Professional Documents
Culture Documents
ศิลป์
ศิลป์
๒ . ๑ . ๒ ประยุกต์ศิลป์
( ๑ ) สถาปัตยกรรม ได้แก่ สถาปัตยกรรมแบบประเพณี สถาปัตยกรรมร่วมสมัย
( ๒ ) สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ได้แก่ การจัดตกแต่งภายในอาคาร
( ๓ ) การออกแบบผังเมือง ได้แก่ การจัดองค์ประกอบของชุมชน กลุ่มอาคาร สิ่งแวดล้อม และสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับส่วนของเมือง
1 ศิลปะเชียงแสน
พระพุทธรูปเชียงแสน-ไชยปราการ เป็นพระพุทธรูปแขนงหนึ่งของศิลปะเชียงแสน โดยมักพบใน
บริเวณอำาเภอไชยปราการ ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ พระพุทธรูปศิลปะในแขนงนี้ มี
ลักษณะเฉพาะที่สามารถสังเกตุได้ง่ายมาก โดยการสังเกตุจากพระพักตร์ที่มีลก ั ษณะเฉพาะ ทั้งใน
ส่วนของตา ริมฝีปากและใบหู ซึ่งมีความแตกต่างไปจากศิลปะเชียงแสนบริสุทธิ์ แต่เนือ ่ งจากราคา
เช่าหาของศิลปะในแขนงนี้ตำ่ากว่าแบบเชียงแสนบริสท ุ ธิ์ ทำาให้ผู้ที่ให้เช่าพระพุทธรูปนั้น มักตั้ง
ราคาเช่าหาเท่ากับพระพุทธรูปเชียงแสนบริสุทธิ์ และบอกกับผู้เช่าว่าพระองค์นั้นๆ คือศิลปะ
เชียงแสนแท้ๆ ดังนั้นจึงต้องใช้การพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจเช่าเพื่อบูชา หรือการ
ศึกษาศิลปะแบบผิดๆ
2 ศิลปะสุโขทัย
พุทธศตวรรษที่ 17 - 20 อาณาจักรสุโขทัย นับเป็นราชธานีที่มีความชัดเจนเป็นครั้งแรกของชนเผ่า
ไทยสยาม ศิลปะสุโขทัยจึง นับเป็นสกุลศิลปะแบบแรกของชนชาติไทย แต่ไม่ใช่แรกสุดเพราะก่อน
หน้านั้นมีศิลปะที่ใกล้เคียงกับศิลปะสุโขทัยมาก คือ ศิลปะเชียงแสน ริมแม่นำ้าโขงในแถบจังหวัด
เชียงราย ศิลปะสุโขทัยผ่านการคิดค้น สร้างสรรค์ คลี่คลาย สังเคราะห์ในแผ่นดินที่เป็นปึกแผ่น
มั่นคงจนได้รูปแบบที่งดงาม พระพุทธรูปสุโขทัย ถือว่ามีความงามตามอุดมคติไทยอย่างแท้จริง
อุดมคติของพระพทธรูปสุโขทัยเกิดจากต้นแบบศิลปะที่ส่งอิทธิพลต่อช่างสมัยนั้นด้วย คือ อิทธิพล
ศิลปะจากศรีลังกาและอินเดีย ลักษณะ สำาคัญของพระพุทธรูปสุโขทัย คือ พระวรกายโปร่ง เส้น
รอบนอกโค้งงาม ได้จังหวะ พระพักตร์รูปไข่ยาวสมส่วน ยิ้มพองาม พระขนงโก่ง รับกับ พระนาสิก
ที่งุ้มเล็กน้อย พระโอษฐ์แย้มอิ่ม ดูสำารวม มีเมตตา พระเกตุมาลา รูปเปลวเพลิง พระสังฆาฏิยาว
จรดพระนาภี พระศกแบบก้นหอย ไม่มีไร พระศก พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยมีความงดงามมาก ที่
มีชื่อเสียงมากได้แก่ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห ์์ พระศาสดา พระพุทธไตรรัตนายก และ
พระพุทธรูปปางลีลา นอกจากพระพุทธรูปแล้ว ในสมัยสุโขทัยยังมี งานประติมากรรมที่มีชื่อเสียง
อีกอย่างหนึ่งคือ เครื่องสังคโลก ซึง่ เป็นเครื่อง ปั้นดินเผาสมัยสุโขทัยที่มล ี ักษณะเฉพาะ มีชื่อเสียง
ไปทั่วโลก เครื่องปัน
้ ดินเผาสังคโลก เป็นเครื่องปัน ้ ดินเผาเคลือบ สีเขียวไข่กา สีนำ้าตาล สีใส เขียน
ทับลายเขียนรูปต่าง ๆ มี ผิวเคลือบแตกราน สังคโลกเป็นสินค้าออก ทีส ่ ำาคัญของอาณาจักรสุโขทัย
ที่ ส่งไปจำาหน่ายนอกอาณาเขต จนถึงพิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น
3
พุทธศตวรรษที่ 19 - 24 อาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ และมีอายุยาวนานถึง 417
ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1893 - 2310 ศิลปะอยุธยาที่เจริญรุ่งเรืองมีหลายแขนง ได้แก่ การประดับมุก การเขียน
ลายรดนำ้า ลวดลายปูนปั้น การแกะสลักไม้ และ เครื่องปั้นดินเผาลายเบญจรงค์ ฯลฯ ศิลปะการ
สร้างพระพุทธรูปในสมัย อยุธยาไม่ค่อยรุ่งเรืองนัก ไม่มีลักษณะเฉพาะที่เด่นชัด ลักษณะทั่วไปจะ
เป็น การผสมผสานศิลปะแบบอืน ่ ๆ มีพระวรกายคล้ายกับพระพุทธรูปอู่ทอง พระพักตร์ยาวแบบ
สุโขทัย พระเกตุมาลาเป็นหยักแหลมสูงรูปเปลวเพลิง พระขนงโก่งแบบสุโขทัย สังฆาฏิใหญ่ปลาย
ตัดตรง หรือสองแฉกแต่ไม่ เป็นเขี้ยวตะขาบ แบบเชียงแสน หรือสุโขทัย ตอนหลังนิยมสร้าง
พระพุทธ รูปทรงเครื่องแบบกษัตราธิราชเนือ ่ งด้วยอยุธยามีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำา
ชาติ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์เป็นอัครศาสนูปถัมภกพระพุทธศาสนา ราษฎรส่วนใหญ่มีความ
เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ศิลปกรรม ในรูปของงานสถาปัตยกรรม
ศิลปกรรม และจิตรกรรม ยังมีการสร้างสรรค์ศิลปกรรมด้านอื่นๆ ได้แก่ งานศิลปกรรม เพื่อการ
เฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชวัง เป็นต้นศิลปกรรมสมัยอยุธยามีการสร้างสรรค์
หลายสาขา ได้แก่
บรรดาสิ่งของเครื่องใช้ที่ขุดค้นพบในพระเจดีย์และพระปรางค์ต่างๆ บรรจุอยู่ภายในกรุ
ข้างใต้โบราณสถานมักมีการค้นพบผอบ หรือพระเจดีย์เล็กๆบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
สิ่งของมีค่าต่างๆ เช่น พระพุทธรูปทองคำา แก้วแหวนเงินทอง ทีม ่ ีผู้ใจบุญบริจาค กรุที่
สำาคัญ ได้แก่ กรุวัดราชบูรณะ ซึ่งสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ ทรงสร้างในบริเวณที่
ถวายพระเพลิงเจ้าอ้ายกับเจ้ายี่ พระเชษฐาของพระองค์ ภายในกรุพบเครื่องราชูปโภค
ทองคำาประดับอัญมณี และพระพุทธรูปทองคำาและเงิน ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
4 ศิลปะรัตนโกสินทร์
ตั้งอยู่ที่อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ ชั้นล่าง จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์ นับตั้งแต่
สถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีเมื่อ พ.ศ. 2325 จนถึงปัจจุบัน แบบศิลปะรัตนโกสินทร์มีความ
สืบเนื่องกับศิลปะอยุธยา และพัฒนารูปลักษณะของตนเองขึ้น โดยวิวัฒนาการทางศิลปะส่วนหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับกระแสพระราชนิยมในแต่ละยุคสมัย นับตั้งแต่รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา ศิลปะตะวันตกได้เข้า
มามีอิทธิพลต่อศิลปะไทยประเพณีมากขึ้น และมีการย้อนกลับมาสร้างงานศิลปะตามแบบศิลปะ
โบราณ วัตถุสำาคัญที่จัดแสดงในห้องนีไ้ ด้แก่ พระพุทธรูปทรงเครื่อง สมัยรัชกาลที่ 1-3 ตัวอย่าง
ศิลปะรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1
ไม้ลงรักปิดทอง จัดแสดงที่โรงราชรถ
ศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 24 ราชรถทรงบุษบก สำาหรับทรงพระศพพระบรม
พระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างพระมหาจักรพรรดิ ศิลปะรัวงศ์ ผู้ทรงศักดิ์สูงชั้นสมเด็จเจ้าฟ้า สันนิษฐานว่า
สร้ ตนโกสิ
างราวนพ.ศ.
ทร์ พุ
2342 ในรัชกาลที่ ่ 25
ทธศตวรรษที แกะจากแก้
1 เพื่ออั ญเชิญพระวผลึก
หมายถึง พระพุทธเจ้าปางทรมานพระยามหาชมพู นิยม
โกศสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดา
กันในสมัยอยุธยาตอนปลายและต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ศิลปะรัรัตกนโกสิ
ษ์ ออกรพะเมรุ ทอ
นทร์ รัชกาลที้ งสนามหลวงเมื ด 2342
่อ พ.ศ.
่ 1 ไม้ลงรักปิดทองจั
แสดงที่ห้องราชยานคานหาม พระทีน
่ ั่งภิมุข
มณเฑียร
ไม้ลงรักปิดทอง
ศิลปะรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2
จัดแสดงทีห ่ ้องไม้จำาหลัก มุขเด็จ
บานประตูไม้จำาหลักลายพฤกษา ประกอบด้วยลายดอกพุดตาล สอดแทรกด้วยรูปสัตว์นานา
ชนิดเต็มพื้นที่ การแกะคว้านลึกซ้อนทับกันเข้าไปเป็นชั้นๆจนลายบางตอนลอยตัวขึ้น ภาพสัตว์
และจังหวะการเกี่ยวพันของกิ่งก้านสาขาแลดูซับซ้อนมีชีวิตชีวา แสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมของช่าง
แกะสลัก สันนิษฐานว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 ทรงร่วมแกะสลักบาง
ส่วนด้วย
6 เรือนเครื่องผูก
เรือนไทยทางใต้ก็คล้ายกับทางเหนือ คือแบ่งเป็น ๒ แบบ ได้แก่ เรือนเครื่องผูก กับ เรือนเครื่องสับ
ค่ะ
มักเป็นกระท่อมแบบง่ายๆ ใช้ไม่ไผ่เป็นโครงสร้างแล้วผูกด้วยหวาย
หลังคามุงจากหรือแฝก ไม่นิยมกั้นฝาห้อง แต่จะใช้ม่านกั้นห้องนอนแทนให้เป็นสัดส่วน ไม่มีรั้ว
ปลูกติดๆกันเป็นหมู่บ้าน เพื่อจะได้ช่วยเหลือกันใกล้ชิด ว่ากันว่าเพราะพ่อบ้านเป็น 'ชาวเล' ต้อง
ออกทะเลเป็นประจำาทีละหลายๆวัน ปล่อยแม่บ้านและลูกๆเอาไว้ทางบ้านตามลำาพัง ก็ตอ ้ งอาศัย
ความใกล้ชิดของชุมชน เพื่อดูแลและช่วยเหลือหากมีภัยต่างๆให้ ดีกว่าจะปลูกบ้านอยู่โดดเดี่ยวห่าง
จากผู้อื่น
เป็นบ้านสำาหรับคนฐานะดีขึ้นกว่าแบบแรก การสร้างซับ
ซ้อนกว่าเรือนเครื่องผูก ปลูกด้วยไม้เคี่ยมหรือไม้หลุมพอ เพราะไม้สักอย่างทางภาคเหนือหายาก
แทบไม่มีเลย ยกใต้ถุนสูงพอคนลอดได้ ทีแ ่ ตกต่างจากภาคอื่นคือไม่ขุดหลุมลงเสาเอก แต่จะใช้แท่ง
หินหรือคอนดรีตฝังลงในดิน ให้พื้นบนโผล่ขึ้นเหนือดินแล้ววางเสาบ้านลงบนแท่น แล้วใช้ไม้เนื้อ
แข็งอย่างไม้ตง ร้อยทะลุจากโคนเสาหัวบ้านไปจนถึงโคนเสาท้ายบ้านเพื่อยึดไว้ให้มั่นคง ตัวเรือน
มีความยาวเป็นสองช่วงของความกว้าง มีพน ื้ ระเบียงลดตำ่ากว่าตัวเรือนใหญ่ และมีนอกชานลดตำ่า
กว่าพื้นระเบียงอีกที หลังคาจั่วตั้งโค้งแอ่นติดไม้แผ่นปัน ้ ลมแบบหางปลา มุงกระเบื้อง และมี
กันสาดยื่นออกไปกว้างคลุมสามด้าน สมกับอยู่ในสถานที่ฝนชุก ระเบียงก็มีชายคาคลุมไว้เช่นกัน
แล้วแยกเรือนครัวออกไปต่างหาก เรือนพวกนีจ ้ ะสร้างเพิ่มเป็นเรือนหมู่กไ็ ด้ค่ะ ประมาณ ๓-๔
เรือน สำาหรับลูกหลานเมื่อแต่งงานแยกออกไปอยู่อก
ี เรือนหนึ่ง
บ้านหลังคาจั่ว
แต่ถ้าจะปลูกแบบบ้านคนฐานะดี ลองไปหาแบบในจังหวัดทางใต้สุดอย่าง ยะลา ปัตตานี
นราธิวาส สงขลา บ้านมักจะกว้าง ก่อสร้างสวยงามแข็งแรงขึ้นกว่าสองแบบแรก แบ่งได้เป็น ๓
แบบตามรูปแบบหลังคาค่ะ เป็นรูปจั่วตรงมุงด้วยกระเบื้อง ประดับเชิง
ชายและช่องลมด้วยไม้ฉลุ ตัวเรือนใต้ถน
ุ ยกสูง มีระเบียงและนอกชาน
เป็นบ้านใต้ถุนสูง หลังคามุง
กระเบื้อง รูปทรงลาดเอียงสี่ด้านไม่มี
จั่ว ตรงรอยตัดเหลี่ยมหลังคาครอบ
ด้วยปูนกันฝนรั่วลงบ้าน เป็นแบบ
หลังคาที่แข็งแรง ต้านลมพายุได้ดีค่ะ
มักพบมากแถวสงขลา ฝรั่งเรียกทรง
หลังคาแบบนี้ว่า "ทรงฮิปส์"
1. ( )
เรือนหลังคามุงจาก ฝาขัดแตะ หลังเล็กสำาหรับครอบครัว
แรกเริ่มที่มี
รูปแบบเรียบง่ายสามารถสร้างให้เสร็จได้ภายในหนึ่งวัน
โดยใช้ไม้ไผ่
ทีม
่ ีอยู่ในท้องถิ่นและแรงงานจากชาวบ้านให้ความร่วมมือ
ในลักษณะ
เรียกว่า " การลงแขก "
2. (
)
เรือนหลังคามุงจาก ยกเรือนขึ้นสูง เพื่อเก็บอุปกรณ์ทำามา
หากินและทำา
7 เรือนกาแล
กิจกรรมใต้ถุนบ้าน การแบ่งส่วนเรือนแสดงให้เห็นถึงการ
ขยายขนาด
ของครอบครัว และมีสมาชิกเป็นเด็กอ่อน
3. ( )
เรือนไม้แท้สามช่วงเสา ฝาปะกน หลังคามุงจากสำาหรับ
ครอบครัวที่มี ฐานะมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ โดย
เฉพาะการทำานา ซึง่ เป็น
อาชีพที่นิยมทำากันมากในสมัยโบราณ เพราะมีภูมป
ิ ระเทศเอื้อ
อำานวย
4.
เรือนสามช่วงเสาสองหลัง เชื่อมด้วยชานมีครัวไฟแยกต่างหาก
หลังคา มุงจากและกระเบื้องสำาหรับครอบครัวผู้มีฐานะ ใน
บริเวณเรือนมียุ้งเก็บ ข้าวเปลือกและอุปกรณ์การทำานา
5.
สถานที่สำาหรับเก็บข้าวเปลือกหลังจากที่ได้ผ่านการนวด
เรียบร้อยแล้ว โดยข้าวส่วนหนึ่งจะเก็บเป็นพันธุ์ข้าวเปลือกใน
ปีต่อไป และข้าวสำาหรับ
ใช้สีกน
ิ ระหว่างปี
6.
พืน
้ ที่สำาหรับเลี้ยงสัตว์ของชาวนา เพื่อไว้ใช้แรงงานและเป็น
อาหาร เช่น ไก่ หมู ควาย และพื้นที่สำาหรับปลูกพืชผักสวนครัว
ไว้ประกอบ
อาหาร โดยส่วนที่เหลือนำาจำาหน่ายได้
เรือนทรงสะละไนอีกแห่งนึงที่ใหญ่โตสวย
งามมากด้วยไม้สักทั้งหลัง
"บ้านคำาเท่ียง" เรือนไทยล้านนาหลังเดียว
ท่ียังคงรูปแบบการสร้าง แบบล้านนาไว้ทัง้หมด
แทรกตัวอยู่ท่ามกลางความเจริญ ของสังคมเมืองย่าน
อโศก ภายในจัดแสดงข้าวของเคร่ ืองใช้ รวมไปถึงคติ
ความเช่ ือของคนล้านนาได้อย่างน่าสนใจ
ทันที่ที่ก้าวลงจากสถานีรถไฟฟ้า
ทางออกที่ 3 แล้วเดินมาที่แยกอโศก (สุขุมวิท 21)
จะเห็น “ ”
ซึ่งเป็นเรือนไทยล้านนาแบบดั้งเดิม ทีเ่ รียกว่า “ ”
@ ทำามาจากแผ่นไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม ติดไว้เหนือ
ช่องประตูห้องนอน ซึ่งเชื่อว่าจะป้องกันสิ่งชั่วร้ายผ่านเข้าสู่ห้องนอน และ
เป็นสิ่งทีบ
่ อกเขตหวงห้ามระหว่างคนที่นับถือผีบรรพบุรุษเดียวกันกับ
คนนอก
@ ( ) การกำาหนด
บทบาทของผีประเภทต่าง ๆ เป็นการสะท้อนภูมป ิ ัญญาในเรื่องการจัดการทางสังคมของชาวล้าน
นาตามธรรมเนียม ผูห ้ ญิงจะเป็นผู้ครอบครองดูแลเรือนโดย “สายแม่” นี้จะ
เป็นผู้รับสืบทอดทั้งเรือนและผีปู่ย่า ซึง่ ลูกสาวคนสุดท้องจะต้องเป็นผู้
สืบทอดนำาผีปู่ย่าไปไว้ที่เรือนตนเองเรียกว่า “เค้าผี” และจะกระทำาอย่างนี้
เรื่อยไปจนกระทั่งไม่มีลูกสาวสืบทอด จึงเรียกว่า “ผีสุด”
กาแลเด่นอ่อนช้อยร้อยความคิด
ไขว้สนิทติดอยู่หลังคาบน
เรือนน้อยคอยท่านานาชน
มาเยี่ยมยลชมเรือนอุ๊ยผัดกัน
ชราโรยอายุเกือบร้อยปี
แต่มีศรีมีศักดิใ์ ห้ชวนฝัน
แม้ผุเปราะบางตามวารวัน
รู้สำาคัญหมั่นช่วยเอ็นดูเรือน
มนฤทัย ไชยวิเศษ
. เป็นเรือนพักอาศัยของผู้มีอันจะกิน ผู้นำาชุมชนหรือบุคคลชั้น
สูงในสังคม ตั้งแต่ระดับชนบทจนถึงระดับเมือง เรือนประเภทนี้เป็นเรือนที่สร้างด้วยไม้
เนื้อแข็ง หรือไม้จริงทั้งหมด เรียกตามลักษณะของไม้ป้านลม หลังคาส่วนปลายยอดที่ไขว้
กัน ซึง่ ชาวเหนือเรียกส่วนที่ไขว้กันนี้ว่า”กาแล” สำาหรับคำาว่า “เรือนกาแล” เป็นชื่อที่นัก
วิชาการทางสถาปัตยกรรมบัญญัติไว้ เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างเรือนไม้จริงแบบที่ ๓
หากแต่ชาวล้านนาในปัจจุบันเรียกว่า “เฮือนบ่าเก่า” (เฮือนคือเรียน บ่าเก่าคือโบราณ)
เพราะเป็นเรือนทรงโบราณของล้านนานั่นเอง ลักษณะพิเศษของเรือนกาแลอยู่ที่ยอดจั่ว
ประดับกาแลเป็นไม้สลักอย่างงดงาม ใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพดี ฝีมือช่างประณีต แต่มี
แบบแผนค่อนข้างตายตัว ส่วนใหญ่เป็นเรือนแฝด มีขนาดตั้งแต่หนึ่งห้องนอนขึ้นไป โดย
ทั่วไปเรือนประเภทนี้จะมีแผนผัง ๒ แบบใหญ่ ๆ คือ แบบที่ ๑ เอาบันไดขึ้นตรงติดชาน
นอกโดด ๆ แบบที่ ๒ เอาบันไดอิงชิดแนบฝาใต้ชายคาคลุม ทั้งสองแบบนี้จะใช้ร้านนำ้าตั้ง
เป็นหน่วยโด ๆ มีโครงสร้างของตัวเอง ไม่นิยมตีฝ้าเพดาน ปัจจุบันหาเรือนกาแลดูได้ยาก
เพราะมีหลงเหลือให้เห็นเพียงไม่กี่หลัง อย่างไรก็ตาม เรือนชนิดนี้เป็นเรือนที่แสดงถึง
วิวัฒนาการของกระบวนการก่อสร้างบ้านพักอาศัยของชาวล้านนาที่ถึงจุดสูงสุดก่อนได้
รับอิทธิพลจากต่างถิ่น ตลอดจนเป็นเรือนที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของชาวล้านนาอย่าง
ชัดเจน ทั้งการวางผังพื้นที่ การจัดห้องต่าง ๆ ภายในตัวเรือน ตลอดจนรูปทรง ล้วน
สะท้อนถึงแบบแผนการดำาเนินชีวิตตามระเบียบประเพณีของล้านนาทั้งสิ้น