Professional Documents
Culture Documents
E Design
E Design
Illumination Design
ความสว่าง (Illuminance ; E)
่ นที
ฟลักซ ์กำรส่องสว่ำงทีตกกระทบพื ่ ว มีหน่ วยเป็ น ลักซ ์ (Lux
้ ผิ
้ ้ง่ำย
ข้อดี- รำคำถูก และ ติดตังได
ข้อเสีย - ประสิทธิภำพต่ำ
(53 lm/W)
ประเภทหลอดอินแคนเดสเซนท ์ในท ้องตลำด
้
ประเภทขัวหลอดอิ
นแคนเดสเซนท ์ในท ้องตลำด
ลักษณะงำนของหลอดอินแคนเดสเซนท ์
ให ้แสงสว่ำงเฉพำะจุด ่
ให ้แสงสว่ำงทัวไปในอำคำร
หลอดทังสเตน ฮาโลเจน (Tungsten Halogen)
• มีกำรบรรจุสำรตระกูลฮำโลเจน ในหลอดควอตซ ์ ได ้แก่
ไอโอดีน, คลอรีน , โบรมีน และ ฟลูออรีน
• หลอดมีอำยุยำวนำนกว่ำหลอด incandescent รำว 2-3 เท่ำ คือ 1500-3000 ช
• มีประสิทธิผลสูงกว่ำหลอด incandescent ประมำณ 12 - 22 lm/w
Starter
Ballast
แกนเหล็ก อิเล็คทรอนิ กส ์
คุณลักษณะทางแสงสีของหลอดฟลู ออเรสเซนต ์
Warm white
การเลือกใช้หลอดฟลู ออเรสเซนต ์
่ เพดำนสูงเกินกว่ำ 5 - 7
1. ไม่เหมำะสำหร ับใช ้กับห ้องทีมี
เมตร เพรำะต ้องใช ้หลอดจำนวนมำก
2. เลือกสีของหลอดฟลูออเรสเซนต ์ให ้เหมำะสมกับงำน
่ ้องกำรควำมส่องสว่ำงสูงกว่ำ 500 ลักซ ์ ควรใช ้หลอด daylight
- งำนทีต
- งำนทีต่ ้องกำรควำมส่องสว่ำง 300 - 500 ลักซ ์ ควรใช ้หลอด cool white
- งำนทีต ่ ้องกำรควำมส่องสว่ำงต่ำกว่ำ 300 ลักซ ์ ควรใช ้หลอด warm white
้
3. ฮำร ์มอนิ ก จะมำกหรือน้อยขึนอยู
่กบั กำรเลือกใช ้บัลลำสต ์
หลอดคอมแพคฟลู ออเรสเซนต ์(Compact Fluorescent La
้
• พัฒนำขึนมำแทนที ่
หลอดอิ
นแคนเดสเซนต ์
•ประสิทธิผลสูงกว่ำหลอดอินแคนเดสเซนต ์ คือประมำณ 50-80 lm/W
่ั
• อำยุกำรใช ้งำนประมำณ 5,000-8,000 ชวโมง
ชนิ ดหลอดคอมแพคฟลู ออเรสเซนต ์
้
ขัวหลอดแบบใช้
บลั ลาสต ์ภายนอก
2.แบบมีบล
ั ลาสต ์ภายในตัว
Ballast
คุณลักษณะแสงสี
่
การใช้งานหลอดโซเดียมความดันไอตา
หลอด บัลลำสต ์
โครงสร ้างหลอดไอปรอท
หลอดใส
หลอดเคลือบสารฟอสเฟต
การใช้ งานหลอดไอปรอท
นอกจากมีปรอทและก๊าซอาร์กอน
ยังมีการเติมสารตระกูล halide
- Thalium
- Sodium
- Scandium iodide
คุณลักษณะแสงสี ของหลอดเมทัลฮาไลด์
ballast igniter
รู ปทรงของหลอดโซเดียมความดันสู ง
โครงสร้ างหลอดโซเดียมความดันสู ง
หลอดอาร์กทาด้วยเซรามิก
คุณลักษณะแสงสี ของหลอดโซเดียมความดันสู ง
การใช้ งานหลอดเมทัลฮาไลด์
1. ใช้กบั งานที่ไม่พิถีพิถนั เรื่ องความถูกต้องของสี เช่น โรงงานเหล็ก
2. งานที่เหมาะใช้กบั หลอดประเภทนี้ได้แก่ โรงงานที่ไม่มีปัญหาเรื่ องความ
ถูกต้องของสี ไฟส่ องบริ เวณที่ไม่ใช่ยา่ นธุรกิจ ไฟถนน ไฟสวนสาธารณะ
3. หลอดประเภทนี้ให้สีเหมาะสาหรับงานทางด้านความปลอดภัย เพราะตา
มีความไวต่อการมองเห็นที่โทนสี เหลือง
หลอด LED (Light-Emitting Diode)
ประสิ ทธิภาพของหลอดชนิดต่ างๆ
เส้ นโค้ งโพล่ าร์ (Polar Curve)
เส้ นโค้ งโพล่ าร์ (Polar Curve)
คือ เส้นแสดงค่าความเข้มแห่งการส่ องสว่าง ที่วดั ได้จากหลอดไฟหรื อ
หลอดไฟที่มีโคมไฟประกอบอยู่ โดยจะแบ่งเป็ นส่ วนๆ ตามองศา
กรณีไม่ สมมาตร จะมีเส้นโค้ง 2 รู ป คือ ตามระนาบแนวยาวและแนว
ขวางของหลอด
ระบบโซนบริติช (British Zonal System, BZ System)
แบ่งเขตของเส้นโค้งโพล่า ทีละ 10 องศา แบ่งเป็ น 9 โซน ดังนี้
ค่ าตัวประกอบประจาโซน (Zone Factor)
โซน มีค่ามุม (องศา) ตัวประกอบประจาโซน
1 0-10 0.095
2 10-20 0.284
3 20-30 0.463
4 30-40 0.628
5 40-50 0.774
6 50-60 0.897
7 60-70 0.993
8 70-80 1.058
9 80-90 1.091
การหาฟลักซ์ การส่ องสว่ างในโซนต่ างๆ
หาจากค่าเฉลี่ยของความเข้มแสงแห่งการส่ องสว่างในโซนนั้นๆ
คูณกับ ตัวประกอบประจาโซนนั้นๆ
โซน 3
• ค่าเฉลี่ยของความเข้มแห่งการส่ องสว่าง
= (306+290) / 2 = 298
• ตัวประกอบประจาโซน = 0.463
แสงด้านบน
แสงด้านล่าง
แบบกึ่งโดยตรง 10 – 40 %
Semi - Direct
แบบให้ แสงโดยรอบ 40 – 60 %
General Diffusing
การแบ่ งชนิดโคมไฟฟ้า (ต่ อ)
High bay
Down Light
ตัวอย่ างชนิดดวงโคม (2)
Track Light
Flood Light
อัตราส่ วนแสงออกมา (Light Output Ratio, LOR)
ฟลักซ์การส่ องสว่างจากโหลดพร้อมโคม
อัตราส่ วน
ฟลักซ์การส่ องสว่างจากหลอดอย่างเดียว
300 400
LOR
1000
70 %
อัตราส่ วนแสงออกมาด้ านล่ าง
(Downward Light Output Ratio, DLOR)
ฟลักซ์การส่ องสว่างจากด้านล่าง
อัตราส่ วน
ฟลักซ์การส่ องสว่างจากหลอดอย่างเดียว
400
LOR
1000
40 %
การแบ่ งชนิดโคมไฟฟ้า ตามระบบ British Zoning
โคม BZ 1 ให้แสงสว่างส่ วนมากใน โซนที่ 1
โคม BZ 2 ให้แสงสว่างส่ วนมากใน โซนที่ 1 + 2
โคม BZ 3 ให้แสงสว่างส่ วนมากใน โซนที่ 1 + 2 + 3
โคม BZ 4 ให้แสงสว่างส่ วนมากใน โซนที่ 1 + 2 + 3 + 4
โคม BZ 5 ให้แสงสว่างส่ วนมากใน โซนที่ 1 + 2 + 3 + 4 + 5
โคม BZ 6 ให้แสงสว่างส่ วนมากใน โซนที่ 1 + 2 + 3 + 4 + 5
+6
โคม BZ 7 ให้แสงสว่างส่ วนมากใน โซนที่ 1 + 2 + 3 + 4 + 5
+6+7
ชนิดโคมไฟฟ้า ตามระบบ British Zoning
ค่ าลูเมนสาหรับการออกแบบไฟฟ้ าแสงสว่ าง
(Lighting Design Lumen, LDL)
• ค่าฟลักซ์การส่ องสว่างของหลอดชนิดต่างๆ ที่ให้มาโดยผูผ้ ลิต
• ได้จากตารางประมาณค่า LDL
ตัวอย่ าง ค่ าลูเมนสาหรับการออกแบบไฟฟ้ าแสงสว่ าง
ค่ าความสว่ างสาหรับการออกแบบไฟฟ้าแสงสว่ าง
(Lighting Design Illuminance, E)
• ห้องแต่ละประเภทต้องการความสว่างไม่เท่ากัน
• มาตรฐาน IES ได้กาหนดค่าต่าสุ ดของระดับความสว่างไว้
จะได้
ปริ มาณแสงที่ออกจากดวงโคม (lumen) x CU
E (lux) =
พื้นที่ที่ตอ้ งการส่ องสว่าง (ตร.เมตร)
จานวนดวงโคมที่จะติดตั้ง = E x พื้นที่
(lm / โคม) x CU x MF
** รู ้จานวนหลอดทั้งหมด ค่ากาลังไฟฟ้าของโหลดแสงสว่าง
การออกแบบไฟฟ้าแสงสว่ างภายในอาคารด้ วยวิธีลูเมน
• เป็ นการออกแบบให้หอ้ งมีความสว่างเหมาะกับลักษณะงานและ
ดวงตาของผูป้ ฏิบตั ิงาน
• เป็ นการออกแบบให้ความสว่างสม่าเสมอตลอดพื้นที่ภายในห้อง
วิธีทา
1. หา อัตราส่ วนคาวิต้ ี
2. หา ค่าการสะท้อนของคาวิต้ ี
3. หา สัมประสิ ทธิ์ของการใช้งาน (CU)
4. หา จานวนโคม และ จานวนหลอดทั้งหมดได้
โซนอลคาวิตี้ (Zonal Cavity)
• แบ่งพื้นที่เป็ นโซน เพื่อหาค่าอัตราส่ วนคาวิต้ ี
• แบ่งพื้นที่เป็ นออกเป็ น 3 โซน ดังนี้
ขั้นตอน 1 หาค่ าอัตราส่ วนคาวิตี้ (Cavity Ratio)
5´ h rc ´ (L+W )
• RCR (ค่าอัตราส่ วนคาวิต้ ีของห้อง) =
L´ W
5´ h cc ´ (L+W )
• CCR (ค่าอัตราส่ วนคาวิต้ ีของเพดาน) =
L´ W
10 ฟุต
3 ฟุต
จะได้
5´ (10)´ (100 + 20)
RCR = = 3.0
100´ 20
0.9
ขั้นตอน 3 หาค่ าสั มประสิ ทธิ์การใช้ งาน (CU)
• นาผลจากขั้นตอนที่ 1 และ 2 มาใช้หา CU
• ค่าที่ตอ้ งการคือ RCR, rW , r fc และ r cc
• จะต้องทาการปรับค่า CU
• สามารถหาตัวค่าตัวคูณ เพื่อปรับค่า CU ได้จากตาราง 9.4
• กรณี ที่ค่าตัวคูณ ไม่ทาให้ CU เปลี่ยนแปลงเกิน 2 % (+/- 0.2)
ไม่จาเป็ นต้องนาค่าตัวคูณมาคิด
ได้ค่า CU = 0.68
แต่เนื่องจาก r ¹
fc 20 % ต้องใช้ตวั คูณ
ค่า r = 11.5 %
fc เลือกใช้ตวั คูณที่ค่า r fc = 10 % (ใกล้เคียงสุ ด)
จานวนดวงโคมที่จะติดตั้ง = E x พื้นที่
(lm / โคม) x CU x MF
5. ระยะห่ างจากฝาผนังถึงดวงโคม
ประมาณ 0.5 เท่าของระยะห่างระหว่างดวงโคม