสาปมั้งจะ ในขณะที่หลงใหลงายที่สุดแบบตองคําสาปเลยละจะ แนนอนวามันมีกฏ กติกาในคําสาป
เสมอที่รับผิดชอบใหอยูกับเวรโดยไมตายไปเสียกอน เมื่อใดออกนอกกรอบยอมมีทุกขภัยจะ
กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณถูกใชอยางเคยชินในความไดเปรียบมากมายจะ ฉันรูสึกวาการใชกึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณอยางเมามัน เปนการเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ของคําสาปแบบไมอาจเปนสิ่งที่เต็มตัวไดเลย เปนพระคุณเต็ม
ตัวไมไดและพระเดชก็ไมเต็มหรอกจะ ถาใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจนชินชา มันจะไกลจากชีวิตที่บริสุทธิ์ อยาง
นอยมันก็กึ่งๆนะจะ แลวจะพนจากทุกขภัยไดเมื่อไหรคงพอจะรูมั้งจะ ฉันรูสึกวาถาชีวิตไดเปรียบอยางกินรี คง
ตองระวังการดํารงตนนั่นแหละจะ แมจะไดเปรียบผูอื่นก็อาจจะเปนแมงเมาบินเขากองไฟซะเองไดจะ ฉันไมหวัง
จะมีพื้นที่รองรับเหมือนปาหิมพานตนะจะ เพราะชอบไดความเต็มตัวในตัวเองนี้แหละจะ ไมชอบกึ่งๆแมบินไดก็
ชาง โลกสําหรับฉันอยาวาแตจินตนาการเลย แคฝนยังไมคอยผานไปทางปาหิมพานตเลยจะ คงไมอยากรบกวน
กินรีนะจะ และไมอยากใหโลกปจจุบันเปนพื้นที่ตองคําสาปเพิ่มขึ้นอีกจะ การใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณโดยคนเต็ม
ตัวก็คงใชอยางไดผลในพื้นที่บางแหง แตคงไมเปนที่ยอมรับทั้งโลกมั้งจะ เพราะเพื่อนทุกขบนโลกทั้งหมดทั้งสิ้น
ตางก็รักษาตนใหพนจากทุกขภัย การครอบงําแบบที่ไดรับคําสาปคงไมเปนการชวยใหเปนสุขจะ และโลกอาจยาก
ที่จะจัดสรรพื้นที่สําหรับเปนที่ๆมีผูไดเปรียบโลดแลนมากนักมั้งจะ ปาหิมพานตมีในจินตนาการนะจะ เพราะการ
เกิด แก เจ็บ ตาย เปนทุกขที่แบกก็หนักพอแลว จะมีพื้นที่จัดสรรแบบพิเศษใหนาวิตกในการรักษาตนใหพนจาก
ทุกขภัยดวยพระเดช กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณอีก มันคงไมอํานวยใหเปนสุขมั้งจะ
เรื่องกินรี@ผูหญิงมีปกและขากับหางเปนนก เปนความจํากัดพื้นที่สําหรับผูถูกสาปใชชีวิตแบบกึ่งพระเดช
กึ่งพระคุณ และฉันคิดวาการจํากัดพื้นที่นั้นเหมาะสมที่สุดแลวจะ มีเพียงพระคุณเทานั้นที่ไมตองจํากัด ที่ไหนมี
พระคุณ ที่นั่นคงไมมีเวรแกกันและกันเลย ไมเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ไมทุกขกายทุกขใจเลย รักษาตนใหพน
จากทุกขภัยทั้งสิ้น และยอมเปนสุข พื้นที่แมเพียงในใจสําหรับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ก็เปนที่ๆเพียงพอที่จะใชกึ่ง
พระเดชกึ่งพระคุณทุกเมื่อละจะ เปนที่ๆอําพรางไดเปนอยางดี ดูไมรูเลยวาซอนปกหรือเปลาเชียวละ ทําใหไปไหน
ถึงไหนนอกปาหิมพานตนะจะ มันมีการดําเนินชีวิตลักษณะนี้ในโลกปจจุบันนะจะ แมไมกลาวถึงใหเสียดแทงทิ่ม
ความรูสึกมันก็ตําตาอยูหรอกจะ ฉันก็รูสึกวาทั้งพระเดชก็วนเวียนอยูไมไกลไมใกล กึ่งๆก็พอๆกัน พระคุณนั้น
ถาทั้งสองอยางนั้นไมมีคงเบียดมาใหไดเจอมากขึ้นละจะ เพราะฉันไมไดถูกสาปใหอยูในพื้นที่พิเศษจํากัดนี่จะ จึง
ไมเคลิบเคลิ้มหลงใหลชื่นชมในความเปนผูไดใชทั้งพระเดช กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ถาสําแดงพระเดช หรือกึ่งๆ
ใหฉันดู ฉันก็คงไมเขาไปอยูในจินตนาการดวยหรอกจะ
ยังไงเสียกินรี@ผูหญิงมีปกและขากับหางเปนนก ก็เปนเพื่อนทุกขที่นาเห็นใจ เหมือนคนเต็มตัวที่ไมอาจ
ถอนตัวจากสิ่งที่หลงมัวเมาและอยูในความทุกข ฉันก็คงหวังวาเพื่อนทุกขทั้งหมดทั้งสิ้นจะไมมีเวรแกกันและกัน
ไมเบียดเบียนซึ่งกันและกัน และมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น หรือจะชอบแบบกินรี@
ผูหญิงมีปกและขากับหางเปนนก ก็สุดแลวแตจะ
ครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก

พลังมหาศาลในตัวของสิ่งใด ยอมสามารถใชเปนพระเดชและใหเวรแกสิ่งอื่นไดมากมายมหาศาลเชนกัน
ครึ่งคนครึ่งนกอินทรีที่เรียกวาครุฑนั้น นอกจากจะมีขนาดตัวที่ใหญ มีอานุภาพและกําลังมหาศาล แข็งแรง บินได
เร็ว แลวยังมีสติปญญาเฉียบแหลม เฉลียวฉลาด แตออนนอม ถอมตน มีสัมมาคารวะ นาสรรเสริญ เมื่อเปนอยางนี้
แลวการที่ครุฑเปนอมตะ ไมมีอาวุธใดทําลายลงได แมแตสายฟาก็แคทําใหขนรวงเพียงเสนเดียว จึงฟงดู
สมเหตุสมผลดีจะ ก็ตัวครุฑเองนั้นหากจะใชพระเดชกับสิ่งใดก็ยอมยากจะมีสิ่งไหนรอดไดมั้งจะ แตกลับออนนอม
ถอมตน มีสัมมาคารวะ ดังนั้นสายฟาที่มีพระเดชเหนือทุกสิ่งบนพื้นพสุธาก็คงสําแดงพระเดชที่มีตอครุฑโดยใหผล
ทํานองเดียวกันนั่นละมั้งจะ ฉันจึงไดขอคิดจากครุฑวา การใชพระเดชอยางไรกับสิ่งอื่นก็จะไดรับพระเดชแบบ
เดียวกับที่ตนใชนั่นแหละจะ เหมือนครุฑใชพระเดชอยางซอฟทๆได สายฟาก็ฟาดสัมผัสครุฑซอฟทๆไดแบบ
เดียวกัน ฉันรูสึกวาสรรเสริญการใชพระเดชก็เมื่อรูจักเกี่ยวกับครุฑนี่แหละจะ ไมเชนนั้นคงคิดวาการใชพระเดชมี
เพียงลักษณะนาประนามเพียงอยางเดียว ครุฑที่แมจะเปนถึงพญาแหงนก และเหนือกวาสิ่งอื่นทุกดานแตเปยมดวย
ความออนนอม ถอมตน มีสัมมาคารวะ ฉันก็เลยไมรูสึกวาครุฑจะเปนสิ่งที่นาหนีหางไปไกลๆ แตก็ไมอยากใกล
มากนักจะ เพราะไมแนใจวาถาเขาใกลและเห็นกันชัดๆจะถูกทิ้งลงกลางอากาศรึไม คงเพราะไมสวยเหมือนนางใน
วรรณคดีนะจะ
เมื่อเปนผูที่มีอานุภาพยอมตองมีความระวังยิ่งกวาการไขวควาที่จะมีอานุภาพมั้งจะ เพราะพระเดชนั้นเมื่อ
ใชกับสิ่งใดก็เปนเวรแกกันและกันจะ เหมือนที่เมื่อครุฑไปที่ไหนสิ่งที่ออนแอกวาตางก็หนีเอาตัวรอดหาที่หลบภัย
ทั้งนั้น แบบวาแคขยับตัวก็เปนเรื่องที่กระทบตอสิ่งอื่นอยางหลีกเลี่ยงไมไดแลวละ ฉันรูสึกวาคงเปนเรื่องนาลําบาก
ใจอยูมั้งจะถาแคขยับตัวก็ไปกระทบสิ่งอื่นๆ แลวถาครุฑบินไปบินมาอยางกับนกกระจอกเที่ยวสงเสียงอยู
ตลอดเวลา สัตวนอยใหญคงตองขุดรูถาวรเลยละจะ แตครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก บินเมื่อพระนารายณใหไป
ดวยกัน ฉันก็เลยรูสึกวาโลกนี้มีพระเดชแตควรใหพระเดชอยูกับผูที่คูควรเทานั้น อยางเชนครุฑจะ ซึ่งในโลกของ
ความจริงนอกจินตนาการก็มีพระเดชที่ไปอยูในผูที่ไมมีความเหมาะสมเหมือนครุฑ และผูที่ใชพระเดชไดนา
สรรเสริญเหมือนครุฑ ผูที่ไดสําแดงพระเดชแตใชอยางแตกตางจากครุฑนั้นควรถูกจับตาอยางไมคลาดสายตาจะ
เพราะหากละสายตาไปแลวอาจไมเหลือโอกาสใหมาจับตาดูอีกมั้งจะ แบบวาไมรอดจากพระเดชนั้นเสียแลว โลก
ปจจุบันมีบางสิ่งที่หากปรากฏตัวแลวทําใหหลายสิ่งอยากหนีหางเหมือนครุฑปรากฏตัวเลยละจะ ฉันก็เคยรูสึก
อยางนี้เหมือนกันจะ แบบวาเจอแลวเปนภัยตลอด 24 ชั่วโมง ถึงเราไมหนีก็ตองถูกไลใหพนไปจนไดละจะ ทั้งไล
เราดวยตัวเองและอาศัยคําสั่งของผูมีอํานาจออกคําสั่งไลเราไปนะจะ ฉันรูสึกวาไมใชอานุภาพที่เทียบครุฑหรอกจะ
เพราะขนปกไมไดพาบินไดดวยซ้ําดูแลวจึงแตกตางอยางสิ้นเชิง จริงๆแลวการใชพระเดชใหนากลัวไมไดอยูที่การ
พยายามทําตัวใหนาเกรงกลัวแนนอนจะ เพราะมันเทากับเปนการเชิดชูสิ่งที่จะไดรับการสําแดงพระเดชไวเหนือยิ่ง
กวาจนตองพองตัวเขาใสนะจะ ประเมินคาพระเดชของตัวเองดอยกวานะจะ ไมเหมือนครุฑที่ไมตองพยายามทําตัว
ใหนาเกรงขามก็ไมมีสิ่งใดอยากทาทายเลยมั้งจะ
ครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก เปนรูปแบบรางกายที่แมจะกึ่งๆ แตก็ไมคอยแสดงความกึ่งๆจะ ไม
เหมือนการพยายามทําตัวใหนาเกรงกลัวทั้งๆที่เปนการทําแบบกึ่งๆ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเห็นๆเลยละ ดังนั้น
ครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก จึงไมคอยถูกมองอยางกึ่งๆ แตกลับถูกมองอยางเต็มพลานุภาพทั้งพระเดช
พระคุณเลยจะ ฉันก็คิดวารางกายครึ่งคนครึ่งนกอินทรีนั้นก็แครางกาย แตจิตวิญญาณนะสิที่คนเต็มตัวยังสูไมไดก็มี
จะ เพราะฉันเห็นคนเต็มตัวชอบหาโอกาสเบียดเบียนซึ่งกันและกันทุกเมื่อหากมีโอกาส ฉันรับรองวาเคยประสบ
มาแลว พยายามแสดงอานุภาพซึ่งฉันวาไมเหมือนครุฑแนๆ แตก็แสดงบอยมากซะจนทําใหคิดวานาจะไมมีพระ
เดชสะสมเลยมั้ง เพราะรีบใชทุกเมื่อที่มีโอกาส ฉันชอบเห็นการใชพระคุณมากกวา แตถาโลกมีพระคุณก็ยอมมี
พระเดช หากมีสิ่งที่เหมาะสมกับพระเดชฉันก็คิดวาเปนการใชพระเดชที่นาชมละจะ เหมือนดูครุฑมั้งจะ แตยิ่งได
รูจักเกี่ยวกับครุฑแลวยิ่งทําใหยอมรับการใชพระเดชแบบสงเดชไมได หรือกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณก็พอๆกัน มัน
แทบจะทําใหความเปนพระเดชไมเหลือคาใหตีราคา แบบวาใชพระเดชเหมือนสิ่งที่ใชแลวทิ้งไมจําเปนตองคํานึงถึง
แตอยางใด คงประเมินคาพระเดชเปนเพียงสิ่งแลกเปลี่ยนกับความตองการของตนเทานั้นมั้งจะ ฉันชอบครุฑตรงที่
แมรางกายจะเปนแบบครึ่งคนครึ่งนกอินทรี แตก็เปยมดวยความพยายามเปนสิ่งที่บริสุทธิ์ดวยจิตวิญญาณ ตรงขาม
กับผูที่เปนคนหรือสิ่งหนึ่งเต็มตัวแตพยายามใชรูปแบบกึ่งๆ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ถาโอกาสอํานวยก็มักจะใชพระ
เดชสุดๆดวยซ้ํา เปนความแตกตางที่ฉันคิดวาครุฑนาสรรเสริญ สวนสิ่งที่แตกตางในการใชพระเดชไปจากครุฑนั้น
ฉันไมตอแหลหรอกจะวาไมนาสรรเสริญแนนอน
การสรรเสริญยอมไมเกิดขึ้นจากการไดรับการเบียดเบียนซึ่งกันและกันหรอกจะ ทําไมครุฑแมมีอานุภาพนา
เกรงขามยิ่งนักกลับนาสรรเสริญ ฉันวาคิดไดไมยากจะ เพราะฉันไมคอยจินตนาการนอกพื้นฐานความเปนจริง
เทาที่เคยเห็นมาดวยตัวเองนั้น มีการใชพระเดชเพื่อใหเกิดความรูสึกกลัวเกรงบอยๆจะ แมจะเทียบพลานุภาพไมได
กับครุฑก็พยายามจะใชพระเดชนะจะ ทั้งๆรูวาพระเดชนั้นไมใชพระคุณก็ตั้งใจใชมากๆเลย ฉันจึงไมคิดวาสิ่งที่มี
พระเดชแมเพียงนอยนิดจะเขาขายสรรเสริญได มากกวาผูมีพระเดชเปนลนพนหรอกจะ เพราะความจริงก็
ประจักษแกสายตาตัวเองมาแลว วาผูมีพระเดชอยูแคฝามือนั่นแหละที่ชอบใชพระเดชบอยมาก สวนผูที่มีพระเดช
เปยมลนแตไมคอยสําแดงพระเดชก็มีจะ การเบียดเบียนซึ่งกันและกันในความเปนจริงจึงไมไดขึ้นอยูกับ สิ่งไหนจะ
มีพระเดชใชไดมากหรือนอยหรอกจะ แตขึ้นอยูที่เจตนาหาโอกาสใชพระเดชบอยแคไหนนะจะ แมครุฑจะมาก
ดวยอานุภาพหาสิ่งใดเทียบเทียมไมไดก็ไมคอยใชมั้งจะ ตางจากการใชพระเดชทุกเมื่อที่โอกาสอํานวย เหมือนได
เครดิตมายังไงยั้งงั้นละจะ เปนเรื่องการเบียดเบียนกันและกันในโลกความจริงที่ไมสนใจวาจะใชพระเดชอยาง
คูควรเหมือนครุฑหรือไม แตตองการใชพระเดชพอๆกับที่ครุฑมีนะจะ ฉันคิดวาโลกนี้คงไมนากลัวถามีสิ่งที่เปน
แบบครุฑมากๆ แตจะนากลัวมากถามีสิ่งที่พยายามเปนเทากับครุฑแตไมเหมือนครุฑ คือไมสนหรอกในความเปนผู
มีทั้งอานุภาพทั้งไมสําแดงอานุภาพเหมือนหาไดงายๆ จะเอาอานุภาพลวนๆก็พอแลว แบบนี้นะมีนะจะ ฉันวาถา
ใชพระเดชตามแบบอยางครุฑคงไมมีการเบียดเบียนอยางเชนทุกวันนี้ แตที่มีการเบียดเบียนอยางที่เปนอยูในเวลานี้
ก็เพราะมีผูชอบเบียดเบียนดวยพระเดชแมจะรูวาไมใชครุฑก็ยังทํานะจะ
แมมีครุฑในจินตนาการก็ไมเปนทุกขกายทุกขใจเลย แตสิ่งที่ไมอยูในจินตนาการนะสิจะ มักกอความทุกข
กายทุกขใจใหกันและกันจริงๆจะ สิ่งที่มีชีวิตเปนทุกขกายทุกขใจโดยไมคอยรูตัววา ความทุกขไมจําเปนตองมา
คราวละมหาศาลอยางอานุภาพครุฑหรอกจะ มันสะสมทีละนอยจนทุกขกายทุกขใจโดยไมทันระวังตัวจะ กึ่งพระ
เดชกึ่งพระคุณนะแหละเปนสิ่งนํามาซึ่งทุกขกายทุกขใจไดอยางแนบเนียน มันไมนาจับไดคาหนังคาเขาเหมือนใช
พระเดชลวนๆ ฉันจึงคิดวากึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไมใชสิ่งบริสุทธิ์ จะถือเปนความบริสุทธิ์ในพระเดชหรือพระคุณ
ไมไดทั้งสองอยาง ฉันจึงไมมองสิ่งใดเพียงรางกายวาเปนครึ่งคนครึ่งนกอินทรีหรือเปนคนเต็มตัว เปนสัตวเต็มตัว
แตมองที่ความบริสุทธิ์ในจิตวิญญาณมากกวา แนนอนวาฉันสัมผัสครุฑในจิตนาการนอยกวาสัมผัสคนเต็มตัว แต
สําหรับพระเดชกับพระคุณนั้นสัมผัสในจิตนาการก็ไมแตกตางจากความจริงหรอกจะ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเมื่อ
สัมผัสแลวจะรูไดทันทีวาไมใชสิ่งบริสุทธิ์ แบบที่ชิมเกลือกับน้ําตาลก็รูวาอะไรเกลืออะไรน้ําตาล หรือถามันผสม
กันก็รูอยูดีจะ จะชิมในปริมาณมากหรือนอยไมใชสิ่งจําเปน แคแตะปลายนิ้วก็มีความเค็ม ความหวานแตกตางกัน
จะ ไมตองหอบมาเปนแพ็คเก็จหรอกจะ ความทุกขกายทุกขใจก็เชนกัน มันก็เพราะมีสิ่งที่ใชพระเดช กึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณ แมจะเทียบครุฑไมไดแตทําใหเปนทุกขกายทุกขใจแกกันและกันเลยจะ ฉันอยากเอาครุฑออกมาบินใน
โลกปจจุบันเสียยิ่งกระไร จะไดมีการสอนการใชพระเดชอยางคูควรกันไปเลย และคงยอนดูตัวเองกอนจะใชพระ
เดชกันมากขึ้นนะจะ ฉันคิดวาสิ่งที่คูควรกันเทานั้นจึงสมควรใหมีอยูดวยกันจะ ถามันผิดฝาผิดตัวมันทั้งไมดีและ
ไมนาใหมีการสืบทอดจะ เชนพระเดชนั้นคูควรจะมีในครุฑ และถามีความจําเปนตองใชพระเดชก็นาจะใชโดยผูที่
คูควรดวยจะ ไมใชสิ่งใดๆจะสําแดงพระเดชก็ไดตามใจชอบ มันเทากับผลาญพระเดชไปมั้งจะ แทนที่จะใชพระเดช
อยางสมควร ก็เปนการใชอยางทิ้งๆขวางๆ คลายกับเปนสิ่งที่ไมมีคาตอผูใชนักนะจะ ครุฑคงรูคาของพระเดชจึงใช
อยางควรคาไมสะเปะสะปะ พระเดชคงมีอยูในตัวครุฑมหาศาลไมลดนอยลงไปเลย
สิ่งมีชีวิตยอมไมตองการทุกขกายทุกขใจเลย คงไมตองใชจินตนาการลึกซึ้งก็สัมผัสไดวาครุฑไมทําให
ทุกขกายทุกขใจ เพราะมีครุฑที่ไหนก็มีพระนารายณอยูดวยจะ ดังนั้นฉันจึงไมคิดวาจะทุกขกายทุกขใจเพราะครุฑ
จะ แตครุฑก็อยูในจินตานาการ เลยไดเจอแตสิ่งที่ไมใชครุฑในความจริงและชอบใชพระเดช และกึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณโดยไมอายครุฑเลยจะ บางครั้งฉันก็คิดวาจินตนาการก็คือจินตนาการ บางครั้งก็อยากใหครุฑออกมาจาก
จินตนาการเลยจะ โดยเฉพาะชวงเวลาที่โลกในความจริงขาดความมีจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์เสียเหลือเกิน แมทั้งคน
เต็มตัว ทั้งสัตวเต็มตัวลนโลกก็ตาม นาจะใหครุฑออกมาปรากฏในโลกปจจุบันและเปนแบบอยางที่จินตนาการ
สามารถเปนจริงไดจะ จะไดไมใชความเปนผูใหญรังแกเด็ก ปลาใหญกินปลาเล็ก ผูมีอํานาจขมเหงผูไมมีอํานาจ ผู
ไดเปรียบเอาเปรียบผูเสียเปรียบ ผูมีอิทธิพลทํารายผูไมมีอิทธิพล ผูมีตําแหนงอวดเบงตอผูไมมีตําแหนง ผูมีพวกมาก
รุมกระทําตอผูมีพวกนอยหรือไมมีพวก ผูมีสิทธิพิเศษก็ยิ่งเห็นแกตัวยิ่งกวาผูไมไดรับสิทธิพิเศษใดๆเลย ผูใชพระ
เดชมากก็ยังใชไดเรื่อยๆไมเวนวางเลย จนเปนเยี่ยงอยางในการใชพระเดชในโลกแหงความจริง ฉันวาถาโลกขาด
จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ และมีความเปนกึ่งๆ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไมเปลี่ยนเลย ก็นาจะมีครึ่งคนครึ่งสัตวในโลก
อยางเขาคูกันไดมั้งจะ
การรูรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น คงรูโดยสัญชาตญาณทุกสิ่งละจะ แมกระทั่งครุฑยังรักษาตน
ใหพนทุกขภัยทั้งสิ้นขนาดมีอานุภาพเหนือสิ่งใดๆแลวนะ ฉันจึงจําแนวทางครุฑไววา ไมสําคัญที่จะมีพระเดช
ยิ่งใหญแคไหนแตสําคัญที่หาความสงบสุขไดหรือไมมากกวา ฉันวาแมครุฑจะมีอยูในจินตนาการแตก็เปน
จินตนาการที่บรรเจิด ทําใหรูจักความสมควรในการมีและใชพระเดช ซึ่งพระเดชเปนสิ่งที่ยากจะหาสิ่งคูควร ฉัน
รูสึกวาจินตนาการที่มีครุฑนั้นยอดเยี่ยมแลวละ ฉันชอบความเปนครุฑในจินตนาการดวยจิตวิญญาณจะ แบบวา
เปนการกาวสูแนวทางที่บริสุทธิ์ ไมเปนกึ่งๆแบบรางกายครึ่งคนครึ่งเปนนกอินทรี การไดรูจักเกี่ยวกับจินตนาการ
ในครุฑแลว รูสึกวาฉันไมตองการพระเดชเลยไมวาจะเอาไวใชที่ไหน เมื่อไหร กับสิ่งใด เพราะขนาดครุฑยังรูรักษา
ตนใหพนทุกขภัยแมมีพระเดชใชอยางไมอั้นจะ และรูสึกวาการมีพระเดชไมชวยในการรักษาตนใหพนจากทุกขภัย
ทั้งสิ้นจะ แตจะรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นไดเมื่อมีความจริงที่ยิ่งใหญ คือ ความจริงในการพนทุกขเทานั้นจะ
ถามีความทุกขก็แสดงวาจนปญญาอยูมั้งจะ และพระเดชก็ชวยใหหายจนปญญาไมไดแนๆจะ ดังนั้นจะรักษาตน
ใหพนทุกขภัยทั้งสิ้นจึงไมสําคัญที่จะตองมีหรือใชพระเดชจะ ฉันไมคิดจะลืมขอคิดนี้แนๆ เพราะไดเห็นหนทางที่
จะรักษาตนใหพนทุกขภัยทั้งสิ้นโดยไมตองขออานุภาพมากมายดั่งครุฑละ และรูสึกวาการไดรูจักครุฑใน
จินตนาการก็ยังดีกวารูจักสิ่งที่ไมควรคูกับพระเดชในโลกความจริงจะ
สิ่งมีชีวิตยอมรูรักษาตนใหพนจากทุกขภัย ฉันคิดวาครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก ใหขอคิดและเปน
ตัวอยางที่ดีอยางยิ่ง แบบวาครุฑนั้นจะใชพระเดชที่ไหน เมื่อไหร กับสิ่งใด ก็ไมเปนเรื่องยาก แตครุฑจะไปกับพระ
นารายณมากกวา แสดงถึงการรักษาตนใหพนจากทุกขภัยมากกวาไมหลีกใหพนภัย และนาเปนแบบอยางในโลก
ของความจริงที่สุดจะ ฉันเชื่อวาจินตนาการเปนประตูสูความจริง และไมคิดวาครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนกจะ
ถูกเก็บมิดชิดไวในจินตนาการเทานั้น และตองการใหมีจิตวิญญาณเหมือนครุฑเต็มโลกจะ เพราะฉันชอบนกอินทรี
เปนทุนสวนตัว ดังนั้นครึ่งคนครึ่งนกอินทรีก็คงจะคูควรมีอยูจริงบนโลกนี้ละจะ โดยสวนตัวฉันนั้นไมประเมินสิ่ง
ใดเพียงแครางกาย ตอใหเปนคนหรือสัตวเต็มตัว แตฉันมองถึงจิตวิญญาณดวยจะ ดังนั้น จะเปนนกอินทรีเต็มตัว
ครึ่งคนครึ่งนกอินทรี หรือคนเต็มตัว ไมสําคัญที่มีพระเดชเพียงใดแตสําคัญที่การใชพระเดชดวยจิตวิญญาณกึ่งๆ
หรือไม ซึ่งยอมเปนเวรแกกันและกัน เบียดเบียนกันและกัน ทําใหทุกขกายทุกขใจ รักษาตนไมพนจากทุกขภัย และ
คงเปนสุขไมได จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์สัมผัสในโลกความจริงไดจะ ถาไมใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ แตก็เห็นวา
การที่ผูใดจะปลอยพระเดชใหสูญเปลายอมเสียดายที่ไมไดใช อาจคิดวาไมเปนเวร ไมเบียดเบียน ไมทําใหทุกข ไม
ทําลายการรักษาตนใหพนทุกข ซึ่งก็คงคิดแทนกันไมได ฉันคิดวาตองเปนอยางครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนกนี่
แหละจะ ควรคากับพระเดชที่คูควร
ครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก เปนเรื่องการใชพระเดช พระคุณอยางนาสรรเสริญจะ แมฉันจะสัมผัส
ครุฑในจินตนาการแตรูสึกวาเห็นประตูสูความจริงไดนะจะ ฉันจึงหวังวาคนเต็มตัวจะใชพระคุณมากกวาพระเดช
เพราะไมใชครุฑนะสิ และสิ่งที่ควรคูสําหรับคนมากกวาก็นาจะเปนพระคุณ ไมนาจะใชพระเดชซึ่งเปนสิ่งที่ครุฑ
คูควร และครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนก เปนความกึ่งๆที่มีจิตวิญญาณนานับถือและยกยอง ยิ่งกวาชื่นชมแค
รางกายที่มีพลานุภาพมหาศาลจะ อาจจะเปนเพราะฉันชอบนกอินทรีก็คงจะใช แตก็ไมไดชอบสวนที่เปนนกใน
ครุฑ และชอบจิตวิญญาณที่นาสรรเสริญมากกวา ฉันไมรูหรอกวาความเปนอมตะอยางครุฑจะทําใหเปนเพื่อน
ทุกขไดนานแคไหน ถาไมหมดความรูสึก ความตองการ คงตองอยูกับความรูสึก ความตองการเปนระยะเวลา
ยาวนานกวาสิ่งใดๆ ฉันก็หวังวาจะเขาใจความเปนอมตะของครุฑไดนะจะ ซึ่งคงไมเกินจินตนาการหรอกมั้งจะ ก็
โลกปจจุบันกําลังสนใจความเปนอมตะนี่นา ยังไงเสียคงจะไดเปนเพื่อนทุกขกันยาวนานขึ้นมั้งจะ แตฉันหวัง
เปนอยางยิ่งวาการใชพระเดช พระคุณที่คูควรกับความเปนอมตะนั้น และนาจะเรียนรูเสียกอนที่จะเปนอมตะจะ
หรือไมก็อยากใหครุฑออกมาอยูในโลกความจริงเพื่อถวงดุลกับสิ่งที่เปนอมตะซึ่งจะมีขึ้นใหมนะจะ เพราะไม
อยากใหใชพระเดช พระคุณ ตามใจชอบอยางเปนอมตะจะ และครุฑ@ผูชายมีปกและขาเปนนกเปนสิ่งที่กึ่งๆแต
คอนขางไมแสดงความเปนกึ่งๆมากที่สุด จนเกือบจะเปนสิ่งที่บริสุทธิ์ไดจะ
สฟงซ@คนมีลําตัวเปนสิงห

อนุสาวรียครึ่งคนครึ่งสิงหบงบอกถึงความยิ่งใหญยั่งยืนนาน สัตวโลกหากไมมีเวรแกกันและกัน ยอม


ยิ่งใหญยั่งยืนนานกวาใหญยิ่งในชวงขาขึ้น แลวใหเวรแกกันและกัน สุดทายแลว ความยิ่งใหญก็แคเดี๋ยวเดียว ไม
ยั่งยืนมั้งจะ ความยิ่งใหญมีอํานาจดุจสิงหซึ่งเปนจาวแหงปา จําเปนที่จะตองแสดงความมีอํานาจอยางเปดเผย
ไมใชอํานาจแอบแฝงจึงจะเปนสิงหที่ยิ่งใหญทั้งตัวและหัวใจ แบบที่เห็นสฟงซ@ในจินตานาการ แลวสัมผัสใน
อํานาจ วาสนา ความยิ่งใหญนานนับจินตานาการจะไปถึง ฉันรูสึกวาถาแสดงออกอยางครึ่งคนครึ่งสิงห ที่เปน
อนุสาวรีย ก็คงไมคอยมีเวรแกกันและกันนัก เปนความมีอํานาจนายําเกรงแบบที่วา ถาไมอวดโอเขาถือดีลบหลู ก็
คงจะไมเดือดรอนที่ไดเขาใกล สวนครึ่งคนครึ่งสิงหที่มีสวนศรีษะเปนผูหญิงและมีปกบินได ที่คอยถามคําถามคน
อื่น แลวตอบแทนความพายแพในคําตอบของผูอื่น ดวยการกินคนที่ตอบไมไดเปนอาหารนะ ในจินตนาการให
ความรูสึกแตกตางไปทางตรงขาม คือ ไมถือวาเปนรางของสิ่งที่สูงสงดวยอํานาจ วาสนา แตเปนสัตวประหลาด ฉัน
ก็คิดวาการใหเวรแกกันและกัน ไมใชการใชพระเดชที่สงผลใหไดอํานาจ วาสนา สูงสง เพระจินตนาการถึงสฟงซ@
แบบที่อยูนิ่งๆเปนอนุสาวรีย แตกตางกับสฟงซ@ แบบบินไดและคอยถามคําถามคนอื่นเสมอ ในมุมมองความเปน
เทพและเปนสัตวประหลาด ฉันรูสึกวาคงเปนผลมาจากการใชพระเดชที่แตกตางกันมั้งจะ แมจะเปนสฟงซ@ ที่มี
สวนหัวเปนคน รางกายเปนสิงห แตสฟงซที่หัวเปนชายจะอยูนิ่งเปนอนุสาวรียที่ แคมองก็เห็นความยิ่งใหญ สูง
ตระหงาน อวดอํานาจ วาสนา ไดชัดถนัดตาอยูจะ ตางจากสฟงซที่สวนหัวเปนหญิงและมีปกบินได นั้นจะไมอยู
นิ่งๆ แตคอยถามคําถามคนอื่น เพื่อหาโอกาสใหรางวัลตัวเองเสมอเมื่อมีผูแพที่ตอบผิด ทําใหมองเห็นแตความไม
นายกยองนับถือ แมมีพลังมากมายดุจสิงห ซึ่งแทนที่จะไดรับการมองวาเปนใหญเหนือคนธรรมดา แตกลับไดรับ
การมองวาเปนสัตวประหลาด เวรที่มีใหแกกันและกัน มีผลใหสูงสงหรือ ตกต่ําในอํานาจ วาสนา อยางที่แฝงแงคิด
ขอคิด จากสฟงซ@นี้เองจะ
ขอใหเพื่อนทุกขบนโลก ละความตองการสูอํานาจ วาสนาดวยการมีเวรแกกันและกันจะ อยากใหอยูนิ่งๆ
เหมือนสฟงซเปนอนุสาวรียได คงจะยิ่งใหญและสงบ เปนสุข สุดที่จะพรรณนา ความสงบนิ่งนั้น กอใหเกิดพลัง
อํานาจยิ่งใหญไดนะจะ ไมใชการวิ่งเขาลุยเทานั้นจึงจะควาอํานาจ วาสนา มาสูตัวได สฟงซนั้น แคอยูนิ่งๆก็มีพลัง
อํานาจใหผูมอง ไดสัมผัสอยางเต็มตาเลยจะ ฉันจึงไดขอสังเกตอีกวา อํานาจยิ่งใหญมีอยูในสิ่งที่นิ่ง และสงบ
ตลอดเวลา และทําใหตองนํามาเปนจุดที่จะสังเกตสิ่งรอบๆตัวที่นิ่งและสงบนะจะ เชน อากาศนิ่งมาก อาจมีพลัง
อํานาจของพายุขนาดมหึมามหาศาลเกิดขึ้นได หรือคนที่ไมพูด ไมคุย ถาไมมุงแสดงพลังอํานาจออกทางวาจาและ
การกระทําทางกายแลว ก็ยอมมีพลังในตัวหรือจิตคงคางอยู ไมสูญไปไหนนะจะ ดังนั้น ถาจะมองคนนิ่งๆ วาไมมี
ความนายําเกรง คงมองอยางผิวเผินเกินไป คนที่ไมพูด ไมคุย นี่แหละจะ พลังอํานาจไมรั่วออกทางคําพูด แตจะ
ผนึกเปนปกแผนอยูขางในตัว ถาปลอยออกเมื่อใด อาจจะทําใหรูสึกถึงสัมผัส แหงความเคลื่อนไหวของอนุสาวรีย
อยางคาดไมถึงเลยละจะ สฟงซเปนครึ่งคนครึ่งสิงหที่มีอํานาจยิ่งใหญขั้นเทพ และเตือนสติใหผูไดเห็นสฟงซ สัมผัส
ถึงความสงบวาเปนสิ่งที่อยูโดยมีอํานาจยิ่งใหญไดนะจะ เปนคําตอบของการไมมีเวรแกกันและกันเลย
นอกจากชีวิตตองการเปนสุขแลว ยังตองการความสงบดวยนะจะ ความสงบยอมมีขึ้นได ถาไมเบียดเบียน
ซึ่งกันและกันเลยจะ สฟงซขนาดใหญมหึมา ถาไมนิ่งเปนอนุสาวรีย รับรองวาเบียดสิ่งอื่นแนๆ ตรอกซอกซอยเปน
อัมพาตเลยละจะ แตความเปนจริง สฟงซอยูนิ่งๆจะ คงมีแตในจินตนาการนั่นแหละที่ สฟงซคอยบินถามคําถามคน
อื่นอยางตองการชนะ และชอบเห็นผูแพไดรับการเบียดเบียน สรางความเสื่อมเสียในความเปนสฟงซ ที่ไดรับการ
ยกยองวา เปนเทพจําลอง เปนสิ่งที่ถูกจินตนาการเปนสัตวประหลาด ในความจริงสามารถเจอสฟงซไดเทาที่
อยากจะเจอ เพราะสฟงซอยูนิ่งๆไมไปที่อื่นนะจะ แมจะเขาใกล ก็ไมตองเตรียมตัวพบกับการเบียดเบียนจากสฟงซ
หรอก ถึงแมจะใหญยิ่งแตก็นิ่งเปนอนุสาวรียเลยละ แตถาจินตนาการละก็คงมีสฟงซแบบบินได คอยดักทาง
และถามคําถามทาหาผูชนะ ไมใหเปนสุขจะ แบบวาคนจะเปนสุขก็เลยถูกเบียดเบียนไมใหเปนสุข ฉันคิดวาความ
เปนขั้นเทพ แตกตางอยางชัดเจนกับ ความเปนสัตวประหลาด แบบความจริงที่แตกตางจากจินตนาการ เกี่ยวกับ
สฟงซทีเดียวละจะ
สิ่งมีชีวิตจงเปนสุขเถิด และจงสงบดวยจะ เปนสุขสงบแบบ ไมเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทําไดในสัตวโลก
แนนอนจะ เพราะทั้งคนทั้งสิงหที่เปนสฟงซ ก็มีอยูบนโลก จึงไมเกินความจริงสําหรับสิ่งมีชีวิต ที่จะมีอํานาจที่
ยิ่งใหญอยางกับสฟงซซึ่งขั้นเทพ โดยความสงบนิ่ง ไมเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ฉันรูสึกวาสฟงซ ทําใหผูมอง
อยางฉัน คิดไดวา การเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ยอมไมสามารถคงอํานาจใหยิ่งใหญไวไดนาน เพราะตองมีการชิง
อํานาจคืนอยางแนนอน แตใครละจะเกิดความคิดเชนนี้เมื่อมาเจอสฟงซ คงจะมีแตผูที่ชื่นชมในอํานาจ วาสนา
และความยิ่งใหญของสฟงซทั้งนั้นละ ดังนั้นพระเดชจึงเปนสิ่งที่ทําใหเสื่อมอํานาจ วาสนา โดยการใชพระเดชนั่น
แหละจะ เพราะเมื่อใชไปยอมมีผลกับการเบียดเบียนกันและกัน แมแตอํานาจ วาสนาก็ยอมถูกหมายทวงคืนแนๆ
จะ แตถามีพระเดชแลวเก็บไวเฉยๆ ก็ไมใชความสูญเสียยิ่งใหญเลยจะ กลับจะถูกมองอยางอนุสาวรียแหงความมี
อํานาจ พละเดช ยิ่งใหญ นาชื่นชม ความจริงก็ปรากฏใหเห็นชัด วาจริงอยางสฟงซเลยจะ ใครมองสฟงซแลวคิดวา
เห็นความยิ่งใหญ อํานาจ วาสนาสูงสงเชนเทพเจา ก็เชื่อไดเลยวา เห็นความจริงจะ ฉันเองไมรูสึกวาการใชพระ
เดช จะทําใหมีอํานาจเพิ่มมากขึ้น แตตรงกันขาม ฉันกลับคิดวา ยิ่งใชพระเดชก็ยิ่งสูญเสียอํานาจ วาสนาดีๆนะจะ
เมื่อใชพระเดชเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ยอมไดรับการเบียดตอบโตกลับคืนนะสิจะ ใครจะยอมถูกเบียดตกขอบละ
สิ่งมีชีวิตยอมรักษาชีวิตและสวัสดิภาพของตนเสมอ ไมมีสิ่งไหนยอมถูกเบียดจนอวัยวะภายในแทบแหลกหรอกจะ
เพราะชีวิตตองใชพลังงานที่เวียนอยูทั้งภายในและภายนอกตัว หากถูกเบียดถูกเบียน ก็เหมือนถูกเพิ่มแรงกระทํา
ตอตัวมากขึ้นนั่นแหละ แบบปุมตางๆที่ถาไมถูกกด มันก็จะไมมีแรงดีดกลับหรอก แตถาปุมใดถูกกด มันก็จะดีดผึง
กลับคืนมาโดยทันที เพื่ออยูอยางเดิมโดยสวัสดิภาพ การเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ยอมมีแตจะเสียอํานาจ วาสนา
ดีๆ มากกวาจะสะสมอํานาจ วาสนาจะ
สิ่งมีชีวิตจงมีความไมทุกขกายทุกขใจเลย พระคุณชวยใหพนทุกขกายทุกขใจเลยจะ ถานิ่งแบบอนุสาวรีย
ได อยางนอยๆก็มีพระคุณที่ไมเบียดเบียน ไมมีเวรแกกันและกันจะ แมวาความทุกขกายทุกขใจ จะเกิดจากความ
ตองการและความรูสึกของสิ่งมีชีวิตเองก็ตาม ฉันก็คิดวาความสงบ เปนการทําใหไมตองตกที่นั่งเปนฝายรับแกกัน
และกันนะจะ แบบวาความทุกขกายทุกขใจนั้น เกิดจากความไมนิ่ง ไมอยูเฉยของทั้งกายและใจ ถาไดพบกับสิ่งที่
สงบนิ่ง ก็เหมือนไดเห็นสิ่งที่ไมพกเอาเหตุของความทุกขกายทุกขใจมาดวย มันตางกันระหวางความสงบและนิ่ง
กับความไมนิ่งไมสงบเลยละจะ จึงรูสึกวา เมื่อเจอสิ่งที่สงบนิ่งก็ไมตองตั้งรับเหตุแหงความทุกขกายทุกขใจจะ แบบ
ที่เขาไปดูสฟงซหรืออนุสาวรียนะจะ ยอมไมรูสึกวาจะตองตั้งรับความทุกขกายทุกขใจมั้ง ตางจากเจอคนเดินเขามา
ดวยสีหนา ทาทาง ตางๆ ไมวาจะยิ้ม หรือเครงขรึม ยังไงก็รูสึก วาตองตั้งรับอยูแลวละจะ แตถาเจอคนยืนนิ่งๆหรือ
ทําสมาธิในอิริยาบถใดก็ตาม ก็คงรูสึกวาไมจําเปนตองตั้งรับกําบังความนิ่งหรอกจะ นั่นเปนพระคุณอยางยิ่งมั้งจะ
แคไมเคลื่อนไหวกายใจ ก็เกิดผลในทางคุณก็ไดจะ เพราะสิ่งมีชีวิตคือรางกายและจิตใจที่ไมนิ่ง และเปลี่ยนแปลง
ตลอดเวลา หากนิ่งและสงบอยูไดยอมเปนคุณทั้งตอตัวเองและผูอื่น สิ่งอื่นดวยจะ พระคุณนั้น ไมใชสิ่งที่หาได
อยางยาก หรือตองใชกําลังกาย กําลังทรัพย กําลังปญญา เพื่อเสาะหามามอบใหแกกัน เพื่อใหเกิดความรูสึกวานั่น
คือการใหอยางมากมาย แตพระคุณทําขึ้นเองไดดวยตัวเอง แบบไมเปลืองพลังงานเลยดวยซ้ํา คือการแสดงความ
สงบ นิ่ง ซึ่งเปนการหยุดใหเวร หยุดเบียดเบียนกันและกันเลยละ นั่นเปนการแสดงพระคุณโดยธรรมชาติและไมเสีย
พระเดชดวย ฉันก็เขาใจวา การใชพระเดชพระคุณลักษณะนี้ อาจจะขัดกับความรูสึกบาง และเปนหนทางที่จะใช
พระคุณอยางบริสุทธิ์ พระเดชก็บริสุทธิ์ แบบสฟงซนิ่งไมขยับเขยื้อน แตมีทั้งพระเดชพระคุณ ที่ไมใชพรอมกันนั่น
แหละจะ จึงไมเปนกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ และใชเพียงดานเดียวในคราวเดียวแบบที่เปนอนุสาวรียนะจะ ถา
มองสฟงซอยางยิ่งใหญ ก็จะเห็นพระเดชที่มีอํานาจอยางไมกึ่งๆหรอกจะ และหากมองสฟงซอยูนิ่งๆไมขยับอยาง
สงบ ก็คงเห็นความไมมีเวร ไมเบียดเบียน ไมกอความทุกขกายทุกขใจใหแนนอน ถือวาเปนพระคุณบริสุทธิ์ที่ไมกึ่งๆ
เหมือนกัน
การใชพระเดชพระคุณขั้นเทพ ก็มีอยูในความจริงอยางที่เห็นไดนี่แหละจะ สามารถเปนสุขไดดวยตัวเองใน
แบบสฟงซ คือ สงบและนิ่งได ยอมไมมีเวรแกตนและผูอื่น ไมเบียดเบียนตนและผูอื่น ไมทําใหเขาหาความทุกขกาย
ทุกขใจของตนและผูอื่น เปนการใชพระคุณที่มีผลตอตัวเองและผูอื่นไปพรอมๆกัน โดยไมตองรอการตอบแทน
พระคุณจะ และไมสูญเสียพลังอํานาจ เมื่ออยูนิ่งและสงบ ดังนั้นพระเดชก็ยังคงไมสูญไปหรอกมั้งจะ คงจะ
เหมือนสฟงซที่ดูเมื่อไหรก็มีอํานาจยิ่งใหญตลอดเวลา และเปนสิ่งที่มีอยูในโลกที่เปนจริงนี่แหละจะ สฟงซที่อยูใน
จินตนาการนั้น ทั้งทําใหทุกขกายทุกขใจดวยการใชพระเดช ทั้งสรางเงื่อนไขในการเอาเปนพระคุณแบบกึ่งๆ ดวย
การตองตอบคําถามใหผาน ซึ่งไมไดชวยใหไมทุกขกายทุกขใจเลย จึงหาความสมควรที่จะเรียกวายิ่งใหญไดลงคอ
ไม ในจินตนาการจึงไมจัดวาเปนเหมือนสฟงซที่เปนจริง แตสฟงซในจินตนาการนั้น เปนแคสัตวประหลาด
รักษาตนใหพนจากทุกขภัยกันเถิด วามั้ยจะ พระคุณใดๆในโลก คงไมมีทางชวยอะไรไดมาก ถาสิ่งมีชีวิต
ไมรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นนะจะ สฟงซ@ เปนแบบอยางของการรักษาตนใหพนจากทุกขภัยไดเลย แม
จะไมไดหลบซอนอยูในที่กําบัง หรือแอบหลบในมุม ซอก ที่พรางตัว ไมไดหลบหรือบังอยูขางหลังใคร แตอยูอยาง
เปดเผยเลยนี่แหละจะ ทําใหเห็นชัดเต็มตาวา สงบนิ่งแคไหน ไมตองมองอยางเบลอๆหรือเขาใจผิด แตสฟงซ@เห็น
ไดชัดในระยะไกล จนเมื่อยขากวาจะถึงตัวเลยจะ เมื่อเห็นไดชัดแบบเปดเผยเพียงนี้ ก็คงไมเขาใจความเปนสฟงซ
ผิดไปมั้งจะ เห็นวาเปนรางเทพจําแลงและยิ่งใหญ มีอํานาจ วาสนา อยางไร ก็คงเห็นไดทุกสายตาเชนเดียวกัน
แบบวาเห็นชัดไดขนาดนี้ ถายังเห็นผิดๆไมตรงกับความจริง ก็คงนาวิตกวาจะไมเห็น แนวทางรักษาตนใหพนจาก
ทุกขภัยแลวละมั้งจะ ก็สฟงซนั้นคือจําลองรางเทพจําแลง แบบเห็นแลวรูเลยวา มีอํานาจเหนือกวาคนธรรมดาแนๆ
หากรูรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น ยอมไมลบหลู ดูถูกความเชื่อของผูอื่น ฉันรูสึกวาเรื่องการลบหลู ดูถูกผูอื่น
เปนการไมรักษาตนใหพนจากทุกขภัยจะ และนอกจากไมรักษาตนจากทุกขภัยแลว ยังนําเอาทุกขภัยไปสูผูอื่นดวย
โลกความจริงมีการดูถูกผูอื่น สิ่งอื่น เหยียดหยามซึ่งกันและกัน แขงเอาชนะผูอื่น ขมผูอื่น ตองการอยูเหนือผูอื่น ไม
ตองการใหผูอื่นไดดีหรือเดนไปกวาตน อิจฉา ริษยา และทําลายผูอื่น เพื่อตัวเองจะไดรับการยกขึ้นจากเดิมหรือ
ยอมรับมากกวาผูอื่น สิ่งอื่น ฉันคิดวามันไมใชเรื่องการยอมรับมั้งจะ แตยัดเยียดใหรับมากกวา และหากดูสฟงซ@
แลว จะเขาใจไดถึงความไมจําเปนใดๆเลย ที่จะยัดเยียดใหผูใดยอมรับตนโดยวิธีที่กลาวมาแลวขางตนในโลกที่
เปนจริง เพียงแคอยูอยางนิ่งๆและสงบ ก็มีตัวอยางของการยอมรับไดวา มีความยิ่งใหญ ทั้งอํานาจ วาสนา ขั้นเทพ
เปนความจริงบนโลกที่มีมานานแลวและพิสูจนไดโดยสฟงซ@นี้แหละจะ ฉันไดความคิดดีๆจากสฟงซ@วา ความ
สงบสยบพระเดชไดนะจะ
พระคุณก็สยบพระเดชในแนวเดียวกันจะเหมือนคุณสมบัติที่ไมนําไฟฟาละจะ ตอใหไฟฟาที่มีเดชแรงสูง
เทาสายฟา ก็ยอมไมวิ่งผานสื่อที่ไมนําไฟฟาจะ เพราะพระคุณตรงขามกับพระเดช จึงไมมีความเปนสื่อถึงกันได
ฉันจึงคิดวา ไมวาจะมีการใชพระเดชโดยบุคคลหรือสิ่งใด การตอบโตดวยพระเดช ไมใชสิ่งที่จะรักษาตนใหพนจาก
ทุกขภัยทั้งสิ้นไดจะ แตการไมสื่อกับพระเดช จะเปนการรักษาตนใหพนจากทุกขภัยที่มาจากพระเดชนั้นได นั่นคือ
ไมรับเวร ไมรับการเบียดเบียน ยอมไมทุกขกายทุกขใจ รักษาตนใหพนจากทุกขภัยเพราะพระเดชทั้งสิ้นจะ ซึ่งก็
ไมใชตองหนีหัวซุกหัวซุน แตรูจุดสกัดไมรับการสื่อพระเดชเขาสูตัวนะจะ มันก็มีทางเขาสูตัวไมกี่ทาง ไดแก ทาง
กาย ทางวาจา ทางใจ ทั้ง 3 ทางนี้ก็ลวนอาศัยความรูสึกและความตองการทั้งนั้นแหละจะ การไมยอมสัมผัสกับ
พระเดชทั้ง 3 ทางเลย ก็ตองวางจากความรูสึกและความตองการนะจะ ความวางก็มีทั้งความสงบและความนิ่ง
เห็นอนุสาวรียแลวคงพอจะสัมผัสคุณสมบัติ ไมสื่อตอพระเดชไดแลวมั้งจะ สฟงซ@เผชิญหนากับทุกสิ่งอยางสงบ
นิ่ง และไมมีพระเดชใดที่ทําความหวั่นไหวหรือทําอะไรไดมากไปกวา ถอยกลับไป แตสิ่งที่มาเผชิญหนาอยูตอ
หนาสฟงซนั้น ในที่สุดก็ตองถอยกลับไปอยูดี คงไมมีผูมีพระเดชใดตองการอยูกับสิ่งที่นิ่งตลอดเวลามั้งจะ พระเดช
จะเปนหมันซะละมั้ง เรื่องความนิ่งสงบสยบสิ่งที่เคลื่อนไหวนี้ ฉันคิดวา พระเดชก็รวมอยูในสิ่งที่ไมอยูนิ่ง มีความ
เคลื่อนไหวดวยจะ เมื่อสําแดงพระเดชเมื่อใด ยอมมีการกระทบกระทั่งแนนอน ไมวารูปแบบใด ทางกาย วาจา หรือ
ใจ การกระทบก็แสดงชัดอยูแลว วาไมใชการอยูนิ่งๆดังนั้นพระเดชก็ถูกสยบได โดยพระคุณละจะ เพราะพระเดช
เปนสิ่งที่อยูในประเภท สิ่งไมนิ่งนั่นละจะ
เรื่องสฟงซ@ เปนอีกรูปกายครึ่งคนครึ่งสัตว ที่ทั้งคนทั้งสิงห ก็เปนสิ่งที่มีอยูบนโลก และสฟงซก็ปรากฏ
ใหเห็นไดในโลกของความจริง จึงสามารถเชื่อในความเปนคนและสิงหได อยางเห็นกับตา ทั้งระยะไกลและใกล
วา ถามีอํานาจยิ่งใหญมากมายแลวไมเบียดเบียน ไมมีเวร ไมทําใหทุกขกายทุกขใจ รักษาตนใหพนจากทุกขภัย
ก็ไมไดลดความยิ่งใหญหรืออํานาจ ลงไป แตกลับยิ่งไดรับการยอมรับในความยิ่งใหญ อํานาจ วาสนามากยิ่งขึ้น
เปนความจริงที่ทําใหเห็นวา พระเดชไมมีผลในทางบวกตอตัวเองเชนกัน หากจะไดรับการชื่นชมในความยิ่งใหญ
และมีอํานาจ วาสนา คงจะเปนเพราะพระคุณ ที่มี มากกวามั้ง กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ อาจไมใชสิ่งที่อยูในรางของ
สิ่งที่ครึ่งๆเสมอไป อยางเชนครึ่งคนครึ่งสัตวนี้ ก็สามารถมีพระเดช พระคุณอยางบริสุทธิ์ได แตคนเต็มตัวที่
มองเห็นเพียงรูปกายนั้น คงจะสรุปไมไดวาใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณหรือ ใชอยางใดอยางหนึ่งโดยบริสุทธิ์ ฉันคิดวา
คนที่ใชพระเดช พระคุณ ยอมรูชัดในเจตนาของตัวเอง วากึ่งๆหรือเต็มพระเดช เต็มพระคุณ ดังนั้น ถาหวังในความ
ยิ่งใหญ มีอํานาจ วาสนา แตมีความแตกตางกับสฟงซในเรื่อง การมีและแสดงพระเดช พระคุณ คงคิดไดจะวา
แนวทางไหนที่ครองความยิ่งใหญ อํานาจ วาสนามานานและคงอีกนาน หากนิ่งสงบได คงไมจําเปนตองรูสึกวา
เปนเพื่อนทุกขกันละเชนเดียวกันจะ เพราะคงไมไดรับความทุกขกายทุกขใจจนพอที่จะสงบและนิ่งไมไหวมั้งจะ ฉัน
รูสึกวาสฟงซ@ เปนความจริงที่สื่อสัมผัสไดถึง แนวทางของพระเดช พระคุณ และนํามาสูเคล็ดลับความเปนสุขของ
สิ่งมีชีวิตไดจะ แมความจริงจะเปนอนุสาวรีย แตอนุสาวรียก็เปนสิ่งที่ แทนความจริงนะแหละจะ
เซนทอร@ลําตัวสวนบนเปนคนสวนลางเปนมา

โปรดงดใหเวรแกกันและกันเถิด เพราะนั่นคือ การใหสิ่งที่ไมสิ้นสุด เชนเดียวกับแรงมา ยิ่งวิ่งยิ่งคึกฮึกโหม


ถาโถมโรมรัน เซนทอร@ก็ ครึ่งคนครึ่งมา มีรางสวนบนเปนมนุษยผูชาย แตสวนที่เสริมความสงา และมีกลามเนื้อ
เปนมัดๆนั้น ตั้งแตชวงลางของลําตัวลงมาถึงเทา ทําใหมีพละกําลังมาก ความไดเปรียบของครึ่งคนครึ่งสัตว ก็อยู
บริเวณรางสวนที่มีความสามารถพิเศษนี่ละจะ เมื่อเปนครึ่งคนครึ่งมา จึงมีความพรอมในเรื่องพละกําลัง ถึงขั้นชนะ
คูตอสูไดแนนอนละ ทั้งรวดเร็ว แข็งแรง อยางเซนทอร@ หากทาสูก็คงไมตองเดาผล นาจะแนใจไดเกือบเต็มตัวละ
จะ แรงกายแรงใจทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตใด ก็มักจะไมคอยเผื่อเหลือไวชาติหนา ตางชีวิตก็ตะบึงสุดเรี่ยวแรงที่มี เพื่อ
หนีความทุกขของตน ซึ่งสัตวและสิ่งมีชีวิตบนโลกหรือไมมีชีวิตก็ตาม หนีไมคอยทัน ดังนั้นการใหเวรแกกันและกัน
จึงเปนสิ่งที่ไมไดสรางสรรค แตซ้ําซาก เพราะยากที่จะมีสิ่งมีชีวิตที่ ไมมีทุกขของตนอยูแลว ทําใหเวรเปนสิ่งที่ไมพึง
ปรารถนาแนๆ แตนั่นกลับเปนเรื่องที่ ใหกันไดลงคอและมีอยูตลอด วามั้ยจะ จึงไมแปลกแนนอน ที่ผูใหเวรแกผูอื่น
ยอมไดรับความผูกพันแบบ แคนตองชําระ ซึ่งเปนความผูกพันที่ ตามติดกันไปถึงภพถึงชาติหนาละจะ สําหรับ
สภาวะที่เปนผูมีพละกําลังมาก หรือเปนผูมีความพรอมในตัวเองอยางเซนทอร@ นี้ หากทุมเทพละกําลังเพื่อใหตน
ชนะหรือพอใจ แบบที่ผูแพตองรับเอาความผูกพันในทาง อัดอั้น คับแคน อาฆาต ตองสะสางคืนกลับไป ก็คงเปน
เรื่องการตอบแทนที่ไมสิ้นสุด เพราะมีความผูกพันที่ยากจะตัดขาดลงไดละจะ เปลี่ยนเวรกันไปมา เพราะมีความ
ผูกพันมาจาก การใหเวรแกกันและกันนี่ละจะ
ในดานตรงขาม หากมีพละกําลังมาก คือ มีความพรอมในการหนีความทุกขเปนคุณสมบัติพิเศษแลว ได
ใชพละกําลังสรางสรรค ใหสิ่งที่ตนเองมีแกผูอื่นดวยเพื่อความพนทุกข ก็ยอมจะไดรับความผูกพันในทาง นิยม
อาทร เสนหา หรือ สวัสดี มีสันติ นะจะ ถาเลือกที่จะใหความสุข ยอมไมถูกจองดวยเวรซึ่งกันและกันมั้ง แตจะมี
ความยินดีรับสําหรับการใหความสุขทุกเมื่อ ซึ่งก็คือ จะมีแตผูอื่นที่เปนฝายรับ ไมใชเปนฝายรุก ตามทวง ตามจอง
เวร ดวยความผูกพันนะจะ ความรูสึกที่มาจากหวงคํานึงที่เปนความเคียดแคน อาฆาต นั้น รับรูไดตางกันกับหวง
คํานึงที่มาจากความชื่นชอบ เสนหา ดวยตนเองจะ ซึ่งหากมีมากมันก็ตัดขาดยากทั้งสองทางนั่นแหละจะ
สัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต ยอมตองการหนีจากความทุกขทั้งนั้น จริงมั้ยจะ หากใหเวรแกกันและกัน เชื่อไดวา ตอง
หนีความทุกขโดยไมมีเวลานอกละจะ เพราะเวรมันมีการจอง เทาที่แตละชีวิตไดใหไปถึงผูอื่นนะจะ คงไมดีที่ถูก
จองโดยเวรจะ จึงไมควรมีเวรแกกันและกันเลย เนื่องดวย ใหสิ่งใดก็จะไดรับคืนสิ่งนั้นอยางไมตองสงสัยเลยจะ
และใหมากก็ไดรับตามแรงสงมอบใหไป ใหนอย แรงสงกลับคืนก็คงไมลนเกินมาจะ สําหรับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ
โดยลักษณะผูใชที่มีสภาวะ มีพละกําลังมาก มีความพรอมสูง เชนเซนทอร@ นี้ เมื่อมันกึ่งๆก็เสียแรงมามั้งจะ นา
อายผูที่มีกําลังนอยแตทุมสุดตัวนะจะ ทั้งพระเดชทั้งพระคุณนั้น ผูมีความพรอมคงเลือกที่จะใหแกผูใดไดตาม
ประสงค หากเล็งผลตอบแทนก็นาจะไดรับตามปจจัยแกการตอบแทน ไมวาจะดวยเดช ดวยคุณ หรือ กึ่งพระเดช
กึ่งพระคุณทีเดียวจะ
สภาวะที่มีความพรอมในตัว อยางเชนเซนทอร@ แมเปนรางครึ่งคนครึ่งมา แตเชื่อไดเลยวา พระเดชไมเสีย
แรงมาสักนิดหรอกจะ จึงควรมีความพรอมในการตระหนัก ทั้งเหตุและผลของการแสดงพระเดช ที่มีพรอมในตัวอยู
แลวจะ เพราะอาจเปนการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน แบบมีความพรอมในการเบียดเบียนเลยละ เปนเรื่องไมเบาจะ
เมื่อการเบียดเบียนเกิดขึ้นไดดวยความพรอมเลยทีเดียว แมรางครึ่งคนครึ่งมา จะมีความพรอมสําหรับตัวเอง ใน
การหนีความทุกขเปนอยางดี แตหากไดเบียดเบียนผูอื่น ฉันคาดวา เปนเรื่องเสาะหาความทุกขระหวางหนีความ
ทุกขไปดวยจะ เพราะชีวิตไมใชสิ่งที่นิ่ง เมื่อชีวิตใดถูกกระทํา ถูกเบียดเบียน ก็ยอมที่จะโตตอบนะจะ จึงนาเสียดาย
ความพรอมที่มีในตัวเชนนี้ ซึ่งแทนที่จะพนความทุกขไดโดยความสามารถพิเศษ ก็อาจพวงเหตุแหงทุกขเขาไวอีก
ไมขาดสาย ในโลกปจจุบัน สภาวะที่มีความพรอมในสิ่งมีชีวิต ที่เหมือนดั่งพละกําลังในตัวเซนทอร@ ก็นาจะมีอยู
ในผูที่ทั้งเร็ว แรง ในจิตวิญญาณเลยละ บุคลิกของผูที่ไมลาหลังแนนอนจะ แตไปไดเร็วกวาธรรมดาทั่วไปมาก ดวย
พละกําลังที่พรอมแหงตน และนาจะเปนผูบุกเบิก ผูนํา ล้ําหนา นําสมัยจนแทบหาผูตามไมทันเลยจะ เพราะความ
พรอมที่มีเฉพาะตนนั้น ยากที่จะรีๆรอๆละ เทาที่เปนจริงในโลกปจจุบัน ก็มีความแตกตางระหวางผูที่นําหนา นํา
สมัย กับผูตาม แทบทุกแหงหนจะ สวนใหญก็ไมพนความทุกขนักหรอกจะ เชน การนําความกาวหนาทางการ
ประดิษฐ คิดคน มาสรางสภาพแวดลอมใหม แทนสภาพธรรมชาติดั้งเดิม ซึ่งทั้งโลกลวนตามกันไปเหมือนๆกันนะ
จะ ผูที่มีความพรอมมากกวา ก็เปลี่ยนสภาพสังคมไปจากเดิมไดเร็ว ผูที่มีความพรอมที่แตกตาง ก็คงสภาพคลาย
จะล้ําหนา ผูที่นําแนวทางการเปลี่ยนแปลงดวยซ้ําจะ เพราะการเปลี่ยนแปลงดูเหมือนจะ หันกลับมาที่สภาพ
ดั้งเดิมในแบบธรรมชาติ เพื่อทบทวนหาความพนทุกขใหมนะจะ อาจมาจากผลที่ไมพนตัว เชน มลพิษ สภาพที่ไม
ปลอดภัยจากการเปลี่ยนแปลง ที่เรียกวาเจริญตาเจริญใจ สะดวก สบาย กาวหนา นั่นมั้งจะ
ฉันคิดวา หากยังมีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ก็คงแคเจริญตา เจริญใจของผูพอใจที่เบียดไดนะจะ แต
โดยรวมแลว รางทั้งรางก็ไมไดเปลี่ยนเปนอื่นถึงกับเจริญมั้งจะ หากเจริญจริงยอมเหนือสภาพดั้งเดิมของตนนะจะ
คือ ชนะตนเทานั้นจึงจะเจริญไดจะ รางทุกรางของสิ่งที่มีชีวิต เหมือนแกวใสน้ํา น้ําก็คือสิ่งที่เติมเต็มชีวิตนะจะ หรือ
คือสวนของจิต ใจ ระดับน้ําในแกวก็เปนระดับจิตใจของชีวิตนั้นๆ จิตที่อยูสูงจนเทาขอบปากแกว ยอมไมมีชองวาง
สําหรับความขาดความพรอง จึงไมมีความตองการแมแตเบียดเบียนสิ่งใด ผูใด รวมทั้งตนเอง เพื่อเติมในสวนที่ขาด
ที่พรองแกตนหรอกจะ และเมื่อระดับจิตใจเทียบไดเทาขอบปากแกวเทานั้น จึงจะพนจากแกวใบนั้นๆได จริงมั้ยจะ
คือตอไปก็เหนือกวาความดั้งเดิม เปนสภาพที่เจริญขึ้นแนๆจะ ไมวารางที่เปนชีวิตนั้น จะเปนครึ่งคนครึ่งสัตว หรือ
เปนคน เปนสัตว ก็ตาม แตน้ําในแกวหรือสภาวะจิตนั้น สามารถปรับระดับจนถึงขั้นเจริญพนสภาวะภายใตกรอบที่
เปนสภาพกั้นการหลุดพนของแกวหรือรางนั้นไดจะ และน้ําในระดับสูงสุดของแกวใบหนึ่ง ยอมมีสถานะไมต่ํา ไม
ดอยไปกวาแกวอื่น หรือชีวิตอื่นจะ แกวก็แคราง หากแตชีวิตไมวามีรางใดก็มีความเปนชีวิตเหมือนๆกัน คือแคหนึ่ง
ชีวิต เมื่อมีความเต็มในชีวิตแลว ก็ไมไดดอยกวาชีวิตอื่นใดเลยจะ ดังนั้นหากเหนือตนเองได ยอมไมดอยกวาผูอื่น
ที่อยูในสภาวะมีชีวิตนะจะ เพราะเต็มแกวแลว เต็มความมีชีวิต อยูในสถานะสูงสุดของผูที่มีชีวิตดวยตนเอง ชาติ
เดิมเปนอันยุติจะ แลวยอมเจริญขึ้นดวย แกวอาจแตกตางในรูปราง หรือเปนเพียงรางกายภายนอก ซึ่งมีผลตอ
ความยาก งาย ในการปรับระดับน้ําในตัวของตน แมจะเปนรางคน สัตว ครึ่งคนครึ่งสัตว เมื่อระดับน้ําเทาขอบแกว
แลว ยอมไมวนเวียนอีกในแกวเดิมจะ มีแตพนจากแกวนั้นไปนะจะ เปนผูเจริญ นั่นคือชนะตัวเอง จึงเจริญขึ้น และ
ยอมคือผูชนะที่แทจริง เพราะไมจําเปนตองหาตองมีผูอื่น สิ่งอื่น มารองรับตําแหนงผูแพ เพื่อเรียกตัวเองวา เปนผู
ชนะนะจะ นั่นเปนชนะที่ตองพึ่งผูอื่นอยูดี พึ่งผูยอมแพนั่นแหละจะ ถาไรผูแพก็คงไมอาจรูถึงชัยชนะไดดวยตนเอง
แบบที่ตนเองไมมีทางเห็นชัยชนะไดหากปราศจากผูอื่นนะจะ หรือก็คือ การชนะตนเองนี้ สิ่งอื่นใดๆหรือแกวอื่นนั้น
ไมมีผลตอชัยชนะของตัวเราเอง ชนะไดโดยอาศัยตัวเองเทานั้น แมมีเพียงตัวคนเดียวก็มีชัยชนะเสมอ ไม
จําเปนตองหาผูอื่นมาเปนผูแพหรอกจะ ชัยชนะมันอยูในตัว ไมไดอยูที่ผูอื่นจะ จึงชนะอยางแทจริง ในทางตรงขาม
หากไมสามารถชนะตัวเองได มีแตตองขึ้นกับการเติมเต็มในชีวิต แคคิดก็แพแมแตตนเองวันยังค่ําแลวละจะ การ
เบียดเบียนจึงไมใชหนทางทําใหเจริญขึ้นเฉพาะตน และโดยรวมจะ
เพียงเปนผูพรอมในพละกําลังมาก ก็อาจไมสามารถพนจากความทุกขกาย ทุกขใจไดทีเดียวจะ โดยเฉพาะ
ชีวิตที่มีทางเลือกใน ทั้งพระเดช พระคุณ ซึ่งตองเลือกโดยเลี่ยงยาก หากจะใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ สําหรับผูที่มี
ความพรอมในตัวมากกวาผูที่เปนธรรมดาๆ อยางเชนเซนทอร@ นี้ ไมสมควรนักจะ มันเสียแรงมา เหมือนเลือก
ผลไมนะจะ ผูที่มีความพรอมยอมเล็งผลและไดผลดั่งที่พอใจไดไมลําบาก ซึ่งจะเลือกผลดีหรือผลที่เสีย ก็ยอม
สามารถควาผลที่ตองการไดแบบเซนทอร@ละจะ โดยไมนาจะเลือกผลกึ่งดีกึ่งเสียหรอก แบบเซนทอร@ ที่มีทั้งแนว
พระเดช แนวพระคุณ แตกตางชัดเจนในประวัตินะจะ แบบแรกนั้นจะชอบทาตีทาตอย เพราะตนเองมีความพรอม
ในพละกําลังมาก ผลที่ได ก็คือผูชนะที่ไมใชวีระบุรุษ แตเปนจอมอาละวาด นักเลงนะจะ เปนผลที่ไมใหประโยชน
เหมือนผลไมเสีย ผลเนา เลยละ สวนในแบบที่สองนั้น เปนเซนทอร@ที่แสดงพลังโดยปราศจากการทําลาย และใช
พระคุณ ในวิถีทางที่เจริญ ดวยการเจริญสติ ปญญา แลวใชสติ ปญญา ชวยใหความรู แนวทางเจริญนี้แดผูที่
พรอมเขาสูหนทางที่เจริญดวยจะ เปนการเลือกผลที่ใหประโยชน หรือผลที่ดี จริงมั้ย หากใชแนวทางกึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณ มันจะเปนผลที่เลือกมาเพื่อ หลอกลอใหเสียแรงมาไปทําไม เพราะมันไมคุมนะจะ สําหรับผูที่มีความ
พรอมในระดับเต็มแรงมาเชนนี้ ซึ่งแนวที่เจริญสติ ปญญา ผลก็คือ จอมปราชญ เปนครูที่มีผูเคารพ นับถือ เห็นชัด
ไดวา ยิ่งแสดงพลังที่พรอมในตัวเทาใด ก็ยอมสําเร็จผลไดเร็วและแรง ชนิดเต็มแรงมาจะ แตจะเลือกผลแบบใด ก็มี
อยูสองทางแคนั้นเอง และนั่นก็เปนหนทางที่จะแบงเบาความทุกขกายทุกขใจ หรือเพิ่มพูน เติมความทุกขกายทุกข
ใจขึ้นอีก ทั้งตอตนเองและผูอื่นไดจะ
สําหรับเซนทอร@ นี้ โชคดีที่ไมมีแนวที่เลือกกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ แบบวา ถาเจอเซนทอร@ จอมอาละวาด
นักเลง ก็บุคลิกเดนชัดเลย หรือถาเปนเซนทอร@ครู จอมปราชญ ก็แนใจไดเชนกัน แบบวาไมเสียแรงมาทั้งสอง
แนวจะ ควรที่เปนครึ่งคนครึ่งมาที่ มีลักษณะพิเศษ มีพละกําลังมาก มีความพรอมนะจะ และก็ใชความพรอมในตัว
เต็มแรงมาเลย ฉันคิดวาหากผูที่มีความพรอมในตัว ใชมันเต็มที่ ก็ใชเลยสําหรับหนทางพนบวงนะจะ โดยเฉพาะ
พระคุณ และนั่นคือขอคิดจากเซนทอร@จะ สวนรางที่ไมเปนครึ่งคนครึ่งมา ไมมีสวนที่มีความสามารถพิเศษแบบ
เซนทอร@ แตกลับเลือกแนวทางกึ่งๆ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณนั้น นาจะไมพนบวงทุกขกายทุกขใจไดจะ เพราะที่เปน
เจตนานั้นเผื่อสําหรับผลเสียไวดวย ยังไงก็ไมหลุดบวงแหงความทุกขทั้งกายทั้งใจแนนอนนักจะ เหมือนเลือกผลไม
กึ่งเนากึ่งยังพอมีที่ลิ้มรสไดนะจะ แลวก็ตองเอาเชื้อเนาไปไวกับสิ่งอื่น หรือไมก็ไวกับตนนั่นเอง กึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณ ไมใชสิ่งที่ปรากฏในบุคลิกตามประวัติเซนทอร@แมรางเปนครึ่งคนครึ่งมา ฉันชื่นชมนักสําหรับความ
เด็ดขาดเชนนี้ และในทางตรงขาม ที่มีความชินชากับการใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณในโลกปจจุบัน แบบเปนโลกของ
สัมผัสความจริง ไมไดอยูแตในตํานาน ฉันกลับคิดวาแนวกึ่งๆนี้เปนการพยายามลืมตัวนะจะ อยางแนๆคือลืมวา
รางไมใชครึ่งคนครึ่งมาหรือครึ่งสัตวอื่น จึงไมนาจะแสดงออกโดยเจตนาที่เปนกึ่งๆพระเดชกึ่งพระคุณ เผื่อผลเสียไว
ดวยนั่นนะจะ มันชัดเจนโดยตัวเองวา กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ มีทั้งหวังได หวังสิ้น หวังดีปนราย มันคงพนจากระดับ
ที่เปนอยูเดิมไปไดยากจะ เหมือนน้ําในแกวที่ไมไดสูงขึ้น หรืออาจฮวบลงกวาเดิมก็เปนไปไดเชนกัน รางที่ไมใชครึ่ง
คนครึ่งสัตว ก็ไมแนนักวาอัตโนมัติ จะคงอัตตาเดิมไดแคไหน แมจะเปนครึ่งคนครึ่งสัตว ก็ยอมตองการพนจาก
ความทุกขกายทุกขใจ ไมนอยกวา รางที่ไมแบงครึ่งจะ สุดแตชีวิตใดจะสามารถหลุดพนความทุกขกายทุกขใจได
เอง ฉันกะวา การเลือกอยางเซนทอร@ที่เต็มที่นั้น ใชเลยสําหรับความพนทั้งทุกขกายทุกขใจไดโดยความเด็ดขาด
ถาเลือกถูกทาง
ความเปนผูมีความพรอม ยอมเลือกได รวมทั้งเลือกรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นดวยจะ ขึ้นอยูกับตน
เปนหลัก พลังที่มากนั้นละ ถาใชเพื่อชนะผูอื่น ก็ดับทุกขภัยไมไดเลย แตเหนี่ยวทุกขและภัยเขาสูตัว โดยเปนผูที่นํา
ทุกขภัยมาสูตน แถมไดผูตามที่ตัดกันไมขาด เพื่อนําสิ่งที่ไดรับทั้งพระเดช พระคุณ มาคืนใหโดยไมขาดตกบกพรอง
นะจะ ฉันจึงคิดวา พลังในตัวที่มีมาก ควรใชเพื่อชนะตน นั่นคือพนการติดอยูในตัวตนของตน เปนชีวิตที่ไมขึ้นกับ
การตามกาย ตามใจ เพราะมันไมพนจากตัวของตนสักเรื่องจะ เมื่อชนะตนจึงจะไมของติดที่ตัวที่ตนเอง เหมือนน้ํา
พนจากแกวเดิมได ทุกขใดที่กอความเดือดรอนกายใจในระดับแกวใบเดิม ก็ยอมไมอาจทําใหผูที่ไมของติดในตัวตน
ของตน ซึ่งเหนือระดับน้ําในแกว เกิดความทุกข หรือไดรับภัย ถึงตัวไดอีก ฉันรูสึกวา นั่นคือการมีความพรอม และ
ใชมันเพื่อรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นได รางที่ไมใชครึ่งคนครึ่งสัตว หรือ เปนคน ก็คงไมหมดสิทธิ์ที่จะรักษา
ตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นหรอกจะ ไมวารางของสิ่งมีชีวิตเปนเชนใด ก็ยอมไมควรติดในการถือเอาไวติดตัว
เหมือนๆกันนะจะ ไดแก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ความคิด อารมณ รูสึก ถาอยางใดอยางหนึ่งติดตัวอยู รักษาไม
ถูกทางก็ทุกขอีก ภัยที่ติดตัวสิ่งมีชีวิตมากๆก็คือ แพภัยตนเองนะจะ ฉันเห็นวาการเจริญสติ ปญญา ยอมสามารถ
รักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นได เพราะชนะแลวพนทุกข คือชนะตนเองเทานั้น ซึ่งชนะนี้มีเพียงตนเทานั้นที่เปน
ที่พึ่งแหงตนนะจะ
ดังนั้นจึงตองมีความพรอมในตัวดวย เนื่องจากที่พึ่งก็คือตนเองจะ หากอยูเฉยๆไมลงมือเอาชนะทุกขภัย
ดวยตนเอง มันก็ยังไมใชการรักษาตนเพื่อพนจากทุกขภัยใดๆหรอกจะ ความพรอมจึงเปนสิ่งสําคัญ โดยพรอมที่จะ
รักษากาย รักษาใจ ใหเจริญ พนขีดแพภัยเปนทุกขนะจะ เต็มแรงมานี้เองจะ ซึ่งไมเหมือนใชรถหรือพาหนะล้ํายุค ที่
ชวยใหสะดวก รวดเร็ว แลวเปนทุกขเพราะรถติด เมาควันพิษ หรืออุบัติเหตุจะ นั่นเปนการรักษาตนแคบรรเทา
อาการทุกข หรือบรรเทาภัย แตไมหายขาด เดี๋ยวก็กําเริบไดทั้งทุกขภัยภายนอกและภายในตนเอง หนทางที่จะ
รักษาตนใหพนขาดจากทุกขภัยไดมีเพียง ตองเจริญยิ่งขึ้นจะ แคเต็มกาย เต็มใจ ก็เขาสูฐานของการเจริญแลวละ
จะ เต็มที่เหมือนน้ําเต็มขอบแกวนั่นนะจะ อยางเซนทอร@เต็มแรงมาจะ หนทางเจริญนั้นรักษาตนใหพนจากทุกข
ภัยทั้งสิ้นไดตลอดทาง ก็ไมควรมีทางสวน จริงมั้ยจะ ฉันจําไดวาเซนทอร@นั้นเต็มแรงมาทั้งสองบุคลิก คงไมลังเล
วกกลับ แบบผูมีความพรอมนะจะ มีทั้งเซนทอร@จอมอาละวาด นักเลง และเซนทอร@จอมปราชญ ครู ฉันคิดวา
แมมีสิทธิเลือก ก็ยังยากจะรักษาตนไดผลนะจะ เต็มกาย เต็มใจ จะเขาสูความเจริญเพื่อรักษาตนใหพนจากทุกข
ภัยทั้งสิ้นนั้น ขึ้นอยูกับความพรอมนี่แหละจะ คือพรอมเลือกพระเดช หรือ พระคุณ ไมใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ
เพราะกึ่งๆนั้นมันไมเต็มที่ และไมถึงฐานที่เจริญเลยดวยซ้ําที่อยูตรงระดับเต็มแกว แตเปนน้ําที่ไมเต็มแกวจะ ซึ่ง
ปรากฏไดดวยไมเต็มกาย ไมเต็มใจจะ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณในโลกความจริง เห็นจนชินชาในรางที่ไมใชครึ่งคน
ครึ่งสัตวจะ ในจินตนาการก็เห็นชัดวา ครึ่งคนครึ่งมานั้นเต็มแรงมา ไมใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเชนกัน ความเจริญ
นั้นไมขึ้นกับรูปลักษณจะ แตเปนสภาวะที่ไมขึ้นอยูกับรางภายใตรูปลักษณนั้นๆ และกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ก็ไม
อาจเปนสะพานเขาถึงทางแหงความเจริญไดเลยจะ
เรื่องเซนทอร@ เปนตํานานที่เขาถึงไดดวยปรากฏการณที่พรอมนะจะ เซนทอร@ครึ่งคนครึ่งมา มีรางครึ่ง
คนครึ่งสัตวแต สามารถเต็มที่ สุดๆ และไดรับผลตอบแทนสมควรกับความเต็มกาย เต็มใจ เต็มแรงมา ไมวาตาม
ตํานานจะมีเซนทอร@ ที่ทําใหจินตนาการดวยความเห็นแบบสุดขั้ว เพียงไร สําหรับโลกที่เปนจริง ทั้งพระเดช ทั้ง
พระคุณ ก็ไมใชสิ่งที่จะเปนอันเดียวรางเดียวกันหรอกจะ แมจะมีการใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ มันก็ไมใชสิ่งที่
ทดแทน เติมเต็มแทนที่กัน สวมแทนกัน แบบเปนลบกับบวกเลยจะ มีแตถวงผลประโยชนตอกันในตัว ดังนั้นเชื่อได
โดยไมยากถึงขนาดตองจินตนาการ วา หากมีลักษณะกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ มันชวยอะไรไมไดมากนักหรอกจะ ทั้ง
ทุกขกายทุกขใจ เหมือนทําความดีไมละเวนความชั่ว เจตนาที่มีความขาดสะบั้นในที่สุด เพราะบวกและลบ มันก็
ถวงความสําเร็จนะจะ ซึ่งลักษณะเชนนี้นอกจากไมตรงหนทางเจริญแลว อาจพาหลงทางไปทางที่ไมใชก็ไดจะ เชน
บาตัวตน บาอํานาจ บาไปเลย แมแตในทางวัตถุ คนเรานั้นก็ยังเลือกวัตถุที่ เปนธาตุแท อยางเชน ทองแท วามี
คุณสมบัติดี นั่นคือสิ่งไมมีชีวิตและพิสูจนไดแบบไมตองจินตนาการยาก เชนเดียวกันกับโลกของสิ่งมีชีวิต ถามี
ความบริสุทธิ์แทจริงในชีวิต ยอมไมมีลักษณะกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ แบบที่ไมมีความลับนะจะ เพราะไมมีสวนที่
แตกตางที่แฝงอยูในชีวิตที่มีความบริสุทธิ์ เหมือนทองแท สําหรับทองแทก็คงเปนทองวันยังค่ํา แตสิ่งมีชีวิตที่
สามารถเจริญขึ้นไปไดยิ่งขึ้น เมื่อถึงความพรอมเต็มที่แลวในคุณสมบัติที่เจริญ ก็เหมือนน้ําในแกวที่พนจากแกวใบ
เดิมได เปนน้ําเต็มแกว ชีวิตที่เต็มชาติโดยสมบูรณ และพรอมเพื่อเจริญโดยไมขึ้นกับชาติกําหนด แบบเดิมนี้อีก
โดยไมตองรอวันหดแหงเหือดลงหรือเนานะจะ เหตุก็เพราะไมใชสิ่งบริสุทธิ์นี่ละ เมื่อเต็มกาย เต็มใจ ก็ไมมีสวนขาด
สวนพรองทั้งกายทั้งใจ จึงไมมีที่สําหรับใหทุกขแทรกสูกายสูใจ เพียงแตตองเต็มแบบกลั่นกรอง เพื่อความบริสุทธิ์
ลวนๆนะจะ เมื่อถึงหนทางที่มีความบริสุทธิ์ก็คือหนทางแหงความเจริญ ซึ่งไมถึงขั้นขึ้นอยูกับอะไรก็ได แตเปนเรื่อง
รักษากายใจใหบริสุทธิ์ หากยังไมเต็มแมกายหรือใจ การดําเนินของชีวิตก็มีเพียงสาละวนอยูในอางหรือแกวที่ยัง
ไมเต็ม ชีวิตยังขาด ยังพรองอยูนั่นละจะ ชีวิตก็ประสบสิ่งที่ไมเจริญแบบที่มีลักษณะคนและวนเวียนซ้ําได แลวก็ซ้ํา
อยูได โลกใหมจึงอยูหางไกลโลกปจจุบันเพราะเดินทางคนละทิศจะ อยางที่ความแปลกใหมทางสภาพสังคม ทั้ง
วัตถุและไมใชวัตถุ มีชีวิต ไมมีชีวิต ที่ถูกเรียกวาเจริญและพัฒนาขึ้นแลวนั้น มีลักษณะกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ไมใช
สภาวะที่พนจากการคน วนเวียน ยอนกลับจะ ไมวาจะเรียกวาโลกยุคใหม โลกยุคไรพรมแดน หรือโลกใด ก็วนอยู
ในความเปนโลกที่ไมพนสภาพคน วนกลับในทิศที่คนเปนทิศไมพนกระแส ของน้ําในแกวทั้งตนและแกวอื่น แตถา
เปนลักษณะที่เต็มแรงมา ก็ถึงคราวเจริญไดละ ซึ่งความเจริญมีอยูภายในของสิ่งมีชีวิตแตละชีวิตเองจะ
เมดูซา@ผูหญิงมีผมเปนงู

เบื้องหนาที่ตองมีเบื้องหลัง เปนเวรที่ไมอาจยุติแกกันและกันไดเลยจะ ดังเชนเมดูซา@ ผูหญิงที่มีผมเปนงู


นี้ เคยเปนหญิงสาวที่งดงามทั้งรูปลักษณภายนอก และจิตใจภายใน นั่นคืออดีตหรือประวัตินะจะ แตไมดังเทาเมื่อ
กลายสภาพเปนหญิงหนาตานากลัว มีผมเปนงูเพราะถูกกระทําจากผูที่ใหเวรแกเธอ จนมีผลตอจิตใจของเธอที่นา
กลัวพอๆกับรูปกายเลยละ ครึ่งคนครึ่งสัตวแบบนี้ ก็มีเบื้องหนาและเบื้องหลัง ซึ่งไมอาจระงับเวรแกกันและกันได
เลยจะ เพราะมันถาวรแบบที่รูปกายไมกลับมาสวยอีกนะจะ เชื่อวาโลกแหงจินตนาการก็ไมพนไปจากโลกของ
ความจริงมากนัก เพราะรางกายของสิ่งมีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงอยูเสมอพรอมกับจิตใจที่ไมนิ่งพอๆกัน ชั่วขณะ
เวลาอึดใจก็อาจเปนชีวิตที่มีกายและใจดุจอดีตเมดูซา@ที่งามพรอม แตฉับพลันที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่กาย
ที่ใจ ก็อาจกลายเปนเมดูซา@ที่ชื่อดังในตํานานละจะ ใครสบตาเธอตองกลายเปนหินนะ ชีวิตก็ไมตางจากโลกของ
จินตนาการเลย จริงมั้ยจะ แคชีวิตเดียวกันนี้เอง อดีต ปจจุบัน และแมแตอนาคต ก็ปรากฏเบื้องหนาและเบื้องหลัง
ที่คนละฝากจะ หาความเปนชีวิตที่บริสุทธิ์ มีพรหมจรรย ยากที่สุดในความยากบนโลกนี้เลยละจะ ถึงแมรางของ
สิ่งมีชีวิตในโลกนี้จะไมเปลี่ยนชัดเทาเมดูซา@ก็ตาม แตจิตใจนั้นพอๆกับเซลของรางกายนั่นที่เปลี่ยนเซลเสมอนะ
จะ และคือเบื้องหนา เบื้องหลัง ที่อําพรางอยางนากลัวยิ่งกวาจินตนาการถึงเมดูซา@ทีเดียวนักละจะ
การเปลี่ยนโฉมเบื้องหนา ไมไดทําใหเวรระงับดับสิ้นไป ดูไดจากจินตนาการซึ่ง เมดูซา@เคยงามทั้งกายทั้ง
ใจ แตเปนเวรที่ถูกอิจฉา ริษยา ของผูหญิงและผูชายที่รูจักเธอ จนกระทํากับเธอใหมีรางกายเปลี่ยนเปนผูหญิงมีผม
เปนงู หนาตานากลัว ซึ่งเวรที่ใหแกเมดูซา@นั้น ไดทําใหจิตใจของเมดูซา@เปลี่ยนไปเชนกัน จึงไมใชการสิ้นเวรที่ได
ใหเวรแดเธอ หากแตเปนการเปลี่ยนโฉมหนาเปนเวรที่มีเบื้องหนาอีกตอไป พอๆกับโลกของความจริงที่ ทุกสิ่งมีชีวิต
เมื่อเซลเกาหลุดหรือเสื่อมไป เซลใหมเกิดมาแทน จิตใจก็ยังคงไมสถิตอยูที่เดิมเหมือนกัน เวรจึงมีวาระตอไปชั่ว
ชีวิต ไมวาจะแปลงโฉมในความจริงได ถึงขั้นผาตัดยกทั้งรางก็เถอะนา ยอมไมใชทางสิ้นเวรจะ เพียงแตอาจตาง
จากจินตนาการถึงเมดูซา@ ตรงที่ เมดูซา@นั้น เปลี่ยนจากสวยเปนนากลัว ซึ่งในโลกที่เปนความจริง หาผูที่จะ
เปลี่ยนไปในแนวทางนี้ยากจะ ถาจะผาตัดเปลี่ยนรางทั้งที ก็คงลวนอยากเปลี่ยนจากไมสวยสมใจเปนสมใจนะจะ
แมความสวยจะสวนทางกันระหวางจินตนาการอยางเมดูซา และความจริงในโลกนี้ แตเวรที่ไมสิ้นสุดนั้น เปนความ
มีอยูอยางไมสิ้นสุดเชนเดียวกัน ไมวาจะจินตนาการหรือในความจริง เปลี่ยนรูปกายนั้นไมมีผลตอการสิ้นเวรจะ
เชนเดียวกับโลกความจริงที่ มีการทํารายรางกาย หวังจะทําลายรูปโฉม ทําลายชีวิต ก็ไมใชการสิ้นเวร แตเปนการ
เปลี่ยนวาระของเวร จากเผชิญกับรางที่สวยดีอยู มาเปนเลือกเผชิญกับรางที่นากลัว แบบวาจินตนาการกับความ
จริงมันเหมือนกัน คือ เห็นชีวิตที่มีรูปสวย จิตใจดี แตทุกขเพราะอิจฉา ริษยา จนเลือก ขอเห็นชีวิตนั้นมีรูปนากลัว
จิตใจก็พอๆกัน รูสึกดีกวา มันสะใจ มั้งจะ ดังนั้นเวรจึงไมสิ้นสุดแคเปลี่ยนวาระแบบ เมดูซา@เปลี่ยนโฉมเทา
นั้นเองละจะ ยังไงเสียก็ตองทุกขดวยเวรที่ไมพนไปไดจะ เลือกระงับความริษยา ดวยเวร หรือเลือกสะใจ ดวยเวร
มันก็ไดเวรทั้งสองทางเลือกละจะ
ชีวิตที่เบียดเบียนกันและกัน ก็เหมือนเบื้องหนาที่เผชิญศัตรูอยูเสมอนะจะ เหมือนที่เมดูซา@ถูกกระทําและ
กระทําตอบโตเชนกัน ดังนั้นการใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณในโลกความจริง ไมไดลดความมีเบื้องหนาเปนศัตรูหรอก
จะ เพราะกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณนั้น มีความไมคงที่ไมแนนอนอยูในตัวเองอยูแลว จึงมีเบื้องหนาที่ไมปราศจากศัตรู
แนๆ และไมตางจินตนาการเรื่อง เมดูซา@ เลยจะ แบบที่ในชีวิตเดียวกันนั้นเปนไดทั้งหญิงสาวรูปสวยจิตใจงดงาม
และเปนหญิงหนาตานากลัว มีความรายกาจ แนวทางครึ่งทางนั้นไมอาจหลุดพนความทุกขจะ แถมเปนแนวที่ไม
แนนอนเอาซะเลย อาจทุกขไดเสมอเลยละ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจึงพรอมสําหรับความทุกขเสมอจะ และโลกของ
ความจริงก็เปลี่ยนโฉมเสมอ โดยไมเปลี่ยนแนวทางของทุกขเลยจะ ดังเมดูซา@เปลี่ยนโฉม แตไมไดชวยใหผูเปลี่ยน
โฉมของเธอพนจากทุกขไปไดหรอก ใหทุกขแกทาน ทุกขนั้นก็ปรากฎเบื้องหนาตนถึงตัวนะจะ การเบียดเบียนซึ่งกัน
และกันก็คือโลกของการเผชิญเบื้องหนา ไมวาจะจินตนาการหรือในความเปนจริง มันก็ไมทิ้งเบื้องหลังไปไดหรอก
จะ ทั้งเบื้องหนา เบื้องหลัง ก็ยอมเปนสิ่งที่อยูดวยกันแบบเมดูซา@ที่เคยเปนและไดเปน เมดูซา@ นั่นแหละจะ ชีวิต
จึงไมหนีหางความทุกขได ดวยการเบียดเบียนกันและกันหรอกจะ ชีวิตมีทั้งเบื้องหนาที่ตองเผชิญ และมีเบื้องหลังที่
เปนของตนและเบื้องหลังของสิ่งอื่นที่กําลังเผชิญอยูเชนกัน เลือกเบื้องไหนก็หนีไมพนตองเผชิญทั้งเบื้องหนา
เบื้องหลัง เชนเดียวกันจะ เบียดเบียนเบื้องหลังก็ตองเห็นเบื้องหนาอยูดี หรือเบียดเบียนเบื้องหนาก็ไมไดพนจาก
การกระทบเบื้องหลังแนนอน มันคือวาระของเวรที่ไมขาดตอน แมจะเปนเบื้องหลังหรือเบื้องหนานะจะ แบบวาชีวิต
ตองเผชิญทั้งเบื้องหนา เบื้องหลัง ที่ตนมีอยูและที่ผูอื่นมีเชนเดียวกัน
ชีวิตยอมเบียดเบียนกันและกัน หากเผชิญหนาดวยความไมเพียงพอในเบื้องหนาเฉพาะตน ทั้งจิตนาการ
และความเปนจริงก็ไมตางกันจะ ใจสั่งมานั่นแหละจะ หรือถาเปนทาสของสิ่งใด ผูใด ก็คงนายสั่งมานะจะ กึ่งพระ
เดชกึ่งพระคุณสุดฤทธิ์ก็ไมไดชวยอะไรจะ เพราะแนวทางกึ่งๆมันก็จังงังโดยตัวเองอยูแลว ไมพาหนีทุกขไดพนจะ
เผชิญหนาในความจริงหรือเผชิญหนาในจินตนาการ แบบกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจึงทําใหตัวเองจังงังเทานั้น ฉันรูสึก
วาเปนแนวทางที่ไมบริสุทธิ์ และทําใหผูใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณนั้นนั่นเอง ปราศจากความบริสุทธิ์ในตน เปน
สภาวะกึ่งๆ แบบวายังไมไดรับการตอบโตกลับคืน ก็ปราศจากความบริสุทธิ์ในตัวเองอยูแลวละจะ แนวทางกึ่งพระ
เดชกึ่งพระคุณจึงเปนแนวทางที่เลือกความไมบริสุทธิ์แกตนนะจะ และเอาความสุขจากแนวทางนี้ไมไดแนนัก เอา
ความทุกขสิไดแนๆจะ มันเปนการเบียดเบียนแบบปรับโฉม ไมถึงขนาดเปลี่ยนทั้งหมดนะจะ อาจเปนแนวทางที่ถูก
เลือกดวยความรูสึกวา บังหนาพอไดมั้งจะ แตเบื้องหนากับเบื้องหลังมันไมทิ้งกันไปไดเลยจะ ชีวิตไมเหลือที่วาง
ระหวางเบื้องหนา เบื้องหลังหรอกจะ ตราบใดที่ชีวิตยังไมขาดจากความมีชีวิต ความจริงนี้ยืนยันไดโดยสิ่งมีชีวิต
เองจะ รางกายเปลี่ยน แตชีวิตยังมีชีวิตอยู ก็เปลี่ยนตั้งแตเกิดจนแกนะแหละจะ ชีวิตจึงสะสมเบื้องหลังและเผชิญ
เบื้องหนาไมขาดกันหรอกจะ อาศัยกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจึงไมพนทั้งเบื้องหนา เบื้องหลังเลยจะ เวรที่มีอยูและการ
เบียดเบียนที่เผชิญอยู ยอมไมจบตอน ไมขาดวาระ ในสิ่งมีชีวิตหรอกจะ ความเปลี่ยนแปลงนั้นไมใชความสิ้นสุด
แตเปนความตอเนื่องจะ ไมวาจะบังหนาดวยกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ หรือเปลี่ยนโฉมเลยแบบเมดูซา@ก็ตาม
สิ่งมีชีวิตนั้นเปนสภาวะของการมีความประกอบกันเขาและมี เรียกวาชีวิต ดังนั้นทุกขก็ประกอบกันอยูใน
ชีวิตเสมอนะจะ ชีวิตที่มีความทุกขกายทุกขใจ จึงเปนเรื่องของชีวิตโดยตรง และเปนธรรมดา หากตองการพนทุกข
กาย ทุกขใจ ก็ยอมไมธรรมดาจะ และเปนแนวทางที่ไมอยูในสภาวะธรรมดาของสิ่งมีชีวิต คือ ไมเปนการประกอบ
กันเขาและมี แตเปนการแยกสิ่งที่ประกอบกันเขาและมีในชีวิตนั้น ออกจนหมด ไมใชรวมเอาไว แตเปนแยกออกจน
หมดจะ และแลวทุกขใดๆก็จะถูกแยกออกจากชีวิตสําเร็จ โลกของจินตนาการเรื่องเมดูซา@นั้น ไมไดแยกแยะทุกข
ออกจากชีวิตหรอกจะ แตเปนการปรับเปลี่ยนโฉมที่ยังคงความทุกขไวในชีวิตเชนเดิม โลกของความจริงก็ไมยิ่ง
หยอนกวาเมดูซา@นี่จะ โฉมหนาของโลกเปลี่ยนเร็วและไมหยุดเชนกัน กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไดรับการยอมรับวา
เปนแนวทางฉาบบังหนาไดพอสมควร แตไมพนทุกขจะ มีหนทางเดียวที่จะออกจากทุกขกายทุกขใจได คือ
แยกแยะทีละสิ่ง ทีละอยาง ที่ประกอบกันเขาและมีในชีวิต แยกแยะออกจนไดหมด จนไมมีสิ่งที่ประกอบกันเขาอีก
หรือมีอยูอยางแนนเหนียวอีก ไมมีพันธะ พนการผูกติด ยึดมั่นในตน ชีวิตปราศจากขอยุงเกี่ยว พัวพัน เปนชีวิต
เกลี้ยงเกลา ไมมีที่เกาะของสิ่งที่จะเขามาประกอบเขาและมีในชีวิตอีกตอไป เหมือนดวงแกวที่ไมมีสิ่งใดมาเกาะนะ
จะ ทุกขก็รวมอยูในสวนที่ถูกแยกแยะ และไมมาประกอบเขาและมีในชีวิตอีก ทุกขกายทุกขใจ จึงมีสาเหตุ และเหตุ
แหงทุกขกาย ทุกขใจ ก็คือชีวิต เพราะมันคือสภาวะของการประกอบกันเขาและมี เรียกวา ชีวิตจะ ชีวิตที่พนทุกข
กาย ทุกขใจได ยอมไมปลอยความธรรมดาใหมีอํานาจเหนือตน แตเปนการแยกแยะความธรรมดาที่มีอยูจริงใน
ชีวิต จนสามารถอยูพนความครอบงําของสิ่งที่ธรรมดาที่ประกอบกันเขาและมีในชีวิตจะ
หนทางของกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ โดยตัวของมันเองยอมแยกแยะไมออกอยูแลว ดังนั้นหนทางพนทุกข
กาย ทุกขใจ จึงอาศัยกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไมสําเร็จเลยจะ ตองแยกแยะจนสิ้นเชิงเทานั้น จนมีความบริสุทธิ์
พรหมจรรยชีวิตนะจะ ทุกขก็ยอมไมมาพัวพันอีกตอไป แบบวาเมื่อแยกแยะออกหมดสิ้นแลว คงไมมีเหตุผลที่จะ
รวมเขาไวอีกนะจะ ปุถุชนก็ทําเปนธรรมดาเหมือนกัน แตมันยังไมระคายตัวทุกขใหหลุดพนไป เชน การถายทุกข
แยกแยะออกสิ้นเลยละ แตทุกขอีกจนได เพราะการแยกแยะความธรรมดาที่ประกอบกันเขาและมีในชีวิตเพียง
เทานี้ มันยังแยกแยะไมละเอียดจนถึงที่สุดจะ แคแยกมูลออกจากลําไสยังไมถึงการพนทุกขจะ เบื้องหนา เบื้องหลัง
มันผูกพันติดกัน ไมไดถูกแยกแยะหรอกจะ จินตนาการเมดูซา@ก็มีเบื้องหนาผูกพันติดกันอยูกับเบื้องหลัง
เชนเดียวกับโลกความจริง ซึ่งสิ่งมีชีวิตลวนมีอดีต ปจจุบัน แมแตอนาคต ก็ผูกพันกัน แยกแยะออกจนขาดจากกัน
สิ้นเชิงยากจะ เพราะชีวิตดํารงอยูดวยความตอเนื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงอยูเสมอ มันจึงเปนกระแสที่รวมเขามา
ประกอบกัน พัวพัน และมีอยูในชีวิต กระแสวนเวียน หรือคนนะจะ ซึ่งเรียกวาความธรรมดาของชีวิตจะ ฝากระแส
ธรรมดาในชีวิต ทําไดโดยแยกแยะโดยละเอียดที่สุด ไมเปนการตามกระแสกาย กระแสใจ ที่ธรรมดาๆนั่นเองจะ ทุก
ชีวิตมีความธรรมดา เพราะชีวิตก็มีสภาพของการประกอบกันเขาและมี เหมือนๆกัน การพนทุกขกาย ทุกขใจ ของ
ชีวิตใด ยอมไมเหนือไปกวาขีดที่จะกาวพนทุกขเฉพาะตนเทานั้น ขามแทนกันไมไดจะ ชีวิตจึงพนทุกขไดดวย
ตนเอง พระเดชพระคุณ เขาถึงการระงับทุกขเพียงชั่วคราวจะ เพราะไมมีพระเดชพระคุณใดจะตามติดการ
เปลี่ยนแปลงที่ไมนิ่งในชีวิตไดชั่วชีวิตหรอกจะ ชีวิตไมใชสิ่งที่นิ่งจึงไมอาจใชพระเดชพระคุณสําแดงใหชีวิตพนทุกข
ไดตลอดรอดฝงจะ
เมื่อชีวิตมีสภาวะประกอบกันเขาและมี ในชีวิตจึงตองมีการรักษาเพื่อใหยังคงมี ยังคงอยู ยังคงเปน ที่
เรียกวามีความสุข หรือรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น แตดูเหมือนจะเปนการรักษาสิ่งที่เปนเหตุแหงทุกขไวดวย
เสมอ เพราะชีวิตเปนเหตุของความทุกขนะจะ รางกายและจิตใจนําพาการเขาถึงทุกขไดอยางธรรมดาเลยจะ การ
รักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น จึงอาศัยกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไมไดผลเลย แมแตเต็มพระเดชเต็มพระคุณก็แค
ชั่วครั้งชั่วคราว แตกึ่งกระเดชกึ่งพระคุณนั่น มันรักษาเชื้อทุกขไปในตัวจะ แบบวาเพาะเชื้อแหงทุกขไวภายหนาอีก
เมดูซา@ในจินตนาการนั้น ตางจากความจริงที่สัมผัสไดในเรื่อง การเปดเผยธาตุแทของตนนะจะ ถึงเมดูซา@ใน
จินตนาการนั้นจะเปนหญิง แตเปดเผยธาตุแทของตนอยางไมขี้ขลาด สวนโลกความจริงนั้น รางที่ดูแลวจําไดวา
เปนคนเดียวกัน คนเดิมนี้แหละ แตภายในจิตใจนั้นยากแทหยั่งถึงนักจะ รางที่เปนสิ่งมีชีวิตใดชีวิตหนึ่ง แมไมเปน
ครึ่งคนครึ่งสัตว แตความเปนสิ่งนั้นๆมีเพียงไมเต็มตัวก็มีจะ เพราะกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณปรากฏในโลกความจริงนี้
แหละ ไมใชแคในตํานานเลยจะ เมดูซา@จึงไมใชผูที่ขี้ขลาดเหมือนสิ่งที่ปรากฏในโลกความจริง แบบที่กลาๆกลัวๆ
ขลาดที่จะยอมรับแมแตตนเอง มีทั้งสรางภาพ อําพราง ปกปด มีความลับ มีเงื่อนงํา กลบเกลื่อน หรือไปปดปากคน
อื่น เลยจะ ดวยความขลาดนั่นเอง กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจึงเปนความหวังสําหรับความกลาๆกลัวๆเชนนี้ละจะ
กลัวการยอมรับแมแตตนเอง แมเมดูซา@จะกลับกลายรางจนมีสภาพนากลัว แตไมปดบัง ในจินตนาการยังหา
ความชัดเจนไดมากกวาในโลกความจริงซะอีก จริงมั้ยจะ ในขณะเดียวกันความไมเปดเผยในโลกความจริง ก็เปน
โรคที่รักษายากบนโลกที่เปนจริง สิ่งมีชีวิตจึงรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นไมพนสักที เหมือนฟกเชื้อในที่ซอน
อยูเสมอนะจะ
ชีวิตเปนที่หลบซอนของความทุกข เชื้อทุกข รักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น คือ แยกแยะทุกขออกจาก
การเปนสิ่งที่ประกอบเขาและมีในชีวิต ซึ่งไมมีผูใดทําไดนอกจากตนเองจะ ดังนั้นการรักษาตนจากทุกขภัยใหหมด
สิ้นจึงไมอยูในแนวทางปกปด อําพราง สรางภาพ สลับฉาก จัดฉาก แตเปนเรื่องที่ตองคลี่ออก สางปม คลายออก
จนหมด ไมใชสิ่งที่จะเก็บออมไวจะ แมทุกชีวิตจะดิ้นรนเพื่อรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น แครักษาตนก็ยาก
แลวละ โลกของจินตนาการเรื่องเมดูซา@มีขอคิดทะลุมิติแหงโลกความเปนจริงอยางไมผิดเพี้ยนวา ตนเปนเชนใด
หนทางแหงทุกขแกตนก็ไมตางไปจากที่ตนนั้นเปน จินตนาการถึงเมดูซา@เมื่อเปนหญิงสาวสวยทั้งกายทั้งใจแลว
พบหนทางแหงทุกขในแบบ พระอาทิตยเดนจนราหูคิดจะอม ชัดเลยจะ จนไมพนหนทางแหงทุกข็นี้ และทําให
กลายเปนเมดูซา@ที่หนาตานากลัวมีผมเปนงูเพราะถูกสาปจากผูคิดราย จินตนาการในตอนนี้แลว พบหนทางแหง
ทุกขในแบบ ยอมรับตนเองไมไดและไมมีที่วางที่จะยอมรับผูอื่นไดเชนเดียวกัน จึงมีแตความรายกาจ นั่นจึงเปน
ขอคิดที่จินตนาการถึงเมดูซา@มีทะลุมิติสูโลกความเปนจริง ทุกขดําเนินตามความเปนตัวตนของแตละสิ่งนั้นเอง
ไมวาจะสวยหรือไมสวย ก็มีทุกขตามติดอยูกับตัวจะ ก็เพราะทุกขเปนสิ่งที่ประกอบเขาและมีอยูในชีวิต รักษาตนให
พนจากทุกขภัยทั้งสิ้นไดทางเดียว คือแยกแยะอยางละเอียดที่สุดในทุกสิ่งที่มีในชีวิต แยกแลวก็ปลอยมันหลุด
ออกไปสิจะ คงไมแยกแลวดูและรวมเขาไวอีกมั้งจะ เหมือนสํารอกเสมหะแลวจะเก็บไวที่เดิมอีก ก็นาจะเปนผูแพร
เชื้อละจะ ชีวิตจึงตองเด็ดขาด ไมใชแนวทางกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ และชีวิตใดก็สิ่งที่มีชีวิตนั้นเทานั้นที่จะรักษา
ตนเองได ความจริงนั้นปราศจากการผุดความทุกข ความสุข จากที่อื่นจะ มีเพียงในตัวเองเทานั้นที่มันผุดขึ้นมา
และตนเองตองรักษาดวยตนเอง นั่นคือชีวิต
เรื่องเมดูซา@นี้ เปนรางครึ่งคนครึ่งมีผมเปนงู แตในลักษณะกายภายนอกนี้ไมไดแทนความเปนพระเดช
พระคุณในแบบ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเลย เมื่อเปนรางที่สวยก็งามทั้งกายและใจเปยมดวยพระคุณเต็มๆ เมื่อราง
นากลัวก็แคสบตาแลวกลายเปนหินนะจะ พระเดชไมไดหยอนเลย ซึ่งยังไงก็ตาม ครึ่งคนครึ่งสัตวก็ใหขอคิดที่นา
ตรึกตรองจนถึงพิสูจนไดในโลกความจริงนี้เอง สุดแตจะไขวควาหาหนทางที่ชอบของตน เพราะความจริงเปนสิ่งที่มี
อํานาจ มีพลังจริงๆ ก็ไมแปลกนักหากการยอมรับความจริงในโลกแหงความเปนจริง จะรีๆรอๆ กลาๆกลัวๆ และใช
วิธีแบงรับแบงสู กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณอยางชินชา เพราะโลกจินตนาการกับโลกความจริงมันสัมผัสไดไมพรอมกัน
เชนเดียวกับเบื้องหนาและเบื้องหลังจะ แตวาในที่สุดก็ตองสัมผัสทั้งที่เปนเบื้องหนาและเบื้องหลัง แบบที่ขอคิดจาก
โลกของจินตนาการเขาสูมิติแหงความจริงไดจะ ครึ่งคนครึ่งสัตวไมมีขอจํากัดสําหรับพระเดช พระคุณ อาจเต็ม
เปยมดวยพระเดชหรือพระคุณ ฉันใด ในความจริงที่มีสิ่งมีชีวิตรางใดรางหนึ่ง ไมเปนครึ่งคนครึ่งสัตว อาจตองการ
การเติมเต็มทั้งพระเดช ทั้งพระคุณ อยางไมเคยเต็ม และยังคงมีความกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเปนปกติวิสัย และเปน
เรื่องหยั่งถึงยาก เลยจะ
ลาเมีย@ผูหญิงมีลําตัวเปนงู

ความจําเปนในชีวิตนั้นไมใชเวรเลยจะ ก็ไมนาจะมอบใหแกกันและกัน ดังเชนลาเมีย@ศรีษะเปนผูหญิง


รางกายเปนงู มีกีบเทาแยกออกและหางเปนสิงโต ครึ่งคนครึ่งสัตวในตํานานนี้ ไดรับเวรจากการถูกสาป และลูก
ของเธอก็ถูกฆา ดังนั้นลาเมียจึงออกฆาเด็กเปนการลางแคน เหตุผลของการใหเวรนั้น ไมใชสิ่งจําเปนของชีวิตเลย
แตเปนความพอใจ ตองการ ความอิจฉา ริษยา ของผูสาป แลวก็เปนแคนและอาฆาตที่ผูกเวรไวในลาเมีย@ นั่นคือ
เหตุผลของผูมีเวรแกกันและกันในตํานาน จินตนาการกับความจริงก็ไมทิ้งชวงตอมิติกันนะจะ โลกที่สัมผัสไดใน
ความเปนจริง ก็มีเวรแกกันและกันเต็มสัมผัสบนโลกแนแทไมตางจากจินตนาการ เหตุผลสําหรับการมีเวรแกกัน
และกันจริงๆ ที่สัมผัสไดในโลกของความจริงและปจจุบันขณะ ก็คงอางเหตุผลสารพัด นั่นไมใชสาระเลยจะ เพราะ
มันไมตางจากประวัติลาเมีย@เลยละ ในจินตนาการและตํานาน ก็มีเหตุผลของการใหเวรแกกันและกันเชนเดียวกัน
และเหตุผลเดียวกันนี้ก็ใชเปนเหตุผลในโลกความจริงนี่เองจะ ทําใหไมเปนสุขแนนอน ไมวาจะจินตนาการหรือ
สัมผัสจริงๆก็ไมตางกันหรอกจะ เวรที่มีนั้นเพื่อพึงพอใจในชีวิตของตนแตตองมีผลตอชีวิตอื่นนะจะ นั่นคือประเด็น
ของเวรที่มีแกกันและกัน แลวก็ไมสิ้นสุดในความทุกขอยูดี ครึ่งคนครึ่งสัตวมีในตํานาน สวนกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ
สัมผัสไดในโลกที่มีความจริงนี้ละจะ ความครึ่งๆไมใชแคในจินตนาการหรอกจะ ความจริงก็ปรากฏความครึ่งๆเต็ม
สัมผัสบนโลกแหงความจริงเลย ลาเมีย@ก็เปนตํานานที่สัมผัสไดไมลึกลับเกินไปนักจะ
เวรถูกนําเสนอโดยไมคอยถูกหลักการใหและรับนักจะ แมไมปรารถนาก็ใหกันได ทั้งๆที่ชีวิตไมจําเปนตอง
อยูไดดวยเวรเลยจะ ชีวิตไมใชสิ่งที่ผุดขึ้นมาเอง แตชีวิตมีสิ่งที่ประกอบกันเขาและมีจนไดชีวิต ดังนั้นการกระทําตอ
ชีวิตอื่นจึงไมใชเหตุผลที่เพียงพอ สําหรับการมีเวรแกกันและกันเลยจะ เพราะทุกสิ่งที่มีชีวิต ตางก็ลวนมีสิ่งที่
ประกอบกันเขาและมีในชีวิตตน ซึ่งชีวิตอื่นใดจะไปตัดทอน ริดรอน แยงชิง ทําราย ทําลายลง มันก็ไมกลายเปนสิ่ง
ที่เปนสวนประกอบซึ่งอยูในชีวิตอื่นหรอกจะ ตางชีวิตก็มีสิ่งที่ประกอบกันเขาและมีจนไดชีวิตตน เอาความมีใน
ชีวิตอื่นมาอยูในชีวิตตนไมไดจะ แบบวาทําไดแคทําลาย ไมสามารถเอามาจากชีวิตอื่นแลวตอเติมเขาในชีวิตอื่นใด
ได แมมองจินตนาการก็เห็นไดในมิติความจริง เชน ดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตใด ก็ยอมเปนสิ่งที่ประกอบกันเขาและมีใน
สิ่งมีชีวิตนั้น ชีวิตอื่นไมพอใจ หรือ อิจฉา ริษยา เกลียด ชิงชัง แคไหน จนถึงกับสรางเวรทําลายชีวิตนั้น มันก็ไมใชวา
ดีเอ็นเอผูสรางเวรจะมีดีเอ็นเอของชีวิตที่ตนไดทําลายลงหรอกจะ เหตุผลของการมีเวรแกกันและกันทั้งใน
จินตนาการ เรื่องลาเมีย@ และในโลกความจริง ไมใชความจําเปนในชีวิตเลยละ แตเปนการอางนําเพื่อรายยาวเวร
แบบเรียกวาถูกบทนะจะ ไมวาจะเปนบทในทํานองไหน แบบฉบับใด ก็นําพาทุกขกายทุกขใจมาสูกันและกันทั้งนั้น
เพราะมันเปนการใหเวร ไมใชการพนเวรจะ พระเดชก็ชาง พระคุณก็สุดแลวแต เมื่อใชสนับสนุนการอางนําในการ
ใหเวรแกกันและกัน ยอมเปลี่ยนแปลงหนทางแหงความสงบ ดวยพลังพระเดชพระคุณนั้นๆ ตามแตกําลัง เรียกวา
เสียแรงไปโดยไมพนทุกข หนีเวรเปนเรื่องที่ ตองกระทําแกตนเองเทานั้น ไมใชไปกระทําตอผูอื่นจะ ยิ่งหาเหตุผลใน
การกระทําตอผูอื่นเพื่อกลบเกลื่อนวาระนั้นๆ ยิ่งเปนการกําหนดวาระหรือเวรขางหนาในอนาคตแบบจองวาระ
ตอไปอยางไมมีที่สิ้นสุด ชีวิตใดๆยอมไมมีความจําเปนในสวนที่ไมใชสิ่งที่ ประกอบกันเขาและมีในชีวิตของตน
จริงๆจะ ชีวิตอื่นจึงไมใชผูที่ตองไดรับการใหเวรจากชีวิตใดๆเชนกัน แตละชีวิตตางมีสิ่งที่ประกอบกันเขาและมีใน
ชีวิตตน ไมวาจะแบบหยาบๆ คราวๆ หรือละเอียดจนที่สุด เชน รูปกาย ลาภยศ ชื่อเสียง ทรัพยสิน คุณลักษณะ
เฉพาะของชีวิตนั้นๆ ซึ่งมีรายละเอียดมากมายจนถึงจิต ซึ่งละเอียดมาก นั่นเปนสิ่งที่เฉพาะในชีวิตใดชีวิตหนึ่ง แม
จะเห็นวานาพอใจหรือไมนาพอใจในชีวิตใดก็ตาม มันก็เปนของชีวิตนั้นๆอยูดี เวรไมชวยใหสิ่งที่อยูในชีวิตอื่น มา
ประทับอยูในชีวิตใดแทนที่ไดหรอกจะ สวนที่ไดมาดวยเวร นั้นคือความสะใจ อารมณ ความรูสึกของตนเทานั้น
เทากับทุนของตนลวนๆ ไมใชสวนที่มี ที่เปน ที่อยู ในชีวิตอื่นจะยายมาสูตน
ชีวิตควรมีอิสระ แตไมกระทบชีวิตอื่นจนเบียดเบียนกันและกันเลยจะ เพราะธาตุแทในชีวิตทุกชีวิต เปน
อิสระ การรักษาชีวิตตน ก็ทํานองเดียวกันในทุกชีวิตแหละจะ คือไมถูกเบียดเบียนและมีอิสระ ไมมีชีวิตอื่นใดที่
เทียบแทนชีวิตใดได ดังนั้นการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ยอมไมใชการไดชัยชนะ เพราะชีวิตผูเบียดเบียนก็ยังไม
อาจเทาเทียม ทดแทนชีวิตผูถูกเบียดเบียนไดเลย ตรงกันขาม ชีวิตที่เบียดเบียนผูอื่น ยอมมีคาเทียบเทาผลที่เกิดแก
ชีวิตที่ถูกเบียดเบียน ยิ่งทําลายผูอื่นมากเทาใด ยิ่งแสดงคาของชีวิตผูเบียดเบียนวาเปนไดเทานั้น เทาที่ชีวิตของผู
ถูกเบียดเบียนไดรับจากผูเบียดเบียนนั่นเอง นั่นคือสิ่งที่ผูเบียดเบียนใหแกผูถูกเบียดเบียน และคือคาของผู
เบียดเบียนนั้นนั่นเอง คาของชีวิตตนจึงฝากไวกับความเสียหายในชีวิตอื่น ในที่สุดชีวิตที่ไดรับความเสียหายก็คือผู
พิสูจนคาของชีวิตตนวามากกวาชีวิตที่ไดรับจากผูเบียดเบียน ผลการพิสูจนชีวิตและคาของชีวิต ที่มีการเบียดเบียน
ก็ไดคําตอบชัดเจนวา ชีวิตที่เบียดเบียนชีวิตอื่นนั้น ไมมีวันเทียบเทียมคาชีวิตของผูถูกเบียดเบียนไดเลย การชนะ
ผูอื่นดวยการเบียดเบียน ไมใชชัยชนะ แตแพเสมอ คาของชีวิตที่ยังไมไดรับการเบียดเบียนนั้นมากกวาชีวิตที่ถูก
เบียดเบียนแบบเทียบกันไมไดเลย ฉันคิดวาลาเมีย@เปนจินตนาการที่ทะลุมิติมาสูโลกของความจริงเชนกัน สภาพ
ของชีวิตที่ถูกเบียดเบียนแบบลาเมียนี้ เปนคําตอบคาของชีวิตผูเบียดเบียนตอลาเมียวา เปนชีวิตที่ตางคาชัดเจน
เดิมลาเมียเปนผูหญิงธรรมดา ไมใชครึ่งคนครึ่งสัตว ดังนั้นความสุขจากการเบียดเบียน จึงมีคุณนอยนัก เพราะคา
ของชีวิตที่ถูกเบียดเบียนไมไดไปเพิ่มคาแกคาชีวิตผูเบียดเบียนนี่นา ยังไงคาชีวิตก็ตางกันตั้งแตเล็งและจนถึงขั้น
เบียดเบียนอยูดี
ชีวิตทุกชีวิตมีคาเทาหนึ่งชีวิต หากตองการเบียดเบียนชีวิตอื่น ซึ่งเทียบชีวิตแทนกันไมได ก็ไมใชเหตุผลที่
จําเปนอีกเชนกัน เพราะชีวิตไมใชสิ่งที่แบงออกแลวยกใหกันเพื่อเติมคาชีวิตกันได ชีวิตมีสิ่งซึ่งประกอบกันเขาและ
มีในชีวิตตน ไมอาจแยกสวนที่เปนชีวิตสวนใดออก เพราะมันจะไมคงความมีชีวิตอยูไดนะสิ ทําไดเพียงนําทางชีวิต
อื่นเพื่อมีในสิ่งที่ควรมีในชีวิตนั้นเอง การเบียดเบียนกันและกันนั่นแหละเปนหนทางลดระดับชีวิตผูเบียดเบียนใหคง
คานอยลงกวาที่เปนหนึ่งคาชีวิตแบบชีวิตอื่นนะจะ เดิมทุกชีวิตมีระดับเทากันเปนหนึ่งชีวิตนะจะ แตเมื่อเลือกใช
แนวทางเบียดเบียน ความมีชีวิตเทาเดิมก็จะแสดงคุณคาตางจากเดิม ปรากฏคาชัดเจนในสภาพของผูถูก
เบียดเบียนนั่นเอง ใหทุกขแกทานทุกขนั้นยอมถึงตัว เหมือนกระจกสองตนนั่นแหละจะ คือดูสภาพผูถูกเบียดเบียน
วาเปนเชนไร นั่นก็คือสภาพที่แทจริงของตนผูเบียดเบียน ในกระจกเงาชีวิตนั่นเอง คาของชีวิตผูเบียดเบียนก็ปรากฏ
แบบที่เห็นนั่นละจะ อาจเห็นไดวา ครึ่งคนครึ่งสัตวไมไดมีแตในตํานานโดยใชจินตนาการมั้งจะ ดูชีวิตจริงในโลก
ความจริงแบบใหเห็นจริง เชนเดียวกันกับสองกระจกเงา ก็จะเห็นถึงชีวิตตนไดจะ มันไมใชเรื่องคาดคะเนเอาวา ให
ทุกขแกทาน แลวทุกขนั้นจะถึงตัวไดอยางไร แตมันไดแกตัวและอยูที่ตัวนั่นอยูแลว หากดูสภาพผูถูกเบียดเบียนให
เห็นถึงเงาชีวิตตนในกระจกชีวิตจริงนี้ ก็จะเห็นทุกขที่มันอยูที่ตนไมตางจากกระจกชีวิตที่เปนผูถูกเบียดเบียน คือ
มองเห็นความทุกขปรากฏแกตนอยูดี และที่ชัดเจนคือ มันทําใหชีวิตผูเบียดเบียนหาคาเทาเทียมชีวิตผูถูก
เบียดเบียนในตัวเองไมไดเลย แลวอยางนี้จะเรียกวาไดชัยชนะหรือเปนผูชนะดวยมุมไหนหรือจะ นาจะเปนผูแพ
อยางสิ้นเชิง ความเปนชีวิตนั้นย้ําโดยการพิสูจนนี้วา ผูเบียดเบียนไมอาจเทียบเทาผูถูกเบียดเบียนตั้งแตคิดจนดูผล
สะทอนในกระจกชีวิตอยูนี่แหละจะ การเบียดเบียนไมไดนําชัยชนะมาใหชีวิตใดๆเลยจะ แตเปนการแสดงความ
ดอยกวาของผูเบียดเบียนเทาที่อยากจะแสดงออกมาจะ
ความทุกขกายทุกขใจ เปนสภาพที่ทุกชีวิตไมตองการเลยจะ เมื่อมองรอบๆตัว หากสบายตา สบายใจ สุข
กาย สุขใจ ก็ยอมรูสึกไมทุกขใชมั้ยละ นั่นคือคาของชีวิต ในดานที่ตรงขามกับการเบียดเบียนกันและกันนะจะ ชีวิต
มีกระจกเงาสะทอนตัวเองอยูรอบตัวเสมอ สิ่งอื่นและชีวิตอื่นเปนกระจกสะทอนแกตนนั่นเอง หากใหหรือกระทําแด
ชีวิตอื่น สิ่งอื่น เพื่อใหผูอื่นมีสภาพที่ดี มีสุข ก็คือสภาพของตนนั่นแหละจะ ซึ่งเปนภาพสะทอนเงาชีวิตตนที่มาจาก
ชีวิตรอบๆตัว และทุกสิ่งรอบตัว การอยูในที่ๆมีสภาพดี มีสุข ขึ้นอยูกับการแสดงออกของตน เหมือนยืนอยูตอหนา
กระจกเงารอบตัวเลย ใหทุกขแกทาน ทุกขนั้นก็มีอยูทั้งเงาในกระจกและในตัวนั่นเอง แตถาใหสิ่งที่ไมเปนทุกขแก
ทาน กระจกยอมไมโกหกนะ เกี่ยวกับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณโดยตรงจะ เพราะมันจะเห็นภาพเสมือนจริงแบบครึ่งๆ
ฉันจึงไมนิยมแนวทางกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ยิ่งขึ้นกวาที่ไมนิยมอยูเลยสักนิดเดียว กลัวเงาครึ่งๆ เพราะเดิมไมใช
ครึ่งนี่จะ ลาเมีย@คงไมชอบเงาแบบนี้มั้ง แตวาจินตนาการแมจะเรียกรองอยางไรก็ไดแคในจินตนาการ สําหรับโลก
ความจริง ทุกขกายทุกขใจ แบงปนไมไดจะ แตดับไดดวยตนเอง หรือเขาถึงจินตนาการก็ไดจะ แบบวาทุกขมันก็
เปนสิ่งที่ไมเทียบเทาชีวิต แคเปนสิ่งที่ประกอบเขาและมีในชีวิตเองจะ มันจะเปนแคจินตนาการก็ไดเชนกัน ถามัน
ไมถูกใหความสําคัญจนทึกทักวาจริงเสมอ เปนเรื่องการดับทุกขที่ชีวิตใดก็ดับเองไดจะ
เมื่อมีทุกขมาเยือนกายหรือใจ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณชวยให ไมพนทุกขเทานั้นเองแหละจะ ทุกชีวิตลวนมี
อิสระแบบคางอยูในพันธะของสิ่งที่ประกอบกันเขาและมีในแตละชีวิต จิตอยูภายในรางกาย ชีวิตจึงมีพันธะใน
ตัวเองอยางแข็งแรง พันธะของกายและจิต แข็งแรงขนาดเขาถึงสุขและทุกขพรอมๆกันไดนะจะ แลวกึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณจะชวยอยางไรละ หวังทางกายหรือทางใจก็คงยากทั้งสองทางจะ ทํานองไดรับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ
ประดุจเจอพันธมิตรทุกขอยูดี ไมวาทุกขของชีวิตใด ก็มีไดในโลกความจริง จินตนาการเรื่องลาเมีย@ก็เปนทุกขใน
ตํานาน เห็นไดวาจินตนการและความจริงมีสิ่งที่เรียกวาทุกข หรือนั่นเปนจุดตอของมิติจินตนาการและความจริง
ฉันกะวา ทุกขที่กายหรือใจ อาจเปนทุกขในจินตนาการ เมื่อความจริงนั้นไมมีสิ่งใดแนนอนนี่ ชีวิตมีการ
เปลี่ยนแปลงอยางอิสระแบบ ทุกขไมใชองคประกอบของการเปลี่ยนแปลง เชน รางกายเติบโต สติ ปญญา เจริญ
ยิ่งขึ้น เปนการเปลี่ยนแปลงที่มีอยูในชีวิต ซึ่งมีพันธะในตัวที่กายและจิต พันธะนี้หากมีทุกขอยูในตัว มันจะสถิตอยู
ตรงจุดใด ถาชีวิตเปลี่ยนแปลงได พันธะในตัวระหวางกายและจิตก็ไมมั่นคงนัก วามั้ยจะ เชน อาการไมประกอบ
กัน ตัวอยูที่หนึ่งจิตไปอีกทางเลย เหมือนอิสระที่มีในชีวิตไมขึ้นกับทุกข โอกาสดับทุกขก็เปนอิสระของตนเชนกัน
แบบจินตนาการกับโลกของความจริง ที่เปนอิสระตอกัน แตมันก็อยูในโลกนี้ในชีวิตบนโลกของตนนะจะ และ
สามารถพนทุกขไดแบบยังคงมีชีวิตอยูนะจะ ในชีวิตมีอิสระและมีทุกขก็จริง แตมันไมจีรัง ทุกขกายทุกขใจ ก็เลย
เปนปรากฏการณชั่วคราว พอมันเสื่อมแลวก็เปนอิสระจากการติดกับในทุกข เพราะธรรมดาในชีวิตทุกชีวิตมีการ
เปลี่ยนแปลงเองจะ ถาไมเปลี่ยนแปลงก็ไมใชลักษณะของสิ่งมีชีวิตนะจะ แมแตทุกขกายทุกขใจ มันก็ไมสถิต
สถาพรในตัวจริงหรอกจะ ชีวิตมีธาตุแทที่อิสระ เมื่อแยกธาตุแทอยางละเอียดที่สุดตั้งแตที่ตาเห็นจนจิตสัมผัสได ก็
ไมเห็นตัวทุกขโดเดอยูนะจะ เหมือนจินตนาการในตํานานชีวิตเลยมั้ยจะ
พันธุทางหรือพันธุแท ไมใชเรื่องของสิ่งที่ประกอบกันเขาและมีเปนชีวิตที่ตางในความมีชีวิตเลยจะ คาของ
ชีวิตทั้งลูกครึ่งหรือเชื้อสายเดียว ไมมีสวนที่บกพรองโดยกําเนิด สิ่งที่ชีวิตรูโดยกําเนิด คือรักษาตนใหพนจากทุกข
ภัยทั้งสิ้น ดวยความรูคาของชีวิตเต็มชีวิตเทากันจะ ลาเมีย@ในสภาพศรีษะเปนผูหญิง รางกายเปนงู รูคาของชีวิต
จนซึ้งกินใจตั้งแตเมื่อยังเปนผูหญิงธรรมดา และลูกของเธอถูกฆาจะ เมื่อถูกสาปเปนครึ่งคนครึ่งสัตว ก็ทวงคืนชีวิต
ที่มีคาเทาชีวิตเลย แบบที่จินตนาการก็เห็นในคาของชีวิตวา ทุกชีวิตไมวาจะลูกครึ่งหรือพันธุแท ก็หนึ่งชีวิตไม
แตกตางกัน โลกของความจริงกลับแตกตางจะ แบบที่หากตางเชื้อสาย เผาพันธุ หรือพันธุผสม ก็จะถูกแยกคัด
จัดกลุม มีการกีดกัน ใหความสําคัญไมเทาเทียมกันหรอกจะ ไมวาเปนคนหรือสัตว การรักษาตนใหพนจากทุกขภัย
ในความจริง จึงมีสวนของการตั้งแงเปนประเด็นดวยจะ เชนที่ฉันสัมผัสไดวา ภาษาที่ใชในเผาพันธุใดก็ตาม ยัง
เปนสิ่งที่ไมใชตัวตนของเผาพันธุนั้นๆ เปนเพียงสิ่งสมมติที่เปนเครื่องมือสื่อถึงตัวตนตั้งแตคําพูด ความคิดภายใน
ใจ และแคฉาบฉวยจะ แมแตความคิด ที่ใชภาษาสื่อออกมาถึงกัน ในโลกความจริง ก็ยังเปนลักษณะของ การคาด
กะเกณฑ คํานวณ เดา กระบวนการคิดก็อยูในกลุมนี้ละจะ ภาษาจึงแสดงไดเทานี้เอง หากจะเขาถึงชีวิตหรือสิ่งใด
ตรงเผงลึกถึงตัวตนจริงๆ ตองสัมผัสจะ สัมผัสนั้นก็มีตั้งแตสัมผัสอยางหยาบ ไปจนถึงสัมผัสที่ละเอียด ระดับใช
ภาษาคงยังไมถึงสัมผัสเลยจะ แคแสดงถึงความคิดขางในที่อาจครอบคลุมไมทั่วหรือเบี่ยงเบน เพราะภาษาก็เปน
แคสวนสมมติ ไมใชตัวตนของความหมายนั้นๆนะจะ อาจเคยประจักษวามีความรูสึกที่ไมอาจแทนดวยภาษาได
อยางหมดกระบวนความรูสึกนั้น หรือเคยคิดแลวแสดงความคิดดวยภาษาไมเต็มความที่คิด ก็ไมแปลกจะ ภาษา
ไมใชกําเนิดของความคิด ไมใชกําเนิดของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เพียงแตเวลาคิดก็จะเรียกใช
ภาษานะจะ ภาษาจึงเปนทั้งคูคิดและเปนสัญญาณที่แสดงใหรักษาตนใหพนจากทุกขภัยในความจริงบางสวน
เทานั้น
การจะรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น ถาอาศัยแคภาษา อาจรูไมจริงนักนะจะ เพราะภาษาเขาถึงมาก
ที่สุดแคความคิด ที่ไมแนวาจะทั่วทุกตัวความคิดมั้ย ชีวิตไมใชความคิด ดังนั้น สัมผัสจึงเปนสิ่งที่ทําใหไดรูไดเทา ที่
เปนชีวิตนั้นจริง แบบหยั่งรูไดแนนอนกวาใชภาษาแนๆ สําหรับฉัน สัมผัสเชื่อไดมากกวาภาษา เพราะเปนการ
เขาถึงตัวตนของสิ่งที่สัมผัส โดยไมตองผานภาษาที่แทนกระบวนการคิด ไมวาการคาด ประมาณ คํานวณ กะ เดา
ซึ่งไมคลุมเครือ โดยสรุปแลวฉันชอบการหยั่งรูมากกวาการถายทอดนะจะ ซึ่งสากลโลกก็ใชภาษานะจะถายทอด
เคยมั้ยที่บางครั้งไมตองมีคําพูดใดเลย แตรูวาไดสัมผัสกับสิ่งที่มีความหมายโดยไมมีคําพูด นั่นคงจะเปนหนทางที่
จะรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นไดไมผิดเพี้ยน หรือผิดพลาดที่สุดจะ สัมผัสไมใชความคิด ไมใชกลุมเดียวกัน
กับการคาด กะ ประมาณ คํานวณ เดา และสัมผัสนั้นแมนยําไมเพี้ยนจะ แตรูไดดวยตนเอง เฉพาะตน มันจึงใช
รักษาตนเองใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นได หากจะเผื่อผูอื่นก็ไมรูจะสัมผัสแทนกันอยางไร แมฉันจะออนหัดทั้งภาษา
ทั้งสัมผัส แตก็รูชัดวามันใหผลไดไมตางไปจากนี้จะ เลือกสัมผัสในความจริงยอมรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น
ไดแนนอนกวาใหความสําคัญที่ภาษา ลาเมีย@ครึ่งคนครึ่งสัตว ก็เลือกสัมผัสไมใชแคคิด ดวยพระเดชเธอจึงเขาถึง
การทําลาย ทวงคืนไดอยางแมนยํา สวนกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ เปนแนวทางที่ชัดเจนวา เขาไมถึงโดยวิถีสัมผัสแนๆ
จะ และยอมไมใชหนทางรักษาตนใหพนจากทุกขภัยไดแมนยํา ความคิด การคาด ประมาณ กะ คํานวณ เดา
เขาถึงสิ่งที่เปนเปาหมายไดไมเทียบเทาสัมผัสจะ เชื่อมั่นในภาษาอาจเพี้ยนจากความจริง บิดเบือน ตรงขาม ปดบัง
หรือถูกหลอกจนรักษาตนใหพนจากทุกขภัยไมสิ้น เพราะเชื่อในสิ่งสมมติจะ ถาเขาไมถึงสัมผัส ก็คงเชื่อไดทํานอง
ไมเต็มพิกัดแบบกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ซึ่งเขาไมถึงสัมผัสมั้งจะ แบบวาเชื่อในความไมบริสุทธิ์ ไมสุทธิลวนๆ จะ
รักษาตนใหแนนอนไดอยางไรละ จริงมั้ยจะ
ลาเมีย@เปนรางครึ่งคนครึ่งงู ที่เอาความคิดบงการสัมผัส แบบวาคิดทําลายจนเขาถึงการทําลายแบบ
สัมผัสจริงๆในตํานาน ถาอยูในโลกความจริงก็คงมีลักษณะ ไมพูดพร่ํา ทําจริงนะจะ แตการกระทําในชีวิตจริง มันก็
สัมผัสจริงนะจะ ไมใชจินตนาการ เรื่องพระเดชพระคุณ หนุนสงใหเขาถึงทุกขและสุข ดวยการเลือกของตนเอง ชีวิต
ที่มีสุขทั้งกายและใจ นาจะเปนชีวิตที่สัมผัสความจริงแบบไมยุงเหยิง พัวพันนะจะ มันก็เพียงสัมผัสรู ก็สุดแครู และ
คงไมเปนทุกข สวนที่ทุกขกายทุกขใจ เพราะตอยอดจากรูแลวไมสุดนะจะ บางทีชีวิตก็เหมือนตํานาน และโลกของ
ลาเมีย@ ที่พาใหจินตนาการและชวยใหพบตํานานที่มี คาของชีวิตเทากับ ชีวิตที่เทียมเทากันดวยชีวิต สภาพ
รางกายเปนเพียงสวนหนึ่งของชีวิตเทานั้น ในความมีชีวิตของคน สัตว สิ่งมีชีวิต เปนชีวิตเทาชีวิตซึ่งกันจะ ดังนั้น
สภาพของลาเมีย@ครึ่งคนครึ่งงู จึงหาคาตอบแทนความสูญเสียของเธอไดจากชีวิตอื่นที่ไมใชครึ่งคนครึ่งสัตวนะจะ
เพราะชีวิตก็มีความเปนชีวิตเทากัน ในจินตนการก็ไมโหดรายเกินไปนี่ หากไมใชหลักความจริงเชนนี้ สภาพอยาง
ลาเมียนั้น จะไปหาชีวิตที่มีลักษณะเชนเดียวกันนี้เพื่อทวงคืนไดที่ใดกันละ นี่เปนตํานานครึ่งคนครึ่งสัตวที่บอก
ความจริงจากจินตนาการวา ชีวิตสัมผัสไดถึงชีวิต ไมใชคิดเอาจะ สัมผัสหยั่งรูเขาถึงความรูจริงของความจริงนั้น ใน
โลกแหงความจริง ความคิดก็หยั่งรูถึงความรูจริงไดแตตองใชระยะเวลา ตามกําลังความสามารถของการคิด
เหมือนสัมผัสไขกับคิดถึงไข ก็ยอมเขาถึงหยั่งถึงไขระดับละเอียดทั่วในความเปนไขไดตางกัน ทั้งสัมผัสทางกายหรือ
สัมผัสทางจิต ก็หยั่งรูถึงความจริงไดในระดับแบบหยาบและละเอียดจะ สวนความคิดนั้นเขาถึงการหยั่งรูโดยออม
แบบกําหนดไมได ความคิดเปนเหมือนกอนหินที่โยนไป ขวางไปได ไกลหรือใกล ตรงจุดบาง ไมตรงบาง ตามกําลัง
ความสามารถของการคิด สวนสัมผัสนั้นเทาภูผาที่ชัดเจน ไมถูกปดกั้น บดบัง อยูบนโลกที่มีจริงนะจะ ชีวิตใช
สัมผัสทางกายเปนปกติและธรรมดา เพื่อบอกวาจริง ถาใชสัมผัสทางจิตก็ยอมรูจริงเขาถึงปญญา ซึ่งไมใชเรื่อง
เปนไปไมได เพราะชีวิตมีกายและจิต เมื่อมีความจริงที่กายก็ยอมมีความจริงที่จิต สัมผัสเปนความจริงในโลกความ
จริง ความคิดเปนจินตนาการในโลกของความจริง ชีวิตจริงก็เรียกตํานานได แบบธรรมดาที่คิดไปไดจะ สิ่งที่คิดไป
ไมถึงก็เลยถูกสรุปวาเปนไปไมได เหลือเชื่อ แตความจริงที่คิดไปไมถึงก็เปนความจริงที่สัมผัสไดนั่นเองจะ ครึ่งคน
ครึ่งสัตวจินตนาการเอาก็ดี สัมผัสเอาก็คงไมบอดหรอกจะ ถาเปนสิ่งมีชีวิต ซึ่งเปนสิ่งที่มีสัมผัส ก็ไมควรละสัมผัส
ของชีวิตจะ เพื่อความสุขที่แทจริง
ไวเวิรน@มังกรมีรางครึ่งบนเปนหญิง

ชีวิตที่ทองอยูในโลกนี้ เปนเรื่องเกี่ยวกับเวร หรือวาระแหงกรรมของทุกสิ่งที่มีชีวิต จะรักชีวิตแบบทองไป


ในทางใด ก็เปนการเลือกของชีวิตนั้นๆ นั่นคือชีวิตซึ่งเรียกวา เปนสิ่งที่มีอยูในโลกความจริง สวนจินตนาการก็มีไว
เวิรน มีรางครึ่งบนเปนหญิงแพศยา ครึ่งลางเปนมังกร มีทับทิมสีแดงสดอยูกลางหนาผาก สําหรับสองทางในนรก
ซึ่งเปนหนทางของไวเวิรนที่ชอบทองไป เปนชีวิตที่ประกอบดวยสิ่งที่เปนราคะ ตัณหา โลภ พยาบาท ตลอดทางนั้น
สรุปไดชัดวา เวรเลือกไดตั้งแตเริ่มตนเขาสูหนทางที่ตองการใชชีวิตใหทองไปจะ เพราะเมื่อเลือกทางใด ก็ยอมพบ
เจอสิ่งที่มีอยูในหนทางนั้น เชน เลือกทางชนะผูอื่น ยอมตองเจอกับการกระทําเพื่อทําลายสถานะของผูอื่น ทําให
ผูอื่นไมอาจยืนยงเหนือตนได ดังนั้นเวรยอมเปนวาระแหงกรรมชั่ว เพราะเปาหมายคือ ทําลายผูอื่นโดยบริสุทธิ์ใจ
ไวเวิรนเปนมังกรจะ เมื่อแปลงรางจึงเปนครึ่งคนครึ่งสัตว เปนจินตนาการที่ตางจาก รางครึ่งคนครึ่งสัตวอื่นในเรื่อง
กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ครึ่งคนครึ่งสัตวแบบอื่นนั้น รางเดิมสวนใหญเปนคนธรรมดามากอนที่จะมีสภาพเปนครึ่งคน
ครึ่งสัตว แตไวเวิรนเปนสัตวมากอนคือมังกร แลวกลายสภาพเปนครึ่งคนครึ่งสัตว สําหรับทับทิมสีแดงกลาง
หนาผากไวเวิรนนั้น ฉันมีความเห็นวา หากไมเอาไวสองนําทางในนรกซะ ก็คงไมตกนรกชั่วนาตาปจะ ฉันนั้นไม
นิยมยึดติดความเชื่อนักเพราะมันทําใหหัวปกหัวปา ย้ําอยูตรงที่เชื่อนั่น ถึงขนาดปดหู ปดตา ปดทางรับรูโดยสิ้นเชิง
ไดเลยทีเดียวละ แคความเชื่อที่ฝงอยูในตัวนั่นเองจะ ดังนั้นแมเปนทับทิมสีแดงสดสามารถสองทางได ก็ไมไดดึง
ออกจากนรกจะ เหมือนกันกับในโลกความจริง ที่มีความเชื่อของแตละชีวิต และเปนสิ่งที่ฝงแนนอยูในตัวระดับยาก
จะงัดทิ้งออกไป อยางเดียวกับทับทิมสีแดงสดที่หนาผากไวเวิรนนั่นละจะ เชื่อในวาระของตนวาตองทําในสิ่งที่พึง
พอใจและเลือก จนเปนเวรแกกันและกันเสมอ เปนเจตนาในวาระที่กระทําการนั้นๆ ไมวารูปแบบ วิธีการ ขั้นตอน
จะมีความเปนแบบเฉพาะสวนบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตเชนไร แตตนตอมันคือเจตนา เวรจึงสมบูรณดวยตนสายปลาย
เหตุในแตละวาระการกระทํานั้นๆ และอยูในหนทางสายเวรนั้นๆ แบบเดียวกับจินตนาการที่ไวเวิรนทองไปในนรก
จะ
เสนทางชีวิตแตละชีวิต ลวนมีประวัติศาสตรของตน หากมันซ้ํารอยเกา นั่นคงไมใชความเจริญกาวหนา
ของชีวิตจะ เวรที่เกิดซ้ําทําอีก มันยอมไมนําพาออกนอกเสนทางเดิมๆแน เหมือนชีวิตในนรกของไวเวิรน ที่ทองไป
ดวยความเห็นเต็มตาจากการสองนําทางของทับทิมสีแดงสดซึ่งฝงแนนอยูกับตัว กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณนั้น ยอมไม
มีพลังพอในการดึงสูทางสายใหมเลย เพราะมันเปนแคพลังจากภายนอกตัว ยอมเทียบพลังใฝในตัวจากทับทิมซึ่ง
ฝงในตัวไมไดจะ ใฝเองยอมมีพลังกวาผูอื่นใฝแทนนะจะ ไมควรมีหนทางแบบไวเวิรนที่ประวัติคงซ้ํารอย แบบวา
หากอยูนอกหนทางเชนนั้นคงเห็นปลายทางที่ ประวัติศาสตรไมอาจซ้ําเวร และเวรไมอาจสรางประวัติศาสตรจะ
เปนแบบที่ไมใชทางวนกลับหาเวรซ้ําๆ อยางนอยการไมกอเวรซ้ําๆมันก็เปนเรื่องใหม ใชมั้ยจะ มองในมุมคิดคนก็
คงมีเวรใหมนะจะ ทําซ้ําซากแบบย้ําคิดย้ําทํา นอกจากตนเองไมพัฒนาแลว เสนทางที่ผานก็ถูกซ้ําแลวซ้ําอีก ไมมี
สิ่งใหมเกิดขึ้นทดแทน คงปรากฏแตการผลาญและทําลาย มันนาจดเวรบันทึกเปนประวัติศาสตรที่ยกเอารุนไหน
เปนแบบอยางดีละจะ เพราะมันเปนเวรเหมือนกันเลย เวรยอมเปนประวัติศาสตรของชีวิตนั้นๆ หากประวัติศาสตร
ซ้ํารอยบอยๆ ตอใหมีทับทิมสีแดงสดสองทางใหชัด ก็หาเสนทางใหมไมพบจะ
ชีวิตผานทางที่ดําเนินชีวิตมา ก็ตองมีการขามสิ่งที่มีอยู ในหนทางชีวิตนั้น เพื่อดําเนินชีวิตตอไป ซึ่งอาจ
เปนเรื่องแคขาม สําหรับผูฟงตํานานชีวิตของผูอื่น แตเจาของตํานานชีวิต คงรูวาการขามผานสิ่งที่มีอยู ในหนทาง
ชีวิตเพื่อกาวตอไปนั้น มันใชพละกําลังทั้งกายและใจแคไหน แบบวาฟงและดูชีวิตอื่นกาว ก็ไมไดออกแรงเองนะจะ
อาจมีลุนบางแตลุนสุดตัวก็ไมไดกาวเองนี่นา ชวงที่กาวของชีวิตนี่เอง เปนโอกาสชักพาสูการเบียดเบียนกันและกัน
ดวยพระเดช กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ในขณะเดียวกันก็เปนโอกาสของพระคุณที่ชวยผูอื่นใหกาวไปไดเชนกัน หนทาง
ชีวิตใชพระเดช พระคุณ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไดโดยตนเปนผูเลือกเอง ผูกาวเองยอมรูซึ้งวามันยาก ลําบาก
เหนื่อยเข็ญ เชนไร และคงมีความเขาใจผูอื่น ชีวิตอื่นไดไมยาก สําหรับผูที่ไดรับการผลักดัน ดึง ใหขามไปในหนทาง
ชีวิตบอยๆ อาจเชื่อวามันไมยากนักก็ได อยางไรก็ตาม หนทางในชีวิตแตละชีวิต ก็เปนทิศทางที่เปลี่ยนแปลงได
เสนทางชีวิตที่มีการเบียดเบียนยอมไมมีความแนนอนจะ ไมวาเสนทางชีวิตสายใด ก็เหมือนไวเวิรน@จะ คือ
เดินทางไมเคยหยุด ยิ่งมีสิ่งยั่วยุ ยวนเยา มีตัณหา ราคะ ยิ่งไมคิดจะหยุดเดินทาง และถลําลึกไปในเสนทางนั้น จน
ไกลสุดกู ไมสิ้นสุด
กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ไมใชสิ่งที่มีพลังเพียงพอสําหรับเปลี่ยนเสนทางชีวิตหรอกจะ ไวเวิรนจึงพิสูจนใน
จินตนาการใหเห็นวา มังกรเมื่อเปลี่ยนเปนครึ่งคนแลว ก็ไมไดพนจากเสนทางชีวิตของการทองไปในนรกเลยจะ
เพราะไวเวิรนทองชีวิตไปโดยการนําทางของสิ่งที่ฝงอยูในตนหรือทับทิมสีแดงสดกลางหนาผาก ภาพจินตนาการก็
เห็นวาคือสวนสําคัญที่ผลักดันชีวิตนะจะ ในความจริงก็มีสิ่งที่ใชนําทางแตละชีวิต ที่ติดฝงแนนในสวนสําคัญของ
ชีวิต คือ สติสัมปชัญญะ และใชนําทางเฉพาะตน จะนําทางผูอื่นคงไมไดถาผูอื่นไมเห็นตามเอง คนและสัตวก็เปน
ชีวิตที่เลือกใชพระเดช พระคุณ ไดตามสติสัมปชัญญะของตน แบบวากึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ก็ออกแบบโดยความ
จริง ที่ไมไดแตกตางจากในจินตนาการนักจะ ดังนั้นเมื่อนึกถึงไวเวิรนที่เปนตํานานในจินตนาการ ก็เหมือนทองไป
ในโลกที่ไมตางจากความจริงนี่เองละ ตํานานระบุวา ไวเวิรนทองไปในนรก เมื่อรางครึ่งบนเปนเปนหญิงแพศยา
ครึ่งลางเปนมังกร ก็คงไมตองบรรยายลักษณะแบบกึ่งๆมากนัก เชนเดียวกับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณที่อยูในแนวนี้
มันหักเหเสนทางไมได ทําไดแคไปตามทางอยางเดียว แมกลายรางเปนคนไดครึ่งตัวแลว ไวเวิรนก็ยังเดินทางทอง
ไปในนรกไดทางเดียว ขณะที่ในโลกความจริงนั้น ชีวิตเลือกเสนทางชีวิตได แมจะตองฝนชะตาชีวิตอยางสุดกําลัง
เต็มแรงเกิดที่สุด เชน แมเปนสัตวแตไมปลอยชีวิตไปตามสัญชาตญาณแคสัตว อันเปนชะตาชีวิตสัตวนั้นๆ เพียงแค
นั้น สิ่งที่ฝงแนนในชีวิตก็เปนสัญชาตญาณนี่ละ ซึ่งมันเปนสัญชาตญาณเบียดเบียนกันและกันจะ เมื่อฝนชะตาตน
ได จึงพนความเปนสัตว และเปลี่ยนหนทางชีวิตไดโดยตนนั้นเอง ผูอื่นแมมีพลานุภาพเพียงใดก็ฝนชะตาชีวิตแทน
ใครไมไดจะ คนเรานั้นก็มีชีวิตที่เลือกเสนทางชีวิตตนได ทํานองเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกเดียวกันนี้ละ
จะ หากเลือกแนวใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ก็ไมพนหนทางเบียดเบียนกันและกันไดเลย จริงมั้ยจะ มันเผื่อทาง
เดือดรอนไวในตัวนี่นา เสนทางชีวิตไมใชเสนทางที่เปลี่ยนไดงายนักก็จริง แตก็ไมใชเสนทางตายตัว สําหรับฉันนั้น
เสนทางชีวิตประกอบอยูในเวลา ซึ่งเวลาของฉันไมไดใหแดอารมณ ความรูสึก ฉันมีเวลาสําหรับการพลิกเทานั้น
ชีวิตในเวลาของฉันเปนสภาวะของการพลิกไมใชการฝงลึก ชะตาชีวิตที่มันฝงอยูในชีวิต ลึกและยากจะหักเห
เปลี่ยนชะตา มันถูกพลิกได เมื่อไมปลอยใหชีวิตอยูในเวลาของการฝงลึก แบบที่ไวเวิรนใหเวลาทั้งชีวิตไปกับการฝง
ลึกพรอมกับทับทิมกลางหนาผาก และทองไปในทางนรก แบบวาไมไปทางอื่นจะ
เสนทางชีวิตนั้นยากที่จะไมเจอความทุกขกาย ทุกขใจ อยางนอยๆก็เจอความเหนื่อยละ เดินทางเสนทาง
ไหนก็เหนื่อยไดจะ ชีวิตแตละชีวิตก็ทองไปในเสนทางชีวิตของตน ฉันก็สัมผัสไดวา เสนทางชีวิตเปนเพียงเวลาที่
ประกอบดวย ความรูสึก อารมณ เมื่อหมดอารมณ หมดความรูสึกเมื่อใด ก็พนเสนทางชีวิตนั้นแลว ในขณะที่ชีวิต
เดินทางอยูในเสนทางชีวิตของตน ยอมมีอารมณ ความรูสึก แนๆจะ ทุกขกาย ทุกขใจ ยอมมีไดและเปลี่ยนได แบบ
อารมณ ความรูสึกที่เปลี่ยนไดจะ ความจริงเปนสิ่งที่ตองเผชิญในชีวิต และความจริงคือสิ่งที่ไมเปลี่ยนแปลง ชีวิต
จะสุขหรือทุกข จึงไมไดขึ้นอยูกับความจริงนั้น แตมันอยูที่อารมณ ความรูสึกที่มีตอความจริงนั้น หากเผชิญความ
จริงดวยการไมติดในอารมณ ความรูสึก ตอใหชีวิตเผชิญความจริงที่สะทอนจากตนหรือสะทอนจากผูอื่นตอตัวเรา
ชีวิตก็ไมสะเทือน เพราะชีวิตแยกความจริง แยกอารมณ ความรูสึกออกไดจะ ทุกขในชีวิตจึงอยูที่ตัวเอง หากมองสิ่ง
ที่ชีวิตเผชิญดวยอารมณ ความรูสึก ก็มีสิทธิเปนสุขและทุกขไดทั้งสองดาน ถาพอใจในสิ่งที่เผชิญก็สุข แตถาไมพอ
ยังรูสึกวาไมใช ไมเปนดั่งที่ตองการก็ทุกขจะ ไมวาจะสุขหรือทุกข ก็เปนเวลาในชีวิต ที่ทองไปในเสนทางชีวิตของตน
แบบที่ถาไมสุขก็ทุกข เพราะใหเวลาในชีวิตกับความรูสึก อารมณ มันก็คงมีอยูสองอยางนี้ละจะ ฉันจึงไมให
ความสําคัญกับอารมณ ความรูสึก เพราะมันไมไดอะไรมากไปกวานี้ จะสุขหรือทุกขก็ไมจีรัง เปลี่ยนไปมาแบบ
ประวัติศาสตรที่มันซ้ําๆรอยทางที่ไมออกนอกเสนทางเดิม ก็มีเบื่อและหนายนะจะ
ไวเวิรน เมื่อเปนครึ่งคนครึ่งมังกร เธออยูในจินตนาการที่มีเสนทางชีวิตในนรก เดาวาไวเวิรนคงเจอทุกข
กายทุกขใจแนนอน อาจไมรูตัววาเดินทางทามกลางเครื่องบดบังตา ไดแก ตัณหา ราคะ โลภ พยาบาท ที่ทําใหลืม
ตัววา ตองฝงลึกอยูกับความรูสึก อารมณ จนถอนตัวไมขึ้น ยิ่งมีตัณหา ราคะ โลภ พยาบาท มากเทาใด ก็ยิ่งถลํา
เขาไปในหนทางนั้นลึกและไกลสุดเทาตัณหา ราคะ โลภ พยาบาทในตนจะฉุดดึงไปถึงเลยจะ ในสวนทับทิมสีแดง
กลางหนาผากนั้น หากยอนสูโลกความจริง มันก็มีลักษณะแบบที่เปนความตั้งใจ เปนเจตคติของสิ่งมีชีวิตจริงๆนะ
จะ มันนําทางชีวิตแบบเห็นชัด เรียกในความจริงวา ความใฝของชีวิต ใฝแลวจึงประกอบดวยเจตคติ มีทั้งสติรวม
กับสัมปชัญญะในการกระทําตามที่ใฝจะ และเดินทางไปในเสนทางชีวิตของตนอยางที่ ตามชะตาชีวิตอยางนั้นเลย
จะ เมื่อพบวาไมพนทุกข ก็อาจตั้งสติ สัมปชัญญะ ปรับเจตคติ สูทิศทางมุงไปในสุคติ ไมใชทุคติ ก็ยอมทําได แมมัน
ยากแสนสาหัส ก็ยังมีโอกาสเปลี่ยนทิศ ไวเวิรนอยูในจินตนาการที่ใหคติสอนใจสูโลกความจริงวา หยุดมุงไปใน
หนทางทุกขไดเร็วเทาใด ก็คงเดินทางสูสุคติไดจริงเทานั้น แตถาไรการพอ มีแตถลํา ไรความเพียง ก็ไมมีวันยุติทุกข
และเดินทางสูทุคติในโลกความจริงนั้นพอๆกัน จินตนาการก็สอนไดจริง ไมใชตํานานที่ไรความหมายจะ
ทํานองชีวิตแบบไวเวิรน@ เรียกวารักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นไมไดจริง แมแตจินตนาการก็ยังถึง
หนทางนรกจะ ชีวิตจริงหากตามรอยทางไวเวิรน@ ก็รักษาตนไมพนทุกขภัยทั้งสิ้นเชนไวเวิรน นั่นเปนตํานานที่ไม
เกินความจริงเลยนะสิ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณที่นิยมในโลกของความจริง วาเปนทางเผื่อเลือก เผื่อเอาตัวรอด เผื่อ
สลับฝาย เผื่อผลที่ซอนเงื่อน เผื่อเจตนาที่ไมบริสุทธิ์ เผื่อสิ่งที่ชีวิตยังไมแนในทั้งหลายนั่นนะจะ นั่นละเปนทางเผื่อ
ทุกขที่ไมสิ้นไปจากชีวิต ความจริงในโลกความจริง ใชแนวทางกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณแทบจะเปนเรื่องปกติวิสัย ยิ่ง
กวาพระคุณลวนๆ แมแตการแสดงพระเดชเต็มๆ ก็ยังสรางภาพดวยกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ เพื่อกลบเกลื่นพระเดช
เต็มสุดนั่นละ สรุปแลวกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ก็อันเดียวกันกับพระเดชสุดตัวนั่นเอง ยอมหาความสงบไมไดหรอกจะ
และไมอาจรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น มีทุกขที่เสนทางใด เชื่อไดแนวาเสนทางนั้น ทั้งยั่วยวน ลอหลอก
ดึงดูด เยาใจ ใหเดินทางถลําลึกไปในเสนทางนั้น เพราะทุกขอาศัยความรูสึกจึงไดผล ดังนั้นกลเม็ดความทุกข ก็
ยอมมีเปาที่เปนการยั่วความรูสึกทุกวิธีนั่นแหละ จินตนาการเห็นเสนทางนรกที่ไวเวิรนทองไปไดชัดเทาโลกที่เปน
จริงเลยจะ วามันคงตองเราอารมณ ดึงดูดใจ มีแรงโนมเขาสูเสนทางนั้นอยางขัดขืนไดยากนัก นอกจากผูที่ไรที่เกาะ
ของอารมณ ความรูสึกโดยสิ้นเชิงแลวเทานั้นละ จึงจะไมหลงเดินทางทองไปในนรกแบบไวเวิรน นั่นจึงจะออกจาก
จินตนาการที่เหมือนโลกความจริงอยางไมหลงทางเลยจะ
รักษาตนไมใหหลงทางสูความทุกข ก็ไมงายนัก ถาจินตนาการกับความจริงมันไมพนจากกัน แบบวารูสึก
ไดทั้งเวลาที่จินตนาการและเวลาของความจริง ฉันก็ไมไรอารมณ ความรูสึกจะ เพียงแตเห็นวามันไมสําคัญ และ
ปลอยมันไปตามเวลาแบบไมจีรัง ไมวาผูใด สิ่งใด อาศัยการเขาถึงฉันดวยการสื่อใหบังเกิดอารมณ ความรูสึก ก็มี
ความสําคัญแคอารมณ ความรูสึก ซึ่งไมจีรังนะจะ สิ่งใดมีคาแคเกาะอยูที่อารมณ ความรูสึก ยอมไมใชคาที่จีรัง
ฉันก็เลยสรุปวาไมสําคัญ เหมือนอารมณ ความรูสึกที่ไมแนนอนนั่นเอง รักษาตนใหไมเดินทางสูความทุกข คือ
รักษาการเกาะติดของอารมณ ความรูสึกของตนก็ใชจะ แบบวาทุกขเขาไมถึงแหงๆ ดังนั้นกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ก็
ไมใชวิธีที่จะรักษาตนและผูอื่นใหพนทุกขจะ ในเมื่อมันไมสลัดทิ้งอยางใดเลย แตยึดเอาทั้งพระเดชและพระคุณ ซึ่ง
ในที่สุดก็ไมตางจากแรงโนมเขาสูการมีเวร เบียดเบียนกัน ทําใหทุกขกายทุกขใจ แบบที่หาความแนแทจากกึ่งพระ
เดชกึ่งพระคุณไมไดนักนะจะ พระเดชนั้น ใชเมื่อใดยอมบังเกิดความรูสึกเสมอละ แลวเชนนี้จะชวยรักษาใครใหพน
ทุกขไดละ ชีวิตมีทั้งจินตนาการและความจริง ที่ตองสัมผัส แลวแตชีวิตใดจะเลือกหนทางที่ปราศจากทุกขไดเอง
การพยายามหนีใหพนทุกข ยอมตองออกจากเสนทางที่มีทุกขนะจะ ไวเวิรน@ถึงกับมีทับทิมสีแดงสดสองนําทางให
ชัดๆในการทองนรก จินตนาการอันไมคิดถอยกลับของไวเวิรน ก็คงเปนชีวิตหนึ่งซึ่งไมเหลือเชื่อ เกินความจริงจะ
สัมผัสเจอได รักษาตนเทานั้นจึงจะพนทุกขจะ ชีวิตเลือกหนทางชีวิตเองและชะตาชีวิตไมตายตัวหรอก ถาจริงจังพอ
แบบวา พอเทาที่แรงดึงดูดอารมณ ความรูสึก ไมทําใหสะเทือนนะจะ แมฝนใจนั้นยากทั้งในความจริงหรือแมแต
จินตนาการจะ
ไวเวิรน@ครึ่งคนครึ่งมังกร คงเหมาะสมกับคําวา หลงทางเสียเวลา หลงติดมายาเสียอนาคต โลกแหง
จินตนาการก็เขากันไดกับคําที่มีใชในโลกของความจริงจะ ตํานานไวเวิรน@สอนนักเดินทางในความจริง ใหดู
หนทางชีวิตของตน เพื่อตํานานชีวิตจริงจะประสบการไมมีเวร ไมเบียดเบียน ไมทุกขกายทุกขใจ เปนสุขไดจริง ซึ่ง
เปนเสนทางที่มีจริงจะ สันติสุขมีจริงและเลือกใหมีได เชนเดียวกับเสนทางแตละชีวิต ชะตาชีวิต อยูที่ชีวิตจะให
จินตนาการและความจริงมีเสนทางเชนใด เมื่อรูวาเสนทางชีวิตเปนที่พึ่งไดก็ยอมเดินทางตอไป หากรูวาเดินทาง
ตอไปแลว แมแตตัวเองก็พึ่งไมได ฉันแคเดาวาไมนากาวอีกจะ สุดแลวแตวาแตละชีวิตนั้นยอมเดินทางในหนทางที่
ตนเลือก ชะตาชีวิตก็คือ คําตอบที่ชีวิตนั้นๆไดเลือก มันไมตายตัวแตมักไมฝนใจไปจากชะตาหรอกจะ จินตนาการ
เรื่องไวเวิรน@ครึ่งคนครึ่งมังกร ไมฝนแตแพชะตาเลยมั้ง แมตํานานไวเวิรน@จะมีมานาน ก็คงไมยาวนานไปกวา
ชีวิตจริงที่มีจินตนาการไดนะจะ เชื่อไดเชนเดียวกันวา หนทางในโลกความจริงไมไกลกวาจินตนาการ และโลก
จินตนาการก็มีหนทางที่ความจริงเชื่อมถึงได หนทางชีวิตจริงหรือหนทางชีวิตที่จินตนาการ ไมจํากัดอยูที่ชะตา แต
ถูกเลือกโดยตนเองจะ เทาที่ชีวิตจะเปนไดเพียงกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ หรือเต็มกําลังเชนใด
พิกซี่@ลักษณะเหมือนคนขนาดเล็กมีปกแบบแมลง

พละเดชไมขึ้นกับขนาดของรางกาย ครึ่งคนครึ่งแมลงแบบพิกซี@ ่ ก็มีเดชที่ไมจิ๋ว ตามขนาดตัวปกติที่แค 1


ฟุต หากขยายตัวโตขึ้น ก็เปนขณะที่ไมปกติของพิกซี่@จะ สภาพปกติของสิ่งใด นาจะเปนสภาพที่ไมเดือดรอนของ
สิ่งนั้น วามั้ยจะ เวรมีสวนโดยตรงตอความไมปกติในชีวิตละ ถาชีวิตไมไดรับผลกระทบจากผูใดเลย คงมีสภาพ
ปกติคงที่เชนดั้งเดิมจริงๆ ทํานองไมมีเวรที่ไดรับเลยนั่นละ พิกซี่@ขยายตัวหรือหดตัวเทาเดิม ก็เพราะมีเหตุ
ปจจัยนะจะ อาจเพื่อแขงเรือแขงพาย หรือแขงบุญวาสนา ก็เปนเรื่องของพิกซี่@ ในโลกจินตนาการก็ไมมีความนิ่ง
เหมือนในโลกความจริง ในความจริงมีคําวา แขงเรือแขงพายนั้นแขงได แตแขงบุญวาสนาแขงไมได เมื่อสัมผัสจาก
ความจริงแลว ก็ไดรูวาเปนเรื่องของเวรนี่เองจะ แขงเรือแขงพาย เปนการแขงกับผูอื่น จะแขงอยางไรก็ยอมได การ
เอาชนะผูอื่นก็คือ การกระทําที่สงผลกระทบโดยตรงและโดยออมตอผูที่ตนจะเอาชนะ รวมทั้งผูที่เกี่ยวของนั้นดวย
เปนวาระของการกระทํากรรมใหม แบบแลวแตโอกาสมีใหแขงนั่นแหละ ไดโอกาสทําเวรก็เรียกวา แขงเรือแขงพาย
นั่นละจะ สวนแขงบุญวาสนา เปนเรื่องของการแขงกับผลของการกระทําของแตละบุคคล ทํามาแลวอยางใด ผลก็
เปนไปตามเหตุที่มีมาเฉพาะตน บุญวาสนาจึงเปนสิ่งที่แขงไดกับตัวเอง แตแขงกับคนอื่นไมไดผล เพราะผลที่เกิด
มันเกิดแกตนเอง ดังนั้นโดยสวนตัวฉัน แขงบุญวาสนานาปฏิบัติสม่ําเสมอ สวนแขงเรือแขงพาย ฉันคิดวา ชนะหรือ
แพก็เหนื่อยและไมไดอะไรมากไปกวา ความไมแนนอน แพก็ไมยั่งยืน ชนะก็ไมคงทน เวรมันมีโอกาสเปนจังหวะๆ
นะจะ
พิกซี่@อาจอยากมีสภาพไมเหมือนที่เปนปกติ ดวยสาเหตุใดก็ตาม แตก็ยอมไมคงทนในสภาพที่เปลี่ยนไป
ในที่สุดก็ตองหดตัวเทา 1 ฟุต เปนปกติ เปนความไมแนนอนในตัวเอง ที่มีในจินตนาการนะจะ โลกความจริงก็เอา
แนกับตัวเองยากเชนกัน แตความจริงยอมเปลี่ยนแปลงอยางบังเกิดผลจริงนี่สิจะ มันเลยไมคอยเงียบสงบเหมือน
จินตนาการ ทางที่ดีหากปราศจากเงื่อนไขในโลกของความจริง คงไมมีปญหาเพราะความไมแนนอน ซึ่งนาจะเปน
อยางนั้นจะ แตในความจริงมีเงื่อนไขในทุกการกระทํา และเปนสิ่งที่ยอมรับวา มันเหมาะสมที่จะมีและเปนเงื่อนไข
สําหรับชีวิตที่ดําเนินไป ไมวาเกี่ยวกับเรื่องใดในชีวิตก็ตาม จะมีเงื่อนไขเสมอ ฉันสัมผัสวาเพราะติดที่เงื่อนไข ความ
ไมแนนอนจึงมีอํานาจ หากปราศจากเงื่อนไขแลว ยอมไมขึ้นกับความไมแนนอนนะจะ เชน การให ในโลกความจริง
แมมีการใหจริง แตมีเงื่อนไขของการใหจะ และถาใหสําเร็จก็เพราะเงื่อนไขไมติดขัด หากติดขัดที่เงื่อนไขก็ไม
สามารถใหได ไมวาจะใหแกใคร ใหอะไร โดยผูใหเปนผูใด โลกที่เปนจริงไมเคยปราศจากเงื่อนไข จึงมีการใหที่เปน
จริงไดบาง เปนจริงไมไดบาง และเปนการใหที่ไมยิ่งใหญที่สุดในความจริง เมื่อใดที่ใหโดยปราศจากเงื่อนไข นั่น
จึงจะอยูเหนืออุปสรรคที่เปนเงื่อนไข และมีการใหที่ยิ่งใหญจริงจะ แบบนี้หลุดพนจากกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณอยาง
ชัดที่สุดจะ แมจะรูสึกวาขัดกับความจริงอยูหลายประสาทสัมผัส คลายการกระทําโดยปราศจากเงื่อนไขไมมีจริงใน
ความจริง แตฉันแนใจวา ความบริสุทธิ์เปนสิ่งที่มีอยูจริง นั่นคือไมใชกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ไมใชเงื่อนไข แตเปน
การไมมีเงื่อนไขปดกั้นใดๆเลยนะจะ เรียกวา ผองแผว ก็คงจะเห็นภาพไดดี มันคือผลของการกระทําที่ไมติดอยูใน
เงื่อนไข ไมไดอยูภายใตเงื่อนไข มันจึงบริสุทธิ์ ถาเปนเรื่องเกี่ยวกับการให ก็ใหแลวไมมีเงื่อน และไมตองไขอีก ให
แลวก็สุดอยูที่ใหนั่นเอง เปนที่สุดของการกระทําที่เรียกวาให โดยปราศจากเงื่อนไข ผองแผวจึงเกิดขึ้นจะ การ
กระทําในชีวิตในโลกความจริง ก็เชนเดียวกันทุกเรื่อง เพียงแตเงื่อนไขมันเปนสิ่งที่ยากจะขามผาน ในที่สุดก็มักจะ
ใหความสําคัญกับความไมแนนอนและเงื่อนไข ซึ่งโลกความจริงยอมรับจะ
การใหที่ยิ่งใหญยอมใหผลยิ่งใหญ หากการใหมีเงื่อนไข ผลก็มีความไมแนนอนและขึ้นอยูดวยเงื่อนไข นั่น
เปนแนวทางที่ฉันสัมผัสไดวา แนวทางบริสุทธิ์ ผองแผว คือจะตองปราศจากเงื่อนไข และไมเปนกึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณ พิกซี่@ครึ่งคนครึ่งแมลงก็คงไมชอบในความไมแนนอนมั้งจะ ก็ตัวมันไมเทาเดิม เดี๋ยวหดลงเดี๋ยวขยายขึ้น
และคงไมใฝฝนใหเปนเชนนั้นบอยๆ คลายๆชีวิตไมพอดีนะจะ การเบียดเบียนกันและกันเลย ก็เปนเพราะไมมี
ความพอดีในชีวิต นั่นก็มีอยูทั้งโลกจินตนาการและความจริงจะ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณนั้นเองที่เปนแนวทางที่
ยอมรับในโลกความจริงสําหรับการขยับขยายความไมพอดี ใหชีวิตรูสึกพอใจในชีวิตจริง แบบวาพิกซี่@นั้น เมื่อ
ตองการความพอดีก็อาจจะใชฤทธิ์เดชและขยายตัว ในจินตนาการก็มีวิธีการเบียดเบียนที่ไมปดบัง อําพรางเลยจะ
แตกตางจากโลกความจริงซึ่งอําพรางจนมีคําวา นักบุญใจบาป และความจริงการเบียดเบียนกันนั้น หาความพอดี
ไมไดหรอกจะ เพราะชีวิตขึ้นอยูกับผูอื่น ไมใชขึ้นกับตนเอง อาศัยผูอื่นเปนหลักสําหรับคําวาพอดี ก็ยอมไมรูจัก
ความพอดีจริงจะ ฉันสัมผัสไดวาชีวิตที่อยูในโลกความจริง มีพื้นฐานของการเกิดชีวิตเพราะความเหมาะเจาะพอดี
ดังนั้นความพอดี ก็ยอมขึ้นอยูกับตนเอง ไมใชขึ้นอยูกับผูอื่น ความพอดีสําหรับทุกชีวิตจึงมีตนเองเทานั้นที่รูจริง แต
โลกความจริงมีกระแสจะ กระแสสังคมทุกดานเปนเงื่อนไขของความไมพอดีในชีวิต และเงื่อนไขก็เปนสัญลักษณ
เพื่อ แกงแยง แขงกัน เบียดเบียนกันและกัน เพื่อผานเงื่อนไขเขาสูความรูสึกที่ทึกทักเอาวา พอดีในชีวิตที่อยูในโลก
ความจริง ซึ่งความพอดีนั้น สมมติโดยกระแสโลกจะ
ความจริงและจินตนาการนาจะเขาถึงความพอดีในชีวิตไดพอกัน แตโดยสภาพแทๆแลว จินตนาการถูก
ยอมรับไดยาก สวนกระแสภายนอกตัวกลับเปนสิ่งที่ยอมรับโดยอัตโนมัติ โลกใบนี้จริงๆแลวจึงมีความยิ่งใหญที่
ไมใชที่สุด เพราะโลกจริงๆเต็มไปดวยเงื่อนไข เงื่อนไขนั้นเปนตัวกั้นความเปนไปได และเปนความไมแนนอนนั่นเอง
โลกของความจริงจึงยังคงหางไกลจากความยิ่งใหญที่แทจริง เงื่อนไขที่ซับซอน หรือมีมาก เปนสิ่งที่โลกในความ
จริงยอมรับวา เปนเครื่องมือยกระดับชีวิตในสังคม ซึ่งเปนแนวทางเดียวกันกับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณแทๆเลยจะ คือ
สิ่งใดก็ชางหากจะเปนไปได ตองผานเงื่อนไขตางๆนาๆ เรียกวา ผานการพิสูจนอยางนาเชื่อถือได และยอมรับวา
เปนไปไดที่สุด ในความที่สุดของโลกความจริง ก็จํากัดจะ มันติดอยูที่เงื่อนไข หรือความเปนไปได ซึ่งไมแนนอน
สภาพของโลกแหงความจริงที่แท เปนสภาพของการไปไมถึงจินตนาการ ก็คงจะใชนะจะ แมแตสถานะของคนเราก็
ยังมีเงื่อนไข ไมวาทางสังคม เศรษฐกิจ หรือสมาชิกภาพบนโลก และหลีกเลี่ยงบทบาทที่เงื่อนไขกํากับ ควบคุม ให
เขาสูการเบียดเบียนกันและกันไมไดจริง
พิกซี่@มีฤทธิ์เดช และเปนจินตนาการที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในตนชัดเจน พิกซี่สามารถขยายขนาดตัว
และลดขนาดลงไดตามตองการ ชีวิตที่อยูในโลกความจริงก็ชอบใหทุกสิ่งเปนไปดั่งที่ตองการเชนกัน แตความจริง
มันมีเงื่อนไขในทุกเรื่อง เลยนะจะ จึงตางจากพิกซี่@ในความเปลี่ยนแปลงดังตองการ แตเชื่อวาพิกซี่@ก็คงมีทุกข
กาย ทุกขใจไดเหมือนกัน อาจจะทุกขเพราะไมรูวาตองการอยางไรมั้งจะ สวนชีวิตในโลกความจริง ทุกขเพราะกาย
และใจไมเปนดั่งตองการ กายและใจมันเปลี่ยนแปลงไปเทาที่พอเหมาะพอดีในตัวมัน เพราะชีวิตเกิดขึ้นมาจาก
พื้นฐานความพอเหมาะพอดี และเปนคุณสมบัติที่ติดตัวนะจะ ดังนั้นเงื่อนไขของกายและใจในแตละชีวิต จึงอยู
อยางไมอาจบังคับดวยความตองการ ในความจริงใชคําวา ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต และมันเปลี่ยนแปลงโดย
ธรรมชาติ มีเกิด แก เจ็บ แมแตการตาย การเปลี่ยนแปลงเชนนี้เปนเหตุใหทุกขกาย ทุกขใจ ฉะนี้จึงทําใหรูสึกวา
ชีวิตตองปราศจากเงื่อนไขจึงจะไมทุกขกาย ทุกขใจ เงื่อนไขที่กายและเงื่อนไขที่ใจ เปนสิ่งที่ชีวิตมีอยูทุกชีวิต แบบ
วาทุกชีวิตมีทุกขเปนของตน เชน ปวดถาย ปวดใจ แลวแตจุดที่เปนทุกข หากสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองไดดั่ง
ตองการเชนเดียวกันกับพิกซี่@ ก็คงไมคอยทุกขมั้งจะ แมความจริงจะไมเหมือนจินตนาการในหลายเรื่อง แตใน
ความจริงก็มีความสุขได และขึ้นอยูกับความไมแนนอนอยูนะจะ มันอยูตรงเงื่อนไขที่กายและใจนั่นละ เงื่อนไขที่
ชีวิตเปนเจาของกายและใจ ยอมไมตานทานเจาของชีวิตนั้นๆที่จะปลดเปลื้อง ขามพนเงื่อนไขของชีวิตตนจะ เปน
หนทางพนทุกขกาย ทุกขใจไดในโลกความจริง
ปรับทุกขกาย ทุกขใจ ก็ยอมตองปรับเงื่อนไขจึงจะไมทุกขนะจะ อาจมีวิธีปรับเงื่อนไขที่กาย เงื่อนไขที่ใจ
เฉพาะตน หรือวิธีที่สวนใหญใช ก็สุดแลวแต พิกซี่@ นั้นมีวิธีของตนดังที่จินตนาการนั่นละ สวนชีวิตที่อยูในโลก
ความจริง มีวิธีทําใหคลายทุกขกาย ทุกขใจ ที่เปนแบบฉบับมานาน เชน การบําบัด รักษา หลายศาสตร หลาย
แขนง ทุกขกาย ทุกขใจ เปนเปาหมายที่ชีวิตตองเอาชนะในโลกความจริง เรื่องกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ เปนแนวทางที่
ไมนาจะเปลี่ยนเงื่อนไขไดจะ แตกลับซับซอนซอนเงื่อนซะมากกวา เงื่อนซ้ําเงื่อนซอน ทําใหชีวิตไมพนทุกขกาย
ทุกขใจจะ จินตนาการถึงพิกซี่@แลวอยากมีชีวิตดั่งพิกซี่@ครึ่งคนครึ่งแมลงหรือไมจะ ตองการสิ่งใดก็ไดดั่งตองการ
เลยทีเดียว แมแตตัวเองก็ยังขยายไดลดลงได จินตนาการที่เปนไปดั่งความตองการคงเปนความสุข ถาตั้งขอสังเกต
ก็คงสงสัยไดวา ความตองการที่สามารถเปนไปไดแบบพิกซี@ ่ นั้น มีผลตอผูอื่นอยางไร และจะนําความสุขมาให
ตนเองไดยั่งยืนหรือไม และอาจพบวาพิกซี่@ก็มีปญหา อุปสรรคเชนกัน เพราะความตองการของแตละชีวิต คงไม
เหมือนกันเปะจะ แบบวาความเปนไปไดดั่งตองการของบุคคลหนึ่ง อาจเปนความไมตองการของบุคคลอื่นก็ได
ถาพิกซี่อยูในโลกของความจริง คงมีอุปสรรคจะ ความทุกขกาย ทุกขใจที่เปนความจริง คงทําใหหมดไปดวยความ
ตองการ เหมือนจินตนาการไมได เพราะโลกที่เปนจริงแมตองการเชนไร ก็ไมไดพนไปจากเงื่อนไขที่มีบนโลกความ
จริง ไมสามารถใชความตองการบันดาลใหทุกขกายและทุกขใจหายไปสิ้นจะ ซึ่งพิกซี่@ในจินตนาการนั้น เพียงแต
ตองการสิ่งใด ก็เปนไปไดดั่งตองการเลย อุปสรรคที่ทําใหทุกขกาย ทุกขใจ ไมอาจหมดสิ้นไปในโลกความจริง ไดแก
เงื่อนไขบนโลกความจริงนั่นเองจะ
พิกซี่@หากอยูในโลกความจริง ก็ไมแนนักวาจะรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นไดมั้ย ฉันเดาวา
จินตนาการกับความจริง ไมไดลงรอยกันเสมอไปจะ เพราะหากเปนเชนนั้น โลกนี้คงเปนไปไดดั่งจินตนาการนาน
แลวละ แตความจริงชีวิตยังหาทางรักษาตนใหพนทุกขภัยทั้งสิ้นไมไดจริง ทั้งๆที่รูวามันติดแคเงื่อนไขนั่นเอง และ
โลกปจจุบันกลับยิ่งกําหนดเงื่อนไขขึ้นมาเพิ่มอีกเรื่อยๆ จนหาความปราศจากเงื่อนไขไมเจอเลย โลกความจริงเปน
แนวกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณแทบจะทุกเรื่อง หาพระคุณลวนๆยากมาก แนวทางบริสุทธิ์ ผองแผว ปราศจากเงื่อนไข
ในโลกความจริง โดยเฉพาะปจจุบันหายากมาก ไมวาจะมีชีวิตอยูกับเรื่องใด ก็เกี่ยวของในแนวทางกึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณโดยตลอดจะ แบบวามีเงื่อนไขจริงๆ ไมเชิงเดี่ยวก็เชิงซับซอนละจะ แลวเมื่อเปนเชนนี้จะรักษาตนในโลก
ความจริงอยางไร จึงจะพนทุกขภัยทั้งสิ้นได วามั้ยจะ ในโลกความจริงถาไมติดที่เงื่อนไขในตนเองทั้งกายและใจ ก็
ติดที่เงื่อนไขในผูอื่น สิ่งอื่น ซึ่งมีผลตอเรา เห็นไดวาโลกความจริงเปนโลกที่มีเงื่อนไขเปนพื้นฐานจะ ตั้งแตการ
กําเนิดชีวิต ก็ดวยเงื่อนไขที่เหมาะสมสําหรับการถือกําเนิดเปนชีวิตนะจะ และนั่นคือสิ่งที่ชีวิตหนีเงื่อนไขไปไมพน
และเปนไปตามเงื่อนไขตั้งแตเกิด แก เจ็บ จนตายจะ หากขามพนเงื่อนไข ก็คงไมตองเปนไปอยางที่เงื่อนไขกํากับ
จะ ขามพนนั้นไมใชผานตามเงื่อนไข หรือเปนไปอยางที่เงื่อนไขขีดเสนใหเปนนะจะ ความสําเร็จตามเงื่อนไข ก็คือ
การเขาเปนสวนของเงื่อนไข ไมไดขามพนเงื่อนไขใดๆหรอกจะ แตตรงขาม คือ นอกจากไมขามใหพนแลว ยังยึด
เงื่อนไขไวเปนหลักนําทางเลยจะ ยอมรักษาตนเทาที่มีเงื่อนไขเชนกัน เชน เงื่อนไขการไดรับ อาจเปนการจาย
คาตอบแทน ถาไมมีกําลังเพียงพอสําหรับใหคาตอบแทน ก็คงไดรับแตความวางเปลา หรือ เงื่อนไขการให อาจเปน
ผลที่ไดรับกลับคืน หากเห็นวาเสียเปลา ก็อาจไมให โลกของความจริงเปนกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ และรักษาตนให
พนทุกขภัยเทาที่เงื่อนไขจํากัดไวจะ
แนวทางปราศจากเงื่อนไขในจินตนาการ มีไดเทาที่มีจินตนาการ แตสิ่งที่มีจินตนาการ ก็คือชีวิตที่มีจริงใน
โลกความจริง ฉันสัมผัสวา จินตนาการไมใชสิ่งที่ตัดขาดจากความเปนจริง เพียงแตมันใชเวลาคนละเสี้ยวกับความ
เปนจริง ถาสิ่งมีชีวิตซึ่งมีจินตนาการ ไมปลอยใหจินตนาการเปนเหมือนหวงอวกาศที่มีอยู แตไมยิ่งใหญเทาโลกใบ
เดียว บางทีโลกนี้อาจไมใชแคโลกที่มีแตเงื่อนไขและขีดจํากัด และหนทางรักษาตนใหพนจากทุกขภัย ก็คงมีจริง
และเปนจริงในชีวิตจริงจะ อยางเชน โรคและภัยนั้นเปนสิ่งคุกคามชีวิตจริง ยิ่งกวาตํานาน มาชานานบนโลกใบนี้
และการรักษาชีวิตใดๆก็ทําไดในความจริงอยางไมเทาจินตนาการ ทั้งๆที่ชีวิตนั้นๆก็มีจินตนาการไดเอง ฉันสัมผัส
วาแตละชีวิตมีจินตนาการของตน และผูอื่นจินตนาการแทนไมได ซึ่งเปนเรื่องที่เกี่ยวกับการเขาสูหนทางรักษาตน
ใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นไดโดยตรงเฉพาะตน การขามพนเงื่อนไขในชีวิต ทําไดเฉพาะตนนั่นเองจะ
พิกซี่@ครึ่งคนครึ่งแมลง เปนเรื่องของจินตนาการ หรือตํานานที่ความจริงอาจอิจฉา ฉันคิดวาเงื่อนไขใน
โลกใบนี้ ทําใหโลกมีขีดจํากัด มีเพียงเงื่อนไขหนึ่ง ที่ฝาขีดจํากัดบนโลก นั่นคือ เงื่อนไขที่สิ่งมีชีวิตเปนสิ่งที่มี
จินตนาการ และชีวิตจริงอาจมีความเปนไปไดมากกวาเงื่อนไขใดๆในโลก เพียงแคชีวิตยังมีเงื่อนไขที่เปน
จินตนาการโดยตัวเอง กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเปนเงื่อนไขที่ทําใหมีความเปนไปไดเพียงบางสวน และไมอาจใชเปน
เงื่อนไขเพื่อขามพนทุกขไดจะ ฉันหวังวาโลกจินตนาการจะมีไดจริงเหมือน หวงอวกาศที่สิ่งมีชีวิตบนโลกไปถึงไดนะ
จะ
มิโนทอร@ลําตัวเปนคนสวนหัวเปนวัว

สิ่งมีชีวิตมีความผูกพันกันและกัน มิโนทอร@ครึ่งคนครึ่งวัว เปนตํานานของความผูกพันระหวางคนกับวัว


ซึ่งในโลกความจริงคนบริโภควัว แตในจินตนาการ มิโนทอรที่มีหัวเปนวัวตัวเปนคนนั้นกินคน สําหรับคนเราคง
อยากอยูในโลกความจริงละ แตคนเรานั้นแหละที่จินตนาการมีมิโนทอร แบบวามิโนทอรก็มีขึ้นไดจากคนเปนเหตุ
เปนเรื่องกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณที่หนีไมพนเงื่อนไข เวรไมระงับนะจะ จินตนาการที่เปนตํานานมักเปนเรื่องนาสนุก
ขบขัน สะใจ ถามันแสดงถึงกนบึ้งของจิตไดอยางหมดเปลือก และคนเราก็ชอบจินตนาการที่ลึกซึ้งแบบหยั่งถึงจิต
วิญญาณ สําหรับมิโนทอรก็เปนเพียงตํานานที่สาแกใจ แตความจริงวัวก็ยังเปนสิ่งมีชีวิตที่ถูกรังแกโดยคนนะจะ
กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณที่วัวไดรับในโลกความจริง เปนเรื่องธุรกิจเลยละ ขุนใหอวนพีเลี้ยงดีกวาหากินเอง แลวก็
ทําลายไดลงคอ เพียงเพื่อสะสมความพอใจในฐานะของผูเลี้ยง ในโลกความจริง ความผูกพันระหวางคนกับวัว
หรือสัตวอื่นๆ มีเงื่อนไขจะ เปนกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ เวรไมระงับจะ มีแตสะสมเงื่อนรอการไขในเวรนั้นเอง นี่คือ
ความจริงและเปนสิ่งที่มีอยูจริงในโลกความจริง เงื่อนที่รอการไข เปนสิ่งที่ชีวิตสะสมมาตั้งแตถือกําเนิดบนโลกจริง
และยังคงยึดเงื่อนไขอีกมากมายตลอดการดําเนินชีวิต ดังนั้นเวรยอมไมระงับ ดวยการมีเงื่อนไข แบบจองไวเลยนะ
จะ
วัวเปนสัตวไมกินเนื้อ คนนั้นกินทั้งเนื้อและพืช เมื่อความจริงเปนเชนนี้ โลกของความจริงจึงมีเวรที่เหมือน
ไมไดรับการสนองเวรใหเห็น แตหากคนกระทําเวรเชนเดียวกันนี้กับสัตวอื่นที่ไมใชวัว และเปนสัตวที่กินเนื้อบาง ฉัน
คิดวาเวรอาจสนองทันตาเลยจะ สวนวัวนั้น แมแตจินตนาการของคนเราก็ยังมีมิโนทอร@ ที่กลับมากินคนจะ โลก
จินตนาการก็มีสวนของความเปนไปในจินตนาการเนื่องมาจากความจริง หรือความจริงเปนองคประกอบของ
จินตนาการก็คงมีสวนจะ เวรระงับโดยการหมดเงื่อนที่ตองไข หรือในความจริงสัมผัสไดโดย การไมมีกรณีผูกพัน
กันอีกนะจะ แตโลกของความจริงแทบทั้งหมดทุกสวน พยายามผูกแลวยังพันเปนเงื่อนใหตามไขไมมีขอยุติ เหมือน
หวงโซอาหารบนโลกของสิ่งมีชีวิต สัตวหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญที่สุด ในที่สุดแลวก็ยังตองถูกบริโภคโดยสิ่งมีชีวิต
ขนาดตาเปลามองไมเห็นดวยซ้ํา พิสูจนไดจริงวาชีวิตมีความเปนชีวิตเทาเทียมกัน ไมมีชีวิตที่ถือวาสําคัญและ
ยิ่งใหญกวาชีวิตบนโลกนี้ เพราะทุกชีวิตอยูในเงื่อนไขเดียวกัน ฉันรูสึกวาการใชวิธีแลกชีวิตอื่นเพื่อชีวิตใด ไมใชวิธีที่
พนเงื่อนและเวรจะ กลับเปนการผูกเงื่อนผูกเวรดวยความกลัวที่จะไขเงื่อนที่มีอยูเดิม และเบี่ยงเบนมาเผชิญเงื่อน
ใหมที่ผูกขึ้นมานะจะ แบบสิ่งมีชีวิตที่หาอาหาร เมื่อเจอสิ่งที่อยากไดเปนอาหารแตไมกลาพอ ก็หันไปควาสิ่งอื่นที่
คิดวาหวานหมูแทนนะจะ หรือการเซนสังเวยดวยสิ่งอื่น เพื่อความอยูยั้งยืนยงของผูเซนสังเวยตอไป โลกความจริง
มีเวรที่พรอมจะเกิดขึ้นและไมยุติ ตางจากจินตนาการที่มองเห็นความเปนไปได และความไมเปนไปอยางเลือกได
จะ กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณทําใหเวรไมยุติ และเปนเงื่อนที่ตองไขอีกตอไป
หากเรียกการตอบแทน สําหรับการกระทําพระคุณ ก็ยอมตองรับทั้งพระเดช ในกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณที่มี
อยูในความจริงจะ เจตนาของสิ่งมีชีวิตมักมีเงื่อนไขเสมอ และนั่นคือกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ไมใชพระคุณบริสุทธิ์จะ
ดังนั้นการกระทําโดยเจตนาจึงหนีไมพนการเบียดเบียนกันและกัน มิโนทอร@ครึ่งคนครึ่งวัว ก็เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต
อื่นและคนจะ จินตนาการก็ไมผุดขึ้นมาอยางไรความจริงเลยนักหรอก โลกความจริงมีการทวงคืนสิ่งที่เรียกวา
พระคุณ ทั้งๆที่ความจริงมันปนอยูกับพระเดช แบบกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ และเปนเงื่อนไขที่กระทํากึ่งพระเดชกึ่ง
พระคุณนั่นเอง โลกของความจริงมักสมมติเอาวาความพอใจคือความถูกตอง ดีงาม ทั้งๆที่มันเปนกึ่งๆ เปนกึ่งพระ
เดชกึ่งพระคุณ ไมใชสิ่งบริสุทธิ์ ก็ยกเอาเปนขออางในการถือเอาวา ไดทําในสิ่งที่ถูกตอง ดีงาม ฉันคิดวาความ
ถูกตอง ดีงาม เปนเรื่องของการไมมีมลทินนะจะ นั่นคือตองบริสุทธิ์ หากกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณไดรับการยอมรับวา
ใชความถูกตอง ดีงาม โลกของความจริงก็สมควรไดรับทั้งพระเดชทั้งพระคุณที่ลบลางกันอยูดี ดังนั้นการเรียกให
ตอบแทนพระคุณจึงตองรับพระเดชตอบแทนดวย เบียดเบียนกันและกันนะจะ จินตนาการของสิ่งมีชีวิตยังไมพน
การเบียดเบียนเลยจะ มิโนทอร@เปนตํานานที่โลกความจริงก็มี เพียงแตรูปสมมติอาจจะตางกัน ซึ่งอยูในการ
เบียดเบียนกันและกันทั้งจินตนาการและความจริง
ความจริงอาจจะเปนสิ่งที่คนเราใหความสําคัญมากกวาจินตนาการ แตคนเรารวมทั้งสัตว ลวนเชื่อวา
ความจริงยังไมใชที่สุด จึงมีการดิ้นรน แสวงหาสิ่งที่แตละชีวิตจะรูสึกวาพอใจยิ่งขึ้น ถาทุกชีวิตรูความจริงทั้งหมด
โดยไมอาจจินตนาการไดยิ่งกวานี้อีกแลว คงไมมีความจําเปนในชีวิตเพื่อการดิ้นรนกระทําใหยิ่งไปกวาเดิม และคง
ไมตองเบียดเบียนกันและกันอีกจะ ฉันสัมผัสวาความจริงไมยากที่จะเปดเผย ชองทางที่ความจริงจะถูกเปดเผยก็
อยูที่ชีวิต เพราะชีวิตคือสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง และยอมสามารถเขาถึงความจริงไดทุกความจริง ทุกสิ่งในโลก
แมแตที่อยูหางไกล ไมใชสิ่งที่ยากเกินกวาชีวิตจริงจะรู ฉันไมแนใจวาความตองการของคนเรา พอใจจริงๆกับความ
จริงหรือจินตนาการกันแน เพราะโลกในความเปนจริงมีเงื่อนไข เปนกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ขึ้นอยูกับความไม
แนนอน ไมมีความใชจริงๆ แตมีความโหยหาสิ่งที่ตองเขามาแทนที่ปจจุบันเสมอ คลายกับสิ่งที่มีชีวิตจริงนั้น
เรียกรองสิ่งที่ไมไดอยูดวยกับโลกความจริงแตละขณะนั้นๆ ไมรูสึกหยุด ไมนิ่ง แตตองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จินตนาการ
จึงยังไมสิ้นสุด ฉันเชื่อวาสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตใฝรู เพราะถาชีวิตไมรู ชีวิตก็ออนพระเดช ออนพระคุณ แบบวาเปนชีวิตที่
ไมมีกําลัง เรี่ยวแรง ทั้งกายและจิต ที่จะดําเนินไปอยางผานพนอุปสรรคจะ มาถึงตอนใกลซึ้งในพระเดช พระคุณ นี้
คงเห็นไดแลวละวา ควรมีพระเดช พระคุณ อยางเต็มที่บริสุทธิ์ หรือกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณที่ ไมอาจทําใหชีวิตเต็มที่
เลย ความจริงยอมไมอาจลบลางไดดวยจินตนาการ ฉะนั้นชีวิตจริงก็ควรเลือกสิ่งที่ไมตองไขอีกตอไป จริงมั้ยจะ
เมื่อความจริงเปนที่สุด ก็ยอมเทาจินตนาการที่คนเรามีอยูในขณะที่เผชิญหนาในโลกความจริงนะจะ แตความจริง
ในโลกปจจุบันคือ คนเรายังมีจินตนาการที่ไมใชสิ่งที่เราเปนหรือมีหรือเผชิญ แบบวาความจริงในชีวิตไมใชที่สุด จึง
ตองดิ้นรน และเบียดเบียนกันและกันเลยจะ
ความสงสัยทําใหทุกขกาย ทุกขใจ ชีวิตไมสิ้นความสงสัยพอๆกับไมสิ้นทุกขกาย ทุกขใจ แตความจริงก็ทํา
ใหสิ่งมีชีวิตตองประจักษแจง จึงจะพนความทุกขและสงสัย ทําอยางไรพระเดช พระคุณ จะชวยใหสิ้นความสงสัย
ไดบาง ฉันเห็นวาชวยไดแคนําเสนอตอหนาในแตละความจริงจะ ชีวิตที่สิ้นความสงสัยในความจริงใด เปนภารกิจ
ของชีวิตนั้นๆเองในการสิ้นความสงสัย พระเดช พระคุณคงครอบงําแลวชวยใหพนความสงสัยตลอดเลยไมไดจะ
จินตนาการเปนพยานไดวา ความจริงที่ชีวิตรูนั้นยังไมใชที่สุด ทุกขกาย ทุกขใจ ก็ไมเปนอันสิ้นสุดแนนอน จริงมั้ย
จะ เมื่อสิ่งมีชีวิตมีจินตนาการ ก็ยอมรูไดวา ทุกขกายทุกขใจ เปนสิ่งที่ไมอาจคาดเดาหรอกจะ หากสิ่งมีชีวิตยังรูใน
ความจริงทั้งหมดไมถองแท ครบถวนทุกความจริง ตอใหเดาก็เดาไมตรงเสมอไป พอๆกับการคาดหมายโดยอาศัย
เกณฑความจริงที่มีอยูแมไมถวนในความจริงทั้งหมด แตละชีวิตที่ตองการพนทุกขกาย ทุกขใจ จึงไมควรสรุป ไม
ควรชี้ขาด ในสิ่งที่ตนพอใจ วานั่นคือที่สุดแลวซึ่งการไมใชทุกข ฉันสัมผัสไดวาหากสิ่งใดตั้งอยูบนความพอใจ สิ่งนั้น
ไมใชของจริงจะ เพราะมันตั้งอยูไดดวยเงื่อนไข ซึ่งคือความพอใจนั่นเอง หากปราศจากเงื่อนไขไมวากรณีใด เชน
เงื่อนไขหมดไปหรือเปลี่ยนไป สิ่งนั้นก็ไมอาจคงเดิมหรือสิ้นไปเชนกัน ดังนั้น สิ่งมีชีวิตจึงไมควรฝากความหวังที่จะ
พนทุกขกาย ทุกขใจ ไวที่ความพอใจจะ
มิโนทอร@เปนตํานานที่พิสูจนไดวา ความพอใจทําใหทุกขกาย ทุกขใจ เพราะหากสนองความพอใจไมได
ก็ตองเปนทุกข ถามิโนทอร@ไมกินคน ก็คงไมเดือดรอน เปนทุกขขนาดนั้น โลกความจริงก็เหมือนจินตนาการ
เชนกันในเรื่องความพอใจ ที่ไมอาจทอดทิ้งไปเลยจะ คนเราไมตองการสลัดความพอใจไปจากชีวิตพอๆกับมิโนทอร
นั่นแหละ ทั้งบริโภคสัตว บริโภคพืชเปนเมนูประจํา สวนเรื่องอื่นๆในการดําเนินชีวิต ก็ไมยิ่งหยอนไปกวาการกินจะ
คือ ไมสลัดความพอใจออกไปจากชีวิตแนๆ เมื่อยึดความพอใจในชีวิตเปนสิ่งนําทางในโลกความจริง ก็ไมตองคาด
ไมตองเดา ถึงทุกขที่ไมไกลตนหรอกจะ เรื่องทุกขกาย ทุกขใจ เปนสิ่งที่ทุกชีวิตอยากจะสลัดออกไปใหหมด แต
ความจริงชีวิตมีความพอใจ และนั่นคือสิ่งที่ไมปราศจากทุกข ทําใหชีวิตหนีไมพนทุกขกาย ทุกขใจ พอใจในตนหรือ
พอใจในผูอื่น สิ่งอื่น ก็เหมือนยึดติดอยูในตน ยึดติดอยูในผูอื่น สิ่งอื่น และมีความไมมั่นคงในความพอใจจะ แบบ
วาพอใจแลวก็ไมแนวานั่นจะไมเปลี่ยนแปลง จินตนาการก็พิสูจนไดเชนกันวา ความพอใจไมมั่นคง เพราะหาก
ความพอใจเปนสิ่งที่มั่นคง คนเราก็คงไมจิตนาการนอกไปจากสิ่งที่พอใจอยูหรอกจะ เชื่อไดเลยวา ตอใหมีสิ่งที่ตน
พอใจอยูในขณะนั้นๆ ก็ยังมีจินตนาการนอกไปจากสิ่งที่มีอยู อยูดีนั่นเอง ฉันคอนขางแนใจวาชีวิตเชื่อใน
จินตนาการแตปฏิเสธความจริง ไมเชนนั้น คนเราคงไมดิ้นรน เสาะหาสิ่งใหมๆที่ยังไมเจอในชีวิตจริงหรอกจะ เปน
เรื่องที่นาสังเกตวา ทําไมจึงไมสามารถแจงในความจริงทั้งหมดจนถวนทุกความจริงไมเหลือจินตนาการอีกเลย
สําหรับฉันสัมผัสวา เพราะเงื่อนไขในโลกความจริงจะ ทําใหการทะลุถึงความจริงทั้งหมดมีอุปสรรค และเปนเรื่องที่
แตละชีวิตทําไดดวยตนเองเทานั้น ความสําเร็จนี้ไมใชสิ่งที่ชวยทําแทนกันจะ ไมมีรักษาการ ปฏิบัติหนาที่แทนหรอก
จะ แตงตั้งเปนตัวแทนตัวตายก็ไมไดจะ
กึ่งพระเดชกึ่งพระคุณเปนเงื่อนไขที่ความจริงยอมรับ โลกปจจุบันพิสูจนแลววา ทุกสิ่งมีคุณและมีโทษ ซึ่ง
เปนเรื่องเดียวกันกับกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณจะ โลกความจริงเชื่อในสิ่งที่จํากัด คือ ตองมีลักษณะที่มีขอบเขต เชน
เห็นไดดวยตา ชิมรูรส ไดยินเสียงชัด ไดกลิ่นชัด จับตองได รูสึกได ทั้งหมดนั้นอยูภายใตขีดจํากัดที่เปนเงื่อนไขทาง
กายและใจจะ แมแตการคิด คนเราก็มักคิดและจํากัดความใหมีขอบเขต ทุกอยางในโลกความจริงจึงมีคําจํากัด
ความ เพื่อกําหนดขอบเขตของความจริงนั้นๆ และโลกปจจุบันยอมรับแนวทางจํากัดขอบเขตนี้จะ ฉันรูสึกวา
จินตนาการที่มีอยูในแตละชีวิต ชวยใหชีวิตพนจากการยึดติดในสิ่งที่มีขอบเขต แมแตความพอใจในชีวิตที่ไมใช
ความพอใจถาวรจริงๆ หากเขาใจโลกจินตนาการ ก็จะรูวาชีวิตถูกครอบงําดวยเงื่อนไข และชีวิตจะไมสามารถพน
ทุกขกาย ทุกขใจ ดวยการยึดติดในเงื่อนไขในชีวิตนั้นๆ แตชีวิตจะรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นได ดวยการ
เขาถึงความบริสุทธิ์ ออกจากระบบและแนวทางกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ ที่ใหคุณและโทษ มาเปนแนวทางที่ทําให
ผองแผว ปราศจากมลทิน ปราศจากเงื่อนไข ซึ่งอาจรูสึกเหมือนแนวทางบริสุทธิ์นี้ มีแตในจินตนาการ แต
จินตนาการก็มีอยูในสิ่งมีชีวิตที่มีอยูในความจริงนะจะ ดังนั้นแนวทางบริสุทธิ์จึงเปนสิ่งที่ไมผิวเผิน ไมหยาบ ตอง
ละเอียดและลึกซึ้ง และเปนสิ่งที่เขาถึงไดโดยตองเอาชนะเงื่อนไขในตนนั่นเอง
หนทางรักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้น จึงมีจริงจะ ชีวิตทุกชีวิตมีเงื่อนไขทั้งในกายและใจตน และ
เงื่อนไขรอบๆตัว โลกของความจริงจึงแคบและจํากัด จนมีคําวาโลกมันแคบ โลกมันกลม เพราะไปไมพนเงื่อนไขใน
ชีวิตนะจะ มิโนทอร@มีเงื่อนไขที่จํากัดแคกินคน โลกสําหรับตํานานมิโนทอร@เลยมีขอบเขตจํากัดอยางนาสงสาร
จะ เงื่อนไขเปนสิ่งที่ชีวิตอาจไมไดเลือกตั้งแตตน แตชีวิตไมจําเปนตองเขาเปนสวนของเงื่อนไขนั้นๆก็ได แบบวา
ตราบใดที่เงื่อนไขใด ยังไมอาจปดกั้นจินตนาการ เงื่อนไขนั้นๆก็ไมใชสิ่งที่สามารถยึดมั่นพึ่งไดแนนอนนักจะ เพราะ
มันไมใชที่สุด โลกความจริงจึงไมหยุดนิ่งแมมีเงื่อนไขมากมาย เงื่อนไขไมไดชวยอะไรมากกวาถวงเวลาของการ
ยืดเยื้อในชีวิตนะจะ ไมสามารถทําใหเกิดความสิ้นสุดไดจริง เงื่อนไขไมใชตัวการทําใหเกิดความสิ้นสุดของทุกขภัย
ทั้งสิ้น และยังทําใหหลงติดอยูในวงจรของเงื่อนไขที่โลกความจริงยอมรับกันจะ ฉันสัมผัสวาโลกความจริงกับโลก
จินตนาการไมใชคนละโลก เพราะถาเปนคนละโลก สิ่งมีชีวิตยอมไมอาจมีจินตนาการจะ สิ่งมีชีวิตที่ใฝรูยอมใช
จินตนาการเพื่อรูความจริงที่ชีวิตจริงยังรูไมถองแททั้งหมด และสามารถรักษาตนใหพนจากทุกขภัยไดมากยิ่งขึ้น
ประวัติศาสตรจารึกมาเปนทอดๆ วาเพราะมนุษยใชจินตนาการ จึงชวยใหรักษาตนใหพนจากทุกขภัยมาไดอยางไม
ขาดชวงขาดตอนจนถึงปจจุบัน แมจะยังรักษาตนไดในขอบเขตจํากัดอยูก็ตาม นั่นแสดงวาความจริงอีกมากมายที่
อยูในจินตนาการซึ่งควรรูใหถองแททั้งหมด มิโนทอร@เปนตํานานที่อาจไดรับความนิยมในแบบเวรกรรมตามทัน
และเปนความจริงในจินตนาการ สําหรับความจริงในโลกความจริง มันก็ไมพนเรื่องของเหตุปจจัยที่มีผลตอชีวิตจริง
จะ สวนใหญชีวิตในความจริงก็เปนแนวกึ่งพระเดชกึ่งพระคุณ คืออยูในวัฏจักรของสิ่งที่มีคุณและโทษ โทษใครก็
พอๆกับโทษตัวเองมั้งจะ ก็อยูในโลกความจริงนี่นา การพนโทษหรืออภัย ก็เพราะสิ่งนั้นๆมีคุณสมบัติไมมีโทษ ไม
เปนโทษ ไมเกิดโทษนะจะ คุณสมบัตินี้ตองเกิดขึ้นดวยตัวเองอีกนั่นแหละ จึงจะถูกจํากัดความวาเปนผูที่หรือสิ่งที่
ยอมรับไดวาถึงคุณสมบัติซึ่งเปนอภัย หรือไมเปนภัยนะจะ อภัยจึงเกิดขึ้นไดจริง โลกความจริงจะสามารถรักษาตน
ใหพนทุกขและพนภัยไดจริง เมื่อเกิดอภัยจริงจะ ภัยทั้งสิ้นมีอยูในความจริง ก็ยอมจําเปนตองมีอภัยหรือสิ่งไมเปน
ภัย เปนสิ่งที่ควรมีในโลกความจริงอยางไมใชจินตนาการเอา คนและสัตวจึงจะเปนสิ่งมีชีวิตที่เขาถึงความเปนชีวิต
ไดไมแพกัน
มิโนทอร@ครึ่งคนครึ่งวัว กลายเปนตํานานที่ยังรอใหความจริงพิสูจน เงื่อนไขและการปราศจากเงื่อนไข
เพื่อการไมมีเวรแกกันและกัน ไมเบียดเบียนกันและกัน ไมทุกขกายทุกขใจ รักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นจะ

You might also like