You are on page 1of 2

Print - pub-law.net http://pub-law.net/publaw/printPublaw.aspx?

ID=1554

ครั้งที่ 257
30 มกราคม 2554 20:29 น.

ครั้งที่ 257
สําหรับวันจันทร�ท ่ี 31 มกราคม ถึงวันอาทิต ย�ท ี่ 13 กุม ภาพันธ� 2554

“กกต. สามารถยื่นคําร�องขอให�ศ าลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิป�ต ย�ใหม�ได�ห รือไม�”

ภายหลังจากทีศ ่ าลรัฐธรรมนูญได�ม ีคําวินจ ิ ฉัยให�ยกคําร�องกรณีพรรคประชาธิปต � ย�ใช�จา � ยเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรค


การเมืองจํานวน 29 ล�านบาท และกรณีการรับเงินบริจาคจากบริษท ั ทีพีไอ โพลีน จํากัด (มหาชน) จํานวน 285 ล�านบาท ได�ม ีผ�อ ู อกมา
วิพากษ�วิจารณ�กันมากรวมทั้งตัวผมเองด�วยทีเ่ ขียนบทบรรณาธิการในเรื่องดังกล�าว 2 ครั้ง แต�จนวันนี้ ก็ยังไม�ม ีความกระจ�างทั้งจากคณะ
กรรมการการเลือกตั้ง จากนายทะเบียนพรรคการเมือง และจากศาลรัฐธรรมนูญในป�ญหาทีค ่ �างคาใจประชาชนจํานวนหนึ่ง เช�น ความสับสนใน
หน�าที่ระหว�างนายทะเบียนพรรคการเมืองกับประธาน กกต. จนเป�นเหตุให�ศ าลรัฐธรรมนูญยกคําร�องทั้งสองเรือ ่ ง ความสับสนดังกล�าวมีผล
ทําให�ไม�ม ค ี า ํ ตอบทีช ่ ด ั เจนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิด ขึ้นว�า สรุปแล�วพรรคประชาธิป�ต ย�ถูกหรือผิด และจะมีโทษทางแพ�ง ทางอาญา และอื่น ๆ ตามมา
หรือไม� อย�างไร หรือในส�วนของศาลรัฐธรรมนูญเองที่ท ําคําวินิจฉัยไม�ชด ั เจนก็เช�นเดียวกัน ทุกฝ�ายต�างพากันเงียบเพื่อให�เรื่องทีเ่ กิด ขึน ้ ค�อย ๆ
เงียบหายไปจากความสนใจของประชาชน ซึ่งผมได�เคยกล�าวเรือ ่ งการนิ่งเฉยในลักษณะนีไ้ ปแล�วในบทบรรณาธิการครัง้ ก�อน ๆ ว�าเป�นเรือ ่ งน�า
แปลก ผมจําได�วา � สมัยเด็กผมเรียนที่โรงเรียนอัสสัม ชัญ บาทหลวงพยายามเคี่ยวเข็ญพวกเราให�เป�นสุภาพบุรษ ุ กล�ารับผิด และกล�าต�อสูเ� พื่อ
ความถูกต�อง เมื่อเข�ามาเรียนทีค ่ ณะนิต ศ ิ าสตร� จุฬาลงกรณ�ม หาวิท ยาลัย ท�านอาจารย�ธ านินทร� กรัยวิเชียร ก็อบรมพวกเราให�เป�นนักกฎหมาย
ที่ด ี รูผ
� ิด รู�ชอบ แต�ท า ํ ไมสภาพสังคมของเราในวันนีถ ้ ึงได�ไม�เหมือนกับที่ผมได�ร ับการอบรมสัง่ สอนมาก็ไม�ท ราบ ที่ผ�านมา มีคนจํานวนมากถาม
หาความรับผิด ชอบจากทั้งนักการเมืองและผู�ด ํารงตําแหน�งสาธารณะ แต�ผลที่ออกมาก็พบว�ามีบค ุ คลจํานวนหนึ่งเท�านัน ้ ทีอ
่ อกมารับผิด ชอบ ไม�
ว�าจะด�วยสํานึกของตนเองหรือถูกบีบจากสือ ่ หรือจากภายในองค�กรเองก็ต าม แต�ก็กลับมีอีกจํานวนหนึ่งที่เลือกใช�วิธ ีอยู�เฉย ๆ เงียบ ไม�โต�ต อบ
และทํางานต�อไป ซึ่งวิธ ีนก ี้ ็เป�นวิธ ท ี ่เี กิด ผลดีเฉพาะตัวบุคคลผู�น้น ั เท�านั้นเพราะตัวเองยังอยู�ในตําแหน�ง มีงานทํา มีเงินใช� สบายไป ก็น�าเสียใจนะ
ครับที่ความคิด ของคนในสังคมเราเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจากเดิม จนทําให�ความรับผิด ชอบของคนเราเปลีย ่ นไปมากด�วยครับ
เมื่อไม�กี่วน ั ทีผ ่ า� นมา ได�ท ราบว�ามีผู�ยน ื่ หนังสือเรียกร�องให�คณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งรือ ้ คดียุบพรรคประชาธิป�ต ย�ใหม� เรือ ่ งนี้
เป�นเรื่องทีน ่ า� สนใจของผูค � นเป�นจํานวนมาก แต�ประเด็นสําคัญคงอยู�ท ว ี่ า
� “คณะกรรมการการเลือกตัง้ สามารถยื่นคําร�องขอให�ศ าลรัฐธรรมนูญ
ยุบพรรคประชาธิป�ต ย�ใหม�ได�ห รือไม�” เท�านั้นเองครับ
ในบทบรรณาธิการครั้งนี้ ผมจะลองตอบคําถามดังกล�าว แต�เนื่องจากผมมีเพียง คําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15/2553
กรณีพรรคประชาธิป�ต ย�ใช�จ�ายเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจํานวน 29 ล�านบาทเท�านัน ้ ส�วนคําวินจ ิ ฉัยกรณีห ลังคือกรณีการ
รับเงินบริจาคจากบริษท ั ทีพีไอ โพลีน จํากัด (มหาชน) จํานวน 285 ล�านบาทนั้น ผมยังไม�ได�รับ คําวินิจฉัยอย�างเป�นทางการ ดังนั้น การ
วิเคราะห�เรื่องดังกล�าวของผมในบทบรรณาธิการนี้จึงจํากัด อยู�เฉพาะคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15/2553 เท�านั้นครับ
คงต�องย�อนหลังกลับไปดูการวินจ ิ ฉัยเรือ ่ งดังกล�าวของศาลรัฐธรรมนูญก�อน เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ทีผ ่ �านมา
ศาลรัฐธรรมนูญได�อา � นคําวินิจฉัยคดียบ ุ พรรคประชาธิปต � ย� จากนัน ้ ศาลรัฐธรรมนูญได�เผยแพร�คําวินิจฉัยอย�างไม�เป�นทางการจํานวน 15
หน�าใน website ของศาลรัฐธรรมนูญ แต�ไม�ก่ว ี ันต�อมา เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได�เผยแพร�คา ํ วินิจฉัยทีเ่ ป�นทางการก็พบว�า คําวินิจฉัยทีเ่ ป�น
ทางการมีจา ํ นวน 42 หน�า นอกจากจํานวนหน�าที่แตกต�างกันแล�ว ยังมีข�อแตกต�างที่สําคัญอีกประการหนึง่ ก็คือ ในตอนท�ายของคําวินิจฉัยได�ม ี
การนําเอาเรื่องทีไ่ ม�ปรากฏในการอ�านและในคําวินิจฉัยอย�างไม�เป�นทางการมาเพิม ่ เข�าไปด�วย ป�ญหาประการแรกทีจ ่ าํ ต�องพิจารณาคือ คํา
วินิจฉัยอย�างไม�เป�นทางการกับคําวินิจฉัยทีเ่ ป�นทางการนั้น คําวินิจฉัยใดคือคําวินิจฉัยที่ “ถูกต�อง” ซึง่ ในเรื่องดังกล�าว หากดูเพียง “ถ�อยคํา” ที่
อยู�ท �ายชือ ่ คําวินจ ิ ฉัยฉบับแรก ก็ยอ � มเป�นทีเ่ ข�าใจได�ว�า คําวินจ ิ ฉัยอย�างไม�เป�นทางการ “ไม�น�าจะ” เป�นคําวินิจฉัยทีถ ่ ก
ู ต�อง แต�อย�างไรก็ต าม
หากพิจารณาข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญว�าด�วยวิธ ีพิจารณาและการทําคําวินจ ิ ฉัย พ.ศ. 2550 แล�วก็จะพบว�า มีขอ � กําหนดทีเ่ กี่ยวข�องกับเรื่อง
คําวินิจฉัยอยู�ห ลายข�อด�วยกัน แต�ท ่ต ี รงที่สุด ก็คอ ื ข�อกําหนดข�อ 55 วรรคแรก ทีว ่ า
� คําวินิจฉัยของศาลให�เป�นเด็ด ขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะ
รัฐมนตรี ศาลอื่น และองค�กรอื่นของรัฐ และในวรรคสองคือ คําวินิจฉัยของศาลให�ม ีผลในวันอ�าน เพราะฉะนั้น หากพิจารณาดูข�อกําหนดข�อ 55
ทั้งสองวรรคก็จะพบว�า หลังจากทีศ ่ าลอ�านคําวินจ ิ ฉัย ผลก็จะเกิด ขึ้นทันที และผูกพันทุกองค�กรตามที่กําหนดไว�ในข�อกําหนดข�อ 55 วรรคแรก
ซึ่งข�อกําหนดข�อ 55 วรรคแรกก็ม ท ี ่มี าจากรัฐธรรมนูญฉบับป�จจุบน ั มาตรา 216 วรรคห�าทีว ่ า� คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให�เป�น
เด็ด ขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค�กรอืน ่ ของรัฐนั่นเอง ดังนั้น หากพิจารณาข�อกําหนดประกอบมาตรา 216 วรรคห�า
อย�างเคร�งครัด ก็จะต�องถือว�า คําวินจ ิ ฉัยที่อ�านมีผลผูกพันไปแล�วเมื่ออ�าน ส�วนกรณีม าตรา 216 วรรคสามแห�งรัฐธรรมนูญทีบ ่ ญั ญัต ิให�คํา
วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต�องประกาศในราชกิจจานุเบกษานัน ้ ก็เป�นเพียง “รูปแบบ” เพื่อให�ประชาชนได�รับทราบตามวัต ถุประสงค�ของการมี
ราชกิจจานุเบกษา มิได�เกีย ่ วข�องกับการมีสภาพบังคับของคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต�อย�างใด นอกจากนี้ หากพิจารณาดูข�อกําหนด
ของศาลรัฐธรรมนูญข�อ 57 ทีว ่ า� “ในกรณีท ่ค ี ําวินิจฉัยหรือคําสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีข�อผิด พลาดหรือผิด หลง เมือ ่ ศาลเห็นเองหรือเมือ ่ คู�กรณี
ร�องขอและศาลเห็นสมควร ศาลจะมีคําสัง่ แก�ไขเพิม ่ เติม ข�อผิด พลาดหรือผิด หลงเช�นว�านั้นให�ถูกต�องก็ได�
การทําคําสัง่ แก�ไขเพิ่ม เติม ตามวรรคหนึง่ จะต�องไม�เป�นการกลับหรือแก�ผลใน คําวินิจฉัยหรือคําสัง่ เดิม เมื่อได�ท ําคําสั่ง เช�นว�า
นั้นแล�วให�แจ�งผู�ร�องหรือคูก � รณีแล�วแต�กรณีได�ท ราบ และให�นา ํ ความข�อ 54 วรรคสองและวรรคสามมาใช�บงั คับโดยอนุโลม
หลักเกณฑ�และวิธ ด ี ําเนินการทําคําสั่งตามข�อนี้ ให�เป�นไปตามที่ศ าลกําหนด” ก็จะพบว�า ความแตกต�างระหว�างคําวินจ ิ ฉัยที่
อ�านกับคําวินจ ิ ฉัยที่เป�นทางการไม�อาจนําเอาข�อกําหนดข�อ 57 มาใช�ได� เพราะมิใช�เป�นการแก�ไขข�อผิด พลาดหรือผิด หลงเลย แต�เป�นการ
เพิม ่ เติม และขยายความเนื้อหาสาระในส�วนของคําวินิจฉัยครับ
ด�วยเหตุด งั กล�าว ผมจึงได�ต ั้งคําถามไว�ในบทบรรณาธิการครั้งที่ 254 ว�า สรุปแล�ว คําวินจ ิ ฉัยฉบับไหนมีผลจริง ๆ เพราะหากจะ
ถือเอาตามข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญว�าด�วยวิธ ีพิจารณาและการทําคําวินจ ิ ฉัย พ.ศ. 2550 แล�ว คําวินจ ิ ฉัยฉบับไม�เป�นทางการคือคําวินิจฉัยที่
เป�นของจริง ผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาลอื่น และองค�กรอืน ่ ของรัฐ เพราะเป�นคําวินิจฉัยที่ศ าลอ�าน ตามข�อกําหนดฯ ข�อ 55 วรรคสองครับ
หากเป�นเช�นนัน ้ เมือ ่ พิจารณาคําวินิจฉัยฉบับที่ศ าลอ�านก็จะพบข�อความในตอนท�ายว�า “....เมื่อผู�ร�องยื่นคําร�องคดีนี้ในวันที่ 26
เมษายน 2553 จึงพ�นระยะเวลาสิบห�าวันตามที่กฎหมายกําหนดแล�ว กระบวนการยืน ่ คําร�องขอให�ยบ ุ พรรคผู�ถูกร�องจึงไม�ชอบด�วยกฎหมาย
และไม�ชอบที่ศ าลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยคําร�องในประเด็นอืน ่ ต�อไป ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยโดยเสียงข�างมาก (4 ต�อ 2) ว�า
กระบวนการยื่นคําร�องขอให�ยุบพรรคผู�ถูกร�องไม�ชอบด�วยกฎหมาย กรณีไม�จา ํ ต�องวินจ ิ ฉัยในประเด็นอื่นอีกต�อไป ให�ยกคําร�อง” ซึง่ ก็
หมายความว�า ศาลรัฐธรรมนูญมิได�วินจ ิ ฉัยในเนื้อหาของคําร�องที่ว�า พรรคประชาธิป�ต ย�ใช�จ�ายเงินสนับสนุนจากกองทุนเพือ ่ การพัฒนาพรรค
การเมืองจํานวน 29 ล�านบาทถูกต�องหรือไม� ดังนั้น เมื่อคําวินิจฉัยจบลงตรงนี้และเมื่อพิจารณาจากข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญว�าด�วยวิธ ี
พิจารณาและการทําคําวินิจฉัย พ.ศ. 2550 ซึง่ มิได�บัญญัต ิถึงกระบวนการ “ห�าม” การฟ�องซํา ้ หรือยืน ่ คําร�องใหม�กรณีท ําผิด ขั้นตอนที่กฎหมาย
กําหนดเอาไว� จึงตอบได�ว�า คณะกรรมการการเลือกตัง้ สามารถยื่นคําร�องขอให�ศ าลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิป�ต ย�ใหม�ได�เนือ ่ งจากทําผิด
ขัน้ ตอนที่กฎหมายกําหนดครับ
เมื่อมาถึงประเด็นดังกล�าว ก็ม ีประเด็นพาดพิงซึง่ ผมได�เคยตั้งคําถามไปแล�วเช�นกันในบทบรรณาธิการครั้งที่ 254 แต�กย ็ งั ไม�ได�
รับคําตอบ ประเด็นที่วา � คือประเด็นที่เกี่ยวกับความสมบูรณ�ของคําวินิจฉัยที่ 15/2553 ทั้งนี้ เนื่องมาจาก ข�อ 50 ของข�อกําหนด
ศาลรัฐธรรมนูญว�าด�วยวิธ ีพิจารณาและการทําคําวินิจฉัย พ.ศ. 2550 ได�กล�าวไว�ว�า “การพิจารณาวินิจฉัยของศาลให�วินิจฉัยทุกประเด็นทีศ ่ าล
กําหนด โดยตุลาการทีเ่ ป�นองค�คณะทุกคนจะงดออกเสียงในประเด็นใดประเด็นหนึ่งตามที่ศ าลกําหนดมิได�” ซึง่ ในประเด็นดังกล�าวนี้ ไม�ว�าจะ
เป�นคําวินิจฉัยทีศ ่ าลรัฐธรรมนูญอ�านหรือคําวินจ ิ ฉัยทีเ่ ป�นทางการก็ไม�ปรากฏว�ามีการวินิจฉัยในทุกประเด็นทัง้ ๆ ทีม ่ ก ี ารตัง้ ประเด็นไว�ต รงกัน 5
ประเด็น ดังนัน ้ สถานะของคําวินจ ิ ฉัยที่ขัด กับข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญฯ ข�างต�นจึงเป�นสิ่งที่ต �องพิจารณาว�าจะกระทบถึง “ความสมบูรณ�”
ของคําวินิจฉัยหรือไม� อย�างไรด�วย
แต�อย�างไรก็ต าม หากได�พิจารณาลงลึกไปถึงคําวินิจฉัยคดีส�วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต�ละคนก็จะพบว�า มีการตัง้
ประเด็นของคดีด ังกล�าวไว�เป�นเช�นเดียวกัน คือมีประเด็นที่จะต�องพิจารณา 5 ประเด็น และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกคนก็ได�วินจ ิ ฉัยให�
ความเห็นในประเด็นทีต ่ งั้ ไว�ในคําวินิจฉัยคดีสว � นตนแล�ว
ป�ญหาจึงตกมาอยูท � ่ค ี ําวินจ ิ ฉัยที่ 15/2553 ทีเ่ ขียนในลักษณะตัด การพิจารณาในประเด็นที่ต งั้ ไว�จนทําให�เป�นที่น�าสงสัยถึง
“ความสมบูรณ�” ของคําวินิจฉัยทีข ่ ัด กับข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญฯ ที่ได�กล�าวไปแล�วข�างต�นนัน ้ จะเป�นเหตุให�คณะกรรมการการเลือกตัง้ ยื่น
คําร�องขอให�ศ าลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปต � ย�ใหม�ได�ห รือไม�ครับ

1 of 2 02/01/2011 08:00 PM
Print - pub-law.net http://pub-law.net/publaw/printPublaw.aspx?ID=1554

ในป�ญหานี้ ผมมองว�า หากเราตัด เรื่องความสมบูรณ�ของคําวินิจฉัยที่ขัด กับข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญออกไป (ซึง่ โดยส�วนตัว


แล�ว ผมเห็นว�าคําวินิจฉัยที่ 15/2553 นีไ้ ม�สมบูรณ�เพราะขัด กับข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญ 2 ข�อ คือ คําวินจ ิ ฉัยมีผลเมื่ออ�านกับการที่ศ าล
ต�องวินิจฉัยทุกประเด็น ดัง ที่ได�กล�าวไปแล�วข�างต�น) ก็จะพบว�า ในการวินิจฉัยครั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได�วินิจฉัยในประเด็นที่ต งั้ ไว�แล�วใน
คําวินิจฉัยคดีส�วนตน เพียงแต�ม ิได�ปรากฏอยู�ในคําวินิจฉัยที่ 15/2553 เท�านั้นเอง ดังนั้น หากคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคําร�องขอให�
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาใหม� ศาลรัฐธรรมนูญก็อาจไม�รบ ั ไว�พจ
ิ ารณา เนื่องจากถือว�าเป�นการกระทําที่ขัด กับหลักกฎหมายทั่วไปคือ การขอให�
พิจารณาคดีใหม�ด ว � ยเหตุเดิม ที่ได�พจ ิ ารณาไปแล�ว
ข�อผิด พลาดของเรือ ่ งนี้จึงอยู�ต รงที่วา � ทําไมคําวินิจฉัยที่ 15/2553 จึงเขียนในลักษณะตัด การพิจารณาในประเด็นที่ต งั้ ไว�
คําตอบในเรือ ่ งนี้คงอยู�ท ี่ “ผูร� า
� ง” คําวินิจฉัย ซึ่งข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญว�าด�วยวิธ ีพิจารณาและการทําคําวินจ ิ ฉัย พ.ศ. 2550 ข�อ 54 วรรค
สองได�กล�าวถึงการทําคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว�วา � “การทําคําวินิจฉัยของศาลตามวรรคหนึ่ง องค�คณะอาจมอบหมายให�ต ุลาการ
คนใดคนหนึ่งเป�นผูจ � ด
ั ทําคําวินจ ิ ฉัยตามมติของศาลได�” ซึง่ ก็ห มายความว�า การทําคําวินิจฉัย “น�าจะ” ทําโดยองค�คณะหรือไม�กท ็ า
ํ โดย
ตุลาการคนหนึง่ คนใด แล�วเป�นไปได�อย�างไรที่ผท ู� าํ คําวินิจฉัย “มองไม�เห็น” ข�อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญฯ ข�อ 50 ที่ว�า “การพิจารณาวินิจฉัย
ของศาลให�วินิจฉัยทุกประเด็นที่ศ าลกําหนด โดยตุลาการทีเ่ ป�นองค�คณะทุกคนจะงดออกเสียงในประเด็นใดประเด็นหนึ่งตามที่ศ าลกําหนดมิ
ได�” ครับ
“ไม�น�าพลาดได�ถึงขนาดนีน ้ ะครับ”
ในระยะเวลาที่ผ�านมา เรามีขอ � สงสัย ข�อกังขา และมีความเคลือบแคลงในองค�กรและบุคคลต�าง ๆ ในหลาย ๆ ด�าน ไม�วา � จะเป�น
ด�านคุณธรรม จริยธรรม ความรู�ความสามารถ ความรับผิด ชอบ ความกล�าหาญ ความเป�นกลาง ความไม�ลา ํ เอียง ความไม�ม ีอคติ ฯลฯ มาก
จนทําให�เกิด คําว�า “สองมาตรฐาน” ขึ้นมาในสังคมของเราครับ ผลของคําวินิจฉัยที่ 15/2553 นี้ ก็เป�นสิ่งหนึง่ ทีม ่ ผ
ี �ค
ู นออกมาวิพากษ�วิจารณ�
กันมาก
แล�วจะทําอย�างไรได�ครับ !!!
ท�ายทีส ่ ด
ุ หากความเห็นส�วนตัวของผมพอมีผลอยู�บ�าง ผมก็อยากที่จะ “ยุ” คณะกรรมการการเลือกตัง้ ให�ยื่นคําร�องขอให�
ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิป�ต ย�ใหม�ครับ ผมอยากดู “คําตอบ” ของศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมาว�ามีเหตุผลอย�างไรที่จะรับหรือไม�รับคํา
ร�องไว�พิจารณา เพราะไม�ว�าจะรับหรือไม�รับคําร�องไว�พิจารณา ก็ถก ู วิพากษ�วิจารณ�ได�ท ้งั สองทาง เนื่องจากคําวินิจฉัยที่ 15/2553 มีปญ � หา
มากดังที่ได�กล�าวไปแล�วทัง้ หมดครับ !!!

ในสัปดาห�นี้ เรามีบทความมานําเสนอ 2 บทความด�วยกัน บทความแรก คือบทความเรือ ่ ง "ข�อสังเกตบางประการต�อกรณีท ่ผ ี ม


ู� ส
ี ท
ิ ธิ
เสนอราคาไม�ม าตามวันเวลา และสถานที่ท ก ี่ า
ํ หนดตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว�าด�วยการพัสดุด �วยวิธ ก
ี ารทางอิเล็กทรอนิกส�" ที่เขียนโดย
คุณนิธ ินันท� สุขวงศ� อัยการจังหวัด ประจํากรม บทความที่สองเป�นบทความที่เขียนโดย คุณกนกศักดิ์ ทองพานิชย� นักกฎหมายอาวุโส สถาบัน
เทคโนโลยีนิวเคลียร�แห�งชาติ ที่เขียนเรื่อง "กฎหมายนิวเคลียร�เพือ่ โรงไฟฟ�านิวเคลียร�ของประเทศไทยในอนาคต" ผมขอขอบคุณเจ�าของ
บทความทัง้ สองด�วยครับ

พบกันใหม�วน
ั จันทร�ท ี่ 14 กุม ภาพันธ� 2554

ศาสตราจารย� ดร.นันทวัฒน� บรมานันท�

พิม พ�จาก http://pub-law.net/publaw/view.aspx?id=1554


เวลา 1 กุม ภาพันธ� 2554 19:55 น.
Pub Law Net (http://www.pub-law.net)

2 of 2 02/01/2011 08:00 PM

You might also like