Professional Documents
Culture Documents
Document 1
Document 1
1
่ ้ทรงทราบว่าทหารพม่ามาลาดตระเวณอยู่ในบริเวณนี จึ
ซึงได ้ งมีพระบัญชาจึงสร ้าง
กลยุธท ์ให ้กองทัพหน้าเข ้าโจมตีทน ั ที
่ ข
แล ้วทาทีเป็ นถอยร่นเข ้ามาเพือให ่ พหลวงจะออกมาช่
้ ้าศึกเกิดความประมาทซึงทั
วยหลังจากนั้น แต่บงั เอิญว่าช ้างทรงทังของ
้
สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถนั้นตกมัน จึงหลงเข ้าไปอยู่
ตรงใจกลางของทัพข ้าศึกทาให ้แม่ทพ ั ต่างๆเสด็จตามไม่ทน
ั สมเด็จพระ
นเรศวรจึงได ้กล่าวท ้าให ้พระมหาอุปราชออกมาทายุทธหัตถีกน ่ ด
ั ท ้ายทีสุ
่
สมเด็จพระนเศวรทรงมีชยั เหนื อพระมหาอุปราชา เช่นเดียวกับทีสมเด็ จพระ
่
เอกาทศรถมีชยั เหนื อมังจาชโร หลังจากทีกองทั
พพม่าแตกพ่ายไป สมเด็จ
้ นี
พระนเรศวรได ้มีพระบัญชาให ้สร ้างสถูปเจดีย ์ขึนที ่ ่ แล ้วยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา
่
1.2 โครงเรือง
ลิลต
ิ ตะเลงพ่ายเป็ นวรรณคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
่
ซึงสมเด็ จพระมหาสมณเจ ้า กรมพระปรมานุ ชต ิ ชิโนรสทรงนามาจาก
ประวัตศ ่ ขอบเขตกาหนดเนื อกาไว
ิ าสตร ์ ซึงมี ้ ่
้เพียงเรืองการทาสงครามยุทธ หัตถี
่ ใหเ้ นื อเรื
แต่เพือมิ ้ องแห
่ ้งแล ้งขาดชีวต ่ มเรือง
ิ ชีวาจึงทรงเพิมเติ ่
่ ใช่การสงครามเข ้าไป เนื อหาที
ทีไม่ ้ ่ าคัญเป็ นหลักของเรือง
ส ่ “ตะเลงพ่าย” คือ
่
การดาเนิ นความตามเค ้าเรืองพงศาวดาร ได ้แก่ การทาสงงครามการ ต่อสู ้
่ นไปตามตารา
แบบยุทธหัตถี การจัดทัพ และรายละเอียดต่างๆ ซึงเป็
้
พิชยั สงครามและโบราณราชประเพณี ทุกอย่าง สาหร ับเนื อหาที ่ นส่วน เพิม
เป็ ่
่ คือ บทประพันธ ์ทีเป็
เติมส่วนเสริมเรือง ่ นลักษณะนิ ราศ ซึงพรรณนา
่
่
เกียวกั ่ งนางผูเ้ ป็ นทีร่ ักโดยผ่านบทบาทของพระ
บการเดินทางและการคราครวญถึ
2
มหาอุปราช
1.3 ต ัวละคร
ฝ่ ายไทย
1. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค ์ดา)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็ นกษัตริย ์องค ์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยา
้ งเป็ นกษัตริย ์องค ์สาคัญผูท้ ประกา
พระองค ์มีความสามารถในการรบอีกทังยั ่ี
ศเอกราชหลังจากเสียให ้พม่านานถึง 15ปี รวมถึงพระองค ์เป็ นคนขยาย
อาณาจักรใหก้ ว ้างขวาง และพระองค ์ยังทาให ้พม่าหวาดกลัวจนไม่กล ้า
มารบกับไทยเป็ นเวลากว่าร ้อยปี
อุปนิ สยั ของพระนเรศวร
่
ทรงเป็ นพระมหากษัตริย ์ทีทรงมี
ความกล ้าหาญ รอบคอบ เข ้มแข็ง มีไหวพริบ
่
และโดดเดียวทรงมี
พระปรีชาสามารถควบคูก
่ บ
ั พระราชอัจฉริยะภาพในการทาศึก
สงคราม
ตัวอย่างจากลิลต ่ ้โอรสออกรบ
ิ ตะเลงพ่าย ตอนพระเจ ้านันทบุเรงสังให
้ ้เห็นลักษณะนิ สยั ของพระนเรศวรประการหนึ่ ง กล่าวคือ
ชีให
่
พระเจ ้านันทบุเรงเปรียบเทียบพระนเรศวรว่าเป็ นคนกล ้าหาญ ไม่หวันเกรงต่
อศึก
่
ดังบทความว่ า
่
จากบทความข ้างตน พระนเรศวร เป็ นทียอมร ับในความเก่งกาจ กล ้าหาญ
่
แมก้ ระทังในฝ่ ายศัตรู
3
2. สมเด็กพระเอกาทศรถ (พระองค ์ขาว)
สมเด็จพระเอกาทศรถ น้องชายของสมเด็จพระนเรศวร
พระองค ์ทรงออกรบเคียงข ้างกับพระนเรศวรตลอด
่
ในขณะทีพระองค ์ทรงดารงตาแหน่ งอุปราช ครองเมืองพิษณุ โลก หลังจากนั้น
พระองค ์ทรงครองราชย ์ต่อจากพระนเรศวรได ้ 5 ปี
่ พ.ศ .2153 พระองค ์ คือ พระสุพรรณเทวี
สมเด็จพระเอกาทศรถก็สวรรคตเมือปี
สมเด็จพระนเรศวร และ สมเด็จพระเอกาทศรถ
ฝ่ ายพม่า
1.พระเจ ้าหงสาวดี (นันทบุเรง)
พระเจ ้าหงสาวดี กษัตริย ์พม่า เป็ นโอรสของบุเรงนองผูเ้ ก่งกล ้า
่
พระองค ์หวังว่าจะสร ้างความยิงใหญ่ ให ้เหมือนบิดาพระองค ์ แต่ทาไม่สาเร็จ
้
และสุดท ้ายทรงสินพระชนม ์จากการถูกวางยา
2. พระมหาอุปราชา
โอรสของนันทบุเรง
่
เป็ นเพือนเล่ ่
นกับพระนเรศวนสมัยทีพระองค ่ี งหงสาวดี
์ประทับอยู่ทกรุ
้ ว จิตใจอ่อนไหว และมีความรุนแรงในเรืองความร
อุปนิ สยั เป็ นคนขีกลั ่ ัก
แต่ยงั มีความมานะ
ตัวอย่างจากลิลต ้ั
ิ ตะเลงพ่าย ตอน ครงพระเจ ้าหงสาวดี
ตร ัสใหเ้ ตรียมทัพมาโจมตีไทย พระมหาอุปราชาทรงกราบทูลพระบิดาว่า
โหรทานายว่า พระเคราะห ์ถึงฆาต ทาให ้พระเจ ้านันทบุเรง
เอ่ยประชดถึงพระนเรศวรว่ามีความมานะไม่กลัวศึกสงคราม พระมหาอุปราชา
จึงมีทฐิ ม
ิ านะ แล ้วได ้ไปออกรบตามบัญชาแม้จต
ิ ใจจะกลัวมากเพียงใด
4
่ มภา
ลมชือเวรั พัดคลุม้
หวนหอบหักฉัตรา คชขาด ลงแฮ
พระพลันเห็นเหตุไซร ้ เสียวดวง แดเฮย
่ ผาหลวง
ถนัดดังภู ตกต ้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวง ่ ด
สันซี
หนักหฤทัยท่านร ้อง เรียกให้โหรทาย
่ าทานาย
จากบทความข ้างตน พระมหาอุปราชา ไม่เชือค
่
แมจ้ ะหวันกลั ่ ายแพ้แต่พอนึ กถึงบิดา
วทีจะพ่
และชาติบ ้านเมืองก็มค ่ ้แมจ้ ะหวันเกรงพระนเรศวรมากเพี
ี วามมานะทีจะสู ่ ยงใด
1.4 ฉากท้องเรือง ่
่
ฉากท ้องเรืองหลั ่
กอยูู่ทีหงสาวดี เมืองหลวงของพม่า และ อยุธยา
่ ายุทธหัสถี
เมืองหลวงของไทย รวมไปถึงสถานทีท
งามสองสุรยิ ราชลา้ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร ้าง
่
ฤรามเริมรณฤทธิ ์ รบราพณ์แลฤ
ทุกเทศทุกทิศอ ้าง ่ ไ้ ป่ เทียม
อืนไท
่ ้ปรากฏในเรืองคื
ฉากทีได ่ อเหตุการณ์ทบรรยายเกี
่ี ่
ยวกับ
การปะทะกันของพระนเรศวร และ พระมหาอุปราชา
้ั
ระหว่างการทายุทธหัตถีทงสองพระองค ์ทรงช ้างคูก
่ ายมาชนกัน
่
สู ้รบไปมาอย่างไม่ยอมกัน ดังบทกลอนข ้างต ้น
5
่
ฉากท ้องเรือง
หงสาวดี
- เมืองหลวงของพม่า
อยุธยา
- เมืองหลวงของไทย
ด่านเจดีย ์สามองค ์
- เขตแดนระหว่างไทยกับพม่า อาเภอสังขละบุร ี จังหวัดกาญจนบุร ี
กาญจนบุร ี
่
- เมืองหน้าด่านของไทยทีพระมหาอุ
ปราชายกเข ้ามา เป็ นเมืองแรก
แม่กษัตริย ์
่
- ชือแม่ นาู้ในจังหวัดกาญจนบุรท ่ี ทพ
ี แม่ ั นายกองเมือง
กาญจนบุรไี ปซุม ่
่ สอดแนมเพือหาข่
าวของข ้าศึก
พนมทวน
- อาเภอหน่ึ งในจังหวัดกาญจนบุร ี เมือพระมหาอุ
่ ปราชา
ยกทัพมาถึงเกิดเวร ัมภาพัดทาใหฉ
้ ัตรของ พระมหาอุปราชาหัก
เมืองสิงห ์
- เมืองสิงห ์บุร ี (เมืองหน้าด่าน)
เมืองสรรค ์
- เมืองสรรค ์บุร ี อยู่ในชัยนาท (เมืองหน้าด่าน)
เมืองสุพรรณ
กัมพุช, พุทไธธานี , ป่ าสัก
- เมืองของเขมร
ราชบุร ี
6
ี
- เมืองท่สมเด็ จพระนเรศวรมีพระราชบัญชาให ้เจ ้าเมืองจัด
ทหารห ้าร ้อยคนไปทาลายสะพานไม้ไผ่ เจ ้าเมืองช่อื พระอมรินทร ์ฦาชัย
วิเศษชัยชาญ
ี าใหก้ องลาดตระเวนขีมา้ หาข่าว
- เมืองท่พม่
ปากโมก
่
- เป็ นตาบลทีสมเด็ จพระนเรศวรยกพลขึนบก ทรง
พระสุบน
ิ ว่ารบกับจระเข ้และได ้ชัยชนะ ก่อนยกทัพ ออกจากปากโมก
ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารริกธาตุ
หนองสาหร่าย
่ งทั
- ทีตั ้ พหน้าของไทย
โคกเผา้ ข ้าว
่
- ตาบลทีกองหน้าของไทยปะทะกับพม่าเวลา ๗.๐๐ น.
ตระพังตรุ
ี
- ตาบลท่ทรงทายุ ทธหัตถี
วัดป่ าแก ้ว
่
- วัดทีสมเด็ จพระวันรตั จาพรรษา
1.5 บทเจรจาหรือราพึงราพัน
มาเดียวเปลียวอกอ่ ้า อายสู
สถิตอยู่เออ้ งค ์ดู ละห้อย
พิศโพ้นพฤกษพ ์ บู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึ งนุ ชน้อย ้
แน่ งเนื อนวลสงวน
สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ
่
เพราะเพือมาราญรอน เศิกไสร ้
สละสละสมร เสมอชือ่ ไม้นา
7
นึ กระกานามไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม
่ ง
สายหยุดหยุดกลินฟุ้ ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ ห ์หาย ห่างเศร ้า
กีคื่ นกีวั่ นวาย วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบคาเช ่ ้า หยุดได ้ฉันใด
่
1.6 แก่นเรืองหรื ่
อสาร ัตถะของเรือง
่
เพือเฉลิ
มพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในพระปรีชาสามารถของท่านด ้า
่
นการรบทีสามารถเอาชนะสงครามกั ่ ้องการให ้ผูอ้ า่ นเห็
บกรุงหงสาวดีได ้และเพือต
นถึงความร ักชาติและความเสียสละของบรรพบุรษ ่
ุ ทีพยา
ยามร ักษาเอกราชของไทยเอาไว ้ และปลุกใจผูอ้ า่ นให ้เกิดความร ัก
ชาติของตนเอง
2) การอ่านและพิจารณาการใช ้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
ประกอบด ้วยดังนี ้
2.1 การสรรคา
8
ลิลต
ิ ตะเลงพ่ายเป็ นบทประพันธ ์ทีมี ่ ความลาค่
้ าอีกทังยั
้ งเป็ นวรรณคดีเฉลิมป
่ นสิงที
ระเกียรติพระมหากษัตริย ์ซึงเป็ ่ ควรศึ
่ ่
กษาเพือให ้เกิดความภาคภูมใิ จต่อ
่ ความไพเราะ ดังต่อไปนี ้
นักรบชาติไทย ผูป้ ระพันธ ์จึงเลือกใช ้ถ ้อยคาทีมี
่
- การใช ้คาทีเหมาะแก่ ้ องและฐานะของบุ
เนื อเรื ่ คคล
้ นนฤนาถผู
เบืองนั ้ ้ สยามินทร ์
่
เบียงพระมาลาผิ น ห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร ์ ฤาถูก องค ์เอย
เพราะพระหัตถ ์หากป้ อง ปัดด ้วยขอทรง
จากโคลงบทนี ้ ผูป้ ระพันธ ์เลือกใช ้คาทีมี
่ ศก
ั ดิค์ าสูง
่
ซึงแสดงให ่ ความเด่นชัดและมีความไพเราะ เช่น
เ้ ห็นภาพทีมี
- มีการใช ้สัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ
“....ถับถึงโคกเผาเข ้า พอยามเช ้ายังสาย
หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ
ประทันทัพพม่า ขับทวยกล ้าเข ้าแทง
ขับทวยแขงเข ้าฟัน สองฝ่ ายยันยืนยุทธ ์
อุดอึงโห่เอาฤกษ ์ เอิกอึงเห่เอาชัย
สาดปื นไฟยะแย ้ง แผลงปื นพิษยะยุ่ง
พุ่งหอกใหญ่คะคว ้าง ขว ้างหอกซัดคะไขว่
ไล่คะคลุกบุกบัน ้
เงือดาบฟั นฉะฉาด
9
งางา้ วฟาดฉะฉับ….”
1.สัมผัสสระ ได ้แก่
เข ้า – เช ้า, สาย – หมาย, ครบ – ทบ, รามัญ – ทัน, พม่า – กล ้า,
แทง – แข็ง, ฟัน – ยัน, ยุทธ ์ – อุด, ฤกษ ์ – เอิก, ชัย – ไฟ, แย ้ง – แผลง,
ยุ่ง – พุ่ง, คว ้าง – ขวา้ ง, ไขว่ – ไล่, บัน – ฟัน, ฉาด – ฟาด
2.สัมผัสพยัญชนะ ได ้แก่
ถับ – ถึง, โคก – เข ้า, ยาม – ยังหมาย, ประมาณ –โมง, ประทบ
– ทับ, ประทัน – ทัพ, ขับ – เข ้า, ทวย – แทง, ขับ – แขง – เข ้า, ยัน –
ยืน – ยุทธ ์, อุด – อึง – เอา, เอิก – อึง – เอา, ยะ – แย ้ง, ยะ – ยุ่ง, คะ –
คว ้าง, บุก – บัน, ฉะ – ฉาด, ง่า – งา้ ว, ฉะ – ฉับ
การใช ้คาอัพภาส
้ กษรบริเวณหน้าคาศัพท ์ ซึงท
คือ การซาอั ่ าให ้เกิดความไพเราะ เช่น
การเลียนเสียงธรรมชาติ
10
้ กษรลงหน้าคาศัพท ์ ทาให ้เกิดความไพเราะ
การใช ้คาอัพภาส คือ การซาอั
เช่น
“...สาดปื นไฟยะแย ้ง แผลงปื นพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว ้าง
ขว ้างหอกซัดคะไขว่ไล่คะคลุกบุกบัน ้
เงือดาบฟั นฉะฉาด
ง่างา้ วฝาดฉะฉับ...”
2.2 การเรียบเรียงคา
่
มีการเรียงข ้อความทีบรรจุ
สาระสาคัญไว ้ท ้ายสุด
้ ้นนฤนาถผู ้
เบืองนั สยามินทร ์
่
เบียงพระมาลาผิ
น ห่อนพ้อง
้
มีการเรียงประโยคใหเ้ นื อหาเข ้
้มข ้นขึนไปตามล ้ นได
าดับ ดุจขันบั
้ ดท ้าย ซึงส
จนถึงขันสุ ่ าคัญทีสุ่ ด
เผยพระยศยินเยง ย่านแกล ้ว
่ อละเวง
สิบทิศทัวลื ่
หวันเดช ท่านนา
่
ไป่ เริมรอฤทธิ
แผ์ ว้ เผือดกล ้าแกลนหนี
้
พลอยพลาเพลี
ยกถ ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้ อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข ้อน ขาดด ้าวโดยขวา
้ อพรรณนาการต่
ผูเ้ ขียนได ้แต่งโคลงบทนี เพื ่ อสู ้ของทหารสองฝ่ ายทีสู ้รบกัน
โดยใช ้อาวุธ ทาให ้มีทหารเสียชีวต
ิ
สัญลักษณ์
12
่
พระดังองค ์อวตาร แต่ก ี ้
แสนเศิกห่อนหาญราญ รอฤทธิ ์ พระฤา
ดาลตระดกเดชลี ้ ประลาตหล ้าแหล่งสถาน
่
จากบทความข ้างต ้นมีการใช ้คาว่าอวตารของพระรามเพือแทนถึ งพระนเรศ
่ ฤทธิแรงกล
วร ซึงมี ์ ้าสามารถปราบศัตรูใหแ้ พ้ได ้ทุกครง้ั
่
เหมือนเวลาทีพระรามท าศึกสงครามก็ปราบทหารยักษ ์ให ้แพ้ได ้อย่างราบคาบ
3) การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณ
กรรม
3.1 คุณค่าด ้านอารมณ์
1. ทาให ้ผูอ้ า่ นเกิดความสะเทือนใจ
ในตัวอย่างของโคลงดังต่อไปนี ้
พระผาดผายสู่ห ้อง หาอนุ ชนวลน้อง
หนุ่ มเหน้าพระสนม
ปวงประนมนบเกล ้า ่
งามเสงียมเฟี ้ ยมเฝ้ า
อยู่ถ ้าทูลสนอง
กรตระกองกอดแก ้ว เรียมจักร ้างรสแคล ้ว
คลาดเคล ้าคลาสมร
จาใจจรจากสร ้อย อยู่แม่อย่าละหอ้ ย
ห่อนช ้าคืนสม แม่แล
จากโคลงด ้านบนสามารถถอดคาประพันธ ์ได ้ว่า
้
พระมหาอุปราชาได ้ไปลาพระสนมทังหลายด ้วยความอาลัยอาวรณ์กอ ่
่ นออกรบซึงเ
่ อ้ า่ นได ้อ่านโคลงดังกล่าวจะทาให ้ผูอ้ ่านเกิดความรู ้สึกสะเทือนใจและรู ้สึกเห็น
มือผู
ใจพระมหาอุปราชาและนางสนมทีต ่ ้องบอกลากัน
13
2. ผูอ้ า่ นเกิดความรู ้สึกเจ็บปวด
่
ดังหนึ ่ งในตอนของลิลต ิ ตะเลงพ่ายทีว่่ า
่
ฟังสารราชเอารสก็ผะชดบัญชา เจ ้าอยุธยามีบุตร ล ้วนยงยุทธ ์เชียวชาญ
หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู ้ศึกบมิหยอน ไป่ พักวอนว่าใช ้ ให ้หวงธห ้าม
แม้นเจ ้าคร ้ามเคราะห ์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี
่
สวมอินทรีย ์สร่างเคราะห ์ธตร ัสเยาะเยียงขลาด องค ์อุปราชยินสาร
แสนอัประมาณมาตย ์มวล นวลพระพักตร ์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคลา้
้
ชากมลหมองมัว
จากตัวอย่างดังกล่าวแสดงใหเ้ ห็ นถึงคาพูดของพระเจ ้าหงสาวดีทประชดประ ่ี
ชันพระมหาอุปราชาด ้วยคาพูดทีว่่ าให ้เอาเครืองแต่่ งกายหญิงมาสวมใส่ซงท ่ึ าให ้ผู ้
่ี กห ้ามให ้ออกรบจากพระม
อ่านได ้ร ับรู ้ถึงความรู ้สึกเจ็บปวดของพระเจ ้าหงสาวดีทถู
่ ้ฟังคาทานายจากโหรทานายว่าจะมีเคราะห ์ถึงฆาต
หาอุปราชาทีได
3. ผูอ้ า่ นเกิดความโศกเศร ้า
ในตัวอย่างของโคลงดังต่อไปนี ้
่
มาเดียวเปลียวอกอ ้า อายสู
สถิตอยู่เอ ้องค ์ดู ละหอ้ ย
พิศโพ้นพฤกษ ์พบู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึ งนุ ชน้อย ้
แน่ งเนื อนวลสงวน
พระครวญพระคราไห ่ ้ โหยหา
พลางพระพิศพฤกษา ่ ยว
กิงเกี ้
กลกรกนิ ษฐนา- รีร ัตน์ เรียมฤา
้
ยามตระกองเอวเอียว โอบอ ้อมองค ์เรียม
่ งนางอันเป็ นทีร่ ักของพระมหาอุปราชา
แสดงให ้ผูอ้ า่ นเห็ นถึงการคราครวญถึ
่
ในตอนทีพระมหาอุ ปราชาต ้องจากพระสนมและเดินทัพ
ทาให ้ผูอ้ า่ นเห็นใจในความร ักของพระมหาอุปราชา โดยใช ้ต ้นไมแ้ ละดอกไม้
่
ทีพระมหาอุ ่
ปราชาทีพระมหาอุ ปราชาได ้เห็นราพันถึงพระสนม
14
3.2 คุณค่าด ้านคุณธรรม
1. ความรอบคอบไม่ประมาท
พระห่วงแต่ศก ้ อัสดง
ึ เสียน
่ า้
เกรงกระลับก่อรงค ์ รัวหล
คือใครจักคุมคง ควรคู่ เข็ญแฮ
อาจประกันกรุงถ ้า ทัพข ้อยคืนถึง
่ อแปลจะมี
ซึงเมื ่ ่
ความหมายว่าเมือยามที ่
สงครามขึ ้
นใครเล่ าจะออกไปรบแทน
้ ้แสดงให ้เราเห็ นถึงความร ักความกตัญญูทมี
ท่านพ่อจากโคลงนี ได ่ี ต่อพระราชบิดา
้
ของพระมหาอุปราชา อีกทังความจงร ัก ภักดี ต่อชาติบ ้านเมือง
3. ่ ตย ์
ความซือสั
15
้ องนี
จากเนื อเรื ่ เราจะเห็
้ ้ ายพม่าและฝ่ าย
นได ้ว่าพ่ายพลทหารทังฝ่
่ ตย ์และความจงร ักภักดีต่อประเทศชาติของตนมาก
ไทยมีความซือสั
่ ลต
เพราะในเรืองลิ ิ ตะเลงพ่ายนั้นเรายังไม่เห็ นเลยว่าบรรดาทหารฝ่ ายใดคิดทีจะทร
่
่ แสดงใหเ้ ห็นว่าความซือสั
ยศต่อชาติบ ้านเมืองของตนซึงก็ ่ ตย ์
่ ความซื
จากเรืองนี ้ ่ ตย ์ของทหารส่งผลให ้ชาติบ ้านเมืองเกิดความเป็ นปึ กแผ่นมั่น
อสั
่
คงได ้และนามาซึงความเจริ ญและความมั่นคงในชีวต ่ นผลประโยชน์ตอ
ิ ซึงเป็ ่ ตนเอง
ต่อครอบคร ัวและชาติบ ้านเมือง
่
3.3 คุณค่าด ้านอืนๆ
คุณค่าด ้านสังคม
่
1. สะท ้อนใหเ้ ห็ นความเชือของสั งคมไทย
่ ปรากฏในเรื
ความเชือที ่ ่ ได ้แก่ ความเชือของบรรพบุ
อง ่ รษ
ุ
่ องความฝั
ความเชือเรื ่ ่ าทานายทายทักของโหร เช่น
นบอกเหตุ เชือค
่
ตอนทีสมเด็ จพระนเรศวรทรงพระสุบนิ นิ มต
ิ
่ านายนิ มต
จึงตร ัสใหห้ าพระโหราจารย ์เพือท ิ
ทันใดดิลกเจ ้า จอมถวัลย ์
สร่างผทมถวิลฝัน ห่อนรู ้
2. ่
สะท ้อนเกียวกั
บขนบธรรมเนี ยมประเพณี
16
่
ขนบธรรมเนี ยมในการศึกทีปรากฏในเรื
อง่ ได ้แก่ เมือพระมหาอุ
่ ปราชาจะออกศึก
พระเจ ้าหงสาวดีทรงประสาทและให ้โอวาทการสร ้างขวัญกาลังใจแก่ทหารและควา
่
มเด็ดขาดในการรบ ความรู ้เกียวกั ้ พ
บตาราพิชยั สงคราม การจัดทัพ การตังทั
ประเพณี และพิธก ่
ี รรมเกียวกั
บสงคราม เช่น พิธโี ขลนทวารตัดไมข
้ ม
่ นาม
่
เพือการสร ้างขวัญกาลังใจแก่ทหาร
่
ดังทีปรากฏในบทประพั ่ าวถึงพิธโี ขลนทวารซึงเป็
นธ ์ทีกล่ ่ นพิธบ
ี ารุงขวัญทหารก่อ
นออกศึกเหล่าทหารต่างฮึกเหิมและมีกาลังใจเพราะมีพระสงฆ ์สวดพระพุทธมนต ์แล
ะประพรมน้าพระพุทธมนต ์ให ้ ดังนี ้
“...พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข ้าโขลนทวาเรศ
สงฆ ์สวดชเยศพุทธมนต ์ ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามตารารับราชรณยุทธ ์
โบกกบีธุ่ ชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรัง่ คังคั
่ บขอบคงคา
แลมหาเหาฬาร ์พันลึก อธึกทอ้ งแถวธาร...”
่ ้พยุหเศิกไสร ้
หนึ งรู สบสถาน
เจนจิตวิทยาการ กาจแกลว้
ฯลฯ
่ ้บาเหน็ จให้
หนึ งรู ขุนพล
อันสมรรถมือผจญ ้
จืดเสียน
อย่าหย่อนวิรยิ ยล อย่างเกียจ
้
แปดประการกลเทียร ถ่องแทท้ างแถลง
18
บรรณานุ กรม
19