Professional Documents
Culture Documents
เรื่องกรณี พิพาทปราสาทพระวิหาร
๑. รัฐบาลไทยมีสิทธิและหน้ าที่ตามกฎหมายระหว่างประเทศใน
การป้ องกั น ประเทศชาติ ต ามกฎบั ต รสหประชาชาติ ตามสนธิ
สัญญาระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ
๖. ด้วยเหตุผลดังกล่าว กัมพูชาจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากค้า
พิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตามที่คาดหวังไว้ ทัง้ นี้
เนื่ องจากค้าพิพากษาจ้ากัดพื้นที่เฉพาะที่ปราสาทพระวิหารตัง้ อยู่
เท่ า นั ้ น และศาลไม่ มี อ้า นาจพิ จ ารณาเกิ น ค้า ขอ (Ultra Petita)
กั ม พู ช าตระหนั กในความจริ ง ข้ อ นี้ เป็ นอย่ า งดี จึ ง พยายาม
ใคร่ ค รวญโดยใช้ เ วลาหลายสิ บ ปี เพื่ อหาทางขยายผลของค้า
พิพากษา โดยเสี่ยงส่งคนชาติกัมพูชาทยอยเข้าไปพ้า นั กอาศัยตัง้
รกรากในบริเวณใกล้เคียงปราสาทบนยอดเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ใน
เขตไทยตามหลักสันปั นน้้ า
๗. ประเทศไทยและประชาชนคนไทยชอบที่จะปฏิบัติการให้คน
ต่างชาติท่ีรุกล้า้ เข้ามาพักอาศัยในประเทศไทยเคารพกฎหมายไทย
รัฐบาลไทยมีอ้า นาจในการปกครองเหนื อดินแดนไทย จึงจ้า เป็ น
ต้ อ งแสดงการใช้ อ้า นาจอธิ ป ไตยตามกฎหมายระหว่ า งประเทศ
อาทิ การตรวจคนเข้ า เมื อ ง การประทั บ ลงตราอนุ ญ าตให้ ค น
ต่างด้าวเข้าประเทศ การขึ้นทะเบียนวัด โรงเรือน และสิ่งปลูกสร้าง
ท้า บั ญ ชี ส้า มะโนประชากรคนต่ า งด้ า ว ตลอดจนเก็ บ ภาษี อากร
สรรพากร สรรพสามิต และภาษี ศุลกากร ฯลฯ
๙. เพื่อให้ สอดคล้ อ งกั บ การยึ ดถื อเส้น สั นปั นน้้ า เป็ นเส้ นแบ่ง
เขตตามสนธิสัญญา ตาม กฎหมายระหว่างประเทศและตามความ
เป็ นธรรม จึงไม่สมควรอย่ า งยิ่ง ที่รั ฐบาลไทยจะรับ รู้ห รือ ยอมรั บ
เส้ น เขตแดนที่ ฝ รั่ง เศสท้า ขื้ น แต่ ฝ่ ายเดี ย วในแผนที่ ม าตราส่ ว น
๑:๒๐๐,๐๐๐ ผนวก ๑ ต่อท้ายค้าฟ้ องของกัมพูชา ทัง้ ๆ ที่ศาลได้
พิ จ ารณาแล้ ว และได้ ชี้ใ ห้ เ ห็ น ความผิ ด พลาดหลายจุ ด เนื่ องจาก
ฝรั่งเศสได้ลากเส้นเขตแดนไม่ตรงกับเส้นสันปั นน้้ าตามข้อตกลง
ในบทนิ ยามเขตแดนที่ก้า หนดไว้ ในสนธิสัญญา ทัง้ ยั งขั ดต่ อมติ
ของคณะกรรมการปั กปั นเขตแดนไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๙๐๔ อีก
ด้วย
๑๒. ด้ วยเหตุผ ลดั งกล่า วข้ า งต้น และเพื่ อ ขจั ด ความสุ่ ม เสี่ ย งต่ อ
การสู ญ เสี ย ผื น แผ่ น ดิ น ไทยให้ กั ม พู ช า รั ฐ บาลไทยจ้า เป็ นต้ อ ง
แถลงจุดยืนให้เป็ นที่ประจักษ์ อย่างชัดเจนในสายตาชาวโลก มิใช่
จ้า กัดเฉพาะประชาชนชาวไทยและผู้รุกล้้า เข้า มาในดิ นแดนไทย
เท่านั ้น นอกจากนั ้น รัฐบาลไทยยังสมควรยกเลิก MOU ๒๕๔๓
หลั ง จากกั ม พู ช าเป็ น ฝ่ ายล่ ว งละเมิ ด มาโดยตลอดทั ้ง ๆ ที่ ไ ทยได้
ประท้วงโดยเปล่าประโยชน์ไปแล้วหลายครัง้ หลายหน
มหาวิทยาลัยรังสิต
วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓