You are on page 1of 7

สมเด็จพระเจ้าตากสิน

จากเร่ ืองเล่า หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

น่ี เป็ นการสนทนาระหว่างหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน, หลวงป่ ูเทพโลกอุดร


(ในหนังสือเรียกท่านว่าหลวงพ่อในป่ า) พระบัวเฮียวและพระภิกษุเจ้าตากรูปแรกใช้กายมนุษย์ ส่วน ๓
รูปหลังใช้รูปของพลังงาน (กายทิพย์)ในการสนทนาซ่ึงเกิดขึ้นเม่ ือประมาณปี
๒๕๒๘แต่หนังสือเล่มนีต ้ พ
ี ิมพ์เม่ ือปี ท่ีแล้วน่ีเอง (ก.ค. ๒๕๔๙)ขออนุญาตปรับการนำาเสนอเป็ นรูปแบบคล้าย
script บทละคร เพ่ ือให้ง่ายต่อการพิมพ์และทำาการย่นย่อ เก็บใจความสำาคัญมา

เวลาสอง ยามตรงท่ีโบสถ์วัดป่ ามะม่วง (ไม่แน่ใจว่าคือวัดอัมพวันหรือเปล่า?)


ประเดี๋ยวหน่ึงมีแสงสว่างไสวไปทัว่วัดพระภิกษุสามองค์เดินเรียงเข้ามาท่ี
ประตูโบสถ์ซึงพระครูจรัญเจ้าอาวาสยืนรออยู่ตรงทางเข้าโบสถ์อาการท่ีเดินของ ภิกษุทัง้ 3
รูปผิดแผกไปจากคนธรรมดาคือเล่ ือนไหลไปข้างหน้ามากกว่าก้าวขาเดิน
แสงสว่างไสวเป็ นรัศมีของทวยเทพแต่งองค์ทรงเคร่ ืองงดงาม ต่างมารายล้อม

พระภิกษุเจ้าตาก : ประวัติศาสตร์กรุงธน
ผิดเพีย
้ นไปจากความจริงมากไม่มีผู้ใดรู้เร่ ืองนีน
้ อกจากเรากับสหายร่วมสาบาน (ร. ๑)
(ทรงอนุญาตให้ท่านพระครูใช้ศัพท์สามัญกับพระองค์ ด้วยเหตุผลท่ีว่า “...ท่านอย่าลืมว่าขณะนีเ้ราเป็ นใคร
ท่านเป็ นใครเราทัง้สองมีความเท่าเทียมกันในทางธรรม
มีอาจารย์องค์เดียวกันตัดความหลงในสงสารได้เหมือนกันถ้าท่านคิดว่าเราเป็ น
กษัตริย์และพูดกับเราด้วยคำาราชาศัพท์เราก็ตอ ้ งพูดคำาราชาศัพท์กับท่านด้วย เช่นกัน
เพราะในเจ็ดชาติทท ่ี ่านระลึกได้นัน
้ ท่านก็เคยเป็ นกษัตริย์มิใช่หรือ.... แล้วทำาไมจะมาติดอยู่กับส่ิงสมมติ” )

พระภิกษุเจ้าตาก : เราไม่อยากให้มีการเข้าใจราชวงศ์จักรีผิดๆทุกวันนีม ้ ีคนจีนจำานวนมากท่ียัง


เช่ ือว่าเราถูกสำาเร็จโทษโดยสหายร่วมสาบานของเราเป็ นผู้บงการ (จริงๆ
แล้ว)มีการสำาเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์จริงเพียงแต่คนท่ีถูกสำาเร็จโทษเป็ นสหาย
อีกคนหน่ึงซ่ึงมีความจงรักภักดีต่อเราถึงขนาดยอมสละชีวิตของตัวเองเพ่ ือ
รักษาชีวต ิ เราไว้บังเอิญว่าเขารูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเรามาก ทัง้ท่ีมิได้เป็ นญาติสืบสาโลหิตกัน

พระครูจรัญ : เหตุใดท่านจึงถูกสำาเร็จโทษท่ีประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าท่านสัญญาวิปลาสก็
ต้องไม่จริงเพราะถ้าจริงท่านจะตัดความหลงใน(วัฏ)สงสารไม่ได้ ผู้ขาดสติมิอาจบรรลุธรรมได้

พระภิกษุเจ้าตาก : คนท่ีเคยทำาอะไรอย่างหน่ึงเป็ นปกตินิสัยแล้วจู่ๆก็เปล่ียนไปทำาในส่ิงตรงกัน ข้าม


คนเขาก็ต้องคิดว่าคนๆนัน ้ ผิดปกติใช่ไหมเหมือนอย่างเรา เราเคยถือดาบออกรบป้ องกันบ้านเมือง
กู้อิสรภาพให้กับชาติไทยใครๆก็เห็นเราเป็ นนักรบผู้เก่งกาจสามารถ เป็ นวีรบุรุษ
แล้วอยู่ๆเราก็วางดาบไม่จับดาบอีกเลย เอาแต่เจริญวิปัสสนาถ่ายเดียว คนเขาก็เลยว่าเราบ้า

พระภิกษุเจ้า ตาก : เพราะอาจารย์ท่ีเคารพของพวกเราน่ะสิ (หลวงป่ ูเทพโลกอุดร)


วันหน่ึงเราตัง้ค่ายอยู่ท่ีในป่ าตกดึกมีพระรูปหน่ึงเข้ามาถึงตัวเรา
เราก็ถามท่านว่าเข้ามาได้อย่างไรเพราะนัน ่ ย่อมหมายถึงความปลอดภัยของตัวเรา
เกิดผู้ท่ีเข้ามาเป็ นข้าศึกเราก็อาจจะถูกฆ่าตาย
พระรูปนัน ้ ตอบว่าเดินเข้ามาเราก็ถามอีกว่าทหารยามไม่เห็นท่านหรือ
ท่านก็ตอบว่าไม่ทราบเราก็คิดว่าจะต้องลงโทษทหารผู้ทำาหน้าท่ีเป็ นเวรยามท่าก็
พูดขึ้นมาว่าไม่ตอ ้ งคิดแต่จะเพ่งโทษผู้อ่ืน ขอให้สำารวจตัวเองเพ่งโทษตัวเองดีกว่า
เราก็รู้สึกแปลกๆว่าทำาไมท่านจึงพูดอย่างนีอ ้ ยากจะโกรธแต่ก็ไม่กล้า แล้วท่านก็พูดให้เราสะเทือนใจว่า
“มหาบพิตรฆ่าคนมามากมีมือเป้ือนเลือด บาปมาก ตายไปจะต้องตกนรก”
หากเป็ นคนธรรมดาพูดเช่นนีเ้ราคงสัง่ตัดหัวไปแล้ว แต่น่ีเป็ นพระพูด
เราไม่กล้าแม้แต่จะคิดเราก็เรียนท่านว่าเราเป็ นกษัตริย์ มีหน้าท่ีทำาสงครามปกป้ องแผ่นดิน ท่านก็พูดว่า
“บัดนีม ้ หาบพิตร ก็ได้ทำาหน้าท่ีเสร็จสิน ้ เรียบร้อยแล้วการกู้ชาติเป็ นหน้าท่ข
ี องมหาบพิตร
แต่การทำาสงครามปกป้ องประเทศชาติมหาบพิตรควรยกให้ผู้อ่ืน
มีคนท่ีเขาสามารถทำาหน้าท่ีแทนมหาบพิตรได้จงอย่าจับดาบอีกเลย อาตมาขอบิณฑบาตดาบจากมหาบพิตร”
เราก็ถามท่านว่าเราจะทำาอย่างนัน ้ เพ่ ืออะไร ท่านก็ตอบว่า “เพ่ ือตัดความหลงใน(วัฏ)สงสาร
หากมหาบพิตรครองราชสมบัติต่อไปก็จะไม่สามารถตัดความหลงใน(วัฏ)สงสารได้ซ่ึง
หมายถึงการเวียนว่ายตายเกิดด้วยอำานาจกิเลส กรรม
และวิบากหากมหาบพิตรไม่ตัดความหลงในสงสารก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดวกวนอยู่
อย่างนีไ้ม่รู้จักจบสิน
้ อาตมารู้วา่ มหาบพิตรสามารถตัดความหลงในสงสารได้ จึงมาหา”

หลวงป่ ูเทพโลกอุดร : เราได้ให้กรรมฐาน (ทำาอย่างไร?? สอนวิธีปฏิบัติหรืออย่างไร)


แก่พระยาตากเม่ ือรับกรรมฐานจากเราแล้ว เขาก็เปล่ียนเป็ นคนละคน
ไม่ยอมจับดาบอีกไม่ยอมออกศึกสงคราม
เอาแต่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานคนท่ีไม่เข้าใจก็เลยพากันคิดว่าเขาบ้า

พระครูจรัญ :เพราะอะไรประวัติศาสตร์ในกรุงธนบุรีจึงถูกบันทึกให้ผิดไปจากความเป็ นจริงมากอย่างนัน


้ ขอรับ

พระ ภิกษุเจ้าตาก : เพ่ ือความอยูร่ อดของประเทศชาติน่ะสิรู้ไหมว่าเราเป็ นกษัตริย์ท่ีอาภัพท่ีสุด


ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตอนเราขึน ้ ครองราชย์เงินในท้องพระคลังไม่มีเลย
เราต้องเป็ นหนีช้าวจีนถึงหกหม่ ืนตำาลึงซ่ึงถ้าคิดเป็ นเงินสมัยนี้ (๒๕๒๘) ก็เท่ากับ ๒๔๐,๐๐๐
บาทสมัยก่อนเงินหม่ น ื ตำาลึงมีค่ามาก ถ้าเขาจะให้เราผ่อนใช้
เราก็พอจะหามาผ่อนให้ได้แต่น่ีเขาคิดจะยึดประเทศเราไปเป็ นของเขา
เขาจึงเร่งรัดจะเอาเงินจำานวนนีใ้ห้ได้เรากับสหายร่วมสาบานก็เลยต้องช่วยกัน
คิดว่าจะแก้ไขปั ญหาเฉพาะหน้าอย่างไรแล้วเราก็คิดออกว่า
การผลัดแผ่นดินเป็ นการล้างหนีท ้ ่ีดีท่ีสุดท่านอย่าคิดว่าเราตัง้ใจจะโกง
แต่ในเม่ ือเขาคิดไม่ดีกับเราเราจึงต้องใช้เล่ห์กลกับเขา อีกประการหน่ึง
ตัง้แต่เรารับกรรมฐานจากหลวงพ่อในป่ าเราก็ไม่มีแก่ใจจะครองราชย์อีกต่อไป แล้ว
เราอยากตัดความหลงในสงสารให้เด็ดขาดเราสมเพชตนเองท่ีเป็ นกษัตริย์ยากจนเข็ญ
ใจเป็ นกษัตริย์พระองค์เดียวท่ีไม่มีเบญจราชกกุธภัณฑ์

พระครูจรัญ :ท่านจะกรุณาเล่าเหตุการณ์ตอนท่ีท่านกู้เอกราชให้ฟังได้ไหมขอรับ กระผมอยากทราบว่าตรงกับ


ประวัติศาสตร์ มากน้อยเพียงใด

พระ ภิกษุเจ้าตาก :ประวัติศาสตร์บันทึกเหตุการณ์ตอนเรากู้ชาติตรงกับความจริงเพียงแต่มีบาง


เร่ ืองไม่ได้บันทึกเอาไว้ อย่างเร่ ืองท่ีเราตีเมืองจันทบุรีเราได้พามารดาและน้องสาวไปไว้ท่ีราชบุรี ก่อน
จากนัน ้ จึงมุ่งหน้าตีจันทบุรีประวัติศาสตร์บันทึกไว้แต่เพียงว่า
เราสัง่ทหารทุบหม้อข้าวหม้อแกงทิง้ความจริงเราทำามากกว่านัน ้ คือหลังจากตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว
เรามาพิจารณาว่าสงครามกู้ชาติต่อจากนีไ้ปจะต้องหนักหนาสาหัสและยืดยาว จึงให้สร้าง
“พระยอดธงแบบกรุงศรีอยุธยา”ขึน ้ แล้วนิมนต์พระเถระทัง้หลายมาสวดบทพาหุง-มหา กาบรรจุไว้ในองค์พระ
(พระยอดธงคือพระพุทธรูปองค์เล็กๆท่ีสร้างไว้บนยอดธงเพ่ ือเป็ นขวัญและกำาลังใจ
ให้รบชนะข้าศึก)เราเองก็เจริญรอยตามสงเด็จพระนเรศวรด้วยการเจริญพาหุง-มหากา
(แต่งโดยพระพนรัตน์วัดป่ าแก้ว พระอาจารย์ขององค์นเรศวร)
หรือบทถวายพรพระในปั จจุบันเป็ นบทท่ีมีอานุภาพมาก

พระบัวเฮียว : กระผมอยากฟั งเจ้าตากเล่าเร่ ืองการกู้ชาติครับ

พระ ภิกษุเจ้าตาก : หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียเอกราชให้แก่พม่าเม่ ือปี ๒๓๑๐บ้านเมืองระส่ำาระสายมาก


พม่าเผาผลาญถล่มทลายกรุงศรีฯ เสียย่อยยับวัดวาอารามถูกทำาลายยับเยิน
พระศรีสรรเพชญ์ซ่ึงเป็ นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมีความสูงถึง ๘ วา
หุ้มด้วยทองคำาหนักสองหม่ ืนบาทก็ถูกพม่าใช้ไฟลนเผาลอกเอาทองคำาขนกลับไปเมือง ตน
ประชุมพงศาวดารภาค ๖ได้บันทึกเร่องราวต่างๆตอนเสียกรุงไว้วา่
พม่าเข้ากรุงได้เป็ นเวลากลางคืนพม่าไปถึงไหนก็เอาไฟจุดเผาบ้านเรือนของชาว เมือง
ปราสาทราชมณเฑียรไฟไหม้ลุกลามสว่างไสวราวกับเป็ นเวลากลางวัน
ครัน้ เห็นว่าไม่มีผู้ใดต่อสู้ก็เท่ียวเก็บรวบรวมทรัพย์สิน
จับผู้คนอลหม่านไปทัว่พระนครแต่เป็ นเพราะเป็ นเวลากลางคืน พวกชาวเมืองจึงหนีรอดไปได้มาก
พม่าจับได้สัก ๑๐,๐๐๐ คนส่วนพระเจ้าเอกทัศน์นัน ้
มหาดเล็กพาลงเรือน้อยหนีไปซุ่มซ่อนอยู่ท่ีบ้านจิกริมวัดสังฆาวาส แต่พม่ายังหารู้ไม่
จับไม่ได้แต่พระเจ้าอุทุมพรซ่ึงทรงผนวชกับทัง้เจ้านายข้าราชการใหญ่น้อย จำานวนมากและพระท่ีหนีไม่พ้น
พม่าจับไปไว้ท่ีค่ายโพธิส ์ ามต้น ผู้คนแบ่งแยกเป็ นก๊กเป็ นเหล่ามีก๊กท่ีสำาคัญอยู่ถึง ๖ ก๊กด้วยกัน
ก๊กท่ีร้ายกาจท่ีสุดคือก๊กเจ้าพระฝางซ่ึงมีหัวหน้าเป็ นพระภิกษุ แต่เสพสุรา ฆ่าคน
และทำาลามกอนาจราต่างๆเจ้าฝางในเคร่ ืองแต่งกายของบรรพชิต
คุมกองทัพสงฆ์ออกจีป
้ ล้นทรัพย์สินของราษฎรทำาให้เสียภาพลักษณ์ของพระศาสนา อย่างร้ายแรง

เม่ ือเราปราบก๊กสำาคัญ ๔ ก๊กได้แล้วจึงยกกองทัพไปตีก๊กเจ้าพระฝางซ่ึงตัง้มัน


่ อยู่ทพ
่ี ิษณุโลกกองทัพ
ของเราตีเมืองพิษณุโลกได้ แต่เจ้าพระฝางหนีไป เป็ นอันว่าก๊กทัง้ ๕พ่ายแก่ก๊กพระยาตาก เม่ ือได้ชัยชนะแล้ว
เราก็คิดว่าจะฟ้ืนฟูปฏิสังขรณ์กรุงศรีฯแต่ก็มองไม่เห็นทางเลยว่าจะทำาให้กรุง
ศรีฯรุ่งโรจน์เหมือนแต่ก่อนได้เราเร่ิมวิตกกังวล คืนหน่ึงเราจึงแก้ปัญหาด้วยการสวดพาหุง-
มหากาแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลให้
ดวงพระวิญญาณของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีฯในอดีตทุกพระองค์และขอให้ท่าน
เหล่านัน ้ ช่วยหาทางออกให้แก่เราด้วย จากนัน ้ เราก็หลับไป

เราเห็น สมเด็จพระนเรศวรกับอาจารย์ของท่านท่รี ู้เพราะพระเถระรูปนัน ้ ท่านพูดว่า


“อาตมาคืออาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรท่ีจะมาช่วยท่านแก้ปัญหากรุงศรีฯเสียหาย เกินกว่าจะปฏิสังขรณ์ได้
ทัง้พม่าก็รู้ลู่ทางโจมตีขอท่านจงย้ายราชธานีไปอยู่ท่ีกรุงธนบุรี
และสถาปนาตัวท่านขึ้นเป็ นกษัตริย์เถิดอาตมาขอถวายพระพร” จากนัน ้ สมเด็จพระนเรศวรตรัสว่า
“ขอต้อนรับกษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีขอพระองค์จงทรงทำานุบำารุงพระพุทธศาสนา
อันเป็ นมรดกล้ำาค่าของชาวสยาม” แล้วภาพนัน ้ ก็หายวับไป เราต่ น
ื ขึน
้ มากลางดึก
จิตสัมผัสกับความสงบเย็นผิดกับคนท่ีฝันร้าย
ซ่ึงจะต่ น
ื ขึ้นมาพร้อมกับความหวาดกลัวและเหง่ ือไหลโทรมกายเรารู้สึกเหมือน กับว่ามิได้ฝันไป
เพราะภาพนัน ้ ยังฝั งแน่นอยูใ่ นมโนนึกมาจนบัดนี้ (องค์ดำามาหาเจ้าตากจริงหรือเปล่าคะ)

พระราชดำารัสในสมเด็จพระนเรศวร
ทำาให้เราตัง้ปณิธานในบัดนัน ้ ว่าจักทำานุบำารุงพระพุทธศาสนาให้วัฒนาถาวรสืบไป
และน่ีเองคือท่ีมาของปณิธานของเราท่ีทา่ นกล่าวเม่ ือครู่นีก ้ ารสู้รบสมัยนัน

ต้องการขวัญและกำาลังใจการสร้างขวัญและกำาลังใจท่ีดีท่ีสุดคือการน้อมนำาพระ
ธรรมคำาสอนเข้ามาไว้ในใจพระพุทธศาสนาจึงมีความสำาคัญต่อประเทศชาติ
เม่ ือใดท่ีพระพุทธศาสนาหมดไปจากประเทศสยามเม่ ือนัน ้ ประเทศชาติก็คงอยู่ไม่ ได้ เราจึงยังอยู่
แม้หมดความหลงในสงสารแล้วก็เพ่ ือคอยปกป้ องดูแลชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ดังท่ีเรากล่าวไว้ว่า
“คิดถึงพ่อพ่ออยู่ คู่กับเจ้า”

เม่ ือกรุงแตกเราเป็ นผูน ้ ำาทหารตีฝ่าวงล้อมพม่าจากกรุง ศรีฯมาตัง้มัน


่ ท่ีกรุงธนบุรีช่วงท่ีตีฝ่าวงล้อมออกไป
มีเหตุการณ์คล้ายปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกล่าวคือทุกครัง้ท่ีทหารพม่าตามมาประชิด ตัว
ก็จะมีไฟลุกโพลงขึน ้ ในจุดใกล้ๆ กันทำาให้ทหารพม่าเบนความสนใจไปท่ีกองไฟ
เราก็เลยหนีรอดมาได้มารู้ภายหลังว่าเพ่ ือนเก่าของเราตามมาช่วย
เพ่ ือนเก่าสมัยเป็ นศิษย์วัดด้วยกันตอนเป็ นเด็กโยมมารดาพาเราไปฝากเป็ นลูก
ศิษย์วัดเราเติบโตขึน ้ มาภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนาได้ฝึกอาวุธและคาถาอาคม ร่วมกับเพ่ ือนอีก ๔ คน
(ผู้ใดทราบช่ ือท่านบ้างคะ)แต่ละคนมีความถนัดต่างกัน
พวกเขาคอยตามช่วยเหลือเราโดยท่ีเราไม่รู้ภายหลังท่ีเราตกลงกับสหายของเราให้ ขึน ้ ครองราชย์แทน
และเราได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์พวกท่ีไม่เข้าใจแผนการอันแยบยลนีเ้ลยพากัน
กบฏแบ่งออกเป็ นหมู่เป็ นเหล่าเหมือนเหตุการณ์ก่อนกรุงแตกในท่ีสุดกบฏกลุ่ม
หน่ึงอ้างคำาสัง่ของสหายเราให้นำาเราไปประหารทัง้ท่ีเราอยู่ในเพศบรรพชิตซ้ำา ร้ายกว่านัน ้ คือเกิดกบฏซ้อนกบฏ
จนไม่รู้ว่าใครเป็ นใคร บ้านเมืองระส่ำาระสายเราก็ได้เพ่ ือน ๔
คนนีแ ้ หละพาลงเรือหนีไปนครศรีธรรมราชจากนัน ้ เราก็ไม่ได้พบพวกเขาอีกเลย
เราได้ทราบภายหลังว่าเขาไม่อยากเป็ นนักรบอีกกลับไปใช้ชีวิตชาวบ้านธรรมดา หากเราไม่ได้เพ่ ือน ๔
คนนีก ้ ็คงต้องตายอยูใ่ นสมณเพศและพวกท่ีฆ่าเราก็ต้องบาปสาหัสมาก

พระครูจรัญ : ช่วงระยะนัน
้ ท่านตัดความหลงในสงสารได้แล้วหรือขอรับ

พระ ภิกษุเจ้าตาก : ยังแต่ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว (ได้โสดาบัน?)


เรารับกรรมฐานจากหลวงพ่อในป่ าได้ไม่นานก็เร่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนได้ ดวงตาเห็นธรรม
และได้เรียกสหายของเราให้มาหา

พระภิกษุเจ้าตาก :เราได้สัง่ให้ข้าหลวงไปตามสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกมาพบในเคร่ ืองแบบ


นักรบมีดาบมาด้วย เขาคิดว่าคงจะทรงใช้ให้ไปทำาสงครามกับผู้หน่ึงผู้ใด
เป็ นแน่ครัน
้ มาเห็นเรานัง่อยู่ในห้องพระแต่ผู้เดียว ในชุดนุ่งขาวห่มขาวสหายของเราก็รีรออยู่ไม่กล้าเข้ามา
เพราะเห็นว่าเราอยู่คนเดียวและไม่มีอาวุธข้างกายเลย เราจึงบอกว่า “ด้วงเข้ามาสิ เข้ามาหาข้า เอาดาบมาด้วย”
ท่านลองคิดดู ถ้าสหายของเราคิดก่อกบฏจริงก็คงถือโอกาสตอนนี้

แต่เพราะเขาไม่เคยมีความคิดอย่างนีอ
้ ยู่ในใจ จึงวางดาบไว้ข้างนอกแล้วค่อยๆคลานเข้ามาใกล้
หมอบอยู่ห่างวาหน่ึง

เราก็บอกอีกว่า “ด้วง เข้ามาใกล้ๆเอาดาบของเจ้ามาวางไว้ข้างหน้า”

สหาย ของเราคลานไปหาดาบแต่แทนท่ีจะเอามาไว้ใกล้ๆ อย่างท่ีเราสัง่


เขากลับกระทุ้งให้ไกลออกไปอีกแล้วจึงคลานเข้ามาใกล้ประมาณสองศอก
หมอบกราบถวายความเคารพเป็ นอย่างดีเราจึงถามเขาว่า “ด้วงอยากจะเป็ นพระเจ้าแผ่นดินไหม”
เราพูดเท่านีแ
้ ต่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกมีอาการตกใจนัก
ถึงกับมีเม็ดเหง่ ือผุดขึน
้ บนใบหน้าก้มลงกราบแล้วก็มิได้ตอบว่ากระไร เราก็ถามใหม่อีกว่า “ด้วง
ได้ยินหรือเปล่าข้าถามว่าอยากเป็ นพระเจ้าแผ่นดินไหม” สหายของเราตอบว่า
“ข้าพระพุทธเจ้าไม่เคยคิดเลยพระเจ้าข้า อยู่อย่างนีก
้ ็สบายแล้ว”
เราจึงถามเพ่ ือทดสอบว่าส่ิงท่ีสหายของเราตอบนัน ้ มาจากใจจริงหรือไม่

“ด้วงข่าวว่าทหารพม่ามาหาเจ้าบ่อยๆรึ”

“มาครัง้เดียวพระเจ้าค่ะ”

“เขามาเร่ ืองอะไร”

“เขา มาถามว่ามีความสุขสบายดีรึข้าพระพุทธเจ้าก็ตอบว่าสบายดีเพราะในหลวงทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตัง้ให้เป็ นสมเด็จเจ้าพระยาเวลานีจ้ึงมีความ สุขมาก” เม่ ือท่านตอบเช่นนี้
เราก็มัน ่ ใจว่าสหายของเราไม่ได้คิดกบฏไม่คิดเป็ นคนมักใหญ่ใฝ่ สูงดังท่ีคน
อ่ ืนเข้าใจผิดเม่ ือเราเช่ ือในความบริสุทธิใ์จของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ ศึก เราจึงบอกเขาไปว่า

“ด้วง ข้าจะให้เจ้าเป็ นพระเจ้าแผ่นดิน จะเอาไหม”

สหายของเรากราบถวายบังคมอีกครัง้
พร้อมทัง้ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหง่ ือคงจะคาดไม่ถึงว่าเราจะพูดแบบนีก
้ ับเขา

เหตุ ท่ีเราถามอย่างนีเ้พราะสมัยท่ีอะแซหวุ่นกีย
้ กทัพมาตีพิษณุโลกเราได้ให้สหาย
ของเรายกทัพไปรบกับอะแซหวุ่นกี้ ขุนพลเฒ่า แต่เพราะฝี มือทัดเทียมกันการรบจึงไม่มีใครแพ้ใครชนะ
อะแซหวุ่นกีใ้ช้อุบายพักรบหน่ึงวัน และขอดูตัวแม่ทัพครัน้ เห็นสหายเรา ก็พยากรณ์ว่า

“ต่อไปท่านจะได้เป็ นกษัตริยข
์ อจงรักษาตัวไว้ให้ด”

ความ จริงอะแซหวุ่นกีไ้ม่ได้เป็ นโหรหรือมีความรู้ทางโหราศาสตร์แต่ประการใดแต่


เป็ นลีลาของข้าศึกท่ีจะยุแยงให้ไทยฆ่ากันเอง
บังเอิญคำาพยากรณ์มาตรงกับความจริงโดนท่ีอะแซหวุ่นกีเ้องก็คาดไม่ถึง
เร่ ืองอย่างนีเ้คยเกิดขึ้นครัง้หน่ึงสมัยท่ีเรากับสหายของเราบวชเป็ นพระ ภิกษุ

วันหน่ึงเรากับสหายของเราไปบิณฑบาตด้วยกันซินแสผู้หน่ึงเดิน สวนทางมา เขาก็หยุดมองหน้าเรา


เสร็จแล้วก็มองหน้าสหายของเราแล้วก็กลับมามองเราอีก เราจึงถามว่า “โยมมองอะไรรึ
รึว่าอาตมานุ่งห่มไม่เรียบร้อย” แกก็ยิม
้ แล้วส่ายหน้าไปมา
เดินไปสักประเดี๋ยวก็เดินกลับมาอีกพูดด้วยเสียงดังลัน่ ว่า

“อักซาจัง อักซาจังจิงๆในหลวงสององค์มาบิงทะบากล่วยกัง”

พอ ซินแสพูดเช่นนัน้ ผู้คนก็พากันสาธุแต่บางคนก็พูดขึ้นว่า
“สงสัยตาแป๊ ะน่ีแกจะแก่จนหลงถึงได้พูดอะไรเลอะเทอะเปรอะเป้ือน ถ้าในหลวง (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)
มาได้ยินรับรองหัวขาดแน่”
พระครูจรัญ
:ในท่ีสุดคำาทำานายทายทักของซินแสก็กลายเป็ นความจริงกระผมคิดว่าท่านน่าจะมีความรูท
้ างโหราศาสตร์นะข
อรับ

พระ ภิกษุเจ้าตาก :เราก็คิดอย่างท่าน แต่สำาหรับอะแซหวุ่นกีเ้ขามีความประสงค์จะให้เรากับสหายเป็ นศัตรูกน



เพราะถ้าคนไทยรบกันเองพม่าก็จะกลืนชาติได้ง่ายเพราะฉะนัน ้ การท่ีเราสัง่ให้
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเข้าเฝ้ าให้แต่งชุดนักรบถือดาบเข้ามาด้วย
ก็เพ่ ือจะทดสอบใจสหายของเราว่าอยากเป็ นพระเจ้าแผ่นดินตามคำาพยากรณ์ของอะแซ
หวุ่นกีห ้ รือไม่แต่ไม่ว่าเราจะพูดอย่างไรสหายผู้ซ่ือสัตย์ของเราก็ไม่ยอมตก
ปากรับคำาท่ีจะเป็ นพระเจ้าแผ่นดินบอกแต่ว่ามีความสุขแล้ว
มีความช่ ืนใจในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัวแล้วย่ิงไปกว่านัน ้ ยัง ประกาศว่า

“ข้าพระพุทธเจ้าจะขอรักษาราชบัลลังก์ด้วยชีวต ิ หากมีผู้คิดทรยศต่อพระองค์”
เม่ ือเราได้ทดลองน้ำาใจของสหายจนเป็ นท่ีแน่ใจแล้วจึงพูดแบบเพ่ ือนว่า

“ด้วง ต่อไปเจ้าจงเป็ นพระเจ้าแผ่นดินแทนข้านะเจ้าเป็ นเพ่ ือนข้า แล้วก็เป็ นคนซ่ ือสัตย์สุจริตมาก


ข้าไว้วางใจเจ้า” เม่ ือเราพูดอย่างนี้ สหายของเราก็ยังน่ิงอยู่ในท่าหมอบกราบ เราจึงบอกว่า

“ด้วง ลุกขึ้นนัง่ให้สบาย เงยหน้าขึ้น เวลานีไ้ม่มีใคร


เราอยู่กน
ั สองคนไม่ต้องเคร่งเร่ ืองระเบียบประเพณีนักหรอก
ข้าก็ถือว่าด้วงเป็ นเพ่ ือนข้าเราเคยเป็ นเพ่ ือนกันมาก่อน
แต่ต่อไปนีเ้จ้าจะต้องเป็ นพระเจ้าแผ่นดินนะข้าจะสละราชสมบัติ
แต่การท่ีจะสละราชสมบัติเฉยๆย่อมเป็ นไปไม่ได้ ต้องมีกุศโลบายเพราะมีเง่ ือนไขต่างๆมากมายท่ต
ี ้องทำาตาม”
สหายของเราพูดขึ้นว่า

“ข้าพระพุทธเจ้ารับไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า เพราะพระองค์ก็มีพระราชโอรสในเม่ ือพระองค์จะสละราชสมบัติ


ก็ควรให้แก่พระราชโอรส” เราจึงบอกเขาว่า

“ด้วงความจริงลูกชายข้า เขาก็เป็ นคนดีนะ มีคนรักเขามาก ทหาร


ข้าราชการทัง้หมดก็รักเขาแต่ข้าให้เขาเป็ นพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้หรอก
เพราะว่าบ้านเมืองของเรายังไม่มัน่ คงนักเพ่ิงกู้ชาติได้ใหม่ๆ
ถ้าลูกข้าเป็ นพระเจ้าแผ่นดินก็จะกลายเป็ นหุ่นให้เขาเชิดไปเขาครองเมืองไม่ ได้ ด้วงจะต้องครองเมือง
เพราะข้าไม่เห็นใครท่ีมีความเข้มแข็งสามารถรักษาเมืองต่อไปได้ นอกจากเจ้า” สหายเราแย้งว่า

“เวลานีพ ้ ระองค์ก็ยังไม่ชราภาพ
จึงยังไม่ควรจะสละราชสมบัติพระองค์ทรงเป็ นม่ิงขวัญของประชาชนชาวไทยทัง้ชาติ แล้วก็ชาวจีนด้วย
ถ้าขาดพระองค์เสียข้าพระพุทธเจ้าเถลิงราชเป็ นพระเจ้าแผ่นดิน
ความดีก็คงมีไม่ถึงพระองค์ความเช่ ือถือของบุคคลทัว่ไปก็จะไม่มีเท่าท่ีมีใน
พระองค์ข้าพระพุทธเจ้าเกรงว่าประเทศชาติอาจจะต้องสลายไปก็ได้”

เม่ ือสหายของเราพูดมาอย่างนี้ เราจึงต้องเล่าความจริงให้ฟังว่า

" ด้วงเวลานีข้า้ เป็ นหนีช้าวจีนอยู่ ๖๐,๐๐๐ ตำาลึง ความจริงเงินจำานวนเท่านีถ ้ ้าหากเขาจะให้เราผ่อนใช้


เราก็พอจะหาได้แต่ทางจีนเขาต้องการจะยึดประเทศไทยไปเป็ นประเทศของเขา
เขาต้องการจะกลืนเราเขาจึงเร่งรัดจะเอาเงินจำานวนนีใ้ห้ได้
แล้วเจ้าก็รู้น่ีวา่ ข้าเป็ นพระเจ้าแผ่นดินท่ย
ี ากจนเข็ญใจมาก
เพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรเลยเงินในท้องพระคลังก็ไม่มีสักแดงเดียวเวลานี้
เบีย้ หวัดเงินปี ของข้าราชการทัง้ทหารและพลเรือนก็ยังติดค้างเขาอยู่มากข้า ได้กู้เงินจากประเทศจีนมาใช้จ่าย
เวลานีข้า้ กันเงินไว้สองส่วนส่วนหน่ึงเป็ นเงินให้กับข้าราชการ
เป็ นเบีย
้ หวัดเงินปี ท่ีคัง่ค้างอยู่อีกส่วนเป็ นเงินท่ีข้าเก็บรักษาไว้เพ่ ือ
เจ้าจะได้มีใช้จ่ายเม่ ือเจ้าเป็ นพระเจ้าแผ่นดินเพราะข้าเป็ นพระเจ้าแผ่นดิน มาก่อน ไม่มีเงินทอง
มีความลำาบากมากข้าเห็นใจจึงไม่อยากให้เจ้าเป็ นอย่างข้าแต่เร่ ืองท่ีจะต้อง ให้เจ้าเป็ นพระเจ้าแผ่นดิน ก็มีอยู่ว่า

เม่ ือเจ้าหนีม้ าทวงข้า เม่ ือข้าพ้นจากความเป็ นพระเจ้าแผ่นดินเสียแล้วเจ้าก็ไม่จำาเป็ นต้องรับผิดชอบ


หนีส ้ ินนีแ
้ ทนข้า เพราะเป็ นคนละคนกันท่ีทำาอย่างนีไ้ม่ใช่เพราะข้าคิดจะโกงเขา
แต่เขาจะเอาเราไปเป็ นประเทศของเขาเขาคิดไม่ดีกับเราก่อน
เราก็ต้องหาทางป้ องกันรักษาประเทศของเราเอาไว้แต่การท่ีจะเ)็นพระเจ้าแผ่น ดินนัน ้
จู่ๆจะยกให้เจ้าเป็ นแล้วข้าสละราชสมบัติอย่างนัน ้ ทำาไม่ได้
เพราะเขาจะรู้เท่าทันแผนการของเราเราจึงต้องใช้กุศโลบายท่ีแยบยล
เวลานีเ้มืองเขมรเกิดจลาจลข้าจะให้เจ้ากับเจัาพระยาสุรสีห์น้องชายเจ้ายกทัพ
ไปปราบเมืองเขมรแล้วเวลาท่ีเจ้าไปก็ให้เอาลูกชายข้าไปด้วยถ้าตีเมืองเขมรได้
เม่ ือไรก็ให้ลูกชายข้าครองเมืองท่ีนัน ่ แล้วข้าอยู่ทางนีก ้ ็จะทำาเป็ นวิกลจริต
แล้วก็จะแนะให้ขา้ ราชการบางคนท่น ี ่ีจับข้าบวชเสีย
ข้าก็จะทำาเป็ นบ้าไม่สามารถปกครองประเทศต่อไปได้เม่ ือเจ้ามาก็ให้ทำาพิธี
ปราบดาภิเษกเถลิงราชสมบัติเป็ นพระเจ้าแผ่นดินแล้วเนรเทศข้าไปอยู่หัวเมือง เสีย
เร่ ืองมันก็หมดเท่านีเ้ร่ ืองหนีส
้ ินต่างๆก็เป็ นอันว่าหมดไป

พระ ครูจรัญ :แต่กระผมรู้สึกว่าเร่ ืองมันไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านีน


้ ะขอรับเพราะต่อมาหลัง
ปราบดาภิเษกมีเหตุการณ์ท่ีทำาให้คนจีนเขาสะเทือนใจและขุ่นข้องแค้นเคืองมาจน ทุกวันนี้

พระภิกษุเจ้าตาก :ท่านคงหมายถึงเหตุการณ์ท่ีลูกหลานเราถูกจับลงเรือลอยไปในปากอ่าวแล้วเรือ
ล่มทำาให้ตายทัง้ลำาเรือคนก็พากันเข้าใจว่าเป็ นการกระทำาของสหายของเราและน้อง
ชายของเขาซ่ึงความจริงแล้วสหายของเรามิได้มีเจตนาเช่นนัน ้ แต่ท่ีคนหลายกลุ่ม
ท่ีมักใหญ่ใฝ่ สูงต้องการเป็ นใหญ่ เลยเกิดกบฏซ้อนกบฏ (มีผู้คิดกบฏต่อร. ๑) วุ่นวายกันไปหมด
อ้างคำาสัง่ของร.๑ให้นำาลูกหลานเราไปลอยแพและฆ่าเสียทัง้ท่ีทรงตัง้พระทัยจะ
ให้ลูกหลานเราอพยพไปอยู่ท่ีนครศรีธรรมราชซ่ึงเราไปบวชท่น ี ัน

แต่พวกกบฏถือโอกาสฆ่าเสียเพ่ ือขจัดเส่ียนหนามประการหน่ึงและอีกประการหน่ึง
มุ่งหวังได้ความดีความชอบจากในหลวงคนพวกนีใ้นท่ีสุดก็ได้รับกรรมทันตาเห็น
เราคิดไม่ผิดท่ีเลือกสหายของเราขึ้นครองราชย์แทนท่ีจะเป็ นลูกชายของเราเพราะ
ราชวงศ์จักรีได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาถึงปั จจุบันและคนท่ีได้รับผลประโยชน์
สูงสุดคือเราเพราะถ้าเราไม่บวชก็จะไม่สามารถตัดความหลงในสงสารได้เลย

พระครูจรัญ
:กระผมอยากทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ท่ีท่านส่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปปราบเขมรขอรับ

พระ ภิกษุเจ้าตาก :เราได้สัง่ให้สหายเราและน้องชายนำาทัพไปปราบจลาจลในเขมรและให้ลูกชายเราไป


ด้วยอยู่ทางนีก
้ ็นัดแนะกันว่าให้พระยาสรรค์จับเราซ่ึงใช้อุบายเป็ นคนวิกล
จริตพอดีกับเวลานัน ้ พระสงฆ์ประพฤติเสียหายกันมากเราเรียกพระทัง้หลายเข้ามา แล้วประกาศว่า
เราเป็ นพระโสดาบัน และถามพระทัง้หลายว่าพระท่ีเป็ นปุถุชนจะไหว้คฤหัสถ์ท่ีเป็ นพระโสดาบันได้ หรือไม่
ถ้ารูปไหนตอบว่า ไม่ได้ก็ถูกลงโทษด้วยการเฆ่ียนต่อหน้าประชาชน
การกระทำาเช่นนีก ้ ็เพ่ ือให้คนทัง้หลายเห็นวาเราเป็ นคนสัญญาวิปลาสผิดจาก
มนุษย์ธรรมดาสามัญไม่น่าจะเป็ นพระเจ้าแผ่นดินได้อีกต่อไป

พระบัวเฮียว :พระเถรเจ้าสัง่ให้เฆ่ียนพระ แล้วไม่บาปหรือขอรับ

พระ ภิกษุเจ้าตาก :เราไม่ได้สัง่ให้เฆ่ยี นพระ


แต่ให้เฆ่ียนคนโกนหัวห่มผ้าเหลืองหมายความว่าคนท่ีเราเฆ่ียนไม่ใช่พระ
คือเราให้หานักโทษประหารมาโกนหัวแล้วก็ให้นุ่งผ้าเหลือง
มิได้มีการบวชแต่อย่างใดอย่างท่ีบอกเราต้องทำาเพ่ ือความอยู่รอดของชาติบ้าน เมือง
ต่อมาทางอยุธยามีเร่ ืองขึ้นแต่ไม่รา้ ยแรงเท่าไร
เราสัง่ให้พระยาสรรค์ยกกองทัพไปปราบเสร็จแล้วให้ยกกลับมากรุงธนบุรีและล้อม พระราชฐานไว้
และจับเราบวชเสียซ่ึงทุกอย่างก็เป็ นไปตรมแผนกระนัน ้ ก็ปรากฏว่ามีนายทหารท่ี จงรักภักดีและมีฝีมือจะต่อสู้
เราต้องประกาศมิให้สู้เพราะบุญวาสนาของเราหมดแล้ว
บ้านเมืองควรเป็ นของสองพ่ีน้องเขาพระยาสรรค์บังคับให้เราบวช แล้วกักบริเวณไว้ท่ีพระอุโบสถวัดอรุณฯ

แต่ต่อมาพระยาสรรค์คิด กำาเริบเสิบสาน อยากเป็ นใหญ่ หลงใหลตำาแหน่งนำาเงินท่ีเราเก็บไว้ไปแจกจ่าย


ซ้ือพรรคพวกให้สนับสนุน และตัง้ตนเป็ นกษัตริย์สหายของเราทราบข่าว นำาทัพกลับมาตัง้อยู่ท่ี “วัดสะแก”
พวกทหารแลข้าราชบริพารอัญเชิญให้เถลิงราชสมบัติ
สหายเราสระผมท่ีวัดและแต่งกายให้ดีเตรียมตัวเป็ นพระเจ้าแผ่นดิน วัดนีจ้ึงเปล่ียนช่ ือมาเป็ น “วัดสระเกศ”
เม่ ือมาถึงกรุงธนบุรี สหายเราในฐานะพระเจ้าแผ่นดินก็สัง่ประหารชีวิตพระยาสรรค์ท่ีทำาการเกินพอดี
และสัง่ประหารชีวิตเราโดยการทุบด้วยท่อนจันทน์ สหายคนท่ีหน้าตาเหมือนเรา (หลวงอาสาศึก)
รับอาสาตายแทน คนท่ีรู้ความจริงในเร่ ืองนีม
้ ีเพียง ๒ คนคือสหายของเราและน้องชายของเขา
เพราะได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว วันัน
้ ตรงกับวันท่ี ๕เมย. ๒๓๒๕

หลังประหารชีวิตเสร็จ ในเวลากลางคืนสหายของเราก็ส่งเราไปนครศรีธรรมราชโดยออกไปทางราชบุรี
พักท่ีปากท่อก่อนคนท่ีติดตามเราไปช่ ือเจ้าพัฒน์ซ่ึงต่อมาคือเจ้าพระยาพัฒน์
ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชนอกจากนีเ้จ้าพัฒน์ยังได้พาชายาคนสุดท้ายของเรา
ซ่ึงตัง้ท้องอ่อนๆไปด้วยเม่ ือไปถึงเจ้าพัฒน์ได้พาเราไปอยู่วัดๆหน่ึงเรา
ตัง้ใจบวชไม่สึกจึงขอให้เขารับชายาของเราเป็ นภรรยาเขาและขอให้รับบุตรใน ครรภ์เป็ นบุตรของเขาด้วย
แต่เจ้าพัฒน์จงรักภักดีจึงปฏิเสธท่ีจะรับชายาของเราไปเป็ นภรรยา
เขาเลีย ้ งดูชายาของเราอย่างดีท่ีสุดต่อมาชายาของเราได้ให้กำาเนิดบุตรชาย
เจ้าพัฒน์ก็ประคบประหงมเลีย ้ งดูอย่างดีบุตรคนนีไ้ด้รับการแต่งตัง้ให้เป็ น
เจ้าพระยานครศรีธรรมราชสืบต่อจากเจ้าพระยาพัฒน์ในสมัยร.๓ ซ่ึงทรงทราบว่าเป็ นบุตรของเรา
แต่กย ็ ังทรงแต่งตัง้เท่ากับเป็ นการพิสูจน์ว่ารางวงศ์มิได้มีเร่ ืองบาดหมาง กับเราบุตรผู้นีก
้ ็คือต้นตระกูล “ณ
นคร” และยังมีบุตรธิดาท่ีเกิดจากภรรยาคนก่อนๆซ่ึงต่อมาคือต้นตระกูล “ณ นครราชสีมา” และ
“อินทรกำาแหง” ด้วย

สหายของเราและน้องชายของเขาได้ บำารุงเลีย ้ งเราเป็ นอย่างดีแต่งตัง้เจ้าพัฒน์เป็ นเจ้าพระยาเพราะเห็นว่าเขาจง


รักภักดีตอ่ เราทัง้ท่ีไม่รู้ถึงแผนการณ์อน
ั แยบยลท่ีเรากับสหายคิดขึ้นหาก สหายของเราคิดไม่ดี
หรือท่ีคนสมัยนัน ้ พากันกล่าวหาว่าเขาเป็ นกบฏเขาก็ต้องสัง่ประหารชีวต ิ เจ้า พัฒน์
ซ่ึงเปรียบเสมือนเป็ นเสีย ้ นหนามของเขาแต่น่ีเขาแต่งตัง้เป็ นเจ้าพระยาให้ ครองเมือง
จะได้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่เราสหายผู้นีม ้ ีบุญคุณต่อเรามาก
ราชวงศ์ของเขาจึงเจริญรุ่งเรืองมาทุกยุคทุกสมัยน่ีคือความจริงซ่ึงไม่ตรงกับ ท่ี ประวัติศาสตร์บันทึกไว้

พระภิกษุเจ้าตาก : เม่ ืออยู่เมืองนครได้ ๒ ปี ก็อยากจะมาอยู่เมืองเพชรบุรี


ในตอนแรกเจ้าพัฒน์ไม่อยากให้เรามาแต่เม่ ือเรายืนยันท่ีจะมา เจ้าพัฒน์จึงให้คนติดตามมา ๒ คน
และให้อยูใ่ นถ้ำาแห่งหน่ึงเราได้เจริญวิปัสสนากรรมฐานอยูใ่ นถ้ำา ไม่นานนักก็ “ตัดความหลงในสงสาร”
ได้เพราะหลวงพ่อใบป่ าเมตตาสอนกรรมฐานอย่างใกล้ชิด

หลวงป่ ูเทพโลกอุดร :วันท่ีพระยาตากบรรลุธรรมสูงสุดคือวันท่ีเขาละสังขาร

พระ ภิกษุเจ้าตาก :ขณะท่ีเราดูดด่ ืมอยูใ่ นวิมต


ุ ิสุข ก็ถูกชายฉกรรจ์ ๒
คนใช้ไม้คมแฝกฟาดท่ีศีรษะครัน ้ เห็นเราไม่เป็ นอะไรเพราะกำาลังอยูใ่ นภาวะแห่ง
ความหลุดพ้นเขาทัง้สองก็กระหน่ำาไม้คมแฝกลงไปอีกอย่างนับไม่ถ้วน
เสร็จแล้วก็พากันหนีไปคงจะคิดว่าอย่างไรเสียเราก็คงไม่รอดชีวิตไปได้เพราะ
ถูกตีหนักถึงปานนัน
้ คนดูแลเราก็ถูกฆ่าปิ ดปากทัง้ ๒ คน

พระบัวเฮียว :ทำาไมหลวงพ่อไม่ช่วยพระเถรเจ้าเล่าครับ

หลวงป่ ูเทพโลกอุดร :เร่ ืองของกรรมไม่มีใครช่วยได้ พระยาตากสร้างกรรมไว้มากจึงต้องรับผล

พระ ภิกษุเจ้าตาก :คนร้ายเป็ นคนของฝ่ ายท่ีคิดจะเอาความดีความชอบจากพระเจ้าแผ่นดินเป็ นความ


จริงท่ีว่าความลับไม่มีในโลกเพราะในท่ีสุดพวกเขาก็รวู้ ่าคนท่ีถูกสำาเร็จโทษ
ไม่ใช่เราเลยกลัวว่าสหายของเราจะรู้เร่ ืองนี้ จึงพยายามสืบหาเราจนพบ
สหายของเรายังมิทันลงโทษกรรมก็ลงโทษพวกเขาเสียก่อน
ก็อย่างท่ีบอกแล้วว่าเกิดกบฏซ้อนกบฏวุน ่ วายไปหมดฆ่ากันเองตายตกกันไปตามกัน

You might also like