Professional Documents
Culture Documents
Efe 3 BB 80066593427 e 69
Efe 3 BB 80066593427 e 69
คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลือง
ตูจักสู่ภพเบือง หน้านันพลันเขษม”
โครงเรือง (ต่อ)
ขัตติยพันธกรณี ได้ถูกเเบ่งเปน 2 ส่วนทีมีโครงเรืองทีเเตกต่างกันเเต่เชือมโยงกันโดย:
ส่วนทีสองทีประพันธ์โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงเดชานุภาพนันมีโครงเรืองคือการให้กําลังใจให้พระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้มีกําลังใจในการต่อสู้กับอาการประชวรและเเก้ไขปญหาวิกฤติของประเทศไทยโดยการเปรียบเทียบประเทศไทยเปนเรือ
ล่องสมุทธทีมีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเปนกัปตันเเละข้าราชบริพารเปนชาวเรือ ดังความตอนหนึ งว่า
“ดุจเหว่าพละนา วะเหว่กะปตัน
นายท้ายฉงนงัน ทิศทางก็คลางเเคลง
นายกลประจําจักร จะใช้หนักก็นึกแหนง
จะรอก็ระเเวง จะไม่ทันธุรการ”
ตัวละคร
1. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงรักและเปนห่วงประชาชนอนึ งทรงกังวลและวิตกกับสถานการณ์บ้านเมืองทีไม่สามารถปฏิบัติพระราช
กรณี ยกิจได้เต็มพระกําลังและ ทรงมีพระปรีชาสามารถในการประพันธ์เรืองราวต่างๆ รวมทังประพันธ์โคลงและ
อินทรวิเชียรฉันท์เพือบอกลาญาติพีน้องและคนสนอทของพระองค์ แต่ท้ายทีสุดพระองค์ทรงเข้มแข็งและกล้า
เผชิญหน้ากับปญหาได้โดยการพูดคุยกับสมเด็จพระยาดํารงราชานุภาพผ่านบทกลอน ดังความตอนหนึ งว่า
“อันพระประชวรครัง ทังไผทสยาม
เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปมา
ประสาแต่อยู่ใกล้ ทังรู้ใช่ว่าหนักหนา
“ขอตายให้ตาหลับ ด้วยชือนับว่าชายชาญ
เกิดมาประสบภาร ธุระได้บําเพ็ญทํา”
ฉากท้องเรือง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระอาการประชวรเนื องจากเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างเขตเเดนไทยกับฝรังเศสซึง
กําลังทวีความรุนแรงขึนเรือยๆ ดังความตอนหนึ งว่า
“เปนฝสามยอดเเล้ว ยังรายส่านอ
ปวดเจ็บใครจักหมาย เชือได้
ใครต่อเปนจึงผู้ นันนันเห็นจริง”
เเต่ลอยอยู่ตราบใด ต้องจําแก้ด้วยเเรงระดม”
บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน
ในเรืองขัตติยพันธกรณี นันมีบทรําพึงรําพันของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทีมีต่อราษฎร
และ บ้านเมืองของพระองค์หลังจากทีฝรังเศสพยายามทีจะเข้ามามีอาณานิ คมกับประเทศไทยแล้วขณะทีพระองค์
ยังทรงพระประชวรอยู่โดยใช้ถ้อยคําทีเข้าใจง่ายทําให้ผู้อ่านรู้ถึงความเปนห่วงทีพระองค์มีต่อราษฎรของพระองค์
จากบทประพันธ์ข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเหน็ดเหนื อยต่างๆนานาจนพระองค์หมดพระทัยทีจะ
ดํารงพระชนม์ชีพต่อไป เปนการเปรียบเปรย ถึงความรู้สึกทุกข์ทีมากจนจะรับไหว
บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน(ต่อ
)
“เปนฝสามยอดแล้ว ยังราย ส่านอ
ปวดเจ็บใครจักหมาย เชือได้
ใครต่อเปนจึงผู้ นันน้ันเห็นจริง”
ทรงบรรยายถึงพระอาการประชวรทีเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสและไม่เพียงแต่ประชวรพระวรกายยังทรง
กลัดกลุ้มพระพราชหฤหัยด้วย เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนันกําลังตกอยู่ในช่วงวิกฤตทีโดนคุกคามจาก
ชาติมหาอํานาจ
บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน (ต่อ
)
“ตะปูดอกใหญ่ตรึง บาทา อยู่เฮย
จึง บ อาจลีลา คล่องได้
เชิญผู้มีเมตตา แก่สัตว์ ปวงแฮ
ชักตะปูนีให้ ส่งข้สอัญขยม”
“กลัวเปนทวิราช บ ตริปองอยุธยา
เสียเมืองจึงนิ นทา บ ละเว้น ฤ ว่างวาย”
“ประสาแต่อยู่ใกล้ ทังรู้ใช้ว่าหนักหนา
แสดงให้เห็นถึงความเปนห่วงต่ออาการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัว และความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ถ้าหากเสียสละชีพตนเองได้ก็จะยอมถวายแด่ท่าน
บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน (ต่อ
)
“ขอจงวราพาธ บรมนาถเร่งเคลือนคลาย
พระจิตพระวรกาย จงผ่องพ้นทีหม่นหมอง
ขอจงสําเร็จรา- ชะประสงค์ทีทรงปอง
ปกข้าฝาละออง พระบาทให้สามัคคี
ขอเหตุทีขุ่นขัด จะวิบัติพระขันตี
จงคลายเหมือนหลายป ละลืมเลิกละลายสูญ
ขอจงพระชนมา- ยุสถาวรพูน
เพิมเกียรติอนุกูล สยามรัฐพิพัฒน์ผลฯ”
บทนี เปนการอวยพรและให้กําลังใจแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้มีพระพลานามัย
สมบูรณ์ แข็งแรง พ้นจากอาการประชวรโดยไว และเปนมิงขวัญกําลังใจแก่ประเทศชาติต่อไป
เเก่นเรือง
เนื องจากขัตติยพันธกรณี ได้ถูกเเบ่งออกเปน 2 ส่วนคือ:
1. ส่วนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึงมีเเก่นเรืองคือการระบายความอัดอันใจ
ในเรืองต่างๆ อาทิ อาการประชวร ความตึงเครียดทางการเมือง ดังความตอนหนึ งทีท่านได้เปรียบปญหาทังหมดเปนดังตะปู
ว่า
“ตะปูดอกใหญ่ตรึง บาทาอยูเฮย
ชักตะปูนีให้ ส่งข้าอัญขยม”
เเก่นเรือง
เนื องจากขัตติยพันธกรณี ได้ถูกเเบ่งออกเปน 2 ส่วนคือ:
2. ส่วนของสมเด็จพระยาดํารงราชานุภาพซึงมีเเก่นเรืองคือการให้กําลังใจพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้มี
กําลังใจในการต่อสู้กับปญหาต่างๆ ดังความตอนหนึ งว่า
“ด้วยเดชะบุญญา ภินิหาระเเห่งคํา
สัตย์ข้าจงได้สัม ฤทธิดังมโนหมาย
ขอจงวราพาธ บรมนาถเร่งเคลือนคลาย
พระจิตพระวรกาย จงผ่องพ้นทีหม่นหมอง
ขอจงสําเร็จรา- ชะประสงค์ทีทรงปอง
ปกข้าฝาละออง พระบาทให้สามัคคี”
การอ่านและพิจารณา
การใช้ภา ษาใน
วรรณคดีและ
วรรณกรรม
การสรรคํา
ความหมายทีถูกต้อง
อึดอัดทุกหน้าที ทุกข์ทวีทุกวันวาร
เหตุห่างบดียาน อันเคยไว้นา้ ใจชน
เหมาะสมกับฐานะของบุคคลในเรือง
ขอเดชะเบืองบาท วรราชะปกศี
โรตม์ข้าผู้มันมี มะนะตังกตัญ ู
การสรรคํา
เสียง
วยเดชะบุญญา ภินิหาระแห่งคา
สัตย์ข้าจงได้สัม ฤทธดังมโนหมาย
แนวทางการเขียน
ประสาแต่อยู่ใกล้ ทังรู้ใช่ว่าหนักหนา
เลือดเนทชือผืเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย
การเรียบเรียงคํา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดํารงราชานุภาพทรงประพันธ์ บทประพันธ์นีในรุ
ปแบบของคําฉันท์โดยพระองค์มิได้เคร่งครัดการใช้คําแบบครุ-ลหุที
คณะฉันท์ใช้แต่หากเน้นการให้กําลังพระหฤทัยโดยการเล่นคําและการสร้างจินตภารวมถึง
การสร้างอารมณ์สะเทือนใจแทน
การใช้โวหาร
ใช้คําว่า’ดุจ’ เพือบอกว่าคือสิงนัน
ดุจเหล่าพละนา- วะเหว่ว้ากะปตัน
นายท้ายฉงนงัน ทิศทางก็คลางแคลง
เปรียบตัวเหมือนอย่างม้า ทีเปนพาหนยาน
ผูกเครืองบังเหียนอาน ประจาหน้าพลับพลาชัย
การใช้โวหาร
โวหารเพือกล่าวเกินจริง และการ ใช้นามนัย
ประสาแต่อยู่ใกล้ ทังรู้ใช่ว่าหนักหนา
เลือดเนื อผิเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย
การอ่านและพิจารณา
ประโยชน์หรือคุณค่า
ในวรรณคดีและ
วรรณกรรม
คุณค่าด้านอารมณ์
สภาพสังคม ณ ขณะนันเปนสังคมของการเอาตัวรอด เพราะปญหาต่างๆทีรุมเร้า
ทําให้ราชวงศ์และประชาชนทัวไปต้องดูแลตัวเอง ว่า ชีวิตคนเรานันเปลียนแปลงอยู่
เสมอ เดียวทุกข์ เดียวสุข สลับกันไป
คุณค่าด้านคุณธรรม
แสดงให้เห็นถึงคุณธรรมของพระมหากษัตริย์ซึงต้องดูแลความเปนอยู่ของ
ประชาชนและให้ประเทศชาติสงบสุข ปลอดภัย พ้นจากภัยอันตรายทีมาคุกคาม
คุณค่าด้านอืนๆ
สะท้อนความคิดความเชือของคนไทยในอดีตได้เปนอย่างดีปลุกจิตสํานึ กให้คนใน
ชาติหวงแหนรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ดํารงอยู่สืบไปและตระหนักถึงความเหนื อยยาก
ของบรรพบุรุษทีต้องยอมแลกด้วยชีวิตเพือรักษาฝนแผ่นดินนี ไว้
บรรณานก
ุ รม
- ขัตติยพันธกรณี [ออนไลน์]เข้าถึงเมือ 25 พฤษภาคม 2558 สืบค้นได้จาก
http://elsd.ssru.ac.th/bualak_na/pluginfile.php/67/mod_page/intro/ถอดความ-ขัตติยพันธกรณี -60.pdf