Professional Documents
Culture Documents
ทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา
บทที่ 12
ทรัพยสินทางปญญา
นอกจากวัตถุที่มีรูปรางอันเปนทรัพยซึ่งบุคคลถือเอาเปนกรรมสิทธิ์ไดแลว บุคคลยังมี
สิทธิใน วัตถุไมมีรูปรางที่กฎหมายยอมรับและคุมครองใหอีกดวย ซึ่งถือเปนทรัพยสินอยางหนึ่ง ที่
เรียกกันวา “ทรัพยสินทางปญญา” ไดแก กรณีที่กฎหมายคุมครองสิทธิในการสรางสรรคการ
ประดิษฐหรือการคิดคน สิ่งใหม ๆ มีดวยกัน 3 ประเภท คือ
1. ลิขสิทธิ์
2. สิทธิบัตร
3. เครื่องหมายการคา
1. ลิขสิทธิ์
งานที่ไดรับความคุมครอง
“งาน” ที่ไดรับความคุมครองนั้น คืองานสรางสรรคประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม
ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัตถุ ภาพยนตร สิ่งบันทึกเสียง งานแพรภาพ หรืองานอื่นใด อันเปน
งานในแผนก วรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร หรือแผนกศิลปะ
จากนิยามดังกลาว สามารถจําแนกงานสรางสรรค ที่ไดรับความคุมครองตามพระราช
บัญญัติ ลิขสิทธิ์ฉบับใหมนี้ ออกเปน 7 ประเภท ดังนี้คือ
1. งานวรรณกรรม
“งานวรรณกรรม” หมายถึงงานนิพนธที่ทําขึ้นทุกชนิด ไมวาแสดงออกมาโดยวิธี หรือ
ในรูปแบบอยางใด เชน หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ ปาฐกถา เทศนา คําปราศรัยสุนทรพจน และ
ใหหมายความรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอรดวย
งานนิพนธไดแกเรื่องที่แตงขึ้น ไมวาจะเปนรอยกรองหรือรอยแกว เชน คําประพันธ
ตางๆ หรือการแสดงออกดวยภาพเชน การตูน รหัสตาง ๆ เรื่องแตงเปนนิยาย สารคดี ตาง ๆ รวมทั้ง
การเลา เหตุการณในอดีตและการทํานายเหตุการณในอนาคตดวย 5
สวน “โปรแกรมคอมพิวเตอร” นั้น หมายถึง คําสั่ง ชุดคําสั่งหรือสิ่งอื่นสิ่งใดที่นําไป
ใชกับเครื่องคอมพิวเตอร เพื่อใหเครื่องคอมพิวเตอรทํางานหรือเพื่อใหไดรับผลอยางหนึ่งอยางใด ทั้ง
นี้ไมวาจะ เปนภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรในลักษณะใด
2. งานนาฏกรรม
“งานนาฏกรรม” หมายถึง งานเกี่ยวกับการทํา การเตน การทําทา หรือการ
แสดง ที่ประกอบขึ้นเปนเรื่องราว และหมายความรวมถึงการแสดงโดยวิธีใบดวย
ลักษณะของงานนาฏกรรมนี้ จะตองประกอบขึ้นเปนเรื่องราวดวย กลาวคือ ลําพัง
ทาเตนทารําที่ไมไดประกอบขึ้นเปนเรื่องราว เชน ทาเตนในดิสโกเธค ไมอาจมีลิขสิทธิ์ได แตทา การ
เตนโขน เรื่องรามเกียรติ์หรือลิเกนั้น มีลักษณะเปนเรื่องราว จึงมีลิขสิทธิ์ได แมจะ ไมไดมีการบันทึกไว
ก็ตาม
3. งานศิลปกรรม
“งานศิลปกรรม” หมายถึง งานอันมีลักษณะอยางใดอยางหนึ่ง หรือหลายอยาง
161
ดังตอไปนี้ คือ
(1) งานจิตรกรรม ไดแก งานที่ประกอบดวย เสน เสียง แสง สี หรือสิ่ง
อื่นใด อยางหนึ่ง หรือหลายอยางรวมกันลงบนวัสดุเดียว เชน งานเขียนภาพ ภาพวาด เปนตน
(2) งานประติมากรรม ไดแก งานสรางสรรครูปทรงที่เกี่ยวกับปริมาตรที่
สัมผัส จับตองได เชน ภาพแกะสลักรูปตาง ๆ เปนตน
(3) งานภาพพิมพ ไดแก งานที่สรางขึ้นดวยกรรมวิธีทางการพิมพ เชน งาน
เขียนภาพตาง ๆ ที่ทํามาจากแมพิมพ เปนตน และรวมถึงแมพิมพหรือแบบพิมพที่ใชในการพิมพดวย
(4) งานสถาปตยกรรม ไดแก งานออกแบบอาคารหรือสิ่งปลูกสราง งาน
ออกแบบ ตกแตงภายในหรืองานสรางหุนจําลองของอาคารหรือสิ่งปลูกสราง เปนตน
(5) งานภาพถาย ไดแก งานสรางสรรคภาพที่เกิดจากการใชเครื่องมือบันทึก
ภาพ เชน ใชกลองภาพหรือกรรมวิธีใด ๆ ที่ทําใหเกิดภาพดวย
(6) งานภาพประกอบ แผนที่ โครงสราง ภาพราง หรือรูปทรงสามมิติที่
เกี่ยวกับ ภูมิศาสตร ภูมิประเทศ หรือวิทยาศาสตร
(7) งานศิลปประยุกต ไดแกงานที่นําเอางานตาม ขอ 1-6 มาดัดแปลงมา
ใชสอย นําไปตกแตงวัสดุหรือสิ่งของอันเปนเครื่องใช หรือนําไปใชเพื่อประโยชนการคา เชน นํางาน
จิตรกรรมภาพวาด หรือภาพถายมาพิมพลงในปกสมุด เสื้อผา หรือ พิมพลงในวัสดุ อื่น ๆ เชน แกว
ถวย ชาม หรือแผนกระเบื้อง
4. งานดนตรีกรรม
“งานดนตรีกรรม” หมายถึง งานที่เกี่ยวกับเพลงที่แตงขึ้น เพื่อบรรเลง หรือ ขับ
รอง ไมวาจะมีทํานองและคํารองหรือมีทํานองอยางเดียว รวมถึงหนังสือเพลง โนตเพลง หรือแผนภูมิ
เพลง ที่ไดแยก และเรียบเรียงเสียงประสานแลว
6. งานสิ่งบันทึกเสียง
“งานสิ่งบันทึกเสียง” หมายถึง งานอันประกอบดวยลําดับของเสียงดนตรี เสียง
การแสดงหรือเสียงอื่นใด โดยบันทึกลงในวัสดุไมวาจะมีลักษณะใดซึ่งสามารถนํามาเลนซ้ําไดอีก แต
ไมรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตรหรือเสียงประกอบโสตทัศนวัสดุอยางอื่น
7.
งานนักแสดง
“นักแสดง” หมายถึง ผูแสดง นักดนตรี นักรอง นักเตน นักรํา และผูซึ่ง
แสดง ทาทาง รองกลาว พากย แสดงตามบท หรือในลักษณะอื่นใด
ผูมีลิขสิทธิ์
ตามหลักทั่วไปนั้น ผูมีลิขสิทธิ์ก็คือ ผูสรางสรรค หรือผูที่ไดใชความคิดสรางสรรคงาน
ขึ้นมา นั้นเอง แตอยางไรก็ตามมีอยูบางกรณีที่ผูสรางสรรคอาจละเมิดลิขสิทธิ์ในงานของตนเองก็ได
เชน ออกแบบ หรือวาดภาพขายใหคนอื่นไปแลวกลับทําซ้ําขึ้นแลวเอาไปขายผูอื่นอีกเปนตน หรืออาจ
เปน เพราะผูมีลิขสิทธิ์อาจจะไมใชผูสรางสรรคงานก็ได เชน รับมรดกมา หรือในบางกรณีผูสรางงาน
อาจ ขายโอน หรืออนุญาตลิขสิทธิ์ในงานนั้นใหแกบุคคลอื่นก็ได ดังนั้น นอกจากผูสรางสรรคเองแลว
บุคคลที่อาจมีสิทธิ์ในงานนั้นอาจไดแก
1. ผูรับโอนลิขสิทธิ์
ลิข สิทธิ์นั้น เปน ทรัพยสิน ทางปญญาอยางหนึ่งที่กฎหมายมุงคุมครองใหโดยไมให
บุคคลอื่นแสวงหาประโยชนจากความคิดสรางสรรคของผูสรางโดยไมชอบวิธีการที่บุคคลอื่นจะแสวง
หา ประโยชนจากงานสรางสรรคไดโดยชอบธรรมก็คือ การทํานิติกรรมซื้อลิขสิทธิ์หรือ ขออนุญาตใน
งาน สรางสรรคนั้นจากผูสรางสรรคดวยวิธีนี้ ผูซื้อลิขสิทธิ์หรือผูรับอนุญาตก็จะเปน ผูมีลิขสิทธิ์ตาม
กฎหมาย การโอนลิขสิทธิ์โดยนิติกรรมนี้ กฎหมายบังคับใหตองทําเปนหนังสือ และในการโอน
163
ลิขสิทธิ์นี้ เจาของลิขสิทธิ์คือผูสรางสรรคงานจะโอนลิขสิทธิ์ทั้งหมดหรือแตบางสวนหรือโดยมีกําหนด
เวลาก็ได 7
การโอนลิขสิทธิ์ กับ การอนุญาตใหใชสิทธิ์ นั้นตางกัน กลาวคือ การโอนลิขสิทธิ์
จะมีผลทําใหผูรับโอนไดไปซึ่งลิขสิทธิ์ในงานสรางสรรคนั้น แตการขออนุญาตใหใชสิทธินั้น มีผลแต
เพียงวา บุคคลผูไดรับอนุญาตนั้นอาจใชประโยชนจากงานสรางสรรคไดโดยไมถือวาเปนการ ละเมิด
ลิขสิทธิ์
2. ผูวาจางในสัญญาจางทําของ
งานที่ผูสรางสรรค ไดสรางสรรคขึ้นโดยการรับจางบุคคลอื่นตามสัญญาจางทําของ
นั้น หากมิไดตกลงกันไวเปนอยางอื่น ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเปนของผูวาจาง เชน บริษัทออกแบบ
บาน, จางสถาปนิก ออกแบบบานสําเร็จรูปในแบบตาง ๆ กันเพื่อพิมพแบบบานนั้น ออกจําหนาย
เชนนี้ ลิขสิทธิ์ ในงานสถาปตยกรรมนั้นเปนของบริษัทผูวาจาง โดยถือหลักฐานวา ผูสรางงานเปนผูลง
แรง ผูวาจาง เปนผูลงทุน9
3. ลูกจางในสัญญาจางแรงงาน
งานที่ผูสรางสรรคไดสรางสรรคขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจางตามสัญญาจาง แรง
งานนั้น หากมิไดทําเปนหนังสือตกลงกันไวเปนอยางอื่นแลวใหลิขสิทธิ์ในงานนั้นเปนของผูสรางสรรค
ซึ่งก็คือพนักงานหรือลูกจางนั้นนั่นเอง
เงื่อนไขของการไดมาซึ่งลิขสิทธิ์
งานใดจะมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมายหรือไมนั้นพิจารณาจากความเปนจริงวาไดมีการ สราง
สรรคงานอันไดรับความคุมครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์หรือไม ทั้งนี้โดยไมตองจดทะเบียน ไม
ตองแสดงการสงวนลิขสิทธิ์ไว หรือทําตามแบบพิธีอยางใด หรือกลาวอีกนัยหนึ่ง ก็คือ การไดมาซึ่ง
ลิขสิทธิ์นั้นไมมีเงื่อนไขแตอยางใด เปนการไดมาตามความเปนจริง
การคุมครองสิทธิ์
งานสรางสรรคใดมีสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ผูสรางสรรคหรือผูมีลิขสิทธิ์นั้นยอม
มีสิทธิเดียวแตผูเดียวในการ
(1) ทําซ้ํา หรือดัดแปลง
(2) เผยแพรตอสาธารณชน
(3) ใหเชาตนฉบับ หรือสําเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตรและ
สิ่งบันทึกเสียง
(4) ใหประโยชนอันเกิดจากลิขสิทธิ์แกผูอื่น
(5) อนุญาตใหผูอื่นใชสิทธิตาม (1) หรือ (2) หรือ (3) โดยจะกําหนดเงื่อนไขอยางหนึ่ง
อยางใดดวยหรือไมก็ได
ในกรณีที่เจาของลิขสิทธิ์ไดรับอนุญาตใหผูอื่นใชสิทธิตาม (5) ขางตนยอมไมตัดสิทธิ ของ
เจาของลิขสิทธิ์ที่จะอนุญาตใหผูอื่นใชสิทธิ์นั้นไดดวย เวนแตหนังสืออนุญาตจะมีขอหามไว
การละเมิดลิขสิทธิ์
ในเรื่องความคุมครองลิขสิทธิ์นั้น กฎหมายอนุญาตใหผูมีลิขสิทธิ์แตเพียงผูเดียวมีสิทธิ ที่
จะทําซ้ํา ดัดแปลงหรือเผยแพรตอสาธารณชน เพราะฉะนั้นหากบุคคลใดที่ไมมีลิขสิทธิ์และ ไมไดรับ
อนุญาตการทําการดังกลาว ใหถือวาการกระทํานั้นเปนการละเมิดลิขสิทธิ์
ขอยกเวนของการละเมิดลิขสิทธิ์
งานอันจะถูกละเมิดไดนั้น ตองเปนงานที่กฎหมายรับรองใหมีลิขสิทธิ์ ดังนั้น ถาเปนงาน
ที่ไมไดรับความคุมครองหรือสิ้นอายุการคุมครองตามกฎหมายแลว การกระทําตองานนั้น ยอมไมเปน
การละเมิดลิขสิทธิ์
นอกจากนี้ยังมี (1) งานอันไมอาจมีลิขสิทธิ์ และ (2) ขอยกเวนของการละเมิดลิขสิทธิ์
1. งานอันไมอาจมีลิขสิทธิ์ งานอันไมอาจมีลิขสิทธิ์ มีดังนี้คือ
(1) ขาวประจําวันและขอเท็จจริงตาง ๆ ที่มีลักษณะเปนเพียงขาวสารอันมิใชงาน
ในแผนก วรรณคดี วิทยาศาสตรหรือศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ กฎหมาย
(3) ระเบียบ ขอบังคับ ประกาศ คําสั่ง คําชี้แจง และหนังสือตอบโต
ของ กระทรวง ทบวงกรม หรือหนวยงานอื่นใดของรัฐหรือของทองถิ่น
(4) คําพิพากษา คําสั่ง คําวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คําแปล และการรวบรวมสิ่งตาง ๆ ตาม (1) – (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม
หรือ หนวยงานอื่นใด ของรัฐหรือของทองถิ่นจัดทําขึ้น
2. การกระทําที่ถือเปนขอยกเวนของการละเมิดลิขสิทธิ์
การกระทําแกงานอันมีลิขสิทธิ์นี้ หากไมขัดตอการแสวงหาประโยชนจากงานอันมี
ลิขสิทธิ์ของเจาของลิขสิทธิ์เกินควร ก็ไมถือวาเปนการละเมิดลิขสิทธิ์ อยางไรก็ตาม การกระทํา ตอไป
นี้ไมถือวาเปนการละเมิดลิขสิทธิ์ กลาวคือ
(1) การกระทําเพื่อประโยชนในการศึกษามิใชหากําไร
การทําซ้ําหรือดัดแปลงที่มุงเพื่อประโยชนในการศึกษานั้น กฎหมายเห็น
ความสําคัญจึงกําหนดเปนขอยกเวนของการละเมิดลิขสิทธิ์ เชน การวิจัยหรือศึกษาวรรณกรรมชิ้น
หนึ่ง ผูวิจัยหรือผูศึกษาอาจจําเปนตองทําซ้ําซึ่งงานวรรณกรรมนั้นทั้งหมดหรือบางสวน เพื่อใชในการ
วิจัยหรือ ศึกษาหรือครูผูสอนทําซ้ําซึ่งตําราของผูอื่น เพื่อใชประโยชนในการสอนของตน หรือ
บรรณารักษหองสมุด ทําซ้ําซึ่งตํารา เพื่อไวใชในหองสมุด หรือนํางานนั้นมาในการถามและตอบในการ
สอบที่สําคัญ คือตองไมจัดทําขึ้นเพื่อหากําไร และไมทําใหเกิดความเสียหายแกเจาของลิขสิทธิ์เกินสม
ควร
167
(2) การกระทําเพื่อใชงานสวนตัว
การทําซ้ําหรือดัดแปลงเพื่อใชสวนตัว มิไดหวังที่จะเผยแพรหรือหาประโยชน
ทางการคากับงานสรางสรรคของผูอื่นนั้น สามารถทําได เพราะหลักของการละเมิดลิขสิทธิ์ มุงจะคุม
ครอง มิใหงานนั้นเผยแพรตอสาธารณชนจนอาจทําใหผูสรางสรรคเสียประโยชนที่พึงไดโดยชอบธรรม
การทําซ้ํา เพื่อใชกับตนเอง จึงไมเปนการละเมิดลิขสิทธิ์ เชน การถายเอกสารบทความของผูอื่น
หรืออัดเทปเพลง ไวเปดฟงเอง เปนตน
(3) การกระทําซ้ําเพื่อประโยชนของราชการ
การกระทําซ้ํา ดัดแปลง หรือนําออกแสดง ซึ่งอันมีลิขสิทธิ์เพื่อ
ประโยชน ในการพิจารณาของศาลหรือพนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมาย ตลอดจนการรายงานผล
พิจารณาดังกลาว หรือการทําซ้ํา ใหแกบุคคลใด ๆ เพื่อประโยชนของทางราชการ โดยพนักงานเจาหนี้
ที่หรือคําสั่ง ของเจาพนักงานซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์และที่อยูในความครอบครองของราชการยอมทําได
โดยไมเปนการ ละเมิดลิขสิทธิ์
(4) การกระทําโดยรับรูความเปนเจาของลิขสิทธิ์ของผูอื่น
การกลาวอาง คัด ลอก เลียน หรือ อางอิงงานบางตอนตามสมควร จาก
งานอันมี ลิขสิทธิ์โดยการแสดงความรับรูถึงความเปนเจาของลิขสิทธิ์ของผูอื่น ยอมไมเปนการละเมิด
ลิขสิทธิ์
การใชลิขสิทธิ์ในพฤติการณพิเศษ
การแปลงานลิขสิทธิ์ตางประเทศ โดยบุคคลผูมีสัญชาติไทย เมื่อไดแสดงหลักฐาน วาได
ขออนุญาตใชสิทธิ์ในการจัดทําคําแปลเปนภาษาไทย หรือทําซ้ํางานที่ไดเคยจัดพิมพงานแปลเปน
ภาษาไทยดังกลาวจากเจาของลิขสิทธิ์ แตไดรับการปฏิเสธหรือเมื่อไดใชเวลาอันสมควรแลว แตตกลง
กันไมได บุคคลผูมีสัญชาติไทยนั้น อาจขออนุญาตใชสิทธิในการแปลวรรณกรรม หรือศิลปกรรม ดัง
กลาวเพื่อประโยชนในการเรียนการสอน หรือการคนควาที่ไมหากําไร ตอมาอธิบดีกรมทรัพยสิน ทาง
ปญญาถาเจาของลิขสิทธิ์มิไดจัดทํา หรืออนุญาตใหผูใดจัดทําคําแปลเปนภาษาไทยกอนนั้น หรือมีการ
จัดพิมพคําแปลงานนั้นเปนครั้งสุดทายเกินกวา 3 ปแลว ซึ่งไมเหลือในทองตลาด อธิบดีจะเปนผู
พิจารณา
168
อายุแหงการคุมครองลิขสิทธิ์
แมลิขสิทธิ์จะเปนสิทธิที่กฎหมายรับรองและคุมครองให เพื่อความเปนธรรมแกเอกชน
ในการใชประโยชนจากความคิดสรางสรรคของตน แตในขณะเดียวกัน กฎหมายก็ตองคํานึงถึง การสง
เสริมใหมีการคิดสรางสรรคงานเพิ่มขึ้น เพื่อความเจริญกาวหนาของสังคม การคุมครองลิขสิทธิ์ ที่
กฎหมาย รับรองใหแกผูสรางสรรคนั้น จึงเปนการคุมครองที่มีกําหนด ระยะเวลา หากสิ้นกําหนดเวลา
ตามที่กฎหมายกําหนดไว งานสรางสรรคนั้นจะตกเปนทรัพยสินสาธารณะไมมีผูใดมีลิขสิทธิ์อีกตอไป
โดยหลักทั่วไปแลว อายุแหงการคุมครองลิขสิทธิ์นั้นจะมีอยูตลอดอายุของผูสรางสรรค
และจะมีอยูตอไปอีกเปนเวลา 50 ป นับแตผูสรางสรรคถึงแกความตาย และในกรณีที่มีผูสรางสรรค
รวมอายุแหงการคุมครองลิขสิทธิ์ จะมีอยูตลอดอายุของผูสรางสรรครวม และมีอยูตอไปอีกเปนเวลา 50
ป นับแตผูสรางสรรครวมคนสุดทายถึงแกความตาย
การนํางานอันมีสิทธิ์ออกทําการโฆษณาภายหลังจากที่อายุแหงการคุมครองลิขสิทธิ์ สิ้นสุด
ลง ไมกอใหเกิดลิขสิทธิ์ในงานนั้น ๆ ขึ้นใหม
อายุความในการฟองคดีละเมิดลิขสิทธิ์
เมื่อมีกรณีละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้น ผูมีลิขสิทธิ์ซึ่งเปนผูเสียหายสามารถฟองคดีตอศาลได ทั้ง
คดีแพงและคดีอาญา
คดีอาญา
เนื่องจากคดีละเมิดลิขสิทธิ์เปนความผิดอันยอมความไดผูเสียหายจึงตองฟอง หรือ รอง
ทุกขภายใน 3 เดือน นับแตวันรูเรื่องความผิดและรูตัวผูกระทําความผิด (ป.อ. มาตรา 95(4)) มิฉะนั้น
คดีเปนอันขาดอายุความ
คดีแพง
การฟองรองคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ตองฟองภายใน 3 ป นับแตวันที่ผูเสียหายรูถึงการละเมิด
และรูตัวผูทําละเมิด แตจะตองไมเกิน 10 ป นับแตวันละเมิดมิฉะนั้นเปนอันขาดอายุความ
บทกําหนดโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
1. ผูใดกระทําการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิของนักแสดงซึ่งเปนการทําซ้ําหรือดัดแปลง
เผยแพรตอสาธารณชนตองระวางโทษปรับตั้งแต 20,000 ถึง 200,000 บาท และถาการกระทําความ
169
2. สิทธิบัตร
2.1 สิทธิบัตรการประดิษฐ
“การประดิษฐ” หมายความวา การคิดคนหรือคิดทําขึ้น อันเปนผลใหไดมาซึ่งผลิตภัณฑ
หรือกรรมวิธีใหม หรือการกระทําใด ๆ ที่ทําใหดีขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑหรือกรรมวิธี
การประดิษฐที่จะไดรับการคุมครองตามกฎหมายจะตอง (1) เปนการประดิษฐคิดคนขึ้น
ใหม (2) มีขั้นตอนการประดิษฐที่สูงขึ้น และ (3) สามารถนํามาประยุกตทางอุตสาหกรรม
(1) การประดิษฐขึ้นใหม
การประดิษฐขึ้นใหมกลาวคือ ตองไมเปนงานที่ปรากฏอยูแลว ตองเปนของ
แปลกใหม และหมายความรวมถึงการประดิษฐตอไปนี้ดวย
170
1.1 การประดิษฐที่มีหรือใชแพรหลายอยูแลวในราชอาณาจักรกอนวันขอรับ
สิทธิบัตรการประดิษฐที่ไดมีการเปดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดในเอกสาร หรือสิ่งตีพิมพที่ไดเผย
แพร อยูแลว ไมวาในหรือนอกราชอาณาจักรกอนวันรับสิทธิบัตร และไมวาการเปดเผยนั้นจะทํา
โดยเอกสาร สิ่งพิมพ การนําออกแสดงหรือการเปดเผยตอสาธารณชนดวยประการใด
1.2 การประดิษฐที่ไดรับสิทธิบัตรไวแลว ไมวาในหรือนอกราชอาณาจักร กอน
วันขอรับสิทธิบัตร
1.3 การประดิษฐที่ขอรับสิทธิบัตรไวแลว นอกราชอาณาจักร เปนเวลาเกิน
กวา 12 เดือน กอนวันขอรับสิทธิบัตร แตยังมิไดมีการออกสิทธิบัตรให ฯลฯ
การประดิษฐที่มีการขอรับสิทธิบัตรไวแลว ในราชอาณาจักรและผูขอไดละทิ้ง
คําขอรับ สิทธิบัตร แตทั้งนี้ไมกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผูประดิษฐรวมและบุคคลอื่นซึ่งมิใชผูยื่นคํา
ขอรับ สิทธิบัตร
อยางไรก็ตามการเปดเผยสาระสําคัญ หรือรายละเอียดที่เปนผลมาจากการกระทํา
ที่มิชอบดวยกฎหมาย หรือในการแสดงผลงานของผูประดิษฐในงานแสดงสินคาตอสาธารณชน ซึ่ง
กระทํา ภายใน 12 เดือน กอนมีการขอรับสิทธิบัตรไมถือวาเปนการเปดเผยตามกฎหมาย
(2) การประดิษฐที่มีขั้นตอนการประดิษฐสูงขึ้น
การประดิษฐที่มีขั้นตอนการประดิษฐสูงขึ้น ไดแก การประดิษฐที่ไมเปนที่
ประจักษ โดยงายแกบุคคลที่มีความชํานาญในระดับสามัญสําหรับงานประเภทนั้น
(3) การประดิษฐที่สามารถประยุกตใชในทางอุตสาหกรรม
การประดิษฐที่สามารถประยุกตในทางอุตสาหกรรม ไดแก การประดิษฐที่
สามารถ นําไปใชประโยชนในการผลิตทางอุตสาหกรรม และใหหมายความรวมทั้งหัตถกรรม เกษตร
กรรมและ พาณิชยกรรม
การประดิษฐที่ขอรับสิทธิบัตรไมได
การประดิษฐบางอยางประกอบดวยลักษณะดังที่ไดกลาวมาแลว แตอาจขอรับสิทธิบัตร
ไมได ถาหากประดิษฐนั้นมีลักษณะตองหามตามที่กฎหมายกําหนดไวซึ่งมีดังนี้ คือ
171
ผูทรงสิทธิบัตรการประดิษฐ
ผูทรงสิทธิบัตรการประดิษฐ ไดแกผูไดรับการจดชื่อลงในทะเบียนสิทธิบัตรในขณะ ที่
ออกสิทธิบัตรใหหรืออาจกลาวไดวาเปนผูไดรับสิทธิหรือเจาของสิทธิบัตรนั้น ซึ่งไดแกบุคคล ดังตอ
ไปนี้
1. ผูประดิษฐ
2. ผูรับโอนสิทธิบัตร
3. นายจางของผูประดิษฐ
4. สวนราชการหรือวิสาหกิจ
1. ผูประดิษฐ
ผูประดิษฐ คือ ผูที่มีสิทธิขอรับสิทธิบัตร หรือเปนผูทรงสิทธิบัตรนั้นเอง เชน ผู
ที่ประดิษฐ หลอดไฟที่ใชพลังงานแสงอาทิตยหรือผูคนพบสวนผสมโลหะชนิดพิเศษ เปนตน กฎหมาย
คุมครองให ผูประดิษฐนั้น มีสิทธิ์แตผูเดียว ในการใชประโยชนจากสิ่งที่ตนเองคิดคนหรือประดิษฐ
บุคคลอื่นจะมา แสวงหาประโยชนจากงานประดิษฐนั้น โดยพลการไมได
2. ผูรับโอนสิทธิบัตร
ผูประดิษฐหรือผูทรงสิทธิบัตร อาจโอนสิทธิบัตรในการประดิษฐนั้น ใหแกผูอื่น
เพื่อให นําไปแสวงหาประโยชนจากงานผูประดิษฐนั้นได โดยอาจทําเปนนิติกรรม เชน ซื้อหรือใหเชา
172
3. นายจางของผูประดิษฐ
นายจางยอมเปนผูมีสิทธิขอสิทธิบัตรการประดิษฐ ซึ่งลูกจางไดประดิษฐขึ้น โดยการ
ทํางานตามสัญญานายจาง หรือโอนสัญญาจางที่มีวัตถุประสงคใหการประดิษฐนั้น เวนแตสัญญาจาง
ระบุไวเปนอยางอื่น
อยางไรก็ตาม เพื่อเปนการสงเสริมใหมีการประดิษฐคิดคนสิ่งใหม ๆ โดยลูกจาง
และเพื่อความเปนธรรมแกลูกจางในการประดิษฐงานใหมขึ้นมา กฎหมายกําหนดใหนายจางตองจาย
บําเหน็จพิเศษนอกเหนือ จากคาจางตามปกติ ใหแกลูกจาง และสิทธิที่จะไดรับบําเหน็จพิเศษนี้ จะ
ถูกตัดโดยสัญญาจางไมได
4. สวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
ทํานองเดียวกันกับกรณีของลูกจาง เพื่อประโยชนในการสงเสริมการประดิษฐของ ขา
ราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ในกรณีที่ขาราชการพนักงานเหลานี้ไดประดิษฐขึ้น ในหนาที่สิทธิ
ในงานประดิษฐดังกลาว กฎหมายใหตกไดแกหนวยงานนั้น ๆ แตใหขาราชการ พนักงาน องคการของ
รัฐ หรือรัฐวิสาหกิจนั้น มีสิทธิไดรับบําเหน็จพิเศษดวย
ผูขอรับสิทธิบัตรตาง ๆ ดังกลาวมานี้ จะตองเปนผูมีสัญชาติไทย หรือมีสัญชาติ ของ
ประเทศที่ยินยอมใหบุคคลสัญชาติไทยขอรับสิทธิบัตรในประเทศนั้นได
ในกรณีที่บุคคลหลายคนทําการประดิษฐรวมกัน บุคคลเหลานี้ยอมมีสิทธิขอรับ สิทธิ
บัตรรวมกันถาผูประดิษฐรวมกันบางคนไมยอมรวมขอรับสิทธิบัตร หรือติดตอไมได หรือไมมีสิทธิ รับ
สิทธิบัตรนั้น (เชนไมมีสัญชาติไทย) ผูประดิษฐคนอื่นจะขอรับสิทธิบัตรที่ไดทํารวมกันในนาม ของ
ตนเองก็ได
173
การออกสิทธิบัตรการประดิษฐ
เมื่อผูประดิษฐไดยื่นขอรับสิทธิบัตรในการประดิษฐ ที่ถูกตองตามกฎหมายแลว เจา
พนักงานจะตรวจสอบความถูกตอง และรับจดหมายทะเบียนการประดิษฐและออกสิทธิบัตร ใหแกผูขอ
รับสิทธิบัตรตอไป
การละเมิดสิทธิบัตรการประดิษฐ
ผูทรงสิทธิบัตรตามกฎหมายเทานั้น ที่เปนผูมีสิทธิใชหรือแสวงหาประโยชนจาก การ
ประดิษฐนั้น กลาวคือมีสิทธิ
(1) ผลิต ผลิตภัณฑตามสิทธิบัตร
(2) ใชกรรมวิธีตามสิทธิบัตร และ
(3) ขายหรือมีไวเพื่อขายผลิตภัณฑที่ผลิตหรือใชกรรมวิธีตามสิทธิบัตร
ถาผูกระทําการดังกลาวไมใชผูทรงสิทธิยอมเปนการละเมิดสิทธิบัตรมีโทษอาญาตาม
กฎหมาย และอาจถูกเรียกรองใหชดใชคาเสียหายได
ขอยกเวนการละเมิดสิทธิบัตรนั้น มีขอยกเวนที่ทําใหการกระทําไมเปนการละเมิด
สิทธิบัตรการประดิษฐไดดังนี้
(1) การผลิตผลิตภัณฑหรือใชกรรมวิธีตามสิทธิบัตร เพื่อประโยชนในการศึกษาคน
ควา ทดลองหรือวิจัย
(2) การผลิต ผลิตภัณฑ หรือใชกรรมวิธีดังที่ผูทรงสิทธิ์ไดจดทะเบียนไว ซึ่งผูผลิต
ผลิตภัณฑหรือผูใชกรรมวิธีดังกลาวไดประกอบกิจการ หรือมีเครื่องใชเพื่อประกอบกิจการดังกลาว โดย
สุจริตกอนวันประกาศโฆษณาคําขอรับสิทธิบัตร หรือ
(3) การกระทําใด ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑที่ไดมาโดยสุจริต
(4) การเตรียมยาเฉพาะรายตามใบสั่งแพทย โดยผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือ
ผูประกอบโรคศิลปทั้งการกระทําตอผลิตภัณฑยาดังกลาว
(5) การกระทําใด ๆ เกี่ยวกับการขอขึ้นทะเบียนยาโดยผูขอมีวัตถุประสงคที่จะผลิต
จําหนาย หรือนําเขาผลิตภัณฑยาตามสิทธิบัตรจากสิทธิบัตรดังกลาวสิ้นอายุลง
174
อายุของสิทธิบัตรการประดิษฐ
กฎหมายกําหนดอายุของสิทธิบัตรการประดิษฐเอาไวเปนเวลา 20 ป นับแตวัน ขอรับ
สิทธิบัตรในกรณีที่มีการดําเนินคดีทางศาล เกี่ยวกับการที่บุคคลหลายคนยื่นขอสิทธิบัตรอยางเดียวกัน
ใหหักระยะเวลาในระหวางการดําเนินคดีดังกลาวออกจากอายุของสิทธิบัตรนั้น
สวนอายุความในการฟองรองดําเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรนั้น พ.ร.บ. สิทธิบัตร
ไมไดกําหนดไวโดยเฉพาะ จึงตองใชอายุความฟองรองทั่วไปคือ 1 ป แตไมเกิน 10 ป ตามประมวล กฎ
มายแพงและพาณิชย มาตรา 448
2.2 สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ
“แบบผลิตภัณฑ” ตามกฎหมาย หมายความวา รูปรางของผลิตภัณฑหรือองคประกอบ
ของลวดลาย หรือสีของผลิตภัณฑอันมีลักษณะพิเศษสําหรับผลิตภัณฑซึ่งสามารถใชเปนแบบสําหรับ
ผลิตภัณฑอุตสาหกรรมรวมทั้งหัตถกรรมได
แบบผลิตภัณฑจึงไดแกลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑที่จะผลิตออกมา จึงตางจาก สิทธิ
บัตรการประดิษฐ เพราะไมเกี่ยวกับกลไก หรือ กรรมวิธีในการผลิต แตแบบผลิตภัณฑที่จะนํามาขอรับ
สิทธิบัตรไดนี้ ตองเปนการออกแบบผลิตภัณฑใหม เพื่ออุตสาหกรรม รวมทั้งหัตถกรรม
อยางไรก็ตามการออกแบบผลิตภัณฑดังตอไปนี้ไมถือวาเปนการออกแบบผลิตภัณฑใหม
คือ
(1) แบบผลิตภัณฑที่มี หรือใชอยางแพรหลายอยูแลวในราชอาณาจักร กอนวันขอรับ
สิทธิบัตร
(2) แบบผลิตภัณฑที่ไดมีการเปดเผยอยูภาพสาระสําคัญ หรือรายละเอียดในเอกสารหรือ
สิ่งพิมพ ไดผลแพรอยูแลว ไมวาในหรือนอกราชอาณาจักรกอนวันขอรับสิทธิบัตร
(3) แบบผลิตภัณฑที่คลายกับแบบผลิตภัณฑ ดังกลาวใน (1) หรือ (2) จนเห็นไดวา
เปนการเลียนแบบ
(4) แบบผลิตภัณฑที่เคยมีประกาศโฆษณามาแลว กอนวันขอรับสิทธิบัตร
นอกจากนี้ การออกแบบผลิตภัณฑใหมที่ตองหามตามกฎหมาย หรือที่มีลักษณะขัดตอ
ความสงบเรียบรอยฯ จะขอรับสิทธิบัตรไมได
175
ผูทรงสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ
ผูทรงสิทธิบัตรการออกแบบการผลิต ยอมไมมีสิทธิใชแบบผลิตภัณฑตามสิทธิบัตร หรือ
ขายหรือมีไวขาย ซึ่งผลิตภัณฑที่ใชแบบผลิตภัณฑดังกลาว หากกระทําลงไปยอมเปนการละเมิด การ
ออกแบบผลิตภัณฑนั้น
อายุของสิทธิบัตรในการออกแบบผลิตภัณฑ
กฎหมายกําหนดคุมครองไวสิบป นับแตวันขอรับสิทธิบัตร แตในกรณีที่มีการดําเนินคดี
เกี่ยวกับการที่มีผูอางสิทธิหลายคน ในการยื่นขอรับสิทธิบัตรรายเดียว ใหหักดําเนินคดีออกจากอายุ ของ
สิทธิบัตรนั้น
บทกําหนดโทษตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร
1. เจาพนักงานผูมีหนาที่เกี่ยวกับการขอรับสิทธิบัตรเปดเผยรายละเอียด การประดิษฐ
หรือ ยอมใหบุคคลใดตรวจหรือคัดสําเนารายละเอียดการประดิษฐไมวาโดยวิธีใด ๆ กอนมีการโฆษณา
ตองระวางโทษจําคุกไมเกิน 2 ป ปรับไมเกิน 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
2. บุคคลใดซึ่งรูอยูวาการประดิษฐนั้น ไดมีผูยื่นคําขอรับสิทธิบัตรไวแลว เปดเผย
รายละเอียดการประดิษฐไมวาโดยวิธีใด ๆ อันอาจจะกอใหเกิดความเสียหายแกผูขอรับสิทธิบัตร กอนมี
การประกาศโฆษณาตามมาตรา 28 ตองระวางโทษจําคุกไมเกิน 6 เดือน หรือปรับไมเกิน
20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
3. บุคคลใดรวมทั้งผูขอรับสิทธิบัตรเปดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียด การประดิษฐ
โดยรูอยูวาอธิบดีไดสงใหปกปดไว ผูนั้นตองระวางโทษจําคุกไมเกิน 1 ป หรือปรับไมเกิน 50,000
บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
3 . เครื่องหมายการคา
1. ตองเปนเครื่องหมาย
ในเบื้องตนทีเดียว สิ่งที่จะใชเปนเครื่องหมายการคาได ตองมีลักษณะเปนเครื่องหมาย
เสียกอน กลาวคือ ตองมีลักษณะเปนสัญลักษณ (symbol) และกินความถึงภาพอัน คิดขึ้น อาจเปน
ภาพถาย ภาพวาด ภาพประดิษฐ ตรา คํา ตัวหนังสือ ลายมือชื่อหรือสิ่งเหลานี้ อยางหนึ่งอยางใด
หรือหลายอยางรวมกัน
2. ตองใชหรือจะใชเปนที่หมายหรือเกี่ยวของกับสินคา
เครื่องหมายที่จะเปนเครื่องหมายการคาไดนั้น ตองเปนเครื่องหมายที่ใชกับสินคาตาง
ๆ รวมทั้งเครื่องหมายบริการที่ใชกับบริการตาง ๆ เชน บริการขนสง บริการวิทยุ โทรศัพท ก็ไดรับ
การคุมครอง ทํานองเดียวกับเครื่องหมายการคาดวย เครื่องหมายใด ๆ ที่ใชกับสิ่งที่ไมใชสินคา จะเปน
เครื่องหมายการคาไมได เชน เครื่องหมายพระอินทรทรงชางเอราวัณ ที่ติดอยูขางรถยนตของ
กรุงเทพมหานคร ดังนี้ มิใชเครื่องหมายการคา เพราะรถยนตของกรุงเทพมหานครมิใชสินคา เครื่อง
หมาย “เปาโล” ที่ใชกับโรงพยาบาล มิใชเครื่องหมายการคา เพราะโรงพยาบาลมิใชสินคา
3. เพื่อแสดงวาสินคานั้น ๆ แตกตางกับสินคาที่ใชเครื่องหมายการคาของผูอื่น
หนาที่หรือลักษณะที่มีสําคัญของเครื่องหมายการคานั้น จะตองเปนเครื่องหมาย
แสดงใหลูกคาเห็นวา สินคาที่มีเครื่องหมายการคานั้น ๆ เปนของบุคคลหนึ่งซึ่งแตกตางสินคา ที่ผลิต
หรือขายโดยบุคคลอื่น
เครื่องหมายการคาที่จะจดทะเบียนได
เครื่องหมายการคาที่จดทะเบียนไดนั้น ตองมีลักษณะตามที่กฎหมายกําหนดไวดังนี้
1. เครื่องหมายการคานั้นตองมีลักษณะแบงเฉพาะ
2. เครื่องหมายการคานั้นจะตองไมมีลักษณะตองหามตามกฎหมาย
3. เครื่องหมายการคานั้นตองไมเหมือน หรือคลายกับเครื่องหมายการคาของผูอื่นที่ได
จดทะเบียนไวแลว
177
1. เครื่องหมายการคานั้นตองมีลักษณะบงเฉพาะ
“ลักษณะบงเฉพาะ” หมายความวา เครื่องหมายการคาอันมีลักษณะที่ทําใหประชาชน
หรือผูใชสินคานั้นทราบ และเขาใจไดวาเครื่องหมายการคานั้นแตกตางไปจากสินคาอื่น
ลักษณะบงเฉพาะนี้เปนสาระสําคัญที่ตองมีอยูในเครื่องหมายการคา เพราะจะเปน
เครื่องชี้เห็นไดวาสินคาภายใตเครื่องหมายการคานั้นแตกตางจากสินคาของผูอื่น ดังนั้นเครื่องหมาย การ
คาใดที่ไมสามารถแสดงใหเห็นถึงความแตกตางระหวางสินคาของเจาของเครื่องหมายการคากับสินคา
ของบุคคลอื่นได ก็ไมสามารถจดทะเบียนได
ลักษณะบงเฉพาะอันเปนสาระสําคัญที่จะตองมีในเครื่องหมายการคานี้ จะเปนสิ่งใด
สิ่งหนึ่งดังตอไปนี้ก็ได
(1) ชื่อตัว ชื่อสกุลของบุคคลธรรมดาที่ไมเปนชื่อสกุล ตามความหมายเขาใจกัน
โดยธรรมดา ชื่อนิติบุคคล หรือชื่อในทางการคา ซึ่งแสดงโดยลักษณะพิเศษ
(2) คําหรือขอความ อันไมไดเล็งเห็นถึงลักษณะ หรือคุณสมบัติของสินคานั้นโดย
ตรง และไมเปนชื่อทางภูมิศาสตรที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
(3) ตัวหนังสือ ตัวเลข หรือคํา ที่ประดิษฐขึ้น
(4) ลายมือชื่อของผูขอจดทะเบียน หรือเจาของเดิมกิจการของผูจดทะเบียน หรือ
ลายมือชื่อ บุคคลอื่นโดยไดรับอนุญาตจากบุคคลนั้นแลว
(5) ภาพของผูขอจดทะเบียน หรือบุคคลอื่นโดยไดรับอนุญาตจากบุคคลนั้นแลว
หรือ ในกรณีที่บุคคลนั้นตายแลว โดยไดรับอนุญาตจากบุพการี ผูสืบสันดาน และคูสมรสของบุคคล
นั้น ถามีแลว
(6) ภาพที่ประดิษฐขึ้น
ชื่อหรือขอความที่ไมมีลักษณะตาม (1) หรือ (2) หากไดมีการจําหนายเผยแพร
หรือโฆษณาสินคาที่ใชเครื่องหมายการคานั้นจนแพรหลายตามหลักเกณฑที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
และพิสูจนไดวาปฏิบัติถูกตองตามหลักเกณฑนั้นแลว ก็ใหถือวามีลักษณะบงเฉพาะ
2. เครื่องหมายการคานั้นจะตองไมมีลักษณะตองหามตามกฎหมาย
เครื่องหมายการคาที่แมจะมีลักษณะบงเฉพาะ แลวก็ไมไดรับการจดทะเบียนได หาก
เครื่องหมายการคาหรือบางสวนแหงเครื่องหมายการคานั้น ๆ มีลักษณะหามตามที่กฎหมายกําหนดไว
ซึ่งมีดังนี้ คือ 48
178
3. เครื่องหมายการคานั้นตองไมเหมือนหรือคลายกับเครื่องหมายการคาของผูอื่น ที่ได มี
การจดทะเบียนไวแลว
เนื่องจากเครื่องหมายการคานั้นมีลักษณะอันสําคัญ คือ เปนเครื่องแสดงใหเห็นถึง
ความแตกตางระหวางสินคาของเจาของเครื่องหมายการคากับสินคาของบุคคลอื่น เพราะฉะนั้น เครื่อง
179
หมายการคาที่จะจดทะเบียนไดนั้นตองไมเหมือน หรือคลายกับเครื่องหมายการคาของผูอื่นได จด
ทะเบียนไวเพื่อสินคาอยางเดียว จนถึงกับเปนการลวงสาธารณชนใหเขาใจผิด
อยางไรถือวาเหมือนหรือคลายกันจนถึงกับเปนการลวงสาธารณชนนั้น ตองพิจารณา
เปน กรณี ๆ ไป เชน เครื่องหมายการคาหนึ่งเปนรูปหัวคนปาอยูภายในวงกลม เครื่องหมายการคาอีกอัน
หนึ่ง เปนรูปคนปาแตแลเห็นไดเฉพาะสวนบนเหนือหนาอกขึ้นไปและอยูภายในวงกลม แมดูดวย
สายตา จะเห็นวาแตกตางกัน แตประชาชนผูซื้อสินคาอาจเรียกขานวา “ตราหัวคนปา” เหมือนกันไดจึง
เห็นวา ยังกอใหเกิดความสับสนหลงผิดได
การขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียนเครื่องหมายการคา
เมื่อเครื่องหมายการคามีลักษณะถูกตองตามที่กฎหมายกําหนดแลว ใหเจาของเครื่องหมาย
การคา หรือตัวแทนที่ไดรับมอบฉันทะเปนหนังสือไปจดทะเบียน เครื่องหมายการคาได51 ที่กรม
ทะเบียน การคา กระทรวงพาณิชย ตามแบบวิธีการที่กําหนดไวในกฎกระทรวง และเมื่อนายทะเบียน
พิจารณา และตรวจสอบ แลวเห็นควรรับจดทะเบียนเครื่องหมายการคารายใด ใหนายทะเบียนมีคําสั่งให
ประกาศ โฆษณาคําขอจดทะเบียน และมีหนังสือแจงใหผูขอจดทะเบียนทราบและใหชําระคาธรรม
เนียม การประกาศโฆษณาภายใน 30 วัน นับแตวันไดรับหนังสือแจงคําสั่ง ถาผูขอจดทะเบียนไมชําระ
คา ธรรมเนียมภายในกําหนดเวลาดังกลาว ใหถือวาละทิ้งคําขอจดทะเบียน52 เมื่อประกาศแลวถาปรากฏ
ตอมาวา เครื่องหมายการคานั้นไมถูกตองตามกฎหมาย ใหเพิกถอนการขอจดทะเบียนและมีหนังสือ
แจงไปยังผูขอจดทะเบียนโดยไมชักชา53 เมื่อไดดําเนินการถูกตองครบถวนแลว ใหนายทะเบียนออก
หนังสือสําคัญแสดงการจดทะเบียนใหแกผูขอจดทะเบียน
ผลแหงการจดทะเบียนเครื่องหมายการคา
บุคคลผูใดไดจดทะเบียนเครื่องหมายการคาไว กฎหมายใหถือวาบุคคลนั้นเปนเจาของ มี
สิทธิ แตผูเดียวที่จะใชเครื่องหมายการคานั้นกับสินคาของตน หากบุคคลใดนําเครื่องหมายการคาของ
บุคคลอื่น มาใชกับสินคาของตน โดยไมชอบก็เปนความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติเครื่องหมาย
การคาและ ในขณะเดียวกันก็ถือเปนการกระทําละเมิดตอเจาของเครื่องหมายการคาดวย
อนึ่ง เมื่อไดจดทะเบียนแลว นอกจากจะไดการคุมครองตามพระราชบัญญัติเครื่องหมาย
การคาแลว ยังไดรับการคุมครองตามประมวลกฎหมายอาญาอีกดวย
180
การโอนเครื่องหมายการคา
ดังไดกลาวมาแลววา เจาของเครื่องหมายการคานั้น เปนผูมีสิทธิแตเพียงผูเดียว ในการ
ใช เครื่องหมายการคานั้นกับสินคาของตนแตอยางไรก็ตาม สิทธิในเครื่องหมายการคานี้สามารถ
จําหนาย จายโอนไปใหกับผูอื่นหรือรับมรดกได และในการโอนเครื่องหมายการคานี้ จะเปนการโอน
หรือรับมรดก พรอมกับกิจการที่เกี่ยวกับสินคาที่ไดจดทะเบียนไวแลวหรือไมก็ได โดยการโอนตองจด
ทะเบียนดวย จึงจะมีผลสมบูรณตามกฎหมาย
อายุแหงการคุมครองเครื่องหมายการคา
เครื่องหมายการคาที่ไดจดทะเบียนถูกตองตามกฎหมายการคาแลว จะมีอายุคุมครอง 10 ป
นับแตวันที่จดทะเบียน แตอยางไรก็ตามเจาของเครื่องหมายการคา อาจขอจดทะเบียนตออายุเครื่อง
หมาย การคาของตนอีกได หรือกลาวอีกนัยหนึ่ง อายุแหงการคุมครองเครื่องหมายการคานั้นจะมีได
จํากัด หากเจาของเครื่องหมายการคาแสดงความจํานงตออายุเครื่องหมายของตนทุก ๆ 10 ป
การเพิกถอนเครื่องหมายการคา
เครื่องหมายการคาที่ไดจดทะเบียนไวแลว อาจถูกเพิกถอนไดในกรณีตอไปนี้ คือ
1. เพิกถอนเพราะไมตออายุดังไดอธิบายมาแลววา เมื่ออายุแหงเครื่องหมายการคา สิ้น
สุดลง เจาของเครื่องหมายการคาสามารถจดทะเบียนตออายุแหงเครื่องหมายการคานั้นไดอีก แตถาหาก
เจาของเครื่องหมายการคาไมขอตออายุเครื่องหมายการคาของตน เครื่องหมายการคานั้น ก็จะถูกเพิก
ถอนจากทะเบียนได
2. เจาของเครื่องหมายการคานั้นขอเพิกถอนเอง
3. เจาของเครื่องหมายฝาฝนไมปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือขอจํากัดของนายทะเบียนที่
กําหนด ในการรับจดทะเบียนเครื่องหมายการคานั้น
4. ถูกสั่งเพิกถอนเพราะมีลักษณะตองหาม หรือลักษณะขัดตอความสงบเรียบรอย หรือ
ศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือรัฐประกาศนโยบาย หรือเพราะเจาของเครื่องหมายการคานั้นมิได
ตั้งใจ โดยสุจริตที่จะใชเครื่องหมายนั้นเลย
5. เพิกถอนเพราะเลิกสํานักงานการคา เครื่องหมายการคานั้น โดยสภาพตองเปนสิ่งที่
ใชกับ สินคาซึ่งเปนเจาของเครื่องหมายการคา ดังนั้น หากเจาของเครื่องหมายการคาไดเลิก สํานักงาน
การคา แลวกรณีก็ไมจําเปนตองใชเครื่องหมายการคาอีกตอไป ใหเพิกถอนเครื่องหมายการคานั้นเสีย
181
6. เพิกถอนโดยคําสั่งศาล
ศาลจะมีคําสั่งใหเพิกถอนเครื่องหมายการคาได ในกรณีตอไปนี้คือ
(1) ผูมีสิทธิดีกวาในเครื่องหมายการคานั้น อาจจะเนื่องจากไดใชเครื่องหมายการคา
นั้น มากอน หรือผูจดทะเบียน จดทะเบียนไวโดยไมมีสิทธิ
(2) เครื่องหมายการคานั้นในปจจุบันเปนสิ่งสามัญในการคาขายแลว เมื่อเครื่อง
หมาย การคาใด กลายเปนสิ่งสามัญการคาขายแลว ก็เทากับเครื่องหมายการคานั้นสูญเสียลักษณะบง
เฉพาะไป เพราะฉะนั้นจึงเพิกถอนเครื่องหมายการคานั้นได
สาเหตุที่ทําใหเครื่องหมายการคากลายเปนสิ่งที่สามัญไปนั้น อาจมีเหตุเกิดจากการที่
ประชาชนไดนําชื่อเครื่องหมายการคาดังกลาวไปใชเรียกสินคาชนิดเดียวกัน แตเปนของพอคาอื่น จน
กระทั่งชื่อเครื่องหมายการคานั้นไดกลายเปนคําสามัญ เชน บริษัท ไบเออร ริเวอร เคยจดทะเบียน
เครื่องหมายการคาคําวา “ASPIRIN” ตอมาประชาชนนิยมใชคําวา “แอสไพริน” เปนชื่อเรียก ยาระงับ
อาการปวด ไมวายานี้จะเปนของผูใด คํานี้จึงกลายเปนคําสามัญในการคาขายยาระงับปวด มิใชคําบง
เฉพาะวาเปนยาระงับปวดของบริษัทไบเออรเทานั้น เชนนี้ ผูมีสวนไดเสียอาจรองขอใหศาล เพิกถอน
เครื่องหมายการคาดังกลาวได การกระทําที่เปนการละเมิดเครื่องหมายการคา ไดแกการปลอม หรือ
การเลียน ตามมาตรา 108 และมาตรา 109 ซึ่งเปนความผิดทางอาญา สวนความรับผิดในทางแพง
นอกจากปลอมและเลียนแลว ยังรวมถึงการใชเครื่องหมายของผูอื่นโดยไมมีสิทธิความรับผิดในการ
ละเมิด เครื่องหมายการคาอาจขยายไปเกินกวาบุคคลที่ลงมือปลอมเลียนหรือใช เครื่องหมายของผูอื่น
กับสินคา โดยตรง ดังนั้นผูผลิตและผูจัดจําหนายจึงอาจเปน Contributory Infringement นอกจาก
บัญญัติไวใน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 แลว ยังมีบัญญัติไวใน พ.ร.บ. เครื่องหมายการคาฯ
มาตรา 110 , 111 ดวย