Professional Documents
Culture Documents
Intrinsically Safe ในระบบ FieldBus
Intrinsically Safe ในระบบ FieldBus
รูปที่ 1 สามเหลี่ยมการลุกไหม
วิธีการปองกันการระเบิดหรือลุกไหม อันเนื่องมาจากกาซติดไฟเหลานี้ สามารถ
กระทําไดโดยการควบคุมตัวแปรตัวใดตัวหนึ่งเพื่อไมใหครบองคประกอบของการลุก
ไหม ดังนั้นจึงตองมีการแบงบริเวณพื้นที่กระบวนการผลิตออกเปน 2 เขตคือ
1. พืน
้ ทีป
่ ลอดภัย (Safe Area) สวนมากจะเปนบริเวณพื้นที่ในอาคารควบคุม
(Central Control Room) และเปนบริเวณที่กาซติดไฟที่รั่วไหลออกมาไมสามารถแพร
กระจายเขาไปถึง
2. พืน
้ ที่อน
ั ตราย (Hazardous Area) สวนมากจะเปนบริเวณพื้นที่ในกระบวน
การผลิตหรือบริเวณที่มีโอกาสเกิดการรั่วไหลของกาซติดไฟออกมาไดตลอดเวลา
การแบงเขตพื้นที่อันตรายจะมีมาตรฐานสากลสําหรับใชในการแบง อาทิเชน
API RP 500 หรือ NFPA article 500 เมื่อทําการแบงเขตพื้นที่ในกระบวนการผลิต
แลว ถามีอุปกรณไฟฟาหรืออุปกรณเครื่องมือวัดที่ตองการนําไปติดตั้งอยูในพื้นที่
อันตราย จะตองมีการปองกันไมใหอุปกรณไฟฟาหรืออุปกรณเครื่องมือวัดตาง ๆ เหลา
นี้ เปนแหลงกําเนิดประกายไฟหรือแหลงกําเนิดพลังงานพอเพียงตอการเกิดลุกไหมถา
เกิดการรั่วไหลของกาซติดไฟออกมา สําหรับวิธก ี ารปองกันนั้นสามารถออกแบบระบบ
เครื่องมือวัดหรือเลือกใชอปกรณตามมาตรฐานสากลไดหลายวิธี อาทิเชน การปองกัน
การระเบิด (Explosion Proof : Ex d), การจํากัดพลังงาน (Intrinsically Safe : Ex i),
การไลกาซติดไฟออกไปจากแหลงพลังงาน (Pressurized : Ex p) เปนตน การปอง
กันในรูปแบบจํากัดพลังงานและการปองกันการระเบิดจะพบเห็นการใชงานไดบอยครั้ง
ในระบบเครื่องมือวัด ในบทความนี้จะแสดงเขตพื้นที่อันตรายและกาซติดไฟประเภท
ตาง ๆ แสดงหลักการทํางานของระบบจํากัดพลังงานหรือที่เรียกกันวา ระบบ I.S.
(Intrinsically Safe System) การใชงานระบบ Intrinsically Safe ในระบบการควบ
คุมพื้นฐานและระบบการควบคุม FieldBus นอกจากนั้นแลว จะนําเสนอหลักการ
ทํางานของระบบ Intrinsically Safe ในระบบ FieldBus อีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกวา
FISCO (Fieldbus Intrinsically Safe Concept)
พื้นทีอ
่ น
ั ตราย (Hazardous Area )
ในอุตสาหกรรมกระบวนการผลิตมีโอกาสที่จะเกิดการรั่วไหลของกาซติดไฟออก
มาไดตลอดเวลาและกาซติดไฟยังมีอยูหลายชนิดขึ้นอยูกับกระบวนการผลิต ดังนั้นจึง
ตองมีการกําหนดเขตพื้นที่อันตรายตามระยะเวลาการรั่วไหลและชนิดของกาซติดไฟที่
รั่วไหลออกมาในพื้นที่อันตราย มาตรฐานที่ใชในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา นอกเหนือ
จากการแบงกลุมกาซติดไฟแลว ยังมีการแบงกลุมสารไวไฟที่เปนฝุนและเสนใยอีกดวย
พื้นที่อันตรายที่ถูกกําหนดขึ้นจะใชเปนแนวทางในการเลือกใชอุปกรณเครื่องมือวัด
และกําหนดลักษณะการติดตั้งอุปกรณเครื่องมือวัดในพื้นที่อันตรายเหลานั้น เพื่อให
เหมาะสมกับพื้นที่อันตรายและเหมาะสมกับวิธีปองกันการระเบิดหรือลุกไหมที่เลือกใช
ซึ่งการแบงเขตพื้นที่อันตรายตามมาตรฐานสากล สามารถแบงเขตพื้นที่อันตรายได
เปน 2 กลุม ดังนี้
IEC & CENELEC USA & CANADA
กลับดานบน
เสนโคงการจุดประกายไฟ (Ignition Curves)
เปนกราฟที่ใชแสดงคาแรงดันและกระแสไฟฟาที่สามารถยอมใหใชไดในแตละ
กลุมกาซสําหรับวงจรไฟฟาที่มีความตานทานเพียงอยางเดียว (Purely Resistive
Circuit) ขอมูลแรงดันและกระแสไฟฟาที่แสดงในกราฟนี้ เปนขอมูลที่ไดจากการ
ทดลองและมีการยอมรับสําหรับการนําไปใชงานกันอยางกวางขวาง [3] การทดลอง
กระทําโดยทําการปดและเปดหนาสัมผัสที่มีการตอวงจรไฟฟาในกลองปดที่มีการปลอย
กาซติดไฟไหลเขาไปและกลองปดนี้ตองสามารถทนตอการระเบิดจากภายในได
อุปกรณนี้จะเรียกวา Spark Test Apparatus ดังแสดงในรูปที่ 2 ในการนําขอมูลจาก
กราฟนี้ไปใชงานจริงตองมีการคูณดวยคาตัวแปรความปลอดภัยที่ 1.5 ของกระแสที่
แสดงในกราฟ แสดงกราฟเสนโคงการจุดประกายไฟไดดังรูปที่ 3
รูปที่ 3 เสนโคงการจุดประกายไฟ
กลับดานบน
ระบบจํากัดพลังงานเปนระบบการปองกันอุปกรณเครื่องมือวัดในพื้นที่อันตรายที่มี
การใชกันอยางกวางขวางในปจจุบันหรือที่เรียกวา ระบบ I.S. หลักการทํางานของ
ระบบจํากัดพลังงานจะเปนการปองกันไมใหพลังงานจากพื้นที่ปลอดภัยออกไปยังพื้นที่
อันตรายเกินกวาที่กําหนด หรือเกินกวาพลังงานที่สามารถทําใหเกิดประกายไฟในพื้นที่
อันตรายจนเปนสาเหตุใหเกิดการลุกไหมหรือระเบิดเมื่อมีกาซติดไฟรั่วไหลออกมา
ระบบจํากัดพลังงานจะตองมีอุปกรณที่เรียกวา Barriers ติดตั้งอยูในวงจรเสมอและตอง
ติดตั้งอยูในพื้นที่ปลอดภัย เพราะ Barriers จะเปนตัวที่ใชจํากัดพลังงานไมใหออกไปยัง
พื้นที่อันตราย ดังแสดงในรูปที่ 4
รูปที่ 6 การปองกันแรงดันไฟฟาเกิน
ระบบ I.S ยังมีการแบงชนิดของ Barriers ออกไปเพื่อใหเหมาะสมกับพื้นที่
อันตรายที่จะนําไปใชงานไดเปน 2 ชนิดคือ Barriers ชนิด "ia" สามารถนําไปใชกับ
อุปกรณเครื่องมือวัดที่ติดตั้งอยูในพื้นที่อันตราย Zone 0, 1 และ 2 และอีกชนิดหนึ่งจะ
เปน Barriers ชนิด "ib" สามารถนําไปใชกับอุปกรณเครื่องมือวัดที่ติดตั้งอยูในพื้นที่
อันตราย Zone 1 และ 2 แตไมสามารถนําไปใชกับ Zone 0 ได
สามารถแสดงขอดีของระบบจํากัดพลังงานไดดังนี้
• มีคาใชจายต่ํา
• สามารถซอมบํารุงขณะที่วงจรยังจายไฟอยู
• ไมมีขอจํากัดของแรงดันไฟฟาที่ใชงาน
กลับดานบน
ระบบจํากัดพลังงานในระบบควบคุม
ในอุตสาหกรรมการผลิตตาง ๆ จะมีระบบควบคุมและอุปกรณเครื่องมือวัดที่ถูกติด
ตั้งอยูในกระบวนการผลิตเปนสวนใหญ และเปนที่ทราบกันดีวาอุตสาหกรรมการผลิตที่
เกี่ยวกับการกลั่นน้ํามัน, กาซ และปโตรเคมี พื้นที่ในกระบวนการผลิตจะถูกกําหนดให
เปนพื้นที่อันตราย (Hazardous Area) ดังนั้นอุปกรณเครื่องมือวัดที่จะนําเขาไปติดตั้ง
ในกระบวนการผลิตเหลานี้ จะตองมีการปองกันไมใหอุปกรณเครื่องมือวัดเหลานี้เปน
แหลงกําเนิดประกายไฟหรือพลังงานที่พอเพียงตอการลุกไหมเมื่อเกิดการรั่วไหลของ
กาซติดไฟ
จากหลักการทํางานของระบบจํากัดพลังงานที่ไดแสดงรายละเอียดในหัวขอที่
ผานมา สามารถนําระบบการปองกันแบบนี้มาใชงานกับระบบการควบคุมพื้นฐานหรือที่
รูจักกันดีคือ ระบบ DCS (Distributed Control System) ที่มีสวนประกอบหลัก ๆ ดังนี้
อุปกรณการวัดและควบคุมที่ติดตั้งอยูในกระบวนการผลิต (Field Devices), ตูสําหรับ
ตัวควบคุม (Controller Cabinet), ตูสําหรับตอสาย (Marshalling Cabinet) และสวน
ติดตอกับผูปฏิบัติงาน (Human Machine Interface) ดังแสดงในรูปที่ 9 สําหรับการนํา
ระบบการจํากัดพลังงานไปใชงานนั้น อุปกรณเครื่องมือวัดทุกตัวจะตองมี Barriers ติด
ตั้งอยูในพื้นที่ปลอดภัยหรือในตูตอสาย (Marshalling Cabinet) และอุปกรณทุกตัวจะ
ตองมีคุณสมบัติตามขอกําหนดของการใชงานในระบบ I.S (I.S Certified Devices)
ดังแสดงรายละเอียดการใชงานในรูปที่ 10
รูปที่ 9 ระบบควบคุมพื้นฐาน
รูปที่ 10 การใชงาน Barriers กับระบบควบคุมพื้นฐาน
ในทํานองเดียวกันระบบจํากัดพลังงานยังสามารถนําไปใชงานกับระบบการควบ
คุมแบบ FieldBus [1] โดยใช Barrier เพียงตัวเดียวกับสายบัสที่ใชเปนจุดตอของ
อุปกรณ แตการใชงานในรูปแบบนี้จะมีขอจํากัดของจํานวนอุปกรณที่จะนํามาตอเขา
กับสายบัสนัน
้ จะขึ้นอยูกับความสามารถในการจายกระแสของตัว Barrier ที่ออกไปยัง
สายบัส สามารถแสดงการใชงานในระบบ Fieldbus ไดดังรูปที่ 11
2. อุปกรณการวัดจะทํางานไดที่แรงดันไฟฟาต่ําสุดเทากับ 9 VDC
กลับดานบน
ระบบจํากัดพลังงานแบบ FISCO
จากหัวขอที่ผานมาจะเห็นวาการนําระบบจํากัดพลังงานไปใชกับระบบ Fieldbus
จะมีขอจํากัดเกี่ยวกับความสามารถในการจายกระแสของบัสเมื่อมีความยาวของบั
สมาก ๆ จึงทําใหจํานวนอุปกรณตอบัสถูกจํากัด ดังนั้นจึงมีการนําเสนอแหลงจาย
กระแสไฟสําหรับสายบัสที่เรียกวา FISCO (Fieldbus Intrinsically Safe COncept)
[2] เพื่อนํามาใชงานกับระบบ Fieldbus ในแบบ I.S โดยการใชงานแหลงจายไฟแบบ
FISCO จะคลายกับการใชงาน Barrier แตสายบัสและอุปกรณที่จะนํามาตอกับแหลง
จายไฟแบบ FISCO จะมีขอกําหนดตาง ๆ ดังนี้
* ระบบบัสตองเปนไปตามมาตรฐาน IEC-1158-2
* อุปกรณที่ตออยูกับบัสจะตองดึงกระแสจากบัสเทานั้น
* อุปกรณแตละตัวตองกินกระแสไฟฟาต่ําสุดที่ 10 mA และในชวงการสง
สัญญาณกระแสจะแกวงอยูในชวง ( 9 mA
* ความยาวของบัสสูงสุดเทากับ 1,000 เมตร
* สายบัสตองมีคาตัวแปรตาง ๆ ดังนี้ ความตานทาน = 15-150 (/km, คาอินดัก
แตนซ = 0.4-1 mH/km, คาคาปาซิแตนซ = 80-200 (F/km
* Bus Terminator มีความตานทาน = 90 - 100 (, คาคาปาซิแตนซ = 0- 2.2 (F