You are on page 1of 42

113

รับว่าเป็ นความจริง เพราะอย่่ด้วยกันในวัดตลอดเวลา มิได้ไป


ไหนมาไหนพอจะหลวมตั ว ทั้ ง ก็ อ ย่่ กั บ ท่ า นพระอาจารย์ เ สี ย
เอง อั น เป็ นสถานที่ ใ ห้ ค วามปลอดภั ย ตลอดมาไม่ มี ข้ อ ที่ น่ า
สงสัย นอกจากเจ้ากรรมหรือค่่บาปค่่บุญมาถึงเข้าเท่านั้น เธอ
เล่าให้พระเคยอนุเคราะห์ฟังว่า เพียงประสาททางตากระทบ
กั น เท่ านั้ น มั น เหมื อนดมยาสลบเข้ า ไปไม่ ไ ด้ ส ติ ส ตั ง เอาเลย
ปรากฏแต่ความรักความผ่กพันมัดจิตใจจนแทบจะหายใจไม่
ออก ทำาให้จิตใจเซ่อซ่าไปตามอารมณ์น้ันจนตัวไม่เป็ นตัวของ
ตัว และไม่มีเวลาลดหย่อนผ่อนคลายลงบ้างเลย เมื่อเห็นท่า
ไม่ ไ ด้ ก ารก็ พ ยายามปลี ก ตั ว หนี ไ ป เจ้ า ของยาก็ ต ามไปเยี่ ย ม
คนไข้อีก เรื่องก็เสร็จกันเท่านั้นเองจะไปที่ไหนรอด ใครไม่เคย
ถ่กก็ด่ยิ้มได้ ถ้าถ่กเข้าก็ร้่เอง เพราะมิใช่พระสุนทรสมุทรพอ
จะเหาะออกจากทางทวารบนแห่งบ้านได้
ตามปกติพวกนี้ ไม่คุ้นกับพระแต่หากกรรมพาเป็ นไปเอง
เรื่องกรรมนี้ จึงไม่สิ้นสุดอย่่กับผ้่ใด เพราะกรรมมีอำานาจเหนื อ
ใครในโลกที่สร้างกรรม พระอาจารย์ท่านทราบอย่างเต็มใจจึง
ต้องมีอุบายปฏิบัติต่อเธออย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำาต่อผ้่ใดมา
ก่อนเลย แต่กค ็ งสุดวิสัย ท่านจึงมิได้แนะอุบายอะไรเพื่อเธอให้
ยิ่งไปกว่าที่อนุเคราะห์มาแล้วนั้ น เรื่องก็ลงเอยกันตรงที่ เมื่ อ
ไปไม่ ร อดก็ จำา ต้ อ งจอดเรื อ ซึ่ ง เป็ นคติ ธ รรมของโลกที่ อ ย่่ ใ ต้
อำา นาจของกรรม ดั ง นั้ น จึ ง ได้ นำา เรื่ องนี้ มาลงไว้ เ พื่ อเป็ นคติ
เตือนใจพวกเราที่อาจเป็ นได้ หากเป็ นการไม่สมควรประการ
ใดก็หวังได้รับอภัยจากท่านผ้่อ่านตามเคย
ก่ อ นจะมาถึ ง เรื่ องนี้ ได้ ก ล่ า วถึ ง ความร้่ พิ เ ศษของท่ า น
พระอาจารย์ม่ันที่เคยดักจับขโมยพระได้ผลดี และเป็ นเครื่อง
มือดักใจทายใจที่คิดออกนอกล่่นอกทางให้ร้่สึกและระมัดระวัง
ตั ว ได้ ดี เวลาท่ า นพั ก อย่่ ท่ี เ ชี ย งใหม่ เมื่ อมี พ ระปฏิ บั ติ ท่ี เ ด็ ด
เดี่ยวอาจหาญทางความเพียรไปหา ท่านมักจะใช้วิชาแขนงนี้
ช่วยในการสั่งสอนเสมอ ไม่ค่อยระวังว่าจะเกิดผลเสียหายตาม
มาดังที่ใช้กับผ้่ไม่ต้ังใจจริงจัง โดยมากพระที่ไปอบรมเป็ นผ้่มุ่ง
ต่ อ อรรถต่ อ ธรรมจริ ง ๆ พอร้่ ตั ว ว่ า ผิ ด และท่ า นตั ก เตื อ น จะ
เป็ นทางตรงหรือทางอ้อม ก็พร้อมที่จะแก้ไขความผิดของตน
อย่างเต็มสติกำาลัง ไม่ละอายและกลัวท่านในสิ่งที่ตนพลั้งเผลอ
เมื่อได้รับคำา ตักเตือนจากท่านโดยอุบายต่าง ๆ การอบรมสั่ง
สอนท่านเมตตาแสดงอย่างถึงใจผ้่ฟังจริง ๆ ไม่ปิดบังลี้ลับทั้ง
ความร้่ ภ ายใน และการชี้ แ จงก็ ช้ี แ จงไปตามความบกพร่ อ ง
ของผ้่ ม าศึ ก ษา ผิ ด ถ่ ก อย่ า งไรก็ ว่ า กล่ า วสั่ ง สอนกั น ไปตาม

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 113
114

เรื่อง เจตนาหวังสงเคราะห์จริง ๆ ผ้่มาศึกษาก็ไม่แสดงอาการ


กระด้างวางตัว ในลักษณะผ้่ ไม่ ยอมรั บความจริง หรือ หยิ่ งใน
ภ่มิว่าตนได้รับการศึกษามามาก ซึ่งตามธรรมดามักมีแทรก
อย่่เสมอ
การอธิบายธรรมของท่านกำา หนดแน่ นอนไม่ได้ ต้องขึ้น
อย่่กับผ้่ไ ปศึ กษาเป็ นราย ๆ ไป ผ้่ ไปศึก ษามีภ่ มิธ รรมขั้ นใดก็
อธิบายให้ฟังตามจุดที่สำาคัญ ๆ ทั้งจุดที่เห็นว่าถ่กต้องแล้วเพื่อ
ส่ ง เสริ ม ให้ ย่ิ ง ขึ้ น ไป ทั้ ง จุ ด ที่ เ ห็ น ว่ า ไม่ ถ่ ก และล่ อ แหลมต่ อ
อั น ตราย เพื่ อผ้่ น้ั น จะมี ท างลดละปล่ อ ยวางไม่ ดำา เนิ น ต่ อ ไป
การแสดงธรรมแก้จิตใจของนักปฏิบัติธรรมที่ไปศึกษาไต่ถาม
นั บ ว่าท่านอธิบายอย่ างมั่ น เหมาะตามจุ ด แห่ ง ความสงสั ย ไม่
ผิดพลาด ผ้่ไปศึกษาไม่ผิดหวังเท่าที่ทราบมา ซึ่งควรจะพ่ดได้
ว่า ร้อยทั้งร้อยต้องมีหวัง ถ้าเป็ นทางจิตตภาวนา เพราะท่าน
ชำานิ ชำานาญทางจิตตภาวนามาก นับแต่ข้ันตำ่าถึงขั้นส่งสุดไม่มี
อะไรบกพร่อง การแสดงออกแห่งธรรมแต่ละประโยคจึงจับใจ
ไพเราะ หาทางเสมอได้ยากในสมัยปั จจุบัน แสดงเรื่องศีลก็น่า
ฟั ง แสดงสมาธิ ทุ ก ขั้ น และปั ญญาทุ ก ภ่ มิ ก็ ถึ ง ใจอย่ า งยิ่ ง ฟั ง
แล้วทำาให้อ่ิมเอิบเพลิดเพลินไปหลายวัน กว่าความร้่สึกนั้นจะ
จางลง
ปกติ ท่ี ท่ านอย่่ ใ นป่ าในเขาโดดเดี่ ย วแต่ ผ้่เ ดี ย ว ในเวลา
บำาเพ็ญเพื่อธรรมเบื้องส่ง ท่านว่าท่านอย่่กับความเพียรทางใจ
แทบตลอดเวลา จะมี เ วลาว่ า งเฉพาะเวลาหลั บ นอนเท่ า นั้ น
นอกนั้นเป็ นความเพียรล้วน ๆ โดยมิได้กำา หนดอิริยาบถใด ๆ
เลย การพิจารณาธรรมภายในเพื่อถอดถอนกิเลสมีสติปัญญา
เป็ นเพื่อนสอง คือ ท่านพ่ดคุยโต้ตอบกับกิเลสด้วยสติปัญญา
มี ค วามมุ่ ง มั่ น เพื่ อแดนพ้ น ทุ ก ข์ เ ป็ นสื่ อชวนให้ คุ ย กั บ สิ่ ง เหล่ า
นั้น แต่มิได้พ่ดคุยด้วยปากเหมือนเราคุยกันหลายคน หากแต่
พ่ดคุยด้วยการคิด การไตร่ตรองการโต้ตอบกับกิเลสภายใน
ด้วยสติปัญญา กิเลสผ้่คอยหาช่องหาทางออกตั วจะออกทาง
ใดช่องใด หรือตบต่อยผ่กมัดท่านด้วยกลอุบายใด ท่านก็ใช้สติ
ปั ญญาตามต้อนตบตีขยี้ขยำากิเลสโดยอุบายต่าง ๆ จนเอาชนะ
ไปได้เป็ นพัก ๆ
จุดใดที่ท่านทราบว่ากิเลสยังเหนื อกว่าอย่่ก็พยายามส่ง
เสริมอาวุธ คือ สติปัญญาศรัทธาความเพียรให้มีกำาลังกล้าขึ้น
โดยลำาดับ จนกว่าจะเหนื อกว่ากำาลังของกิเลสที่เป็ นฝ่ ายข้าศึก
จนเอาชนะไปได้ โ ดยตลอดถึ ง ขั้ นโลกธาตุ ห วั่ น ไหวภายในใจ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 114
115

ขณะเจ้าผ้่ครองวัฏจิตถ่กทำาลายลงด้วยมรรคญาณ ดังที่เขียน
ผ่านมาแล้ว นี่ เป็ นวิธีดำาเนิ นความเพียรท่านในขั้นสุดท้าย
คื อ การเดิ น จงกรม การนั่ งสมาธิ ภ าวนา ท่ า นมิ ไ ด้
กำา หนดเวลา แต่ ถื อ เอาความเพี ย รเพื่ อชั ย ชนะเป็ นที่ ต้ั ง ไป
ตลอดสาย มีสติปัญญาเป็ นเครื่องดำา เนิ น พอพ้น จากดงหนา
ป่ าทึบไปได้แล้ว ท่านว่าเครื่องมือเข้าส่่สงครามคือสติปัญญา
ประเภทนั้น ย่อมหมดปั ญหาไปเอง เหลือแต่สติปัญญาที่ใช้อย่่
ประจำา ขันธ์เท่านั้ น เวลาต้องการใช้เพื่อคิดอรรถคิดธรรมลึก
ตื้นหยาบละเอียด หรือธุระอย่างอื่นก็นำา มาใช้เป็ นคราว ๆ ไป
พอสิ้ น เรื่ องแล้ ว ก็ ร ะงั บ ไปในที่ น้ั นเอง ไม่ มี ก ารเตรี ย มรุ ก
เตรียมรบกับอะไรดังที่เคยเป็ นมา ถ้าไม่มีข้ออรรถข้อธรรมมา
สัมผัสจิตพอจะให้คิดอ่านไตร่ตรองไปตาม ก็อย่่ไปเหมือนคน
ไม่มีสติปัญญา หรือเหมือนคนโง่แบบไม่เอาเรื่องเอาถ่านกับ
อะไรที่เคยเกี่ยวข้องกันมาอย่างชุลมุนวุ่นวายนั่นเลย ปรากฏ
มีแต่ความสงบสุขเด่นอย่่ในใจประเภท อกาลิโก เท่านั้น ไม่มี
อะไรมายุ่งเกี่ยว ถ้าอย่่ลำาพังใจที่สงบราบคาบจากสิ่งทั้งหลาย
ไม่คิดไปถึงเรื่องเคยมีเคยเป็ นที่อย่่ตามธรรมชาติข องเขาทั่ ว
ไตรโลกธาตุ ก็เป็ นเหมือนไม่มีอะไรเหลืออย่่เลย ประหนึ่ งดับ
ไปพร้อมกับกิเลสโดยสิน ้ เชิง
เวลามีหม่่คณะเข้าไปอาศัยอบรมด้วยก็มีการประชุมให้
โอวาทสั่ งสอน คอยตักเตือ นว่ ากล่ าวในเวลาที่ เห็ นว่ ารายใด
ไม่ส้่งามตางามใจ หรือทราบเรื่องของใครในทางจิตตภาวนา
โดยการแสดงภาพนิ มิตของผ้่น้ั นให้ปรากฏเป็ นความไม่ดีไ ม่
งามก็ ดี โดยการร้่ ข ณะจิ ต ที่ คิ ด ไปนอกล่่ น อกทางก็ ดี ก็ ต้ อ ง
แสดงอุ บ ายเป็ นเชิ ง เปรี ย บเปรยให้ เ จ้ า ตั ว ร้่ เพื่ อทำา ความ
สำารวมระวังต่อไป
การแสดงภาพนิ มิ ต ให้ ป รากฏแก่ จิ ตตภาวนานั้ น จะขอ
ยกตัวอย่างมาให้ท่านผ้่อ่านทราบพอเป็ นเครื่องเทียบเคียงกับ
นิ มิ ต ทั้ ง หลาย ที่ เ คยปรากฏแก่ จิ ต ตภาวนาของท่ า นพระ
อาจารย์ม่ันเสมอมา ซึ่งมีลักษณะต่าง ๆ กันตามร่ปการณ์ของ
ผ้่เป็ นต้นเหตุแห่งนิ มิตนั้น ๆ คือมีพระร่ปหนึ่ งเมื่อเป็ นฆราวาส
เธอเคยเป็ นนั ก มวยที่ มีช่ ื อเสีย งในวงการมวย เวลาบวชแล้ ว
เกิดความเลื่อมใสอยากออกปฏิบัติธุดงคกรรมฐาน ได้ทราบ
กิตติศัพท์กิตติคุณของท่านพระอาจารย์ม่ันว่า เป็ นพระปฏิบัติ
ดีและเชี่ยวชาญทางจิตตภาวนาน่ าเคารพเลื่อมใสมาก จึงออก
เดิ น ทางมุ่ ง หน้ า ไปสำา นั ก ท่ า นพระอาจารย์ ม่ั น แต่ ข ณะที่ จ ะ
ออกเดินทางไปหาท่าน มิได้นึกเฉลียวใจเรื่องของตัว คือเธอ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 115
116

ได้ถ่ายภาพนักมวยชกกันท่าต่าง ๆ ไว้ในกระเป๋ าราว ๑๐ กว่า


แผ่นติดย่ามไปด้วย แต่ตอนเธอถ่ายภาพนั้นจะถ่ายแต่เมื่อไร
ท่านมิได้เล่าให้ฟัง
เวลาเธอออกเดิน ทางจากพระนครไปเชี ย งใหม่ ห าท่ า น
พระอาจารย์ม่ันที่อย่่ในภ่เขาลึก จึงนำาติดตัวไปด้วย พอไปถึงก็
กราบรายงานตัวและความประสงค์ถวายท่านให้ทราบ ขณะ
นั้ น ท่ า นก็ มิ ไ ด้ พ่ ด เป็ นเชิ ง ตำา หนิ ห รื อ ชมเชยแต่ อ ย่ า งใด เป็ น
อันว่าท่านรับให้อย่่ในสำานักด้วย ตกกลางคืนท่านคงพิจารณา
เรื่องพระร่ปนั้นอย่างละเอียดแน่ นอน พอตอนเช้าเวลาพระมา
รวมกั น ที่ บ ริ เ วณที่ ฉั น ท่ า นก็ อ อกมาพอดี และเริ่ ม พ่ ด เรื่ อง
พระร่ ปนั้ น ออกมาทั น ที ว่ า ท่ า น … ..นี้ ต ามเจตนาเดิ ม ก็ มุ่ ง มา
เพื่อศึกษาอรรถธรรม มองด่อากัปกิริยาที่แสดงออกก็ไม่แสลง
ห่ แสลงตา เป็ นกิริ ย าที่ น่ า สงสาร แต่ คื น นี้ ทำา ไมท่ า นนี้ แ สดง
กิ ริ ย าน่ ากลั ว พิ ลึ ก คื อ ผมกำา ลั ง นั่ งภาวนาอย่่ ปรากฏว่ า
ท่ า น … ..เดิ น มาอย่่ ต รงหน้ า ผม ห่ า งกั น ประมาณหนึ่ ง วาเศษ
แล้ ว ตั้ ง หมั ด ตั้ ง มวยออกท่ า นั้ น ท่ า นี้ ให้ ผ มด่ อ ย่่ พั ก ใหญ่ แล้ ว
ค่อ ยถอยห่ างออกไป จากนั้ น ก็เ ดิ น ชกลมชกแล้ ง เตะเมฆเตะ
หมอก เตะซ้ายถีบขวาไปจนลับสายตา ท่านนี้ เคยเป็ นนักมวย
มาหรืออย่างไรก่อนจะมาบวช ถึงได้แสดงลวดลายนักมวยให้
ด่เป็ นการใหญ่
ขณะนั้นพระที่อย่่กับท่านและพระที่เป็ นนั กมวย ต่างนั่ ง
นิ่ งเงี ย บด้ ว ยความฉงนสนเท่ ห์ เฉพาะร่ ป นั้ นมองด่ ห น้ า
ซี ด เซี ย วไปหมด ว่ า อย่ า งไรท่ า น …… ท่ า นเป็ นอย่ า งไรใน
ความร้่สึกถึงได้ม าทำา อย่า งนั้ นให้ผมด่ แต่ดี อย่่ หน่ อยที่ไ ม่ม า
ต่อยเอาผมเข้า เช้าวันนั้ นท่านพ่ดเพียงเท่านั้ นก็ยุติเพราะได้
เวลาออกบิ ณ ฑบาต หลั ง จากนั้ น ก็ มิ ไ ด้ พ่ ด อะไรต่ อ ไปอี ก ตก
กลางคืนท่านอบรมพระเสร็จแล้วต่างก็แยกย้ายกันไป เรื่องก็
ไม่มีอะไร พอตกกลางคืนท่านคงพิจารณาพระร่ปนั้นอีก จึงได้
เรื่องพระร่ปนั้นมาพ่ดอีกในเช้าวันต่อมาว่า
ท่ า น … .นี้ ท่ า นมาหาผมเพื่ ออะไรแน่ คื น นี้ ท่ า นก็ ม าตั้ ง
หมั ด ตั้ ง มวยโดดโน้ น เตะนี้ ใ ห้ ผ มด่ เ กื อ บตลอดคื น เรื่ องท่ า น
แสดงความผิ ด ปกติ ข องพระผ้่ ม าด้ ว ยเจตนาหวั ง ดี ม าได้ ส อง
คืนแล้ว ท่านมีความร้่สึกอย่างไร ทั้งก่อนจะมาหาผมและขณะ
ที่ ม าอย่่ กั บผมขณะนี้ นิ ม นต์ ท่ า นเล่ า ความจริ ง ให้ ผ มฟั งด้ ว ย
ไม่เช่นนั้นผมเห็นจะรับท่านไว้ในสำานักไม่ได้ เพราะเป็ นมาได้

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 116
117

สองคืนแล้ว ที่ผมไม่เคยปรากฏลักษณะนี้ มาก่อนเลย พระร่ป


นั้นนั่งตัวสั่นเทา ๆ มองด่หน้าซีดไปหมดเหมือนคนจะเป็ นลม
และจะล้ ม ลงในขณะนั้ น พอดี มี พ ระร่ ป หนึ่ ง ท่ า นเห็ น ท่ า ไม่ ดี
เลยรี บ กราบเรี ย นขอโอกาสท่ า นอาจารย์ ม่ั น พ่ ด กั บ เธอ ซึ่ ง
กำาลังจะสลบอย่่ในขณะนั้นว่า
นิ มนต์ท่านกราบเรียนท่านอาจารย์โดยตรงตามเรื่องที่
ท่านมีความร้่สึกอย่างไร เพราะเท่าที่ท่านอาจารย์ถามก็เพื่อ
ทราบความจริงเท่านั้น มิได้มุ่งความเสียหายแก่ท่านแม้น้อย
แต่ อ ย่ างไร เท่ าที่ พ วกผมอย่่ กั บ ท่ า นมาก็ ใ ช่ อ ย่่ กั น ด้ ว ยความ
บริสุทธิห ์ ลุดพ้นจากกิเลสโดยไม่มีความผิดที่จะมิให้ท่านดุด่า
ว่ากล่าวอะไรได้ แต่อย่่ด้วยกันในฐานะล่กศิษย์กับอาจารย์ซึ่ง
เหมื อ นพ่ อ แม่ กั บ ล่ ก อย่่ ด้ ว ยกั น ย่ อ มมี ก ารดุ ด่ า ว่ า กล่ า วกั น
ตลอดมา ในเมื่อผ้่ใดทำา ผิดห่ผิดตาท่านในฐานะที่ท่านเป็ นคร่
อาจารย์ผ้่สอดส่องมองด่เพื่อความดีงามของบรรดาศิษย์ ก็จำา
ต้องมีการสอบถามและว่ากล่าวสั่งสอนไปตามเหตุการณ์
พวกผมเคยถ่ ก ดุ ด่ า ว่ า กล่ า วจากท่ า นมาเป็ นประจำา ยิ่ ง
กว่าที่ท่านว่าให้ท่านเสียอีก ขนาดไล่หนี จากวัดในเดีย ๋ วนั้ นก็
ยังมี แต่ก็ยังอย่่กับท่านมาได้จนทุกวันนี้ เมื่อร้่สึกโทษและยอม
ตนว่ า ผิ ด แล้ ว ท่ า นเองก็ ไ ม่ เ ห็ น ขั บ ไล่ ไ สส่ ง ไปไหนอี ก คงอย่่
ด้วยกันมาดังที่ท่านเห็นอย่่ขณะนี้ แล คำาที่ท่านกำาลังเตือนท่าน
อย่่ขณะนี้ ขอนิ มนต์พิจารณาด้วยดี ตามที่พวกผมฟั งด่แล้วร้่สึก
ว่าไม่มีอะไรพอจะกลัวท่านจนเลยขอบเขตแห่งความพอดี ถ้า
ท่ า นมี อ ะไรก็ นิ ม นต์ ก ราบเรี ย นท่ า นตามความจริ ง เมื่ อไม่ มี
อะไรผิ ด หรื อสุ ด วิ สั ย ที่ จ ะคิ ด ค้ น มาเล่ า ถวายได้ ก็ กราบเรี ย น
ท่ า นโดยตรงว่ า สุ ด วิ สั ย ที่ จ ะตามร้่ ใ นเรื่ องอดี ต ที่ ล่ ว งมาแล้ ว
ท่านจะฆ่าก็ยอมตาย ท่านจะขายก็ยอมเป็ นสินค้า ท่านจะขับ
ไล่ไสส่งไปไหนก็สุดแต่กรรมของตัวจะพาให้เป็ นไป ดังนี้ แล้ว
เรื่องก็จะยุติลงได้
พอท่านองค์น้ันพ่ดจบลง ท่านอาจารย์ก็ถามเธอซำ้าอีกว่า
ว่าอย่างไรเล่าท่าน? ผมเองก็มิได้คิดจะหาเรื่องหาราวอะไรใส่
ท่านโดยไม่มีสาเหตุ แต่พอหลับตาลงไปก็เห็นแต่เรื่องท่านมา
ขวางหน้าอย่่แทบทั้งคืน จนเกิดความสลดสังเวชใจว่า พระทั้ง
องค์ทำา ไมมาเป็ นได้อย่างนี้ และเป็ นได้ทุกคืนที่ท่านมาอย่่กับ
ผมที่น่ี แล้ว ก็ต้องถามท่านผ้่เป็ นต้นเหตุว่า ท่านจะมีอะไรที่ไม่
ดีไม่งามอย่่บ้างจึงมาแสดงเหตุอย่างนั้นไม่ยอมลดละ หรือว่า
ความร้่ ผ มซึ่ ง เคยเชื่ อแน่ ใ นใจตลอดมานั้ น มั น หลอกลวงผม

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 117
118

และทำา ให้ ท่ า นเสื่ อมเสี ย ไปด้ ว ย จึ ง ขอให้ ท่ า นพ่ ด ตามความ


สัตย์จริงให้ผมฟั ง ถ้าท่านยังบริสุทธิด ์ ีอย่่ เป็ นแต่ความร้่ผมมัน
พาให้เป็ นบ้าไปเอง ก็เท่ากับผมก็เป็ นพระบ้ าองค์ หนึ่ ง ซึ่ง ไม่
ควรอย่่ กั บหม่่ ค ณะต่ อไป จะทำา ให้ ห ม่่ พ วกล่ ม จมไปด้ ว ย ต้ อ ง
หนี ไปเที่ ยวซุกซ่ อนตั ว อย่่ ต ามแบบบ้ า ของตน และต้ อ งระงั บ
การอบรมสั่งสอนใคร ๆ ทันที ขืนสั่งสอนต่อไปโลกจะฉิ บหาย
ล่ ม จมไปเสี ย หมด เพราะความร้่ บ้า ๆ ของผมเพี ย งคนเดี ย ว
เป็ นสาเหตุ
ท่านที่เคยเตือน ๆ เธอซำ้าอีก เธอจึงเริ่มกราบเรียนเรื่อง
ราวต่ อท่ านอาจารย์ ด้ ว ยนำ้ าเสีย งสั่ น เครื อ แทบไม่ เ ป็ นเสี ย งผ้่
เสี ย งคนว่ า “ผมเป็ นนั ก มวย” เท่านี้ ก็หยุดเอาอย่างห้วน ๆ
ท่านถามยำ้าอีกว่า ท่านเป็ นนักมวยใช่ไหม เธอตอบว่าใช่เพียง
คำา เดี ย วเท่ านั้ น ท่ านถามว่ า ก็ ท่ า นกำา ลั ง เป็ นพระอย่่ แ ล้ ว ไป
เป็ นนั ก มวยได้ อ ย่ า งไรกั น หรื อ เวลาท่ า นมาที่ นี่ ก็ ช กมวย
หาเงินมาตามทางด้วยอย่างนั้นหรือ? ท่านถามอะไรเธอเป็ น
เหมือนไม่มีสติรับทราบเรื่องผิดถ่กดีช่ัวอะไรเลย มีแต่ครับเอา
เสี ย เรื่ อย ท่ า นที่ เ คยพ่ ด กั บ เธอจึ ง ถามเป็ นเชิ ง ชั ก จ่ ง ให้ เ ธอ
ได้สติรับทราบบ้างว่า มิใ ช่ท่ านเคยเป็ นนั ก มวยแต่คราวเป็ น
ฆราวาสโน้น เวลามาบวชเป็ นพระแล้ ว มิ ไ ด้ เ ป็ นอย่ า งนั้ น อี ก
มิใช่หรือ? เธอตอบว่าใช่ เป็ นนักมวยมาแต่คราวเป็ นฆราวาส
แต่เวลามาบวชเป็ นพระแล้วมิได้เป็ นอีก
ท่านอาจารย์ม่ั นเห็ น อาการไม่ ดี จึ ง หาอุ บ ายว่ า ได้ เ วลา
บิ ณ ฑบาต หลั ง จากนั้ น ท่ า นก็ ส่ั ง พระให้ ไ ปสอบถามเธอโดย
เฉพาะ เพราะเธอพ่ดกับท่านอาจารย์ไม่ได้เรื่องเนื่ องจากเธอ
กลัวท่านมาก หลังจากฉันเสร็จแล้วพระที่เคยพ่ดกับเธอจึงถือ
โอกาสไปสอบถามเธอโดยเฉพาะ ก็ได้ความว่าเธอเคยเป็ นนัก
มวยสวนกุ ห ลาบผ้่ มี ช่ ื อเสี ย งมาหลายปี เกิ ด ความเบื่ อหน่ า ย
ทางฆราวาสจึงออกบวชเป็ นพระ มุ่ง หน้ามาหาท่ านอาจารย์
พอได้ ท ราบความชั ด เจนจากเธอแล้ ว ก็ ม ากราบเรี ย นท่ า น
อาจารย์ให้ทราบตามเรื่องที่เป็ นมา ท่ านก็ มิไ ด้ว่ าอะไรต่ อไป
เรื่องของเธอก็เป็ นอันผ่านไป
นึ ก ว่ า จะเสร็ จ สิ้ น เรื่ องของเธอไปเรี ย บร้ อ ยแล้ ว เพราะ
ตอนกลางคื น ท่ า นให้ โ อวาทเธอองค์ น้ั น บ้ า งแล้ ว ก็ ค งจะไม่
ปรารภอะไรอีก แต่ท่ีไหนได้ ตอนกลางคืนท่านพิจารณาเรื่อง
ของเธออีก ตอนเช้าก็ได้เรื่องเธอมาพ่ดในท่ามกลางหม่่คณะ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 118
119

อีกตามเคยว่า เรื่องท่าน…..นี้ ยังไม่มีแต่ความเคยเป็ นนักมวย


เท่านั้น แต่ยังมีอะไรแฝงอย่่อีก ขอให้ท่านไปพิจารณาให้ดีอีก
ที เพียงเคยเป็ นนั กมวยมาแต่ฆราวาสเท่านั้ น เรื่องก็ควรยุติ
ไปแล้ ว ไม่ ค วรมาปรากฏซำ้ า ๆ ซาก ๆ อี ก ทำา นองนี้ พ่ ด เพี ย ง
เท่านั้นก็หยุด พอได้โอกาสพระองค์ท่ค ี ุ้นเคยกับเธอก็ไปหาเธอ
และถามเรื่องราวนั้นอีก ก็ทราบว่าเธอมีร่ปภาพคนชกมวยท่า
ต่าง ๆ ติดมาด้วย จึงให้เธอเอาออกมาด่ ก็ได้เห็นภาพมวยท่า
ต่าง ๆ ราว ๑๐ กว่าแผ่น พระที่ไปด่ก็ปักใจลงว่า ต้องเป็ นภาพ
นี้ แ น่ น อนที่ ทำา ให้ ท่ า นเดื อ ดร้ อ นอย่่ ไ ม่ ห ยุ ด จงเอาไปทิ้ ง หรื อ
เผาไฟเสีย เธอก็ปฏิบัติตามและพากันเอาภาพนั้นไปเผาไฟทิ้ง
จนหมด
จากนั้นก็มิได้มีเรื่องทำานองนี้ เกิดขึ้นอีกต่อไป ต่างอย่่ด้วย
ความสงบสุข เธอเองก็เป็ นพระปฏิบัติดีมีมรรยาทที่น่าเลื่อมใส
ท่านอาจารย์เองก็เมตตาเธอมากตลอดมา โดยมิได้พ่ดถึงเรื่อง
อดีตของเธออีกต่อไป จากนั้นเธอก็อย่่ด้วยความผาสุก เวลามี
โอกาสพระก็ถามเป็ นเชิงล้อเล่นกับเธอเกี่ยวกับเรื่องอดีต เธอ
พ่ดให้พระฟั งถึงเรื่องท่านอาจารย์ดุเธอว่า เธอตายไปครึ่งหนึ่ ง
แทบไม่มีความร้่สึกรับร้่เรื่องดีช่ัวอะไรเลย จึงได้ตอบท่านไป
แบบคนตายครึ่ ง มิ ใ ช่ ค นเต็ มเต็ ง ถ้ าท่ าน ไม่ ช่ ว ยเ มตต า
อนุ เ คราะห์ แ ล้ ว คงจะเป็ นบ้ า ไปเลย (คำา ว่ า ท่ า นหมายถึ ง
พระองค์ท่ีช่วยพ่ดแทน) ไม่มีวันกลับเป็ นคนดีได้แน่ ๆ แต่ท่าน
อาจารย์เองท่านก็ฉลาดมาก พอเห็นเราจะเป็ นบ้าและตายต่อ
หน้าท่าน ท่านก็รีบระงับเรื่องลงทันที แล้วพ่ดเรื่องอื่นมากลบ
เสี ย ทำา เป็ นเหมื อ นไม่ มี เ รื่ องนี้ อย่่ ใ นใจท่ า นเลย นี้ คื อ ภาพที่
ปรากฏทางนิ มิตภาวนาที่ท่านเคยใช้เป็ นค่่เคียงกันตลอดมา
มิ ไ ด้ ล ดละ เพราะเป็ นธรรมจำา เป็ นไม่ ด้ อ ยกว่ า ปรจิ ต ตวิ ช ชา
การกำาหนดร้่วาระจิตของผ้่อ่ ืน
ท่านเล่าว่า ท่านพักอย่่ท่ีเชียงใหม่มีประสบเหตุการณ์ท้ัง
ภายในโดยเฉพาะ และเกี่ยวกับสิ่งภายนอกมากมายกว่าที่ท้ัง
หลายที่เคยผ่านมาในชีวิตแห่งนักบวช สิ่งที่ไม่เคยร้่เคยเห็นก็
ร้่เห็นขึ้นมาเป็ นขึ้นมา ทั้งน่ าตื่นเต้นอัศจรรย์ตลอดมา ยิ่งเวลา
พักอย่่คนเดียวด้วยแล้วก็ย่ิงพบเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เป็ นของลึกลับ
มากมาย แม้ ตั ว เองก็ ไ ม่ อ าจจะประมาณได้ เพราะจิ ต ที่ เ ป็ น
ธรรมชาติร้่เห็นตามวิสัยของตนหากร้่เห็นอย่่ทำานองนั้น ร้่เห็น
ในเวลาเข้าที่ก็มี เวลาธรรมดาก็มี จึงน่ าแปลกประหลาดและ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 119
120

อัศจรรย์ จิตดวงที่เคยโง่และมืดมิดปิ ดทวารมาแต่ก่อน ซึ่งไม่


คาดฝั นว่าจะสามารถร้่เห็นได้ดังที่ร้่ ๆ เห็น ๆ อย่่กับเหตุการณ์
ที่มาเกี่ยวข้องในปั จจุบัน ประหนึ่ งสิ่งที่มาเกี่ยวข้องนั้น ๆ เพิ่ง
จะมีขึ้นในปั จจุบัน ทั้งที่เคยมีอย่่ด้ังเดิมแต่กาลไหนกาลไรมา
นอกจากเวลาจิ ต เข้ า พั ก สงบเต็ ม ที่ ล่ ว งเลยเหตุ ก ารณ์
ต่าง ๆ ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องถึงเท่านั้ น จึงไม่มีอะไรปรากฏใน
เวลานั้ น จิ ต พั ก อย่่ ด้ ว ยธรรม ธรรมอย่่ ด้ ว ยจิ ต จิ ต เป็ นธรรม
ธรรมเป็ นจิ ต เป็ นเอกภาพ คื อ ธรรมกั บ จิ ต เป็ นอั น เดี ย วกั น
ไม่ มี ส องกั บ อะไร ไม่ มี ส มมุ ติ ใ ด ๆ เข้ า ไปเกี่ ย วข้ อ ง กาลไม่ มี
สถานที่ไม่ปรากฏ ขันธ์ไม่มีในความร้่สึก สุขทุกข์ท่ีเป็ นสมมุติ
ไม่ปรากฏ ถ้าจิตไม่ถอนขึ้นมาจะอย่่ไปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี หรือกี่
กั ป กี่ กั ล ป์ ก็ ไ ม่ ป รากฏสมมุ ติ มี อนิ จฺ จํ ทุ กฺ ขํ อนตฺ ต า
เป็ นต้ น เข้ าไปรบกวน เพราะเป็ นความดั บ สมมุ ติ อ ย่ า งสนิ ท
แม้สมมุติท้ังหลายมีขันธ์ท่ีกำาลังครองตัวอย่่เป็ นต้น เกิดขโมย
แตกสลายไป ในขณะที่จิตกำาลังพักอย่่ในนิ โรธธรรม คือความ
ดับสมมุติท้ังหลายก็คงไม่มีทางทราบได้ จิตคงเป็ นสภาพนั้ น
ไปเลย
นี่ เป็ นเพียงพ่ดตามความเป็ นของจิตในเวลาเข้าพักระงับ
ดับสมมุติช่ัวคราว คงไม่พักตลอดไปเป็ นปี ๆ ดังที่ว่านั้น เช่น
เดียวกับคนนอนหลั บสนิ ทย่ อมหมดการรับ ทราบในขัน ธ์ แม้
จ ะ ห ลั บ ไ ป กี่ วั น ก็ ค ง เ ป็ น ทำา น อ ง ค น น อ น ห ลั บ อ ย่่ นั่ น เ อ ง
นอกจากเวลาตื่นนอนขึ้นมาแล้วถึงจะรับทราบความสุขทุกข์
ไปตามหน้าที่ท่ีเคยรับ
แต่การเข้าพักสงบจิต จะเป็ นพักสงบธรรมดาหรือพักใน
นิ โรธสมาบัติ ก็เป็ นสมมุติอย่่โดยดี เป็ นแต่ผ้่เข้าพักเป็ นผ้่พ้น
จากสมมุติแล้วเท่านั้น กิริยาแห่งสมมุติท้ังปวงจึงไม่สามารถ
ทำา วิ สุ ท ธิ จิ ต นั้ น ให้ กำา เริ บ เป็ นอื่ นได้ คงเป็ นวิ มุ ต ติ จิ ต อย่่ ต าม
เดิ ม ในฐานะเป็ น อกาลิ ก จิ ต คื อ จิ ต ที่ พ้ น จากกาลสถานที่
เป็ นต้นไปแล้ว เป็ นจิตที่หมดความคาดหมายด้นเดาใด ๆ ทั้ง
สิ้น จึง ไม่ค วรคาดหมายด้ นเดาให้เ สียเวลาและลำา บากเปล่ า
ขณะจิ ต ที่ พั ก ตั ว อย่่ ใ นความสงบลบสมมุ ติ ท้ั ง มวลแล้ ว ไม่ รั บ
ธุ ร ะหน้ า ที่ ใ ด ๆ ฉะนั้ น สิ่ ง ที่ ค วรเข้ า ไปเกี่ ย วข้ อ งให้ ร้่ เ ห็ น จึ ง
ระงั บ ดั บ ส่ ญ ไปหมดเวลานั้ น ต่ อ เมื่ อถอนออกจากสมาธิ
สมาบัติออกมาอย่่ข้ันอุปจารสมาธิ หรือเป็ นวิสุทธิจิตธรรมดา
แล้ว ถ้ามีเหตุควรร้่ จิตควรร้่และรับทำา ธุระไปตามหน้าที่และ
กำาลังของตนต่อไปตามกาลอันควร ท่านว่าจิตท่านเปิ ดเผยต่อ
เหตุการณ์อย่่เสมอ ทั้งอย่่ในอุปจารสมาธิและอย่่ปกติธรรมดา

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 120
121

ต่ า งกั น เพี ย งลึ ก ตื้ นหยาบละเอี ย ดหรื อ กว้ า งแคบเท่ า นั้ น ถ้ า


ต้ อ งการความละเอี ย ดและกว้ า งขวางต้ อ งเข้ า อุ ป จารสมาธิ
พิจารณา
เรื่องเกี่ยวกับตาพิเศษ ห่พิเศษก็เช่นกัน ต้องเข้าอุปจาร
สมาธิสงบอารมณ์น้อย ๆ แล้วคอยรับทราบ จะทราบทางร่ป
คนเสียงคน หรือร่ปสัตว์เสียงสัตว์ หรือมากไปกว่านั้น ตามแต่
ความประสงค์จะทราบก็ทราบได้ เหมือนเห็นด้วยตาเนื้ อ ฟั ง
ด้วยห่หนัง เรื่องทั้งนี้ ท่านเคยเล่าให้ฟังเวลาท่านไปพักอย่่กับ
พวกชาวเขา ซึ่งไม่เคยเห็นพระสงฆ์เป็ นส่วนมาก นอกจากผ้่มี
โอกาสได้ลงมาเมืองหรือหม่่บ้านที่มีพระสงฆ์ถึงจะมีโอกาสได้
เห็นบ้าง
ขณะท่านไปถึงทีแรกสององค์ด้วยกัน ก็พากันพักอย่่ชาย
ภ่เขา ห่างจากหม่่บ้านชาวเขาราวสองกิโลเมตร พักอย่่ร่มไม้
ธรรมดา ตอนเช้าพากันเข้าไปบิณฑบาต คนชาวเขาเห็นท่าน
เข้าไปบิณฑบาตก็ถามท่านว่า ตุุเจ้ามาธุระอะไร ท่านก็บอกว่า
มาบิ ณ ฑบาต เขาถามว่ า มาบิ ณ ฑบาตอย่ า งไร? เพราะพวก
เขาไม่ เ ข้ า ใจ ท่ า นบอกว่ า บิ ณ ฑบาตข้ า ว เขาถามว่ า ข้ า วสุ ก
หรือข้าวสาร ท่านบอกว่าข้าวสุก เขาก็บอกกันให้หาข้าวสุกมา
ใส่บาตรท่าน ได้แล้วก็กลับมาที่พัก และฉันแต่ข้าวเปล่า ๆ อย่่
นาน
ขณะไปพักอย่่ท่ีน้ัน ทีแรกชาวบ้านเขาไม่มีความเลื่อมใส
และไว้วางใจท่านเลย ตกกลางคืนหัวหน้าบ้านตีเกราะนัดให้
ชาวบ้ านมาประชุ ม รวมกั น และประกาศว่ า ขณะนี้ มี เ สื อ เย็ น
สองตั ว (หมายถึง ท่านอาจารย์ กั บ พระที่ อ ย่่ ด้ ว ยกัน สององค์ )
มาพักอย่่ในป่ าแห่งนั้น จะเป็ นเสือเย็นประเภทใดก็ยังทราบไม่
ได้ พวกเราไม่ไว้ใจเสือเย็นสองตัวนั้น จึงห้ามไม่ให้เด็กและผ้่
หญิงเข้าไปในป่ านั้น แม้ผ้่ชายจะไปก็ควรมีพวกมีเพื่อนและมี
เครื่องมือติดตัวไปด้วย ไม่ควรไปคนเดียวและไปแต่ตัวเปล่า ๆ
เดีย ๋ วเสือเย็นสองตัวนั้นเอาไปกินจะว่าไม่บอก
ขณะที่เขากำาลังประชุมประกาศเรื่องเสือเย็นให้ชาวบ้าน
ทราบ ก็ เ ป็ นเวลาที่ ท่ า นอาจารย์ กำา ลั ง เข้ า ที่ ภ าวนาอย่่ พ อดี
เรื่ องที่ เ ขาประกาศให้ ช าวบ้ า นทราบทั้ ง หมด จึ ง เป็ นเหมื อ น
ประกาศให้ ท่านซึ่ งกำา ลั งตกอย่่ในคำา กล่า วหาว่ า เป็ นเสื อ เย็ น
ทราบด้วยโดยตลอด ท่านเกิดความสลดสังเวชใจอย่างยิ่งที่ไม่
เคยคาดฝั นมาก่ อ นว่ า ตนจะเป็ นพระประเภทเสื อ เย็ น ดั ง คำา
กล่าวหา ขณะนั้นแทนที่ท่านจะโกรธและเสียใจในคำากล่าวหา

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 121
122

ของเขา แต่กลั บเกิ ดความเมตตาสงสารเขาอย่ างบอกไม่ถ่ ก


กลัวเขาผ้่ไม่ร้่เรื่องอะไรเลยก็มีจำา นวนมาก จะพลอยเชื่อตาม
คำา เหลวไหลนั้ น และพลอยเป็ นบาปหาบกรรมไปตาม ๆ กัน
เมื่อตายจากชาติน้ี ไปแล้ว เขาจะไปเกิดเป็ นเสือกันทั้งบ้าน
พอตื่ นเช้ า ท่ า นก็ รี บ บอกกั บ พระที่ อ ย่่ ด้ ว ยว่ า คื น นี้ พวก
ชาวบ้านเขาประชุมประกาศกันว่า เราทั้งสององค์เป็ นเสือเย็น
ที่ ป ลอมแปลงตั ว เป็ นพระมาหลอกลวงอย่ า งแยบยลลึ ก ลั บ
เพื่ อให้ เ ขาตายใจเชื่ อถื อ แล้ ว กลั บ ทำา ลายชี วิ ต และทรั พ ย์ สิ น
เขาด้วยวิธีต่าง ๆ ฉะนั้นเขาจึงไม่เลื่อมใสและไว้ใจพวกเราทั้ง
สองเลยเวลานี้ หากว่าเราทั้งสองหนี ไปจากที่น่ี เสียในเวลาที่
เขากำาลังคิดไม่ดีอย่่ขณะนี้ เวลาเขาตายไปจะพากันไปเกิดเป็ น
สัตว์เป็ นเสือกันทั้งบ้าน ซึ่งนับว่าเป็ นกรรมเก่าเขาไม่เบาเลย
เพื่อความอนุเคราะห์เขาซึ่งควรแก่สมณกิจที่พอทำา ได้ จึงควร
อดทนอย่่ ท่ี น่ี ไปก่ อ น แม้ จ ะทุ ก ข์ ลำา บากก็ พ ยายามอดทนไป
จนกว่าเขาจะพากันกลับใจได้ แล้วจะไปที่ไหนค่อยไปกันดังนี้
นอกจากเขาไม่ไว้ใจและเลื่อมใสแล้ว พวกผ้่ชายยังพากัน
มาคอยสังเกตการณ์ตามสถานที่ท่ี ท่า นพัก อย่่ บ่อ ย ๆ ครั้ง ละ
๓-๔ คนโดยมีเครื่องมือติดตัวมาด้วย มายืนลอบ ๆ มอง ๆ อย่่
แถวบริเวณใกล้ ๆ บ้าง มายืนอย่่ข้างทางจงกรมบ้าง มายืนอย่่
ที่หัวจงกรมบ้าง มายืนอย่่กลางทางจงกรมบ้าง ในเวลาท่าน
กำา ลั ง เดิ น จงกรมทำา ความเพี ย รอย่่ ต่ า งคนต่ า งจ้ อ งและสอด
ส่ า ยสายตามองมายั ง ท่ า นและเหลื อ บมองไปรอบ ๆ บริ เ วณ
เขาใช้เวลาสังเกตการณ์ด้วยความไม่ไว้ใจอย่่ทำา นองนั้นนาน
ประมาณครั้งละ ๑๐ นาทีบ้าง ๑๕ นาทีบ้างแทบทุกวัน และไม่
พ่ดจาไต่ถามอะไรกับท่านในระยะเริ่มแรกแล้วก็พากันกลับไป
วั น หลั ง ได้ โ อกาสก็ พ ากั น มาใหม่ เขาใช้ เ วลาสั ง เกตท่ า นอย่่
นานวันพอสมควร
ส่วนอาหารปั จจัยเครื่องอาศัยเป็ นอย่่หลับนอนของพระ
เสื อ เย็ น ทั้ ง สองตั ว จะขาดตกบกพร่ อ งหรื อ จะเป็ นจะตาย
อย่างไรบ้างนั้น เขามิได้พากันสนใจคิดและขวนขวายกันเลย
ฉะนั้ น การเป็ นอย่่ ของท่ า นทั้ ง สองที่ เ ขาให้ น ามว่ า เสื อ เย็ น จึ ง
ลำาบากอัตคัดมาก อาหารบิณฑบาตอย่างมากก็ได้ข้าวเปล่า ๆ
มาฉัน บางวันรวมทั้งฉันนำ้าด้วยก็อ่ิมพอเบาะ ๆ บางวันรวมทั้ง
ฉันนำ้าก็ไม่พอ ที่อย่่หลับนอนก็อาศัยโคนไม้เป็ นประจำาทั้งแดด
ทั้งฝนก็ทนเอา เพราะที่น้ันไม่มีถ้ ำาหรือเงื้อมผาพอได้อาศัย ถ้า
ฝนตกชุกมาก ในบางวันตกทั้งวัน พอฝนเบาลงบ้างก็พยายาม

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 122
123

เที่ย วเก็ บใบไม้ แ ห้ ง หญ้ า แห้ ง มาทำา เป็ นจากมุ ง พอบั ง แดดบั ง
ฝนไปพลาง พอประทั ง ชี วิ ต ไปวั น หนึ่ ง ๆ ด้ ว ยความทุ ก ข์
ลำาบากมากมาย
ขณะฝนตกก็ เ ข้ า หลบซ่ อ นอย่่ ใ นกลดในมุ้ ง พอบรรเทา
ความหนาว เวลาลมพัดจากภ่เขามาอย่างแรงฝนก็สาด กลดก็
จะปลิ ว หลุ ด มื อ องค์ ท่ านและบริ ข ารก็ เ ปี ยกตั ว สั่น เหมื อ นล่ ก
นกล่ ก กา ถ้ า เป็ นตอนกลางวั น ก็ พ อทำา เนา มองเห็ น ที่ ไ ป ที่
หลบซ่อนและที่เก็บบริขารต่าง ๆ บ้าง แต่ฝนตกเอาตอนกลาง
คื น ร้่ สึ ก ลำา บากมาก ตาก็ ม องไม่ เ ห็ น อะไรทั้ ง ฝนกระหนำ่ าลง
ลมกระหนำ่ามาประดังกัน กิ่งไม้ท่ีถก ่ ลมพัดอย่างแรงต่างก็ขาด
ตกลงข้างหน้าข้างหลังต่มตาม ๆ ไม่แน่ ใจว่าชีวิตจะต้านทาน
ฝน ต้านทานลม ต้านทานความเหน็ บหนาวหรือจะต้านทาน
กิ่ ง ไม้ น้ อ ยใหญ่ ท่ี หั ก ตกลงและโหมกั น มาจากทิ ศ ต่ า ง ๆ ใน
ขณะนั้น
เมื่อชีวิตยังอย่่ก็ทนกันไป ร้อนก็ทนไป หนาวก็ทนไป หิว
ก็ ท นไป กระหายก็ ท นไป อดบ้ า งอิ่ ม บ้ า งก็ ท นไป จนกว่ า จะ
หมดกลิ่นแห่งความระแวงสงสัยของชาวบ้านที่หวาดระแวงต่อ
ท่ า น ว่ า เป็ นเสื อ เย็ น คอยหลอกลวงกิ น เนื้ อกิ น หนั ง เขา การ
ขบฉันแม้เพียงข้าวเปล่า ๆ ก็อดมื้ออิ่มมื้อ สิ่งอื่นนั้นไม่จำา ต้อง
พ่ ดถึ ง ว่ าเขาจะมี ค วามสนใจไยดี ใ ห้ ท่ า น ที่ พั ก ที่ อ ย่่ ก็ แ บบคน
อนาถาหาที่เกาะที่พึ่งไม่ได้เราดี ๆ นี่ เอง นำ้ าก็หิ้วกานำ้ าลงไป
ในคลองซึ่งอย่่ตีนเขา กรองให้เต็มกาแล้วก็หิ้วขึ้นมาฉันมาใช้
หลั ง จากสรงเสร็ จ แล้ ว แต่ ทำา ความเพี ย รสะดวกดี ม าก หมด
กังวลทุกด้านไม่มีอะไรเกาะเกี่ยว
ตอนกลางคืนยามดึกสงัดทำา ภาวนาฟั งเสียงเสือกระหึ่ม
ไปมาที ล ะหลาย ๆ ตั ว ใกล้ ๆ บริ เ วณที่ ท่ า นพั ก ใต้ ร่ ม ไม้ แต่
แปลกอย่่ อ ย่ า งหนึ่ ง ที่ เ สื อ ไม่ เ ข้ า มาหาท่ า นเลย ล้ ว นเป็ นเสื อ
โคร่งใหญ่ลายพาดกลอนทั้งนั้น ท่านว่าท่านเพลิดเพลินไปกับ
เสียงสัตว์ชนิ ดต่าง ๆ แต่บางทีเสือก็เข้ามาหาท่านและล่กศิษย์
ท่านเหมือนกัน เขาคงสงสัยว่าเป็ นสัตว์ซึ่งควรจะเป็ นอาหาร
ได้บ้าง แล้วแอบเข้ามาด่ พอคนกระดุกกระดิกลุกขึ้นเขาร้อง
โก้ ก พร้ อ มกั บกระโดดเข้ า ป่ าไป วั น หลั ง ไม่ เ ห็ น เขามาหาอี ก
เลย
พ อ ต ก บ่ า ย ๆ ก็ มี ช า ว บ้ า น ร า ว ๓ -๔ ค น อ อ ก ม า
สังเกตการณ์แทบทุกวัน แต่เขาไม่พ่ดจาอะไรกับท่าน ท่านก็
มิได้สนใจกับเขา เฉพาะพวกเขาเองบางครั้งมีการพ่ดกระซิบ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 123
124

กระซาบกัน ขณะที่พวกเขามาที่น่ันท่านกำาหนดจิตด่จิตใจเขา
ที่คิดปรุงอย่่ทุกขณะและทุกเวลาที่เขามา ส่วนพวกเขาเองก็คง
ไม่สนใจคิดว่า ท่านจะร้่เรื่องความคิดปรุงทางใจตลอดคำา พ่ด
เขาที่ ร ะบายออกจากใจผ้่ บ งการอะไรเลย คงเข้ า ใจว่ า ตนมี
ความลับที่ไ ม่มี ใครสามารถสอดร้่อ ย่่ภายใน จึ งสนุ กคิด เรื่ อง
ต่ า ง ๆ อย่ า งเพลิ น ใจ ซึ่ ง โดยมากก็ เ ป็ นความคิ ด คอยจั บ ผิ ด
ท่านอย่่ภายใน ท่านกำาหนดด่ใจของใครที่มาด้วยกันกี่คน ก็มี
ความร้่สึกนึ กคิดที่คอยจับผิดอย่่ภายในเช่นเดียวกันหมด สม
กับเขาประกาศสั่งพวกเขาให้มาสังเกตการณ์จริง ๆ
ท่านเองแทนที่จะคิดระวังตัวกลัวเขาจะจับผิด แต่กลับคิด
สงสารเขาเป็ นกำา ลัง ว่าคนในบ้านนั้นมีไม่ก่ีคนที่เป็ นผ้่ชักนำา
ชาวบ้านซึ่งมีหลายคนให้เห็นผิดไปด้วย ท่านพักอย่่ท่ีน้ันเป็ น
เดือน ๆ ยังไม่เห็นเขาลดละความพยายามคอยจับพิรุธความ
ผิดพลาดท่าน พวกใดมาหาล้วนมีความจ้อ งมองหาแต่ ความ
ผิดกับท่านเช่นเดียวกัน ท่านว่าเขาช่างพยายามเอาเสียจริง ๆ
แต่ ยั ง ดี อย่่ อย่ างหนึ่ ง ที่ เ ขาไม่ พ ร้ อ มใจกั น มาขั บ ไล่ ท่ า นให้ ห นี
จากที่น้ัน เป็ นเพียงจัดวาระกันมาควบคุมโดยทางลับเท่านั้น
เมื่ อท่ า นอย่่ น านไป ทั้ ง พวกเขาก็ ม าสั ง เกตด่ อ ย่่ ห ลายครั้ ง
เฉพาะพวกหนึ่ ง ๆ ยั ง ไม่ อ าจจั บ ความเคลื่ อนไหวที่ ผิด พลาด
ท่านได้ เขาคงแปลกใจอย่่มาก
ในเวลาต่อมาคื นวั นหนึ่ ง ท่า นกำา ลัง นั่ งภาวนาอย่่ ได้ยิน
หรือทราบขึ้นภายในใจว่า หัวหน้าบ้านประชุมสอบถามผลของ
การสั ง เกตการณ์ว่ า ได้ ผ ลคื บ หน้ า ไปเพี ย งใดบ้ า ง ชาวบ้ า น
บรรดาที่ ม าสั ง เกตให้ คำา ตอบเป็ นเสี ย งเดี ย วกั น ว่ า ไม่ มี ผ ล
อะไรตามความคิดเห็นของพวกเราที่คิดกัน ไปทำา อย่างนั้ นดี
ไม่ ดี น่ ากลั ว จะเป็ นโทษมากกว่ า ผลที่ ค าดกั น ผ้่ ส งสั ย ซั ก ขึ้ น
ทำา ไมว่ า อย่ า งนั้ น เขาตอบกั น ว่ า ก็ เ ท่ า ที่ สั ง เกตด่ แ ล้ ว ตุุ เ จ้ า
สองตนนั้น (ตุุเจ้าหมายถึงพระ) ไม่เห็นมีกิริยาท่าทางใด ๆ ที่
เป็ นไปดั งที่ พวกเราคาดกัน ไปสัง เกตด่ที ไ รก็ เ ห็ น แต่ ท่ า นนั่ ง
หลั บ ตานิ่ ง อย่่ บ้ า ง ท่ า นเดิ น กลั บ ไปกลั บ มาในท่ า สำา รวม ไม่
มองโน้นมองนี้ อย่างคนทั่ว ๆ ไปบ้าง
คนที่ จ ะเป็ นเสื อ เย็ น ตั้ ง ท่ า คอยฉี ก สั ต ว์ กั ด คนคงไม่ ทำา
อย่างนั้น ต้องมีอาการแสดงออกให้พอจับได้บ้าง แต่ตุเจ้าสอง
ตนนี้ ไม่มีกิริยาเช่นนั้นแฝงอย่่บ้างเลย ถ้าขืนไปทำา อย่างที่พา
กันทำา อย่่ทุ กวัน นี้ จึ งน่ ากลั วเป็ นบาป ทางที่ ถ่ก ควรไปศึ ก ษา
ไต่ถามท่านด่ให้ร้่เหตุผลต้นปลายก่อน อย่่ ๆ ก็ไปเหมาว่าท่าน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 124
125

ไม่ดีเอาเลยตามความคิ ดเห็ นเฉย ๆ อย่ างนี้ น่ ากลั วเป็ นบาป


บรรดาพวกที่ไ ปสั งเกตท่ านมาแล้ ว พ่ ด เป็ นเสี ย งเดี ย วกั น ว่ า
ท่านเป็ นตุุเจ้าดียากจะหาได้ พวกเราก็เคยเห็นตุุเจ้ามาบ้างพอ
จะร้่ของดีของไม่ดี บางรายก็ว่า เคารพเลื่อมใสท่านมากกว่า
จะคิ ด แส่ ห าโทษท่ า น ถ้ า อยากทราบรายละเอี ย ดก็ ค วรไป
ศึกษาไต่ถามท่านด่บ้างว่า การนั่งหลับตานิ่ ง ๆ ก็ดี การเดิน
กลับไปกลับมาก็ดี ท่านนั่งเพื่ออะไร และท่านเดินหาอะไร
ท่านว่าสุดท้ายแห่งการประชุมของชาวป่ าได้ความว่า ให้
คนไปไต่ถามท่านด่ตามที่ตกลงกัน ตื่นเช้ามาท่านก็พ่ดกับพระ
ที่อย่่ด้วยว่า เขาเริ่มกลับใจมาทางดีแล้ว คืนนี้ เขาประชุมกัน
เกี่ ย วกั บ การมาสั ง เกตด่ พ วกเรา ตกลงกั น ว่ า จะจั ด ให้ ค นมา
ไต่ถามข้อข้องใจกับพวกเรา พอวันหลังตอนบ่าย ๆ เขาพากัน
มาจริง ๆ ดังที่ร้่ไว้ ในจำานวนที่มามีคนหนึ่ งถามขึ้นว่า ตุุเจ้านั่ง
หลับตานิ่ ง ๆ และเดินกลับไปกลับมานั้น ตุุเจ้านั่งและเดินหา
อะไร ท่านตอบเขาว่า พุทโธเราหาย เรานั่งและเดินหาพุทโธ
เขาถามท่านว่า พุทโธเป็ นตัวอย่างไร พวกเราจะช่วยตุุเจ้าหา
ได้ไหม? ท่านตอบว่า พุทโธเป็ นดวงแก้วอันประเสริฐเลิศโลก
ในไตรภพ เป็ นดวงฉลาดรอบร้่ท่ัวไตรโลกธาตุ ถ้าส่จะช่วยเรา
หาก็ ย่ิ ง ดี ม าก จะได้ เ ห็ น พุ ทโธ เร็ ว ๆ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย (ส่เ ป็ นคำา ที่
ชาวเขานั บถือกัน ว่าดีม ากสนิ ทกั นมาก) เขาถามว่า พุทโธตุุ
เจ้าหายมานานแล้วหรือ ท่านตอบว่า ไม่นาน ถ้าส่ช่วยหาให้
ยิ่งจะพบเร็วกว่าเราหาเพียงคนเดียว
เขาถามว่ า พุ ท โธเป็ นดวงแก้ ว ใหญ่ ไ หม? ท่ า นตอบว่ า
ไม่ ใ หญ่ ไ ม่ เ ล็ ก พอดี กั บ เราและกั บ พวกส่ ดี ๆ นี่ เอง ใครหา
พุทโธพบคนนั้นประเสริฐ มองเห็นอะไรได้ตามใจหวัง เขาถาม
มองเห็นนรกสวรรค์ได้ไหมตุุเจ้า? ท่านตอบว่ามองเห็นซิ ไม่
เห็นจะว่าประเสริฐได้อย่างไร ล่กเมียผัวตายมองเห็นได้ไหมตุุ
เจ้า? ท่านตอบว่าเห็นหมด ถ้าต้องการอยากเห็นเมื่อได้พุทโธ
แ ล้ ว เ ขา ถ า ม ส ว่ า ง ม า ก ไ ห ม ? ท่ าน ส ว่ าง ม า ก ยิ่ ง ก ว่ า
พระอาทิตย์ต้ังร้อยดวงพันดวง เพราะพระอาทิตย์ไม่สามารถ
ส่ อ งเห็ น นรกสวรรค์ ไ ด้ แต่ ด วงพุ ท โธสามารถส่ อ งเห็ น หมด
เขาถาม ผ้่หญิงช่วยหาได้ไหม? เด็ก ๆ ช่วยหาได้ไหม? ท่าน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 125
126

ได้ท้ังนั้น ไม่นิยมว่าหญิงว่าชาย ว่าเด็กหรือผ้่ใหญ่ใครหาก็ได้


ทั้งนั้น เขาถามท่านว่า พุทโธนั้นประเสริฐในทางใดบ้าง กันผี
ได้ไหม? ท่านตอบว่า พุทโธประเสริฐ และใช้ได้หลายทางจน
นับไม่ถ้วน ในโลกทั้งสาม คือกามโลก ร่ปโลก อร่ปโลก โลก
ทั้งสามต้องยอมกราบพุทโธทั้งนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าพุทโธ
ผีก็กลัวพุทโธมาก ต้องกราบพุทโธ ใครหา พุทโธแม้ยังไม่พบ
ผีเริ่มกลัวผ้่น้ันแล้ว
เขาถามท่าน พุทโธเป็ นแก้วสีอะไรตุุเจ้า ท่านตอบพุทโธ
เป็ นแก้ วดวงสว่ างไสวและมี หลายสีจ นนั บ ไม่ ไ ด้ พุทโธนี้ เ ป็ น
สมบัติอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พุทโธนั้นเป็ นองค์แห่งความร้่
ความสว่างไสวไม่เป็ นวัตถุ พระพุทธเจ้าท่านมอบให้พวกเรา
ไว้หลายปี แล้ว แต่เ ราเองยั งหาพุทโธที่ท่านมอบให้ยั งไม่เ จอ
ไม่ทราบว่าอย่่ท่ีตรงไหน แต่จะอย่่ท่ีไหนไม่สำาคัญนัก ที่สำาคัญ
ก็คือถ้าส่จะพากันช่วยเราหาพุทโธจริง ๆ ให้พากันนั่งหรือเดิน
นึ กในใจว่า พุ ทโธ ๆ อย่่ภายในโดยเฉพาะ ไม่ให้จิตส่งออกไป
นอกกาย ให้ร้่อย่่กับคำาว่าพุทโธ ๆ เท่านั้น ถ้าทำาอย่างนี้ พวกส่
อาจเจอพุทโธก่อนเราก็ได้ เขาถามท่านว่าการนั่งหรือเดินหา
พุทโธจะให้น่ั งหรือเดินนานเท่ าไรถึ งจะพบพุทโธแล้วหยุด ได้
ท่านตอบ ให้น่ังหรือเดินเพียง ๑๕ หรือ ๒๐ นาทีก่อนสำาหรับผ้่
ตามหาพุทโธทีแรก พุทโธท่านยังไม่อยากให้พวกเราตามหา
ท่ า นนานนั ก กลั ว จะเหนื่ อยแล้ ว ตามพุ ท โธ ไม่ ทั น เดี ๋ย วจะขี้
เกียจเสียก่อน ทีหลังจะไม่อยากตามหาท่านแล้วเลยจะไม่พบ
ท่า น เอาเพี ย งเท่ านี้ ก่ อน ถ้ า อธิ บ ายมากกว่ า นี้ จ ะจำา วิ ธี ไ ม่ ไ ด้
แล้วตามหาพุทโธไม่พบ
เสร็จแล้วเขาพากันกลับบ้าน การลาท่านสำาหรับเขาแล้ว
ไม่ต้องพ่ดถึงเพราะเขาไม่เคยลาใคร ว่าจะไปเขาลุกขึ้นแล้วก็
ไปทันทีทันใด ไม่สนใจคำาลาใครทั้งนั้น พอไปถึงบ้านแล้ว ชาว
บ้านต่างมารุมถามเป็ นการใหญ่ เขาอธิบายให้ฟังตามที่ท่าน
สั่งสอนเขาแต่โดยย่อไว้ก่อนนั้ น นอกจากนั้ น เขายังอธิบาย
เรื่องท่านพระอาจารย์ให้ชาวบ้านฟั งว่า ที่สงสัยการนั่งหลับตา
นิ่ ง ๆ และการเดิ น กลั บ ไปกลั บ มานั้ น ท่ า นนั่ ง และเดิ น หา
พุทโธดวงเลิศต่างหาก มิได้น่ังและเดินแบบเสือเย็นดังที่พวก
เราเข้าใจกัน พอชาวบ้านทราบวิธีตามที่พวกมาถามท่านนำา
ไปเล่ าให้ ฟั งแล้ ว ต่ า งคนต่ า งสนใจฝึ กหั ด นึ กพุ ท โธภายในใจ
โดยทั่วกัน นับแต่หัวหน้าบ้านลงมาถึงผ้่หญิงและเด็ก ๆ ที่พอ
ร้่วธิ ีนึก พุทโธได้

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 126
127

เป็ นที่ อั ศ จรรย์ ไ ม่ ค าดฝั นว่ า จะมี ผ้่ ร้่ เ ห็ น ธรรมของ


พระพุ ท ธเจ้ าภายในใจอย่ า งประจั ก ษ์โ ดยไม่ เ นิ่ น นานนั ก คื อ
ผ้่ชายคนหนึ่ งซึ่งตามหาพุทโธ แล้วประสบธรรม คือความสงบ
สุ ข ทางใจจากการนึ ก บริ ก รรมพุ ท โธตามวิ ธี ท่ี ท่ า นบอกเขา
ท่านเล่าว่าก่อนหน้า ๓-๔ วันที่เขาจะประสบผลจากพุทโธ เขา
นอนหลับฝั นถึงท่านพระอาจารย์ม่ันว่า ท่านเอาเทียนใหญ่ท่ี
จุ ด ไฟอย่ า งสว่ า งไสวแล้ ว ไปติ ด ไว้ บ นศี ร ษะเขา พอท่ า นติ ด
เทียนเสร็จแล้วนับแต่ศีรษะลงมาถึงตัวเขาปรากฏว่าสว่างไสว
ไปโดยตลอด เขาดีใจมากว่าตนได้ของดีมี ความสว่ างไสวแผ่
ออกไปนอกกายตั้งหลาย ๆ วา พอจิตเขาเป็ นขึ้นมาก็รีบมาหา
ท่านพระอาจารย์ และเล่าเรื่องความเป็ นและความฝั นให้ท่าน
ฟั งอย่างน่ าอัศจรรย์ จากนั้นท่านก็ได้อธิบายเพิ่มเติมให้เขาไป
ทำาต่อ ปรากฏว่าได้ผลอย่างรวดเร็วและยังสามารถร้่ใจของผ้่
อื่นได้อีกด้วย ว่าใจของใครยังมีเศร้าหมองและผ่องใสเพียงใด
เขาพ่ดกับท่านอย่างไม่มีการสะทกสะท้านเลย ซึ่งตรงกับจริต
คนป่ าที่มีนิสัยพ่ดตรงไปตรงมาอย่่แล้ว
ในเวลาต่ อมาเขาออกมาเล่ า ธรรมให้ ท่ า นฟั งว่ า เขาได้
พิจารณาร้่เห็นจิ ตท่ านอาจารย์ และพระที่อ ย่่กั บท่ านได้ อย่ าง
ชั ด เจน ท่ านเองก็ ถ ามเขาบ้ า งเป็ นเชิ ง เล่ น ๆ ว่ า จิ ต ของท่ า น
เป็ นอย่ า งไร มี บ าปมากไหม? เขาตอบท่ า นทั น ที เ ลยว่ า จิ ต
ของตุุ เ จ้ า ไม่ มี จุ ด มี ด วงเหลื อ อย่่ แ ล้ ว มี แ ต่ ค วามสว่ า งไสวอั น
เป็ นที่อัศจรรย์อย่างยิ่งอย่่ภายในเท่านั้น ตุุเจ้าเป็ นผ้่ประเสริฐ
สุดในโลกไม่มีใครเสมอเหมือน เฮาไม่เคยเห็น (คำาว่าเฮาเทียบ
กั บ คำา ว่ า ผม) ตุุ เ จ้ า มาพั ก อย่่ ท่ี น่ี ตั้ ง นานร่ ว มปี แล้ ว ทำา ไมไม่
ส อนเ ฮาบ้ า ง กุ า แ ต่ แ ร ก ม าอ ย่่ (กุ า เ ท่ ากั บ “ เล่ า ” หรือ
“ไหม”ก็ได้ แปลได้หลายนัยมากพอด่ มีติดท้ายประโยคได้ท้ัง
คำาถาม คำาตอบ)
ท่ า นตอบ จะให้ เ ราสอนอย่ า งไร ก็ ไ ม่ เ คยเห็ น พวกส่ ม า
ศึกษาไต่ถามเรานี่ นา เขาตอบท่านว่า ก็เฮาบ่ฮ้่กุา (บ่เท่ากับ
ไม่) ว่าตุุเจ้าเป็ นผ้่วิเศษ ถ้าฮ้่จะทนอย่่ได้อย่างไร ต้องมาแน่ ๆ
ทีน้ี พวกเฮาฮ้่แล้วกุาว่าตุุเจ้าเป็ นผ้่ฉลาดมาก เวลาพวกเฮามา
ถามว่ าตุุ เ จ้ านั่ ง หลั บตานิ่ ง ๆ และเดิน กลั บ ไปกลั บ มานั้ น ทำา

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 127
128

ทำา ไม หรือหาอะไร ตุุเจ้าก็บอกพวกเฮาว่าพุทโธหาย ให้พวก


เฮาช่วยหา เมื่อถามถึงพุทโธเป็ นลักษณะอย่างไร ก็บอกไปว่า
เป็ นแก้ ว ดวงสว่ า งไสว ความจริ ง จิ ต ตุุ เ จ้ า เป็ นพุ ท โธอย่่ แ ล้ ว
มิ ไ ด้ ส่ ญ หายไปไหน แต่ เ ป็ นอุ บ ายฉลาดของตุุ เ จ้ า ที่ เ มตตา
สงสารพวกเฮาให้ ภ าวนาพุ ท โธ เพื่ อให้ จิ ต พวกเฮาสว่ า งไสว
เหมือนจิตตุุเจ้าต่างหาก เฮาฮ้่แล้วว่าตุุเจ้าเป็ นผ้่ประเสริฐและ
เฉลียวฉลาด ปรารถนาให้พวกเฮาได้บุญ มีความสุข และพบ
พุทโธดวงประเสริฐที่ใจตัวเอง มิใช่หาพุทโธให้ตุเจ้า
นั บ แต่ เ ขาคนนั้ น ได้ เ ห็ น ธรรมภายในใจเพี ย งคนเดี ย ว
เท่านั้น เรื่องก็กระจายไปทั่วบ้านในไม่ช้า คนในบ้านต่างก็เกิด
ความสนใจและพากั นภาวนาพุท โธ ไปตาม ๆ กัน ตลอดเด็ ก
เล็ก ๆ และเกิดความเชื่อถือและเลื่อมใสท่านพระอาจารย์ม่ัน
มาก เรื่องเสือเย็นเลยหายซากไป ไม่มใี ครกล่าวถึงเลย นับแต่
นั้นมาเวลาท่านกลับจากบิณฑบาต คนที่ภาวนาเป็ นนั้ นต้ อง
ตามส่ง บาตรและศึ กษาธรรมกับ ท่า นทุ กวั น ถ้ าวั นไหนเขามี
ธุระไม่ได้ตามส่งบาตรท่านก็ส่ังกับคนไว้ ในหม่่บ้านนั้นทราบ
ว่า มีค นภาวนาเป็ นอย่่ หลายคนมี ท้ัง ชายและหญิ ง ที่เ ก่ ง กว่ า
เพื่อนนั้นก็คือเขาคนเป็ นก่อนนั่นเอง
คนเราเมื่ อความพอใจมี แ ล้ ว สิ่ ง อื่ น ๆ ก็ ค่ อ ยเป็ นไปเอง
เช่นคนพวกนี้ แต่ก่อนเขาไม่เคยสนใจกับท่านเลยว่าท่านได้อย่่
ได้นอนได้ขบฉันอย่างไรบ้าง แม้จะเป็ นหรือจะตายเขาไม่สนใจ
ทั้งนั้ น พอเขาเกิ ด ความเชื่ อถื อ และเลื่ อมใสแล้ ว ทุก สิ่ ง ที่ เคย
ขาดแคลนก็กลับกลายเป็ นความสมบ่รณ์ขึ้นมาเป็ นลำาดับ ทาง
จงกรม กุ ฏิ ท่ี พั ก ที่ ฉัน เขาพร้ อ มกั น มาทำา ถวายท่ า นเองจน
เรี ย บไปหมดโดยมิ ไ ด้ บ อกกล่ า วเลย มิ ห นำา เขายั ง มาตำา หนิ
ท่านเป็ นเชิงชมเชยอย่่อย่างลึกลับด้วยว่า ทางจงกรมอย่างนั้น
ตุุเจ้าก็เดินได้ ด่แล้วมีแต่ต้นไม้เครือเขาเถาวัลย์เต็มไปหมด ตุุ
เจ้ า มิ ใ ช่ ห ม่ พ อจะเดิ น บุ ก ป่ าฝ่ าดงไปอย่ า งนั้ น แต่ ทำา ไมยั ง
อุตส่าห์เดินบุกไปได้ เมื่อเฮาถามว่า นี่ ทางอะไร ก็บอกว่าทาง
เดินหาพุทโธ พุทโธเราหาย เมื่อเฮาถามว่า นั่ งหลับตาอย่่น่ิ ง
ๆ นั้น นั่งทำาไม ก็บอกว่านั่งหาธรรมบ้าง นั่งหาพุทโธบ้าง พ่ด
อย่างนั้นก็ได้
ตุเุ จ้านี้ แปลกกว่าคนทั้งหลาย ตุุเจ้าวิเศษเลิศโลกเท่าไรก็
มิได้บอกว่าวิเศษ ตุเุ จ้าคนนี้ แปลกมาก เฮาชอบนิ สัยตุุเจ้าตนนี้
มาก ที่หลับที่นอนก็มีแต่ใบไม้ป่เต็มพื้นดินจนจะเหม็นเน่ าอย่่
แล้ว ท่านทนนอนมาตั้งหลายเดือนทำา ไมทนได้ เฮาด่ท่ีนอนตุุ
เจ้ า แล้ ว เหมื อ นที่ น อนหม่ เห็ น แล้ ว เฮาสงสารตุุ เ จ้ า มากจน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 128
129

เกือบร้องไห้ พวกเฮาเองก็โง่จริง ๆ โง่กันทั้งบ้าน ไม่ร้่จักของดี


มิหนำา บางคนยังหาว่าตุุเจ้ามาอย่่เพื่อหลอกลวงชาวบ้านแล้ว
เขาก็พากันรังเกียจระแวง แต่เวลานี้ พวกเขาพากันเชื่อถือและ
เลื่ อมใสตุุ เ จ้ ากั นทั้ ง บ้ านแล้ ว เพราะเขาทราบเรื่ องของตุุ เ จ้ า
จากเฮากุา ดังนี้
ท่านว่ าคนพวกนี้ ถ้ าลงเขาได้ เ ชื่ อและเคารพนั บ ถื อ แล้ ว
ต้องนับถือแบบถึงใจจริง ๆ และถึงไหนถึงกัน เป็ นก็เป็ นด้วย
กั น ตายก็ ต ายด้ ว ยกั น แม้ ชี วิ ต ก็ ย อมสละได้ เราพ่ ด อะไรเขา
เชื่ อฟั งและเคารพนั บ ถื อ มาก การบริ ก รรมภาวนาหาพุ ท โธ
ของเขา ท่านก็สอนให้เขยิบเวลาขึ้นไปตามความเคยชินและผ้่
ชำา นาญเป็ นลำา ดั บ ปี นั้ น ท่ า นต้ อ งจำา พรรษากั บ พวกเขารวม
แล้ ว เป็ นเวลาปี กว่ า ท่ า นไปอย่่ กั บ พวกเขา ตั้ ง แต่ ต้ น เดื อ น
กุมภาพันธ์จนถึงเดือนเมษายนปี หลังจึงได้จากเขาไป ก่อนจะ
จากเขาไปได้ก็นับว่าทุลักทุเลด้วยความสงสารเขาเอาการอย่่
เนื่ องจากเขาไม่ยอมให้ท่านหนี ไปไหนเอาเลย เขาบอกท่านว่า
แม้ ท่ า นตายลงไปในที่ น้ั น เขาทั้ ง บ้ า นจะรั บ รองเผาศพท่ า น
แม้ เ ขาเองก็ ม อบชี วิ ต ไว้ กั บ ท่ า นด้ ว ย เพราะความรั ก และ
เคารพเลื่อมใสท่านมาก ผลดีก็เห็นประจักษ์ตาประจักษ์ใจ
น่ าชมเชยเขาที่มีความฉลาดระลึกในความผิดได้ พอเห็น
พระที่ปฏิบัติดีน่าเลื่อมใสจริง ๆ แล้วก็กลับมาเห็ นโทษความ
ผิดของตนที่คิดไม่ดีแต่ก่อน แล้วพร้อมกันมาขอขมาโทษท่าน
ให้อโหสิกรรมให้ ก่อนจากพวกเขาท่านได้พ่ดกับพระที่อย่่ด้วย
ว่า ที่น่ี เขาหมดโทษแล้ว เราจะไปที่ไหนก็ได้ไม่ขัดข้องแล้ว แต่
สำา คั ญ ตอนลาเขาออกจากที่ น้ั น ท่ า นว่ า น่ า สงสารสั ง เวชกั บ
ความรักความนับถือความเคารพเลื่อมใสและคำาวิงวอนเขาจน
บอกไม่ถ่ก พอพวกเขาทราบว่าท่านจะจากเขาไปเท่านั้น เขา
พากันออกมาทั้งบ้านมาร้องไห้วิงวอนกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย
ไปทั้ งป่ า เหมื อ นคนร้ อ งไห้ คิ ด ถึ ง คนตายนั่ นเอง ท่ า นก็
พยายามแสดงเหตุผลที่จำาต้องจากเขาไป และปลอบโยนพวก
เขาไม่ให้เสียใจจนเลยขอบเขตแห่งธรรม คือความพอดี จนเขา
เป็ นที่ลงใจแล้วก็ออกจากที่พักอันแสนสำาราญนั้น
สิ่งที่ไม่คาดฝั นกลับเกิดขึ้นอีก คือทั้งเด็กและผ้่ใหญ่ต่าง
คนต่ า งวิ่ ง ออกไปรุ ม ล้ อ มท่ า นและเข้ า แย่ ง เอาบริ ข าร กลด
บาตร กานำ้ า กับผ้่ ตามส่ งท่ าน และฉุ ดชายสบงจี วรกอดแข้ ง
กอดขาท่ า นดึ ง กลั บ มาที่ พั ก อี ก เหมื อ นเด็ ก ๆ โดยไม่ ย อมให้
ท่านไป ท่านต้องกลับมาแสดงเหตุผลและปลอบโยนใจให้สงบ
เย็ น อี ก พั ก หนึ่ ง แล้ ว ค่ อ ยพากั น ปล่ อ ยให้ ท่ า นไป พอท่ า นก้ า ว

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 129
130

ออกจากที่พักเดินไปได้ประมาณ ๔-๕ วาเท่านั้น ต่างก็ร้องไห้


แล้วพากันตามฉุดเอาท่านกลับมาอีก ทำา เอาท่านเสียเวลาไป
หลายชั่วโมง ฟั งเสียงร้องไห้ระเบ็งเซ็งแซ่ฉุกละหุกวุ่นวายไป
ทั่วทั้งป่ า ซึ่งเป็ นที่น่าสมเพชเวทนาเอานักหนา
คำา ว่ า “เสื อเย็ น ” ที่เกิดขึ้นในตอนแรก ๆ จึงหมดความ
หมายไปทั้งสองฝ่ าย ที่ยังเหลืออย่่จึงมีแต่ความเคารพเลื่อมใส
ความอาลัยอาวรณ์ในท่านผ้่ทรงคุณธรรมอันส่งส่งที่สุดจะอด
กลั้นไว้ได้ ขณะที่ท่านจากไปจึงมีแต่เสียงร้องไห้ระทมทุกข์ของ
พวกชาวเขาที่พิไรรำาพัน ทั้งเสียงร้องไห้และสั่งเสียว่า “เมื่อตุุ
เจ้ าไปแล้ว ให้ รีบกลั บคื น มาหาพวกเฮาอี ก อย่ า อย่่ น าน พวก
เฮาคิ ด ถึ ง ตุุ เ จ้ าแทบอกจะแตกตายอย่่ เ ดี ๋ย วนี้ แ ล้ ว กุ า ” จนไม่
ทราบว่าเป็ นเสียงเด็กหรือเสียงผ้่ใหญ่ ที่ต่างคนต่างร้องไห้ไว้
ทุกข์ในคราวท่านจากไปเวลานั้น
นั บว่าท่านไปอย่่ ในท่า มกลางแห่ง ความระแวงสงสัย ไม่
พอใจของเขาในครั้ ง แรก แต่ จ ากไปในท่ า มกลางแห่ ง ความ
อาลัยเสียดายของเขาในภายหลัง จึงนับว่าท่านเที่ยวชะล้างสิ่ง
สกปรกรกรุงรัง ให้กลายเป็ นของสะอาดปราศจากมลทินควร
แก่ความเป็ นของมีคุณค่าขึ้นได้ สมกับท่านบวชมาเป็ นล่กศิษย์
ของพระตถาคต ผ้่ ไ ม่ ถื อ โกรธถื อ โทษกั บ ผ้่ ใ ดจริ ง ๆ ใคร
รังเกียจท่านก็พยายามอนุเคราะห์ด้วยความเมตตาสงสาร ไม่
ยึ ด เอาความผิ ด พลาดของเขามาเป็ นอารมณ์เ ครื่ องขุ่ น ข้ อ ง
หมองใจให้เป็ นภัยแก่ตนและผ้่อ่ ืน มีใจที่เต็มเปี่ ยมด้วยเมตตา
อันเป็ นที่เจริญศรัทธาของโลกผ้่ร้อนด้วยกิเลสตัณหาวิ่งเข้ามา
อาศัย ให้ได้รับความไว้วางใจและเย็นฉำ่ าทั่วหน้ากัน นับว่าเป็ น
ผ้่อัศจรรย์ด้วยคุณธรรมอันหาที่เปรียบได้ยาก
ขณะนั่ งฟั งท่านเล่า ผ้่ฟังเกิดความสังเวชสลดใจอดวาด
ภาพไปตามไม่ ไ ด้ ปรากฏในมโนภาพขณะนั้ น เหมื อ นด่
ภาพยนตร์ ท่ี แ สดงเรื่ องชุ ล มุ น วุ่ น วายของชาวบ้ า นป่ าที่ มี
ศรัทธาแรงกล้า สละเลือดเนื้ อชีวิตดวงใจต่อท่านผ้่วิเศษด้วย
คุ ณ ธรรม ขอให้ ท่ า นประพรมโสรจสรงด้ ว ยพรหมวิ ห าร
ประทานเมตตาแก่พวกเขาให้มีชีวิตชีวาเจริญวาสนาสืบต่อไป
ด้ว ยการวิ งวอนและร้ องไห้ ว่ิ ง กอดแข้ ง กอดขา ฉุ ด ผ้ า สั ง ฆาฏิ
สบงจี ว รบาตรบริ ข ารท่ า นกลั บ มาส่่ บ รรณศาลาหลั ง เล็ ก ๆ
ของฤๅ ษี ท่ี มุง ด้วยเปลือกไม้ใ บหญ้า อัน แสนสำา ราญ ซึ่ง เป็ นที่
น่ าสงสารอย่างประทับใจ แต่เป็ นสิ่งที่สุดวิสัยของโลก อนิ จฺจํ
จำา มาต้องจำา จาก เพราะการพลั ด พรากแปรผั น เป็ นสายทาง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 130
131

เดินแห่งคติธรรมดา ไม่มีท่านผ้่ใดสามารถปิ ดกั้นหรือทำา ลาย


ได้ ดั งนั้ นท่ านพระอาจารย์ม่ั น แม้ จ ะทราบอั ธ ยาศั ย ของชาว
ศรั ท ธาที่ เ กี่ ย วพั น หนั ก แน่ น กั บ ท่ า นอย่่ อ ย่ า งเต็ ม ใจก็ จำา ต้ อ ง
จากไป ในเมื่อกาลมาถึงแล้ว
เป็ นที่ทราบกันว่า ท่านพระอาจารย์ม่ันที่ชาวบ้านในเขา
เคยให้นามท่านว่า “เป็ นเสือเย็น” แต่ท่านเป็ นวิสุทธิบุคคลอย่่
ในข่ายแห่ง ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส ของโลก ท่านได้จากชาว
เขาไปเพื่ อบำา เพ็ ญ ประโยชน์แ ก่ โ ลกต่ อ ไปตามอั ธ ยาศั ย ไม่ มี
ประมาณ เรื่องทั้งนี้ นับว่าเป็ นคติแก่อนุชนรุ่นหลังได้เป็ นอย่าง
ดี ซึ่งเวลานี้ พุทธศาสนิ กชนผ้่รักความสงบ กำา ลัง วิตกห่ว งใย
ทั้ ง ตนและพุ ท ธศาสนาอั น เป็ นสมบั ติ ล้ น ค่ า และเป็ นค่่ เ คี ย ง
แห่งชีวิตจิตใจตลอดมา ที่อาจถ่กเพ่งเล็งกล่าวหาอย่างลึกลับ
ว่า เป็ น “เสือเย็ น ” ทำานองที่ท่านพระอาจารย์ม่ันถ่กมา แล้ว
กำา จัด ทำา ลายอย่ างเปิ ดเผยก็ ไ ด้ จากฝ่ ายใดก็ต ามที่ มี ค วามร้่
ความเห็ น เป็ นปรปั กษ์ต่ อ หลั ก พระศาสนาและคติ นิ สั ย ของ
พุทธศาสนิ กชน ซึ่งเวลานี้ ก็เริ่มไหวตัวบ้างพอให้ร้่สึกว่าไม่ควร
นอนใจ ถ้านอนหลับทับสิทธิจ์ นเกินไปอาจเสียใจในภายหลัง
ท่านพระอาจารย์ม่ันท่านดำาเนิ นตามแบบสุคโต ไปอย่่ใน
ป่ าในเขาก็เป็ นประโยชน์แก่ชาวป่ าชาวเขา เทวบุตร เทวธิดา
อินทร์ พรหม ภ่ตผี นาค ครุฑ ไม่ว่างงาน ท่านมีเมตตาสงสาร
อนุเคราะห์โลกอย่่ตลอดเวลา ออกมาเมืองมนุษย์มนาก็โปรด
มนุษย์มนา พระ เณร ชี คหบดีทวยข้าประชาชนคนทุกชั้นไม่
เว้นแต่ละเวลา มีมนุษย์มนาไปมาหาส่่ศึกษาอบรมอรรถธรรม
กับท่านเป็ นประจำา นั บว่าท่านทำา ประโยชน์มหาศาลแก่ ส่ว น
รวม ซึ่งยากจะมีผ้่ทำา ได้ล ะเอีย ดลออกว้ างขวางเหมื อนอย่า ง
ท่าน
เวลาพั ก อย่่ ใ นภ่ เ ขา ตอนบ่ า ย ๆ เย็ น ๆ พวกชาวป่ าก็
พลอยได้รับความแช่มชื่นเบิกบานจากธรรมที่ท่านแสดงโสรจ
สรง ตกตอนดึกก็แก้ปัญหาและแสดงธรรมแก่เทวดาที่มาจาก
ชั้นและที่ต่าง ๆ ฟั ง เรื่องเช่นนี้ นับว่าเป็ นภาระอันหนักที่ท่าน
ต้องทำาซึ่งหาตัวแทนยาก ไม่เหมือนการสั่งสอนมนุษย์ มนาที่
ใคร ๆ สั่ ง สอนก็ พ อร้่ เ รื่ องกั น นอกจากจะฟั งและปฏิ บั ติ ต าม
หรือไม่เท่านั้น การเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง
นับว่าเป็ นเรื่องสำาคัญมากสำา หรับท่านพระอาจารย์ม่ัน ฉะนั้น
ประวั ติ ข องท่ า นจึ ง มั ก มี เ รื่ องเกี่ ย วกั บ เทพสั บ ปนกั น ไปเสมอ
ตามประสบการณ์ในสถานที่และเวลาต่าง ๆ กัน จนกว่าจะจบ
ประวัติท่าน เรื่องทำานองนี้ ถึงจะสิ้นสุดลง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 131
132

เมื่ อไม่ น านมานี้ ผ้่ เ ขี ย นได้ ไ ปกราบนมั ส การท่ า นพระ


อาจารย์ ผ้่ ท รงคุ ณ ธรรมอั น ส่ ง ซึ่ ง เป็ นอาจารย์ ท างวิ ปั สสนา
กรรมฐาน มี ป ระชาชนและพระเณรเคารพนั บ ถื อ ท่ า นมาก
แทบทั่วประเทศไทย พอไปถึงก็เป็ นเวลาที่ท่านกำา ลังสนทนา
ธรรมอย่่กับพระ ๓-๔ องค์ ซึ่งเป็ นล่กศิษย์ท่านภายในวัด เรา
พลอยได้ โ อกาสเข้ า ผสมด้ ว ย ท่ า นแสดงอั ธ ยาศั ย ด้ ว ยความ
เมตตาอย่างยิ่ง เราเริ่มสนทนาธรรมภาคปฏิบัติแขนงต่าง ๆ
จนเตลิ ด ไปถึ ง เรื่ องของท่ า นพระอาจารย์ ม่ั น ซึ่ ง เป็ นอาจารย์
ท่าน ระยะนั้นท่านไปศึกษาอบรมอย่่กับท่านพระอาจารย์ม่ันที่
จังหวัดเชียงใหม่ ในภ่เขาลึกห่างจากตัวอำา เภอมาก เดินด้วย
เท้าเปล่าเป็ นวัน ๆ จึงจะถึงอำา เภอ ท่า นเล่ าให้ฟั งหลายเรื่อง
ซึ่งล้วนเป็ นเรื่องที่ฟังแล้วสะดุดใจ และเกิดความอัศจรรย์ชนิ ด
บอกไม่ถ่ก แต่จะนำามาเล่าให้ท่านฟั งเท่าที่เห็นว่าอย่่ในเกณฑ์
ที่ควร นอกนั้นจึงขอผ่านไป ตามที่เคยเรียนให้ทราบมาแล้ว
ท่านเล่าว่าท่านพระอาจารย์ม่ัน นอกจากจะเป็ นที่แน่ ใจ
อย่างยิ่ง ว่าท่านเป็ นผ้่บริสุทธิห ์ มดจดในสมัยปั จจุบันแล้ว ท่าน
ยั ง มีคุ ณธรรมพิ เ ศษหลายประการอี ก ด้ ว ย ทั้ ง น่ า กลั ว ทั้ ง น่ า
เคารพ ทั้ ง น่ า เลื่ อมใส ทั้ ง ทำา ให้ เ ราระวั ง ตั ว อย่่ ต ลอดเวลา
ความร้่แปลก ๆ ที่ท่านเล่า ให้ ฟังนั้ น ผมเองก็ จำา ไม่ ได้ ห มด ผ้่
เขียนเรียนถามท่านว่า ส่วนที่จำาไม่ได้ก็สุดวิสย ั แต่ท่ีพอจำาได้ก็
ขออาราธนาเล่าให้กระผมฟั งบ้าง พอได้ยึดไว้เป็ นขวัญใจและ
เป็ นที่ ร ะลึ ก บ่ ช าไปนาน ๆ ท่ า นพ่ ด ว่ า ก็ เ ราคิ ด อะไรขึ้ น มา
ภายในใจท่านร้เ่ อาเสียหมด จะว่าอย่างไรล่ะ ผมเองเหมือนถ่ก
มั ด ไว้ ท้ั ง วั น ทั้ ง คื น เลย ด้ ว ยการระวั ง รั ก ษาจิ ต ถึ ง ขนาดนั้ น
ท่านยังเอาเรื่องความคิดของเราไปเทศน์ให้เราและหม่่เพื่อน
ฟั งจนได้ แต่ จิ ต ผมก็ ร้่สึ ก ว่ า ดี อ ย่่ ไ ม่ น้อ ยในระยะที่ อ ย่่ กั บ ท่ า น
นั้น เป็ นแต่รักษาใจไม่ให้คิดไปทุกแง่ทก ุ มุมไม่ได้เท่านั้นเอง
ใคร ๆ ก็ทราบว่าใจเป็ นของเล่นเมื่อไร มันคิดได้ท้ังวันทั้ง
คืน ใครจะไปทนตามทนห้ามมันหวาดไหว ฉะนั้น จึงโดนท่าน
เทศน์เสียเรื่อย บางทีเราคิดและหลงลืมไปแล้ว พอมาหาท่าน
ท่ า นเทศน์เ รื่ องนั้ น ขึ้ น เราถึ ง ระลึ ก ได้ ว่ า เราได้ ห ลวมตั ว คิ ด
อย่างท่านว่าจริง ๆ อย่างนี้ ท่านดุให้ท่านอาจารย์ด้วยหรือ? ผ้่
เขียนถาม บางทีท่านดุเอาบ้าง แต่บางทีแนะนำาไปทีเดียว โดย
ยกเอาเรื่องที่เราคิดนึ กฝั นไปนั่นเองมาเป็ นธรรมแสดงแก่เรา
เอง บางครั้งก็มีพระไปนั่งฟั งอย่่ด้วย เรานึ กอายพระที่ไปได้ยิน
ด้วย แต่ดีอย่่อย่างหนึ่ ง เวลามีพระไปนั่งฟั งอย่่ด้วยนับแต่หนึ่ ง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 132
133

องค์ขึ้นไป ท่านไม่ระบุช่ ือผ้่เป็ นต้นเหตุคิด เป็ นแต่อธิบายเรื่อง


ความคิดนึ กดีช่ัวนั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
ท่านอาจารย์คิดอย่างไรบ้าง ท่านถึงได้ดุบ้างสั่งสอนบ้าง
ผ้่ เ ขี ย นเรี ย นถาม ฟั งแต่ คำา ว่ า ปุ ถุ ช นเป็ นไร มั น หนายิ่ ง กว่ า
ภ่เขาหินและชนดะไปหมด ไม่เลือกว่าดีว่าชั่ว ว่าผิดว่าถ่ก มัน
คิดไปได้ท้ังนั้น พอดีกับเรื่องที่ควรดุท่านถึงได้ดุ ท่านอาจารย์
กลัวท่านมากหรือเปล่าเวลาท่านดุ ผ้่เขียนเรียนถาม ทำาไมจะ
ไม่ ก ลั ว ตั ว ไม่ ส่ั น แต่ หั ว ใจมั น สั่ น อย่่ ภ ายใน บางที แ ทบลื ม
หายใจก็ ยั ง มี การร้่ ว าระจิ ต ของผ้่ อ่ ื นนั้ น ท่ า นร้่ จ ริ ง ๆ ผมไม่
สงสัยเลย เพราะเรื่องมันบอกอย่่กับตัวเรา ทุกอย่างที่คิดออก
ไป ท่านตามเก็บเอามาเทศน์สอนเราเสี ยสิ้ น บางครั้ งผมคิ ด
ว่าจะไปเที่ยวตามภาษาความโง่ ของตน ถ้า คิดตอนกลางคืน
พอตื่นเช้ามาไปทำา ข้อวัตรอุปัฏฐากท่าน ท่านก็เก็บเอาเทศน์
ทันทีท่ีไปถึง ท่านว่าท่านจะไปเที่ยวที่ไหนอีก ที่น้ันไม่ดีส้่ท่น ี ่ี ไม่
ได้ อย่่ท่ีน่ี ดีกว่าทำานองนี้ ทุก ๆ ครั้งที่เราคิดปรากฏว่าไม่ยอม
ให้ ผ่ า นพ้ น ไปได้ ท่ า นว่ า อย่่ ท่ี น่ี สนุ ก ฟั งเทศน์ ดี ก ว่ า อย่่ ท่ี น้ั น
แล้วก็ไม่อนุญาตให้เราไปที่น้ันจริง ๆ ด้วย เท่าที่สังเกตด่ท่าน
คงเป็ นห่ ว งเรามาก กลั ว จิ ต เราจะเสื่ อมเสี ย และท่ า นก็
พยายามอบรมอย่่ตลอดเวลา
ที่ผมกลัวท่านมากก็คือ ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน พอ
เรากำา หนดพิจารณาด่ท่านเมื่อไร ก็ปรากฏเห็นท่านจ้องมอง
เราอย่่แล้ว ประหนึ่ งท่านไม่ยอมพักผ่อนเอาเลย บางคืนผมไม่
กล้านอนเพราะมองด่ท่านแล้วเหมือนท่านนั่งอย่่ตรงหน้าเรา
และเพ่งตาจับจ้องอย่่ท่ีเราทุกขณะ เรากำา หนดจิตออกไปข้าง
นอกทีไรก็เห็นแต่ท่านมองด่เราอย่่แล้ว ฉะนั้นการเคลื่อนไหว
ทุกอาการ จึงเป็ นไปด้วยความสำา รวมระวังอย่่เสมอ เวลาไป
บิณฑบาตตามหลังท่าน ต่างองค์ต่างระวังสำารวมใจไม่ให้พลั้ง
เผลอออกนอกกายได้ ไม่เช่นนั้นขากลับออกมาถึงวัดหรือยัง
ไม่ถึงด้วยซำ้า ในบางครั้งโดนเทศน์จนได้
ไม่ว่าจะอย่่ท่ีใดทั้งกลางวันและกลางคื น ต้ องมีสติ ระวัง
ตัว ตลอดเวลา แม้ เ ช่ นนั้ น ยั ง มี เ รื่ องให้ ท่ า นนำา มาเทศน์จ นได้
และก็จริงดังที่ท่านเทศน์เสียด้วย คือ ต้อ งมี องค์ใ ดองค์ หนึ่ งที่
อุปโลกน์ไปคิดเรื่องขึ้นมาให้ท่านจำา ต้องนำา มาเทศน์ บางครั้ง
ขณะนั่ งฟั งเทศน์ได้ยินเสียงท่านเทศน์ดุเรื่องแปลก ๆ ซึ่งเรา
เองมิได้คิดทำานองนั้น พอเลิกประชุมฟั งเทศน์แล้ว ออกมากระ
ซิ บ ถามกั น ว่ า วั น นี้ ท่ า นเทศน์ ถ่ ก ใครบ้ า ง เสี ย งเทศน์ ร้่ สึ ก
ชอบกล ต้ อ งมี อ งค์ ห นึ่ ง สารภาพตั ว ให้ เ ราฟั งจนได้ ว่ า วั น นี้

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 133
134

ท่านเทศน์ถ่กผมเอง เพราะผมอุตริไปคิดอย่างนั้นจริง ๆ ดังนี้


แต่อย่่กับท่านร้่สึกดีมาก เพราะมีสติอย่่กับตัวแทบตลอดเวลา
เนื่ องจากกลัวท่าน
ท่ า นเล่ า ว่ า ขณะไปถึ ง เชี ย งใหม่ ที แ รกและเข้ า ไปพั ก
วัด…….ได้ไม่ถึงชั่วโมง เห็นรถยนต์ว่ิงเข้ามาในวัดที่ผมพักอย่่
และตรงเข้ ามาจอดที่ ห น้า กุ ฏิ ผมพอดี พอมองลงไปเป็ นท่ า น
พระอาจารย์ ม่ั น ผมก็ รี บ ลงไปต้ อ นรั บ ท่ า นและเรี ย นถามถึ ง
เรื่องการมาของท่าน ท่านก็บอกทันทีว่าผมก็มารับท่านนั่นเอง
เพราะทราบว่าท่านจะมาที่น่ี ต้ังแต่เมื่อคืนนี้ แล้ว เราเรียนถาม
ท่ า นว่ า มี ใ ครเล่ า ถวายท่ า นอาจารย์ ห รื อ ว่ า กระผมจะมาที่
เชี ย งใหม่ ท่ านตอบว่ าใครจะบอกหรื อ ไม่ ก็ ไ ม่ เ ป็ นปั ญหา ถ้ า
ทราบและอยากมาก็มาเองได้ดังนี้ พอได้ยินคำานั้นแล้ว จิตผม
เริ่มนึ กกลัวขึ้นมา และยังทำา ให้เรานึ กพิสดารไปต่าง ๆ ซึ่งจะ
ทำาให้กลัวท่านมากขึ้น เวลาไปอย่่กับท่านจริง ๆ เรื่องก็เป็ นดัง
ที่คิดไว้ทุกประการ
ขณะประชุ ม ฟั งเทศน์ ถ้ า ใจคิ ด เป็ นธรรมแบบสละทิ ฐิ
มานะเสี ย จริ ง ๆ ก็ ร้่ สึ ก สนุ ก เพลิ ด เพลิ น ในธรรมท่ า น เพราะ
ท่านเทศน์เป็ นธรรมล้วน ๆ ทำา ให้จิตใจเพลิดเพลินไปตามยิ่ง
กว่ าอะไรที่ เคยผ่านมา ถ้าจิ ตไม่ค่อ ยเป็ นธรรมและหาบหาม
โลกไปทับถมท่าน จะได้ยินเสียงเทศน์เป็ นไฟไปทีเดียว และผ้่
ฟั งแบบหามโลกไปหาท่ านก็ร้่ สึก ร้ อ นเป็ นไฟไปเช่ น เดี ย วกั น
ทั้ ง นี้ ท่ า นมิ ไ ด้ ส นใจว่ า การเทศน์จ ะไปโดนกิ เ ลสของใครเข้ า
ตรงไหนที่มีเรื่องมีกิเลสชุกชุมมาก ท่านจะพุ่งธรรมเข้าไปตรง
นั้น ไม่ยอมแสดงไปที่อ่ ืนเลย บางครั้งถึงกับระบุตัวบุคคลออก
เลยว่า คืนนี้ ท่าน….ภาวนาทำา ไมอย่างนั้น นั้นมันไม่ถ่ก ที่ถ่ก
ต้องทำาอย่างนั้น และเมื่อเช้านี้ ท่าน…..คิด…….อะไรอย่างนั้น
ถ้าไม่อยากฉิบหายเพราะการทำาลายตัวด้วยความคิดประเภท
สังหารนั้นแล้ว อย่าหาญคิดต่อไป สิ่งที่พระพุทธเจ้าให้คิด ให้
ทำา ทำา ไมไม่ คิ ด ไม่ ทำา แหวกไปคิ ด หาอะไรอย่ า งนั้ น ที่ น่ี เป็ น
สถานที่อบรมศีลธรรมเพื่อแก้ความเห็นผิด คิดผิด มิใช่สถาน
ที่ส่ังสมความคิดเพื่อก่อไฟเผาตัวทำานองที่คิดนั้น
ผ้่ท่ียอมรับความจริงทางใจจะร้่สึกเย็นสบาย ท่ านเองก็
ไม่ ค่ อ ยว่ า อะไร สำา คั ญ ที่ มี อ ะไรไปตะขิ ด ตะขวงใจท่ า นอย่่
ภายในอย่ า งลึ ก ลั บ นั้ น ร้่ สึ ก จะเหมื อ นเอาไฟไปเผาลนท่ า น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 134
135

และจะได้ยินคำา แปลก ๆ ออกมาทันที แต่ถ้า ผ้่น้ั นร้่ สึกตั ว รี บ


แก้ไขความคิดเห็นเสียใหม่ก็ไม่มีอะไรต่อไปอีก เรื่องก็สงบไป
คืนหนึ่ งมีพวกชาวเขาพ่ดกันว่า ตุเุ จ้าหลวง (พระอาจารย์
ใหญ่) ที่มาพักอย่่กับพวกเรา ท่านจะมีคาถากันผีขับไล่ผีหรือ
เปล่ า ก็ ไ ม่ ท ราบ พรุ่ ง นี้ พวกเราลองพากั น ออกไปขอท่ า นด่
ท่านจะพอมีให้พวกเราบ้างไหม? พอตื่นเช้ามา ท่านอาจารย์
มั่นก็รีบบอกกับพระทันทีว่า คืนนี้ น่ังภาวนาอย่่ได้ยินพวกชาว
เขาในหม่่บ้านนี้ พ่ดกันว่า พวกพระเราจะมีคาถากันผีไล่ผีบ้าง
ไหม เขาจะมาขอคาถานั้นกับพวกเรา ถ้าเขามาขอคาถาดังที่
ว่านั้น ให้เอาคาถาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ให้เขาไปภาวนา คาถา
นี้ กันผีดีนัก ผีในโลกนี้ กลัวแต่ พุทโธ ธัมโม สังโฆ เท่านั้น ไม่มี
ผีตัวใดจะกล้าต่อส้่กับธรรมเหล่านี้ ได้
พอตอนเช้าพวกชาวเขาพากันมาจริง ๆ ดังที่ท่านบอกไว้
และพร้ อมกั น มาขอคาถากั น ผี ไ ล่ ผี กั บ ท่ า นจริ ง ๆ ท่ า นก็ บ อก
คาถา พุทโธ ธัมโม สั งโฆ ให้แก่เขาไป โดยบอกวิธี ทำา ให้ เขา
คือนึ กพุทโธ ธัมโม สังโฆ บทใดบทหนึ่ งไว้ในใจ และบอกว่าผี
กลัวนักหนา พอเขาได้พุทโธ ธัมโม สังโฆไปแล้ว ต่างก็เริ่มทำา
พิธีกันผีตามที่ท่านสั่ง โดยที่เขาไม่ร้่ว่าท่านให้เขาภาวนา พอ
เขาพากันทำา แบบที่ท่านสั่งสอน ใจเลยรวมสงบลงเป็ นสมาธิ
ในขณะนั้น รุ่งเช้าเขาก็รีบออกมาหาท่านและเล่าอาการที่เป็ น
ให้ท่านฟั ง ท่านบอกว่านั่นเป็ นวิธีท่ีถ่กต้องแล้ว ผีแถว ๆ นี้ จะ
ต้องกลัวและพากันวิ่งหนี หมด อย่่ท่ีน่ี ต่อไปไม่ได้ เพราะธรรม
ของพวกแกแก่กล้าแล้ว ต่อไปพวกแกไม่ต้องกลัวผีอีกแล้ว แม้
พวกที่ภาวนากันผียังไม่เป็ น ผีก็เริ่มกลัวอย่่แล้ว
จากนั้ น ท่ า นสอนให้ เ ขาทำา ทุ ก วั น ตามปกติ ค นชาวเขา
เป็ นคนซื่ อสั ต ย์สุ จ ริ ต มาดั้ ง เดิ ม จึ ง สั่ ง สอนง่ า ยอย่่ บ้ า ง เขาพา
กันทำาทุกวันอย่างเอาจริงเอาจัง ต่อมาไม่ช้าคนในบ้านนั้นบาง
คนภาวนาเป็ นจริง ๆ จนจิตเกิดความสว่างไสวสามารถร้่จิตใจ
ของคนอื่นได้ ตลอดจิตพระที่อย่่ในวัด เช่นเดียวกับคนบ้านเสือ
เย็นที่กล่าวผ่านมาแล้ว เวลาเขาออกมาวัดมาเล่าเรื่องภาวนา
ให้พระอาจารย์ฟัง และเรื่องที่จิตสามารถร้่เห็นสิ่งต่าง ๆ อย่าง
น่ าจับใจนั้น พระในวัดเกิดความอัศจรรย์และกลัวเขาจะร้่เห็น
จิตของตัวที่คิดไปต่าง ๆ พระบางองค์ท่ีมีนิสัยขี้ขลาดแต่อยาก
ร้่ เ รื่ องต่ า ง ๆ อดทนไม่ ไ ด้ ก็ ถ ามเขา เขาก็ เ ล่ า ให้ ฟั งตามเป็ น
จริง ยังทนต่อความอยากถามไม่ได้อีก พยายามแคะไค้ไล่เบี้ย

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 135
136

สอบถามเขาเข้ามาหาเรื่องของตัวโดยจะขาดทุนก็ไม่ยอมร้่สึก
ตั ว ราวกั บ ใจมี ฝ าปิ ดไว้ ร้ อ ยชั้ นอย่ า งมิ ด ชิ ด ไม่ มี อ ะไรจะ
สามารถเอื้อมเข้าไปสัมผัสแตะต้องได้ พอถามเขา เขาก็บอก
อย่างตรงไปตรงมาตามภาษาของคนป่ าซึ่งไม่สนใจกับสังคม
ว่านิ ยมกันอย่างไร พระที่ฟังแล้วชอบใจว่า ถ่กกับปมด้อยของ
ตัว และกลัวในเวลาคิดปรุงไปต่าง ๆ ว่า เขาจะร้่ทำา นองที่เขา
เคยร้่แล้วนั้น
นอกจากเขาจะร้่ส่ิงต่าง ๆ ดังที่ว่านั้น เขายังพ่ดกับท่าน
พระอาจารย์ม่ันอย่างหน้าตาเฉยด้วยว่า จิตตุุเจ้าหลวง เฮาก็ฮ้่
กุ า (เราร้่ ค รั บ ) เพราะเฮาด่ แ ละฮ้่ จิ ต ตุุ เ จ้ า หลวงก่ อ นใคร ๆ
ท่านก็ถามบ้างว่า จิตเราเป็ นอย่างไร กลัวผีไหม? เขายิ้มแล้ว
ก็ตอบท่านว่า จิตของตุุเจ้าหลวงหมดดวงสมมุติแล้ว เหลือแต่
นิ พพานในร่างมนุษย์อย่างเดียว และไม่กลัวอะไรเลย จิตตุุเจ้า
วิ เ ศษสุ ด แล้ ว เรื่ องผี ส างอะไรเขาเลยไม่ ก ล่ า วถึ ง แม้ ค นใน
บ้านนั้ นก็หันมาเลื่อมใสศาสนาและท่ านพระอาจารย์ม่ั นเสีย
หมด ไม่ สนใจกั บผี กั บสางอะไรอี ก ต่ อ ไป เพราะคนที่ ภ าวนา
เก่ ง คนนั้ น เป็ นผ้่ ป ระกาศให้ ช าวบ้ า นทราบเรื่ องของศาสนา
และเรื่องของท่านพระอาจารย์อย่่ทุกวัน
เวลาใส่ บาตรเขาพร้ อ มกั น มารวมใส่ ใ นที่ แ ห่ ง เดี ย ว พอ
เสร็ จ จากการใส่ บาตร เวลาจะอนุ โ มทนา ท่ า นพระอาจารย์
บอกให้เขาพร้อมกันสาธุดัง ๆ เผื่อเทวดาจะได้อนุโมทนาด้วย
เขาจะมีส่วนบุญกับพวกเราอีกส่วนหนึ่ ง เขาเชื่อท่านพร้อมกัน
สาธุดัง ๆ ทุกวัน ที่ท่านให้เขาสาธุดัง ๆ นี้ ทราบว่าเวลากลาง
คื น ยามดึ ก สงั ด มั ก มี เ ทวดามาเยี่ ย มและฟั งเทศน์ท่ า นเสมอ
บางพวกก็บอกว่าได้ยินเสียงสาธุดังไปถึงเขา เขาจึงทราบว่า
พระคุณ เจ้ า พั ก อย่่ ท่ี น่ี ถึ ง ได้ พ ากั น มาเยี่ ย ม ตามธรรมดาทุ ก
ครั้งที่พวกเทพมาเยี่ยม จะต้องมีหัวหน้านำา มาเสมอ และพวก
เทวดานั้น ๆ ก็มีภ่มิท่ีอย่่ต่าง ๆ กัน บางพวกก็เป็ นรุกขเทวดา
มาจากที่ ใ กล้ บ้ า งไกลบ้ า ง บางพวกก็ เ ป็ นพวกเทวดาบน
สวรรค์ช้ันนั้น ๆ ดังที่แสดงไว้ในตำารา
ก่ อ นเวลาเขาจะมาในคื น ใด คื น นั้ น ท่ า นต้ อ งทราบล่ ว ง
หน้าไว้ก่อนเสมอ ว่าเขาจะมาประมาณตี ๒ หรือตี ๓ ท่านก็พัก
ผ่ อ นเสี ย ก่ อ น พอจวนถึ ง เวลาก็ ลุ ก ขึ้ น เข้ า ที่ ค อยต้ อ นรั บ ถ้ า
ทราบว่ า เขาจะมาราวเที่ ยงคื น หรื อ ตี ๑ ท่ า นก็ เ ข้ า ที่ คอย
ต้อนรับ แต่การเข้าที่คอยนั้นมีสองประเภท คือภาวนาไปตาม
ลำาพังจนจิตลงส่่ความสงบแล้วพักอย่่หนึ่ ง พอควรแก่กาลแล้ว

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 136
137

ถอนขึ้นมาอย่่ระดับพอดีกับภ่มิของแขกจะรับทราบกันได้หนึ่ ง
ถ้ า แขกยั ง ไม่ ม าก็ ดี กำา ลั ง มาก็ ดี หรื อ มารออย่่ ก่ อ นแล้ ว ก็ ดี
ย่อมรับทราบกันได้กับจิตที่อย่่ในระดับนี้ มีอะไรก็สนทนากัน
ไปจนกว่ า จะยุ ติ ล งด้ ว ยเหตุ ก ารณ์อั น ควร ถ้ า จิ ต ลงไปอย่่ ใ น
สมาธิเสียจริง ๆ ภ่มิของแขกที่มาเยี่ยมก็เข้าไม่ถึง ถ้าถอนออก
มาเป็ นจิตธรรมดาเสีย หากจิตไม่มีความชำานาญในทางนี้ จริง
ๆ ก็ ไ ม่ อ าจรั บ ทราบกั น ได้ ทุ ก ระยะกั บ สิ่ ง ที่ ม าเกี่ ย วข้ อ ง แม้
ทราบได้ก็ไม่ถนั ดเหมือนจิตที่อย่่ในขั้นเตรียมรับ ฉะนั้น จิตที่
อย่่ ภ่ มิ อุ ป จาระ คื อ อย่่ ท่ี ปากประต่ จึ ง เป็ นภ่ มิ ท่ี เหมาะกั บ
เหตุการณ์แทบทุกกรณี
ท่านพระอาจารย์ม่ันท่านเชี่ยวชาญในทางนี้ มานาน เริ่ม
แต่ ส มั ย ท่ านพัก อย่่ ถ้ ำ าสาริ ก า นครนายกเป็ นต้ น มา ซึ่ ง ระยะ
นั้ น ทราบว่ า ท่ า นได้ ๒๒ พรรษา จากนั้ นมาจนถึ ง วั น ท่ า น
มรณภาพพรรษาก็ร่ วม ๖๐ แล้ ว ท่า นจึ งมีค วามชำา นิ ชำา นาญ
ในทางนี้ ม าก โลกมนุ ษ ย์ เ ราต่ า งก็ มี ใ จเป็ นของค่่ ค วรกั บ สิ่ ง
เหล่านี้ เช่นเดียวกับท่านที่สามารถปฏิบัติจนร้่เห็นได้ แต่ยังไม่
ค่อยมีผ้่สามารถปฏิบัติจนร้่เห็นได้อย่างท่าน พอเป็ นพยานแก่
ตัวเอง แม้ไม่มากเหมือนท่านที่เชี่ยวชาญ นอกจากไม่เห็นแล้ว
ยังอาจเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่มีอย่่ในโลกสมมุติอีกด้วย จึงเป็ น
เรื่องลำา บากที่จิตไม่มีระดับความพอดีเป็ นธรรมเครื่องอย่่ ถ้า
จิตมีความสามารถด้วยการปฏิบัติตนตามหลักธรรม ซึ่งเป็ น
หลักรับรองความร้่จริงเห็นจริงเท่าที่ควรแล้ว สิ่งที่ได้ร้่ด้วยใจ
อย่ า งประจั ก ษ์แ ล้ ว แม้ คำา คั ด ค้ า นทั้ ง แผ่ น ดิ น ว่ า ไม่ จ ริ ง มา
ลบล้าง ก็เป็ นคำาคัดค้านที่เป็ นโมฆะโดยประการทั้งปวง สิ่งที่
ยังคงอย่่ก็คือความจริงของผ้่ร้่จริงเห็นจริงนั่นแล ไม่มีส่ิงใดจะ
สามารถมาลบล้ า งได้ เพราะความจริ ง ย่ อ มไม่ ขึ้ น อย่่ กั บ คำา
เสกสรรและติชมใด ๆ นอกจากเป็ นสิ่ งที่ จริ งอย่่อ ย่า งตายตัว
ตามหลักธรรมชาติเท่านั้น
ตามป่ าตามเขาของอำา เภอต่ า ง ๆ ในจั ง หวั ด เชี ย งใหม่
ปรากฏว่าท่านพระอาจารย์ม่ันได้ท่องเที่ยวซอกแซกทุกซอก
ทุกมุมกว่าจังหวัดอื่น ๆ เพราะท่านอย่่ท่ีจังหวัดนั้นมาหลายปี
และนานกว่าที่อ่ ืน ๆ การบำาเพ็ญธรรมก็สะดวก ความร้่ท่ีเกี่ยว
กั บ เหตุ ก ารณ์ต่ า ง ๆ ก็ มี ม ากกว่ า ที่ อ่ ื น ๆ ท่ า นว่ า ท่ า นอย่่ ท่ี
เชี ย งใหม่ น านเพราะเหตุ ห ลายประการ คื อ สถานที่ บำา เพ็ ญ
เ ห ม า ะ ส ม ม า ก ห นึ่ ง ช า ว ป่ า ผ้่ มี ภ่ มิ จิ ต ที่ น่ า ส ง ส า ร ค ว ร
อนุ เ คราะห์ มี อย่่ ม าก ความผิ ด ปกติ ข องคนในเขาที่ มี จำา นวน
น้อย ซึ่งควรได้รับการอบรมส่งเสริมเพื่อความมั่นคงต่อไป ดี

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 137
138

กว่าจะปล่อยทิ้งไว้อันอาจมีการเสื่อมถอยลงได้หนึ่ ง และเพื่อ
สงเคราะห์พวกเทวดาทั้งหลายหนึ่ ง
พวกกายทิ พ ย์ น้ี ชอบมาถามปั ญหาและฟั งเทศน์ ท่ า น
เสมอ อย่างน้อยวันพระละสองครั้ง นอกจากนั้นยังมีพวกนาค
พาบริ ว ารมาฟั งธรรมท่ า นอย่่ เ สมอเช่ น กั น ท่ า นว่ า กลางคื น
ท่านไม่ค่อยว่างจากการรับแขกจำา พวกกายทิพย์เลย บางคืน
พวกเทพจากเบื้องบนชั้นนั้น ๆ มาเยี่ยม บางคืนพวกรุกขเทพ
มาเยี่ยม บางคืนพวกพญานาคมาเยี่ยม พวกเทพเบื้องบนชั้น
นั้น ๆ มาแต่ละครั้ง หัวหน้าเขาประกาศให้ท่านและเทวดาทั้ง
หลายทราบก่อนจะถามปั ญหาและฟั งธรรมว่า มีจำา นวนหมื่น
บ้าง แสนบ้าง พวกรุกขเทพมาแต่ละครั้งหัวหน้าประกาศว่า มี
จำา นวนพั น บ้ า ง หมื่ นบ้ า ง พวกพญานาคพาบริ ว ารมาแต่ ล ะ
ครั้งประกาศว่า มีจำานวนห้าร้อยบ้าง หนึ่ งพันบ้าง
เวลาท่านลงเดินจงกรมตอนเย็น จิตจะรับทราบความนัด
หมายแห่งการมาของพวกเทพเหล่านั้นแทบทุกเย็น บางครั้งก็
ปรากฏเอาเวลาเข้าที่ภาวนาว่า เทวดาชั้นนั้นจะมาเยี่ยมเวลา
เท่านั้น ชั้นนั้นจะมาเวลาเท่านั้ น รุกขเทพพวกนั้ นจะมาเวลา
เท่ า นั้ น และพวกนั้ น จะมาเวลาเท่ า นั้ น พวกนาคจะมาเวลา
เท่ า นั้ น บางคื น มี ถึ ง สองสามพวก ท่ า นต้ อ งนั ด เวลาไม่ ใ ห้ ม า
ตรงกัน โดยพวกหนึ่ งนัดให้มาราวห้าทุ่มบ้าง พวกหนึ่ งนัดให้
มาราวหกทุ่มบ้าง อีกพวกหนึ่ งนั ดให้มาราวเจ็ดทุ่มบ้าง ตาม
แต่เห็นควร ไม่ให้เวลาตรงกัน เพราะพวกเทพแต่ละชั้นละภ่มิ
มีพ้ ื นเพทางจิ ตใจและธรรมที่ ค วรแก่ ต นต่ า งกั น พวกหนึ่ ง มา
ต้องการฟั งธรรมประเภทหนึ่ ง อีกพวกหนึ่ งต้องการฟั งธรรม
อี ก ประเภทหนึ่ ง เพื่ อความเหมาะสมกั บ ภ่ มิ ข องเทวดาที่ มี
ประเภทต่าง ๆ กัน ท่านจำา ต้องนั ดให้มาในเวลาต่ างกัน เพื่ อ
สะดวกแก่ ก ารแสดงและการฟั งทั้ ง สองฝ่ าย เพราะความ
จำาเป็ นดังกล่าวนี้ ทำาให้ท่านพักอย่่ท่ีเชียงใหม่นาน
เฉพาะพวกเทพทั้ งเบื้ องบนเบื้ องล่ า ง ปรากฏว่ า มา
เกี่ยวข้องกับท่านเป็ นประจำา ยิ่งกว่ามนุษย์และนาคครุฑภ่ตผี
ทั้งหลาย ทั้งนี้ เนื่ องจากผ้่เข้าถึงจำาพวกกายทิพย์ในทางจิตใจมี
จำานวนน้อยมาก จึงเป็ นความจำาเป็ นมากในการทำาประโยชน์
แก่ พ วกเทวดา แม้ เ ทวดาเองก็ เ คยพ่ ด กั บ ท่ า นแล้ ว แทบทุ ก
จำา พวกเกี่ ย วกั บ ผ้่ ไ ม่ ร้่ เ รื่ อง ไม่ เ ข้ า ใจกั บ พวกเทวดา และไม่
สนใจว่ า เทวดาก็ เ ป็ นกำา เนิ ด ชนิ ด หนึ่ ง ที่ มี โ ลกอย่่ อ าศั ย ตาม
กรรมของตน และมีความหวังในสิ่งที่พึงพอใจเช่นเดียวกับสัตว์
โลกทั่ว ๆ ไป

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 138
139

ฉะนั้ น เทวดาจึงไม่มีความหมายสำา หรับมนุษย์ประเภท


ดังกล่าวนั้น เมื่อมาพบท่านผ้่ทรงคุณธรรมอันส่งสุดที่มีญาณ
หยั่งทราบว่า สัตว์เป็ นสัตว์ คนเป็ นคน เทวดาเป็ นเทวดา และ
อะไรเป็ นอะไรไม่ปฏิเ สธ อั นเป็ นการให้ เ กี ยรติ แก่ ภ พกำา เนิ ด
ของสัตว์น้ัน ๆ เช่นนี้ ซึ่งนาน ๆ จะเจอสักครั้งหนึ่ ง จึงอดที่จะ
เกิ ด ความปี ติ ยิ น ดี อย่ างซาบซึ้ ง มิ ไ ด้ และพากั น มากราบไหว้
ถามปั ญหาข้ อข้ องใจและฟั งธรรมเสมอ เพื่ อดื่ มโอชารสพระ
สัทธรรมเข้าไปหล่อเลี้ยงเชิดช่จิตใจ ความเป็ นอย่่แห่งภพชาติ
ของตนให้มี ความสุขสมบ่รณ์ย่ิง ขึ้น ดั งนั้ นเทวดาทั้ ง หลายจึ ง
เคารพเลื่อมใสท่านผ้่มีคุณธรรมส่งมาก ทั้งร้่เรื่องและเห็นอก
เห็นใจพวกเทวดาว่า เป็ นสัตว์ท่ีมีความหวังอะไร ๆ ที่เป็ นสิริ
มงคลแก่ตน และมีความหมายเช่นเดียวกับสัตว์โลกทั่วไป
ท่านเล่าว่า สัตว์จำาพวกกายทิพย์ในกำาเนิ ดต่าง ๆ ที่พอมี
ทางตะเกียกตะกายช่วยตัวเอง ได้มาติดต่อเกี่ยวข้องกับท่าน
เพื่ อขอความอนุ เ คราะห์ ช่ ว ยเหลื อ มี จำา นวนมากกว่ า มนุ ษ ย์
หลายเท่า แต่เป็ นสิ่งลี้ลับสำาหรับพวกเราผ้่ยังไม่สามารถร้่เห็น
ได้ในทางจิตใจ สิ่งเหล่านี้ จึงกลายเป็ นปั ญหาต่อสังคมมนุษย์
ชนิ ด ไม่ มี ท างแก้ ใ ห้ ต กได้ แต่ ท้ั ง นี้ มิ ไ ด้ เ ป็ นอุ ป สรรคต่ อ การร้่
เห็ นของทุก รายไป ผ้่มี ความสามารถในทางจิ ตใจ สิ่ งเหล่า นี้
ย่อมกลายเป็ นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับเรื่องธรรมดาทั่ว ๆ
ไปที่ ม นุ ษ ย์ ส ามารถ สำา หรั บ ท่ า นพระอาจารย์ ม่ั น ร้่ สึ ก จะถื อ
เป็ นเรื่องธรรมดา ท่านจึงสามารถทำาหน้าที่เกี่ยวกับพวกกาย
ทิ พ ย์ ต ล อ ด ม า ไ ม่ ว่ า จ ะ อ ย่่ ที่ ไ ห น ท่ า น จำา เ ป็ น ต้ อ ง มี ก า ร
เกี่ยวข้องเสมอ ในเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากท่าน
เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ท่านว่าท่านได้ทำา การเกี่ยวข้อง
กับพวกกายทิพย์ท่ีมีภพภ่มิต่าง ๆ กันมากกว่าที่ท่ัวไป โดยที่
สัตว์จำา พวกเหล่านี้ ส่ว นมากชอบมาติ ดต่ อกั บท่ าน ขณะที่ พัก
อย่่ในที่เปลี่ยว ๆ อันสงัด ปราศจากผ้่คนพลุกพล่านหรือสัญจร
ไปมา ประกอบกั บ เชี ย งใหม่ เ ป็ นทำา เลที่ เ หมาะสมอย่ า งยิ่ ง
เพราะมี ป่ามี เ ขามาก ท่ า นเองขณะพั ก อย่่ ท่ี เ ช่ น นั้ น ก็ มี เ วลา
ว่า งจากภาระภายนอกมากกว่ า ที่ อ่ ื น ๆ จึ งเป็ นโอกาสที่ พ วก
กายทิพย์จะเข้าถึงได้ง่าย

เทวดาประเทศเยอรมันมาขอฟั ง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 139
140

นี่ ก็เป็ นเรื่องที่แปลกอย่่เรื่องหนึ่ ง ในบรรดาเรื่องที่เกี่ยว


กับเทวดาที่ท่านเคยสงเคราะห์เรื่อยมา เทวดาพวกนี้ มาจาก
ประเทศเยอรมัน มาขอฟั งเทศน์ท่านขณะที่พักอย่่หม่่บ้านอีก้อ
กั บ พวกม่ เ ซอในเขาลึ ก โดยเขาแสดงความประสงค์ อ อกมา
เลยว่า อยากฟั งเทศน์ชัยชนะคาถา ท่านกำาหนดหาบทธรรมที่
ตรงกับความต้องการของเขา ธรรมก็ผุดขึ้นมาภายในว่า อกฺ
โกเธน ชิเน โกธํ เป็ นต้น บอกความหมายขึ้นมาพร้อม และ
แสดงให้ พ วกเทวดาฟั งว่ า ธรรมนี่ แลเป็ นยอดแห่ ง ธรรมที่ ผ้่
หวังความชนะจะพึงเจริญให้มาก โลกที่มีความร่มเย็นเป็ นสุข
ต่อกันตลอดมาก็เพราะธรรมนี้ เป็ นเครื่ องปราบปรามความ
ชั่ ว ทั้ ง หลาย มี ค วามโกรธเป็ นต้ น ให้ เ สื่ อมสิ้ น อำา นาจในการ
ทำา ลายสั ง คมมนุ ษ ย์ แ ละเทวดาทั้ ง หลาย ทำา ให้ โ ลกมี ค วาม
เจริญและสงบสุขโดยทั่วกัน เทวดาควรมีธรรมนี้ เป็ นเครื่องยึด
เหนี่ ยวประสานกัน
โลกถ้าขาดชัยชนะธรรมนี้ แล้ว อย่างน้อยก็เกิดความไม่
สงบสุข มากกว่านั้นก็สังหารทำาลายกันให้ฉิบหายย่อยยับโดย
ถ่ายเดียว โลกจะเอาความโกรธแค้นมาปราบปรามข้าศึกทั้ง
ภายในภายนอก ทั้งใกล้และไกล ทั้งวงแคบและวงกว้าง ด้วย
ความโกรธแค้น อันเป็ นของไม่ดีและเป็ นเครื่องทำาลายตนและ
ผ้่ อ่ ื น จึ ง ไม่ มี ท างสำา เร็ จ ได้ ต ลอดกาล ถ้ า ขื น ปราบด้ ว ยความ
โกรธแค้นมากขึ้นเพียงไร โลกก็ย่ิงจะเป็ นไฟประลัยกัลป์ เผา
ผลาญกั น ให้ ย่ อ ยยั บ จนไม่ มี อ ะไรเหลื อ อย่่ เ พี ย งนั้ น เพราะ
ความโกรธแค้นเป็ นไฟอย่่แล้วโดยธรรมชาติ แต่นำาไปทำาการ
หุงต้มอะไรไม่สำาเร็จ ทางสำาเร็จของมันก็คือทำาโลกให้วอดวาย
ไปโดยถ่ า ยเดี ย วเท่ า นั้ น ผ้่ ต้ อ งการให้ โ ลกยั ง คงเป็ นโลกที่ มี
ความหมายและน่ าอย่่ จึงควรเห็นโทษของความโกรธแค้นอัน
เป็ นเครื่ องทำา ลายนี้ ว่ าเป็ นไฟมหาวิ น าศ ไม่ ค วรนำา มาใช้ จะ
เป็ นการก่อไฟเผาตนและผ้่อ่ ืนให้เป็ นไฟไปตาม ๆ กัน
โลกอย่่ได้ด้วยเมตตาคือความเอ็นด่สงสารกันทุกตัวสัตว์
ที่ มี ชี วิ ต ครองตั ว อย่่ ไม่ พึ ง เบี ย ดเบี ย นทำา ลายกั น ด้ ว ยความ
โกรธแค้น หรือด้วยความเห็นแก่ปากแก่ท้อง ซึ่งไม่มีประมาณ
แห่ ง ความอิ่ ม พอและไม่ มี ท างสิ้ น สุ ด แห่ ง การทำา ลายกั น
พระพุทธเจ้าทรงเห็นโทษของมันด้วยพระปั ญญาอันแหลมคม
ไม่มีทางสงสัย และทรงเห็นคุณในความเมตตาว่า เป็ นธรรม
อ่อนโยนและสมัครสมานรักใคร่ไมตรีต่อกันระหว่างสัตว์โลก
ทุ ก ชั้ น ทุ ก ภ่ มิ ซึ่ ง มี ค วามรั ก สุ ข เกลี ย ดทุ ก ข์ เ สมอหน้ า กั น จึ ง
ประทานไว้เพื่อความมั่นคงแห่งสันติสุขแก่โลกตลอดกาลนาน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 140
141

หากเมตตาธรรมยังมีในใจของสัตว์โลกอย่่ตราบใด โลกยังจะ
มีหวังความสุขความสมหวังอย่่ตราบนั้น แต่ถ้าเมตตาได้ห่าง
เหินจากใจของสัตว์โลกกาลใด กาลนั้นแม้สัตว์โลกจะมีความ
อุ ด มสมบ่ ร ณ์ด้ ว ยเครื่ องอุ ป โภคบริ โ ภคนานาชนิ ด อย่ า งพึ ง
พอใจก็ตาม แต่จ ะไม่ มี ค วามสงบสุ ข ตกค้ า งอย่่ ใ นวงสั ต ว์ โ ลก
นั้น ๆ เลย ส่วนที่ได้รับจะมีแต่ความเดือดร้อนขุ่นเคืองไปทุก
หย่อมหญ้า
ดังนั้นเมื่อเราทราบอย่่แก่ใจว่า ธรรมเป็ นธรรม และเป็ น
เครื่องนำาความเจริญมาส่่ตน และทราบอย่่ว่าโลกที่เต็มไปด้วย
ความโหดร้ า ยทารุ ณ เผาอย่่ ใ นดวงใจ เหมื อ นไฟลุ ก โพลงอย่่
ด้วยเชื้อ คอยแต่จะสังหารทำา ลายสิ่งต่าง ๆ ให้ย่อยยับดับส่ญ
ลงไปทุ ก เวลานาที เ ช่ น นี้ จึ ง ควรเร่ ง บำา เพ็ ญ ตนให้ พ้ น ภั ย ไป
เฉพาะหน้า ซึ่งยังควรแก่วส ิ ัยพอจะทำาได้ หากกาลอันควรผ่าน
ไปแล้ วจะเสียใจภายหลัง เพราะโลกนี้ คื อโลกอนิ จฺจํ และตั้ง
อย่่บนร่างกายและจิตใจของคนและสัตว์ไม่เลือกหน้า นี่ เป็ นใจ
ความย่ อ แห่ ง ชั ย ชนะคาถาที่ ท่ า นแสดงแก่ เ ทวดาที่ ม าจาก
ประเทศเยอรมันฟั ง
พอจบเทศนาเทวดาสาธุ ก ารสามครั้ ง เสี ย งสะเทื อ นไป
ทั่ ว โลกธาตุ เสร็ จ แล้ ว ท่ า นถามเขาว่ า ทำา ไมเทวดาอย่่ ถึ ง
ประเทศเยอรมันซึ่งชาวมนุษย์ถือว่าไกลแสนไกล จึงทราบได้
ว่ า อาตมาพั ก อย่่ ท่ี น่ี เขาตอบว่ า สำา หรั บ ท่ า นแล้ ว จะอย่่ ท่ี ไ หน
เขาก็ทราบกันทั้งนั้ น อีกประการหนึ่ ง เทวดาในประเทศไทย
เคยไปมาหาส่่ กั บ เทวดาในประเทศเยอรมั น มิ ไ ด้ ข าด พวก
เทวดามิ ไ ด้ ถื อ ว่ า ประเทศไทยกั บ ประเทศเยอรมั น หรื อ
ประเทศใด ๆ อย่่ ห่ า งกั น เหมื อ นที่ พ วกมนุ ษ ย์ เ ข้ า ใจกั น แต่
ถื อ ว่ า เป็ นประเทศเขตแดนที่ พวกเทวดาไปมาหาส่่ กั น ได้
สะดวกสบายธรรมดา ๆ เรานี่ เอง เพราะมิได้ไปด้วยเท้าหรือ
ด้วยยานพาหนะดังมนุษย์ท้ังหลายไปกัน แต่เทวดาเหาะลอย
ไปด้ ว ยฤทธิ ์ เหมื อ นกระแสจิ ต ที่ ส่ ง ไปในที่ ต่ า ง ๆ เพี ย งขณะ
เดียวก็ถึงจุดที่หมาย การไปมาของเทวดาจึงสะดวกกว่าชาว
มนุษย์อย่่มาก ท่านว่าเทวดาประเทศเยอรมันมาฟั งเทศน์ท่าน
เสมอ เช่นเดียวกับรุกขเทวดาซึ่งสถิตอย่่ในที่ต่าง ๆ ของเมือง
ไทยมาฟั งเทศน์ท่านบ่อย ๆ ฉะนั้น
ความเคารพของเทวดาไม่ ว่ า ชั้ น บนชั้ น ล่ า งมี ลั ก ษณะ
คล้ายคลึงกัน คือเวลาเขามาเยี่ยมท่านในสถานที่ท่ีมีพระพัก
อย่่กับท่าน เทวดาจะไม่เข้ามาด้านที่มีพระอย่่น้ันเลยหนึ่ ง มา
ยามดึก สงั ดเวลาพระท่ า นพั ก จำา วั ด หนึ่ ง มาถึ ง แล้ ว พร้ อ มกั น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 141
142

ทำาประทักษิณสามรอบหนึ่ ง มีความสงบเสงี่ยมโดยทั่วกันหนึ่ ง
เวลาจะจากไปพร้อมกันทำาประทักษิณสามรอบก่อน แล้วค่อย
ๆ เดิ น ถอยห่ า งออกไป พอเห็ น ว่ า พ้ น เขตที่ พั ก ท่ า นอั น เป็ นที่
ควรเคารพแล้ ว ต่ างค่อยเหาะลอยขึ้ นบนอากาศเหมื อ นสำา ลี
ฉะนั้ น หนึ่ ง เทวดาทั้ ง หลายทำา ความเคารพท่ า นโดยอาการ
อย่างนี้
ท่านอย่่ในเขาจังหวัดเชียงใหม่ สถานที่บำาเพ็ญสะดวกทั้ง
กลางวั นกลางคืน ท่ านมี ค วาม รื่ นเริ ง ในทิฏ ฐธรรมสุ ข วิ ห าร
คือธรรมเป็ นเครื่องอย่่สบายในเวลาขั นธ์ ยังครองตั วอย่่ การ
นั่ ง สมาธิ ภ าวนาเป็ นไปตามเวลาที่ ต้ อ งการ ไม่ มี ส่ิ ง มาเป็ น
อุปสรรคทำาให้ขาดวรรคขาดตอน ท่านมีความสุขกายสบายใจ
มาก การสงเคราะห์ผ้่มาเกี่ยวข้องนั้ นในเวลากลางคืนก็เป็ น
พวกเทวดา ซึ่ ง มี ภ่ มิ ล ะเอี ย ดตามคติ นิ สั ย อย่่ แ ล้ ว จึ ง ไม่ เ ป็ น
ภาระกังวลมากในการต้อนรับ และการสงเคราะห์ด้วยธรรมที่
เกี่ยวกับประชาชนก็มีบ้างเป็ นบางกาล เช่น ตอนบ่าย ๆ หรือ
เย็น ส่วนพระของท่านเอง ถ้าวันจะมีการประชุมท่านก็นัดให้
เองตามที่เห็นควร เช่น หนึ่ งทุ่ม เป็ นต้น โดยมากก็เป็ นผ้่มีภ่มิ
จิตส่ ง นั บแต่สมาธิ ขึ้น ไปถึ ง ปั ญญาเป็ นขั้ น ๆ ทั้ ง เป็ นผ้่ มุ่ ง มั่ น
ต่อธรรม และฟั งกันแบบบำาเพ็ญเพียรเพื่อมรรคผลนิ พพานใน
ขณะฟั งจริง ๆ
การแสดงธรรมแก่ผ้่มีภ่มิจิตภ่มิธรรมต่า งกัน และส่ง ขึ้น
ไปตามลำาดับลำาดาเช่นนั้น ท่านก็แสดงธรรมไปตามลำาดับภ่มิ
นับแต่ภ่มิสมาธิขึ้นไปหาภ่มิปัญญาเป็ นขั้น ๆ จนถึงขั้นละเอียด
สุด คือ วิมุตติหลุดพ้นแทบทุกครั้ง ผ้่มีภ่มิจิตนั่งฟั งท่านอธิบาย
ธรรมภาคต่ า ง ๆ ทำา ให้ จิ ต เพลิ ด เพลิ น ไปตามธรรมขั้ น นั้ น ๆ
จนลื ม ตั ว และลื ม เวลา ปกติ ท่ า นเทศน์ส อนพระล้ ว น ๆ ทาง
ภาคปฏิ บั ติ จิ ต ตภาวนา กว่ า จะยุ ติ ก็ กิ น เวลาไม่ ต่ ำ ากว่ า สอง
ชั่วโมงเป็ นอย่างน้อย แต่ผ้่ฟังมิได้สนใจกับเวลำ่าเวลายิ่งไปกว่า
สนใจไปตามกระแสธรรมที่ท่านกำาลังแสดงไปเป็ นระยะ ๆ ใน
เวลานั้ น ขณะฟั งถ้ าจิ ต ของผ้่ ฟั งอย่่ ใ นระดั บ ใดก็ ไ ด้ กำา ลั ง เพิ่ ม
ระดับเดิมของตนขึ้นเป็ นลำาดับในทุกครั้งที่รับการสดับธรรม
ฉะนั้นการฟั งธรรมทางภาคปฏิบัติด้วยความสำารวมระวัง
และทดสอบจิตไปตามขณะที่ ฟัง จึง จัด เป็ นความเพีย รสำา คัญ
ภาคหนึ่ ง ไม่ด้อยกว่าการทำาความเพียรในอิริยาบถและความ
เพียรภาคอื่น ๆ ท่านผ้่แสดงก็มีความมุ่งหมายอยากให้ผ้่ฟังได้
ร้่เห็นความจริงตามธรรมที่แสดงออกทุกระยะไปเช่นเดียวกัน
และแสดงไปตามความคิดนึ กความแสดงออกของจิต ทั้งที่เป็ น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 142
143

ฝ่ ายสมุทัยและฝ่ ายมรรคของผ้่ฟังจริง ๆ เพื่อให้ร้่ท้ังโทษและ


คุณที่ควรละและควรเจริญให้ย่ิง ขึ้น ไปในขณะที่ น่ั ง ฟั งยิ่งกว่า
ขณะอื่ นใดในเวลานั้ น ผ้่ มี ส ติ จ ดจ่ อ ต่ อ จิ ต ซึ่ ง เป็ นที่ ร วมของ
ธรรมไม่ให้ส่งไปที่อ่ ืน ย่อมได้รับความสงบตามขั้นสมาธิและ
ได้ อุบ ายต่ า ง ๆ ตามขั้ น ของปั ญญาที่ ส ามารถไตร่ ต รองตาม
ธรรมซึ่งท่านกำาลังแสดงในขณะนั้น ผ้่ท่ีควรผ่านไปได้ในขณะ
ฟั งก็ผ่านไปเป็ นพัก ๆ ฟั งคราวนี้ ได้อุบายอย่างหนึ่ งขึ้นมา ฟั ง
คราวหน้ า ได้ อุ บ ายอี ก อย่ า งหนึ่ ง ขึ้ น มา อั น เป็ นการเพิ่ ม สติ
ปั ญญาด้ ว ยการฟั งอย่่ เ สมอ จิ ต ย่ อ มเจริ ญ ก้ า วหน้ า ทั้ ง ทาง
สมาธิทุกขั้นและปั ญญาทุกภ่มิเป็ นลำา ดับ จนสามารถผ่านพ้น
ไปได้ด้วยการปฏิบัติและการฟั งที่ผ้่แสดงเป็ นผ้่ร้่จริงเห็นจริง
และแสดงถ่ ก ต้ อ งกั บ จุ ด ความจริ ง ที่ กำา ลั ง เป็ นไปในผ้่ ป ฏิ บั ติ
ที่มาอบรมศึกษา
ฉะนั้ นการฟั งสำา หรั บพระธุด งคกรรมฐาน จึ งถื อเป็ นกิจ
จำาเป็ นทางภาคปฏิบัติเช่นเดียวกับการปฏิบัติภาคอื่น ๆ เสมอ
มา จะห่างเหินต่อการฟั งย่อมไม่ได้ เมื่อคร่อาจารย์ผ้่สามารถ
ทางจิ ต ใจมี อ ย่่ ด้ ว ยเหตุ น้ี พระธุ ด งค์ ผ้่ มุ่ ง อรรถธรรมอย่ า ง
แ ท้ จ ริ ง จึ ง ช อ บ แ ส ว ง ห า ค ร่ อ า จ า ร ย์ ผ้่ ค อ ย แ น ะ นำา ท า ง
จิ ต ตภาวนาเป็ นนิ สั ย และเคารพรั ก ในอาจารย์ ม าก หวั ง พึ่ ง
เป็ นพึ่ งตายด้ วยจริ ง ๆ ท่ านให้อุบายแนะนำา อย่ างไรย่ อ มเข้ า
ถึงใจจริง ๆ และนำา ไปใคร่ครวญและปฏิบัติตามเต็มสติกำา ลัง
ของตน ถ้ายังมีแง่สงสัยหรือมีข้อสงสัยที่เกิดจากการภาวนา
ในแง่ ใ ดบ้ า งก็ ม าขอคำา แนะนำา จากท่ า นอี ก แล้ ว นำา ไปปฏิ บัติ
เป็ นอาจิณ ฉะนั้น คร่อาจารย์ผ้่ทรงคุณวุฒิในทางจิตตภาวนา
มีอย่่ ณ ที่ใด พระธุดงคกรรมฐานจึงมักไปรุมล้อมอย่่กับท่าน
ณ ที่ นั้ น ดั ง ท่ า นพระอาจารย์ ม่ั นท่ า นอาจารย์ เ สาร์ เ ป็ น
ตัวอย่าง ทั้งสององค์น้ี นับว่ามีล่กศิษย์ท่ีเป็ นพระธุดงค์จำา นวน
มากเป็ นพิเศษในภาคอีสาน
แต่เวลาที่พระอาจารย์ม่ันพักอย่่ท่ีเชียงใหม่น้ัน ท่านตั้งใจ
ปลีกองค์จากหม่่คณะออกบำาเพ็ญเป็ นพิเศษ ไม่ต้องการความ
ยุ่ ง เหยิ ง วุ่ น วายจากภาระต่ า ง ๆ มี ก ารอบรมสั่ ง สอนเป็ นต้ น
เพื่ อเร่ ง ความเพี ย รให้ ถึ ง จุ ด ที่ ห มายและเพื่ อความอย่่ ส บาย
ในทิฎฐธรรม แม้ เช่ นนั้ นก็ จำา ต้อ งได้รั บภาระในการอบรมสั่ง
สอนประชาชนและพระเณรอย่่โดยดี ดังที่ร้่ ๆ กันอย่่ท่ัวไปว่า
ท่ า นมี ล่ ก ศิ ษ ย์ ท้ั ง บรรพชิ ต และฆราวาสจำา นวนมากมายใน
ประเทศไทย ก่ อ นหน้า ที่ ท่ า นจะปลี ก จากหม่่ ค ณะไปบำา เพ็ ญ
อย่างเด็ดเดี่ยวแต่ผ้่เดียวที่เชียงใหม่ ท่านเคยพ่ดเสมอว่า เวลา

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 143
144

นี้ กำา ลังท่านยังไม่เพียงพอ ทั้งเพื่อตนเองและผ้่อ่ ืน ท่านจึงได้


ปลีกออกไปตามเจตนาเดิมที่พ่ดไว้และบำาเพ็ญเต็มกำาลังจนสิน ้
ความสงสัยทางจิตใจทุกด้าน ดังที่เคยกล่าวผ่า นมาบ้ างแล้ ว
จากนั้นมาท่านไม่เคยพ่ดอีกเลยว่า “กำาลังไม่พอ”
ครั้งหนึ่ งท่านเดินธุดงค์ไปในเขาด้วยกันสามองค์ มีท่าน
พระอาจารย์ ข าว วั ด ถำ้ ากลองเพล อุ ด รธานี และท่ า นพระ
อาจารย์ มหาทองสุก วัดสุ ทธาวาส สกลนคร ติด ตามไปด้ ว ย
พอไปถึงช่องแคบจะขึ้นเขาก็เผอิญไปเจอช้างใหญ่เชือกหนึ่ ง ที่
เจ้ า ของเขามาปล่ อ ยทิ้ ง ไว้ แ ล้ ว หนี ไ ปไหนก็ ไ ม่ ท ราบ เห็ น แต่
ช้างเที่ยวหากินอย่่ปากช่องขึ้นเขา งาของมันยาวเกือบวา เห็น
แล้ ว น่ ากลั ว พิ ลึ ก ท่ า นปรึ ก ษากั น ว่ า จะทำา อย่ า งไร ทางก็
จำา เพาะมี เ ท่ า นี้ ไม่ มี ท่ี พ อปลี ก แวะไปได้ บ้ า งเลย ท่ า นพระ
อาจารย์ ม่ั น บอกให้ ท่ านพระอาจารย์ ข าวพ่ ด กั บ ช้ า งซึ่ ง กำา ลั ง
กินใบไผ่อย่่ติด ๆ กับทางที่ท่านจะผ่านไป ช้างอย่่ห่างกับท่าน
ประมาณสิบวา ยืนหันก้นมาทางพระ มันยังไม่เห็นพระเวลา
นั้น
ท่านพระอาจารย์ขาวก็เริ่มพ่ดกับช้างว่า “พี่ชาย เราขอ
พ่ดด้วย” ประโยคแรกมันยังไม่ได้ยินชัดเป็ นแต่หยุดกินใบไผ่
ท่ า นอาจารย์ ข าวพ่ ด ขึ้ น อี ก ว่ า “ พี่ ช าย เราขอพ่ ด ด้ ว ย” พอ
ประโยคนี้ จบลง มันรีบหันหน้ามาทางพระยืนอย่่ทั นที ห่ กาง
เต็ม ที่ และยืน นิ่ ง ไม่ ก ระดุก กระดิ ก ท่ า นก็ พ่ ด ซำ้ ากั บ มั น อี ก ว่ า
“พี่ชาย เราขอพ่ดด้วยพี่ชายนั้นตัวก็ใหญ่กำาลังก็มาก ส่วนพวก
เราเป็ นพระ ทั้ ง กำา ลั ง มี น้ อ ยและกลั ว พี่ ช ายมาก พวกเราขอ
เดินผ่านไปที่พ่ีชายยืนอย่่น้ัน ขอให้พ่ีชายหลีกทางให้พวกเรา
บ้ า งพอมี ท างไปได้ ถ้ า พี่ ช ายยื น อย่่ ท่ี น้ั น พวกเรากลั ว พี่ ช าย
มาก ไม่กล้าเดินผ่านไปที่น้ันได้”
พอพ่ดจบลง ช้างตัวนั้ นรีบยืนหันหน้าเข้ากอไผ่ข้างทาง
ทั น ที เอางายาว ๆ สอดเข้ า ไปในกลางกอไผ่ ซึ่ ง แสดงว่ า ไม่
ทำาไมแล้ว ให้มากันได้ พอช้างหันหน้าเข้ากอไผ่เรียบร้อยแล้ว
ท่านพระอาจารย์ม่ันก็บอกกันว่า ทีน้ี เขาไม่ทำาไมแล้ว พวกเรา
ไปได้ ท่ า นอาจารย์ ท้ั ง สองขอนิ ม นต์ ใ ห้ ท่ า นพระอาจารย์ ม่ั น
เดินกลาง ท่านอาจารย์ขาวเดินหน้า ท่านอาจารย์มหาทองสุก
เดินหลัง พากันเดินผ่านไปที่ก้นช้างห่างกั นประมาณหนึ่ ง วา
โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เผอิญพอเดินผ่านช้างไปได้ประมาณวา
เศษ ขอกลดท่านอาจารย์มหาทองสุกก็ไปเกี่ยวเอาแขนงไม้ไผ่
เข้าพอดี ปลดอย่างไรก็ไม่ยอมออก ต้องพยายามปลดอย่่น้ั น
นานจนเหงื่ อโชกไปทั้ ง ตั ว เพราะกลั ว ช้ า งมาก ซึ่ ง กำา ลั ง ยื น ด่

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 144
145

ท่านอย่่ ขณะที่กำาลังปลดขอกลดอย่่น้ัน ได้ชำาเลืองด่ตาช้างตัว


กำา ลั ง ยื น นิ่ ง เหมื อ นตุุ ก ตาอย่่ น้ั น ได้ เ ห็ น ตาช้ า งตั ว นั้ น ใสแจ๋ ว
น่ ารักมากกว่าจะน่ ากลัว แต่ใจก็ยังกลัวอย่่ในขณะนั้น พอพ้น
ไปได้แล้ว ใจกลับเห็นช้างตัวนั้นเป็ นสัตว์ท่ีน่ารักมาก เมื่อผ่าน
กันไปหมดแล้ ว ท่านอาจารย์ข าวหัน มาพ่ด กับ มัน ว่า “พี่ ชาย
เอ๋ย พวกเราผ่านมาแล้ว ขอให้พ่ีชายหากินได้ตามสบายเถิด”
พอจบลงเท่านั้น เสียงมันฉุดลากกิ่งไม้ดังฟ่ดฟาดขึ้นทันที
เมื่อไปถึงที่พักแล้ว จึงได้สนทนากันถึงช้างตัวแสนร้่น้ัน
ว่ า เป็ นสั ต ว์ ท่ี น่ ารั ก น่ าสงสารมาก เป็ นแต่ มั น พ่ ด ไม่ เ ป็ น
เท่านั้น ขณะสนทนากันท่านอาจารย์มหาทองสุกกราบเรียน
ถามท่านอาจารย์ม่ันว่า ขณะนั้นท่านอาจารย์ได้กำา หนดด่จิต
มั น บ้ า งหรื อ เปล่ า ว่ า ช้ า งตั ว นี้ นึ ก อะไรบ้ า ง ขณะที่ พ วกเรา
เรี ย กและพ่ ด กั บ มั น ตลอดขณะที่ เ ราเดิ น ผ่ า นมั น มา กระผม
อยากทราบบ้ า ง เพราะเป็ นสั ต ว์ ท่ี น่ า รั ก และน่ า สงสารมาก
ขณะพวกเราเรียกมัน พอได้ยินเสียงเรียก เห็นมันทำาท่าตึงตัง
หั น หน้ากลั บมาหาพวกเราทั น ที ทั น ใด ราวกั บ จะวิ่ ง มาขยี้ ใ ห้
แหลกละเอียดในขณะนั้นจนได้ แต่พอทราบเรื่องแล้วกลับเป็ น
มนุษย์ขึ้นมาในร่างสัตว์ และรีบหันหน้าเข้ากอไผ่เอางายาว ๆ
สอดเข้ า กลางกอไผ่ ยื น นิ่ งเหมื อ นสั ต ว์ ไ ม่ มี วิ ญ ญาณ ซึ่ ง
เป็ นการบอกอย่างชัดเจนว่า “พวกน้อง ๆ พากันมาเถอะ พี่ไม่
ทำา ไมแล้ว พี่เ ก็บศาสตราอาวุธ ซ่อ นมั นหมดแล้ ว เชื่ อและมา
เถอะ” ในทำานองนี้
แล้วก็พ่ดเชิงหยอกเล่นกับท่านอาจารย์ขาวบ้างว่า “ท่าน
อาจารย์ ขาวก็ พิ ส ดารไม่ ใ ช่ เ ล่ น พ่ ด กั บ ช้ า งซึ่ ง เป็ นสั ต ว์ ท้ั ง ตั ว
ราวกับพ่ดกับมนุษย์ท้ังคนว่า “พี่ ๆ พวกน้องกลัว ไปไม่ได้ ขอ
ให้พ่ีหลีกทางให้หน่ อย พวกน้องจะได้ไปกันได้ ไม่ต้องกลัวพี่”
ไอ้พ่ีก็เหมือนเทวบุตรใจมหาเวสสันดร พอได้ล่กยอเข้าไปสัก
ล่ก เท่ านั้ นก็ อ่ิ ม ท้ อง รี บจั ด แจงหลี ก ทางให้ ทั น ที ทั น ใดไม่ รี ร อ
แต่ น้ อ งคนเล็ ก เซ่ อ เอาการ พอผ่ า นพี่ ไ ปได้ ข อกลดก็ เ กิ ด ไป
เกี่ยวกับแขนงไม้ไผ่ ปลดเท่าไร ๆ ก็ไม่ยอมออก จะพยายาม
ให้ อ ย่่ กั บ พี่ จ นได้ ใจหายหมดขณะที่ กำา ลั ง ปลดขอกลดอย่่ น้ั น
กลัวพี่จะเล่นไม่ซ่ ือ”
ท่านพระอาจารย์ ม่ัน พอฟั งคำา ท่า นอาจารย์ ม หาทองสุ ก
พ่ด หยอกเล่นท่ านอาจารย์ ข าว ว่ า ฉลาดพ่ ดกั บ ช้ า งแล้ ว เลย
หัวเราะใหญ่ไปพักหนึ่ ง จึงพ่ดต่อไปว่า “ทำา ไมจะไม่กำา หนดด่
มั น เล่ า แม้ แ ต่ เ รื่ องเล็ ก ๆ น้ อ ย ๆ เช่ น นกและลิ ง เรายั ง
กำา หนดด่ มั น ในบางเวลา นี่ มั น เรื่ องถึ ง ตายจะไม่ กำา หนดได้

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 145
146

หรือ” “เวลาท่านอาจารย์ กำา หนดด่ ช้า งตั วนั้ นมั นคิ ดอย่า งไร
บ้าง” ผ้่ถาม ท่านตอบ “ทีแรกได้ยินเสียงพวกเรามันตกใจ จึง
รีบ หัน หน้ามาอย่ างรวดเร็ ว เป็ นท่ า และความคิ ด จะต่ อ ส้่ พอ
มองเห็นพวกเราซึ่งมีสีผ้ากาสาวพัสตร์ครองอย่่ มันก็ร้่ทันทีว่า
เป็ นเพศที่เย็นและไว้ใจได้ เพราะมันเคยเห็นมาจนชินตาชินใจ
แล้ว เจ้าของมันก็เคยเสี้ยมสอนมาจนพอแล้วไม่ให้ทำาอันตราย
แก่เพศนี้ ฉะนั้น พอพวกเราพ่ดกับมันซึ่งเป็ นคำาที่มันชอบมาก
อย่่ แล้ ว ว่ า พี่ ๆ ดั ง ที่ ท่ านขาวพ่ ด กั บ มั น ก็ ย่ิ ง ทำา ให้ มั น ชอบใจ
ใหญ่และหลีกทางให้ทันที”
ผ้่ ถ าม “มั น ร้่ ภ าษาที่ เ ราพ่ ด กั บ มั น ได้ ทุ ก คำา หรื อ เปล่ า ”
“ ทำา ไมจะไม่ ร้่ ไม่ เ ช่ น นั้ น จะเอามั น มาลากไม้ เ ข็ น ซุ ง ในป่ าใน
เขาได้ ห รื อ เดี ๋ย วมั น ฆ่ า ตายทิ้ ง เปล่ า ๆ สั ต ว์ พ รรค์ น้ี เ ขาต้ อ ง
ฝึ กสอนจนมันร้่ภาษาคนได้ดีถึงจะนำามาทำางานชนิ ดต่าง ๆ ได้
ช้า งตั วนี้ อายุ มั น เป็ นร้ อยปี ขึ้ น ไป ด่ ง ามั น ซิ ย าวเกื อ บวา แล้ ว
มันอย่่กับคนมากี่ปี แม้เจ้าของของมันก็น่ากลัวเพิ่งเกิดมาไม่ก่ี
ปี ยั งมาเป็ นควาญมั น ได้ มั น จะไม่ แ สนร้่ภ าษามนุ ษ ย์ อ ย่ า งไร
เล่ า ต้ องร้่ อ ย่ า งไม่ มี ปั ญหา” “ขณะที่ มั น หั น หน้ า และสอดงา
เข้ากอไผ่มันคิดอย่างไรบ้าง” ผ้่ถาม ท่านตอบ “ก็มันร้่เรื่อง
แล้วนั่นเองมันจึงให้ทาง ไม่คิดจะทำาอะไร” ผ้่ถาม “ขณะที่พวก
เราเดินผ่านมันมานั้น ท่านอาจารย์ได้กำาหนดด่ใจมันมาตลอด
ทางผ่านหรือเปล่า ว่ามันอาจคิดอย่างไรบ้าง ขณะที่พระกำาลัง
เดินผ่านมา” ท่านตอบ “กำา หนดด่ก็เห็นแต่มันให้ทางอย่่แล้ว
โดยไม่คิดอะไรอื่น ” กระผมกลัวว่าเวลาพวกเรากำาลังเดินผ่าน
มามันอาจคิดสนุกขึ้นมา อยากทำา ลายพวกเราเล่นสนุก ๆ ไป
ตามประสาสัตว์ จึงเรียนถามอย่างนั้น
ท่านว่า “หาคิดเรื่องพิสดารที่โลกเขามิได้คิดกันมาถาม
ถ้าชอบคิดซอกแซกดังที่คิดถามเรื่องช้างก็คงมีหวังพ้นทุกข์ได้
ในวันหนึ่ งแน่ นอน แต่น้ี คงไม่สนใจคิด นิ สัยมนุษย์เราชอบเป็ น
อย่างนี้ มาดั้งเดิม ถ้าสิ่งที่เป็ นคุณเป็ นประโยชน์ไม่ชอบคิด แต่
ที่เสียเวลาและเป็ นโทษแล้วชอบคิด แบบถึงไหนถึงกัน นี่ ก็จะ
พยายามคิดและถามเรื่องช้างไปตลอดคืน จนไม่ต้องสนใจกับ
ธรรมะธัมโมอะไรละหรือ” พอถ่กข่่เท่านั้นเรื่องช้างเลยจบลง
ทันที เพราะกลัวท่านจะเข่นใหญ่ (นี่ ท่านอาจารย์มหาทองสุก
เล่าให้ฟัง)
เรื่องการพ่ด คุยอะไรกั บท่ านแบบไร้ส ติ ว่ า ควรอย่ า งไร
ไม่ควรอย่ างไรบ้าง นี่ เคยโดนท่ านดุม ามากราย บางรายถึง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 146
147

กั บ เสี ย สติ ใ นวาระต่ อ ไปก็ มี มี พ ระร่ ป หนึ่ ง ซึ่ ง มี นิ สั ย ไม่ ค่ อ ย


สุภาพนั ก ไปพำา นั ก อย่่ กับ ท่า นชั่ วคราว เวลาท่า นพ่ ด อะไรขึ้ น
มาเธอชอบพ่ ด ไปตามท่ า นเสมอ ตอนไปอย่่ ใ หม่ ๆ ท่ า นเคย
เตือนบ่อยให้สนใจในหน้าที่ของตัว โดยมีสติระวังรักษาใจที่จะ
คิด จะพ่ ด ในเรื่ องต่ าง ๆ ไม่ส นใจกั บ เรื่ องของผ้่ อ่ ื น นั ก ปฏิ บัติ
ต้ อ งร้่ จั ก วิ ธี ป ฏิ บั ติ ตั ว โดยถ่ ก ทาง ผ้่ มี ส ติ อ ย่่ กั บ ตั ว ย่ อ มเห็ น
ความบกพร่องของใจที่ แสดงออก แต่เ ธอนั้ นคงมิ ได้ส นใจคิด
เรื่ องท่ านให้ อุ บายสั่ ง สอนเท่ า ที่ ค วร จึ ง ชอบเป็ นไปตามนิ สั ย
เสมอ วันหนึ่ งเข้าไปบิณฑบาตในหม่่บ้าน ท่านพระอาจารย์ม่ัน
ท่านมีนิสัยที่ใคร ๆ สังเกตได้ยาก เวลาเดินไปไหนมาไหนท่าน
มองเห็นอะไร เช่นสัตว์ต่าง ๆ หรือผ้่คนตลอดเด็ก ๆ ท่านมัก
จะเอาเรื่องที่ได้เห็นนั้น ๆ มาพิจารณาและพ่ดของท่านไปคน
เดียว ดังที่เคยเขียนไว้บ้างแล้ว
วันนั้นขณะที่กำา ลังบิณฑบาต ท่านได้เห็นล่กวัวมีร่ปร่าง
น่ ารักที่กำาลังวิ่งเพลินอย่่กับแม่ของมัน ขณะพระเดินไป มันยัง
มองไม่เห็นท่าน พอพระเดินไปจวนถึงตัวมันจึงหันหน้ามามอง
อย่างตกใจ และกระโดดวิ่งอ้าวไปหาแม่แล้วเอาหลังหนุนคอ
แม่ไว้ หันหน้าออกมาส่่พระ นัยน์ตาบอกว่ากลัวมาก ส่วนแม่
พอเห็นล่กวิ่งไปหาก็รีบหันหน้ามองมาทางพระ พอร้่แล้วก็ทำา
เฉยตามนิ สัยของสัตว์ท่ีเคยกับพระมาจำาเจแล้ว แต่ล่กของมัน
ยืนตาจับจ้องอย่่ใต้คางแม่อย่างไม่ไว้ใจ เมื่อท่านอาจารย์เห็น
อาการของทั้งแม่ท้ังล่กที่แสดงอาการต่างกันเช่นนั้น จึงพ่ดขึ้น
ลอย ๆ ว่า “แม่ไม่เห็นแสดงอาการกลัว แต่ล่กทำาไมกลัวจนจะ
แบกแม่ ท้ั ง ตั ว วิ่ ง หนี ไ ปได้ (ท่ า นเห็ น มั น อย่่ ใ ต้ ค อแม่ อั น เป็ น
ลักษณะแบกแม่ถึงได้พ่ดอย่างนั้น) พอเหลือบเห็นพระเท่านั้น
ก็ท้ังเผ่นทั้งร้องหาแม่ให้ช่วย
คนเราก็ เ หมื อนกัน ต้ อ งวิ่ ง หาที่ พึ่ ง ถ้ า อย่่ ใ กล้ แ ม่ ก็ ว่ิ ง พึ่ ง
แม่ อย่่ใกล้พ่อก็ว่ิงพึ่งพ่อ อย่่กับใครก็มักจะพึ่งคนนั้น จะคิดพึ่ง
ตัวเองไม่ค่อยมี ตอนยังเล็กก็คิดหวังพึ่งผ้่อ่ ื นแบบหนึ่ ง โตขึ้น
มาคิดหวังพึ่งผ้่อ่ ืนไปอีกแบบหนึ่ ง แก่ตัวลงไปคิดหวังพึ่งผ้่อ่ ืน
อีกแบบหนึ่ ง จะย้อนจิตเข้ามาใช้อุบายหาทางพึ่งตัวเองไม่ค่อย
จะมีกัน ฉะนั้น คนเราจึงมักทำาตัวให้อ่อนแอ อย่่ในวัยใดก็หวัง
พึ่งแต่ผ้่อ่ ืน อย่่ท่ีใดไปที่ใดก็หวังพึ่งแต่ผ้่อ่ ืน เลยไม่เป็ นตัวของ
ตัวเองได้ตลอดกาล พระเราก็เหมือนกันบวชมาในศาสนาจะ
ศึ ก ษาก็ เ กี ย จคร้ า น จะปฏิ บั ติ ก็ ก ลั ว เป็ นทุ ก ข์ ลำา บาก เพราะ
ความขี้เกียจไม่ยอมให้ทำา คิดอะไรที่จะเป็ นประโยชน์บ้าง พอ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 147
148

คิ ด จะลงมื อ ทำา ความขี้ เ กี ย จก็ ม าคอยกั น ท่ า ไว้ เ สี ย เลยไม่ มี


อะไรสำา เร็ จได้ เมื่ อไม่มี ทางช่ วยตัว เองได้จำา ต้ อ งหวั ง พึ่ ง ผ้่ อ่ ื น
ไม่เช่นนั้นก็ครองตัวไปไม่ได้
คำา ว่ า อตฺ ต า หิ อตฺ ต โน นาโถ เลยไม่มีประโยชน์
สำา หรั บ คนไม่ มี จ ม่ ก หายใจ เราผ้่ บ วชเป็ นพระและเป็ นนั ก
ปฏิ บัติ จึง ไม่ ควรทำา ตนเป็ นคนไม่ มี จ ม่ก คอยหายใจจากผ้่ อ่ ื น
อย่่เรื่อยไป คร่อาจารย์ส่ังสอนอะไรควรนำาไปคิดและพยายาม
ทำา ตาม ไม่ให้หลุดมือตกส่ญหายไปเปล่า ๆ พยายามคิดและ
ทำาตามท่านจนเกิดประโยชน์ขึ้นมาแก่ตนจนได้ จะต้องไม่หวัง
พึ่ ง ท่ า นตลอดไป จม่ ก ทางหายใจคื อ ความร้่ ค วามฉลาดทาง
ระบายทุกข์น้อยใหญ่ออกจากใจก็พอมีทางอาศัยตนได้ ชื่อว่า
เป็ นพระขึ้นมาโดยลำา ดับ จนกลายเป็ นพระสมบ่รณ์แบบและ
พึ่งตนเองได้อย่างเต็มที่
ท่ า นพ่ ด เป็ นเชิ ง สอนพระหรื อส อน ใคร ก็ สุ ด แต่ ผ้่ จะ
พิ จ ารณานำา มาสอนตน คำา พ่ ด ท่ า นยั ง ไม่ จ บเรื่ องซึ่ ง พอจะ
แทรกขึ้ น ในระหว่ า งท่ า นหยุ ด ชั่ ว คราว แต่ พ ระองค์ ไ ม่ ค่ อ ย
พิจารณานักก็พ่ดพล่ามไปตามท่าน โดยมิได้สำา นึ กตัวว่าควร
หรื อ ไม่ ค วรเพี ย งไร ความบ้ า ของเธออาจจะเข้ า ไปกระทบ
ธรรมภายในท่านอย่างแรง จึงทำาให้ท่านหันหน้ากลับมาชำาระ
เสีย บ้าง พอให้พ ระองค์ท่ี มีสั งวรธรรมพลอยตกตะลึ ง กลั ว ไป
ตาม ๆ กัน ใจความว่า “ท่านนี้ จะบ้าเสียแล้วกระมังนี่ พอตาม
องเห็ น ค้ อนเห็ น ไม้ ท่ี ใ ครโยนมาแต่ ทิ ศใดแดนใดก็ ค อยแต่ จ ะ
โดดกัดรำ่าไปเหมือนสุนัขบ้า ไม่มองด่ใจที่กำาลังจะบ้าอย่่ขณะนี้
บ้างเลย ผมว่าท่านจะบ้าแล้วนะ ถ้ายังขืนปล่อยให้น้ ำาลายไหล
ออกแบบไม่มีสติดังที่เป็ นอย่่ขณะนี้ ” ว่าเท่านั้นก็หันกลับและ
เดินเข้าที่พักไม่พ่ดอะไรต่อไปอีก
มองด่ พ ระองค์ น้ั น หน้า ตาพิ ก ลอย่ า งพ่ ด ไม่ อ อก ตอนมา
ถึ ง ที่ พั ก แล้ ว ขณะฉั น ก็ เ ห็ น เธอฉั น นิ ดเดี ย ว พอเห็ น อาการ
อย่างนั้น ต่างองค์ก็ต่างนิ่ งเฉย ทำาเหมือนไม่ร้่และไม่เกี่ยวข้อง
กับเธอ เกรงว่าจะอาย เวลาอื่นก็ทำาเหมือนไม่มีอะไร ต่างองค์
ต่างอย่่และบำาเพ็ญภาวนาไปตามที่เคยปฏิบัติมา พอตกกลาง
คืนเงียบ ๆ ได้ยินเสียงร้องโวยวายขึ้นแบบคนไม่มีสติ พ่ดไม่ได้
ศัพท์ได้แสง พอทราบเหตุต่างองค์ต่างก็รีบไปด่ท่ีเสียงปรากฏ
ขึ้น ก็ได้เห็นพระองค์น้ันนอนร่ายมนต์บ่นเพ้อทิ้งเนื้ อทิ้งตัวอย่่
บริ เ วณที่ พั ก นั้ นแบบคนไม่ มี ส ติ เ อาเลย แต่ พ อจั บ ใจความได้
เป็ นบางตอนว่ า “เสี ย ใจที่ ไ ด้ ล่ ว งเกิ น ท่ า นอาจารย์ โ ดยไม่ ร้่
กาลเทศะ” ใครก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปตาม ๆ กัน และต้องรีบ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 148
149

ไปตามชาวบ้านมาช่วยพยาบาลรักษา คือหายาแก้ลมเป็ นต้น


มาให้ เ ธอฉัน คนนั้ น บี บคนนี้ น วดตามบริ เ วณร่ า งกายอย่่ พั ก
หนึ่ ง จากนั้นก็สงบและนอนหลับได้จนสว่าง
พอวันรุ่งขึ้นก็มีคนมารับเธอไปหาหมอฉี ดหย่กยาให้เธอ
อาการก็พอลดลงบ้าง แต่ยังมีการกำาเริบเป็ นคราว ๆ พอค่อย
ยังชั่วบ้างก็ส่งเธอกลับบ้าน หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าโรคหาย
หรือเป็ นตายอย่างไร ผ้่เขียนก็ทราบจากพระที่อย่่ด้วยกันกับ
เธอในเวลานั้นเล่าให้ฟัง ทั้งนี้ พ่ดเรื่องโดนดุ ถ้าโดนพอเบาะ ๆ
ก็พอให้ผ้่ถ่กดุได้สติและระวังตัวต่อไป ถ้าหาเรื่องให้ถ่กโดนดุ
อย่างหนักและผ้่ถ่กดุ ไม่มีสติปัญญาพอจะถือเอาประโยชน์ได้
มักมีทางเสียได้ดังที่ปรากฏมา ฉะนั้น ผ้่อย่่กับท่านจึงอย่่ด้วย
ความระวังสำารวมอย่างยิ่ง จะตีสนิ ทคุ้นเคยในฐานะว่าเคยอย่่
กับท่านมานานย่อมไม่ได้ เพราะนิ สัยท่านเป็ นนิ สัยที่ไม่คุ้นกับ
ใครเอาง่ า ย ๆ แต่ ไ หนแต่ ไ รมา ผ้่ อ ย่่ กั บ ท่ า นจึ ง นอนใจไม่ ไ ด้
แม้ระวังตัวอย่่เหมือนแม่เนื้ อระวังนายพรานก็ยังถ่กโดนยิงจน
ได้
เท่ า ที่ ท ราบจากคร่ อ าจารย์ ท่ี เ คยอย่่ กั บ ท่ า นมาก่ อ นว่ า
ถ้า มี เ ฉพาะท่ านที่ มี ภ่ มิ จิ ต ใจส่ ง อย่่ กั บ ท่ า น การวางตั ว ท่ า นก็
ปล่ อ ยตามนิ สั ย ที่ ร้่ จั ก ท่ า นดี แ ล้ ว คื อ แสดงกิ ริ ย ามรรยาท
ธรรมดาสบาย ๆ เหมื อ นผ้่ ใ หญ่ อ ย่่ ด้ ว ยกั น ไม่ ค่ อ ยเข้ ม งวด
ก ว ด ขั น นั ก แ ต่ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ม ร ร ย า ท ท่ า น ร้่ สึ ก
เปลี่ ย นแปลงได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว จนตามแทบไม่ ทั น อย่่ ส ถานที่
แห่ ง หนึ่ ง เป็ นอย่ า งหนึ่ ง สถานที่ แ ห่ ง หนึ่ ง เป็ นอี ก อย่ า งหนึ่ ง
ตามแต่เหตุการณ์ท่ีควรเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่บุคคลนั้น
และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วทั้งไม่ซ้ ำารอยกันเลย นับว่า
เป็ นเรื่องที่แปลกประหลาดสำา หรับผ้่ไม่สามารถทำา อย่างท่าน
ได้ เวลาว่างโอกาสดี ๆ ท่ านเล่า นิ ท านให้ ฟัง ซึ่ งโดยมากมั ก
ขัน ๆ และน่ าหัวเราะทั้งนั้น จึงขอยกเรื่องท่านมาเล่าให้ท่านผ้่
อ่ า นฟั งเล็ ก น้ อย พอทราบว่ า คน ๆ เดี ย วมี ก ารเปลี่ ย นแปลง
ตัวอย่างน่ าอัศจรรย์
คื อ สมั ย ท่ า นเป็ นฆราวาสกำา ลั ง แตกหน่ ุ ม ท่ า นเคยเป็ น
หมอลำา หมอเพลง คราวหนึ่ งท่านขึ้นไปขับลำา ทำา เพลงประชัน
กันกับหญิงสาว ซึ่งเป็ นนักประชันที่มีช่ ือคนหนึ่ งในงานใหญ่ มี
คนไปในงานนั้ นเป็ นพัน ๆ ท่านนึ กสนุกขึ้นมาก็ขึ้นไปบนเวที
ขอประชั น เพลงกั บ หญิ ง คนนั้ น หรื อ ท่ า นอาจมี รั ก เขาบ้ า งก็
ทราบไม่ได้ จึงเกิดความฮึกหาญขึ้น มาอย่ างคาดไม่ถึ ง หญิง
นั้นยินดีเป็ นค่่แข่งกับท่าน พอเริ่ม กลอนประชัน ยัง ไม่ ถึง ไหน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 149
150

ท่านก็เป็ นฝ่ ายแพ้กลอนเขาเข้าไปสองสามกลอนแล้ว พอดีมี


เทวบุ ต รมาโปรดไว้ ทั น คื อ ในงานนั้ น ท่ า นเจ้ า คุ ณ อุ บ าลี คุ ณ่
ปมาจารย์ ซึ่งเวลานั้นท่านเป็ นฆราวาสและอย่่ในวัยหน่ ุมเช่น
เดียวกัน แต่อายุแก่กว่าท่านอาจารย์ม่ันบ้าง ได้ไปในงานนั้น
ด้วย และเข้าฟั งเพลงระหว่างท่านอาจารย์ม่ันซึ่งเป็ นชายหน่ ุม
กับหญิงสาวคนนั้นขับเคี่ยวกันในเชิงกลอนต่าง ๆ
ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เห็นท่าไม่ได้การ เพราะฝ่ ายเราคือ
ท่านอาจารย์ม่ันแพ้เขาไปหลายกลอนแล้ว ถ้าตกดึกไปกว่านี้
คงจะลงเวที ไ ม่ ไ ด้ แ น่ อาจจะถ่ ก หญิ ง สาวคนนั้ น หามลงแบบ
ไม่มีหน้าติดตัวลงมาเลย เพราะหญิงสาวเป็ นนักต่อส้่มาหลาย
เวทีแล้ว ส่วนคนของเราเพิ่งจะเริ่มขึ้นเวที และก็ใจปำ้ าฮึกหาญ
สำา คั ญ โดดขึ้ น ส้่ กั บเสื อ โคร่ ง ใหญ่ ล ายพาดกลอน แม้ จ ะเป็ น
เสือ ตัว เมี ยมันก็ มีเ ขี้ ย วเต็ ม ปากอย่ า งพอตั ว แต่เ สื อ เราแม้ จ ะ
เป็ นเสือตัวผ้่แต่ฟังนำ้ านมมันก็เพิ่งจะออกไม่ก่ีซ่ี ขืนให้ส้่ต่อไป
เสือตัวเมียต้องถลกหนั งมัน เข้ าตลาดแน่ ๆ อ้า ยมั่ นนี่ มันไม่ร้่
จักเสือ มันนึ กว่าแต่สาว ๆ เท่านั้น แต่มันไม่ร้่จักตาย เราต้อง
เข้ า ช่ ว ยเอาหนั ง มั น ไว้ ก่ อ นครั้ ง นี้ ไม่ เ ช่ น นั้ น หนั ง มั น จะเข้ า
ตลาดแน่ นอน
พอคิดแล้วก็โดดขึ้นบนเวทีทำา ท่าว่า “อ้ายมั่น อ้ายห่า ก่
เที่ยวตามหามึงแทบตาย แม่มึงตกเรือนส่ง ๆ ลงมากองอย่่กับ
พื้น จะตายหรือยังก็ไม่แน่ ใจเลย พอก่โผล่เข้าไปจะช่วย เขาก็
ใช้ ใ ห้ ก่ ม าเที่ย วตามหามึ ง ตั้ ง แต่ วั น ๆ จนป่ านนี้ ก่ต ามหามึ ง
แทบตาย ข้าวก็ยังไม่ตกท้องเลย ก่จะเป็ นลมตายอย่่เดีย ๋ วนี้ ”
ทางอ้ า ยมั่ น ก็ ต กตะลึ ง หญิ ง สาวก็ ต กตะลึ ง ในอุ บ ายไป
ตาม ๆ กัน ฝ่ ายอ้ ายมั่น อดไม่ ได้ รีบ ถามขึ้ นมาทั นที ว่า “แม่ก่
เป็ นยังไงวะ อ้ายจันทร์” (ชื่อท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ว่านายจันทร์
สมั ย เป็ นฆราวาส ท่ า นพ่ ด กั น ตอนเป็ นฆราวาส) ฝ่ ายอ้ า ย
จันทร์ทำา เป็ นอิดโรยจะเป็ นลมตายอย่่บ นเวที ว่า “ก่คิด ว่า แม่
มึงตายแล้ว ส่วนก่กำาลังจะตายด้วยทั้งหิวข้าวทั้งเป็ นลม” พอ
จบคำา อ้ายจันทร์ก็ฉุดแขนอ้ายมั่นทำาท่าลากกันลงมาจากเวที
ท่ามกลางคนเป็ นพัน ๆ ตกตะลึงพรึงเพริดไปตาม ๆ กัน แล้ว
พากันออกวิ่งผ่านฝ่งคนไปอย่างรีบด่วน พอพ้นหม่่บ้านนั้นไป
แล้ว อ้ายมั่นถามซำ้าอีกอย่างกระหาย อยากทราบเป็ นกำาลังว่า
“แม่ก่ไปทำาอะไรถึงได้ตกเรือนขนาดกองกับพื้นเล่า” ฝ่ ายอ้าย
จันทร์ตอบว่า “ก่เองก็ยังไม่ทราบสาเหตุชัด พอมองเห็นและ
จะวิ่งเข้าไปช่วย เขาใช้ให้ว่ิงตามหามึง ก่ว่ิงมานี่ จะไปร้่เรื่อง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 150
151

ละเอียดลอออย่างไรเล่า” “เท่าที่มึงด่บ้างแล้วแม่ก่พอจะตาย
ไหม” อ้ายมั่นถามอย่างกระวนกระวาย อ้ายจันทร์ตอบว่า
“ตายหรือยังอย่่เราจะไปด่เองอย่่ขณะนี้ ยังไงล่ะ”
พอเลยหม่่บ้านไปไกล กะประมาณว่าอ้ายมั่นไม่กล้ากลับ
มาคนเดียวได้อีกแล้ว (สมัยก่อนหม่่บ้านอย่่ห่างกันมาก สัตว์
เสื อ ผี ก็ ชุ ม ใคร ๆ จึ ง ไม่ ก ล้ า มาคนเดี ย วในเวลาคำ่ าคื น ) จึ ง
เปลี่ ย นกิ ริ ย าอาการทุ ก อย่ า งเสี ย ใหม่ แล้ ว บอกกั บ อ้ า ยมั่ น
โดยตรงว่า “แม่มึงไม่ได้เป็ นอะไรหรอก ที่ก่ทำา ท่าอย่างนั้ นก่
ทนด่ มึ ง ติ ด กลอนอี ย ายเมี ย มึ ง คนนั้ น ไม่ ไ หว กลั ว มั น จะถลก
หนังมึงไปขายตลาด ซึ่งเป็ นการขายหน้าก่ และขายหน้าบ้าน
เราว่าอ้ายมั่นส้่ผ้่หญิงไม่ได้ ให้เขาเปิ ดผ้าลบลายเล่นเหมือน
เสือตายแล้ว ก่จึงได้คิดอุบายหลอกมึงและหลอกอียายเมียมึง
ให้มันตายใจ และให้ชาวบ้านเชื่อถือได้ว่ามึงยังไม่หมดประต่ส้่
แต่ ต้ อ งหนี ไ ปเพราะเหตุ สุ ด วิ สั ย แล้ ว ฉุ ด มึ ง หนี เ พื่ อไม่ ใ ห้ ใ คร
เขาจับพิรุธได้ แม้อียายเมียค่่แข่งมึงก็เห็นอดตกตะลึงไปตาม
อุบายอันแยบคายของก่ไม่ได้ มันต้องสนใจฟั งและมองตามพ
วกเราด้ ว ยความตกใจแสนสงสารแม่ มึ ง และมึ ง ไปตามเรา
เห็ นไหมอุบายก่ช่วยมึง ออกจากนรกผ้่ หญิ ง คราวนี้ มึ งคิด ว่ า
แยบคายดีพอใช้ไหม”
พออ้ า ยจั น ทร์ พ่ ด จบลง อ้ า ยมั่ นอุ ท านว่ า “ โอ้ โ ฮ น่ า
เสียดาย อ้ายห่านี่ ทำาก่ถึงขนาดนี้ เทียวนะ ก่กำาลังคันฟั นหำ้าหั่น
กับมันอย่างสนุกสนาน มึงมาฉุดก่ออกจากถ้วยลาภ แหม มึง
ทำาก่อย่างถนัด ก่มิได้นึกเลยอ้ายจันทร์ ก่อยากคืนไปซำ้ามันอีก
เอาหนังเข้าตลาดในคืนวันนี้ จนได้” อ้ายจันทร์ตอบ “โธ่ มึงจะ
ตายก่ ช่ ว ยชุ บ ชี วิ ต ไว้ ไ ด้ แ ล้ ว มึ ง ยั ง กลั บ ทำา ท่ า อวดเก่ ง อย่่ อี ก
เดีย๋ วก่จะผลักหลังกลับคืนไปให้อียายเมียมึงเอาเนื้ อขึ้นเขียง
เสียในคืนนี้ ไม่ดีหรือ” อ้ายมั่นออกท่าว่า “ที่ก่ทำา ท่าติดกลอน
มั น บ้ า งพอให้ มั น ได้ ใ จไปหน่ อ ยนั้ น เพราะก่ ก็ เ ห็ น มั น เป็ นผ้่
หญิ ง พอตกดึ ก ก่ ก็ มั ด มั น เข้ า กระสอบเอาไปขายกิ น อย่ า ง
หวาน ๆ ยั ง ไงล่ ะ มึ ง ยั ง ไม่ ร้่ อุ บ ายก่ เป็ นอุ บ ายเสื อ หลอกลิ ง
เลย”
“ถ้ามึงเก่งจริงดังที่คย ุ โม้ เพียงก่คิดอุบายนิ ดหน่ อยฉุดมึง
ขึ้นจากนรกผ้่หญิงมึงยังตกตะลึง ทั้งจะร้องห่มร้องไห้ต่อหน้า
เมียมึงอย่างไม่คิดอายว่าตัวเป็ นผ้่ชายเลย แล้วใครจะชมมึงว่า
ฉลาดพอจะเอาอียายเมียมึงเข้ากระสอบล่ะ ก่คิดเห็นแต่มันจะ
มัดมึงโยนลงเวทีต่อหน้าคนจำานวนพัน ๆ เท่านั้น มึงอย่าคุยโม้

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 151
152

ไปมาก รีบสาธุอุบายเมตตาก่ท่ีมีต่อ มึง ดีก ว่า อ้า ยแพ้ผ้่หญิ ง”


สุ ด ท้ า ยคื น นั้ น ทั้ ง อ้ า ยจั น ทร์ ท้ั ง อ้ า ยมั่ น เลยไม่ ไ ด้ ด่ ง านตาม
ความคาดหมายไว้ เพราะเรื่องนี้ เป็ นสาเหตุให้ต้องพรากงาน
ฟั งนักปราชญ์ท้ังสองโต้กัน แม้สมัยท่านยังเป็ นฆราวาส
ก็ยังร้่สึกน่ าฟั งมาก ถึงจะเป็ นเรื่องโลก ๆ แต่ก็เป็ นเชิงของคน
ฉลาดพ่ดกัน จึงเป็ นที่ซาบซึ้งจับใจในอุบายที่แสดงออกทุก ๆ
ประโยค ฟั งแล้วทำาให้เพลินใจประหนึ่ งท่านสนทนากันอย่่ต่อ
หน้าเราฉะนั้น เรื่องของท่านทั้งสองโต้กันยังมีอีกแยะ แต่เห็น
ว่าเท่าที่กล่าวมาพอเป็ นคติแก่พวกเราพอสมควร อุ บายของ
ท่านทั้งสองแสดงให้เห็นได้ชัดว่ามีเค้าแห่งความฉลาดมาแต่
เป็ นฆราวาส ฉะนั้ น เวลามาบวชเป็ นพระ ท่ า นจึ ง เป็ นจอม
ปราชญ์ท้ังสององค์ในสมัยปั จจุบัน ปรากฏชื่อลือนามกระเดื่อง
เลื่ องลื อ ทั่ ว ประเทศไทยว่ า ท่ า นเจ้ า คุ ณ อุ บ าลี คุ ณ่ ป มาจารย์
และท่านพระอาจารย์ม่ัน ภ่ริทัตตเถระ เป็ นจอมปราชญ์สมัย
ปั จจุบัน ที่เขียนว่าอ้ายจันทร์และอ้ายมั่นนั้นเขียนตามที่ทราบ
จากท่านเล่าให้พระฟั ง
เ ว ล า ท่ า น เ ปิ ด โ อ ก า ส ส บ า ย ๆ กั บ บ ร ร ด า ศิ ษ ย์ ที่
เคร่งเครียดต่อการระวังในท่านมาเป็ นประจำา หากเป็ นการ
ไม่ บั ง ควรประการใด ก็ ข อประทานโทษท่ า นเจ้ า พระคุ ณ ทั้ ง
สองและท่ า นผ้่ อ่ า นทั่ ว ๆ ไปด้ ว ย ถ้ า จะเลี่ ย งเขี ย นตามศั พ ท์
นิ ย มก็ ไ ม่ ถ นั ด ใจ ที่ ท่ า นเรี ย กกั น เช่ น นั้ น เข้ า ใจว่ า ท่ า นนิ ย ม
นั บ ถื อ กั น ด้ ว ยคำา พ่ ด ทำา นองนั้ น ซึ่ ง เราเองก็ เ คยใช้ ต่ อ กั น
ระหว่างบุคคลที่สนิ ทสนมกันตามฐานะและวัยเสมอมา จึงได้
เขียนตามเค้ามาดั้งเดิม จะหยาบคายหรือละเอียดประการใด
ก็ประสงค์ให้เป็ นไปตามเรื่องเดิมซึ่งเป็ นธรรมชาติแท้ท่ีท่านใช้
กันในเพศและวัยนั้น ร้่สก ึ สะดวกใจ และอาจมองเห็นภาพท่าน
ทั้ ง คราวเป็ นฆราวาสที่ กำา ลั ง คะนองรื่ นเริ ง และภาพที่ เ ป็ น
นั ก บวชซึ่ ง สละความเป็ นโลกออกอย่ า งสิ้ น เชิ ง มี แ ต่ ค วาม
อัศจรรย์ล้วน ๆ อย่่ในองค์แห่งพระเวลาท่านบวชแล้ว
ขณะท่านเล่านิ ทานให้ฟัง น่ าฟั งมาก โดยมากก็เป็ นเรื่อง
สมั ย ปั จจุ บั น มากกว่ า จะเป็ นนิ ทาน ท่ า นชอบชมเชยความ
ฉลาดของเจ้าคุณอุบาลีฯ ให้ฟังเสมอ ครั้งหนึ่ งท่านเล่าว่า ท่าน
สนทนากับท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ถึงพระเวสสันดร พอได้โอกาส
ท่านเรียนถามถึงแม่ของพระนางมัทรีคือใคร ไม่เห็นกล่าวไว้
ในคัมภีร์ หรือค้นหาไม่พบต่างหาก ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ก็ตอบ
ขึ้ น ทั น ที ว่ า ท่ า นยั ง ไม่ เ คยเห็ น ไม่ เ คยได้ ยิ น แม่ น างมั ท รี บ้ า ง
หรื อ เขาเห็ น กั น ทั้ ง บ้ า นทั้ ง เมื อ ง ท่ า นมั ว ไปหานางมั ท รี อ ย่่

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 152
153

ที่ไหนถึงไม่ได้เห็นกับเขา ท่านพระอาจารย์ม่ันกราบเรียนว่า
ยังไม่เคยเห็นเลย ไม่ทราบว่าอย่่ในคัมภีร์ไหน ท่านตอบทันที
ว่าจะอย่่ในคัมภีร์อะไรที่ไหนกัน ก็สาวอบผ้่พ่ดเสียงดัง ๆ บ้าน
แกหลังใหญ่ ๆ อย่่ส่ีแยกทางออกไปวัดยังไงล่ะ
ท่านพระอาจารย์ ม่ัน เกิ ดงง ต้ องเรีย นถามท่ านอีก ว่า สี่
แยกที่ ไหนและทางออกไปวั ด ไหน ท่ า นไม่ เ ห็ นกล่ า วเรื่ องวั ด
เรื่องวาไว้เลย ท่านตอบว่า ก็แม่นางมัทรีบ้านแกอย่่เกือบติด
กับบ้านท่านอย่างไรล่ะ ทำา ไมยังไม่ร้่กระทั่งนางมัทรีและสาว
อบแม่นางมัทรีเข้าอีก ท่านนี้ แย่จริงๆ เพียงนางมัทรีและสาว
อบในหม่่บ้านเดียวกันยังไม่ร้่อีก ท่านจะไปเที่ยวหาแม่นางมัท
รี ใ นคั ม ภี ร์ ไ หนกั น อี ก ผมก็ แ ย่ แ ทนท่ า นถ้ า เป็ นอย่ า งนี้ ท่ า น
อาจารย์ก็ระลึกได้ทันทีเมื่อท่านพ่ดว่า นางมัทรีและสาวอบที่
อ ย่่ ใ น บ้ า น เ ดี ย ว กั น แ ต่ ก่ อ น มั ว ไ ป นึ ก ภ า พ ใ น เ รื่ อ ง พ ร ะ
เวสสันดรในคัมภีร์โน้นจึงทำาให้งงไปนาน ท่านว่าท่านเจ้าคุณ
อุบาลีฯ ท่านฉลาดโต้ตอบด้วยอุบายแปลก ๆ อย่างนี้ เสมอมา
ท่ า นมั ก โต้ ต อบแบบศอกกลั บ เสมอ ทำา เอาผ้่ ฟั งงงไปตาม ๆ
กั น และก็ ไ ด้ ส ติ ปั ญญาจากอุ บ ายท่ า นตลอดมา ท่ า นเล่ า ทั้ ง
หัวเราะขันตัวท่านเองที่ไม่ทันล่กไม้ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ
ท้าวสักกเทวราชบนสวรรค์มาเยี่ยมท่านเสมอ
ท่านพักจำาพรรษาอย่่บ้านนำ้าเมา อำาเภอแม่ปัง เชียงใหม่
ท่านว่าท่านต้อนรับแขกจำา พวกกายทิพย์บนสวรรค์ มีท้าวสัก
กเทวราชเป็ นหั ว หน้ า มากเป็ นพิ เ ศษ แม้ ห น้ า แล้ ง ท่ า นหลี ก
ออกไปเที่ยววิเวกองค์เดียวอย่่ในถำ้าดอกคำา ก็มีท้าวสักกเทว
ราชพาพวกเทวดามาเยี่ยมท่าน ซึ่งมาแต่ละครั้งเป็ นหมื่นเป็ น
แสนและมาบ่ อ ยที่ สุ ด ถ้ า พวกที่ ไ ม่ เ คยมา ท้ า วสั ก กเทวราช
ต้ อ งเตื อ นให้ เ ขาเข้ า ใจวิ ธี ฟั งธรรมก่ อ นที่ ท่ า นจะแสดงให้ ฟั ง
โดยมากท่านแสดงเมตตาอัปปมัญญาพรหมวิหารให้เขาฟั ง
เพราะพวกเทวดาชอบธรรมนี้ ม ากเป็ นพิ เ ศษ ท่ า นพั ก อย่่ ท้ั ง
สองแห่ ง นี้ ท้ า วสั ก กเทวราชมาเยี่ ยมฟั งธรรมเสมอ การ
ต้อนรับพวกเทพทุกชั้นทุกภ่มิก็ปรากฏว่ามากเป็ นพิเศษกว่าที่
อื่น ๆ เพราะที่น่ี อย่่ลึกและสงัดมากบรรยากาศก็อำานวย
พวกนี้ เคารพท่านและสถานที่ท่ีท่านพักอย่่มาก แม้ทาง
จงกรมที่ ญ าติ โ ยมเอาทรายมาเกลี่ ย ไว้ สำา หรั บ ให้ ท่ า นเดิ น
จงกรมก็ ไ ม่ ก ล้ า ผ่ า นเข้ า มา ต้ อ งเว้ น ไปเข้ า ทางอื่ น พวก
พญานาคก็เช่นกัน เวลาเขาเข้ามาเยี่ยมฟั งธรรมท่านก็ไม่อาจ
เดินข้ามทางจงกรมเข้ามา ถ้าหัวหน้าจำาเป็ นต้องเดินผ่านเข้า

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 153
154

มาเป็ นบางครั้ง ต้องเว้นไปทางหัวจงกรมเดินอ้อมเข้ามา บาง


ครั้งพญานาคใช้ให้บริวารมากราบนิ มนต์ท่านในกิจบางอย่าง
เช่ นเดียวกับมนุ ษ ย์ เ รามานิ ม นต์ พ ระไปในงาน ก็ ไ ม่ กล้ า เดิ น
ข้ามทางจงกรมเข้ ามา ถ้ามี ทรายโรยไว้ก็ เอามื อกวาดทราย
ออกเสียก่อนแล้วค่อยคลานเข้ามา พอพ้นจากนั้นแล้วค่อยลุก
ขึ้ น เดิ น เข้ า มาหาท่ า น กิ ริ ย ามรรยาททุ ก อาการอย่่ ใ นความ
สำารวมดีมาก
ท่านว่ามนุษย์เราซึ่งเป็ นเจ้าของศาสนา ถ้าต่างสนใจใน
ธรรมและมีความเคารพต่อตัวเองสมกับว่ารักตนจริง ๆ ตาม
ความร้่สึกที่ฝังลึกอย่่ภายใน ก็ควรมีมรรยาทเคารพศาสนา
เช่ น เดี ย วกั บ พวกเทวดาและพญานาคที่ เ ขาทำา กั น แม้ ไ ม่
สามารถจะมองเห็นวิธีการที่เขาทำาความเคารพต่อศาสนา แต่
ศาสนาก็ ส อนวิ ธี เ คารพ ไว้ อย่ าง สม บ่ ร ณ์ แ ล้ ว ไม่ มี อ ะไ ร
บกพร่อง นอกจากพวกมนุษย์เราไม่ค่อยสนใจเท่าที่ควร และ
ตั้งใจสั่งสมความประมาทใส่ตนจนหาที่เก็บไม่ได้เท่านั้น จึงไม่
ค่อยประสบความสุขความสมหวังดังที่ปรารถนากัน
ความจริ ง ศาสนาเป็ นแหล่ ง ผลิ ต มรรยาทศี ล ธรรมอั น ดี
งามเพื่ อผล คื อ ความสุ ข ความสมหวั ง จะมี ท างเกิ ด ขึ้ น แก่ ผ้่
สนใจตามหลั ก ศาสนาที่ ส อนไว้ ท่ า นกล่ า วเน้น หนั ก ลงไปว่ า
ความสำา คั ญ ของทุ ก สิ่ ง ในโลกก็ คื อ ใจ ถ้ า ใจหยาบทุ ก สิ่ ง ที่ ม า
เกี่ยวข้องก็กลายเป็ นของหยาบไปด้วย เช่นเดียวกับร่างกาย
สกปรก แม้ ส่ิ ง ที่ มาคละเคล้ า กั บ กายจ ะเ ป็ น ของส ะอาด
สวยงามเพี ย งไร ก็ ก ลายเป็ นของสกปรกไปตามร่ า งกายที่
สกปรกอย่่แล้ว ฉะนั้นธรรมจึงอดจะหยาบไปตามใจที่สกปรก
ไม่ ไ ด้ ถึ ง จะเป็ นธรรมที่ บ ริ สุ ท ธิ ห
์ มดจด แต่ พ อคนมี ใ จโสมม
เข้าไปเกี่ยวข้อง ธรรมก็กลายเป็ นธรรมอับเฉาไปตาม เหมือน
ผ้าที่สะอาดตกลงไปคลุกฝ่ ุน หรือคนชั่วแบกคัมภีร์ธรรมอวด

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูริทัตตเถระ 154

You might also like