You are on page 1of 6

The English conquest 


Day30
Sec6on 6

English joke
Today’s Joke: ‘A man In hurry’


A man was driving fast, and he got pulled over by a police officer

OFFICER: “What’s your excuse for going over the speed limit?”

(คุณมีข้อแก้ตัวอะไรที่ขับรถเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด)
MAN: “I’m sorry officer, but it’s a ma=er of life and death”

(ผมขอโทษครับคุณตำรวจ แต่นี่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ)
OFFICER: “What do you mean?”

(คุณหมายความว่ายังไง)
MAN: “You see, officer, there’s a woman wai@ng for me at my 

house and I have to go to her”

(มันเป็นอย่างงี้คุณตำรวจ มีผู้หญิงคนหนึ่งรอผมอยู่บ้านและผมต้องรีบไป

หาเธอ)
OFFICER: “That’s not a death ma=er”

(นั่นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย)
MAN: “It will be, if my wife gets there first!“

(มันเป็นแน่ ถ้าเมียผมไม่เจอผู้หญิงคนนั้นก่อน!)


ขำตรงไหน?

ตอนแรกก็แอบสงสัยว่าการมีผู้หญิงมารอที่บ้านมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายยังไง
แต่พอผู้ชายบอกว่า เป็นเรื่องแน่ถ้าภรรยาเขาไปถึงบ้านก่อน แสดงว่าคนที่รอที่บ้านเขา
ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกิ๊กที่ผู้ชายซ่อนไว้นี่เอง โถว! คอขาดบาดตายจริง ๆ ครับคุณ
ตำรวจ!
Where’s the joke?

It’s clear why this is a ma?er of life and death; the woman who’s waiEng at
the man’s home is his side chick, and his wife in on the way to the house! *Side chick
(หรือ Mistress) (n.): กิ๊ก, ชู้
Sec6on 7

Daily speaking prac6ce
Today’s tongue twister

Tie twine to three tree twigs. 

(ร้อยเชือกไว้กับกิ่งไม้สามกิ่ง)

ยังคงอยู่กับเสียงควบกล้ำนะครับ วันนี้เราจะมาฝึกเสียงตัว T และเวอร์ชั่นควบกล้ำของ


มันได้แก่ Tw (ทฺว) และ Tr (ทฺร) นอกจากนั้นยังมีเสียงที่ยากอีกเสียงหนึ่งคือ Th และมันยิ่ง
ยากขึ้นไปอีกเมื่อเอามาควบกล้ำกับตัว R กลายเป็น Thr อันนี้ต้องอาศัยการฝึกบ่อย ๆ
แล้วมันจะง่ายขึ้นเองครับ

ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากคำศัพท์ที่น่าสนใจก่อนเลย
→ Tie (v.): ผูก,มัด

คำอธิบายภาษาอังกฤษคือ

‘to fasten together two ends of a piece of string or other long, thin material,
or to (cause to) hold together with a long, thin piece of string, material, etc.

มัดปลายสองฝั่งของเชือกยาวไว้ด้วยกัน หรือผูกบางอย่างไว้โดยใช้เชือก’

Tie (up) your shoelaces, or you’ll trip over them.

(ผูกเชือกรองเท้าด้วย ไม่งั้นคุณจะสะดุดมันเอานะ) 

*Shoelace (n.): เชือกร้องเท้า / Trip over something (v.): สะดุด


Susan likes to 6e her hair back when it’s hot.

(ซูซานมักจะมัดผมไว้ด้านหลังเวลาอากาศร้อน)

→ นอกนั้นก็เหลือแค่คำศัพท์ง่าย ๆ เช่น Twine (n.): เชือกร้อย / Twig (n.): กิ่งไม้

มาฝึกออกเสียงกันต่อเลย เริ่มจากแบ่งวรรคพูดตามนี้

Tie twine to three tree twigs

Tie twine to three tree twigs

Tie twine to three tree twigs

(ทาย ทฺไวนฺ) (เทอะ ธรี) (ทฺรี ทฺวิกซฺ)

เน้นที่ความแตกต่างของเสียง tw, thr และ tr นะครับ สำคัญมาก ๆ สุดท้ายก็อ่านรัว ๆ


ตามนี้เลย

Tie twine to three tree twigs. (50x)
Sec6on 8

Quote for transla6on prac6ce
“Love is blind. It will take over your mind. 

What you think is love, is truly not. 

You need to elevate your mind.”

– Eve
แปลแบบตรงตัว: 

ความรักนั้นตาบอด มันจะเข้ายึดสมองของคุณ 

สิ่งที่คุณคิดว่าคือความรัก มันไม่ใช่

คุณต้องยกระดับสมอง

แปลแบบสวยงาม: 

ความรักทำให้คุณตาบอด มันจะควบคุมจิตใจคุณ 

สิ่งที่คุณคิดว่าคือความรัก แท้จริงแล้วไม่ใช่

คุณต้องทำจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้น


วิเคราะห์: อันดับแรกเรามาดูประโยคสุดฮิต ‘Love is blind’ นี่ก่อนเลย ถ้าเราแปลตรง ๆ


ตามโครงสร้างเราก็จะได้ ‘ความรักตาบอด’ หรือ ‘ความรักคือความตาบอด’ แต่หากลอง
วิเคราะห์ดูความหมายและพยายามแปลให้เป็นภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติกว่านี้ เราก็จะ
ได้ ‘ความรักทำให้คนตาบอด’ นั่นเองครับ

Take over ความหมายคือ ‘เข้ายึดครอง’ นั่นแหละครับ แต่พอเราใช้กับคำนี้คู่กับว่า


Mind ที่แปลว่า จิตใจ (เวอร์ชั่นตรงตัวแปลว่า สมอง แต่ถ้าจะแปลให้ดีหน่อยใช้คำว่า
จิตใจ ดีกว่าครับ) เราควรจะแปลมันว่า ควบคุม จะดีกว่าครับ สองคำนี้ก็ความหมาย
เดียวกันนั่นแหละ แต่บางทีเราต้องเลือกใช้คำที่มันเข้ากันมากกว่า

→ คำศัพท์ที่น่าสนใจคือ Elevate (v.): ยกระดับ



ภาษาอังกฤษนิยามไว้ว่า

‘To raise something or liI something up

เพิ่มหรือยกระดับบางอย่าง’


หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ให้ความสำคัญ, ปรับปรุงให้ดีขึ้น

‘to make someone or something more important or to improve 

something’

ทำให้ใครสักคนหรือบางสิ่งมีความสำคัญมากขึ้น หรือปรับปรุงให้มันดีขึ้น
Sec6on 9 

One English song

One English Song วันนี้แอดจะพามารู้จักกับเพลง It’s Eme จากวง Imagine


Dragons วงดนตรีร็อกอัลเทอร์เนทีฟจากลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ไหนใครเป็นสาวก
ของวงนี้บ้าง บอกเลยว่าคุณภาพสุดยอดจริง ๆ ครับวงนี้ 

และเพลง It’s 6me ที่แอดยกมาเนี่ยเป็นเพลงแจ้งเกิดของวงนี้เลยนะ เพลงนี้ถูก
ปล่อยออกมาในปี 2012 ซึ่งทำให้วงนี้กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเลย และหลังจาก
นั้นก็มีเพลงคุณภาพออกมาอีกเยอะมาก ๆ แนะนำให้เพื่อน ๆ ไปติดตามฟังเลยเช่น
Demons, Radioac6ve, I bet my life, On Top of The World, Believer, Warriors,
I’m So Sorry และเพลงสุดมันส์อย่าง Thunder ก็ห้ามพลาด

ท่อนที่แอดชอบที่สุดจากเพลงนี้คือ

‘I don't ever wanna let you down, I don't ever wanna leave this town

'Cause aIer all, this city never sleeps at night
It's @me to begin, isn't it?

I get a li=le bit bigger but then I'll admit

I'm just the same as I was

Now don't you understand that I'm never changing who I am

ฉันไม่อยากจะทำให้เธอผิดหวัง ฉันไม่อยากจะไปจากเมืองนี้ด้วยซ้ำ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมืองนี้ก็ไม่เคยหลับไหลในยามค่ำคื่น

ถึงเวลาที่ฉันต้องเริ่มแล้วใช่ไหม

ฉันเติบโตขึ้นมาเล็กน้อย แต่ฉันยอมรับเลยว่า

ข้างในฉันก็ยังเหมือนเดิม

ตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจอีกหรือไง ว่าฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป

คำศัพท์ที่น่าสนใจ: Let someone down (v.): ทำให้ผิดหวัง / AZer all (adv.): ท้ายที่สุดแล้ว

→ อีกจุดที่น่าสนใจคือการใช้เทนส์ Present con.nuous เพื่อบอกสิ่งที่จะทำใน

อนาคต อันนีเราเคยเจอไปแล้วนะ 

เช่นเราบอกว่า I’m working tomorrow ก็จะแปลว่า ฉันจะทำงานพรุ่งนี้ ไม่ใช่ ฉัน
กำลังทำงานพรุ่งนี้ นะ ดูบริบทดี ๆ ว่ามันเป็นปัจจุบันหรืออนาคต และแปลให้ถูตาม
บริบทนั้น ๆ ครับ (ส่วนมากถ้าเป็นอนาคตจะมีคำว่า Tomorrow, next Friday, at
the weekend อะไรพวกนี้)
Sec6on 10 

Thai to Eng

Thai to Eng วันนี้เรามารู้จักกับคำว่า ‘เคยชิน’ หรือ ‘คุ้นเคย’ ในภาษาอังกฤษกัน


ครับ คำศัพท์แรกที่อาจจะผุดขึ้นมาในหัวเลยคือ ‘Familiar’ แต่นอกจากนี้เรายังมีสำนวน
อีกด้วย ได้แก่ ‘Be used to something/someone’ หรือ ‘get used to something’ ก็ได้
ครับ แต่สำนวน ‘Get used to something’ จะเป็นประโยคที่เอาไว้บอกให้ใครสักคนว่า
ต้องทำตัวให้ชินหรือคุ้นเคยกับอะไรบางอย่างซะมากกว่า
→ เรามาเริ่มจากสำนวน ‘Be used to something/someone’ เลยดีกว่า อันนี้จะแปล
ว่า คุ้นเคย หรือเคยชินกับการทำแบบนี้แบบนั้น (จะตามด้วย v-ing)

ในภาษาอังกฤษนิยามไว้ว่า ‘to be familiar with something or someone

การรู้สึกคุ้นเคยกับอะไรบางอย่างหรือใครสักคน’

It can be frustra.ng if you’re not used to speaking in public.

(มันก็อาจจะลำบากหน่อยถ้าคุณไม่ชินกับการพูดต่อหน้าคน)

*Frustra6ng (adj.): ทำให้ประหม่า, ทำให้กังวลและเสียความมั่นใจ

Roy was so used to cold weather that he couldn’t live in 

Thailand for more than two days.

(รอยชินกับอาการหนาวมากจนทำให้เขาไม่สามารถอยู่ประเทศไทยเกิน

สองวันได้)
→ ส่วน Get used to จะมีความหมายต่างไปหน่อย มันแปลว่า ‘ทำตัวให้ชิน’

ภาษาอังกฤษนิยามไว้ว่า ‘to become familiar with something or someone

การทำตัวให้รู้สึกคุ้นเคยกับบางคนหรือบางอย่าง’

As Eme goes by, it’s geZng clearer that Billy can never get 

used to being alone.

(ยิ่งเวลาผ่านไป มันก็ยิ่งชัดเจนว่าบิลลี่ไม่สามารถทำตัวให้เคยชินกับการ

อยู่คนเดียวได้)

→ เพื่อน ๆ อย่าไปสับสน be used to หรือ get used to กับ used to เฉย ๆ นะครับ
Used to จะแปลว่า เคย

เช่น I’m used to smoking a\er breakfast.

(ฉันเคยชินกับการสูบบุหรี่หลังอาหารเช้า) *ตอนนี้ก็ยังทำอยู่ เลิกไม่ได้ 

แต่ I used to smoke a\er breakfast.

(ฉันเคยสูบบุหรี่หลังอาหารเช้า) *แต่ตอนนี้ไม่สูบแล้ว เลิกนิสัยนั้นไปแล้ว

Do you finish in one day? 

อ่านจบตรงเวลาไหม

A: Yes (ยินดีด้วยครับ คุณมีวินัยดีมาก)

B: No (พรุ่งนี้ต้องตั้งใจกว่านี้นะ!)

JGC.

Copyright © 2017 พ่อผมเป็นคนอังกฤษ. All rights reserved.

You might also like