Professional Documents
Culture Documents
....
ไม้ยูคาลิปตัสที่เข้ามาที่โรงงานผลิตเยื่อกระดาษ และกระดาษ AA มาจาก
1. แปลงปลูกต้นยูคาลิปตัสของโรงงานเอง
2. จากเกษตรกรที่บริษัทส่งเสริมการปลูกยูคาลิปตัส
3. เกษตรกรทั่วไป ซื้อขายผ่านศูนย์การซื้อไม้
ขั้นตอนการตัดไม้ ไม่ใช่เรื่องยากสำาหรับมืออาชีพอย่างพี่สำาเร็จและลูก
น้องเลือดอีสานอีกประมาณ 30 ชีวิตทีร ่ ่อนเร่พเนจรไปตามสวนยูคาลิปตัสแลก
กับรายได้มากกว่าหมื่นบาทต่อคนต่อปี
การตัดเริ่มจากการใช้เลื่อยยนตร์ตัด ตัดง่ายเพราะเป็นไม้เนื้ออ่อน เสร็จ
แล้วริดกิ่ง ก่อนทีจ
่ ะตัดเป็นท่อนๆ ตามขนาดความยาว ตามที่โรงงานรับซื้อไม้
ต้องการ จากนั้นก็แบกขึ้นรถสิบล้อไปส่งโรงงาน ไม้ที่ตัดได้ส่วนใหญ่ก็ส่งขาย
โรงงานกระดาษ หรือไปทำาเสาเข็ม ทำานั่งร้าน แม้แต่ไม้นิ้วหนึ่งเอาไปทำาไม้ตก
หมึก ต้นละ 1 บาท ปลายทอ่นเล็กๆ เข้าโรงงานทำาไม้อัด ทำาเฟอร์นิเจอร์ เศษ
เหลือตกหล่นรวมทั้งใบยูคาลิปตัส เข้าโรงงานผลิตไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิง เรียกได้
ว่า ขายได้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นไปจนถึงใบ
นอกจากไม้ที่ผู้รับเหมาตัดจากสวนยูคาลิปตัสแล้ว ก็จะมีไม้ยูคาลิปตัสอีก
ส่วนหนึ่งที่มาจากชาวบ้านที่มีอาชีพหลักในการทำานาทำาสวน แต่ปลูกต้นยูคา
ลิปตัสไว้ตามหัวไร่ปลายนา หรือพื้นที่รกร้างว่างเปล่า แต่เมือ
่ ตัดแต่ละครั้งก็ทำา
รายได้ให้เจ้าของที่ดินหลายหมื่นบาทต่อปีเลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลงหาก
ออกเดินทางไปต่างจังหวัดจะมองเห็นต้นยูคาลิปตัสเรียงรายสองข้างทางแทนที่
ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา
A4
กระดาษ A4 ที่เราใช้กัน มีขนาดกว้าง 21 ซม.
ยาว 29.7 ซม. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่เท่ากันทั่วโลก
คำาว่า A4 นั้น A มาจาก ซีรข
ี่ องกระดาษ 4 มาจากการ
พับกระดาษขนาดมาตรฐานกว้างทีส ่ ุดลงมา 4 ครั้ง
1. กระดาษเช็ดหน้า
2. กระดาษชำาระ
3. กระดาษอเนกประสงค์
4. กระดาษเช็ดปาก
กระบวนการทำากระดาษทิชชู่ก็ไม่ต่างจากการผลิตกระดาษ ที่ต่างกันนิด
นึง คือ กระดาษทิชชู่ต้องใช้เครือ่ งแซะออกมาจากสายพานการผลิตในระหว่างที่
ยังมีความชื้นอยู่ ทำาให้มร
ี อยย่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกระดาษทิชชู่ ซึ่งจะทำาให้
กระดาษทิชชู่มีความนุ่มมากกว่ากระดาษที่ใช้งานเพื่อการอ่านเขียน
เมื่อกระดาษทั้งหลายเดินทางออกจากโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ
สำาหรับการอ่านเขียน หรือกระดาษชำาระ สำาหรับรองรับผิวหนังอันอ่อนนุ่มใน
ทุกๆ ส่วนของผู้คนแล้ว กระดาษใช้แล้วก็จะมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เดียวกัน
นั่นคือ ถังขยะ และจากถังขยะตามบ้านเรือนผู้คน ทีอ ่ ยู่อาศัย อาคารสำานักงาน
ต่างๆ ผ่านการใช้งานอย่างคุ้มค่า หรืออาจจะไม่คุ้มค่าบ้างตามแต่สำานึกรับผิด
ชอบของผู้ใช้ ก็จะถูกเก็บกำาจัดโดยรถขนะสู่การทำาลายต่อไป
แต่ระหว่างทางแห่งการกำาจัดขยะกระดาษ ก็ยังมีผู้คนจำานวนไม่น้อยที่ยัง
เห็นคุณค่าของกระดาษเหล่านี้ จะด้วยสามัญสำานึกรักสิ่งแวดล้อมหรือเพือ ่ การ
ทำามาหากินก็แล้วแต่ พวกเขาก็ได้เสกสรรปั้นค่าสร้างราคาของกระดาษและชุบ
ชีวิตของกระดาษเหล่านี้อีกครั้ง ทีร่ ้านรับซื้อของเก่า ที่นี่ กระดาษทุกชนิดจะมา
เจอะเจอกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษลัง กระดาษ A4
หรือแม้กระทั่งกระดาษชำาระหรือกระดาษทิชชู่ใช้แล้ว
ที่ร้านรับซื้อของเก่า กระดาษนานาชนิดที่ผ่านมาการใช้งานแล้ว จะถูก
แยกออกเป็นประเภทต่างๆดังนี้ค่ะ
1. กระดาษขาว-ดำา คือ กระดาษ A4 ที่ใช้แล้ว
2. กระดาษลัง หรือ กระดาษสีนำ้าตาล
3. กระดาษหนังสือพิมพ์
4. กระดาษเล่ม เช่น หนังสือการ์ตูน หนังสือเรียน
5. กระดาษจับจั๊ว หรือ เศษกระดาษมั่วๆ ไม่เป็นชิ้นเป็นอันทั้งหลาย
แยกชนิดใส่กระสอบ ส่งไปขายยังโรงงานต่างๆกัน ตามความต้องการของ
ลูกค้า
ที่โรงงานกระดาษคูเซ่งฮวด กระดาษจับจั๊วจะเดินทางเข้ามาเป็นมัดๆ ตี
ราคาขายกันตามนำ้าหนักขายกันเป็นรถบรรทุกเที่ยวละหลายตัน วันละหลาย
เที่ยว จากนั้นรถบรรทุกก็เอากระดาษมาเทรวมกันกองเป็นภูเขาเลากากระดาษ
มากมายมหาศาลมากกว่า 20 ตันต่อวัน โรงงานก็จะใช้คนงานแยกพลาสติกหรือ
โลหะออกก่อน สร้างรายได้ให้คนงานอีกมากมายหลายชีวิต ที่สำาคัญที่สุด
กระดาษเหล่านี้สามารถทำาไปผลิตกระดาษได้อีกครั้ง และไม่ตอ ้ งกำาจัดทำาลาย
กระดาษให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน หรือภาษีของประชาชน ไม่สร้าง
มลภาวะทำาร้ายสิ่งแวดล้อมของประเทศชาติอีกด้วย
กระดาษชิ้นเล็กน้อยที่แยกสิ่งเจือปนออกแล้ว จะถูกอัดเป็นบล๊อกๆ ละ
600-700 กิโลกรัม ส่งเข้าโรงงานผลิตกระดาษ ที่ โรงงานวังศาลา หรือวังศาลา
คอมเพล็ก ทีอ ่ ำาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีกำาลังผลิต 6 แสนตันต่อปี โดย
ต้องซื้อวัตถุดิบกระดาษใช้แล้วมากกว่าแสนห้าหมื่นตันมากจากในประเทศ และ
อีก 4 แสนกว่าตัน นำาเข้าจากต่างประเทศเหตุผลที่ตอ ้ งนำาเข้ารู้แล้วอาจจะเศร้า
ใจ นั่นเป็นเพราะคนไทยไม่ได้เก็บแยกขยะ เพือ ่ รวบรวมมาขายเหมือนต่าง
ประเทศ จึงมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการผลิต ในขณะที่ในต่างประเทศมีการใช้
กระดาษออกจากขยะที่นำาไปสู่การกำาจัดทำาลาย จึงทำาให้มีปริมาณกระดาษที่ใช้
แล้ว ส่งขายออกต่างประเทศได้ ไทยก็ต้องสั่งซื้อเพื่อนำาเข้ากระดาษเหล่านี้ด้วย
น่าเสียดายจริงๆ...
เมื่อกระดาษใช้แล้วเดินทางมาถึงที่นี่ ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดย
การวัดความชื้น ได้ไม่เกิน 14 เปอร์เซ็นต์ โดยเครื่องวัดราคา 2 แสนบาท
ทำาไมต้องวัด? ความชื้นแปลว่ามีนำ้าอยูใ่ นกระดาษ มีผลต่อนำ้าหนักในการ
ซื้อขาย และมีผลต่อการผลิต เพราะต้องใช้กระดาษเก่าที่แห้งเท่านั้น เสร็จแล้ว
เอามัดกระดาษไปโยนโครม!!! เพื่อให้กระดาษที่อัดแน่นแตกกระจายออกจาก
กัน เสร็จแล้วแยกสิ่งปลอมปนที่ไม่ใช่กระดาษออก ก่อนเข้าเครื่องปั่นเหมือน
เครื่องปั่นนำ้าผลไม้ตีกระดาษให้แตกเละ พร้อมๆกับการทำาความสะอาด ส่วน
ผสมสำาคัญคือการผสมนำ้า (อีกแล้ว) ลงไปในเยื่อกระดาษ จากกระดาษแผ่นเล็ก
แผ่นน้อยก็จะกลายเป็นนำ้าเยื่อกระดาษ จากนั้น แยกสิ่งปลอมปนออกจากเยื่ออีก
ครั้ง แล้วส่งนำ้าเยื่อเดินทางตามท่อ เข้าเครือ
่ งขึ้นรูปกระดาษต่อไป
ขั้นตอนการขึ้นรูปกระดาษก็เหมือนๆ กับโรงงานอื่นๆ (จึงจะไม่พูดถึงให้
เปลืองกระดาษ) แต่ที่โรงงานแห่งนี้ จะได้กระดาษสีนำ้าตาล ทีม ่ ีเยื่อกระดาษ
หยาบกว่ากระดาษพิมพ์เขียน เนื่องจากผลิตจากเยื่อกระดาษที่ใช้แล้วนานาชนิด
นั่นเอง กระดาษสีนำ้าตาลเหล่านี้ก็จะกลายเป็นกระดาษสำาหรับทำาบรรจุภัณฑ์
หรือกระดาษลัง ซึ่งก็จะมีความเรียบ เนียน ละเอียดน้อยกว่ากระดาษพิมพ์ แต่มี
ความแข็งแรงและทนทานกว่า สามารถป้องกันการกระทบกระเทือนจาก
ภายนอก เข้าไปทำาลายสิ่งของทีอ ่ ยู่ภายในได้นั่นเอง
โรงงานแห่งนี้มีกำาลังการผลิตประมาณ 400-500 ตันต่อวัน หรือในคลัง
สินค้ามีสินค้าอยู่ประจำาไม่ตำ่ากว่า 13,000 ตัน วันหนึ่งๆ ต้องส่งออก 3 พันตัน ทั้ง
ในและต่างประเทศ เช่น ส่งเข้าโรงงานแปรรูปจากม้วนเป็นกล่อง ที่โรงงาน
สยามบรรจุภัณฑ์ราชบุรี (1989) จำากัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตลังหรือกล่องกระดาษสี
นำ้าตาล ผลิตต่อวันประมาณ 200 ตัน หรือประมาณ 7 แสนกล่องต่อวัน หรือ 200-
300 ล้านกล่องต่อปี
ขั้นตอนการผลิตกระดาษกล่องก็จะนำาม้วนกระดาษเข้าเครื่อง ทำาเป็นกระ
ดาษแผ่นเรียบ และกระดาษลอน กระดาษลอนหรือกระดาษลูกฟูก ซึ่งจะทำา
หน้าทีล่ ดแรงกระแทกในการบรรจุภัณฑ์นั่นเอง จากนั้นนำามาประกบกับ
กระดาษเรียบก่อนขึ้นรูปเป็นกล่องกระดาษ ตามรูปแบบที่ลูกค้าต้องการต่อไป
เศษกระดาษที่เหลือจากการผลิตกล่องกระดาษ ก็จะถูกเก็บอัดเพื่อเข้าโรงงาน
รีไซเคิลอีก กลายเป็นวงจรผลิตกระดาษเหมือนกับที่เราได้เห็นไปแล้วนั่นเอง
A4
ส่วนกระดาษ A4 หรือกระดาษพิมพ์เขียนที่ผ่านการใช้งานแล้ว (ควรจะใช้
งานทั้ง 2 หน้าก่อนทิ้ง) ก็จะเดินทางเข้าโรงงานแปรรูปกระดาษด้วยหลักการ
เดียวกันกับกระดาษจับจั๊ว ต่างกันที่สถานที่และเวลาเท่านั้น โรงงานแห่งหนึ่งที่
เราติดตามชีวิตของ A4 มีความต้องการใช้ A4 ที่ผ่านการใช้งานแล้วมากถึง 200-
300 ตันต่อวันเลยทีเดียว
เมื่อกระดาษเดินทางมาถึงโรงงาน ก็ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจวัด
ความชื้น และแยกสิ่งปลอมปนออกจากกระดาษก่อนเหมือนการผลิตกระดาษ
อื่นๆ และต้องแยกกระดาษสีออกด้วย เพราะต้องการแต่กระดาษขาวเท่านั้น
จากนั้น ส่งกระดาษเข้าถังตีเยื่อ ผสมนำ้าเพื่อให้กลายเป็นเยื่อกระดาษเล็กๆ จาก
นั้นเติมแชมพูเพื่อทำาให้เกิดฟอง และเติมอากาศเพิ่มฟอง เพื่อให้หมึกเกาะฟอง
ลอยขึ้นมาสู่ผิวหน้า จากนั้นล้างฟองกับหมึกออก เพือ ่ ให้ได้เยือ
่ กระดาษล้วนๆ
ซึ่งก็จะมีความขาวมากกว่ากระดาษที่ผลิตจากจับจั๊ว แต่จะให้ขาวเหมือนเดิมคง
ไม่ได้ เพราะผ่านการใช้งานแล้วเช่นกัน ก็จะออกขาวนวลๆ เหมือนกระดาษ
รีไซเคิลที่เรารู้จักกัน
เยื่อจากกระดาษขาว-ดำา ก็จะเดินทางเข้าสู่กระบวนการผลิตกระดาษ ซึ่ง
มีขั้นตอนเหมือนการผลิตกระดาษทั่วไป จนได้กระดาษแผ่นสีขาวอมนำ้าตาล
อ่อนๆ เป็นม้วน ม้วนละ 1 ตัน วันหนึ่งที่นี่ผลิตได้มากถึง 16,000 ม้วน หรือ 16,000
ตันเลยทีเดียว ผลิตเพือ ่ ป้อนโรงงานผลิตกล่องโดยเฉพาะ ซึ่งก็จะเข้าสู่โรงงาน
ผลิตบรรจุภัณฑ์ เช่นเดียวกับกระดาษกล่องหรือกระดาษลังนั่นเอง
และแล้วสุดท้ายปลายทางชีวิตก็ยังคงเป็นชีวิต เพราะกระดาษลังทั้งหลาย
ที่ใช้แล้ว (หากไม่ถูกมนุษย์ใจร้ายทิ้งขว้างอย่างไม่เห็นคุณค่า) ถูกคัดแยกออก
จากขยะประเภทอื่นๆ กระดาษสีนำ้าตาลหรือกระดาษลังก็ยังคงเป็นกระดาษที่นำา
กลับมาใช้ได้อีก ในวงจรชีวิตกระดาษที่ไม่มีวันจบสิ้น และหากการนำากลับมาใช้
มีปริมาณมากยิ่งๆ ขึ้นเท่าไร การผลิตเยือ ่ กระดาษใหม่ ด้วยการตัดไม้ยูคาลิปตัส
หรือไม้ชนิดอื่นๆ ที่สามารถผลิตกระดาษได้ เพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิต
กระดาษก็จะลดการนำาเข้ากระดาษใช้แล้วจากต่างประเทศ ก็จะไม่เพิ่มขึ้นจาก
ปริมาณนำาเข้ามหาศาลที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน
การมองเห็นคุณค่าของกระดาษ หรือการต่อชีวิตกระดาษด้วยการแยก
ขยะ ไม่ใช่เพียงเรือ
่ งของการประหยัดเงินในกระเป๋า ลดต้นทุนการผลิตหรือลด
การนำาเข้าวัตถุดิบในการผลิตเยือ ่ กระดาษเท่านั้น แต่ชีวิตกระดาษ ย่อมหมายถึง
ชีวิตของต้นไม้ และสิ่งมีชีวิตในโลกนี้อีกด้วย