Professional Documents
Culture Documents
A 5914 Ec 46 Aa 0 FF 1154 B 5
A 5914 Ec 46 Aa 0 FF 1154 B 5
จัดทาโดย
เสนอ
อ.พนมศักดิ์ มนู ญปรัชญาภรณ์
คำนำ ก
สำรบัญ ข
๑. กำรอ่ำนและพิจำรณำเนื้อหำและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม 2 ๑
๑.๑ เนื้อเรื่อง หรือเนื้อเรื่องย่อ ๑
๑.๒ โครงเรื่อง ๒
๑.๓ ตัวละคร ๒
๑.๔ ฉำกท้องเรื่อง ๓
๑.๕ บทเจรจำหรือรำพึงรำพัน ๓
๑.๖ แก่นเรื่องหรือสำรัตถะของเรื่อง ๔
๒. กำรอ่ำนและพิจำรณำกำรใช้ภำษำในวรรณคดีและวรรณกรรม ประกอบด้วย ๔
๒.๑ กำรสรรคำ ๔
๒.๒ กำรเรียบเรียงคำ ๕
๒.๓ กำรใช้โวหำร ๖
๓. กำรอ่ำนและพิจำรณำประโยชน์หรือคุณค่ำในวรรณคดีและวรรณกรรม ๘
๓.๑ คุณค่ำด้ำนอำรมณ์ ๘
๓.๒ คุณค่ำด้ำนคุณธรรม ๘
๓.๓ คุณค่ำด้ำนสังคม ๘
๓.๔ คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ ๘
บรรณำนุกรม ค
๑
๑. กำรอ่ำนและพิจำรณำเนื้อหำและกลวิธใี นวรรณคดีและวรรณกรรม ประกอบด้วย
๑.๑ เนื้อเรื่อง
เริ่มต้นเรื่องด้วยกำร กล่ำวถึงพระเจ้ำอชำตศัตรูแห่งแคว้นมคธ ที่มีจุดประสงค์จะขยำยอำณำจักรให้
กว้ำงขวำงไปที่แคว้นวัชชีของกษัตริย์ลิจฉวี แต่เกิดปัญหำขึ้น ด้วยว่ำชำวแคว้นวัชชีนั้นยึดควำมสำมัคคีเป็นหลัก
พระเจ้ำอชำตศัตรูจึงได้ปรึกษำวัสสกำรพรำหมณ์ผู้รอบรู้ศิลปะศำสตร์และมีสติปัญญำเฉียบคม วัสสกำรพรำหม์ จึง
ใช้อุบำยให้กำรตีแคว้นวัชชีโดยอำสำเป็นไส้ศึกเพื่อให้แตกควำมสำมัคคี พระเจ้ำอชำตศัตรูทรงเห็นชอบ วัสสกำรพ
รำหมณ์จึงเริ่มแผนกำรโดยกรำบทูลทัดทำนกำรไปตีแคว้นวัชชีชีพระเจ้ำอชำตศัตรูแสร้งกริ้ว ทรงสั่งให้ลงโทษวัส
สกำรพรำหมณ์อย่ำงหนัก แล้วเนรเทศไป วัสสกำรพรำหมณ์มุ่งหน้ำไปเมืองเวสำลีเพื่อขอรับรำชกำร ด้วยควำมเป็น
ผู้มีวำทศิลป์รู้จักใช้ เหตุผลโน้มน้ำว ทำให้เหล่ำกษัตริย์ลิจฉวีทรงหลงเชื่อ รับวัสสกำรพรำหมณ์ไว้ในรำชสำนัก ให้
ทำหน้ำที่พิจำรณำคดีและ ถวำยพระอักษรพระกุมำรโดยออกอุบำยให้พระกุมำร เมื่อทำหน้ำที่เต็มควำมสำมำรถ
เพื่อให้เป็นที่ไว้วำงพระทัยแล้ว วัสสกำรพรำหมณ์ก็ดำเนินกำร ตำมอุบำยขั้นต่อไป วัสสกำรพรำหมณ์เริ่มสร้ำงควำม
แคลงใจในหมู่พระกุมำรโดยออกอุบำยให้พระกุมำรเข้ำใจผิดว่ำพระกุมำรพระองค์อื่น นำปมด้อยหรือข้อบกพร่อง
ของตนไปเล่ำให้ผู้อื่นทรำบทำให้เสียชื่อ เหล่ำพระกุมำรนำควำมไปกรำบทูลพระบิดำ ต่ำงก็ ทรงเชื่อถือพระโอรส
ของพระองค์ทำให้เกิดควำมขุ่นเคืองกันทั่วไปในหมู่กษัตริย์ลิจฉวีเมื่อเวลำผ่ำนไป ๓ ปี สำมัคคีธรรมในหมู่เหล่ำ
กษัตริย์ลิจฉวีก็สูญสิ้นไป วัสสกำรพรำหมณ์ทดสอบด้วยกำรที่กลองนัดประชุม ก็ไม่ปรำกฏว่ำมี กษัตริย์ลิจฉวีเข้ำ
ร่วมประชุม วัสสกำรพรำหมณ์เห็นว่ำแผนกำรเป็นผลสำเร็จ จึงลอบส่งข่ำวไปกรำบทูลพระเจ้ำอชำต ศัตรูให้ทรงยก
ทัพมำตีแคว้นวัชชีชำวเมืองวัชชีต่ำงตื่นตระหนก เมื่อทรำบข่ำวศึก แต่เหล่ำกษัตริย์ลิจฉวีต่ำงถือทิฐิไม่มีผู้ใดคิด
วำงแผนป้องกันภัย ดังนั้นเมื่อกองทัพ ของแคว้นมคธมำถึงเมืองเวสำลีจึงยกทัพเข้ำเมืองได้ง่ำยดำยและผู้ที่เปิด
ประตูเมืองให้กองทัพมคธ ก็คือวัสสกำรพรำหมณ์นั่นเอง
๒
๑.๒ โครงเรือ่ ง
กษัตริย์พระองค์หนึ่งต้องกำรจะขยำยพื้นที่อำณำจักรของตน จึงมีควำมคิดที่จะตีอีกแคว้นนึงที่เจริญและ
ใหญ่ เนื่องด้วยเมืองนั้นมีควำมสำมัคคีกันมำกจึงยำกที่จะใช้กำลังเข้ำยึดแคว้นนั้นได้ แต่พระองค์มีปุโรหิตผู้มีปัญญำ
เฉียบแหลมและรอบรู้ทำงด้วยศิลปศำสตร์ พรำหมณ์ผู้นั่นจึงอำสำไปเป็นไส้ศึกในแคว้นนั้นโดยไปขอรับรำชกำร
และเนื่องด้วยปุโรหิตผู้นั้นมีควำมสำมำรถมำกจึงได้รับรำชกำร หลังจำกปุโรหิตทำหน้ำที่เต็มควำมสำมำรถ ปุโรหิต
จึงเป็นที่ไว้วำงพระทัย พรำหมณ์ปุโรหิตเริ่มแผนกำรยุยงให้เหล่ำโอรสเข้ำใจผิดกัน หลังจำกนั้นพระโอรสจึงนำไป
กรำบทูลพระบิดำ นำมำซึ่งกำรแตกควำมสำมัคคีภำยในเหล่ำกษัตริย์ของแคว้นนั้น ทำให้ฝ่ำยปุโรหิตสำมำรถเข้ำ
โจมตีและครอบครองแคว้นนั้นได้ง่ำยดำย
๑.๓ ตัวละคร
๑.๓.๑ วัสสกำรพรำหมณ์
ปุโรหิตผู้มีควำมฉลำดหลักแหลมและได้ร่วมมือกับพระเจ้ำอชำตศัตรูเพื่อสร้ำงควำมแตกแยก
ภำยในเมืองวัชชีก่อให้เกิดควำมไม่ไว้วำงใจกันภำยในเมืองทำให้พระเจ้ำอชำตศัตรูเข้ำยึดแคว้นวัชชีไว้ได้ ดังเช่น
ลำดับนั้นวัสสกำรพรำหมณ์ ธ ก็ยุศิษยตำม
แต่งอุบำยงำม ฉงนงำ
ปวงโอรสลิจฉวีดำ ริณวิรุธก็สำ
คัญประดุจคำ ธ เสกสรร
๑.๓.๒ พระเจ้ำอชำตศัตรู
เจ้ำเมืองแคว้นมคธผู้ปรำดเปรื่องและเหี้ยมเกรียม พระองค์วำงแผนจะขยำยอำณำเขตของคนโดย
กำรส่งวัสสกำรพรำหมณ์เข้ำไปสร้ำงควำมแตกแยกในแคว้นวัชชีทำให้คนในเเมืองเกิดควำมไม่ไว้ใจและสำมัคคี
จำกนั้นจึงทำกำรเข้ำยึดแคว้นวัชชีของกษัตริย์ลิจฉวี ดังเช่น
เหี้ยมนั้นเพรำะผันแผก คณะแตกและต่ำงมำ
ถือทิฐิมำนสำ หสโทษพิโรธจอง
แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิ้น บ ปรองดอง
ขำดญำณพิจำรณ์ตรอง ตริมลักประจักษ์เจือ
๓
๑.๔ ฉำกท้องเรื่อง
เป็นกำรพรรณำถึงควำมงดงำมของเมืองกรุงรำชคฤห์อันเป็นนครหลวงของพระเจ้ำอำชำตศัตรูแห่งแคว้น
มคธ ควำมว่ำ
“ช่อฟ้ำตระกำรกละจะหยัน จะเยำะยั่วทิฆัมพร
บรำลีพิลำศุภจรูญ นพศูลประภัศร
หำงหงส์ผจงพิจิตระงอน ดุจะกวักนภำลัย”
รวมไปถึงกำรพรรณนำกระบวนทัพช้ำงและทัพม้ำตอนพระเจ้ำอชำตศัตรูกรีธำทัพอย่ำงน่ำเกรงขำม ควำม
ว่ำ
“ขุนคชขึ้นคชชินชำญ คุมพลคชสำร
ละตัวกำแหงแข็งขัน
เคยเศิกเข้ำศึกฮึกครัน เสียงเพรียกเรียกมัน
คำรณประดุจเดือดดำล”
๑.๕ บทเจรจำหรือรำพึงรำพัน
เป็นกำรแกล้งต่อว่ำของพระเจ้ำอชำตศัตรูที่วัสสกำรพรำหมณ์ท้วงติงเรื่องกำรออกศึก ซึ่งมี กำร
กระแทกกระทั้นแสดงถึงอำรมณ์โกรธ ควำมว่ำ
เอออุเหม่นะมึงชิช่ำงกระไร
ทุทำสสถุลฉะนี้ไฉน ก็มำเป็น
ศึก บ ถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะน้อยจะมกจะยำกจะเย็น ประกำรใด
อวดฉลำดและคำดแถลงเพรำะใจ
ขยำดขยั้นมิทันอะไร ก็หมิ่นกู
๔
๑.๖ แก่นเรื่องหรือสำรัตถะของเรื่อง
๑.๖.๑ กำรแตกควำมสำมัคคีของหมู่คณะก่อให้เกิดควำมหำยนะได้
○ เมื่อเหล่ำโอรสของกษัตริย์ลิจฉวีถูกยุแยงให้แตกกันโดยวัสสกำรพรำหมณ์ พระเจ้ำอชำตศัตรูจึง
อำศัยโอกำสนี้ในกำรบุกรุกแคว้นวัชชี
๑.๖.๒ กำรรู้จักใช้ปัญญำแก้ปัญหำเอำชนะศัตรูโดยไม่ใช้กำลัง
○ พระเจ้ำอชำตศัตรูไม่ได้ยกทัพเข้ำไปตีเมืองโดยตรง หำกแต่ส่งพระองค์ได้ส่งไส้ศึกเข้ำไปยุแยง
เหล่ำโอรสให้เกิดควำมแตกแยกจนขำดจนขำดควำมสำมัคคี ส่งผลให้พระเจ้ำอชำตศัตรูสำมำรถ
ยึดแคว้น
○ วัชชีได้อย่ำงไม่ยำกเย็น
๑.๖.๓ กำรเลือกบุคคลให้เหมำะสมกับหน้ำที่ที่จะมอบหมำย
○ พระเจ้ำอชำตศัตรูเลือกวัสสกำรพรำหมณ์ในกำรทำให้กษัตริย์แคว้นวัชชีแตกแยกเพรำะรู้ว่ำเข้ำ
เป็นคนฉลำดรอบรู้และมีวำทศิลป์อันคมคำย
๑.๖.๔ กำรถือตนเป็นใหญ่และถือตนเหนือคนอื่นไม่เห็นแก่ส่วนรวม ย่อมนำไปสู่ควำมหำยนะ
○ เหล่ำกษัตริย์ต่ำงโกรธเคืองในสิ่งที่วัสสกำรพรำหมณ์ยุแยงโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตำมมำต่อเมือง
ของตน
๑.๖.๕ กำรคิดก่อนทำก่อให้เกิดควำมรอบคอบและนำไปสู่ควำมสำเร็จ
○ พระเจ้ำอำชำตศัตรูมีกำรคิดวำงแผนล่วงหน้ำอย่ำงแยบยลเพื่อทำให้เป้ำหมำยที่ตนคิดไว้สำเร็จ
ลุล่วงตำมต้องกำร
๒. กำรอ่ำนและพิจำรณำกำรใช้ภำษำในวรรณคดีและวรรณกรรม
๒.๑ กำรสรรคำ
กวีจะเลือกใช้คำให้ถูกต้องและเหมำะสมกับเนื้อเรื่องและสอดคล้องกับลักษณะคำประพันธ์ เลือกคำที่มี
เสียงไพเรำะ อีกทั้งเลือกคำที่มีสำมำรถเข้ำใจง่ำย
๒.๑.๑ เสียงสัมผัส
ผู้แต่งได้เลือกคำเพื่อสร้ำงเสียงสัมผัส ทั้งเสียงพยัญชนะและเสียงสระ ทำให้บทร้อยกรองมีเสียงที่ไพเรำะมำกขึ้น
ดังเช่น
แตกร้ำวกร้ำวร้ำยก็ป้ำยปำม ลุวระบิตระลำม
ทีละน้อยตำม ณเหตุผล
ที่เชื่อฟังพจน์อุรสตน นฤวิเครำะหะเสำะสน
สืบจะหมองมล เพรำะหมำยใด
๕
๒.๑.๒ สัมผัสเสียงพยัญชนะ
กวีได้มีกำรเล่นเสียงพยัญชนะ “คะเนกลขคะนึงกำร” “ระวังเหือด-ระแวงหำย”
ดังเช่น
ทิชงค์ชำติ์ฉลำดยล คเนกลคนึงกำร
กษัตริย์ลิจฉวีวำร ระวังเหือดระแวงหำย
๒.๑.๓ สัมผัสสระ
กวีได้มีกำรเล่นเสียงสระเพื่อทำให้ไพเรำะมำกขึ้น ดังเช่น
ล่วงลุประมำณ กำลอนุกรม
หนึ่ง ณ นิยม ท่ำนทวิชงค์
๒.๑.๔ กำรเล่นเสียงหนักเบำ
ผู้แต่งกำพย์สุรำงคนำงค์๒๘ นำยชิต บุรทัต ได้เพิ่มลักษณะบังคับ ใช้คำครุแต่งสลับกับคำลหุทำให้มีเสียง สั้นยำว
เป็นจังหวะคล้ำยฉันท์ตัวอย่ำง เช่น
สะพรึบสะพรั่ง ณ หน้ำและหลัง
ณ ซ้ำยและขวำ ละหมู่ละหมวด
ก็ตรวจก็ตรำ ประมวลกะมำ
สิมำกประมำณ
๒.๒ กำรเรียบเรียงคำ
ในเนื้อเรื่อง ผู้แต่งได้มีกำรจัดวำงคำที่เลือกสรรแล้วให้มำเรียงร้อยกัน มีกำรใช้คำศัพท์ง่ำยๆ ทำให้ผู้อ่ำนเข้ำใจได้ไม่
ยำกนัก ดังเช่น
รำชำลิจฉวี ไป่มีสักองค์
ที่ทรงจำนง เพื่อจักเสด็จไป
ต่ำงองค์ดำรัส เรียกนัดทำไม
ใครเปนใหญ่ใคร กล้ำหำญเห็นดี
ฃเชิญเทอญท่ำนต้อง ขัดข้องข้อไหน
ปฤกษำปรำไส ตำมเรี่องตำมที
แต่ส่วนเรำใช่ เปนใหญ่แลมี
ใจอย่ำงผู้ภี รุกห่อนอำจหำญ
๖
เมื่อได้คำที่เลือกสรรแล้ว ผู้แต่งก็ได้เอำคำที่สรรมำเรียบเรียงให้มีควำมไพเรำะและเหมำะสม โดยผู้แต่งได้
เรียบเรียงให้ได้ตำมฉันทลักษณ์
๑.จัดลำดับควำมสำคัญโดยเรียงข้อควำมที่บรรจุสำรสำคัญไว้ท้ำยสุด
๒.เรียงประโยค คำ และวลีที่มีควำมสำคัญเท่ำๆกัน ขนำนกันไป
๓.เรียบเรียงประโยคให้เนื้อหำเข้มข้นขึ้นไปตำมล ำดับดุจขั้นบันไดจนถึงขั้นสุดท้ำยที่ สำคัญที่สุด
๔.เรียบเรียงประโยคให้เนื้อหำเข้มข้นขึ้นไปตำมล ำดับแต่คลำยควำมเข้มข้นลงในช่วง หรือประโยคสุดท้ำย
อย่ำงฉับพลัน
๕.เรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นประโยคคำถำมเชิงวำทศิลป์
๒.๓.๑.เปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง กำรเปรียบเทียบแบบนี้จะมีคำเหล่ำนี้ปรำกฏอยู่
คือ ประดุจ ดั่ง เฉก เช่น เพียง เป็นต้น โวหำรชนิดนี้เรียกว่ำอุปมำอุปไมย
“เมตตำทยำลุศุภกรรม อุปถัมภกำรุณย์
สรรเสริญเจริญพระคุณสุน ทรพูนพิบูลงำม
เปรียบปำนมหรรณพนที ทะนุที่ประทังควำม
ร้อนกำยกระหำยอุทกยำม นรหำกประสบเห็น
เอิบอิ่มกระหยิ่มหทยครำว ระอุผ่ำวก็ผ่อนเย็น
ยังอุณหมุญจนะและเป็น สุขปีติดีใจ
กุมำรลิจฉวีขัตติย์ ก็รับอรรถอออือ
กสิกเขำกระทำคือ ประดุจคำพระอำจำรย์
ก็เท่ำนั้นธเชิญให้ นิวัตในมิช้ำนำน
ประสิทธิ์ศิลป์ประศำสน์สำร สมัยเลิกลุเวลำ
๗
จำกบทร้อยกรองข้ำงต้นสำมำรถแปลควำมได้ว่ำพระกุมำรลิจฉวีมีรับสั่งเห็นด้วย ว่ำชำวนำคงจะกระทำ
ตำมคำของพระอำจำรย์โดยมีกำรใช้คำว่ำ “คือ” ซึ่งเป็นโวหำรอุปลักษณ์ในร้อยกรองบทนี้
“ตื่นตำหน้ำเผือด หมดเลือดสั่นกำย
หลบลี้หนีตำย วุ่นหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย
เข้ำดงพงไพร ทิ้งย่ำนบ้ำต”
“ช่อฟ้ำตระกำรกละจะหยัน จะเยำะยั่วทิฆัมพร
บรำลีพิลำศุภจรูญ นพศูลประภัศร
หำงหงส์ผจงพิจิตระงอน ดุจะกวักนภำลัย”
“แม้มำกผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง
มัดกำกระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน
เหล่ำไหนผิไมตรี สละลี้ ณ หมู่ตน
๘
กิจใดจะขวำยขวน บ มิพร้อมมิเพรียงกัน”
๓. กำรอ่ำนและพิจำรณำประโยชน์หรือคุณค่ำในวรรณคดีและวรรณกรรณ
๓.๑ คุณค่ำด้ำนอำรมณ์
ผู้แต่งได้สรรสร้ำงอำรมณ์ในคำประพันธ์ เพื่อทำให้ผู้อ่ำนเกิดอำรมณ์ร่วมและคล้อยตำมไปกับเนื้อเรื่องด้วย
๓.๒ คุณค่ำด้ำนคุณธรรม
จำกวรรณคดี ผู้แต่งได้สอนถึงควำมเสียสละและควำมสำมัคคี ควำมเสียสละของวัสสกำรพรำหมณ์ในกำรไปเป็นไส้
ศึกในเมืองลิจฉวี เพื่อช่วยพระเจ้ำอชำตศัตรูในกำรขยำยอำณำเขต และควำมสำมัคคี หำกไร้ซึ่งควำมสำมัคคคีก็จะ
ทำให้แคว้นอ่อนแอและถูกรุกรำนได้ง่ำย
๓.๓ คุณค่ำด้ำนสังคม
สะท้อนถึงระบบสำมัคคีธรรม ตำมหลักอปริหำนิยธรรม ๗ ซึ่งเป็นหลักธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งควำมเสื่อม ได้แก่
๓.๓.๑ หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ - กำรประชุมและปรึกษำหำรือกันเพื่อมองหำจุดบกพร่องและ
ร่วมกันแก้ไข
๓.๓.๒ พร้อมเพียงกันประชุม พร้อมเพียงกันเลิกประชุม พร้อมเพรียงกันทำกิจที่พึงทำ
๓.๓.๓ ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติเอำไว้ ไม่ล้มล้ำงสิ่งที่บัญญติไว้ ถือปฏิบัติมั่นตำมวัชชีธรรม
๓.๓.๔ เคำรพนับถือผู้ใหญ่
๓.๓.๕ กุลสตรีอย่ำอยู่อย่ำงถูกข่มเหง / ไม่ข่มเหงกุลสตรี
๓.๓.๖ เคำรพ สักกำระ บูชำเจดีย์/อนุสำวรีย์ประจำชำติ
๓.๓.๗ ให้กำรอำรักขำ คุ้มครอง อันชอบธรรมแก่พระอรหันต์
๓.๔ คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์
๓.๔.๑ กำรเลือกสรรคำ - ใช้ภำษำที่เข้ำใจง่ำยซึ่งสำมำรถเข้ำใจได้อย่ำงชัดเจน
๓.๔.๒ กำรเลือกสรรค์กำรใช้โวหำร – ผู้เเต่งใช้โวหำรได้อย่ำงหลำยหลำยอย่ำงไพเรำะเเละ
นำมำใช้สลับกันตำมควำมเหมำะสมของเนื้อเรื่องได้อย่ำงลงตัว
ค
บรรณำนุกรม