You are on page 1of 4

Episode 20

ธรรมญาณ ของมนุษย์ มีพลานุภาพยิง่ ใหญ่ นัก แต่ ทดี่ ้ อยศักยภาพเพราะ


กิเลสทั้งปวงทีพ่ วั พันและทำให้ ด้อยค่ าลงไปจึงกลายเป็ นปุถุชนทีม่ ีความ
ติดยึด ทุกสิ่ งไม่ ว่าสิ่ งนั้นจะอยู่ในสภาพเช่ นไร ด้ วยเหตุนีป้ ัญญาจึงไม่ มี
อิสระ ความคิดทีเ่ กิดขึน้ จึงปนเปไปตามสภาพของสิ่ งที่ ติดยึด ทั้งสิ้น
ภาวะ ธรรมญาณ จึงไม่ อาจปรากฎได้ ความทุกข์ จึงเกาะกุม ธรรมญาณ เอา
ไว้ อย่ างเหนียวแน่ นจนแม้ แต่ ตัวเองก็ไม่ อาจรู้ ว่านั่นเป็ น ความทุกข์ เพราะ
ไม่ อาจใช้ ปัญญาดั้งเดิมรู้ปัญหาได้เลยพระธรรมาจารย์ ฮุ่ยเหนิงได้ บอกเอา
ไว้ ว่าเมื่อเราใช้ ปัญญาดั้งเดิมเพ่งพิจารณาภายในได้ ย่ อมเกิดความสว่ างไสว
แจ่ มแจ้ งทั้งภายในและภายนอกและอยู่ในฐานะทีจ่ ะรู้ จักใจของเราเองการ
รู้ จักเช่ นนีจ้ ึงถือว่ าเป็ นกาารลุถงึ วิมุติ คือ การหลุดเป็ นอิสระจากเครื่ องร้ อย
รัดทั้งปวง ภาวะการลุถงึ วิมุติกค็ ือการลุถงึ สมาธิฝ่ายปัญญาซึ่งเป็ นความไม่
ต้ องคิด อันหมายถึงการเห็นและรู้ สิ่งทั้งปวงตามความเป็ นจริงด้ วยใจที่
ไม่ มีอะไรห่ อหุ้มพัวพันการใช้ ความไม่ ต้องคิด นั้นหมายความว่ าใจมิได้
กำหนดทั้งฝ่ ายดีและฝ่ ายชั่ว จึงมิได้ ติดอยู่กบั ภาวะดีหรื อชั่วเมื่อ ธรรมญาณ
ขยับจึงเกิดเป็ น(จิต)และไหลเลื่อนกลายเป็ นความคิดดีหรื อชั่วตามเหตุ
ปัจจัยทีเ่ กาะเกีย่ วเอาไว้ ซึ่งส่ วนใหญ่ ได้ รับอิทธิพลจากเหตุปัจจัยภายนอก
ทำให้ จิต แปรเปลีย่ นไปตามสภาพแห่ งการปรุงแต่ ง เพราะฉะนั้นจึงเกิด
ทุกข์ และ สุ ข เสมอทุกข์ และ สุ ข ทีจ่ ิตกำหนดหมายเอาไว้ ไม่ ยงั่ ยืนไปได้
เพราะความแปลเปลีย่ นของ จิต ไม่ มีทสี่ ิ้นสุ ด มี เกิด และ ดับ อยู่ตลอดเวลา
ภาวะทีเ่ ป็ นเช่ นนีจ้ ึงไม่ อาจเรียกได้ ว่าเป็ น ปัญญาดั้งเดิม และถ้ าใช้ พจิ ารณา
ภายในของตนเองก็ไม่ อาจพบพบความสว่ างแจ่ มแจ้ งภายในได้ เพราะ
เป็ นการปรุงแต่ งโดยอิทธิพลภายนอกทำให้ ไม่ อาจมองย้ อนส่ องตนได้ ตาม
ความเป็ นจริง พระธรรมาจารย์ ฮุ่ยเหนิง กล่ าวว่ า เมื่อเราใช้ ความไม่ ต้องคิด
ธรรมญาณนั้นก็แทรกไปได้ในทุกสิ่ งแต่ ไม่ ติดอยู่ในสิ่ งใดเลย สิ่ งทีเ่ ราต้ อง
ทำนั้นมีเพียงการชำระจิตให้ ใสกระจ่ างเพื่อวิญญาณทั้งหกแล่ นไปตาม อา
ตนะหก จะไม่ ถูกทำให้ เศร้ าหมองโดยอารมณ์ ท้งั หก เมื่อใด ธรรมญาณ
ของเราทำหน้ าทีไ่ ด้ โดยอิสระ ปราศจากอุปสรรคและอยู่ในสถานะทีจ่ ะ มา
หรื อ ไป ได้ โดยอิสระ เมื่อนั้นจึงได้ ชื่อว่ าเราได้ บรรลุ สมาธิฝ่ายปัญญา หรื อ
อิสรภาพสถานะเช่ นนีจ้ ึงมีนามว่ า การทำหน้ าทีข่ อง ความไม่ ต้องคิด การที่
อายตนะหก อันได้ แก่ หู ตา จมูก ลิน้ กาย ใจ ได้ รับรสจากวิญญาณทั้งหก
ย่ อมมีความหมายว่ า ได้ ก่อให้ เกิด รู ป รส กลิน่ เสี ยง สั มผัส และ
ธรรมารมณ์ และ ธรรมญาณ รับไปปรุงแต่ งภายในย่ อมก่ อให้ เกิดความ
ชอบ และ ชัง เช่ น รูป น่ ารักและน่ าชัง รส หวานหรื อขมกลิน่ หอมหรื อ
เหม็นเสี ยง ไพเราะหรื อหยาบคายสั มผัส อ่ อนหรื อแข็งอารมณ์ ดีหรื อร้ าย
การกำหนดหมายเอาว่ า ชอบ หรื อ ชัง เป็ นเรื่ องที่(จิต)ปรุงแต่ งไปตาม
เคยชินและยึดถือเอาไว้ แน่ นหนา จึงนำความทุกข์ ทำให้ จิต เศร้ าหมองได้
ถ้ าใช้ ความไม่ คดิ ก็คือ การเห็นรูปก็สักแต่ ว่าเห็นมิได้ ไปกำหนดหมายว่ า
น่ ารักหรื อ น่ าชัง เช่ นนีจ้ ึงกล่ าวได้ ว่าเราบรรลุถงึ วิมุติปัญญา เพราะ
สามารถตัดความยึดมั่นถือมั่นได้ เด็ดขาดความเป็ นอิสระจากเครื่ องร้ อยรัด
เหล่ านีจ้ ึงเป็ นจริงแต่ ปุถุชน ยึดมั่นไม่ อาจตัดออกไปได้ ปัญญา ทีใ่ ช้ ไปจึง
เป็ นไปตามสภาพแห่ งความอยากได้ ถ้ ารู ปสวยและปฏิเสธถ้ ารูปชังเมื่อได้
รูปชัง จึงเกิดความทุกข์ ครั้นได้ รูปสวย จึงเกิดความสุ ขแต่ ไม่ ว่าจะ สวย
หรื อ น่ าเกลียด ล้ วนต้ องเสื่ อมสลายไปตามสภาพความเป็ นจริงแห่ ง
สั จธรรม ดังนั้นจึงเกิดความเศร้ าหมอง ธรรมญาณ จึงมิได้ พบภาวะอิสระ
ไม่ อาจ มา หรื อ ไป ได้ โดยง่ ายเพราะติดตรึงอยู่กบั อารมณ์ ท้งั หก วิมุติ
ปัญญา เป็ นปัญญาอันทำให้ เกิดภาวะหลุดพ้นไปจากเครื่ องร้ อยรัดเหล่ านีไ้ ด้
โดยมิต้องกำหนดหรื อบีบบังคับแต่ อย่ างใดเลยเพราะฉะนั้นการภาวนาใด ๆ
หรื อใช้ แปดหมื่นสี่ พนั วิธีเพื่อบีบบังคับหรื อกำหนดมิให้ ธรรมญาณ ติด
ตรึงอยู่กบั อารมณ์ ท้งั หกจึงเป็ นสิ่ งทีเ่ ป็ นไปไม่ ได้ เช่ น เมื่อเห็นรูปสวย จิต
เกิดภาวะยึดติดแล้ วนั่งสมาธิหลับตาเพื่อตัดรู ปนั้นจึงเป็ นเพียงการเบี่ยง
เบน อายตนะภายนอกคือ(ตา)ให้ พ้นไปจากรูปนั้นแต่ จิต ยังติดพันอยู่จึง
ตัดไม่ ขาดพระธรรมาจารย์ ฮุ่ยเหนิงจึงกล่ าวว่ า การหักห้ ามความคิดถึงสิ่ ง
ต่ างๆ ให้ ความคิดทั้งหมดถูกกดเอาไว้ ย่อมเป็ นการกดธรรมะไว้ มิให้ ปรากฎ
หรื อเป็ นไปตามทีค่ วรจะเป็ นและข้ อนีย้ ่ อมเป็ นความเห็นผิด วิมุติปัญญา
หรื อ ปัญญาดั้งเดิม ย่ อมเป็ นสิ่ งเดียวกันอันหมายถึง ธรรมญาณ ทีแ่ ต่ เดิม
มาก็ปราศจากการยึดติดในสิ่ งใด ๆ อยู่แล้ วนั่นเอง บทความจาก
Mindcyber ดอดคอม
21 กุมภาพันธ์ 2564

You might also like