You are on page 1of 83

บทที่ 1

Limits and
continuity
ลิมต
ิ ด้านเดียว (One-Sided Limit)
นิยาม ลิมต ิ ขวา
และ ลิม ต
ิ ซ ้
าย
เป็ นฟั งก์ชน
f (x ) ั ทีอ ่ ยูบ ่ นชว่ ง (a, b) โดยที่เข b ถ้ L้า เมือ
a f<้าใกล ่ x
ให ้
เข ้าใกล ้ a จากด เรากล่ ้านขวา าวว่า มีลม
f (x)
ิ ต
ิ ด ้านขวามือเท่ากับ L
เขียนเป็ น
สมการได ้ว่า lim f ( x)  L
เข ้าใกล ้ M

xa

เป็ นฟั
ใหง้ ก์ชน
f (x ) ั ทีอ ่ ยูบ ่ นชว่ ง (c, a) โดยที่ c<a ถ ้า f
เมือ ่ x
เข ้าใกล ้ aเรากล่
จากดา้านซ วว่า าย้ มีf (xล) ม
ิ ต ้ อเท่ากับ M
ิ ด ้านซายมื
เขียนเป็ น
สมการได ้ว่า lim f ( x)  M

x a
ต ัวอย่า
งที่ 1
ต ัวอย่า
งที่ 1
 ภาพแรกของตัวอย่าlim
2
งที- ่ 1 -x+1
(x )=3้ว่า
จะได
x2

 ภาพสองของตัวอย่าlim
2
งที ่ (x
1 -x+1) =้ว่3า
จะได
x2+

สรุปว่า lim -x+1)=3


x2
(x2
ลิมต ั (Limits of
ิ ของฟั งก์ชน
Functions)
 ฟั งก์ชน ั บางฟั งก์ชน ั อาจจะหาค่าไม่ได ้ทีจ ่ ด

ใดจุดหนึง่ แต่เราสามารถหาค่าของ
ฟั งบก์ทชน
ทฤษฎี ั เมือ่ เข ้าใกล ้จุดนัน ้ มากๆได ้ ถ ้า
ฟั งก์ชน ั มีลม ิ ติ ทีจ่ ด
ุ นัน้
lim f ( x) หาค่าได ้และมีคา ่
x x o

1. ทัง้ lim เท่


f ( xา) กัแ
บละL ก็
lim ต
fอ่ ( xเมื
) ห อ
่ าคา่ ได้
x  x0 x  x0-

2. lim
x
f ( x )  lim f ( x )

x o
-
x  xo
f
อย่างที่ 2 ค่าลิมต ิ ไม่ขน ึ้ อยูก
่ บ
ั ค่าของฟั งก์ชน ั ที่ x0
ป f มีลม ิ ต
ิ เท่ากับ 2 เมือ ่ x  1 ถึงแม ้ว่า f หาค่าไม่ได g ้ที่ x
บ 2 เมือ
่ x ง
ถึ แม
1 ้ว่า ั h เป็ นฟั งก์ชน
g (1)  2ฟั งก์ชน ั ทีล ่
าเท่ากัxบ ค่า1 ของฟั งก์ชน ั ที่ x = 1 เราเขียนได lim h(้ว่xา)  h(1)
x 1

 x2 1
2 
(a) f ( x) 
x 1 (b) g ( x )   x  1 , x  1 (c ) h( x )  x  1
x 1  1 ,x 1
lim f ( x)  lim g ( x)  lim h( x)  2
x 1 x 1 x 1
ต ัวอย่า
งที่ 3 พิจารณา f(a)lim f ( x) lim f ( x)
xa xa
ต ัวอย่
างที่ 4
พิจารณ xlim
a 
f ( x) lim f ( x)
xa
า f(a)
ต ัวอย่
างที่ 5
พิจารณา f(a)xlim
a
f ( x ) lim f ( x)
xa
ต ัวอย่
างที่ 6
พิจารณา f(a) lim f ( x) lim f ( x)
xa xa
ต ัวอย่า
งที่ 7
พิจารณา f(a) xlim
a 
f ( x ) lim f ( x)
xa
ต ัวอย่า
งที่ 8
พิจารณา f(a)xlim
a 
f ( x) lim f ( x)
xa
ั ทีม
ัวอย่างที่ 9 ฟั งก์ชน ่ ล
ี ม
ิ ต
ิ ทุกจุด
ั เฉพาะ
ถ ้า f เป็ นฟั งก์ชน lim f ( x )  lim x  x0
x  x0 x  x0
(identity function)
f(x)= x ดังนัน ้ สำหรับค่า x0ใ
ถ ้า f เป็ นฟั งก์ชนั คงที่ lim f ( x)  lim k  k
ดๆ
(constant function) x  x0 x  x0

f(x)= k ดังyนัน
้ สำหรับค่า x0 y
ใดๆ y=x y=k
x 0
k

x0
x x 0
x
identity function constant function
ตัวอย่าง lim x  3
x 3 Identity function
เชน่ lim (4)  lim(4)  4
x  7 x2 Constant function
ั อาจไม่มล
ฟั งก์ชน ี ม
ิ ต
ิ ดังในรูป
ต ัวอย่างที่ 10 การพิจารณาว่าไม่มลี ม
ิ ต

จงอธิบายพฤติกรรมของฟั งก์ชน ั ในรูปเมือ ่

1
0, x  0  , x0
ก)U ( x)  1, x  0 g ( x)ข)
 x
0, x0
ารหาค่าลิมต
ิ ( Finding Limits)
ามารถหาค่าลิมต ้ ตศาสตร์และกฎพืน
ิ โดยใชคณิ ้ ฐานได ้
กฎของลิมต

า L, M, c และ k เป็ นเลขจำนวนจริlim งc มี
x
f ( x)  L lim g ( x)และ
x c
M

กฎผลรวม lim ( f ( x)  g ( x))  L  M


x c

กฎผลคูณ lim( f ( x)  g ( x))  L  M


x c

กฎผลคูณด ้วยค่าคงทีlim
่xc (k  f ( x))  k  L
f ( x) L
กฎผลหาร lim
x c g ( x )

M
, M0

กฎยกกำลัง lim( f ( x)) r / s  Lr / s


x c

ต ัวอย่างที่ 11 การใชกฎของลิ
มติ
จากคุณสมบั lim kติ k
x c
lim x  cและ
x c และคุณสม
ของลิ ม ต
ิ จงหาลิ มติ ต่ อ ไปนี ้ 1
4 2
x x
(ค) 3
2
(ก) lim ( x  4 x  3) (ข) lim
3 2
lim 4 x
x c x c x 5
2 x  2

วิธทำ

(ก) lim( x  4 x 2  3)  lim x 3  lim 4 x 2  lim 3
3
x c x c x c x c

 c 3  4c 2  3
x  x 1
4 2 lim( x 4  x 2  1)
(ข)  x c
lim
x c x 5
2
lim( x 2  5)
x c

lim x 4  lim x 2  lim1


 x c x c x c

lim x  lim 5
2
x c x c

c4  c2 1

c2  5
(ค) lim 4 x 2  3 
x  2
lim (4 x 2  3)
x  2

 lim 4 x 2  lim 3
x -2 x  2

 4(-2) 2  3
 13
ลิมต
ิ ของพหุนาม
ถ ้าP ( x )  a n x n
 a n 1 x n 1
     a0

lim P ( x)  P(c)  an c n  an 1c n 1      a0


x c

ลิมต
ิ ของฟั งก์ชนั ตรรกยะสามารถหาได ้โดยการแทนที่
ถ ้า P(x) และ Q(x) เป็Qน(c)  0
พหุนาม และP( x) P(c)
lim 
x c Q( x) Q (c )
วอย่างที่ 12 ลิมต ั ตรรกยะ
ิ ของฟั งก์ชน
x 3  4 x 2  3 (1)3  4(1) 2  3 0
lim   0
x  1 x 5
2
(1)  5
2
6

การกำจัดตัวหารทีเ่ ท่ากับศูนย์
ตัวหารเป็ นศูนย์จะต ้องพยายามกำจัดตัวประกอบร่วม
mmon factors) ออกไปเพือ ่ ให ้ตัวหารไม่เป็ นศูนย์
ต ัวอย่างที่ 13 การกำจัดตัวประกอบร่วม
x  x2 2

จงหา lim
x x
x 1 2

ราไม่สามารถแทน
วิธทำ
ี x = 1 ลงไปได ้เพราะตัวหารจะมีคา่ เป็ นศ
 x 2  x  2   ( x  1)( x  2)   x  2 
 
 x 2  x   x( x  1)   x 
 ถ ้า x  1
   
x2  x  2 x  2 1 2
ดังนัน
้ lim  lim  3
x 1 x x
2 x 1 x 1

2
x  x2 x2
f ( x)  2 g ( x) 
x x x
2h  2
ย่างที่ 14 จงหาhว0 ม h
สร ้างและกำจัดตัวประกอบร่
lim

วิธทำ

สามารถแทน h = 0 ได ้ และ ทัง้ เศษและสว่ นไม่มต
ี วั ประกอ
จึงต ้องสร ้างตัวประกอบร่วมขึน ้ โดยคูณทัง้ เศษและสว่ น
ทอมคอนจูเกท 2h  2
2h  2 2h  2 2h  2
 
h h 2h  2
2h2

h( 2  h  2 )
h

h( 2  h  2 )
1

2h  2
2h  2 1
lim  lim
h 0 h h 0 2h  2
1

2 2
 คือความชน
2h  2 /h ั ของเสนตรงที
้ ล
่ Pากผ่
( 2, 2า
) นจุด

Q 2  h, นโค
บนเส ้ 2  h ้ง y  ในรู
x ปข ้างล่าง จากการคำนวณ

ว่า 1 / อ
คื 2 ค่
2า ลิมติ ของความชน ั ของเสนตรงนี
้  P ้ เมือ
Q ่
y
Q(2+h, 2+h)
P(2, 2)
2+h - 2

x
2 2+h
แบบฝึ กทักษะ
จงหาค่3 าลิ2มต ิ ของฟั งก์ชน ั ต่อไปนี้
x -3x +4
1. xlim
0 cosx

2. กำหนดให ้ฟั งก์ช2xนั 2 ,x<0



f(x)=x ,0  x<1
x+1 ,x 1

จงหาลิ มต
3 2
่ x 0 , x  1
ิ ของ f(x) เมือ
x -x -9x+9
3. xlim 2
3 x -x-6

4-x2 x+1
4. lim
x2 3- x2 +5
5. lim
x-1 6x2 +3+3x
ทฤษฎีแซนวิช ( Sandwich Theorem)
าได ้ด ้วยทฤษฎีแซนวิช ทฤษฎีนอ ี้ ้างถึงฟั งก์ชน ั f ซงึ่
ั g และ h ถ ้า g และ h มีคา่ ลิมต
ก์ชน ิ เดียวกั
นเมื
x c อ่
จะมีคา่ ลิมต ่ เดียวกันกับฟั งก์ชน
ิ เชน ั ทัง้ 2 ด ้วย
y g ( x)  f ( x)  h( x), x
h

lim g ( x)  lim h( x)  L
L f x c x c

lim f ( x)  L
g
x x c

0 c
ัวอย่างที่ 15 การใชทฤษฎี ้ แซนวิช
2 2

กำหนดให ้ 4
1 
x
 u ( x )  1 
x
สำหรั บทุ
ก ค่
า x  ่ 0จงหาlim
x ที x0
u ( x)
2
 x 2   x 2 
ทำ เนือ
่ งจาก lim 1 
x 0
  lim 1 

4  x 0 
 1
4 
จากทฤษฎีแซนวิช

จะได ้ว่าxlim u ( x)  1
0
x2
h( x )  1 
4

u(x)
x2
g ( x)  1 
4

ัวอย่างที่ 16 ทีใ่ ชทฤษฎี แซนวิชเพิม ่ เติม
จากรูป ก) เนือ่ งจาก   sin  ทุ  และlim     lim   0
 กค่าของ  0  0

จะได ้ว่าlim
 0
sin   0

จากรูปที่ ข) เนือ 0  1  cos  ทุ


่ งจาก  กค่าของ
 และlim(1  cos  )  0
 0

จะได ้ว่า lim


 0
cos   1

1
2
แบบฝึ กหัด
1. ถ ้า 3xf(x)  x3+2 สำหรับ 0  xlim2
x 1
จง
f ( x)

หาค่าของ
2
limx 2 sin
x 0 x

2. จงหาค่าของ
ลิมต ิ sin   / 
ของ
ฟั งก์ชนั มี ิ  / ต
sinลม ิ ที่   0เป็ น 1 แต่ไม่นย
ิ ามที
0 ่

พิสจ
ู น์
พท. OAP < พท. 
OAP
1 < 1พท.  OAT
sin   1 1 2    (1)(tan  ) 
1
tan 
2 2 2 2 2
1  1 sin 
sin    tan  1  cos 
2 2 2 
lim cos   1 sin 
แต่ lim cos  1
 0
ดั
ง นั น
้ lim
 0 
 1 ด ้วย
  0
sin 
ต ัวอย่างที่ 1 7 การใช lim
 0 
้ 1
cos   1
จงแสดงให ้เห็นว่า0   0
lim
วิธทำ
ี cos   1 cos   1  cos   1 
lim  lim  
 0    0   cos   1 
cos 2   1  sin 2 
 lim  lim
 0  (cos   1)   0  (cos   1)

sin   sin 
 lim  lim
 0    0 cos   1

0
แบบฝึ กทักษะ
sin( x  1)
1. จงหาลิlim
ม x ต
1ิ xของ
2
 x2

sin 2 x
2.จงหาลิมต
ิ ของ lim
x 0 5x
ลิมต
ิ ทีอ
่ นันต์
เป็ นการวิเคราะห์กราฟของฟั งก์xชน ั 
เมือ

ั f ( x)  1 / xสำหรับx เป็
่ ฟั งก์ชน
เชน 0 นดังรูป

1
เมือ
่ x   
x
0

lim f ( x)  lim 1 / x   0
x   x  

แกน

เป็ นเสนกำกั
บในแนวนอน สมการเป็ น y=0
x
นิยาม ลิมต ิ เมื
xอ่ 
มีลfม
ิ (xต
ิ ) เป็ น L เมือ ่ า่ อนันต์
่ x เข ้าสูค
ก็ตอ ่ เมือ ่ xlim f ( x)  L หรือlim f ( x)  L
  x  

วอย่างที่ 18 ลิมต
ิ ของ 1/x และx  k เมื
อ ่
1 1
จงแสดงว่า ก)limx  x
 lim  (จากรู
x   x
0 ปเป็ นจริง)
ข) lim k  lim(ตามกฎลิ
x 
k k
x  
มต ั คงที)่
ิ ของฟั งก์ชน

กฎสำหรับลิมต
ิ เมื

x ่ 
ลิมต
ิ ของการรวม การคูณ การหาร การคูณด ้วยค่าคงที่ และ
น จะเหมือนกับกฎของลิมต ิ ทีค
่ า่ ใดๆตามทีก
่ ล่าวมาแล ้ว
ลิมต
ิ ทีอ
่ น ันต์ของ
ั น
ฟังก์ชนที ่ า

สนใจ lim x n  
1.x 
เมือ
่ n=1,2,3,...

n
2. lim x  เมือ
่ n=2,4,6,...
x  

n
3.xlim
 
x   เมือ
่ n=1,3,5...
1
3. lim n  0 เมือ
่ n =1,2,3,...
x  x

1
lim n  0
x   x
เมือ
่ n=1,2,3,...

1
4. lim n   เมือ
่ n =1,2,3,...
x 0  x

1
5. lim n   เมือ
่ n = 2,4,6,...
x 0  x

1
lim n   เมือ
่ n = 1,3,5,...
x 0  x
ต ัวอย่างที่ 19 การใชทฤษฎี ้ ลม ิ ต
ิ ทีอ
่ นันต์
1 1
(ก)x x x x x  5  0 (กฎการรวม)
lim (5  )  lim 5  lim 5
 3 1 1
(ข) lim
x -  x 2
 lim
x  
 3  
x x
(กฎการคูณ)
1 1
 lim  3  lim  lim
x -  x   x x   x

  3 00  0

ลิมต ั ตรรกยะเมื
ิ ของฟั งก์ชน อ

ควรหารตลอดด
x   ้วยตัวแปรทีม
่ กำ
ี ลังสูงสุด
างที่ 20 ตัวเศษและสว่ นมีอนั ดับของเลขยกกำลังเท่ากัน
5x 2  8x  3 5  (8 / x)  (3 / x 2 )
lim  lim (หารเศษและส ่ น

x  3x  2
2 x   3  (2 / x )
2

50-0 5 ด ้วย x 2
)
 
3 0 3
Figure 1.27: The function in Example 3.

รูปต ัวอย่างที่ 20
่ เลขยกกำลังของเศษน ้อยกว่าสว่ น
ย่างที่ 21 เมือ
11x  2 (11 / x 2 )  (2 / x 3 )
lim  lim
x   2 x 3  1 x   2  (1 / x 3 )
00
 0
2-0

่ เลขยกกำลังของเศษมากกว่าสว่ น
อย่างที่ 22 เมือ
2x2  3 2 x  (3 / x)
ก lim
x   7 x  4
 lim
x   7  ( 4 / x )

)  
 4x3  7 x  4 x  (7 / x )
ข) lim 2
x   2 x  3 x  10
 lim
x   2  (3 / x )  (10 / x 2 )


รูปตัวอย่างที่ 5 ก) รูปตัวอย่าง
ที่ 5 ข)
 4x3  7 x
y
2 x 2  3x  10
แบบฝึ กห ัด
จงหาลิมต ิ ทีอ
่ นันต์ตอ
่ ไปนี้
5 4 x
 4 x
1.x x3
lim 2. lim
x  4 x  4  x

3x4+7x2+6 x 3
3.lim
x 4x2-3x-6 4. lim
x2 x2

เสนกำกั บแนว
นอนและแนวตัง้ ้
เสนกำกั
บแนวตัง้
ฟั งก์ชน ั f ( x)  1 / x
เมือ ่ x  , 1 / x   0
lim 1 / x   0 เสนกำกั้ บ แนวนอน
x 

่ x  , 1 / x   0
เมือ
lim 1 / x   0
x  

สน้ y = 0 คือเสนกำกั
้ บแนวนอนของกราฟของ f
1
่ x  0 , 1 / x    x  0
เมือ 
lim f

( x )  lim
x 0 x


1
่ x  0 , 1 / x    xlim
เมือ 
0 
f ( x)  lim  
x 0 x

เสน้ ดั
x ง=นั0น ้
้ คือเสนกำกั
บแนวตัง้ ของกราฟของ
f
นิยาม เสนกำกั ้ บแนวนอนและแนวตัง้

y = b เป็ นเสนกำกั บแนวนอนของกราฟของฟั y  f (x
งก์ ั
) ชน
ถ ้า lim f ( x)  b หรือ xlim
 
f ( x)  b
x 


x = a เป็ นเสนกำกั บแนวตัง้ ของกราฟของฟั ั
y  f ง(xก์)ชน
ถ ้าxlim
a
f ( x)  ()หรือ lim f ( x)  ()

xa


ต ัวอย่างที่ 23 หาเสนกำกั บ
x3

จงหาเสนกำกั บของโค x้ง 2
y 

วิธทำ
ี หาพฤติกรรมของฟั งก์xชน ั 
เมืและ

่ x  2
x3 1 1 1
y  1  lim (1  )  1, lim (1  )  
x2 x2 x  x2 x 2 x2

เสนกำกั ้
บในแนวนอนคือ y =1 และเสนกำกั
บในแนวตัง้ คือ
รูปตัวอย่างที่ 23

x =-2

y =1
ต ัวอย่างที่ 24 โค ้งทีม ้ บหลายเสน้
่ เี สนกำกั
โค ้ y  sec x  1 sin x
และ y  tan x 
ง cos x cos x

จะมีเสนกำกั บแนวดิง่ มากมายทีcos ค  0 ดังรูป
่ า่ xของ
y  sec x y  tan x

ต ัวอย่างที่ 25 เสนกำกั ye
บแนวนอนของ
x

้ง เสน้
โคจะมี ้
y = 0 เป็ นเสนกำกั

x
y e

แนวนอน ดังแสดงในรูป
lim e x  0
x 

(
x
lim
x 
e ไม่ม)ี

การใช ้
การ จ
เราสามารถที ่ ะหาพฤติกรรมของ y  f (x) เมื่อ x  
แทนที่ y  f (1 / x) เมือ
่ x0
โดยการหาลิมต ิ ของ
(ดังจะกล่าว
แบบฝึ กห ัด

จงหาเสนกำกับของฟั งก์ชน ั ต่อไปนี้
1.f(x)=
1 2. f(x)=-1+ 1
x-2 2x+3
3 x
3.f(x)=x2-1 f(x)=
4. x2-1
ต ัวอย่างที่ 25 การใชการแทนที้ ่
จงหาlimx 
sin(1 / x)

ทำ เราให ้ t = 1/x เราทราบว่ า0


t เมือ
x ่ ดังนัน

1
lim sin( )  lim sin(t )  0
x  x t 0


ต ัวอย่างที่ 26 การใชการแทนที ่
จงหา xlim
0
e1/ x

ทำ เราให ้ t = 1/x เราทราบว่


t   า

เมือ
่ x  0 ดังนัน

lim e1/ x  lim et  0
x 0 t  
ต ัวอย่าง  
sin  x  
จงหา lim  6
x

6
3  2 cos x
วิธทำ

 
ใ x   z ด ัง x  z 
6 6
ห้ z  0 นน้ั 
และ เ x
6
   มื่
sin  x   sin z
 อ
6   lim
lim z 0  
x

3  2 cos x 3  2 cos z  
6
 6
 
sin  x  
 6 sin z
lim  lim
x

3  2 cos x z 0 3  3 cos z  sin z
6

z z
2 sin   cos 
 2 2
 lim
2 z  z z
z 0
2 3 sin    2 sin   cos 
2 2 2
z
cos 
 2
 lim  1
z 0 z z
3 sin    cos 
2 2
แบบฝึ กห ัด
้ ารแทนทีห
จงใชก ิ ต่อไปนี้
่ าลิมต

(3/ x)3 +5
1. lim
x 2tan(1/ x)-1
2. lim (4e
-(1
/x) +log(1/ x)-6)

x 0
หาลิมต ิ อน ันต์ดว้ ย ทฤษฎีแซนวิช
ต ัวอย่างที่ 27 หาลิมต ิ เมือ่ x เข้าใกล้  หรือ 0
sin x
จงหาเสน y  2โดยใช
้ กำก ับของโค้ ง x ท
 ้ ฤษฎีแซนวิช

ิ ทำ
ี หาพฤติกรรมของฟังก์ ั และเมื
ชนเมื
x  ่ อ
อ x่ (ต
 0ัวหารเป็น 0
sin x 1 1
เมือ
่ เนือ
x   ่ งจาก0  x

x และ lim
x   x
0
sin x
ดังนัน
้ จะได ้ว่xlim
า x ตามทฤษฎี
0 แซนวิช
 sin x 
ดังนัน
้ xlim 2 
x 
  20  2
 

นอกจากนัน
้ เมือ

sin x
x  0 ด ังน
lim นจึ
x 0
ั้ x งไม่ ้ กำก ับในแนวตงที
1 มเี สน ั้ จ่
รูปต ัวอย่างที่ 27

y =2
้ กำก ับแนว
การหาเสน
ลาดเอียง

้ ตรง y = ax+b จะเป็นเสน


เสน ้ กำก ับของกราฟของ y = f(x)

ถ้ lim  f ( x)  (ax  b)   0 ห lim  f ( x)  ( ax  b)   0


x  x 

า รื


วอย่างที่ 28 การหาเสนกำกั
บแนวลาดเอี ย ง
2x2  3

หาเสนกำกั บแนวลาดเอียงของกราฟของ
f ( x) 
7x  4
ทำ จากการหารตัวเศษด ้วยตัวสว่ น เราจะได ้
2 x 2 หายไปเมื
3 อ
่ |x| มีคา่ มาก
f ( x) 
7x  4
2 8   115
 x 
7 49  49(7 x  4)
ั เชงิ เสน้ g(x)
ฟั งก์ชน

ดังนัน ้
้ เสนกำกั
บแนวลาดเอี ย งของ
2 8 
2

8
กราฟของ f คือ g ( x)  7 x  49 g ( x )
7
x
49
แบบฝึ กห ัด
้ กำก ับ
จงหาเสน

x2 +3x+3
1.f(x)= x+1
1
2.f(x)=x+ 2
x
ความต่อเนือ
่ ง (Continuity)
เนือ ั ค
่ งเป็นฟังก์ชนที ั จะแปรผ ันอย่างต่อ
่ า่ ของฟังก์ชน
ะ จะไม่มก ี ารกระโดดจากค่าหนึง่ ไปอีกค่าหนึง่
ต ัวอย่างที่ 28 การหาความต่อเนือ ่ ง
จงหาจุในรู
ดทีฟ่ ปง
ัมีก์
คf ช ั
วามต่
น อเนือ
่ ง และไม่ตอ
่ เนือ
่ ง
y วิธทำ
ี ฟังก์ชนั จะต่อเนือ่ งท
2 ในโดเมน [0, 4]
1 ยกเว้นที่ x = 1, x = 2 และ x =
0 1 2 3 4
x
เหตุผล
จุดทีต่f่ อเนือ ่ ง
ที่ x =0
lim f ( x)  f (0)
ที่ x =

x 0
lim f ( x)  f (3)
3 x 3

ที0่  c  4, c  1,2 lim f ( x )  f (c )


x c

จุดไม่
ทีf่ ตอ
่ เนือ่ ง
ที่ x =1 lim f ( x) ไม่ม ี
x1
ที่ x = lim f ( x)  1 แต่ 1  f (2)
2ที่ x = x2
lim f ( x)  1 แต่ 1  f (4)
4 x 4

ที
C่ < 0, ไม่
c >อ4ยูใ่ นโดเมนของ
f
นิยาม ความต่อเนือ
่ งทีจ
่ ด
ุ ใดๆ
ต่อเนือ
่ งจากขวา่ งจากซา้ ยและจากขวา
ต่อเนือ ่ งจากซา้ ย
ต่อเนือ

x
a c b

ทีจ
่ ด
ุ ภายใน ฟัมี
งค ก์ ั(x) อเนือ
y วามต่
ชf น ่ งทีจ
่ ด
ุ ภายใน c ถ้า
lim f ( x)  f (c)
x c

ทีจ
่ ด
ุ ปลาย ฟั มีค
งก์ วามต่
yชfนั (x)อเนือ่ งทีจ ่ ด
ุ ปลายด้านขวามือ a
หรือมีความต่อเนือ ่ งทีจ่ ดุ ปลายด้าน
ซา้ ยมือ
lim
xa
fb( xของโดเมนของฟั
)  f (a ) หรือ lim f ( xง
x b
)
ก์ช ั
f (bน )
ถ้า
ั อเนือ
อย่างที่ 29 ฟังก์ชนต่ ่ งตลอดโดเมน
ฟังก์ชน ั f ( x)  4  x 2มีความต่อเนือ
่ ง
ทุกจุดในโดเมน [-2, 2] ที่ x = -2
มีความต่อเนือ ่ งขวา และที่ x = 2
มีความต่อเนือ ่ งซา้ ย

อย่างที่ 30 ฟังก์ชนไม่ ตอ
่ เนือ
่ งแบบกระโดด
ฟังก์ชนข ั นบ ั้ ันไดหนึง่
หน่วxlim
ย
( x)  ด
UU(x) lim U ( x)  1
0 ังแสดง

0 x 0
ในรูป lim x 0
U ( x) และ
จะได้วา่ ไม่ม ี
เนือ
่ งจากฟังก์ชนมี ั
การกระโดดที่ x=0

ารทดสอบความต่อเนือ ่ ง ( Continuity test)
จะมีฟั
คงวามต่ั (xอ)เนือ
ก์ชfน ่ งที่ x = c ถ้ามีคณ
ุ สมบ ัติ 3 ข้อด ังต่อ
1.หาค่ าได ้ ( c อยูใ่ นโดเมนของ
f(c) f )
หาค่าได f ้ ( มีxลมิ ต
ิ เมือ

2. xc
lim f ( x ) c
)
3. lim
x c
f ( x)(ค่ า
f (ลิ
c)มต
ิ เท่ากับค่าของฟั งก์ชน ั )

รณารูปกราฟของฟั งกันต่อไปนี้ แล ้วระบุจด


ุ ทีม
่ ค
ี วามต่อเนือ

ทีไ่ ม่ตอ
่ เนือ ั
่ งของฟั งก์ชน
ไม่ตอ่ เนือ
่ งที่ x=0
่ ง ไม่ตอ
ต่อเนือ ่ เนือ
่ งที่ x=0 ไม่ตอ
่ เนืองที่ x=

ไม่ตอ
่ เนืองที่ x=0 ไม่ตอ
่ เนืองที่ x=0

น ทีต
่ อ
่ เนือ
่ งทุกจุดในโดเมน


ฟังก์ชนพหุ นาม (polynomials)

ฟังก์ชนตรรกยะ (rational functions)
ฟังก์ชนรากั (root functions) ( y  x , n เป็นเต็มบวก> 1
n

ฟังก์ชนตรี ั โกณมิต ิ (trigonometric functions)


ฟังก์ชนตรี ั โกณมิตผ ิ กผ ัน (inverse trigonometric func
ฟังก์ชนเลขช ั ี้ ล ัง (exponential functions)
กำ
ฟังก์ชนลอการิ ั ทม
ึ (logarithmic functions)
ั อเนือ
คุณสมบ ัติของฟังก์ชนต่ ่ ง
ถ้าต่ฟั
องเนื
ก์อ ั ่ xg= c ด ังนนการรวมก
fและ
่ชงที
น ั้ ้ องฟังก์ช
ันต่อไปนีข
ความต่อเนือ ่ งที่ x = c เชน ่ ก ัน
1. ผลรวม (Sums) f  g
2. ผลต่าง (Differences) f g

3. ผลคูณ (Products) f g

kkเป
f ,็ นต ัวเลขใดๆ
4. ผลคูณค่าคงที่ (Constant multiples)
5. ผลหาร (Quotients)
f / g , g (c )  0
ประกอบก ัน (Composites)
ประกอบของฟังก์ชนต่ ั อเนือ ่ งจะมีความต่อเนื)และ
y  sin( x 2
อ ่
่ ง เชน
จะต่
y  cos อเนื
x อ่ งทุกจุดในชว่ งทีกำ ่ หนด
ถ ้าต่f (xอ)เนือ
่ งที่ x = c และ ต่)อเนือ
g (x ่ งที่ xf =(c)
ดังนัจะต่

้ gof อเนือ่ งที่ x = c ลิมต ิ xเมื
อ ่c คือ g ( f (c))
วอย่างที่ 31 การใชท ้ ฤษฎีการประกอบ
x sin x
จงแสดงว่yา x 2มีค2 วามต่อเนือ
่ ง
x sin x
งจาก เป็นฟั ั อเนือ
2 งก์ชนต่ ่ ง (กฎการคูณ และกา
x 2
x sin x
เป็นฟังyก์ช ั | อเนือ
| xนต่ ่ ง ด ังนน
ั้ y  x2  2 เป็นฟังก

x sin x
y  x yx
y
x2  2
ทฤษฎีบทค่าระหว่าง
กลางของฟังก์ชนต่ ั อ y
ฟัเนื
งก์อ่ ชงน
yั (IVT)
ต่
อ เนื
f (x )อ ่ งบนชว ่ งปิ ด [f(b)a, b]
จะให้คา่ ได้ทก ุ ๆ ค่าระหว่ f (aและ
) างf (b)
y
0

เป็นค่
ถ้าyา0 ใดๆค่าหนึง่ ระหว่ f (a )และ
าง f(a)
f (b)ด ังนน ั้ y 0  fสำหร (c ) ับ c ทีอ ่ ยู่
ในชว ่ ง [ a, b] 0 a c b x
2 x  2, 1  x  2
รูปของ ฟังก์ช ั )   3, 2  x  4
f ( xน

จะไม่ให้ทก ุ ค่าระหว่f า(1)ง 0
แ f (4)  3
จะไม่มค ละาง 2 และ 3
ี า่ y ระหว่ 0

ั อเนือ
เพราะไม่เป็นฟังก์ชนต่ ่ ง
ผลพลอยไ
ด้ถ้จ
า fาก IVT
เป็นฟั ั อเนือ
งก์ชนต่ ่ งปิ ด [a,b] โดยที่ f(a) และ f(b)
่ งบนชว
เป็น
จำนวนทีม ่ งหมายตรงข้ามก ันแล้ว จะมีจำนวนจริง c  (a,b)
่ เี ครือ
อย่างน้อย
หนึง่ จำนวนทีทำ ่ ให้ f(c) = 0
y

f(a)>0

c b
x
a
f(c)=0 f(b)<0
ต ัวอย่าง 32 ใชท ้ ฤษฎีบทค่า
ระหว่างกลาง แสดงว่าสมการมีคำ
จงแสดงให้เห็นจริงว่า สมการ 4x -6x +3x-2 = 0 มีคำตอบทีเ่ ป็น
3 2

ตอบ ง
จำนวนจริ
อย่างน้อยหนึง่ คำตอบ
วิธทำ
ี สมมติให้ f(x) = 4x3-6x2+3x-2 ได้วา่ เป็นฟังก์ชนพหุ ั
นาม
ด ังนนั้ f เป็นฟังก์ชนต่ั อเนือ่ ง
เลือกชว ่ งปิ ดชว
่ งหนึง่ ทีทำ ั จ
่ ให้คา่ ฟังก์ชนที ่ ด
ุ ปลายชว ่ งทงสอง
ั้
เป็นจำนวนทีเ่ ครือ ่ ง
หมายตรงข้ามก ัน เชน ่ [1,2] จะเห็นว่า f(1) = -1 <0 , f(2) = 12
>0
ผลพลอยได้จาก IVT จะได้วา่ มีจำนวนจริง c  (1,2) ที่
ทำให้ f(c) = 0
พูดอีกอย่างก็คอ ื มี c  (1,2) เป็นคำตอบของสมการ 4x3-
6x2+3x-2 = 0
แบบฝึ กห ัด
1. ฟังก์ชนต่ ั อไปนีต ้ อ่ เนือ่ งบนชว ่ งI
ทีกำ
่ หนดหรือไม่ ถ้าไม่ตอ ่ เนือ ่ ง ให้
ระบุวา่ fไม่ ต อ
2
x่ ,เนือ
่ x งที
 2 ่ x มีคา ่ เท่ า ใด
1. ( x )  
 2 x, x2
I  [0, 4]

1  x  2, x2
1. f ( x)   x  2, x  2 I  [0, 4]

2
แบบฝึ กห ัด
2. จงหาจำนวนจริง c และ d ทีทำ ่ ให้ f
เป็นฟังก์ 7ช ั 2 เมื
x นต่ อเนื อ
่ อ
่ ง
f ( x)  
2.1 2
cx เมื
xอ ่ 1
x 1
2 x เมือ ่ x

f ( x)  cx 2  d 1 เมือ ่ 1x
2.2 4 x เมื2อ
 ่ x
2
x3 -2x2 -x+2
3. ให้ f(x) = 2
x -1
ถ้าต้องการให้ f ต่อเนือ
่ งบนเซต
ของจำนวนจริง ต้องเพิม ่ นิยาม
อะไร 3
แสดงว่าสมการ x -x+1 = 0 มีคำตอบทีเ่ ป็นจำนวน
งน้อย 1 คำตอบ
้ ม
เสนส ั ผัส (Tangent Lines)
วงกลมคือเสน้ L ทีส ่ มั ผัสวงกลมและตัง้ ฉากกับรัศมีของวง
อย่างไรถ ้าเสน้ L สม ั ผัสกับเสนโค้ ้งอืน
่ C ทีจ
่ ด
ุ P โดยทัว่ ไ
้ความหมายของเสนส ้ ม ั ผัสอย่างใดอย่างหนึง่ ต่อไปนี้
1. L ผ่าน P ตัง้ ฉากกับเสนจาก ้ P ไปยัง
จุดศูนย์กลาง C
2. L ผ่านเพียงจุดเดียวของ C นั่นคือ P
3.
P y ด P และอยูyเ่ พียงด ้านเดียวของ
L ผ่านจุ
L C y L
L

C L C P C
O P
P
x x x
กรณีไม่ใชเ่ สนส
้ มั ผัส
นิยามของเสนส ้ ม ั ผัสสามารถกับเสนโค ้ ้งทัว่ ไป ต ้อง

ใชการเคลื อ
่ นเข ้าใกล ้ โดยการพิจารณาพฤติกรรม
ของเสนตั ้ ดเมือ ่ จุด Q เคลือ ่ นเข ้าหาจุด P ตามเสน้
โค ้ง ดังรูปและคำนวณหาลิมต ิ ของความชน ั ของเสน้
ตัดเมือ
่ Q เคลือ ่ นตามเสนโค ้ ้งเข ้าหาจุด P ถ ้ามีลม ิ ต ิ
ค่าความชน ั ของเสนส ้ มั ผัสทีจ ่ ด ุ P จะเท่
เส า้ กับ
นส ั
ม ค่
าสลิมต
ผั ิ
เสนส้ ม ั ผัส
้ ด
เสนตั
Q

P P

Q
ต ัวอย่างที่ 1 เสนส้ ม ั ผัสโค ้งพาราโบลา

ความชนของพาราโบลา y  x 2
ทีจ่ ดุ P(2, 4) แล ้วเขียนสม
มผัสกับพาราโบลาทีจ ่ ด
ุ นี้
้ ดผ่านจุด P(2, 4) และจุด Q(2+h, (2+h)2) แล ้วหา
ากเสนตั
Q จากนัน ้ หาความชน ั ของเสนตั ้ ดเมื อ
่ 2 Q เคลื อ ้
่ นตามเสนโคง
y (2  h)  2
2
h  4h  4  4
2

ความชน ั ของเสนตั
้ ด x 
h

h
h  4h 2

y y=x 2

h
Q(2+h,(2+h)2)  h4
Tangent line
lim(h  4)  4
D y=h2-4 h 0

P(2,4) ้
คือเสนตรงทีผ่ า่ นจุด P ทีม ่ ค
ี วามชนั เท่า
D x=h มีสมการเป็ น y  4  4( x  2)
2 x
2+h y  4x  4
าม ความชนั lim
และเส 0้ + ม
f (xนส ัh)ผั–สf (x
(Slope
0) and Tangent Line)
ั ของเส
ความชน h0 ้
นโค ้งh y  f (xที) จ
่ ด
ุ P( x0 , f ( x0 ))คือ
f ( x0  h)  f ( x0 )
m  lim
h 0 h
เสนส ้ ม
ั ผัสกับเสนโค
้ ้งที่ P

คือเสนตรงที ล
่ ากผ่านจุด P
ด ้วยความชน ั m
วอย่างที่ 2 ความชน ั และเสนส ้ มั ผัสของ y = 1/x
หาความชน ั ของโค ้ง y = 1/x ที่ x = a
ใดมีความชน ั เท่ากับ -1/4
กิดอะไรขึน้ กับเสนส ้ ม ั ผัสของโค ้งทีจ ่ ด
ุ (a, 1/a) เมือ
่ a เปลย
วิธทำี
(ก) f ( x) ความช
1/ x ั ที่ (a, 1/a) คือ

1 1

f ( a  h)  f ( a )
lim  lim a  h a
h0 h h 0 h
1 a  ( a  h)
 lim
h 0 h a ( a  h)

1 1
 lim  2
h  0 a ( a  h) a
1 1
(ข) 2
 จุ
 ด
4
, ที
a ม
่ ค
ี ั
2 วามชน = -1/4 คือ (-2,-1/2),(2,1/2
a
ั จะเป็ นลบเสมอและมีคา่ มากขึน
วามชน ้ เมือ
่ a มีคา่ มากขึน

 Text and lines are
like this Table
 Hyperlinks like this
 Visited hyperlinks
like this

Text
Textbox
box
Text box
With
Withshadow
shadow
นิยามทีแ ่ ม่นยำของลิมต ิ อนันต์
่ )า่ อนันต์บวกเมือ
เข ้าสูf (x
ค ่ x เขx้าใกล 0หรือ xlim
้  x f ( x)  
0

้าทุกเลขจำนวนจริงบวก B ที  ทำ
่  0 และ
ให ้ 0  x  x    f ( x)  B
0

เข ้าสู
f (x ่ )า่ อนันต์ลบเมือ
ค ่ x เขx้าใกล 0 หรือ้ x  x
lim f ( x)  
0

ถ ้าทุกเลขจำนวนจริง- B ทีทำ ่  0และ


ให ้ 0  x  x0    f ( x)   B
บบจำลองพฤติกรรมปลาย (End behavior model)
x ใหญ่มาก เราสามารถจำลองพฤติกรรมของฟั งก์ชน ั ทีซ ั
่ บ
4 3 2
y  3x  2 x  3x  5 x  6 y  3x 4  2 x 3  3x 2  5 x  6

y  3x 4
y  3x 4
การวิเคราะห์
ให ้  5 x  6 และ
4 3 2
f ( x )  3 x  2 x  3 x g ( x)  3 x 4
f ( x) 3x 4  2 x 3  3x 2  5 x  6
lim  lim
x   g ( x ) x   3x 4
 2 1 5 2 
 lim 1   2 3 4
x   3x x 3x x 
1
สดงว่า g(x) สามารถแทน f(x) ได ้เมือ
่ |x|มีคา่ มาก
าม แบบจำลองพฤติกรรมปลาย (End behavior model)
เป็งนแบบจำลองพฤติ
ฟั ั g
ก์ชน กรรมปลายขวาของ f ถ ้า
f ( x)
lim 1
x  g ( x )

เป็ ัg
ฟั งนแบบจำลองพฤติ
ก์ชน ้
กรรมปลายซายของ f ถ ้า
f ( x)
lim 1
x   g ( x )
างที่ 28 การหาแบบจำลองพฤติกรรมปลาย (End behavio
x
ให ้
f ( x )  x จงแสดงว่
e x)  x
คืgอา(แบบจำลองพฤติ
กรรมปลายขวาข
f
และคือแบบจำลองพฤติกรรมปลายซ
h ( x )  e x

f ายของ
วิธทำ
ี ด ้านขวาf ( x) x  e x  e x 
lim  lim  lim1    1
x  g ( x ) x  x x  x 

ex
เพราะว่า lim
x  x
0
ด ้าน
f ( x) x  e x  x 

ซายlim  lim  x
 lim 1   x   1
x  h( x ) x   e x  
 e 
x
lim 0
เพราะว่า x   e x
รูปตัวอย่างที่ 28
ลิมติ ของฟังก์ชน ั
ตรรกยะก
กำหนดให ้ f(x)ับค่ และา g(x) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนาม ดังนี้
อน ันต์
f  x   a x n  a x n 1  ...  a x 2  a x  a ; a  0
n n 1 2 1 0 n
g  x   bm x m  bm 1x m 1  ...  b2 x 2  b1x  b0 ; bm  0

f เรี
x ยกว่าฟั งก์ชน
ั ตรรกยะ และลิมต
ิ ของ
g น
ฟั งก์ช 
ั xตรรกยะ หาได ้ดังนี้
f  x an x n
lim  lim
x  g  x  x  b x m
m

f  x an x n
และ lim  lim
x   g  x  x   b x m
m

You might also like