Professional Documents
Culture Documents
19ระบบปรับอากาศ
19ระบบปรับอากาศ
19ระบบปรับอากาศ
2-7.1 ระบบปรับอากาศทํางานอยางไร?
(1) ภาระการปรับอากาศมีอะไรบาง?
(2) องคประกอบในการปรับอากาศเพื่อความสุขสบายของคนมีอะไรบาง?
(3) มาตรฐานการปรับอากาศสําหรับอุตสาหกรรมเปนอยางไร?
(4) แผนภาพไซโครเมตริกมีประโยชนอยางไร?
(5) แผนภาพไซโครเมตริกใชงานอยางไร?
(6) คุณสมบัติที่ไดจากแผนภาพไซโครเมตริกนําไปใชวิเคราะหหาสาเหตุอะไรไดบาง?
(7) วงจรการทํางานของสารทําความเย็นเปนอยางไร?
(8) การเพิ่มสมรรถนะใหเครื่องปรับอากาศทําอยางไร?
2-7.2 ระบบปรับอากาศที่ใชงานมีกี่ประเภทและมีสัดสวนการใชพลังงานเทาใด?
(1) ระบบปรับอากาศที่ใชงานมีกี่ประเภท?
(2) มาตรฐานการตรวจสอบการใชงานอุปกรณในระบบทําน้ําเย็นมีอะไรบาง?
(3) ระบบปรับอากาศแตละประเภทมีสัดสวนการใชพลังงานเทาใด ?
2-7.3 เลือกใชระบบปรับอากาศใหเหมาะสมกับการใชงานทําอยางไร ?
2-7.4 การหาสมรรถนะของเครื่องปรับอากาศและอุปกรณประกอบทําอยางไร ?
2-7.5 ทําอยางไรใหระบบปรับอากาศประหยัดพลังงาน ?
(1) การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องทําน้ําเย็นโดยการเพิ่มความดันดานอีแวปปอเรเตอร
(2) การลดความดันสารทําความเย็นดานคอนเดนเซอรโดยการทําความสะอาดคอนเดนเซอร
(3) การลดความดันสารทําความเย็นดานคอนเดนเซอรโดยการเดินหอผึ่งเย็นเพิ่ม
(4) การใชเครื่องทําน้ําเย็นในจุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
(5) การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องทําน้ําเย็นโดยการเพิ่มอัตราการไหลของน้ําเย็น
(6) การเลือกเดินเครื่องทําน้ําเย็นชุดที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น
(7) การเปลี่ยนไปใชเครื่องทําน้ําเย็นประสิทธิภาพสูง
(8) การลดการนําอากาศภายนอกเขาหรือลดการดูดอากาศภายในทิ้ง
(9) การลดอากาศรอนจากภายนอกรั่วเขาหองปรับอากาศ
(10) การลดพื้นที่ปรับอากาศ
(11) การปรับอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธภายในหองปรับอากาศใหสูงขึ้น
(12) การลดภาระการปรับอากาศโดยการปรับปรุงระบบแสงสวาง
(13) การหรี่วาลวที่ออกจากปมเพื่อลดอัตราการไหลของน้ํา
(14) การเลือกเดินปมน้ําชุดที่มีประสิทธิภาพสูงเปนหลัก
(15) การเปลี่ยนปมน้ําชุดที่มีประสิทธิภาพต่ําในระบบปรับอากาศ
2-7.6 แนวทางการตรวจวินิจฉัยและบํารุงรักษาเครื่องทําน้ําเย็นและอื่นๆในระบบทําอยางไร?
(1) การตรวจวินิจฉัยเครื่องทําน้ําเย็นและอุปกรณอื่นในระบบเพื่อการอนุรักษพลังงานทําอยางไร ?
(2) การบํารุงรักษาเครื่องปรับอากาศแบบแยกสวนและแบบเปนชุดเพื่อการประหยัดพลังงานมีอะไรบาง ?
183
ระบบปรับอากาศใชในสํานักงานเพื่อทําใหอุณหภูมิพอเหมาะแกการทํางาน มักใชระบบแยกสวน สวนอุตสาหกรรม
บางประเภทมีการใชในกระบวนการผลิตเพื่อรักษาอุณหภูมิและความชื้นใหเหมาะสม และเพื่อระบายความรอนใหกับ
อุปกรณหรือเครื่องจักรในกระบวนการผลิต เชน อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส สิ่งทอ พลาสติก อาหาร เปนตน มักใช
ระบบที่มีขนาดใหญ เรียกวาระบบรวมศูนย (Central System)
SA :
SUPPLY AIR
2-7.1 ระบบปรับอากาศทํางานอยางไร ?
ทํางานโดยใชพดั ลมดูดหรือเปาอากาศผานขดทอความเย็น(Evaporator) ทําใหอุณหภูมิและความชื้นของอากาศ
ลดลงตามตองการเพื่อจายไปยังจุดใชงาน สวนระบบขนาดใหญจะใชน้ํารับความเย็นจากสารทําความเย็นแลวสงน้ําเย็น
ไปยังอุปกรณสงลมเย็น (Air Handling Unit; AHU) หรืออุปกรณจายลมเย็น (Fan Coil Unit; FCU) หลังจากนั้นอากาศ
จะถูกดูดหรือเปาผานขดทอทําความเย็นของ AHU หรือ FCU เพื่อรับความเย็นจากน้ําเย็นทําใหไดอากาศที่มีอุณหภูมิ
และความชื้นตามตองการ เพื่อจายไปยังจุดใชงานโดยผานระบบทอลม(Air Duct) และหัวจายลม (Supply Air Diffuser)
(1) ภาระการปรับอากาศมีอะไรบาง ?
แบงออกเปน 2 สวน คือ ภาระจากภายนอกซึ่งสวนใหญมาจากแสงอาทิตยที่ผานผนังและหลังคา ดังนั้นผนังและ
หลังคาควรมีคุณสมบัติการเปนฉนวนที่ดี และความรอนจากอากาศรั่วและอากาศระบายซึ่งควรลดลงใหมากที่สุด อีกสวน
หนึ่งคือภาระจากภายในซึ่งมาจากคน แสงสวาง และอุปกรณไฟฟาตางๆ ดังนั้นจึงตองใชอุปกรณที่มีประสิทธิภาพสูงและ
นําอุปกรณที่ไมจําเปนออกนอกหองปรับอากาศ
ความสามารถในการทําความเย็นของเครื่องปรับอากาศ
= ภาระการปรับอากาศ
= พลังงานความรอนจากภายนอก + พลังงานความรอนจากภายใน
184
= (พลังงานความรอนจากแสงอาทิตยผานผนังและหลังคาโปรงแสง + พลังงานความรอนจาก
แสงอาทิตยผานผนังและหลังคาทึบ + พลังงานความรอนจากอากาศภายนอกที่รั่วและ
อากาศระบาย) + (พลังงานความรอนจากคน + พลังงานความรอนจากไฟฟาแสงสวาง +
พลังงานความรอนจากอุปกรณ ไฟฟาตางๆ)
185
สําหรับอุตสาหกรรม(ASHRAE)
ประเภทอุ ต สาหกรรม กรรมวิ ธี DRY-BULB (F) RH (%)
ขนสั ต ว การอบแห ง 110 -
การเก็ บ รั ก ษา 40-50 -
เครื่ ง หนั ง การอบแห ง
Veg Tanned 70 75
Chrome Tanned 120 75
การเก็ บ รั ก ษา 50-60 40-60
ไม ขี ด การผลิ ต 72-74 50
การอบแห ง 70-75 40
เภสั ช กรรม การเก็ บ ผงยา
ก อ นผลิ ต 70-80 30-35
หลั ง ผลิ ต 75-80 15-35
ห อ งบดยา 80 35
การอั ด เม็ ด ยา 70-80 40
การเคลื อ บเม็ ด ยา 80 35
การผลิ ต ยาฉี ด 80 35
การเก็ บ แคปซู ล 75 35-40
วั ส ดุ ภ าพถ า ย การทํ า แห ง 20-125 40-80
การตั ด ต อ , การบรรจุ 65-75 40-70
การเก็ บ รั ก ษา
Film Base, ฟ ล ม , กระดาษภาพ 70-75 40-65
สิ่ ง พิ ม พ พิ ม พ ป ระกอบสี
ห อ งพิ ม พ 75-80 46-48
ห อ งเก็ บ สิ่ ง พิ ม พ 73-80 49-51
การเก็ บ การพั บ และอื่ น ๆ Comfort Comfort
อุ ป กรณ ทํ า ความเย็ น การประกอบคอมเพรสเซอร 70-76 30-45
การทดสอบ 65-82 47
ยางสั ง เคราะห การผลิ ต 90 -
การเก็ บ ก อ นผลิ ต 60-75 40-50
ทอผ า ผ า ฝ า ย
การดึ ง เส น และ Roving 80 55-60
การป น วง
Conventional 80-85 60-70
Long Draft 80-85 -
การทอ 78-80 70-85
การหวี ฝ า ย 75 55-65
ผ า ลิ นิ น
การจั ด เยื่ อ และการป น 75-80 60
การทอ 80 80
ผ า ขนสั ต ว
การป น 80-85 50-60
การทอ
Light Goods 80-85 55-70
Heavy 80-85 60-65
186
ประเภทอุ ต สาหกรรม กรรมวิ ธี DRY-BULB (F) RH (%)
ผ า วู ส ทิ ด
การจั ด เยื่ อ , การหวี ฝ า ย, Gilling 80-85 60-70
การเก็ บ รั ก ษา 70-85 75-80
Cap Spinning 80-85 50-55
การกรอด า ย การพั น ด า ย 75-80 55-60
การทอ 80 50-60
ผ า ไหม
การทอและการป น 80 65-70
การบิ ด ให เป น เส น 60 60
แพรเที ย ม
การป น 80-90 50-60
การทอ
Regenerated 80 50-60
Acetate 80 55-60
Spun rayon 80 80
การเก็ บ 75-80 50-60
การจั ด เยื่ อ และดึ ง เส น Roving 80-90 50-60
ยาสู บ ซิ ก าร แ ละบุ ห รี่
การผลิ ต 70-75 55-60
การเก็ บ และการเตรี ย ม 78 70
การบรรจุ แ ละการส ง 75 60
(4) แผนภาพไซโครเมตริกมีประโยชนอยางไร ?
อากาศที่อยูรอบตัวเราประกอบดวยอากาศแหงและไอน้ําซึ่งเรียกวาอากาศชื้น การหาปริมาณไอน้ําหรือปริมาณ
ความรอนที่อยูในอากาศชื้นจะตองใชแผนภาพไซโครเมตริก โดยแผนภาพไซโครเมตริกจะแสดงคุณสมบัติดังนี้
1. อุณหภูมิกระเปาะแหง (Dry bulb temperature, db) คืออุณหภูมิที่อานคาจากเทอรโมมิเตอรที่กระเปาะแหง
2. อุณหภูมิกระเปาะเปยก (Wet bulb temperature, wb) คืออุณหภูมิที่อานจากเทอรโมมิเตอรที่กระเปาะหุมดวย
ผาสําลีที่ชื้นโดยตองมีกระแสลมพัดผานกระเปาะเปยกที่ความเร็วไมนอยกวา 5 m/s
3. ปริมาณความชื้นในอากาศ (Humidity ratio) คืออัตราสวนโดยน้ําหนักระหวางไอน้ําในอากาศตออากาศ
แหง 1 kg
4. ความชื้นในอากาศ (Relative humidity, RH) คืออัตราสวนความดันระหวางความดันของไอน้ําที่มีอยูใน
อากาศชื้น และความดันอิ่มตัวของไอน้ําที่อุณหภูมิเดียวกัน
5. ปริมาตรจําเพาะของอากาศชื้น (Specific volume,) คือปริมาตรของอากาศชื้นตอ1กิโลกรัมของอากาศแหง
6. อุณหภูมิจุดน้ําคาง(Dew point, DP) คืออุณหภูมิที่ไอน้ําในอากาศเริ่มควบแนนเปนหยดน้ําเมื่ออากาศชื้น
ถูกทําใหเย็นลง
7. ความรอนจําเพาะของอากาศ (Specific enthalpy, h) คือปริมาณความรอนที่ทําใหอากาศแหง 1 กิโลกรัม
และน้ํา X กิโลกรัม รอนขึ้นจาก 0OC เปน toC และทําใหน้ํา X กิโลกรัม ระเหยกลายเปนไอหมด
7 4
6 3
187
การปรับสภาวะอากาศมีอยู 8 กระบวนการ เพื่อใหเหมาะสมกับความตองการของคนหรือการผลิตในอุตสาหกรรม
1. ทําใหอากาศรอนขึ้นโดยความชื้นเทาเดิม ทําโดยใชขดทอความรอน
2. ทําไหอากาศรอนขึ้นและเพิ่มความชื้น ทําโดยใชไอน้ําพนเขาไปในอากาศ
3. ทําใหอากาศรอนขึ้นและลดความชื้น ทําโดยใชขดทอความเย็นเพื่อลดความชื้นแลวใหความรอนโดยขด
ทอความรอน
4. ทําใหอากาศเย็นโดยความชื้นเทาเดิม ทําโดยใชขดทอความเย็นที่อุณหภูมิผิวทอสูงกวาอุณหภูมิจุดน้ําคาง
(อุณหภูมิกลั่นตัว) ของความชื้นในอากาศ
5. ทําใหอากาศเย็นและเพิ่มความชื้น ทําโดยใชน้ําเย็นพนไปในอากาศ
6. ทําใหอากาศเย็นและลดความชื้น ทําโดยใชขดทอความเย็นที่อุณหภูมิผิวทอต่ํากวาอุณหภูมิจุดน้ําคาง
(อุณหภูมิกลั่นตัว) ของความชื้นในอากาศ
7. เพิ่มความชื้น ทําโดยใชน้ําที่มีอุณหภูมิเทากับกระเปาะแหงของอากาศ
8. ลดความชื้น ทําโดยใชสารดูดความชื้นหรือใชขดทอความเย็นเพื่อทําใหความชื้น
กลั่นตัว แลวจึงใชขดทอความรอนเพื่อควบคุมอุณหภูมิใหคงที่
ทําความเย็นและเพิ่มความชื้น เพิ่มความชื้น
ทําความรอนและเพิ่มความชื้น
ทําความเย็น
ทําความรอน
ทําความเย็นและลดความชื้น ทําความรอนและลดความชื้น
ลดความชื้น
รูปที่ 2-7.6 กระบวนการปรับสภาวะอากาศ
(5) แผนภาพไซโครเมตริกใชงานอยางไร ?
จะตองทราบคุณสมบัติของอากาศ 2 ประการเพื่อกําหนดจุด คือตรวจวัดอากาศในหองไดอุณหภูมิกระเปาะแหง
80 Fและความชื้นสัมพัทธ 30% เมื่อนํามากําหนดจุดบนไซโครเมตริกชารตจะไดอุณหภูมิกระเปาะเปยก 60OF อุณหภูมิ
O
จุดน้ําคาง 45.9OF อัตราสวนความชื้น 0.0066 Ibw/Iba ปริมาตรจําเพาะ 13.72 ft3/Iba และเอนธาลป 26.35 Btu/Iba
W s = 0 .0 2 2 2 lb w / lb a
h = 2 6 .3 5 B tu /lb a
จุ ด ที่ 8 0 o F d b
6 0 oF w b
T d e w = 4 5 .9 o F
W = 0 .0 0 6 6 lb w / lb a
v = 1 3 .7 2 ft 3 / lb a
188
(6) คุณสมบัติที่ไดจากแผนภาพไซโครเมตริกนําไปใชวิเคราะหหาสาเหตุอะไรไดบาง?
1. อุณหภูมิผิวขดทอความเย็นที่อากาศผานจะตองต่ํากวาอุณหภูมิจุดน้ําคาง(tdew)ของอากาศที่เขาถึงจะทําให
ความชื้นในอากาศกลั่นตัวเปนของเหลวได
2. อุณหภูมิที่ไดจากหอผึ่งเย็นควรจะสูงกวาอุณหภูมิกระเปาะเปยกที่เขาระบายความรอน(twb)ไมเกิน 3OC
3. ความสามารถในการทําความเย็นของขดทอความเย็นหรือทําความรอนของขดทอความรอนเปนเทาใดจะตอง
หาจากผลตางของเอนธาลปของอากาศที่เขาและออกจากขดทอ
ตารางที่ 2-7.2 คาเอนธาลปของอากาศ
คาเอนธาลปของอากาศ( Btu/lb)
อุณหภูมิกระเปาะแหง ความชื้นสัมพัทธ (%RH)
(OC) 40 45 50 55 60 65 70 75 80 85 90 95
15 18.764 19.343 19.924 20.506 21.089 21.673 22.257 22.843 23.43 24.018 24.607 25.197
16 19.506 20.126 20.746 21.368 21.99 22.614 23.239 23.865 24.493 25.121 25.751 26.381
17 20.268 20.929 21.591 22.255 22.92 23.586 24.254 24.923 25.593 26.265 26.938 27.612
18 21.048 21.754 22.461 23.169 23.879 24.591 25.304 26.018 26.734 27.451 28.17 28.89
19 21.85 22.602 23.356 24.112 24.87 25.629 26.39 27.153 27.917 28.683 29.451 30.22
20 22.672 23.475 24.279 25.085 25.893 26.703 27.515 28.329 29.145 29.962 30.782 31.604
21 23.518 24.373 25.23 26.09 26.951 27.815 28.681 29.549 30.419 31.292 32.167 33.044
22 24.387 25.298 26.211 27.127 28.046 28.966 29.89 30.815 31.744 32.674 33.608 34.543
23 25.281 26.251 27.224 28.2 29.178 30.159 31.143 32.13 33.12 34.112 35.108 36.106
24 26.201 27.234 28.269 29.309 30.351 31.396 32.444 33.496 34.551 35.609 36.67 37.735
25 27.148 28.247 29.35 30.456 31.565 32.679 33.795 34.916 36.04 37.167 38.299 39.433
26 28.124 29.294 30.467 31.644 32.825 34.01 35.199 36.392 37.589 38.791 39.996 41.206
27 29.131 30.374 31.622 32.874 34.13 35.392 36.657 37.928 39.203 40.482 41.767 43.056
28 31.24 32.644 34.054 35.47 36.891 38.318 39.751 41.19 42.635 44.085 45.542 47.005
29 31.24 32.644 34.054 35.47 36.891 38.318 39.751 41.19 42.635 44.085 45.542 47.005
30 32.346 33.838 35.336 36.84 38.351 39.869 41.393 42.923 44.461 46.005 47.555 49.113
31 33.489 35.073 36.664 38.262 39.868 41.481 43.101 44.729 46.365 48.008 49.658 51.317
32 34.67 36.351 38.041 39.738 41.444 43.158 44.881 46.612 48.351 50.099 51.856 53.621
33 35.89 37.675 39.468 41.271 43.083 44.904 46.735 48.575 50.425 52.284 54.153 56.032
34 37.153 39.046 40.949 42.863 44.787 46.722 48.667 50.623 52.59 54.567 56.556 58.555
35 38.46 40.467 42.487 44.518 46.561 48.615 50.682 52.76 54.851 56.954 59.069 61.196
36 39.812 41.941 44.083 46.238 48.406 50.588 52.782 54.991 57.213 59.449 61.698 63.962
37 41.213 43.47 45.741 48.027 50.328 52.643 54.974 57.32 59.682 62.058 64.451 66.859
38 42.664 45.056 47.464 49.888 52.329 54.787 57.262 59.753 62.263 64.789 67.333 69.895
39 44.168 46.702 49.254 51.825 54.414 57.022 59.65 62.296 64.962 67.647 70.352 73.078
40 45.727 48.411 51.116 53.841 56.587 59.355 62.143 64.953 67.785 70.64 73.516 76.415
189
4. กระบวนการระเหย สารทําความเย็นที่มีอุณหภูมิต่ําจะผานเขาไปยังขดทอความเย็น มื่อรับความรอนจาก
อากาศหรือน้ําทําใหไดอากาศเย็นและน้ําเย็นสวนสารทําความเย็นจะเกิดการระเหยตัวกลายเปนไอจนอยูในสถานะไออิ่มตัว
หรือไอรอนยวดยิ่งประมาณ 10OC (Superheat Vapor) กอนที่จะถูกเครื่องอัดดูดแลวเริ่มการทํางานตอไปอยางตอเนื่อง
1 4 ความดันสูง
EXPANSION
VALVE EVAPORATOR (คอยลเย็น)
(ลิ้นลดความดัน)
2 3
ความดันต่ํา
190
สัมประสิทธิ์สมรรถนะทําความเย็น (COP) = ความเย็นที่เครื่องสามารถทําได h1 − h 4
=
h 2 − h1
พลังงานที่ใชขับคอมเพรสเซอร
สัมประสิทธิ์สมรรถนะทําความเย็นในอุดมคติ = Te
Tc − Te
300 301 302 303 304 305 306 307 308 309 310 311 312 313 314 315 316 317 318
283 6.66 6.29 5.96 5.66 5.39 5.15 4.92 4.72 4.53 4.35 4.19 4.04 3.9 3.77 3.65 3.54 3.43 3.33 3.23
278 5.05 4.83 4.63 4.45 4.28 4.12 3.97 3.83 3.71 3.59 3.48 3.37 3.27 3.18 3.09 3.01 2.93 2.85 2.78
273 4.04 3.9 3.77 3.64 3.52 3.41 3.31 3.21 3.12 3.03 2.95 2.87 2.8 2.73 2.66 2.6 2.54 2.48 2.43
268 3.35 3.25 3.15 3.06 2.98 2.9 2.82 2.75 2.68 2.61 2.55 2.49 2.44 2.38 2.33 2.28 2.23 2.19 2.14
263 2.84 2.77 2.7 2.63 2.57 2.5 2.45 2.39 2.34 2.29 2.24 2.19 2.15 2.1 2.06 2.02 1.98 1.95 1.91
258 2.46 2.4 2.35 2.29 2.24 2.2 2.15 2.11 2.06 2.02 1.98 1.95 1.91 1.88 1.84 1.81 1.78 1.75 1.72
253 2.15 2.11 2.07 2.02 1.98 1.95 1.91 1.87 1.84 1.81 1.78 1.74 1.72 1.69 1.66 1.63 1.61 1.58 1.56
248 1.91 1.87 1.84 1.8 1.77 1.74 1.71 1.68 1.65 1.63 1.6 1.57 1.55 1.53 1.5 1.48 1.46 1.44 1.42
243 1.71 1.68 1.65 1.62 1.59 1.57 1.54 1.52 1.5 1.47 1.45 1.43 1.41 1.39 1.37 1.35 1.33 1.31 1.3
238 1.54 1.51 1.49 1.46 1.44 1.42 1.4 1.38 1.36 1.34 1.32 1.3 1.29 1.27 1.25 1.24 1.22 1.21 1.19
233 1.39 1.37 1.35 1.33 1.31 1.29 1.28 1.26 1.24 1.23 1.21 1.19 1.18 1.17 1.15 1.14 1.12 1.11 1.1
228 1.27 1.25 1.23 1.22 1.2 1.18 1.17 1.15 1.14 1.13 1.11 1.1 1.09 1.07 1.06 1.05 1.04 1.02 1.01
223 1.16 1.14 1.13 1.12 1.1 1.09 1.07 1.06 1.05 1.04 1.03 1.01 1 0.99 0.98 0.97 0.96 0.95 0.94
191
รูปที่ 2-7.10 แผนภาพ P-h ของสารทําความเย็น R22
192
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ลดอุณหภูมิสารทําความเย็นในคอนเดนเซอรลงจาก 40OC เปน 30OC โดยการทําความสะอาด
คอนเดนเซอรและหอผึ่งเย็น สารทําความเย็นในอีแวปปอเรเตอรเทากับ -20OC จงหารอยละของ COP ที่เปลี่ยนแปลง
COP เดิม = (-20 + 273)/((40 + 273) – (-20 + 273)) = 4.22 หรืออาจหาจากตารางที่
COP ใหม = (-20 + 273)/((30 + 273) – (-20 + 273)) = 5.06 หรืออาจหาจากตารางที่
รอยละของ COP สูงขึ้น = [(5.06 – 4.22)/4.22] x 100 = 19.91%
โรงงาน ECON เพิ่มอุณหภูมิสารทําความเย็นในอีแวปปอเรเตอรจาก -20OC เปน -15OC โดยการปรับตั้งลิ้นลดความ
ดันใหม ขณะที่อุณหภูมิสารทําความเย็นในคอนเดนเซอรเทากับ 30OC จงหา รอยละของ COP ที่เปลี่ยนแปลง
COP เดิม = (-20 + 273)/((30 + 273) – (-20 + 273)) = 5.08
COP ใหม = (-15 + 273)/((30 + 273) – (-15 + 273)) = 5.73
รอยละของ COP สูงขึ้น = [(5.73 – 5.06)/5.06] x 100 = 13.24%
จากการปรับปรุงทั้งหมดของโรงงาน ECON สงผลใหคา COP เพิ่มขึ้นเปนรอยละเทาใด
รอยละ COP ที่เพิ่มขึ้น = [(5.73 – 4.22)/4.22] x 100 = 35.78%
(8) การเพิ่มสมรรถนะใหเครื่องปรับอากาศทําอยางไร ?
1. ลดความดันดานสูงของสารทําความเย็นที่อยูในคอนเดนเซอร โดยทําความสะอาดพื้นผิวแลกเปลี่ยนความ
รอนอยางสม่ําเสมอ โดยทั่วไปอุณหภูมิสารทําความเย็นควรมีอุณหภูมิสูงกวาอุณหภูมิน้ําระบายความรอนที่ออกไมเกิน
6OFการทําใหน้ําหรืออากาศมีอุณหภูมิลดต่ําลงทําไดโดยใหน้ําหรืออากาศที่เขาระบายความรอนมีปริมาณตามมาตรฐาน
การออกแบบคอนเดนเซอร ซึ่งโดยทั่วไปอัตราการไหลของน้ําผานคอนเดนเซอรประมาณ 3.0 GPM/TR และอากาศ
ประมาณ 400 CFM/TR นอกจากนี้ในกรณีน้ําควรทําความสะอาดหรือปรับปรุงหอผึ่งเย็นใหมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
จากแผนภาพ P-h diagram จะเห็นวาถาลดความดันสารทําความเย็นจาก P2,3 เปน P6 จะทําใหพลังงานที่ใชขับ
คอมเพรสเซอรลดลงจาก 1-2 เปน 1-5 และปริมาณความเย็นที่ไดเพิ่มจาก 4-1 เปน 7-1 ทําใหคา COP ของเครื่องสูงขึ้น
193
ตองการอุณหภุมิสูงเพื่อที่จะไมตองทําสารทําความเย็นอุณหภูมิต่ําแตนําไปใชงานเพียงสวนนอย จากแผนภาพ P-h
diagram จะเห็นวาถาเราเพิ่มความดันสารทําความเย็นจาก P1,4 เปน P7,5 จะสงผลทําใหพลังงานที่ใชขับคอมเพรสเซอร
ลดลงจาก 1-2 เปน 5-6 สวนความเย็นจะเพิ่มขึ้นเล็กนอยจาก 4-1 เปน 7-5 สงผลทําใหคา COP ของเครื่องสูงขึ้น
2-7.2 ระบบปรับอากาศที่ใชงานมีกี่ประเภทและมีสัดสวนการใชพลังงานเทาใด?
(1) ระบบปรับอากาศที่ใชงานมีกี่ประเภท ? (มี 4 ประเภท)
1. ประเภททําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้ํา (Water Cooled Water Chiller) เปนระบบที่มีขนาดใหญที่สุด
อุปกรณที่ใชพลังงานไฟฟามากที่สุดคือเครื่องทําน้ําเย็น และมีอุปกรณประกอบคือปมน้ําเย็น ปมน้ําระบายความรอน หอ
ผึ่งเย็น และอุปกรณสงจายลมเย็น การทํางานแบงเปน 2 วงจร คือ 1)วงจรน้ําเย็น โดยเริ่มจากปมน้ําเย็นสงน้ําเขาไป
รับความเย็นจากสารทําความเย็นที่ Cooler เพื่อใหอุณหภูมิน้ําเย็นไดตามตองการ แลวจึงสงน้ําเย็นไปยังอุปกรณสงจาย
ลมเย็นโดยอุปกรณสงจายลมเย็นแตละชุดจะมีลิ้นควบคุมปริมาณน้ํา ซึ่งไดรับสัญญาณจากอุปกรณควบคุมอุณหภูมิ โดย
ถาอุณหภูมิในพื้นที่สูงจะสงสัญญาณใหลิ้นเปดน้ําเขาขดทอแลกเปลี่ยนความรอนมากขึ้น หลังจากน้ํารับความรอนจาก
อากาศที่แลกเปลี่ยนแลวจะกลับไปรับความเย็นจาก Cooler อีก โดยการดูดของปมน้ําเย็น 2) วงจรน้ําระบายความรอน
194
จะเริ่มจากปมน้าํ ระบายความรอนสงน้ําเขาไปรับความรอนจากสารทําความเย็นที่ Condenser น้ํารอนที่ไดจะถูกสงไป
ระบายความรอนที่หอผึ่งเย็น ซึ่งที่หอผึ่งเย็นนั้นน้ําจะถูกระบายความรอนดวยอากาศที่อยูแวดลอม หลังจากอุณหภูมิน้ํา
ลดลงตามตองการจะถูกสงไปเขา Condenser โดยการดูดของปมน้ําระบายความรอน การประหยัดพลังงานในระบบนี้
จะตองเพิ่มประสิทธิภาพของแตละอุปกรณใหสูงที่สุดและใชงานใหสัมพันธกับภาระการปรับอากาศ
SA : SUPPLY AIR
RA : RETURN AIR
FA : FRESH AIR
EX : EXHAUST AIR
195
3. ประเภทเปนชุดระบายความรอนดวยน้ํา (Water Cooled Package) แบบนี้จะมีขนาดเล็กโดยทั้งชุดอยู
ภายในบริเวณปรับอากาศซึ่งจะมีคอมเพรสเซอรอยูภายในดวย แตจะมีขดทอระบายความรอนดวยน้ําแยกกันแตละชุด
ดังนั้นปญหาของระบบนี้คือการบํารุงรักษาหรือการทําความสะอาดคอนเดนเซอรซึ่งมีขนาดเล็กและมีจํานวนมาก สวน
ระบบปมน้ําระบายความรอนและหอผึ่งเย็นจะเหมือนกับระบบระบายความรอนดวยน้ําแบบอื่น ในการตรวจสอบและ
บํารุงรักษาคอนเดนเซอรนั้นก็ทําเชนเดียวกับคอนเดนเซอรของระบบใหญ
196
(2) มาตรฐานการตรวจสอบการใชงานอุปกรณในระบบทําน้ําเย็นมีอะไรบาง ?
1. เครื่องทําน้ําเย็น (Chiller)
1.1 อัตราการไหลของน้ําเย็นตองไดตามมาตรฐานการออกแบบของผูผลิตประมาณ 2.4 GPM/TR ที่อุณหภูมิ
น้ําเย็นเขาและออกตางกัน 10OF และภาระเต็มพิกัด เพื่อใหประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนความรอนสูงที่สุด
1.2 อัตราการไหลของน้ําระบายความรอนตองไดตามมาตรฐานการออกแบบของผูผลิตประมาณ 3.0 GPM/TR
ที่อุณหภูมิน้ําระบายเขาและออกตางกัน 10OF และภาระเต็มพิกัด
1.3 ปรับตั้งอุณหภูมิน้ําเย็นใหสูงที่สุดเทาที่จะทําไดโดยทุกๆ 1OF ที่ปรับใหสูงขึ้นจะสงผลใหเกิดการประหยัด
พลังงานที่เครื่องอัดประมาณ 1.5-2%
1.4 ทําความสะอาดคอนเดนเซอรสม่ําเสมออยางนอยทุก 6 เดือน หรือดูจากอุณหภูมของน้ําระบายความรอนที่
ออกจากคอนเดนเซอรจะตองสูงกวาอุณหภูมิสารทําความเย็นไมเกิน 6 OF
1.5 เครื่องอัดแบบแรงเหวี่ยงควรปรับตั้ง Current Limit Load ในชวง 80-90% เพราะเปนจุดที่มีประสิทธิภาพ
สูงสุด
1.6 อุณหภูมิน้ําเขาระบายความรอนควรจะต่ําที่สุดเทาที่จะทําได โดยทุกๆ 1 OF ของน้ําที่เขามีอุณหภูมิลดลงจะ
สงผลใหเกิดการประหยัดพลังงานที่เครื่องอัดประมาณ 1.5-2%
198
รูปที่ 2-7.21 อุปกรณสงลมเย็น
4. ปมน้ําเย็นและปมน้ําระบายความรอน
4.1 การตอปมน้ําแบบขนานไมควรเชื่อมตอทอทางเขาและทางออกแบบตัวทีเพราะจะมีการสูญเสียความดัน
มากกวาการตอแบบตัววาย และทอรวมควรจะมีขนาดใหญ
4.2 มอเตอรปมน้ําขนาดต่ํากวา 10 แรงมาเมื่อไหมควรเปลี่ยนใหม เพราะถานําไปพันใหมแตละครั้ง
ประสิทธิภาพของมอเตอรจะลดลงประมาณ 4%
4.3 ไมควรเลือกปมน้ําขนาดใหญแลวทําการหรี่วาลวน้ําเพราะประสิทธิภาพของปมน้ําจะลดต่ําลง ควรใชวิธีลด
รอบปมน้ํา หรือลดขนาดใบพัด หรือเปลี่ยนปมใหมเมื่อหมดอายุการใชงาน
4.4 ควรใชมอเตอรที่มีขนาด 80-90% ของภาระเพราะทุกๆ 10% ของภาระที่ต่ํากวา 80% จะทําให
ประสิทธิภาพของมอเตอรลดลง 1%
4.5 ควรทําความสะอาด Stainer สม่ําเสมอเพื่อใหน้ําไหลไดสะดวก
4.6 ควรเลือกเดินปมน้ําชุดที่มีคา GPM/kW สูงสุดเปนหลัก
4.7 ไมควรติดตั้งปมหลายๆ ชุดรวมกันเพราะบางครั้งชุดหลังๆ อาจจะสงน้ําไดนอยมากสงผลใหประสิทธิภาพ
โดยรอบของระบบปม (GPM/kW รวม) ลดต่ําลง
4.8 กรณีเดินปมน้ํารวมกันหลายตัวไมควรเดินชุดที่สงน้ําออกมาแลวทิศทางของน้ําตานกัน
199
(3) ระบบปรับอากาศแตละประเภทมีสัดสวนการใชพลังงานเทาใด ?
การประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศนั้นโรงงานควรจะตองรูวาอุปกรณประกอบในระบบปรับอากาศสวนใด
ใชพลังงานมาก เพื่อที่จะหาแนวทางในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตอไป
ตารางที่ 2-7.4 สัดสวนการใชพลังงานในระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศ พลังไฟฟาที่ใช (%)
1. ระบบทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้ํา
- คอมเพรสเซอร 80
- มอเตอรพัดลมเครื่องสงลมและเครือ่ งจายลมเย็น 10
- มอเตอรปมน้ําระบายความรอน 3-5
- มอเตอรปมน้ําเย็น 3-5
- มอเตอรพัดลมหอผึ่งเย็น 2-3
2. ระบบทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยอากาศ
- คอมเพรสเซอร 85
- มอเตอรพัดลมระบายความรอน 5
- มอเตอรพัดลมเครื่องสงลมและเครือ่ งจายลมเย็น 50-10
- มอเตอรปมน้ําเย็น 3-5
3. ระบบปรับอากาศแบบเปนชุดระบายความรอนดวยน้ํา
- คอมเพรสเซอร 85
- มอเตอรพัดลมเครื่องสงลมและเครือ่ งจายลมเย็น 5-10
- มอเตอรปมน้ําระบายความรอน 3-5
- มอเตอรพัดลมหอผึ่งเย็น 2-3
4. ระบบปรับอากาสแบบแยกสวน
- แฟนคอลยยูนิต 5-10
- คอนเดนซิ่งยูนิต 90-95
2-7.3 เลือกใชระบบปรับอากาศใหเหมาะสมกับการใชงานทําอยางไร ?
สิ่งที่สําคัญอันดับแรกคือการประหยัดพลังงานและคาใชจายในการบํารุงรักษา ซึ่งพิจารณาไดดังนี้
ตารางที่ 2-7.5 การเลือกใชระบบปรับอากาศ
รายละเอียด ระบบทําน้ําเย็นระบาย ระบบทําน้ําเย็นระบาย แบบเปนชุดระบาย แบบแยกสวน
ความรอนดวยน้ํา ความรอนดวยอากาศ ความรอนดวยน้ํา
1. องคประกอบทาง
เทคนิค
1.1 การออกแบบและ ใชผเู ชี่ยวชาญเพราะตอง ใชผเู ชี่ยวชาญเพราะตอง ใชผเู ชี่ยวชาญเพราะตองใช ไมจําเปนตองใช
ติดตั้ง ใชวิชาการและความ ใชวิชาการและความ วิชาการและความชํานาญ ผูเชีย่ วชาญ
ชํานาญมาก ชํานาญมาก มาก
1.2 การดูแลและ ควบคุม ใชผเู ชี่ยวชาญเพราะตอง ใชผเู ชี่ยวชาญเพราะตอง ใชผเู ชี่ยวชาญเพราะตอง ไมจําเปนตองใช
การใชงาน ควบคุมการใชงานให ควบคุมการใชงานให ควบคุมการใชงานใหสมดุล ผูเชีย่ วชาญ
สมดุลกันตลอดเวลา สมดุลกันตลอดเวลา กันตลอดเวลา
1.3 การบํารุงรักษา ใชผเู ชี่ยวชาญเพราะมี ไมจําเปนตองใช ไมจําเปนตองใช ไมจําเปนตองใช
รายละเอียดทางเทคนิค ผูเชีย่ วชาญ ผูเชีย่ วชาญ ผูเชีย่ วชาญ
200
รายละเอียด ระบบทําน้ําเย็นระบาย ระบบทําน้ําเย็นระบาย แบบเปนชุดระบาย แบบแยกสวน
ความรอนดวยน้ํา ความรอนดวยอากาศ ความรอนดวยน้ํา
1.4 โครงสรางและ สวนประกอบมากและ สวนประกอบมากและ สวนประกอบมากและ สวนประกอบนอย
สวนประกอบ ซับซอน ซับซอน ซับซอน ไมซับซอน
1.5 การเปดและปดระบบ พื้นที่ใชงานทั้งหมดตอง พื้นที่ใชงานสวนใหญ พื้นที่ใชงานสวนใหญตอง แตละพื้นทีไ่ ม
เริ่มใชและหยุดใชงาน ตองเริม่ ใชและหยุดใช เริ่มใชและหยุดใชงาน จําเปนตองเริ่มใช
พรอมกัน งานพรอมกัน พรอมกัน และหยุดพรอมกัน
1.6 อายุการใชงาน ประมาณ 15-20 ป ประมาณ 15-20 ป ประมาณ 10-15 ป ประมาณ 5-8 ป
1.7 การยืดหยุนตอการ นอยถาอุปกรณหลัก นอยถาอุปกรณหลัก นอยถาอุปกรณหลักไมได มากเพราะไมสัมพันธ
ขยายในอนาคต ไมไดเผือ่ ไวมาก ไมไดเผือ่ ไวมาก เผื่อไวมาก กับอุปกรณอื่น
1.8 ขนาดที่เหมาะสมกับ
การใชงาน
60 TR – 100 TR ไมเหมาะสม พอใชได ไมเหมาะสม เหมาะสม
150 TR – 300 TR พอใชได เหมาะสม เหมาะสม ไมเหมาะสม
มากกวา 400 TR เหมาะสม พอใชได พอใชได ไมเหมาะสม
2. องคประกอบทาง
เศรษฐศาสตร
2.1 เงินลงทุน (บาท/ตัน 28,000-35,000 26,000-30,000 28,000-32,000 24,000-28,000
ความเย็น)
2.2 สมรรถนะดาน 1.10-1.30 1.5-1.6 1.3-1.45 1.2-1.6
พลังงาน (kW/TR)
2.3 คาใชจายในการ ประมาณ 1% ตอป ประมาณ 1% ตอป ประมาณ 1.5% ตอป ประมาณ 1.5% ตอป
บํารุงรักษา
2-7.4 การหาสมรรถนะของเครื่องปรับอากาศและอุปกรณประกอบในระบบปรับอากาศทําอยางไร ?
เครื่องปรับอากาศไมวาจะมีขนาดใหญหรือเล็กจะใชดัชนีชี้วัดสมรรถนะเหมือนกันคือคาพลังไฟฟาที่ใชตอ
ความสามารถในการทําความเย็น(kW/TR) ดังนั้นถาเปนเครื่องปรับอากาศใหมจะตองเขาหองทดสอบที่เปนมาตรฐาน
สวนเครื่องปรับอากาศเกาที่ติดตั้งใชงานแลวจะตองตรวจวัดคาตางๆ แลวนํามาคํานวณตอไป
(1) เครื่องทําน้ําเย็น (Chiller)
สมรรถนะของเครื่องปรับอากาศ = พลังไฟฟาที่เครื่องทําน้ําเย็นใช / ความสามารถในการทําความเย็น
ChP = kW/TR
เมื่อ TR = ความสามารถในการทําความเย็นที่ภาระเต็มพิกัด (TR)
= (500 x FL x ΔT) / 12,000
FL = อัตราการไหลของน้ําเย็นที่ไหลผานสวนทําน้ําเย็น (GPM)
ΔT = อุณหภูมิแตกตางของน้ําเย็นที่ไหลเขาและไหลออกจากสวนทําน้ําเย็น (๐F)
kW = พลังไฟฟาที่ใชของสวนทําน้ําเย็น (kW)
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้ําขนาดพิกัด 350 TR และคา kW/TR พิกัด 0.60
kW/TR จากการตรวจวัดขณะที่เครื่องทํางานที่ภาระสูงสุดไดอุณหภูมิน้ําเย็นเขาเครื่อง 53๐F และออกที่ 46.5๐F อัตรา
การไหลของน้ําเย็น 1,020 แกลลอนตอนาที พลังไฟฟาที่ใช 269 กิโลวัตต จงหาคา kW/TR ของเครื่องทําน้ําเย็นชุดนี้
201
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
๐
1.1 อุณหภูมิน้ําเย็นเขาเครื่อง Ti F 53.00 วัดอุณหภูมนิ ้ําเย็นจริง
๐
1.2 อุณหภูมิน้ําเย็นออกเครื่อง To F 46.50 วัดอุณหภูมนิ ้ําเย็นจริง
1.3 อัตราการไหลของน้ําเย็น FL GPM 1,020.00 วัดอัตราการไหลของน้ําเย็น
1.4 พลังไฟฟาที่เครื่องใช EL kW 269.00 วัดพลังไฟฟาเฉพาะที่ Chiller
1.5 คา kW/TR พิกัด ChPR kW/TR 0.60 จากคุณลักษณะของเครือ่ ง
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการทําความเย็น
TR = (500 x FL x (To-Ti))/12,000 TR TR 276.25
2.2 สมรรถนะของเครือ่ งปรับอากาศ
ChP = EL/TR ChP kW/TR 0.97
2.3 คา kW/TR สูงกวาพิกัด
PChP = ((ChP – ChPR)/ChP) x 100 PChP % 38.38
(2) เครื่องปรับอากาศแบบเปนชุดและแบบแยกสวน
สมรรถนะของเครื่องปรับอากาศ = พลังไฟฟาที่เครื่องปรับอากาศใช / ความสามารถในการทําความเย็น
ChP = kW/TR
เมื่อ TR = ความสามารถในการทําความเย็นที่ภาระเต็มพิกัด (TR)
= (4.5 x CFM x Δh) / 12,000
CFM = อัตราการไหลของลมเย็นที่ไหลผานขดทอความเย็น (ft3/min)
Δh = ผลตางของเอนธาลปของอากาศที่ไหลเขาและออกจากขดทอความเย็น (Btu/lb)
kW = พลังไฟฟาที่ใชของเครื่องทําความเย็นทั้งระบบ ยกเวนปมน้ําและหอผึ่งเย็น (kW)
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ไดทําการตรวจวัดเพื่อหาสมรรถนะของเครื่องปรับอากาศแบบแยกสวนขนาดพิกัด 35,500 Btu/h
และคา kW/TR พิกัด 1.13 kW/TR โดยมีขอมูลและผลการวิเคราะหดังนี้
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 ขนาดพื้นที่ของชองจายลมเย็น A Ft2 1.83 วัดพื้นที่หนาตัดหัวจายลม
1.2 ความเร็วลมที่ออกจากหัวจาย V Ft/min 612.50 วัดความเร็วเฉลี่ยของอากาศที่หัวจายลม
๐
1.3 อุณหภูมิอากาศกอนเขาขดทอความเย็น Ti F 78.80 วัดอุณหภูมอิ ากาศที่เขาขดทอ
1.4 ความชื้นสัมพัทธของอากาศกอนเขาขด
ทอความเย็น RHi %RH 62.90 วัดความชื้นสัมพัทธที่เขาขดทอ
๐
1.5 อุณหภูมิอากาศหลังผานขดทอความเย็น To F 70.70 วัดอุณหภูมอิ ากาศที่ออกขดทอ
1.6 ความชื้นสัมพัทธหลังผานขดทอความเย็น RHO %RH 75.40 วัดความชื้นสัมพัทธที่ออกขดทอ
1.7 พลังไฟฟาที่เครื่องปรับอากาศทั้งชุดใช EL kW 2.20 วัดพลังไฟฟาที่เครื่องทั้งชุด
1.8 คา kW/TR พิกัด ChPR kW/TR 1.13 จากคุณสมบัติของเครือ่ ง
1.9 ความสามารถในการทําความเย็นพิกัด Btu R Btu/h 35,500.00 จากคุณสมบัติของเครือ่ ง
202
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 อัตราการไหลของอากาศผานขดทอ
ความเย็น CFM = A x V CFM ft3/min 1,120.88
2.2 เอนธาลปของอากาศกอนเขาขดทอความเย็น hi Btu/Ib 33.51
2.3 เอนธาลปของอากาศหลังผานขดทอความเย็น ho Btu/Ib 30.25
2.4 ผลตางของเอนธาลปอากาศที่ไหลเขาและ
ออกขดทอความเย็น Dh = hi-ho Dh Btu/Ib 3.26
2.5 ความสามารถในการทําความเย็น
TR = (4.5 x CFM x Dh)/12,000 TR TR 1.37
2.6 สมรรถนะของเครือ่ ง ChP = EL/TR ChP kW/TR 1.60
2.7 อัตราสวนประสิทธิภาพพลังงาน
EER = (TR x 12,000)/(EL x 1,000) EER Btu/W 7.48
2.8 ความสามารถในการทําความเย็นต่ํากวาพิกัด
PTR = (((BtuR / 12,000)-TR)/TR) x 100 PTR % 115.68
2.9 คา kW/TR สูงกวาพิกัด
PChP = ((ChP - ChPR)/ChP) x 100 PChP % 29.55
203
(4) หอผึ่งเย็น (Cooling Tower)
ความสามารถในการระบายความรอน (TR) = (500 x FL x ΔT) / 12,000
เมื่อ FL = อัตราการไหลของน้ําระบายความรอนที่ไหลผานหอผึ่งเย็น (GPM)
ΔT = อุณหภูมิแตกตางของน้ําระบายความรอนกอนเขาและออกจากหอผึ่งเย็น (๐F)
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ทําการตรวจวัดหาความสามารถของหอผึ่งเย็นซึ่งมีขนาด 700 TR วัดอุณหภูมิน้ําระบายความ
รอนกอนเขาหอผึ่งเย็น 100 ๐F และออกที่ 95 ๐F อัตราการไหลของน้ํา 1,680 แกลลอนตอนาที ทําการวิเคราะหดังนี้
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
๐
1.1 อุณหภูมิน้ําระบายความรอนกอนเขาหอผึ่งเย็น Ti F 100.00 วัดอุณหภูมนิ ้ําระบายกอนเขา CT
๐
1.2 อุณหภูมิน้ําระบายความรอนออกจากหอผึ่งเย็น To F 95.00 วัดอุณหภูมนิ ้ําระบายออกจาก CT
1.3 อัตราการไหลของน้ําระบายความรอนผานหอ
ผึ่งเย็น FL GPM 1,680.00 วัดอัตราการไหลน้ําระบายเขาหรือออก
1.4 พิกัดการระบายความรอน TRR TR 700.000 จากคุณสมบัติของ CT
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการระบายความรอนของหอ
ผึ่งเย็น TR = (500 x FL x (Ti -To))/12,000 TR TR 350.00
2.2 ความสามารถในการทําความเย็นต่ํากวาพิกัด
PTR = (( TRR – TR)/TR) x 100 PTR % 100.00
204
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 อัตราการไหลน้ําเขาหรือออกจากจากปมชุดที่ 1 FL1 GPM 800 วัดอัตราการไหลของน้ํา
1.2 อัตราการไหลน้ําเขาหรือออกจากจากปมชุดที่ 2 FL2 GPM 720 วัดอัตราการไหลของน้ํา
1.3 อัตราการไหลน้ําเขาหรือออกจากจากปมชุดที่ 3 FL3 GPM 870 วัดอัตราการไหลของน้ํา
1.4 อัตราการไหลน้ําเขาหรือออกจากจากปมชุดที่ 4 FL4 GPM 700 วัดอัตราการไหลของน้ํา
1.5 พลังไฟฟาที่ปม ชุดที่ 1 EL1 kW 43.4 วัดพลังไฟฟาที่ปม
1.6 พลังไฟฟาที่ปม ชุดที่ 2 EL2 kW 42.8 วัดพลังไฟฟาที่ปม
1.7 พลังไฟฟาที่ปม ชุดที่ 3 EL3 kW 43.6 วัดพลังไฟฟาที่ปม
1.8 พลังไฟฟาที่ปม ชุดที่ 4 EL4 kW 42.5 วัดพลังไฟฟาที่ปม
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ดัชนีการใชพลังงานของปมน้ําชุดที่ 1
SECP1 = FL1/EL1 SECP1 GPM/kW 18.43
2.2 ดัชนีการใชพลังงานของปมน้ําชุดที่ 2
SECP2 = FL2/EL2 SECP2 GPM/kW 16.82
2.3 ดัชนีการใชพลังงานของปมน้ําชุดที่ 3
SECP3 = FL3/EL3 SECP3 GPM/kW 19.95
2.4 ดัชนีการใชพลังงานของปมน้ําชุดที่ 4
SECP4 = FL4/EL4 SECP4 GPM/kW 16.47
(6) ระบบปรับอากาศขนาดใหญ
สมรรถนะของระบบปรับอากาศ = พลังไฟฟาที่ระบบปรับอากาศใช / ความสามารถในการทําความเย็น
ChPS = kW / TR
เมื่อ TR = ความสามารถในการทําความเย็นที่ภาระเต็มพิกัด (TR) = (500 x FL x ΔT)/12,000
FL = อัตราการไหลของน้ําเย็นที่ไหลผานสวนทําน้ําเย็น (GPM)
Δ T = อุณหภูมิแตกตางของน้ําเย็นที่ไหลเขาและออกจากสวนทําน้ําเย็น (๐F)
kW = ผลรวมของพลังไฟฟาที่ใชกับเครื่องทําน้ําเย็น ปม น้ําเย็น ปมน้ําระบายความรอน หอผึ่งเย็นและ
อุปกรณสงจายลมเย็นทั้งหมด (kW)
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้าํ 350 TR ขณะใชงานเครือ่ งทําน้าํ เย็น 1 ชุด จะเปด
ปมน้ําเย็น 1 ชุด ปมน้าํ ระบายความรอน 1 ชุด หอผึ่งเย็น 2 ชุด และเครื่องสงจายลมเย็น 30 ชุด จากการวัดแสดงดังนี้
เครื่องทําน้ําเย็น อุณหภูมิน้ําเย็นเขา 53OF ออก 46.5OF อัตราการไหลของน้ําเย็น 1,020 GPM พลังไฟฟา 269 kW
ปมน้ําเย็น พลังไฟฟา 42 kW
ปมน้ําระบายความรอน พลังไฟฟา 25 kW
หอผึ่งเย็น พลังไฟฟา 6 kW
เครื่องสงลมเย็น พลังไฟฟารวม 42 kW
205
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
๐
1.1 อุณหภูมิน้ําเย็นเขาเครื่อง Ti F 53 วัดอุณหภูมนิ ้ําเย็นจริง
๐
1.2 อุณหภูมิน้ําเย็นออกเครื่อง To F 46.5 วัดอุณหภูมนิ ้ําเย็นจริง
1.3 อัตราการไหลของน้ําเย็น FL GPM 1,020 วัดอัตราการไหลของน้ําเย็น
1.4 พลังไฟฟาเครื่องทําน้ําเย็น ELC kW 269 วัดพลังไฟฟาเฉพาะที่ Chiller
1.5 พลังไฟฟาปมน้ําเย็น ELCHP kW 42 วัดพลังไฟฟาเฉพาะที่ปมน้ําเย็น
1.6 พลังไฟฟาปมน้ําระบายความรอน ELCDP kW 25 วัดพลังไฟฟาเฉพาะที่ปมน้ําระบาย
ความรอน
1.7 พลังไฟฟาหอผึ่งเย็น ELCT kW 6 วัดพลังไฟฟาเฉพาะที่หอผึ่งเย็น
1.8 พลังไฟฟาเครื่องสงลมเย็น ELAHU kW 42 วัดพลังไฟฟาเฉพาะที่เครือ่ งสงลมเย็น
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการทําความเย็น
TR = (500 x FL x (Ti – To))/12,000 TR TR 276.25
2.2 พลังไฟฟารวม
ELT = ELC +ELCHP +ELCDP + ELCT + ELAHU ELT kW 384
2.3 สมรรถนะของระบบปรับอากาศ
ChPS = ELT/TR ChP kW/TR 1.39
2-7.5 ทําอยางไรใหระบบปรับอากาศประหยัดพลังงาน ?
ในการลดการใชพลังงานจะตองทําการตรวจวินจิ ฉัยและวิเคราะหในแตละปจจัย แลวจัดลําดับความสําคัญจาก
ปจจัยที่ใชพลังงานมากที่สุด เพราะจะทําใหเกิดการประหยัดพลังงานไดมาก ปจจัยที่สงผลตอการใชไฟฟาในระบบปรับ
อากาศมีดังนี้
Cooling Load
(kW)
Electric
Power
1 Operating
Consumption Time
of HVAC
= x (hr)
(kWh) C.O.P. of Motor Trans
System x Eff x Eff 5
2 η m 13 ηt 4
Power of Operating
Auxilary Time
++ (kW) x (hr)
6 7
Pump , Cooling fan , FCU
206
หมายเลข แนวทางการประหยัดพลังงาน มาตรการทีด่ าํ เนินการ
1 1. ลดภาระการปรับอากาศ จากภายนอก • ลดพืน้ ทีผ่ นังโปรงแสงทางทิศตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต และทิศใต
ใหเหลือนอยที่สุด • ใชอปุ กรณบงั แดด เชน กันสาดหรือตนไม ติดตัง้ ฟลม กันความรอน
• เลือกใชวัสดุที่มีคุณสมบัติเปนฉนวนความรอนกับผนังทึบ
• ลดการนําอากาศภายนอกเขาและลดการนําอากาศภายในออก
• ปรับตั้งอุณหภูมิในพื้นที่ปรับอากาศใหสูงที่สุด
2. ลดภาระการปรับอากาศ จากภายในให • ใชอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนระหวางอากาศ
เหลือนอยที่สุด • ปรับปรุงระบบแสงสวางใหมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
• ใชอุปกรณไฟฟาที่มีประสิทธิภาพสูง
• นําอุปกรณที่กอใหเกิดความรอนออกจากหองปรับอากาศ
• หุมฉนวนอุปกรณที่มีอุณหภูมิสูง
• ลดพื้นที่ปรับอากาศ
2 เพิ่มสัมประสิทธิ์สมรรถนะ (COP; • ควบคุมปริมาณสารทําความเย็นในระบบใหเหมาะสม
Coefficient of Performance) ใหสูงที่สุด • ทําความสะอาดพื้นที่ผิวแลกเปลี่ยนความรอนระหวางสารทํา
ความเย็นกับน้ําหรืออากาศ
• ควบคุมปริมาณน้ําหรืออากาศใหไหลผานขดทอแลกเปลี่ยน
ความรอนในอัตราที่เหมาะสม
• เพิ่มขนาดพื้นที่ผิวแลกเปลี่ยนความรอน
• ปรับตั้งหรือเลือกใชลิ้นลดความดันที่มีขนาดเหมาะสม
• ปรับตั้งอุณหภูมิน้ําเย็นใหสูงขึ้น
• ใชน้ําหรืออากาศที่มีอุณหภูมิต่ําเขาระบายความรอน
• ใชน้ําระบายความรอนแทนอากาศ
• ใชเครื่องอัดที่มีประสิทธิภาพสูง
• ควบคุมคุณภาพน้ําระบายความรอน
3 เพิ่มประสิทธิภาพของมอเตอร (ηm) ที่ขับ • คอมเพรสเซอรขนาดเล็ก เมือ่ มอเตอรไหมหรือมีอายุการใชงานมาก
คอมเพรสเซอรใหสูงที่สุด กวา 5 ป ควรเปลีย่ นใหมโดยใขคอมเพรสเซอรประสิทธิภาพสูง
• คอมเพรสเซอรขนาดใหญควรซอมมอเตอรไมเกิน 3 ครั้ง เพราะ
มอเตอรไหมแตละครั้งประสิทธิภาพจะลดลงประมาณ 4%
• อัดจารบีหรือสารหลอลื่นเปนประจํา
• เปลี่ยนลูกปนเมื่อหมดอายุการใชงาน
• เปลี่ยนไปใชมอเตอรประสิทธิภาพสูง
4 เพิ่มประสิทธิภาพระบบสงกําลัง (ηt ) • ปรับความตึงสายพานใหเหมาะสม
ระหวางเครื่องอัดสารทําความเย็นกับ • เปลี่ยนสารพานเมื่อหมดอายุการใชงาน
มอเตอรใหสูงที่สุด • ใสสายพานใหครบตามจํานวนที่ออกแบบ
• เลือกใชสายพานที่มีประสิทธิภาพสูง
5 ลดชั่วโมงการใชงาน เครื่องปรับอากาศ • เปดใชงานใหชาลง (Optimum Start)
• ปดกอนเลิกงานเล็กนอย (Optimum Stop)
207
หมายเลข แนวทางการประหยัดพลังงาน มาตรการทีด่ าํ เนินการ
• ปดเครือ่ งปรับอากาศในชวงเวลาไมใชงาน
• ปดเครื่องปรับอากาศชวงพักกลางวัน
• ลดจํานวนเครื่องปรับอากาศเมื่อภาระการปรับอากาศต่ํา
6 ลดพลังไฟฟาที่ใชกับอุปกรณประกอบของ • เปดใชงานในจํานวนที่เหมาะสม
ระบบปรับอากาศ (Power of Auxiliary) • เลือกใชงานอุปกรณชดุ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพสูงเปนหลัก
เชน ปมน้ํา หอผึ่งเย็น เครื่องสงหรือจายลม
• ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอุปกรณใหมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
เย็น
• ใชงานอุปกรณในจุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
• ใชอุปกรณปรับความเร็วรอบกับปมหรือพัดลม
• ทําความสะอาดอุปกรณ เชน ฟลเตอรและทอน้ํา
• ลดปริมาณน้าํ และอากาศสวนเกิน โดยใช VWV และ VAV เปนตน
7 ลดชั่วโมงการใชงานอุปกรณประกอบระบบ • ปดปมน้ําระบายความรอนและหอผึ่งกอนปดปมน้ําเย็น
ปรับอากาศ • ควบคุมเวลาการเปดเครื่องสงจายลมเย็นโดยไมเปดกอนเวลา
ทํางานนานเกินไป และปดทันทีเมื่อเลิกงาน
• ปดเครื่องสงจายลมเย็นในเวลาที่ไมมีการใชงาน
แนวทางการประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศมีดังนี้
(1) การเพิม่ ประสิทธิภาพเครือ่ งทําน้าํ เย็นโดยการเพิม่ ความดันสารทําความเย็นดานอีแอปปอเรเตอร
(2) ลดความดันสารทําความเย็นดานคอนเดนเซอร โดยการทําความสะอาดคอนเดนเซอรและการเดินหอผึง่ เย็นเพิม่
(3) การใชเครือ่ งทําน้าํ เย็นในจุดทีม่ ปี ระสิทธิภาพสูงสุด หรือเลือกเดินเครือ่ งทําน้าํ เย็นชุดทีม่ ปี ระสิทธิภาพสูงมากขึน้
(4) การเพิม่ ประสิทธิภาพเครือ่ งทําน้าํ เย็นโดยการเพิม่ อัตราการไหลของน้าํ เย็น
(5) การเปลีย่ นไปใชเครือ่ งทําน้าํ เย็นประสิทธิภาพสูง
(6) การลดการนําอากาศภายนอกเขาหรือลดการดูดอากาศภายในทิง้
(7) การลดอากาศรอนจากภายนอกรัว่ เขาหองปรับอากาศ
(8) การลดพืน้ ทีป่ รับอากาศ และการปรับอุณหภูมแิ ละความชืน้ สัมพัทธภายในหองปรับอากาศใหสงู ขึน้
(9) การลดภาระการปรับอากาศโดยการปรับปรุงระบบแสงสวาง
(10) การหรีว่ าลวทีอ่ อกจากปม เพือ่ ลดอัตราการไหลของน้าํ
(11) เลือกเดินปม น้าํ ชุดทีม่ ปี ระสิทธิภาพสูงเปนหลัก และเปลีย่ นปม น้าํ ชุดทีม่ ปี ระสิทธิภาพต่าํ ในระบบปรับอากาศ
(1) การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องทําน้ําเย็นโดยการเพิ่มความดันสารทําความเย็นดานอีแวปปอเรเตอร
การที่ความดันระเหยหรือความดันของสารทําความเย็นใน Evaporator ต่ําลงจะสงผลใหความสามารถในการทํา
ความเย็นลดลงและพลังไฟฟาจะมากขึ้น ทําใหเครื่องปรับอากาศมีคา kW/TR สูงขึ้นหรือคา COP ลดลง ดังนั้นควรเพิ่ม
ความดันของสารทําความเย็นดานต่ําใหสูงขึ้น โดยเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กอาจทําโดยการปรับตั้งลิ้นลดความดัน แต
ถาเปนเครื่องขนาดใหญ ทําโดยการปรับตั้งอุณหภูมิน้ําเย็นใหสูงขึ้น ทั่วไปในชวงที่ภาระของเครื่องต่ํากวา 80%
สามารถปรับเพิ่มอุณหภูมิน้ําเย็นได 1-3 ๐F โดยทุกๆ 1๐F ที่ปรับสูงขึ้นจะทําใหคา kW/TR ลดลง 2-4% โดยกอนที่จะ
ปรับเพิ่มอุณหภูมิเครื่องทําน้ําเย็นควรตรวจสอบและทําความสะอาดกรองอากาศและขดทอความเย็นของเครื่องสงลม
เย็นและเครื่องจายลมเย็นทั้งหมดกอน เพราะบางครั้งเมื่อเพิ่มอุณหภูมิแลวทําใหบางพื้นที่อุณหภูมิสูงเกินความตองการ
208
ซึ่งปญหาไมไดเกิดจากอุณหภูมิน้ําเย็นที่สูงเกินไปแตเกิดจากประสิทธิภาพของ AHU หรือ FCU นอกจากนั้นที่พบมาก
คืออัตราการไหลของน้ําเย็นที่เขา AHU นอยเกินไปทําใหความสามารถในการทําความเย็นของ AHU ลดลง ดังนั้นควร
สมดุลน้ําในระบบใหเหมาะสมและอีกประการหนึ่งที่พบบอยคือในพื้นที่ปรับอากาศที่ใช AHU ชุดเดียวกันพบวาบางจุด
อุณหภูมิสูงและบางจุดอุณหภูมิต่ํา ซึ่งเกิดจากการกระจายลมในพื้นที่ไมดี หรือปริมาณลมที่ออกจากหัวจายบางจุดนอย
เกินไป ซึ่งควรแกปญหาโดยการปรับตั้งหัวจายลมใหเหมาะสมและทําการสมดุลลมใหเหมาะสมกับภาระการปรับอากาศ
ในแตละจุด การปรับตั้งอุณหภูมิน้ําเย็นใหสูงขึ้นมีหลายวิธี คือ การปรับโดยใชคน และการปรับโดยอัตโนมัติ ซึ่งการปรับ
โดยอัตโนมัตินั้นสามารถทําไดโดย
1. ควบคุมจากอุณหภูมิน้ําเย็นที่กลับเขาเครื่อง
2. ควบคุมจากอากาศภายนอก
3. ควบคุมจากอุณหภูมิในพื้นที่ที่รอนที่สุดหรือพื้นที่ที่สําคัญที่สุด
จากรูปที่ 2-7.23 จะเห็นวาถาอุณหภูมิน้ําเย็นสูงขึ้นจะทําใหรอยละของ COP สูงขึ้น หรือ คา kW/TR ลดลงซึ่ง
เครื่องอัดแตละชนิดจะไดผลที่แตกตางกัน
Percentincrease in
Coefficient of performance
(base 40 ๐F)
สมการที่ใชในการคํานวณ
ความสามารถในการทําความเย็นของเครือ่ งหอผึง่ เย็น (TR) = (500 x GPM x T) / 12,000
ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็น (ChP) = kW/TR
พลังงานไฟฟาที่ลดลง (ES) = (kW/TR กอนปรับเปลี่ยน – kW/TR หลังปรับเปลี่ยน)
x ตันความเย็นเดิม x ชั่วโมงการใชงานตอป
x ตัวประกอบการทํางาน
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นแบบหอยโขงระบายความรอนดวยน้ําขนาดพิกัด 350 TR ปกติปรับตั้ง
อุณหภูมิน้ําเย็นไวที่ 45๐F เพื่อใหเกิดการประหยัดพลังงานโรงงานจึงปรับอุณหภูมิน้ําเย็นเปน 46๐F ที่ภาระโหลด 60%
โดยพื้นที่ปรับอากาศไมมีปญหา ผลการตรวจวัดกอนและหลังการปรับตั้งมีดังนี้ (ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป
ตลอดทั้งปภาระการปรับอากาศเปลี่ยนแปลงประมาณ 80% อัตราคาไฟฟา 2.95 บาทตอหนวย) [วิธีการคํานวณ 1)
กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูล ของหัวขอ 1 ใหครบถวน 2) ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
209
รายละเอียด อุณหภูมิน้ําเย็น อุณหภูมิน้ําเย็น อัตราการไหล พลังไฟฟาที่ใช
เขา(๐F) ออก (๐F) ของน้ําเย็น (kW)
(GPM)
เดิมปรับตั้งอุณหภูมิน้ําเย็นที่ 45 ๐F 51.4 45.0 631 129
ปรับตั้งอุณหภูมิน้ําเย็นใหมเปน 46 ๐F 52.3 46.2 631 116
(2) การลดความดันสารทําความเย็นดานคอนเดนเซอรโดยการทําความสะอาดคอนเดนเซอร
โรงงานสวนใหญจะทําความสะอาดคอนเดนเซอรปละ 1 ครั้ง ซึ่งนอยเกินไปเนื่องจากเมื่อใชงานตะกรันซึ่งเกิด
จากน้ําระบายความรอนจะยึดเกาะผิวทอแลกเปลี่ยนความรอนของคอนเดนเซอรหนามากขึ้นเรื่อย ทําใหประสิทธิภาพใน
การแลกเปลี่ยนความรอนระหวางสารทําความเย็นและน้ําระบายความรอนลดลง ปริมาณความรอนที่ระบายทิ้งลดลง
ความเย็นที่ไดก็จะลดลงตามไปดวย นอกจากนั้นความดันสารทําความเย็นในคอนเดนเซอรจะสูงขึ้น สงผลใหเครื่องอัดใช
พลังไฟฟามากขึ้น ดังนั้นความถึ่ในการลางจะมากนอยขึ้นอยูกับผลตางของอุณหภูมิสารทําความเย็นในคอนเดนเซอร
และอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากคอนเดนเซอร ซึ่งควรตางกันไมเกิน 4-6OF จากรูปที่ 2-7.24 จะเห็นวาเมื่อใชงานไปคา
210
kW/TR ของเครื่องจะสูงขึ้นและเมื่อลางทําความสะอาดคา kW/TR ก็จะลดลง ดังนั้นการคิดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟา
จะคิดที่ 0.5 ของพลังงานไฟฟาที่เครื่องใชสูงขึ้นจากหลังทําความสะอาดใหมๆ และถาลดความถี่ลงจากปละ 1 ครั้งเปนป
ละ 2 ครั้ง จะคิดผลการประหยัดไดครึ่งหนึ่งของการสิ้นเปลืองพลังงานจากการทําความสะอาดปละ 1 ครั้ง ปจจุบันมี
kW / TR kW / TR
Time Time
รูปที่ 2-7.24 คา kW/TR จะมากขึ้นตามระยะเวลาการใช รูปที่ 2-7.25 ผลของการทําความสะอาดปละ 2 ครั้ง
อุปกรณที่ใชทําความสะอาดอัตโนมัติ เชนใชแปรงหรือใชลูกบอลฟองน้ําหรือใชประจุไฟฟา หรือใชโอโซน
สมการที่ใชในการคํานวณ
พลังไฟฟาที่สูญเสียจากความถี่ในการทําความสะอาดเดิม
= 0.5 x (kW/TR กอนทําความสะอาด – kW/TR หลังทําความสะอาด) x ตันความเย็นเดิม x ชั่วโมงการใช
งานในชวงการทําความสะอาดเดิม x ตัวประกอบการทํางาน
พลังงานไฟฟาที่ประหยัดไดจากการเพิ่มความถี่ใน
= 1–1 / (จํานวนชั่วโมงเดิมในรอบการทําความสะอาดความถี่เดิม/จํานวนชั่วโมงในรอบความถี่ใหม) xพลัง
งานไฟฟาที่สูญเสียจากความถี่ในการทําความสะอาดเดิม
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้ําขนาดพิกัด 1,200 TR โดยปกติโรงงานทําความ
สะอาดคอนเดนเซอรปละ 1 ครั้ง จากการตรวจวัดพบวาอุณหภูมิสารทําความเย็นที่คอนเดนเซอรมาก ทําใหสูญเสียพลัง
งาน โรงงานจึงปรับแผนการทําความสะอาดใหมเปนปละ 2 ครั้ง จึงทําการตรวจวัดหาประสิทธิภาพกอนและหลังทํา
ความสะอาด ดังนี้ (ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป ตลอดทั้งปภาระการปรับอากาศเปลี่ยนแปลง 80% อัตราคา
ไฟฟา 2.95 บาทตอหนวย) [วิธีการคํานวณ 1) กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูล ของหัวขอ 1 ใหครบถวน 2) ทําการ
คํานวณตามหัวขอ 2]
รายละเอียด Condenser ความดันสาร อุณหภูมิน้ําเย็น อัตราการไหล พลังไฟฟา
Approach ทําความเย็น ออก ของน้ําเย็น ที่ใช
เขา(๐F)
Temp. (๐F) (psig) (๐F) (GPM) (kW)
กอนทําความสะอาดคอนเดนเซอร 8 12 61.0 53.2 3,100 675
หลังทําความสะอาดคอนเดนเซอร 3 10 61.0 52.5 3,330 600
211
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
ของเครื่องเปลี่ยนแปลงเทาใด
๐
1.5 อุณหภูมิน้ําเย็นเขากอนทําความสะอาด TOi F 61 จากการตรวจวัดที่ภาระสูง
๐
1.6 อุณหภูมิน้ําเย็นออกกอนทําความสะอาด TOO F 53.2 จากการตรวจวัดที่ภาระสูง
๐
1.7 อุณหภูมิน้ําเย็นเขาหลังทําความสะอาด TNI F 61 จากการตรวจวัดที่ภาระสูง
๐
1.8 อุณหภูมิน้ําเย็นออกหลังทําความสะอาด TNO F 52.5 จากการตรวจวัดที่ภาระสูง
1.9 อัตราการไหลของน้ําเย็นกอนทําความสะอาด FLO GPM 3,100 จากการตรวจวัด
1.10 อัตราการไหลของน้ําเย็นหลังทําความสะอาด FLN GPM 3,330 จากการตรวจวัด
1.11 พลังไฟฟากอนทําความสะอาด ELO kW 675 จากการตรวจวัด
1.12 พลังไฟฟาหลังทําความสะอาด ELN kW 600 จากการตรวจวัด
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการทําความเย็นกอนทําความ
สะอาด TR0 = ((500 x FLO x (TOi– TOO)) / 12,000 TRO TR 1,007.50
2.2 ความสามารถในการทําความเย็นหลังทําความ 1,179.38
สะอาด TRN = ((500 x FLN x (TNi – TNO))/12,000 TRN TR
2.3 ประสิทธิภาพของเครือ่ งทําน้าํ เย็นกอนทําความ
สะอาด ChPO = ELO /TRO ChPO kW/TR 0.67
2.4 ประสิทธิภาพของเครือ่ งทําน้าํ เย็นหลังทําความ
สะอาด ChPN = ELN/TRN ChPN kW/TR 0.51
2.5 พลังงานไฟฟาทีส่ ญ
ู เสียจากความถีใ่ นการทําความ
สะอาดเดิม
EN = 0.5 x (ChPO- ChPN) x TRO x hrO x OF EN kWh/y 232,128.00
2.6 พลังงานไฟฟาทีป่ ระหยัดไดจากการเพิม่ ความถีใ่ น
การทําความสะอาด ES = 1-1 / (hrO / hrN) x EN ES kWh/y 116,064.00
2.7 คาพลังงานไฟฟาลดลง SC = ES x EC SC B/y 342,388.80
(3) การลดความดันสารทําความเย็นดานคอนเดนเซอรโดยการเดินหอผึ่งเย็นเพิ่ม
การที่ความดันควบแนนหรือความดันของสารทําความเย็นใน Condenser สูงขึ้นจะสงผลใหความสามารถในการ
ทําความเย็นลดลง และพลังไฟฟาที่เครื่องอัดใชมากขึ้น ทําใหเครื่องปรับอากาศมีคา kW/TR สูงขึ้น หรือคา COP ของ
เครื่องลดลง ดังนั้นโรงงานควรลดความดันสารทําความเย็นดานสูงใหต่ําลง โดยเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กที่ระบาย
ความรอนดวยอากาศอาจทําโดยการทําความสะอาดขดทอความรอนเปนประจํา และควรติดตั้งในที่อากาศถายเทได
สะดวก อีกทั้งอากาศที่เขาระบายควรมีอุณหภูมิต่ําที่สุดเทาที่จะทําได นอกจากนั้นถาเปนไปไดควรเพิ่มขนาดของ
Condenser หรือเพิ่มขนาดของพัดลมระบายความรอน สวนระบบขนาดใหญที่ใชน้ําระบายความรอนควรทําความ
สะอาดคอนเดนเซอรสม่ําเสมอ โดยควบคุมไมใหผลตางของอุณหภูมิอิ่มตัวของสารทําความเย็นในคอนเดนเซอรสูงกวา
น้ําระบายความรอนที่ออกจากคอนเดนเซอรเกิน 4-6๐F นอกจากนั้นควรปรับปรุงหรือเพิ่มจํานวนการเดินหอผึ่งเย็น เพื่อ
ใหอุณหภูมิน้ําที่เขาคอนเดนเซอรต่ําที่สุดเทาที่จะทําได โดยอุณหภูมิน้ําที่ไดจากหอผึ่งเย็นควรมีอุณหภูมิสูงกวาอุณหภูมิ
กระเปาะเปยกของอากาศที่เขาระบายไมเกิน 6 ๐F นอกจากนั้นควรควบคุมอัตราการไหลของน้ําระบายความรอนที่เขา
คอนเดนเซอรใหไดตามการออกแบบของผูผลิต หรือ 3.0 GPM/TR การที่ทําใหอุณหภูมิน้ําระบายเขาเครื่องมีอุณหภูมิ
ต่ําลงทุก 1๐F จะทําใหคา kW/TR ลดลง 1-3% จากรูปที่ 2-7.26 จะเห็นวาถาอุณหภูมิควบแนนของสารทําความเย็นลง
จะสงผลใหคา COP สูงขึ้น โดยเครื่องอัดแตละชนิดจะไดผลที่ตางกัน เชนเครื่องอัดแบบสกรู ถาลดอุณหภูมิควบแนนได
10 ๐F คา COP จะเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 23%
212
รูปที่ 2-7.26 ความสัมพันธของอุณหภูมิควบแนนสารทําความเย็น
กับสัมประสิทธิ์สมรรถนะ (COP) ของเครื่องอัดแบบตางๆ
สมการที่ใชในการคํานวณ
ความสามารถในการทําความเย็นของหอผึง่ เย็น (TR) = (500 x GPM x T) / 12,000
ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็น (ChP) = kW/TR
พลังงานไฟฟาที่ลดลง (ES) = (kW/TR กอนปรับเปลี่ยน – kW/TR หลังปรับเปลี่ยน) x ตันความเย็นเดิม x ชั่ว
โมงการใชงานตอป x ตัวประกอบการทํางาน
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นแบบหอยโขงระบายความรอนดวยน้ําขนาด 350 TR ปกติเดินหอผึ่งเย็น 1
ชุด รวมกับเครื่องทําน้ําเย็น 1 ชุด อุณหภูมิน้ําระบายความรอนกอนเขาคอนเดนเซอร 90๐F อุณหภูมิน้ําที่ไดจากหอผึ่ง
เย็นสูงกวาอุณหภูมิกระเปาะเปยกของอากาศที่เขาหอผึ่งเย็น 8๐F ดังนั้นเมื่อเดินหอผึ่งเย็นเพิ่มขึ้น 1 ชุด ปริมาณน้ําที่
เขาหอผึ่งเย็นทั้งสองชุดจะลดลงจากเดิม สงผลใหอุณหภูมิน้ําที่ไดลดลงจาก 90๐F เปน 86๐F ผลการตรวจวัดกอนและ
หลังการปรับตั้ง มีดังนี้ (ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป ตลอดทั้งปภาระการปรับอากาศเปลี่ยนแปลง 80% อัตรา
คาไฟฟาตอหนวย 2.95 บาท) [วิธีคํานวณ 1) กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูล ของหัวขอ1 ใหครบถวน 2) ทําการคํานวณ
ตามหัวขอ 2]
รายละเอียด อุณหภูมิน้ําเย็น อัตราการ อุณหภูมิน้ําระบาย พลังไฟฟา พลังไฟฟา
ออก ไหลน้ําเย็น เขา(๐F) ออก(๐F) Chiller Cooling Tower
เขา(๐F)
(๐F) (GPM) (kW) (kW)
เดิมเดิน Chiller 1 ชุดและ 46.0 52.2 653.4 90.1 97.4 122 7.2
เดิน Cooling Tower 1 ชุด
ใหมเดิน Chiller 1 ชุดและ 45.7 52.2 653.4 86.2 93.6 107 15.1
เดินCooling Tower 2 ชุด (รวม 2 ชุด)
213
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟา
1.2 ชั่วโมงการใชงานตอป hrO h/y 3,600 จากการใชงานจริง
1.3 ตัวประกอบการทํางาน OF - 0.8 ตลอดทั้งปภาระการปรับ
อากาศของเครื่องเปลี่ยน
แปลงเทาใด
๐
1.4 อุณหภูมิน้ําเย็นเขากอนเดิน Cooling Tower เพิ่ม TOi F 52.2 จากการตรวจวัดทีภ่ าระสูง
๐
1.5 อุณหภูมิน้ําเย็นออกกอนเดิน Cooling Tower เพิ่ม TOO F 46 จากการตรวจวัดทีภ่ าระสูง
๐
1.6 อุณหภูมิน้ําเย็นเขาหลังเดิน Cooling Tower เพิ่ม TNI F 52.2 จากการตรวจวัดทีภ่ าระสูง
๐
1.7 อุณหภูมิน้ําเย็นออกหลังเดิน Cooling Tower เพิ่ม TNO F 45.7 จากการตรวจวัดทีภ่ าระสูง
1.8 อัตราการไหลของน้ําเย็น FLO GPM 653.4 จากการตรวจวัด
1.9 พลังไฟฟาของ Chiller กอนเดิน Cooling Tower เพิ่ม ELO kW 122 จากการตรวจวัด
1.10 พลังไฟฟาของ Chiller หลังเดิน Cooling Tower เพิ่ม ELN kW 107 จากการตรวจวัด
1.11 พลังไฟฟาของ Cooling Tower กอนเดินเพิ่ม ECTO kW 7.2 จากการตรวจวัด
1.12 พลังไฟฟาของ Cooling Tower หลังเดินเพิ่ม ECTN kW 15.1 จากการตรวจวัด
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการทําความเย็นเดิม CT เพิ่ม
TR0 = ((500 x FLO x (TOi– TOO)) / 12,000 TRO TR 168.80
2.2 ความสามารถในการทําความเย็นหลังเดิน CTเพิ่ม
TRN = ((500 x FLO x (TNi – TNO))/12,000 TRN TR 176.96
2.3 ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็นกอนเดิน
CT เพิ่ม ChPO = ELO /TRO ChPO kW/TR 0.72
2.4 ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็นหลังเดิน
CT เพิ่ม ChPN = ELN/TRN ChPN kW/TR 0.60
2.5 พลังงานไฟฟาของ CT จากการเดิน Cooling
Tower เพิ่ม ECT = (ECTN – ECTO) x hrO ECT kWh/y 28,440.00
2.6 พลังงานไฟฟาที่ลดลงตอป
ES = [(ChPO- ChPN) x TRO x hr0 x OF] - ECT ES kWh/y 29,897.28
2.7 คาพลังงานไฟฟาลดลง SC = ES x ECT SC B/y 88,196.98
(4) ใชเครื่องทําน้ําเย็นในจุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เครื่องทําน้ําเย็นที่ใชเครื่องอัดแบบหอยโขงจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อรับภาระ 80-90% ดังนั้นควรปรับตั้ง
Current Limit ไมเกิน 90% จะสงผลใหคา kW/TR ลดต่ําลง ถาเครื่องทําน้ําเย็นทํางานที่ภาระต่ํากวา 70% จะทําใหประ
สิทธิภาพของ Chiller ลดต่ําลงดวย ถาคิดประสิทธิภาพโดยรวมของระบบปรับอากาศซึ่งประกอบดวย เครื่องทําน้ําเย็น
ปมน้ําเย็น ปมน้ําระบายความรอน หอผึ่งเย็น และเครื่องสงจายลมเย็น จะเห็นวาเมื่อเครื่องทําน้ําเย็นทํางานที่ภาระต่ํา
ปริมาณความเย็นที่ไดนอย แตพลังงานไฟฟาที่ใชกับอุปกรณประกอบในระบบไมไดลดลง ดังนั้นประสิทธิภาพของระบบ
รวบรวมจะลดต่ําลง
214
Current Limit 100% Current Limit 90%
ทําความเย็นได 475 TR ทําความเย็นได 450 TR
พลังไฟฟาที่ใช 335 kW พลังไฟฟาที่ใช 304 kW
คา kW/TR 0.705 kW/TR คา kW/TR 0.676 kW/TR
รูปที่ 2-7.27 คา kW/TR ของ Chiller ลดลง เมื่อลด Current Limit
สมการที่ใชในการคํานวณ
ความสามารถในการทําความเย็นของหอผึง่ เย็น (TR) = (500 x GPM x T) / 12,000
ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็น (ChP) = kW/TR
พลังงานไฟฟาที่ลดลง (ES) = (kW/TR กอนปรับเปลี่ยน – kW/TR หลังปรับเปลี่ยน) x ตันความเย็นเดิม x ชั่ว
โมงการใชงานตอป x ตัวประกอบการทํางาน
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน RET ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นแบบหอยโขงระบายความรอนดวยน้ําขนาดพิกัด 500 TR โดยปกติปรับตั้ง
Current Limit ที่ 100% ซึ่งเปนจุดที่ประสิทธิภาพของเครื่องต่ําโรงงานจึงทําการปรับตั้ง Current Limit ใหมเปน 90%
ซึ่งจากการปรับตั้ง ไมสงผลตอภาระการปรับอากาศภายในโรงงาน ผลการตรวจวัดกอนและหลังการปรับตั้งมีดังนี้ (ใช
พลังงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป ตลอดทั้งปภาระการปรับอากาศเปลี่ยนแปลง 80% อัตราคาไฟฟา 2.95 บาทตอ
หนวย) [วิธีการคํานวณ 1) กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูล ของหัวขอ1ใหครบถวน 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายละเอียด อุณหภูมิน้ําเย็นเขา อุณหภูมิน้ําเย็นออก อัตราการไหลของน้ําเย็น พลังไฟฟาที่ใช
(๐F) (๐F) (GPM) (kW)
Current Limit 100% 55.8 46.3 1,200 335
Current Limit 90% 55.8 46.5 1,200 304
215
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟา
1.2 ชั่วโมงการใชงานตอป hr h/y 3,600 จากการใชงานจริง
1.3 ตัวประกอบการทํางาน OF - 0.8 ตลอดทั้งปภาระการปรับ
อากาศของเครื่องเปลี่ยน
แปลงเทาใด
๐
1.4 อุณหภูมิน้ําเย็นเขากอนปรับ Current Limit TOi F 55.8 จากการตรวจวัด
๐
1.5 อุณหภูมิน้ําเย็นออกกอนปรับ Current Limit TOO F 46.3 จากการตรวจวัด
๐
1.6 อุณหภูมิน้ําเย็นเขาหลังปรับ Current Limit TNI F 55.8 จากการตรวจวัด
๐
1.7 อุณหภูมิน้ําเย็นออกหลังปรับ Current Limit TNO F 46.5 จากการตรวจวัด
1.8 อัตราการไหลของน้ําเย็น FLO GPM 1,200 จากการตรวจวัด
1.9 พลังไฟฟากอนปรับ Current Limit ELO GPM 335 จากการตรวจวัด
1.10 พลังไฟฟาหลังปรับ Current Limit ELN kW 304 จากการตรวจวัด
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการทําความเย็นกอนลด Current Limit
TR0 = ((500 x FLO x (TOi– TOO)) / 12,000 TRO TR 475.00
2.2 ความสามารถในการทําความเย็นหลังลด Current Limit
TRN = ((500 x FLO x (TNi – TNO))/12,000 TRN TR 465.00
2.3 ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็นกอนปรับ
ChPO = ELO /TRO ChPO kW/TR 0.71
2.4 ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็นหลังปรับ
ChPN = ELN/TRN ChPN kW/TR 0.65
2.5 พลังงานไฟฟาที่ลดลงตอป
ES = [(ChPO- ChPN) x TRO x hr0 x OF] ES kWh/y 82,080.00
2.6 คาพลังงานไฟฟาลดลง SC = ES x ECT SC B/y 242,136.00
(5) การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องทําน้ําเย็นโดยการเพิ่มอัตราการไหลของน้ําเย็น
เครื่องทําน้ําเย็นจะมีอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนระหวางสารทําความเย็นกับน้ําเรียกวา Cooler ดังนั้นสิ่งที่
สําคัญคือ ประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนความรอน ซึ่งเครื่องทําน้ําเย็นที่ผานการใชงานมาระยะหนึ่งประสิทธิภาพใน
การแลกเปลี่ยนความรอนจะลดลง ซึ่งอาจเกิดจากความสกปรกของพื้นที่ผิวแลกเปลี่ยนความรอน อัตราการไหลของน้ํา
เย็นหรือปริมาณสารทําความเย็นในระบบ โดยทั่วไป Cooler จะออกแบบมาที่อตั ราการไหลของน้ําเย็น 2.4 GPM/TR ที่
อุณหภูมิน้ําเย็นเขาออกที่ภาระเต็มพิกัด 10 OF แตมีบางแหงออกแบบที่ ΔT สูงกวา 10 OF ดังนั้นอัตราการไหลจะต่ํา
กวา 2.4 GPM/TR และถาออกแบบที่ ΔT ต่ํากวา 10 OF อัตราการไหลจะสูงกวา 2.4 GPM/TR ดังนั้นควรดูคาจากผูผลิต
หรือคูมือแลวทําการปรับตั้งใหไดตามมาตรฐานการออกแบบเพราะเปนจุดที่ประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนความรอนสูง
ที่สุด จะสงผลใหความสามารถในการทําความเย็นสูงขึ้นและคา kW/TR ลดต่ําลง นอกจากนั้นตัวที่จะบอกถึงสิ่งผิดปกติ
ทางดานน้ําเย็นคือ Evaporator Approach Temperature คือผลตางอุณหภูมิสารทําความเย็นอิ่มตัวใน Cooler กับ
อุณหภูมิน้ําเย็นที่ไดควรตางกันไมเกิน 1.5-2OC
216
คูลเลอร
สมการที่ใชในการคํานวณ
ความสามารถในการทําความเย็นของเครือ่ งทําน้าํ เย็น (TR) = (500 x GPM x T) / 12,000
ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็น (ChP) = kW/TR
พลังงานไฟฟาที่ลดลง (ES) = (kW/TR กอนปรับเปลี่ยน – kW/TR หลังปรับเปลี่ยน) x ตันความเย็นเดิม x ชั่ว
โมงการใชงานตอป x ตัวประกอบการทํางาน
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้ําขนาด 500 TR โดยปรับตั้ง Current Limit ที่
100% จากการตรวจวัดพบวาอัตราการไหลของน้ําเย็น 1,011 แกลลอนตอนาที ต่ํากวาพิกัดโดยพิกัดอยูที่ 2.4x500 =
1,200 แกลลอนตอนาที จึงมีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพโดยการเพิ่มอัตราการไหลของน้ําเย็นใหสูงขึ้น ผลการ
ตรวจกอนและหลังการปรับตั้งมีดังนี้ (ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป ตลอดทั้งปภาระการปรับอากาศเปลี่ยนแปลง
80% อัตราคาไฟฟา 2.95 บาทตอหนวย) [วิธีการคํานวณ 1) กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของหัวขอ 1 2) ทําการ
คํานวณตามหัวขอ 2]
รายละเอียด Current อุณหภูมิ อุณหภูมิน้ําเย็น อัตราการไหลของ พลังไฟฟาที่ใช
๐
Limit (%) น้ําเย็นเขา ( F) ออก (๐F) น้ําเย็น (GPM) (kW)
กอนเพิ่มปริมาณน้ําเย็น 100 55.5 45.1 1,010 327
หลังเพิ่มปริมาณน้ําเย็น 100 55.8 46.3 1,200 335
217
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1.8 อัตราการไหลของน้ําเย็นกอนเพิ่มปริมาณน้ํา FLO GPM 1,010 จากการตรวจวัด
1.9 อัตราการไหลของน้ําเย็นหลังเพิ่มปริมาณน้ํา FLN GPM 1,200 จากการตรวจวัด
1.10 พลังไฟฟากอนเพิ่มปริมาณน้ํา ELO kW 327 จากการตรวจวัด
1.11 พลังไฟฟาหลังเพิ่มปริมาณน้ํา ELN kW 335 จากการตรวจวัด
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการทําความเย็นเดิม
TR0 = ((500 x FLO x (TOi– TOO)) / 12,000 TRO TR 437.67
2.2 ความสามารถในการทําความเย็นหลังเพิม่ น้าํ เย็น
TRN = ((500 x FLO x (TNi – TNO))/12,000 TRN TR 475.00
2.3 ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็นกอนปรับ
ChPO = ELO /TRO ChPO kW/TR 0.75
2.4 ประสิทธิภาพของเครือ่ งทําน้าํ เย็นหลังเพิม่ น้าํ เย็น
ChPN = ELN/TRN ChPN kW/TR 0.71
2.5 พลังงานไฟฟาที่ลดลงตอป
ES = [(ChPO- ChPN) x TRO x hr0 x OF] ES kWh/y 50,419.58
2.6 คาพลังงานไฟฟาลดลง SC = ES x ECT SC B/y 148,737.76
(6) การเลือกเดินเครื่องทําน้ําเย็นชุดที่ประสิทธิภาพสูงมากขึ้น
โรงงานสวนใหญติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นหลายชุดเพื่อสลับการเดินโดยไมคํานึงถึงประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ํา
เย็นแตละชุด ดังนั้นชวงเวลาใดที่เดินชุดที่มีประสิทธิภาพต่ําอาจเกิดปญหาความเย็นไมเพียงพอกับการใชงานและมีการ
ใชพลังงานไฟฟาในชวงนั้นสูง โรงงานควรตรวจวัดและวิเคราะหประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็นอยางนอยทุก 6 เดือน
เพื่อจัดแผนการเดินเครื่องทําน้ําเย็นโดยเดินชุดที่มีประสิทธิภาพสูงใหมากและลดการเดินเครื่องมีประสิทธิภาพต่ํา
เครื่องทําน้ําเย็นชุดที่ 1 เครื่องทําน้ําเย็นชุดที่ 2 เครื่องทําน้ําเย็นชุดที่ 1 เครื่องทําน้ําเย็นชุดที่ 2
CH-1 CH-2 CH-1 CH-2
สมการที่ใชในการคํานวณ
ความสามารถในการทําความเย็นของเครือ่ งทําน้าํ เย็น (TR) = (500 x GPM x T) / 12,000
ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็น (ChP) = kW/TR
พลังงานไฟฟาที่ลดลง (ES) = (kW/TR ชุดที่ลดการเดิน - kW/TR ชุดที่เพิ่มการเดิน) x ตันทําความเย็นเฉลี่ย x ชั่ว
โมงการใชงานชุดประสิทธิภาพสูงที่เพิ่มขึ้น x ตัวประกอบการทํางาน
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้ําขนาดพิกัด 1,200 TR จํานวน 2 ชุด โดยปกติจะ
เดินสลับไปมาในสัดสวนที่เทากัน หลังจากปรับปรุงสภาพของเครื่องทั้ง 2 ชุด อยางสมบูรณแลวไดทําการตรวจวัดและ
วิเคราะหหาประสิทธิภาพเพื่อนํามาจัดการเดินเพื่อการประหยัดพลังงานโดยจะเดินชุดทีม่ คี า kW/TR ต่าํ ทีส่ ดุ เปนหลักเพิม่
218
ขึน้ จาก 50% เปน 75% ผลการตรวจวัดมีดงั นี้ (ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป ตลอดทั้งปภาระการปรับอากาศ
เปลี่ยนแปลงประมาณ 80% อัตราคาไฟฟา 2.95 บาทตอหนวย) [วิธกี ารคํานวณ 1) กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของ
หัวขอ1 2) ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายละเอียด อุณหภูมนิ า้ํ เย็นเขา อุณหภูมิน้ําเย็นออก อัตราการไหลของน้าํ เย็น พลังไฟฟาที่ใช
(๐F) (๐F) (GPM) (kW)
เครื่องทําน้ําเย็นชุดที่ 1 61 52 3,100 650
เครื่องทําน้ําเย็นชุดที่ 2 60 52 3,100 675
219
(7) การเปลี่ยนไปใชเครื่องทําน้ําเย็นประสิทธิภาพสูง
เครื่องทําน้ําเย็นเปนอุปกรณที่ใชพลังงานสูงที่สุดในระบบปรับอากาศ ดังนั้นเครื่องที่มีอายุการใชงานมากกวา 15
ป ควรพิจารณาเปลี่ยนใหมเนื่องจากประสิทธิภาพของเครื่องจะต่ํามากจนไมคุมคาที่จะใชงานตอไป ถานําคาใชจายใน
การบํารุงรักษามาพิจารณาดวยแลวเห็นวาไมคุมคาในการใชงาน นอกจากนั้นโดยเทคโนโลยีปจจุบันสามารถสรางเครื่อง
ทําน้ําเย็นใหมีประสิทธิภาพสูงถึง 0.5 kW/TR และยังใชสารทําความเย็นที่ไมทําลายชั้นโอโซน (Non CFC)
สมการที่ใชในการคํานวณ
ความสามารถในการความเย็นของเครือ่ งทําน้าํ เย็น (TR) = (500 x GPM x T) / 12,000
ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็น (ChP) = kW/TR
kW = พลังไฟฟาที่เครื่องทําน้ําเย็นใชที่ภาระ 80-90% (kW)
พลังงานไฟฟาที่ลดลง (ES) = (kW/TR เดิม - kW/TR ใหม)x ตันความเย็นx ชัว่ โมงการใชงานตอป
x ตัวประกอบการทํางาน
เมื่อ GPM = อัตราการไหลของน้ําเย็นเขาหรือออกจาก Cooler
ΔT = ผลตางอุณหภูมิน้ําเย็นที่เขาและออกจาก Cooler ที่ภาระ 80-90% (๐F)
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งเครื่องทําน้ําเย็นระบายความรอนดวยน้ําขนาด 400 TR มีอายุใชงาน 17 ป และชํารุดบอย
มากจึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนใหม จากการตรวจวัดขณะที่เครื่องทํางานที่ภาระสูงสุดไดอุณหภูมิน้ําเย็นเขาเครื่อง 53๐F
และออกที่ 46.5๐F อัตราการไหลของน้ําเย็น 1,020 แกลอนตอนาที พลังไฟฟาที่ใช 269 กิโลวัตต ใชงานวันละ 12 ชั่ว
โมง 300 วันตอป ตลอดทั้งปภาระการปรับอากาศเปลี่ยนแปลง 80% อัตราคาไฟฟา 2.95 บาทตอหนวย ถาโรงงาน
เปลี่ยนเครื่องใหมซึ่งมีคา kW/TR 0.50 kW/TR จะสงผลใหเกิดการประหยัดพลังงานเทาใด [วิธีคํานวณ 1) กรอกขอมูล
ลงไปในชองขอมูลของหัวขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2 การวิเคราะหขอมูลในตาราง]
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟา
1.2 ชั่วโมงการใชงานตอป hr h/y 3,600 จากการใชงานจริง
1.3 ตัวประกอบการทํางาน OF - 0.8 ตลอดทั้งปภาระการปรับ
อากาศของเครื่องเปลี่ยน
แปลงเทาใด
1.4 คา kW/TR ของเครื่องทําน้ําเย็นใหม ChPN kW/TR 0.5 จากขอมูลผูผลิต
๐
1.5 อุณหภูมิน้ําเย็นเขาเครื่อง Ti F 53 จากการตรวจวัดที่ภาระสูง
๐
1.6 อุณหภูมิน้ําเย็นออกเครื่อง To F 46.5 จากการตรวจวัดที่ภาระสูง
1.7 อัตราการไหลของน้ําเย็น FL GPM 1,020 จากการตรวจวัด
1.8 พลังไฟฟาที่เครื่องทําน้ําเย็นใช EL kW 269 จากการตรวจวัดที่ภาระสูง
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ความสามารถในการทําความเย็นเดิม
TR = ((500 x FL x (Ti– To)) / 12,000 TR TR 276.25
2.2 ประสิทธิภาพของเครื่องทําน้ําเย็นเกา ChPO = EL/TR ChPO kW/TR 0.97
2.3 พลังงานไฟฟาที่ลดลงตอป
220
ES = (ChPO – ChPN) x TR x hr x OF ES kWh/y 373,932.00
2.4 คาพลังงานไฟฟาลดลง SC = ES x ECT SC B/y 1,103,099.40
(8) การลดการนําอากาศภายนอกเขาหรือลดการดูดอากาศภายในทิ้ง
การดูดอากาศภายในออก (Exhaust air) หรือการนําอากาศภายนอกเขา (Out door air) เปนผลใหเพิ่มภาระใน
การปรับอากาศ ดังนั้นถาอากาศภายในไมสกปรก ควรลดปริมาณอากาศที่ปลอยทิ้ง และถาเปนหองปรับอากาศสําหรับ
คนปริมาณ CO2 ที่เกิดจากการหายใจไมควรเกิน 2% โดยปริมาตรหรือไมเกิน 200 ppm ซึ่งแตละคนจะทําใหเกิด CO2
จากการหายใจประมาณ 0.5-0.6 ลูกบาศกฟุตตอชั่วโมงเทานั้น ดังนั้นหองที่คนไมแออัดมากก็ไมจําเปนตองระบาย
อากาศและถาตองระบายอากาศก็ไมควรเกิน 5-30 ลูกบาศกฟุตตอนาทีตอคน
สมการที่ใชในการคํานวณ
อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน (QE) = (4.5 x CFM x Δh)/12,000
QE = อัตราการสิน้ เปลืองพลังงาน (TR)
เมื่อ CFM = อัตราการไหลของอากาศเย็นที่ดูดทิ้งหรืออากาศภายนอกที่สงเขา (ft3/min)
Δh = ความแตกตางของเอนธาลประหวางอากาศภายนอกและอากาศภายใน (Btu/lb)
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON มีการติดตัง้ พัดลมดูดอากาศทิง้ จากในหองปรับอากาศ จากการตรวจวัดความเร็วลมและพืน้ ที่
หนาตัดของพัดลมแลวคํานวณหาปริมาณอากาศเย็นทีด่ ดู ทิง้ มีปริมาณ 12,000 ลูกบาศกฟตุ ตอนาที ระบบปรับอากาศที่
ติดตัง้ ใชงานจากการตรวจวัดมีคา kW/TR 1.25 kW/TR อัตราคาไฟฟาเฉลีย่ 2.95 บาทตอหนวย พัดลมดูดอากาศทิง้ วันละ
12 ชัว่ โมง 300 วันตอป ตรวจวัดอุณหภูมอิ ากาศภายนอกได 35๐F ความชืน้ สัมพัทธ 65%RH และตรวจวัดอุณหภูมิ
อากาศภายในได 22๐F ความชืน้ สัมพัทธ 45%RH โรงงานมีแผนลดปริมาณการดูดอากาศทิง้ จากเดิม 50% จะทําใหเกิด
การประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศเทาใด [วิธคี ํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณ
ตามหัวขอ 2]
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 คา kW/TR ของระบบปรับอากาศ ChP kW/TR 1.25 จากการตรวจวัดและวิเคราะห
ระบบปรับอากาศที่ใช
1.2 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟาของโรงงาน
1.3 ชั่วโมงการใชงานพัดลมดูดหรือเปาตอป hr h/y 3,600 ชั่วโมงการเปดใชงานจริงของพัดลม
221
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1.4 อัตราการไหลของอากาศที่ดูดหรือเปา F CFM 12,000 ตรวจวัดความเร็วลมแลวคูณดวย
พื้นที่หนาตัดที่ลมผาน
๐
1.5 อุณหภูมิอากาศภายนอก TO C 35 ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศภายนอก
1.6 ความชื้นสัมพัทธอากาศภายนอก RHO % 65 ตรวจวัดความชื้นสัมพัทธอากาศภายนอก
๐
1.7 อุณหภูมิอากาศภายใน Ti C 22 ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศภายใน
1.8 ความชื้นสัมพัทธอากาศภายใน RHi % 45 ตรวจวัดความชื้นสัมพัทธอากาศภายใน
1.9 รอยละการลดการเดินพัดลมระบายอากาศ Rd % 50 ขอมูลการใชงานจริง
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 เอนธาลปอากาศภายนอก hi Btu/Ib 48.62
2.2 เอนธาลปอากาศภายใน ho Btu/Ib 25.30
2.3 อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน
QE = (4.5 x CFM x Dh)/12,000 QE TR 104.93
2.4 พลังงานไฟฟาทีร่ ะบบปรับอากาศ
สิน้ เปลืองตอป
EL = ChP x QE x hr EL kWh/y 472,185.00
2.5 พลังงานไฟฟาที่ประหยัดไดเมื่อลดการ
เปดพัดลมระบายอากาศลง
ES = EL x Rd /100 ES kWh/y 236,092.50
2.6 คาพลังงานลดลง SC = ES x EC SC B/y 696,472.88
(9) การลดอากาศรอนจากภายนอกรั่วเขาหองปรับอากาศ
อากาศภายนอกมีอุณหภูมิสูงกวาอากาศภายในดังนั้นถาหองปรับอากาศมีรอยรั่วบริเวณขอบประตูหนาตาง จะ
ทําใหอากาศภายนอกดันเขาสูภายในหอง สงผลใหภาระการปรับอากาศสูงขึ้น นอกจากนั้นถาความเร็วของอากาศภาย
นอกสูงก็จะทําใหอากาศรอนผานรูรั่วไดมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปจะคํานวณจากความเร็วของอากาศ 2,200 ฟุตตอนาที่
โดยทั่วไปขอบประตูหนาตางจะมีอากาศรั่ว 0.5 CFM/ft crack และอากาศรั่วเขาขณะเปดประตูโดยทั่วไปบานสวิงไมมี
ซุมหนาประตู 900 ft3/person และประตูบานสวิงที่มีซุมหนาประตู 60 ft3/person
สมการที่ใชในการคํานวณ
อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน (QC) = (4.5 x CFM x Δh)/12,000
เมื่ อ QC = อั ต ราการสิ้น เปลือ งพลัง งานจากการรั่ว ของประตูห น า ตา ง(TR)
CFM = อัตราการไหลของอากาศรอนที่รั่วเขาหองปรับอากาศ (ft3/min)
222
Δh = ความแตกตางของเอนธาลประหวางอากาศภายนอกและอากาศภายใน (Btu/lb)
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON มีประตูที่เปดสูภายนอกกวาง 3.0 ฟุต สูง 6.0 ฟุต จํานวน 6 ชุด และหนาตางกวาง 2.0 ฟุต
สูง 4.0 ฟุต จํานวน 30 ชุด ระบบปรับอากาศที่ติดตั้งใชงานจากการตรวจวัดมีคา kW/TR 1.25 kW/TR อัตราคาไฟฟา
2.95 บาทตอหนวย ทํางานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศภายนอกได 35๐ แC ความชื้นสัมพัทธ
65%RH และตรวจวัดอุณหภูมิอากาศภายในได 22๐C ความชื้นสัมพัทธ 45%RH โรงงานคิดวาจะซอมรูรั่วตามขอบ
ประตูหนาตางที่เสื่อมสภาพโดยคาดวาจะลดปริมาณอากาศรั่วลง 70% จะทําใหเกิดการประหยัดพลังงานในระบบปรับ
อากาศเทาใด [วิธคี ํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 คา kW/TR ของระบบปรับอากาศ ChP kW/TR 1.25 จากการตรวจวัดและวิเคราะหระบบ
ปรับอากาศที่ใช
1.2 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟาของโรงงาน
1.3 ชั่วโมงการใชงานพัดลมดูดหรือเปาตอป hr h/y 3,600 ชั่วโมงการเปดใชงานจริงของพัดลม
1.4 ความยาวชองขอบประตูหนาตางทั้งหมด L ft 468 ตรวจวัดความเร็วลมแลวคูณดวยพื้นที่
หนาตัดที่ลมผาน
๐
1.5 อุณหภูมิอากาศภายนอก TO C 35 ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศภายนอก
1.6 ความชื้นสัมพัทธอากาศภายนอก RHO % 65 ตรวจวัดความชื้นสัมพัทธอากาศ
ภายนอก
๐
1.7 อุณหภูมิอากาศภายใน Ti C 22 ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศภายใน
1.8 ความชื้นสัมพัทธอากาศภายใน RHi % 45 ตรวจวัดความชื้นสัมพัทธอากาศภาย
ใน
1.9 รอยละอากาศรั่วที่ลดลง Rd % 70 ขอมูลการใชงานจริง
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 เอนธาลปอากาศภายนอก hi Btu/Ib 48.62
2.2 เอนธาลปอากาศภายใน ho Btu/Ib 25.30
2.3 อัตราการอากาศรั่วผานหนาตางและประตู
QL = 0.5 x L QL CFM 234.00
2.4 อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน
QC = (4.5 x CFM x Dh)/12,000 QC TR 2.05
2.5 พลังงานไฟฟาที่ระบบปรับอากาศ 9,225.00
สิ้นเปลืองตอป EL = ChP x QC x hr EL kWh/y
2.6 พลังงานไฟฟาที่ประหยัดไดเมื่อลดการ
เปดพัดลมระบายอากาศลง
ES = EL x Rd /100 ES kWh/y 6,457.50
2.7 คาพลังงานลดลง SC = ES x EC SC B/y 19,049.63
(10) การลดพื้นที่ปรับอากาศ
223
ภาระการปรับอากาศมีอยูสองสวนคือภาระภายในจากคนแลอุปกรณที่ใชพลังงาน อีกสวนหนึ่งคือภาระภายนอก
เกิดจากพลังงานความรอนจากดวงอาทิตย สภาวะอากาศภายนอก และอากาศภายนอกที่รั่วเขาหรือนําเขามาในพื้นที่
ปรับอากาศ ดังนั้นการลดพื้นที่ปรับอากาศลงโดยการกั้นหองจะสงผลใหลดภาระการปรับอากาศจากภายนอก
สมการที่ใชในการคํานวณ
รอยละพืน้ ทีห่ อ งปรับอากาศทีล่ ดลง = (พืน้ ทีห่ อ งปรับอากาศทีล่ ดลง/พืน้ ทีห่ อ งปรับอากาศเดิม) x 100
พลังงานไฟฟาลดลงจากการกั้นหอง = รอยละพื้นที่หองปรับอากาศที่ลดลง x ตันความเย็นรวมที่เครื่องปรับอากาศ
ทําได x คา kW/TR ของเครื่องปรับอากาศที่ใชxชั่วโมงทํางานตอปของเครื่อง
ปรับอากาศ x ตัวประกอบการทํางานของเครื่องปรับอากาศ
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON มีพื้นที่ปรับอากาศ 500 ตารางเมตร แตใชงานจริง 400 ตารางเมตร จึงทําการกั้นหองเพื่อลด
ขนาดพื้นที่ปรับอากาศ จากการตรวจวัดเครื่องปรับอากาศทั้งหมดพบวามีความสามารถในการทําความเย็นรวม 35 ตัน
ความเย็น มีคา kW/TR เฉลี่ย 1.25 kW/TR คอมเพรสเซอรทํางานเฉลี่ย 80% โรงงานเปดใชเครื่องปรับอากาศวันละ 12
ชั่วโมง 300 วันตอป อัตราคาไฟฟา 2.95 บาทตอหนวย จะประหยัดพลังงานไดเทาใด [วิธคี ํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไป
ในชองขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟา
1.2 ชั่วโมงการเปดใชงานตอป hr h/y 3,600 ชั่วโมงการเปดใชงานจริง
1.3 คา kW/TR ของระบบปรับอากาศ จากการตรวจวัดประสิทธิภาพของ
ChP kW/TR 1.25 เครื่องปรับอากาศทั้งหมด
1.4 ตันทําความเย็นรวมทีเ่ ครือ่ งปรับอากาศทําได TR TR 35 จากการตรวจวัดความสามารถการทํา
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศ
1.5 ตัวประกอบการทํางานของเครือ่ งปรับอากาศ OF - 0.8 ประเมินจากการทํางานของ
คอมเพรสเซอร ถาเดินตลอดเวลา OF
= 1.0
1.6 พื้นที่ปรับอากาศเดิม AO m2 500 ใชตลับเมตรวัดพื้นที่
1.7 พื้นที่ปรับอากาศที่ลดลง AR m2 100 ใชตลับเมตรวัดพื้นที่
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 รอยละพื้นที่หองปรับอากาศที่ลดลง
224
RA = ( AR / AO) x 100 RA % 20.00
2.2 พลังงานไฟฟาที่ลดลงตอปจากการกั้นหอง
ES = (RA/100) x TR x ChP x hr x OF Es kWh/y 25,200.00
2.3 คาพลังงานลดลง SC = ES x EC SC B/y 74,340.00
(11) การปรับอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธภายในหองปรับอากาศใหสูงขึ้น
เครื่องปรับอากาศจะตองนําความรอนสัมผัสและความรอนแฝงที่เกิดขึ้นภายในหองทิ้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิและ
ความชื้นใหไดตามตองการ ถาทําการปรับตั้งอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธต่ําเกินไป จะทําใหภาระการปรับอากาศสูง
ขึ้น สงผลใหสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น
สมการที่ใชในการคํานวณ
พลังงานไฟฟาที่ประหยัดไดตอป (kWh/y) = (พลังงานไฟฟากอนปรับตัง้ ตอวัน – พลังงานไฟฟาหลังปรับตัง้ ตอ
วัน) xจํานวนวันใชงานเครือ่ งปรับอากาศ x ตัวประกอบโหลดตามฤดูกาล
รอยละการประหยัดพลังงาน = (พลังงานไฟฟากอนปรับตั้ง – พลังงานไฟฟาหลังปรับตัง้ )/พลังงาน
ไฟฟากอนปรับตัง้
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ทําการปรับตั้งอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธภายในพื้นที่ปรับอากาศจาก 22๐C และ 45%RH
เปน 25๐C และ 55%RH โดยติดตั้งมิเตอรวัดพลังงานไฟฟาปรากฏวากอนปรับตั้งเครื่องปรับอากาศใชพลังงานไฟฟา
225 กิโลวัตตชั่วโมงตอวัน และหลังจากปรับตั้งใชพลังงานไฟฟา 199 กิโลวัตตชั่วโมงตอวันโรงงานทํางานวันละ 12 ชั่ว
โมง 300 วันตอป อัตราคาไฟฟา 2.95 บาทตอหนวย จะประหยัดพลังงานเทาใด [วิธคี ํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไปในชอง
ขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
1.1 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟาของโรงงาน
1.2 จํานวนวันใชงานเครื่องปรับอากาศตอป D d/y 300 ชัว่ โมงการเปดใชงานเครือ่ งปรับอากาศจริง
1.3 ตัวประกอบโหลดตามฤดูกาล LF % 80 ประเมินจากภาระความรอนที่เปลี่ยน
แปลงตลอดทั้งป
1.4 พลังงานที่บันทึกกอนปรับตั้งตอวัน EL1 kWh/d 225 อานมิเตอรการใชพลังงานของเครื่องปรับ
อากาศ
1.5 พลังงานที่บันทึกหลังปรับตั้งตอวัน EL2 kWh/d 199 อานมิเตอรการใชพลังงานของเครื่องปรับ
อากาศ
2. การวิเคราะหขอมูล
225
2.1 พลังงานไฟฟาที่ใชลดลงตอป
ES = (EL1 – EL2) x d x (LF/100) RA kWh/y 6,240.00
2.2 รอยละพลังงานไฟฟาที่ลดลง
EP = (( EL1 – EL2)/EL1) x 100 Es % 11.56
(12) การลดภาระการปรับอากาศโดยการปรับปรุงระบบแสงสวาง
ระบบแสงสวางที่เปดใชงานในหองปรับอากาศถือเปนภาระในการปรับอากาศเพราะพลังงานที่ระบบแสงสวางใช
จะกลายเปนพลังงานความรอน ดังนั้นควรทําการปรับปรุงระบบแสงสวางใหมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะทําใหใชพลังงาน
ไฟฟาในระบบแสงสวางนอยลงแลวยังสามารถลดการใชพลังงานในระบบปรับอากาศดวย
เกิดพลังงานความรอน 100 x 3.4 = 340 Btu/h เกิดพลังงานความรอน 3.4 x 36 x 1.25 = 153 Btu/h
รูปที่ 2-7.37 อินแดนเดสเซนตไมมีบัลลาสต รูปที่ 2-7.38 หลอดฟลูออเรสเซนตคิดความรอน
ที่เกิดจากบัลลาสต 25%
สมการที่ใชในการคํานวณ
หลอดที่มีบัลลาสตทุกชนิดใหนําขนาดของหลอด (W) คูณดวย 1.25 เพราะบัลลาสตจะเกิดความรอนประมาณ 25%
พลังงานความรอนที่เกิดจากระบบแสงสวางกอนปรับปรุงตอป (Btuh/y)
= พลังไฟฟาที่หลอดใชเดิม x 1.25 (เฉพาะกรณีมีบัลลาสต) x 3.4 x ชั่วโมงใชงานตอป
พลังงานความรอนที่เกิดจากระบบแสงสวางหลังปรับปรุงตอป (Btuh/y)
= พลังไฟฟาที่หลอดใชใหม x 1.25 (เฉพาะกรณีมีบัลลาสต) x 3.4 x ชั่วโมงใชงานตอป
พลังงานความรอนที่ลดลงตอป (Btuh/y)
= พลังงานความรอนที่เกิดจากระบบแสงสวางกอนปรับปรุงตอป – พลังงานความรอนที่เกิดจาก
ระบบแสงสวางหลังปรับปรุงตอป
พลังงานไฟฟาที่ลดลงตอป (kWh/y)
= (พลังงานความรอนที่ลดลงตอป / 12,000) x คา kW/TR ของระบบปรับอากาศ
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ทําการปรับปรุงระบบไฟฟาแสงสวางเพื่อใหเกิดการประหยัดพลังงาน เดิมติดตั้งหลอดฟลูออ
เรสเซนต 3.6 วัตต จํานวน 500 หลอด คิดเปนวัตตรวม 18,000 วัตต หลังจากทําการติดตั้งแผนสะทอนแสงแลวจํานวน
หลอดไฟฟาลดลงเหลือ 300 หลอด คิดเปนวัตตที่ใช 10,800 วัตต ระบบแสงสวางเปดใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วัน
ตอป อัตราคาไฟฟาตอหนวย 2.95 บาท และระบบปรับอากาศมีคา kW/TR 1.25 kW/TR โรงงานจะประหยัดพลังงาน
ไฟฟาในระบบปรับอากาศเทาใด [วิธคี ํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1. ขอมูลเบื้องตน
226
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
1.1 คาไฟฟาเฉลี่ยตอหนวย EC B/kWh 2.95 จากใบแจงหนี้คาไฟฟาของโรงงาน
1.2 คา kW/TR ของระบบปรับอากาศ จากการตรวจวัดประสิทธิภาพของ
ChP kW/TR 1.25 ระบบปรับอากาศ
1.3 พลังงานไฟฟารวมที่หลอดใชเดิม ELO W 18,000 ผลรวมจากขนาดหลอดไฟฟาทั้งหมด
ที่เปดใชงานกอนปรับปรุง
1.4 พลังงานไฟฟารวมที่หลอดใชใหม ELN W 10,800 ผลรวมจากขนาดหลอดไฟฟาทั้งหมด
ที่เปดใชงานหลังปรับปรุง
1.5 ชั่วโมงการเปดใชงานตอป hr h/y 3,600 ชั่วโมงการเปดใชงานจริง
1.6 ตัวคูณกรณีเปนหลอดไฟฟาที่มีบัลลาสต FC - 1.25 กรณีหลอดไฟฟามีบัลลาสตใหคูณวัตต
รวมดวย 1.25
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 พลังงานความรอนที่เกิดจากระบบ
แสงสวางกอนปรับปรุงตอป
EO = ELO x FC x 3.4 x hr EO Btuh/y 275,400,000.00
2.2 พลังงานความรอนที่เกิดจากระบบ
แสงสวางหลังปรับปรุงตอป
EN = ELN x FC x 3.4 x hr EN Btuh/y 165,240,000.00
2.3 พลังงานความรอนที่ลดลงตอป
ES = E O - E N ES Btuh/y 110,160,000.00
2.4 พลังงานไฟฟาที่ลดลงตอป
ELS = (ES/12,0000) x ChP ELS kWh/y 11,475.00
2.5 คาพลังงานลดลง SC = ES x EC SC B/y 33,851.25
(13) การหรี่วาลวที่ออกจากปมเพื่อลดอัตราการไหลของน้ํา
เครื่องทําน้ําเย็นตองการอัตราการไหลของน้ําเพื่อเขาไปแลกเปลี่ยนความรอนกับสารทําความเย็นในอัตราที่
เหมาะสมตามการออกแบบอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน ซึ่งโดยทั่วไปน้ําเย็นประมาณ 2.4 GPM/TR ที่ T 10 OF และ
น้ําระบายความรอนที่ 3.0 GPM/TR ดังนั้นถาอัตราการไหลของน้ําต่ําหรือสูงกวาพิกัดมาก จะสงผลใหประสิทธิภาพแลก
เปลี่ยนความรอนลดลง ทําใหเครื่องมีคา kW/TR สูงขึ้น ดังนั้นควรทําการตรวจวัดและปรับอัตราการไหลของน้ําใหเหมาะ
สมในการปรับอัตราการไหลของน้ําใหลดต่ําลง อาจทําโดยวิธีการหรี่วาลวน้ําที่ออกจากปมน้ําหรือการลดรอบปมน้ําหรือ
การลดขนาดใบพัดของปม หรือการเปลี่ยนปมน้ําใหมซึ่งในแตละวิธีจะไดผลการประหยัดพลังงานและผลตอบแทนการ
ลงทุนที่แตกตางกัน
สมการที่ใชในการคํานวณ
227
พลังไฟฟาที่ลดลง = พลังไฟฟาเดิมที่ปมใช - พลังไฟฟาใหมที่ปมใช
พลังงานไฟฟาที่ลดลง = พลังไฟฟาที่ลดลง x ชั่วโมงการใชงานรอบปม
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งปมน้ําเย็น 45 กิโลวัตต จํานวน 3 ชุด โดยตอแบบขนานเพื่อจายใหกับเครื่องทําน้ําเย็น
ขนาด 350 TR จํานวน 3 ชุด โดยเครื่องทําน้ําเย็นแตละชุดตองการอัตราการไหลของน้ําเย็นรวมกัน 2,520 แกลลอนตอ
นาที แตจากการตรวจวัดอัตราการไหลของน้ําที่ออกจากเครื่องทําน้ําเย็นแตละชุดพบวามีอัตราการไหลรวมกัน 3,513
แกลลอนตอนาที ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป อัตราคาไฟฟาตอหนวย 2.95 บาท จึงทําการหรี่วาลวน้ําที่ออก
จากปม น้าํ เย็นจนไดอตั ราการไหลของแตละชุดรวมกัน 2,580 แกลลอนตอนาที และพลังไฟฟาทีป่ ม แตละชุดใชแสดงดังนี้ [วิธี
คํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
ปมน้ําเย็น พลังงานไฟฟากอนหรี่วาลว(kW) พลังงานไฟฟาหลังหรี่วาลว(kW)
CHP-1 42.1 33.0
CHP-2 42.3 34.0
CHP-3 41.4 34.7
228
2.2 พลังไฟฟารวมหลังหรี่วาลว
SELN = ELN1 + ELN2 + ELN3 SELN kW 101.70
2.3 พลังไฟฟาลดลง ELS = SELO – SELN ELS kW 24.10
2.4 พลังงานไฟฟาลดลง ES = ELS x hr ES kWh/y 86,760.00
2.5 คาพลังงานไฟฟาลดลง SC = ES x EC SC B/y 255,942.00
(14) การเลือกเดินปมน้ําชุดที่มีประสิทธิภาพสูงเปนหลัก
ในระบบปรับอากาศขนาดใหญสวนใหญจะมีเครื่องทําน้ําเย็นจํานวนหลายชุด ดังนั้นจึงมีการออกแบบใหใชปมน้ํา
เย็นและปมน้ําระบายความรอนตามจํานวนของเครื่องทําน้ําเย็น โดยการติดตั้งปมน้ําแบบขนานกันและเชื่อมตอทอของ
ปมน้ําและเครื่องทําน้ําเย็นดวยทอรวม ซึ่งตําแหนงของปมและการเชื่อมตอทอเขาและออกของปมจะสงผลตอการสูญ
เสียความดันของปมทําใหปมแตละชุดมีอัตราการไหลของน้ําและใชพลังงานไฟฟาตางกัน รวมทั้งปมที่ใชไปนานการสึก
หรอของปมก็จะตางกันสงผลใหประสิทธิภาพของปมตางไปดวย นอกจากนั้นปมน้ําชุดที่มอเตอรเคยไหมก็จะใชพลังงาน
มากกวาชุดอื่น ดังนั้นการเลือกใชปมชุดที่มีประสิทธิภาพสูงใหมากขึ้นจะสงผลใหเกิดการประหยัดพลังงาน
229
ทอรวม
สมการที่ใชในการคํานวณ
ดัชนีการใชพลังงานของปม = อัตราการไหลของน้ํา / พลังไฟฟาที่ปมใช
ดัชนีการใชพลังงานที่สูงขึ้น(%) = [1–(ดัชนีการใชพลังงานของกลุมปมที่ต่ํา/ดัชนีการใชพลังงานของกลุม
ป ม
ที่สูง)] x 100
230
พลังงานไฟฟาที่ลดลง = พลังไฟฟาของกลุมปมที่มีดัชนีการใชพลังงานต่ํา x (รอยละดัชนีการใช
พลังงานที่สูงขึ้น/100) x (ชั่วโมงการใชงานที่เพิ่มขึ้นของกลุมปมที่มีดัชนี
การใชพลังงานสูง
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งปมน้ําเย็น 45 กิโลวัตต จํานวน 3 ชุด มีอายุการใชงาน 18 ป การเชื่อมตอทอเปนแบบเขา
กอนและออกกอนและตอแบบตัวที อีกทั้งบางชุดมีการไหมของมอเตอร ปกติจะเปดใชงานครั้งละ 2 ชุด สลับกันไปมา
จากการตรวจวัด พบวาปมกลุม 1, 2 มีดัชนีการใชพลังงานต่ําสุด และปมกลุม 1, 3 มีดัชนีการใชพลังงานสูงสุด ดังนั้น
โรงงานจึงจัดทําแผนการเดินปมใหม โดยลดการเดินกลุม 1, 2 ลงจากเดิม 33.33% เปนปละ 10% และเพิ่มการเดิน
กลุม 1, 3 จาก 33.33% เปน 56.66% ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป อัตราคาไฟฟาตอหนวย 2.95 บาท ทําให
เกิดการประหยัดพลังงานเทาใด [วิธคี ํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายละเอียด อัตราการไหลของน้ํา(GPM) พลังไฟฟาที่ใชรวม(kW) ดัชนีการใชพลังงาน(GPM/ kW)
เดินปม 1 คูกับ 2 3,120 81.6 38.24
เดินปม 1 คูกับ 3 3,530 76.0 46.45
เดินปม 2 คูกับ 3 3,460 78.5 44.08
วัดอัตราการไหลรวม
231
รายการ สัญลักษณ หนวย ขอมูล แหลงที่มาของขอมูล
2.2 ชั่วโมงการใชงานที่เพิ่มขึ้นของกลุมปมที่มี 839.88
ดัชนีการใชพลังงานสูง hri = hr x
(PhN/100) hri h/y
2.3 พลังไฟฟาลดลง ES = ELL x (PTi/100) x 12,109.99
hri ES kWh/y
2.4 คาพลังงานไฟฟาลดลง SC = ES x EC SC B/y 35,724.47
(15) การเปลี่ยนปมน้ําชุดที่มีประสิทธิภาพต่ําในระบบปรับอากาศ
ปมน้ําเย็นและปมน้ําระบายความรอนในระบบปรับอากาศจะมีอายุการใชงาน 15 ป ดังนั้นเมื่อปมน้ํามีอายุการใช
งานมาก จะเกิดการสึกหรอมากสงผลใหประสิทธิภาพของปมลดต่ําลง อีกทัง้ ปม บางชุดอาจเกิดการไหมของมอเตอร ซึง่
การไหมของมอเตอรแตละครัง้ จะทําใหประสิทธิภาพของมอเตอรลดลง 4% ดังนัน้ ไมวา อายุการใชงานมากหรือมอเตอรเคย
ไหมบอ ยโรงงานควรพิจารณาเปลีย่ นปม น้าํ ใหมโดยเลือกใชปม น้าํ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพสูง
ปมน้ําเกา ปมน้ําใหม
พลังไฟฟา 42 kW พลังไฟฟา 31 kW
ดัชนีการใชพลังงาน = 49 GPM/kW ดัชนีการใชพลังงานใหม = 69.35 GPM/kW
สมการที่ใชในการคํานวณ
รอยละดัชนีการใชพลังงานที่สูงขึ้น = ( 1 – ( ดัชนีการใชพลังงานเดิม / ดัชนีการใชพลังงานใหม)) x 100
พลังงานไฟฟาที่ลดลง = พลังไฟฟาที่ใชเดิม x ( รอยละดัชนีการใชพลังงานที่สูงขึ้น) / 100 x ชั่ว
โมงการใชงานตอป
ดูตัวอยางเพื่อใหเกิดความเขาใจ
โรงงาน ECON ติดตั้งปมน้ําเย็นขนาด 45 กิโลวัตต มีอายุการใชงาน 18 ป และมอเตอรเคยไหมมาแลว 2 ครัง้
จึงสนใจทีจ่ ะเปลีย่ นปม น้าํ ใหม ใชงานวันละ 12 ชั่วโมง 300 วันตอป อัตราคาไฟฟาตอหนวย 2.95 บาท โดยมีผลการ
ตรวจวัดดังนี้ [วิธคี ํานวณ 1)กรอกขอมูลลงไปในชองขอมูลของขอ 1 2)ทําการคํานวณตามหัวขอ 2]
รายละเอียด อัตราการไหลของน้ํา(GPM) พลังไฟฟาที่ใช(kW)
ปมน้ําเย็นชุดเดิม 2,058 42
ปมน้ําเย็นชุดใหม 2,150 31
232
1.2 ชั่วโมงการใชงานตอป hr h/y 3,600 จากการใชงานจริง
1.3 อัตราการไหลของปมน้ําเดิม FLO GPM 2,058 จากการตรวจวัดอัตราการไหล
1.4 พลังไฟฟาของปมเดิม ELO kW 42 จากการตรวจวัดพลังไฟฟาที่ปมเดิมใช
1.5 อัตราการไหลของปมน้ําใหม FLN GPM 2,150 จากคุณสมบัติของปมน้ําชุดใหมที่อัตราการ
ไหลและเฮดตกครอมปมเทากัน
1.6 พลังไฟฟาของปมใหม ELN kW 31 จากคุณสมบัติของปมน้ําชุดใหมที่อัตราการ
ไหลและเฮดตกครอมปมเทาชุดเดิม
2. การวิเคราะหขอมูล
2.1 ดัชนีการใชพลังงานของปมชุดเดิม
SECO = FLO / ELO SECO GMP/kW 49.00
2.2 ดัชนีการใชพลังงานของปมชุดใหม
SECN = FLN / ELN SECN GMP/kW 69.35
2.3 รอยละดัชนีการใชพลังงานที่สูงขึ้น
PTi = ( 1 - ( SECO/SECN)) x 100 PTi % 29.34
2.4 พลังงานไฟฟาที่ลดลง
ES = ELO x (PTd/100) x hr ES kWh/y 44,362.08
2.5 คาพลังงานไฟฟาลดลง
SC = ES x EC SC B/y 130,868.14
(1) การตรวจวินิจฉัยเครื่องทําน้ําเย็นและอุปกรณอื่นในระบบเพื่อการอนุรักษพลังงานทําอยางไร ?
แนวทางการตรวจ แนวทางการวินิจฉัย
รายการตรวจ ผลการตรวจ
1. เครื่องทําน้ําเย็น
1.1 ผลตางอุณหภูมิน้ําเย็นที่ออกและ สูงกวา 4 ๐F ผลตางอุณหภูมถิ า สูงกวา 4 ๐F แสดงวาประ
อุณหภูมิสารทําความเย็นใน ต่ํากวา 4 ๐F สิทธิภาพการแลกเปลี่ยนความรอนต่ํา อาจ
Cooler ที่ภาระสูงสุด เกิดจากตะกรันใน Cooler อัตราการไหลของ
น้าํ มากเกินไป ปริมาณสารทําความเย็นนอย
เกินไปหรืออุปกรณลดความดันมีปญหา
1.2 ผลตางอุณหภูมิน้ําระบายความรอน สูงกวา 6 ๐F ผลตางอุณหภูมิสูงกวา 6 ๐F แสดงวาประสิทธิ
ที่ออกและอุณหภูมิสารทําความเย็น ต่ํากวา 6 ๐F ภาพการแลกเปลี่ยนความรอนต่ําอาจเกิดจาก
ใน Condenser ที่ภาระสูงสุด ตะกรันใน Condenser หรืออัตราการไหลของ
น้ํามากเกินไป หรือปริมาณสารทําความเย็น
มากเกินไป หรืออุปกรณลดความดันมีปญหา
1.3 อัตราการไหลของน้ําเย็น สูงกวา 2.4 GPM/TR การออกแบบที่ ΔT = 10 ๐F ถาอัตราการไหล
ต่ํากวา 2.4 GPM/TR ของน้ําเย็นสูงหรือต่ํากวา 2.4 GPM/TR มาก จะ
ทําใหประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนความรอนต่ํา
และคา kW/TR สูงขึ้น
1.4 อัตราการไหลของน้ําระบายความ สูงกวา 3.0 GPM/TR การออกแบบที่ ΔT = 10 ๐F ถาอัตราการไหล
รอน ต่ํากวา 3.0 GPM/TR ของน้ําระบายความรอนสูงหรือต่ํากวา 3.0
GPM/TR มาก จะทําใหประสิทธิภาพการแลก
233
แนวทางการตรวจ แนวทางการวินิจฉัย
รายการตรวจ ผลการตรวจ
เปลีย่ นความรอนต่าํ และคา kW/TR สูงขึ้น
1.5 ปรับตั้งอุณหภูมิน้ําเย็นใหสูงที่สุด ปรับตั้งได ปรับอุณหภูมนิ า้ํ เย็นใหสงู ขึน้ เมือ่ ภาระการปรับ
เทาที่จะทําได ปรับตั้งไมได อากาศต่าํ กวา 80% จะสงผลใหประหยัดพลังงาน
ประมาณ 2-4% ในทุก 1 ๐F
1.6 เครื่องอัดแบบแรงเหวี่ยงปรับตั้ง สูงกวา 90% เครื่องอัดแบบแรงเหวี่ยงจะมีประสิทธิภาพสูง
Load ที่เทาใด ต่ํากวา 80% สุดที่ Load ประมาณ 80-90%
1.7 เครื่องทําน้ําเย็นทํางานที่ภาระเทา สูงกวา 80% เครื่องทําน้ําเย็นทํางานที่ภาระต่ํา จะสงผลให
ใด ต่ํากวา 80% คา kW/TR รวมทั้งระบบสูงขึ้นเพราะอุปกรณ
ประกอบของระบบไมไดลดพลังไฟฟา
1.8 เลือกเดินเครื่องทําน้ําเย็นชุดที่มี เลือกได ควรเดินเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุดใหมาก
ประสิทธิภาพสูงสุดเปนหลักหรือไม สลับไปมา กวาชุดอื่นๆ
1.9 ทําความสะอาดคอนเดนเซอร ทุกๆ…………..เดือน ควรทําความสะอาดทุก 6 เดือน หรือเมือ่
อุณหภูมิสารทําความเย็นสูงกวาอุณหภูมิน้ํา
ระบายความรอนทีอ่ อกทีภ่ าระสูงสุดเกิน 4-6 ๐F
1.10 น้ําเย็นลัดวงจรผานเครื่องทําน้ําเย็น ลัดวงจร ไมควรปลอยใหลัดวงจรเพราะอุณหภูมิน้ําเย็น
ชุดที่ไมเปดใชหรือไม ไมลัดวงจร ที่สงไปยัง AHU จะสูงขึ้น อาจมีผลตอ
อุณหภูมิและความชื้นในพื้นที่ปรับอากาศ
1.11 ผลตางความดันสารทําความเย็น แตกตางกัน เครื่องที่ผลตางของความดันมากจะมีประสิทธิ
ดานสูง (High pressure) และดาน ไมแตกตางกัน ภาพต่ํา ดังนั้นควรตรวจสอบและเดินใชงาน
ต่ํา (Low pressure) ของแตละ ใหนอยลง
เครื่องแตกตางกันหรือไม
2. ปมน้ําเย็นและปมน้ําระบายความรอน
2.1 มีมอเตอรชุดใดเคยไหมหรือไม มี มอเตอรที่ผานการพันมาใหมประสิทธิภาพจะ
ไมมี ลดลงโดยทุกครั้งที่พันประสิทธิภาพจะลดลง
4% ควรนํามาใชใหนอย
2.2 มีปมชุดใดผานการบํารุงรักษามา มี ปมชุดที่ผานการบํารุงรักษาใหมๆ จะมีประ
ใหมๆ ไมมี สิทธิภาพสูงกวาชุดที่ไมผานการบํารุงรักษาดัง
นั้นควรนํามาใชใหมาก
2.3 มีการหรี่วาลวน้ําหรือไม มี ควรเปลี่ยนการหรี่วาลวน้ําเปนการใช Inverter
ไมมี ลดรอบหรือเจียรใบพัดหรือลดขนาดปมน้ํา
2.4 มอเตอรแตละชุดใชกระแสไฟฟา เทากัน ใชงานมอเตอรชุดที่ใชกระแสไฟฟาสูงใหนอย
เทากันหรือไม ไมเทากัน ลง และควรตรวจสอบแกไข
2.5 ทอรวมทางเขาและทางออกของปม แบบตัวที ควรแกไขจากแบบตัวทีเปนตัววาย จะสงผล
มีการเชื่อมตอแบบใด แบบตัววาย ใหอัตราการไหลของน้ําที่ไดสูงขึ้น
2.6 เดินปมน้ําครั้งละหลายชุดหรือไม หลายชุด ปมน้ําตอขนานกันเมื่อเดินพรอมกันหลายชุด
ชุดเดียว ตองตรวจวัดหาคา GPM/kW ของแตละกลุม
เพื่อใชงานชุดที่มีคาสูงสุดเปนหลัก
234
แนวทางการตรวจ แนวทางการวินิจฉัย
รายการตรวจ ผลการตรวจ
2.7 ใชงานปมน้ําชุดที่มีคา GPM/kW ใช ชุดทีม่ คี า GPM/kW สูงจะเปนชุดทีม่ ปี ระสิทธิ
สูงสุดเปนหลักหรือไม เดินสลับไปมา ภาพสูงควรนํามาใชใหมากกวาชุดอืน่ ๆ
2.8 บันทึกกระแสหรือพลังไฟฟาที่ปมใช บันทึก กระแสไฟฟาหรือพลังไฟฟาที่ปมน้ําแตละชุด
ประจําหรือไม ไมบันทึก ใช ถาผิดปกติไปจากเดิมจะบอกถึงสิ่งผิดปกติ
ที่เกิดขึ้น
3. หอผึ่งเย็น
3.1 ขนาดพิกัดของ CT เทียบกับพิกัด มากกวา 10-20% ขนาดพิกัดของ CT ควรมีขนาดมากกวาขนาด
ของ Chiller มากกวา 20-30% พิกัดของ Chiller 20-30% เพื่อใหเกิดการ
ระบายความรอนไดเพียงพอ
3.2 หอผึ่งเย็นเปนแบบใด เหลี่ยม หอผึง่ เย็นแบบเหลีย่ มจะมีประสิทธิภาพสู ง กว า
กลม แบบกลม โดยทั่วไปประมาณ 2OF
3.3 ระดับน้ําในถาดหอผึ่งเย็นแบบ ต่ํากวา 1/3 ของความสูงถาด ควรสูงกวา 1/3 ของความสูงเพื่อจะทําให
เหลี่ยม สูงกวา 1/3 ของความสูงถาด อัตราการไหลของน้ําเหมาะสม
3.4 รูน้ําในถาดของหอผึ่งเย็นแบบ ตันบางสวน รูทุกรูไมควรตันเพื่อจะทําใหเกิดการกระจาย
เหลี่ยมตันหรือไม ไมตัน น้ําไดดี
3.5 รอบการหมุนของ Sprinkler ต่ํากวามาตรฐาน รอบเร็วกวามาตรฐานแสดงวาปริมาณน้ํามาก
สูงกวามาตรฐาน เกิ น ไปส ง ผลให ป ระสิ ท ธิ ภ าพในการแลก
เปลี่ยนความรอนระหวางน้ํากับอากาศลดลง
ถาชาเกินไปเกิดจากน้ํานอยเกินไป หรือการ
สึกหรอของ Sprinkler head
3.6 อุณหภูมิน้ําที่ไดสูงกวาอุณหภูมิ เกิน 40F อุ ณ หภู มิ สู ง กว า อุ ณหภู มิ กระเปาะเป ย กของ
กระเปาะเปยกของอากาศเขา ต่ํากวา 40F อากาศทีเ่ ขาระบายเกิน 4 ๐F อาจเกิดจาก
ระบาย ปริมาณน้าํ มาก ปริมาณอากาศนอย รู Sprinkler
pipe ตัน Sprinkler head รัว่ Filling ตัน
3.7 อากาศออกดานบนมีเม็ดน้ําหรือไม มี มี เ ม็ ด น้ําอาจเกิ ด จากความเร็ ว ลมสู งเกิ นไป
ไมมี หรือที่ Sprinkler Pipe ไมมีแผนกันน้ําหรือ
ปริมาณน้ํามากเกินไป
3.8 น้ํากระเด็นออกดานขาง มี อาจเกิ ด จากระดั บ น้ํ า ในอ า งสู ง เกิ น ไปหรื อ
ไมมี ปริมาณน้ําที่ตกมากเกินไป หรือไมมี Louver
3.9 แตละชุดใชกระแสไฟฟาตางกันหรือ ไมตา งกัน ชุดที่ใชกระแสไฟฟานอยที่สุดควรนํามาใชงาน
ไม ตางกัน ใหมากขึ้น
3.10 มีอากาศรอนชื้นที่พนออก ยอน มี อากาศที่พนทิ้งมีอุณหภูมิและความชื้นสูงเมื่อ
กลับเขา CT หรือไม ไม ยอนกลับเขาระบายความรอน จะทําใหประ
สิทธิภาพของ CT ลดลง อาจแกไขโดยการตอ
ปากทางออกใหสูงขึ้น (Hood)
3.11 มีการปลอยน้ําผาน CT โดยไมเปด มี ไมควรปลอยน้าํ ผาน CT ทีไ่ มไดเปดพัดลม
พัดลมหรือไม ไมมี เพราะจะทําใหอณ ุ หภูมนิ า้ํ ทีไ่ ดกอ นเขา Chiller
มีอณ
ุ หภูมสิ งู สงผลใหคา kW/TR สูงขึน้
235
แนวทางการตรวจ แนวทางการวินิจฉัย
รายการตรวจ ผลการตรวจ
3.12 แผน Filling สกปรกและลมหรือไม สภาพดี ควรทําความสะอาด Filling เปนประจํา และ
สกปรกและลม เปลี่ยนเมื่อหมดอายุการใชงาน อีกทั้งควรใส
ให เ ต็ ม และไม มี ก ารล ม จะส ง ผลให ป ระสิ ท ธิ
ภาพการแลกเปลี่ยนความรอนดี อุณหภูมิน้ําที่
ไดจะลดต่ําลง
3.13 มีการตรวจวัดอุณหภูมิน้ําที่ไดจาก ไมเคย หอผึ่ ง เย็ น ที่ ไ ด อุ ณ หภู มิ น้ํ า ต่ํ า จะมี ป ระสิ ท ธิ
หอผึ่งเย็นแตละชุดหรือไม ตรวจวัดประจํา ภาพดี ดังนั้นควรนํามาใชใหมากขึ้น
3.14 บันทึกปริมาณน้ําที่ใชกับหอผึ่งเย็น บันทึก การใชน้ํามากหรือนอยเกินไปของหอผึ่งเย็น
ทุกวันหรือไม ไมบันทึก จะบอกถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นของหอผึ่งเย็น
4. เครื่องสงลมเย็น (AHU) และเครื่องจายลมเย็น (FCU)
4.1 ใช 2 Ways Valve หรือ 3 Ways 2 Ways Valve ใช 2 Ways Valve จะสงผลใหเกิดการ
Valve ควบคุมปริมาณน้ํา 3 Ways Valve ประหยัดพลังงานที่ปมน้ําเย็น ขณะที่ ภาระ
การปรับอากาศลดลงแตควรมี Bypass หรือ
Inverter ใชงานรวมดวย
4.2 กรองอากาศตันหรือไม ตัน กรองอากาศตันจะสงผลใหปริมาณลมเย็นที่สง
ไมตัน ไปใชงานนอยลง สงผลใหประสิทธิภาพของ
AHU ลดลง อีกทั้งอาจเกิดปญหาการกระจาย
ลมในพื้นที่
4.3 อัตราการไหลของน้ําเย็นไดตาม ตามพิกัด อั ต ราการไหลของน้ําเย็ น ส ง ผลต อ ประสิ ท ธิ
พิกัดหรือไม ต่ํากวาพิกัด ภาพการแลกเปลี่ยนความรอนระหวางน้ําและ
สูงกวาพิกัด อากาศ และอาจทําให Coil มีความชื้นไดมาก
หรือนอยดวย อีกทั้งมีอัตราการไหลต่ํา ตัน
ความเย็นที่ไดจะลดต่ําลงดวย โดยทั่วไปควร
ประมาณ 2.4 GPM/TR ที่ ΔT = 10 ๐F
ภาระเต็มพิกัด
4.4 ผลตางอุณหภูมิอากาศที่ออกและ ตางกันมาก ผลตางอุณหภูมิตางกันมากแสดงวาประสิทธิ
อุณหภูมิน้ําที่ออกจาก Coil เย็น ตางกันไมมาก ภาพในการแลกเปลี่ยนความรอนต่ําซึ่งอาจ
เกิดจากตะกรันภายในทอ ความสกปรกของ
ครีบ ความเร็วลมมากเกินไป ปริมาณอากาศ
มากเกินไป หรือปริมาณความชื้นของอากาศ
ที่เขาสูงเกินไป
4.5 คอลยกลั่นเอาความชื้นออกจาก กลั่นตัวไดนอย อุณหภูมิคอลยที่สัมผัสกับอากาศอาจไมถึง
อากาศไดนอยหรือไมกลั่นตัว ไมกลั่นตัว อุณหภูมิจุดน้ําคาง (Drew point) หรือ
อุณหภูมิผิวชวงปลายคอลยมีอุณหภูมิสูงเกินก็
ได ซึ่งอาจเกิดจากอุณหภูมิน้ําเย็นสูงเกินไป
หรือมีตะกรันในทอ หรือครีบสกปรกหรือ
ปริมาณน้ําเย็นต่ํากวาภาระการปรับอากาศ
(ความเร็วอากาศมาก)
4.6 ทําความสะอาดคอลยสม่ําเสมอหรือ สม่ําเสมอ คอลยเมื่อสกปรกจะสงผลใหประสิทธิภาพใน
236
แนวทางการตรวจ แนวทางการวินิจฉัย
รายการตรวจ ผลการตรวจ
ไม ไมสม่ําเสมอ การแลกเปลี่ยนความรอนระหวางน้ํากับ
อากาศลดต่ําลง ปริมาณความเย็นที่ไดจะลด
ลง อุณหภูมิอากาศที่ออกจากคอลยจะสูงกวา
เมื่อทําความสะอาดใหมๆ
4.7 อุปกรณควบคุมอุณหภูมิใชงานได ปกติ อุปกรณควบคุมอุณหภูมิผิดปกติ จะสงผลให
เปนปกติหรือไม ชํารุด ปริมาณน้ําเย็นไหลผานคอลยในปริมาณที่ไม
สัมพันธกับภาระการปรับอากาศ อีกทั้งไม
สามารถควบคุมอุณหภูมิในพื้นที่ใหคงที่ตลอด
เวลาได นอกจากนั้นตําแหนงติดตั้งควรจะ
ตองเหมาะสม
4.8 อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธในพื้น ได การกระจายลมในพื้นที่รวมทั้งความเร็วของ
ที่ไดตามตองการหรือไม ไมได ลมเปนตัวสําคัญที่จะทําใหทุกบริเวณในพื้นที่
มีอุณหภูมิตางกันไมเกิน 2 ๐F นอกจากนั้น
อากาศที่ออกจากคอลยควรมีอุณหภูมิต่ําแตมี
ความชื้นสัมพัทธสูง โดยทั่วไปอุณหภูมิ
ประมาณ 60 ๐F ความชื้นสัมพัทธมากกวา
80%RH
4.9 บันทึกอุณหภูมิน้ําเย็นเขาและออก บันทึก ผลตางอุณหภูมิน้ําเย็นเขาและออก จะบอกถึง
จาก AHU เปนประจําหรือไม ไมบันทึก สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น
5. อื่นๆ
5.1 ฉนวนหุมทอน้ําเย็นอยูในสภาพทีดี่ สภาพดี ฉนวนเสื่อมสภาพอาจมีลักษณะแตกยุยหรือ
และไมเกิดการกลั่นตัวของน้ําที่ผิว สภาพไมดี อมน้ํา สงผลใหสูญเสียความเย็นและทอจะ
ฉนวน เป น สนิ ม และฉนวนยางไม ค วรให สั ม ผั ส กั บ
แสง UV โดยตรง เพราะอายุการใชงานจะสั้น
ดังนั้นเมื่อใชนอกอาคารควรหุม Jacket
5.2 นําอากาศภายนอกเขาหรือดูด ไมมาก ลดปริมาณลงใหไดมากที่สุด จะสงผลใหลด
อากาศภายในออกทิ้งมากหรือไม มาก ภาระการปรับอากาศลง
5.3 ปดใชงาน CT มากกวาจํานวน CH เทากัน ทั่วไปการออกแบบจะให CH CDP CHP CT
หรือไม มากกวา เหมาะสมกับ แตเมื่อใชงานควรเดิน CT ให
มากกวา CH เพื่อจะไดอุณหภูมิน้ําระบาย
ความรอนที่เขาคอนเดนเซอรลดต่ําลง
5.4 น้ําเติม CT ผานการปรับสภาพ ปรับสภาพ ในระบบระบายความรอนมักเกิดตะกรันบน
อยางดีหรือไม ไมปรับสภาพ พื้นที่ผิวแลกเปลี่ยนความรอน สงผลใหคา
kW/TR ของเครื่องสูงขึ้น ดังนั้นควรปรับ
สภาพน้ําที่เติมหอผึ่งเย็นใหดี
(2) การบํารุงรักษาเครื่องปรับอากาศแบบแยกสวนและแบบเปนชุดเพื่อการประหยัดพลังงานมีอะไรบาง ?
รายละเอียดการดําเนินงาน ระยะเวลาที่เหมาะสม
1. ลางทําความสะอาดอุปกรณตางๆ ดังตอไปนี้
237
- แผงกรองอากาศ (Air Filter) ทุกเดือน
- ขดทอระบายความรอน (Condensing Coil) ทุก 6 เดือน
- ขดทอทําความเย็น (Cooling Coil) ทุก 6 เดือน
2. มีการดําเนินการตอไปนี้
- ตรวจสอบการทํางานของเทอรโมสตัท เพือ่ ใหควบคุมอุณหภูมไิ ดอยางถูกตอง ทุก 6 เดือน
- ตรวจสอบสภาพ สี และปริมาณของสารทําความเย็นในระบบ
- ตรวจสอบระบบทอสารทําความเย็น และสภาพฉนวนหุมทอสารทําความเย็น
3. ตรวจวัดและจดบันทึกคาตัวแปรตางๆ ตอไปนี้ เพื่อใชวิเคราะห ประสิทธิ ทุก 6 เดือน
ภาพการทํางานของเครื่อง
- กระแส แรงดัน และกําลังไฟฟาที่ใช
- ความดัน และ/หรืออุณหภูมิของสารทําความเย็น
- อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธของลมเย็นดานจายและดานกลับ
(3) การบํารุงรักษาเครื่องทําน้ําเย็นและอุปกรณอื่นๆ เพื่อการประหยัดพลังงานมีอะไรบาง ?
รายละเอียดการดําเนินงาน ระยะเวลาทีเ่ หมาะสม
1. เครือ่ งทําน้าํ เย็น
1.1 ตรวจสอบการทํางานของอุปกรณตางๆ ตอไปนี้ ทุกวัน
- เทอรโมมิเตอร
- เกจวัดความดัน
- เครื่องวัดอัตราการไหล (ถามี)
- วาลวปรับอัตราการไหล
1.2 ทําความสะอาดอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนดานคอนเดนเซอร ทุก 6 เดือน
1.3 ตรวจสอบสภาพ สี และปริมาณของสารทําความเย็น และน้ํามันหลอลื่น ทุกวัน
1.4 เปลี่ยนสารและอุปกรณเหลานี้ เมือ่ หมดอายุการใชงาน
- Refrigerant dryer
- น้ํามันหลอลื่น
- ไสกรอง
1.5 ตรวจวัดและจดบันทึกคาตัวแปรตางๆ ตอไปนี้ เพื่อใชวิเคราะหประสิทธิภาพการ ทุกวัน
ทํางานของเครื่อง
- กระแส แรงดัน และกําลังไฟฟาที่ใช
- ความดัน และอุณหภูมิของสารทําความเย็น
- อุณหภูมิและความดันของน้ําเย็น และน้ําหลอเย็น ทั้งดานเขาและออก
- อัตราการไหลของน้ําเย็น และน้ําหลอเย็น
2. เครื่องสูบน้ําเย็นและเครื่องสูบน้ําหลอเย็น
2.1 ตรวจสอบการทํางานของอุปกรณตางๆ ตอไปนี้ ทุกวัน
- เกจวัดความดัน
- วาลวปรับอัตราการไหล
- Automatic Air Vent
2.2 ทําความสะอาดตัวกรองสารแขวนลอย (Strainer) ทุก 6 เดือน
2.3 ตรวจวัดและบันทึกคาตัวแปรตางๆ ตอไปนี้ ทุกวัน
- กระแสและแรงดันไฟฟาที่ใช
- ความดันของน้ําเย็นและน้ําหลอเย็น ทั้งดานดูดและดานจาย
2.4 ตรวจสอบความรอนที่ตัวมอเตอร ทุกเดือน
238
รายละเอียดการดําเนินงาน ระยะเวลาทีเ่ หมาะสม
3. หอผึ่งเย็น
3.1 ลางทําความสะอาดอุปกรณตางๆ ตอไปนี้ 3.4 ทุก 3 เดือน
- PVC Filling
- ถาดรับน้ํา
- ชุดจายน้ํา
3.2 ตรวจสอบการทํางานของอุปกรณตางๆ ตอไปนี้ ทุกวัน
- วาลวลูกลอย
- ชุดจายน้ํา – พัดลม
- วาลวปกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ตางๆ เชน วาลวน้ําเขา วาลวน้ําออก วาลว
ปรับสมดุล เปนตน
3.3 ตรวจสอบสภาพและปรับแตงความตึงของสายพาน (ถามี) หรือชุดเกียรสงกําลัง ทุกเดือน
(ถามี)
4. เครือ่ งสงลมเย็น
4.1 ลางทําความสะอาดอุปกรณตางๆ ตอไปนี้
- แผงกรองอากาศ (Air Filter) ทุกเดือน
- ขดทอทําความเย็น (Cooling Coil) ทุก 6 เดือน
4.2 ตรวจสอบการทํางานของอุปกรณตางๆ ตอไปนี้ ทุกวัน
- เทอรโมมิเตอร
- พัดลม
- เกจวัดความดัน
- เทอรโมสตัท
- วาลวควบคุมการไหล (Actuated Valve)
4.3 ตรวจวัดและบันทึกคาตัวแปรตางๆ ตอไปนี้ ทุก 6 เดือน
- อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธของลมจายและลมกลับ
- กระแสและแรงดันไฟฟาที่ใช
4.4 ตรวจวัดและบันทึกอุณหภูมิของน้ําเย็นที่เขาและออกจากเครื่อง รวมทั้งตรวจสอบ ทุกเดือน
และซอมแซมรอยรั่วของทอน้ําเย็น และทอลมเย็น
5. ชุดระบายความรอนของเครื่องผลิตน้ําเย็นแบบระบายความรอนดวย
อากาศ
5.1 ตรวจสอบสภาพและทําความสะอาดขดทอและครีบระบายความรอน ทุก 3 เดือน
5.2 ตรวจสอบสภาพของพัดลมระบายความรอนใหอยูในสภาพดีอยูเสมอ ทุกวัน
5.3 ตรวจสอบการทํางานของพัดลมระบายความรอน โดยจํานวนพัดลมที่ทํางานควร ทุกวัน
จะสอดคลองกับจํานวนคอมเพรสเซอรที่ทํางาน และสอดคลองกับภาระการทํา
ความเย็นขณะนั้น
239