You are on page 1of 19

สรุปประเด็นการอ่านและพิจารณาวรรณคดีและวรรณกรรม

การอ่านและพิจารณาเนื ้อหาและกลวิธใี นวรรณคดีและวรรณกรรม


ประกอบด้วย
้ อง
1.1 เนื อเรื ่ หรือเนื อเรื
้ องย่
่ อ
้ องของลิ
เนื อเรื ่ ลต
ิ ตะเลงพ่ายมีอยู่ว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชาได ้ทรงสวรรค

ตจึงมีการผลัดเปลียนแผ่ ่ ท้ ได
นดินซึงผู ่ี ้สืบครองราชย ์ต่อคือสมเด็จพระนเรศวรซึงอ

าจมีการรบเพือแย่ ่ งราชบัลลังก ์ระหว่างสมเด็จ
พระนเรศวรกับสมเด็จพระเอกาทศรศถ
่ นการเตือนว่าหากบ ้านเมืองกรุ
พระเจ ้าหงสาวดีนันทบุเรงจึงได ้ส่งกองทัพมาเพือเป็

งศรีอยุธยาไม่สงบพม่าพร ้อมทีจะโจมตี ทน ่ึ
ั ทีซงพระด ้ ้ร ับความเห็นชอบจากเ
ารินีได
หล่าขุนนางทัง้
หลาย ก็มค ี วามเห็ นตามนี ้
่ ้พระมหาอุปราชาผูซ
พระองค ์จึงได ้มีร ับสังให ่ึ นโอรสและพระมหาราชเจ ้านครเชี
้ งเป็
ยงใหม่ไปเตรียมกองทัพร่วมกัน แต่โหรได ้
ทานายว่าพระมหาอุปราชานั้นจะมีดวงถึงฆาต แต่ด ้วยความ เกรงในพระ
บิดาพระองค ์จึงไม่ทรงขัดพระทัย ในระหว่างช่วงนั้นสมเด็จพระ
นเรศวรได ้เตรียมกองทัพในการไปทาศึกกับกัมพูชาทีได ่ ้นาทัพมารบในขณะทีไทย

กาลังรบอยู่กบ ่
ั พม่า แต่เมือทรงทราบว่ าพม่าได ้ยกทัพมาพระองค ์จึง

นากาลังส่วนนี ไปตั ้ พรอร ับศึกพม่าแทน โดยทรงบัญชาใหท้ พ
งทั ั หน้าไป
่ าบลหนองสาหร่าย ส่วนทัพพม่านั้นได ้นาทัพจานวน 5 แสนชีวต
ประจาทีต ิ
ผ่านด่านเจดีย ์สามองค ์ ไทรโยคลากระเพินแล ้วจึงเข ้ามายึดเมืองกาญจน บุร ี
จากนั้นได ้นาทัพผ่านเข ้ามาทางพนมทวน ณ ทีแห่่ งนี ได้ ้เกิดลมเวร ัม
่ ดจนฉัตรพระมหาอุปราชาหักลง ทรงพักค่ายทีต
ภาทีพั ่ าบลตระพังตรุ
ทางฝั่งสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถเคลือนทั
่ พทางน้า

โดยขึนบกที อ่ าเภอป่ าโมกข ์ ซึงที
่ นี่ ่ ได ้เกิดศุภนิ มต
ิ ขึน้ จากนั้นได ้นาพล
่ าเภอหนองสาหร่าย
ไปพักค่ายทีอ

1
่ ้ทรงทราบว่าทหารพม่ามาลาดตระเวณอยู่ในบริเวณนี จึ
ซึงได ้ งมีพระบัญชาจึงสร ้าง
กลยุธท ์ให ้กองทัพหน้าเข ้าโจมตีทน ั ที
่ ข
แล ้วทาทีเป็ นถอยร่นเข ้ามาเพือให ่ พหลวงจะออกมาช่
้ ้าศึกเกิดความประมาทซึงทั
วยหลังจากนั้น แต่บงั เอิญว่าช ้างทรงทังของ

สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถนั้นตกมัน จึงหลงเข ้าไปอยู่
ตรงใจกลางของทัพข ้าศึกทาให ้แม่ทพ ั ต่างๆเสด็จตามไม่ทน
ั สมเด็จพระ
นเรศวรจึงได ้กล่าวท ้าให ้พระมหาอุปราชออกมาทายุทธหัตถีกน ่ ด
ั ท ้ายทีสุ

สมเด็จพระนเศวรทรงมีชยั เหนื อพระมหาอุปราชา เช่นเดียวกับทีสมเด็ จพระ

เอกาทศรถมีชยั เหนื อมังจาชโร หลังจากทีกองทั
พพม่าแตกพ่ายไป สมเด็จ
้ นี
พระนเรศวรได ้มีพระบัญชาให ้สร ้างสถูปเจดีย ์ขึนที ่ ่ แล ้วยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา


1.2 โครงเรือง

ลิลต
ิ ตะเลงพ่ายเป็ นวรรณคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ซึงสมเด็ จพระมหาสมณเจ ้า กรมพระปรมานุ ชต ิ ชิโนรสทรงนามาจาก
ประวัตศ ่ ขอบเขตกาหนดเนื อกาไว
ิ าสตร ์ ซึงมี ้ ่
้เพียงเรืองการทาสงครามยุทธ หัตถี
่ ใหเ้ นื อเรื
แต่เพือมิ ้ องแห
่ ้งแล ้งขาดชีวต ่ มเรือง
ิ ชีวาจึงทรงเพิมเติ ่
่ ใช่การสงครามเข ้าไป เนื อหาที
ทีไม่ ้ ่ าคัญเป็ นหลักของเรือง
ส ่ “ตะเลงพ่าย” คือ

การดาเนิ นความตามเค ้าเรืองพงศาวดาร ได ้แก่ การทาสงงครามการ ต่อสู ้
่ นไปตามตารา
แบบยุทธหัตถี การจัดทัพ และรายละเอียดต่างๆ ซึงเป็

พิชยั สงครามและโบราณราชประเพณี ทุกอย่าง สาหร ับเนื อหาที ่ นส่วน เพิม
เป็ ่
่ คือ บทประพันธ ์ทีเป็
เติมส่วนเสริมเรือง ่ นลักษณะนิ ราศ ซึงพรรณนา


เกียวกั ่ งนางผูเ้ ป็ นทีร่ ักโดยผ่านบทบาทของพระ
บการเดินทางและการคราครวญถึ
2
มหาอุปราช

1.3 ต ัวละคร
ฝ่ ายไทย
1. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค ์ดา)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็ นกษัตริย ์องค ์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยา
้ งเป็ นกษัตริย ์องค ์สาคัญผูท้ ประกา
พระองค ์มีความสามารถในการรบอีกทังยั ่ี
ศเอกราชหลังจากเสียให ้พม่านานถึง 15ปี รวมถึงพระองค ์เป็ นคนขยาย
อาณาจักรใหก้ ว ้างขวาง และพระองค ์ยังทาให ้พม่าหวาดกลัวจนไม่กล ้า
มารบกับไทยเป็ นเวลากว่าร ้อยปี
 อุปนิ สยั ของพระนเรศวร

ทรงเป็ นพระมหากษัตริย ์ทีทรงมี
ความกล ้าหาญ รอบคอบ เข ้มแข็ง มีไหวพริบ

และโดดเดียวทรงมี
พระปรีชาสามารถควบคูก
่ บ
ั พระราชอัจฉริยะภาพในการทาศึก
สงคราม

ตัวอย่างจากลิลต ่ ้โอรสออกรบ
ิ ตะเลงพ่าย ตอนพระเจ ้านันทบุเรงสังให
้ ้เห็นลักษณะนิ สยั ของพระนเรศวรประการหนึ่ ง กล่าวคือ
ชีให

พระเจ ้านันทบุเรงเปรียบเทียบพระนเรศวรว่าเป็ นคนกล ้าหาญ ไม่หวันเกรงต่
อศึก

ดังบทความว่ า

“ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา เจ ้าอยุธยามีบุตร



ลว้ นยงยุทธ ์เชียวชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสูศ้ ก
ึ บมิหยอน ไป่ พักวอนว่าใช ้
ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ ้าคร ้ามเคราะห ์กาจ”


จากบทความข ้างตน พระนเรศวร เป็ นทียอมร ับในความเก่งกาจ กล ้าหาญ

แมก้ ระทังในฝ่ ายศัตรู

3
2. สมเด็กพระเอกาทศรถ (พระองค ์ขาว)
สมเด็จพระเอกาทศรถ น้องชายของสมเด็จพระนเรศวร
พระองค ์ทรงออกรบเคียงข ้างกับพระนเรศวรตลอด

ในขณะทีพระองค ์ทรงดารงตาแหน่ งอุปราช ครองเมืองพิษณุ โลก หลังจากนั้น
พระองค ์ทรงครองราชย ์ต่อจากพระนเรศวรได ้ 5 ปี
่ พ.ศ .2153 พระองค ์ คือ พระสุพรรณเทวี
สมเด็จพระเอกาทศรถก็สวรรคตเมือปี
สมเด็จพระนเรศวร และ สมเด็จพระเอกาทศรถ

ฝ่ ายพม่า
1.พระเจ ้าหงสาวดี (นันทบุเรง)
พระเจ ้าหงสาวดี กษัตริย ์พม่า เป็ นโอรสของบุเรงนองผูเ้ ก่งกล ้า

พระองค ์หวังว่าจะสร ้างความยิงใหญ่ ให ้เหมือนบิดาพระองค ์ แต่ทาไม่สาเร็จ

และสุดท ้ายทรงสินพระชนม ์จากการถูกวางยา
2. พระมหาอุปราชา
โอรสของนันทบุเรง

เป็ นเพือนเล่ ่
นกับพระนเรศวนสมัยทีพระองค ่ี งหงสาวดี
์ประทับอยู่ทกรุ
้ ว จิตใจอ่อนไหว และมีความรุนแรงในเรืองความร
 อุปนิ สยั เป็ นคนขีกลั ่ ัก
แต่ยงั มีความมานะ
ตัวอย่างจากลิลต ้ั
ิ ตะเลงพ่าย ตอน ครงพระเจ ้าหงสาวดี
ตร ัสใหเ้ ตรียมทัพมาโจมตีไทย พระมหาอุปราชาทรงกราบทูลพระบิดาว่า
โหรทานายว่า พระเคราะห ์ถึงฆาต ทาให ้พระเจ ้านันทบุเรง
เอ่ยประชดถึงพระนเรศวรว่ามีความมานะไม่กลัวศึกสงคราม พระมหาอุปราชา
จึงมีทฐิ ม
ิ านะ แล ้วได ้ไปออกรบตามบัญชาแม้จต
ิ ใจจะกลัวมากเพียงใด

4
่ มภา
ลมชือเวรั พัดคลุม้
หวนหอบหักฉัตรา คชขาด ลงแฮ
พระพลันเห็นเหตุไซร ้ เสียวดวง แดเฮย
่ ผาหลวง
ถนัดดังภู ตกต ้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวง ่ ด
สันซี
หนักหฤทัยท่านร ้อง เรียกให้โหรทาย

่ าทานาย
จากบทความข ้างตน พระมหาอุปราชา ไม่เชือค

แมจ้ ะหวันกลั ่ ายแพ้แต่พอนึ กถึงบิดา
วทีจะพ่
และชาติบ ้านเมืองก็มค ่ ้แมจ้ ะหวันเกรงพระนเรศวรมากเพี
ี วามมานะทีจะสู ่ ยงใด

1.4 ฉากท้องเรือง ่

ฉากท ้องเรืองหลั ่
กอยูู่ทีหงสาวดี เมืองหลวงของพม่า และ อยุธยา
่ ายุทธหัสถี
เมืองหลวงของไทย รวมไปถึงสถานทีท
งามสองสุรยิ ราชลา้ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร ้าง

ฤรามเริมรณฤทธิ ์ รบราพณ์แลฤ
ทุกเทศทุกทิศอ ้าง ่ ไ้ ป่ เทียม
อืนไท

่ ้ปรากฏในเรืองคื
ฉากทีได ่ อเหตุการณ์ทบรรยายเกี
่ี ่
ยวกับ
การปะทะกันของพระนเรศวร และ พระมหาอุปราชา
้ั
ระหว่างการทายุทธหัตถีทงสองพระองค ์ทรงช ้างคูก
่ ายมาชนกัน

สู ้รบไปมาอย่างไม่ยอมกัน ดังบทกลอนข ้างต ้น

5

ฉากท ้องเรือง
หงสาวดี
- เมืองหลวงของพม่า
อยุธยา
- เมืองหลวงของไทย
ด่านเจดีย ์สามองค ์
- เขตแดนระหว่างไทยกับพม่า อาเภอสังขละบุร ี จังหวัดกาญจนบุร ี
กาญจนบุร ี

- เมืองหน้าด่านของไทยทีพระมหาอุ
ปราชายกเข ้ามา เป็ นเมืองแรก
แม่กษัตริย ์

- ชือแม่ นาู้ในจังหวัดกาญจนบุรท ่ี ทพ
ี แม่ ั นายกองเมือง
กาญจนบุรไี ปซุม ่
่ สอดแนมเพือหาข่
าวของข ้าศึก
พนมทวน
- อาเภอหน่ึ งในจังหวัดกาญจนบุร ี เมือพระมหาอุ
่ ปราชา
ยกทัพมาถึงเกิดเวร ัมภาพัดทาใหฉ
้ ัตรของ พระมหาอุปราชาหัก
เมืองสิงห ์
- เมืองสิงห ์บุร ี (เมืองหน้าด่าน)
เมืองสรรค ์
- เมืองสรรค ์บุร ี อยู่ในชัยนาท (เมืองหน้าด่าน)
เมืองสุพรรณ
กัมพุช, พุทไธธานี , ป่ าสัก
- เมืองของเขมร
ราชบุร ี

6

- เมืองท่สมเด็ จพระนเรศวรมีพระราชบัญชาให ้เจ ้าเมืองจัด
ทหารห ้าร ้อยคนไปทาลายสะพานไม้ไผ่ เจ ้าเมืองช่อื พระอมรินทร ์ฦาชัย
วิเศษชัยชาญ
ี าใหก้ องลาดตระเวนขีมา้ หาข่าว
- เมืองท่พม่
ปากโมก

- เป็ นตาบลทีสมเด็ จพระนเรศวรยกพลขึนบก ทรง
พระสุบน
ิ ว่ารบกับจระเข ้และได ้ชัยชนะ ก่อนยกทัพ ออกจากปากโมก
ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารริกธาตุ
หนองสาหร่าย
่ งทั
- ทีตั ้ พหน้าของไทย
โคกเผา้ ข ้าว

- ตาบลทีกองหน้าของไทยปะทะกับพม่าเวลา ๗.๐๐ น.
ตระพังตรุ

- ตาบลท่ทรงทายุ ทธหัตถี
วัดป่ าแก ้ว

- วัดทีสมเด็ จพระวันรตั จาพรรษา

1.5 บทเจรจาหรือราพึงราพัน
มาเดียวเปลียวอกอ่ ้า อายสู
สถิตอยู่เออ้ งค ์ดู ละห้อย
พิศโพ้นพฤกษพ ์ บู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึ งนุ ชน้อย ้
แน่ งเนื อนวลสงวน
สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ

เพราะเพือมาราญรอน เศิกไสร ้
สละสละสมร เสมอชือ่ ไม้นา

7
นึ กระกานามไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม
่ ง
สายหยุดหยุดกลินฟุ้ ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ ห ์หาย ห่างเศร ้า
กีคื่ นกีวั่ นวาย วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบคาเช ่ ้า หยุดได ้ฉันใด

ถอดความว่า พระมหาอุปราชาต ้องเสด็จมาเพียงผูเ้ ดียวอย่างเหงาใจ


แต่พระองค ์ได ้ชมนกชมไมท้ าให ้รู ้สึกเบิกบานพระทัยมากขึน้

แต่ก็ยงั คิดถึงเหล่านางสนามและกานัลทังหลาย พอเห็นต ้นสลัด
่ าสงคราม เห็นต ้นสละ
ทาให ้พระองค ์คิดว่าต ้องจากนางมานอนป่ าเพือท

เหมือนชือสละนางมาอยู ่ในป่ า เห็นต ้นระกาช่างเหมือนอกพระองค ์แท ้

เห็นต ้นสายหยุดเมือตอนสายก็ ่
หมดกลินแต่ ่ หมดรกั นาง
ไม่เหมือนใจพระองค ์ทีไม่
จะกีวั่ นกีคื
่ นก็ร ักนาง ไม่มท ่
ี างทีจะหยุ ดรกั นาง


1.6 แก่นเรืองหรื ่
อสาร ัตถะของเรือง

เพือเฉลิ
มพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในพระปรีชาสามารถของท่านด ้า

นการรบทีสามารถเอาชนะสงครามกั ่ ้องการให ้ผูอ้ า่ นเห็
บกรุงหงสาวดีได ้และเพือต
นถึงความร ักชาติและความเสียสละของบรรพบุรษ ่
ุ ทีพยา
ยามร ักษาเอกราชของไทยเอาไว ้ และปลุกใจผูอ้ า่ นให ้เกิดความร ัก
ชาติของตนเอง

2) การอ่านและพิจารณาการใช ้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
ประกอบด ้วยดังนี ้
2.1 การสรรคา

8
ลิลต
ิ ตะเลงพ่ายเป็ นบทประพันธ ์ทีมี ่ ความลาค่
้ าอีกทังยั
้ งเป็ นวรรณคดีเฉลิมป
่ นสิงที
ระเกียรติพระมหากษัตริย ์ซึงเป็ ่ ควรศึ
่ ่
กษาเพือให ้เกิดความภาคภูมใิ จต่อ
่ ความไพเราะ ดังต่อไปนี ้
นักรบชาติไทย ผูป้ ระพันธ ์จึงเลือกใช ้ถ ้อยคาทีมี

- การใช ้คาทีเหมาะแก่ ้ องและฐานะของบุ
เนื อเรื ่ คคล
้ นนฤนาถผู
เบืองนั ้ ้ สยามินทร ์

เบียงพระมาลาผิ น ห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร ์ ฤาถูก องค ์เอย
เพราะพระหัตถ ์หากป้ อง ปัดด ้วยขอทรง
จากโคลงบทนี ้ ผูป้ ระพันธ ์เลือกใช ้คาทีมี
่ ศก
ั ดิค์ าสูง

ซึงแสดงให ่ ความเด่นชัดและมีความไพเราะ เช่น
เ้ ห็นภาพทีมี

1. สยามินทร ์ หมายถึง กษัตริย ์สยาม (กษัตริย ์อยุธยา)


2. นฤนาถ หมายถึง กษัตริย ์
3. ศัตราวุธอรินทร ์ หมายถึง อาวุธของข ้าศึก
4. พระมาลา หมายถึง หมวก
5. องค ์ หมายถึง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

- มีการใช ้สัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ
“....ถับถึงโคกเผาเข ้า พอยามเช ้ายังสาย
หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ
ประทันทัพพม่า ขับทวยกล ้าเข ้าแทง
ขับทวยแขงเข ้าฟัน สองฝ่ ายยันยืนยุทธ ์
อุดอึงโห่เอาฤกษ ์ เอิกอึงเห่เอาชัย
สาดปื นไฟยะแย ้ง แผลงปื นพิษยะยุ่ง
พุ่งหอกใหญ่คะคว ้าง ขว ้างหอกซัดคะไขว่
ไล่คะคลุกบุกบัน ้
เงือดาบฟั นฉะฉาด

9
งางา้ วฟาดฉะฉับ….”

1.สัมผัสสระ ได ้แก่
เข ้า – เช ้า, สาย – หมาย, ครบ – ทบ, รามัญ – ทัน, พม่า – กล ้า,
แทง – แข็ง, ฟัน – ยัน, ยุทธ ์ – อุด, ฤกษ ์ – เอิก, ชัย – ไฟ, แย ้ง – แผลง,
ยุ่ง – พุ่ง, คว ้าง – ขวา้ ง, ไขว่ – ไล่, บัน – ฟัน, ฉาด – ฟาด

2.สัมผัสพยัญชนะ ได ้แก่
ถับ – ถึง, โคก – เข ้า, ยาม – ยังหมาย, ประมาณ –โมง, ประทบ
– ทับ, ประทัน – ทัพ, ขับ – เข ้า, ทวย – แทง, ขับ – แขง – เข ้า, ยัน –
ยืน – ยุทธ ์, อุด – อึง – เอา, เอิก – อึง – เอา, ยะ – แย ้ง, ยะ – ยุ่ง, คะ –
คว ้าง, บุก – บัน, ฉะ – ฉาด, ง่า – งา้ ว, ฉะ – ฉับ

การใช ้คาอัพภาส
้ กษรบริเวณหน้าคาศัพท ์ ซึงท
คือ การซาอั ่ าให ้เกิดความไพเราะ เช่น

“...สาดปื นไฟยะแย ้ง, แผลงปื นพิษยะยุ่ง, พุ่งหอกใหญ่คะคว ้าง,


ขว ้างหอกซัดคะไขว่ไล่คะคลุกบุกบัน, ้
เงือดาบฟั นฉะฉาด,
ง่างา้ วฝาดฉะฉับ...”

 การเลียนเสียงธรรมชาติ

“....เจ ้าพระยาไชยานุ ภาพ เจา้ พระยาปราบไตรจักร


ตรับตระหนักสาเนี ยง เสียงฆ้องกลองปื นศึก อีกเอิกก ้องกาหล
เร่งคารนเรียกมัน ชันหู ชูหางเล่น แปร ้นแปร๋แลคะไขว่….”

10
 ้ กษรลงหน้าคาศัพท ์ ทาให ้เกิดความไพเราะ
การใช ้คาอัพภาส คือ การซาอั
เช่น
“...สาดปื นไฟยะแย ้ง แผลงปื นพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว ้าง
ขว ้างหอกซัดคะไขว่ไล่คะคลุกบุกบัน ้
เงือดาบฟั นฉะฉาด
ง่างา้ วฝาดฉะฉับ...”

2.2 การเรียบเรียงคา

 ่
มีการเรียงข ้อความทีบรรจุ
สาระสาคัญไว ้ท ้ายสุด

้ ้นนฤนาถผู ้
เบืองนั สยามินทร ์


เบียงพระมาลาผิ
น ห่อนพ้อง

ศัสตราวุธอรินทร ์ ฤถูก องค ์เอย

เพราะพระหัตถ ์หากป้ อง ปัดด ้วยขอทรง

 ้
มีการเรียงประโยคใหเ้ นื อหาเข ้
้มข ้นขึนไปตามล ้ นได
าดับ ดุจขันบั
้ ดท ้าย ซึงส
จนถึงขันสุ ่ าคัญทีสุ่ ด

อุรารานร ้าวแยก ยลสยบ

เอนพระองค ์ลงทบ ท่าวดิน้

เหนื อคอคชซอนซบ สังเวช

วายชีวาตม ์สุดสิน้ สู่ฟ้าเสวยสวรรค ์


11
 มีการเรียงถ ้อยคาใหเ้ ป็ นประโยคคาถามเชิงวาทศิลป์

อ ้าไทภูธเรศหล ้า แหล่งตะเลง โลกฤ

เผยพระยศยินเยง ย่านแกล ้ว

่ อละเวง
สิบทิศทัวลื ่
หวันเดช ท่านนา


ไป่ เริมรอฤทธิ
แผ์ ว้ เผือดกล ้าแกลนหนี

2.3 การใช ้โวหารภาพพจน์


 พรรณาโวหาร หรือการใช ้คาใหเ้ กิดจินตนาภาพ


พลอยพลาเพลี
ยกถ ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้ อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข ้อน ขาดด ้าวโดยขวา

้ อพรรณนาการต่
ผูเ้ ขียนได ้แต่งโคลงบทนี เพื ่ อสู ้ของทหารสองฝ่ ายทีสู ้รบกัน
โดยใช ้อาวุธ ทาให ้มีทหารเสียชีวต

 สัญลักษณ์

บุญเจ ้าจอมภพขึน้ แผ่นสยาม


แสยงพระยศยินขาม ขาดแกล ้ว
์ งฤทธิ
พระฤทธิดั่ ์
ราม รอนราพณ์ แลฤา
ราญอริราชแผ้ว แผกแพ้ทุกภาย

ไพรินทรนาศเพียง พลมาร

12

พระดังองค ์อวตาร แต่ก ี ้
แสนเศิกห่อนหาญราญ รอฤทธิ ์ พระฤา
ดาลตระดกเดชลี ้ ประลาตหล ้าแหล่งสถาน


จากบทความข ้างต ้นมีการใช ้คาว่าอวตารของพระรามเพือแทนถึ งพระนเรศ
่ ฤทธิแรงกล
วร ซึงมี ์ ้าสามารถปราบศัตรูใหแ้ พ้ได ้ทุกครง้ั

เหมือนเวลาทีพระรามท าศึกสงครามก็ปราบทหารยักษ ์ให ้แพ้ได ้อย่างราบคาบ

3) การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณ
กรรม
3.1 คุณค่าด ้านอารมณ์
1. ทาให ้ผูอ้ า่ นเกิดความสะเทือนใจ
ในตัวอย่างของโคลงดังต่อไปนี ้
พระผาดผายสู่ห ้อง หาอนุ ชนวลน้อง
หนุ่ มเหน้าพระสนม
ปวงประนมนบเกล ้า ่
งามเสงียมเฟี ้ ยมเฝ้ า
อยู่ถ ้าทูลสนอง
กรตระกองกอดแก ้ว เรียมจักร ้างรสแคล ้ว
คลาดเคล ้าคลาสมร
จาใจจรจากสร ้อย อยู่แม่อย่าละหอ้ ย
ห่อนช ้าคืนสม แม่แล
จากโคลงด ้านบนสามารถถอดคาประพันธ ์ได ้ว่า

พระมหาอุปราชาได ้ไปลาพระสนมทังหลายด ้วยความอาลัยอาวรณ์กอ ่
่ นออกรบซึงเ
่ อ้ า่ นได ้อ่านโคลงดังกล่าวจะทาให ้ผูอ้ ่านเกิดความรู ้สึกสะเทือนใจและรู ้สึกเห็น
มือผู
ใจพระมหาอุปราชาและนางสนมทีต ่ ้องบอกลากัน
13
2. ผูอ้ า่ นเกิดความรู ้สึกเจ็บปวด

ดังหนึ ่ งในตอนของลิลต ิ ตะเลงพ่ายทีว่่ า

ฟังสารราชเอารสก็ผะชดบัญชา เจ ้าอยุธยามีบุตร ล ้วนยงยุทธ ์เชียวชาญ
หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู ้ศึกบมิหยอน ไป่ พักวอนว่าใช ้ ให ้หวงธห ้าม
แม้นเจ ้าคร ้ามเคราะห ์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี

สวมอินทรีย ์สร่างเคราะห ์ธตร ัสเยาะเยียงขลาด องค ์อุปราชยินสาร
แสนอัประมาณมาตย ์มวล นวลพระพักตร ์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคลา้

ชากมลหมองมัว
จากตัวอย่างดังกล่าวแสดงใหเ้ ห็ นถึงคาพูดของพระเจ ้าหงสาวดีทประชดประ ่ี
ชันพระมหาอุปราชาด ้วยคาพูดทีว่่ าให ้เอาเครืองแต่่ งกายหญิงมาสวมใส่ซงท ่ึ าให ้ผู ้
่ี กห ้ามให ้ออกรบจากพระม
อ่านได ้ร ับรู ้ถึงความรู ้สึกเจ็บปวดของพระเจ ้าหงสาวดีทถู
่ ้ฟังคาทานายจากโหรทานายว่าจะมีเคราะห ์ถึงฆาต
หาอุปราชาทีได
3. ผูอ้ า่ นเกิดความโศกเศร ้า
ในตัวอย่างของโคลงดังต่อไปนี ้

มาเดียวเปลียวอกอ ้า อายสู
สถิตอยู่เอ ้องค ์ดู ละหอ้ ย
พิศโพ้นพฤกษ ์พบู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึ งนุ ชน้อย ้
แน่ งเนื อนวลสงวน
พระครวญพระคราไห ่ ้ โหยหา
พลางพระพิศพฤกษา ่ ยว
กิงเกี ้
กลกรกนิ ษฐนา- รีร ัตน์ เรียมฤา

ยามตระกองเอวเอียว โอบอ ้อมองค ์เรียม
่ งนางอันเป็ นทีร่ ักของพระมหาอุปราชา
แสดงให ้ผูอ้ า่ นเห็ นถึงการคราครวญถึ

ในตอนทีพระมหาอุ ปราชาต ้องจากพระสนมและเดินทัพ
ทาให ้ผูอ้ า่ นเห็นใจในความร ักของพระมหาอุปราชา โดยใช ้ต ้นไมแ้ ละดอกไม้

ทีพระมหาอุ ่
ปราชาทีพระมหาอุ ปราชาได ้เห็นราพันถึงพระสนม

14
3.2 คุณค่าด ้านคุณธรรม
1. ความรอบคอบไม่ประมาท

พระห่วงแต่ศก ้ อัสดง
ึ เสียน
่ า้
เกรงกระลับก่อรงค ์ รัวหล
คือใครจักคุมคง ควรคู่ เข็ญแฮ
อาจประกันกรุงถ ้า ทัพข ้อยคืนถึง

หลังจากทีพม่ ่ ายกกองทัพเข ้ามาพรพระนเรศวรก็ทรงสังให


่ ้ทหารไปทาลายส
่ ว่่ าเมือฝ่
ะพานเพือที ่ ายไทยชนะศึกสงครามทหารของพม่าก็จะตกเป็ นเชลยของ

ไทยทังหมด นี่ แสดงใหเ้ ห็ นว่าพระองค ์ทรงเป็ นกษัตริย ์ทีมี
่ ทศ ่ี ้างไกล
ั นคติทกว
่ ผลมาจากความรอบคอบไม่ประมาท
ซึงมี

2. การเป็ นคนรู ้จกความกตัญญูกตเวที

ณรงค ์นเรศด ้าว ดัสกร


ใครจักอาจออกรอน รบสู ้
เสียดายแผ่นดินมอญ มอด ม้วยแฮ
เหตูบ่มม ่ ้านทานเข็ญ
ี อื ผู ้ อืนต

่ อแปลจะมี
ซึงเมื ่ ่
ความหมายว่าเมือยามที ่
สงครามขึ ้
นใครเล่ าจะออกไปรบแทน
้ ้แสดงให ้เราเห็ นถึงความร ักความกตัญญูทมี
ท่านพ่อจากโคลงนี ได ่ี ต่อพระราชบิดา

ของพระมหาอุปราชา อีกทังความจงร ัก ภักดี ต่อชาติบ ้านเมือง

3. ่ ตย ์
ความซือสั

15
้ องนี
จากเนื อเรื ่ เราจะเห็
้ ้ ายพม่าและฝ่ าย
นได ้ว่าพ่ายพลทหารทังฝ่
่ ตย ์และความจงร ักภักดีต่อประเทศชาติของตนมาก
ไทยมีความซือสั
่ ลต
เพราะในเรืองลิ ิ ตะเลงพ่ายนั้นเรายังไม่เห็ นเลยว่าบรรดาทหารฝ่ ายใดคิดทีจะทร

่ แสดงใหเ้ ห็นว่าความซือสั
ยศต่อชาติบ ้านเมืองของตนซึงก็ ่ ตย ์
่ ความซื
จากเรืองนี ้ ่ ตย ์ของทหารส่งผลให ้ชาติบ ้านเมืองเกิดความเป็ นปึ กแผ่นมั่น
อสั

คงได ้และนามาซึงความเจริ ญและความมั่นคงในชีวต ่ นผลประโยชน์ตอ
ิ ซึงเป็ ่ ตนเอง
ต่อครอบคร ัวและชาติบ ้านเมือง


3.3 คุณค่าด ้านอืนๆ
คุณค่าด ้านสังคม

1. สะท ้อนใหเ้ ห็ นความเชือของสั งคมไทย
่ ปรากฏในเรื
ความเชือที ่ ่ ได ้แก่ ความเชือของบรรพบุ
อง ่ รษ

่ องความฝั
ความเชือเรื ่ ่ าทานายทายทักของโหร เช่น
นบอกเหตุ เชือค

ตอนทีสมเด็ จพระนเรศวรทรงพระสุบนิ นิ มต

่ านายนิ มต
จึงตร ัสใหห้ าพระโหราจารย ์เพือท ิ
ทันใดดิลกเจ ้า จอมถวัลย ์

สร่างผทมถวิลฝัน ห่อนรู ้

พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝันนา

เร็วเร่งทายโดยกระทู ้ ทีถ่ อ้ ยตูแถลง

2. ่
สะท ้อนเกียวกั
บขนบธรรมเนี ยมประเพณี

16

ขนบธรรมเนี ยมในการศึกทีปรากฏในเรื
อง่ ได ้แก่ เมือพระมหาอุ
่ ปราชาจะออกศึก
พระเจ ้าหงสาวดีทรงประสาทและให ้โอวาทการสร ้างขวัญกาลังใจแก่ทหารและควา

มเด็ดขาดในการรบ ความรู ้เกียวกั ้ พ
บตาราพิชยั สงคราม การจัดทัพ การตังทั
ประเพณี และพิธก ่
ี รรมเกียวกั
บสงคราม เช่น พิธโี ขลนทวารตัดไมข
้ ม
่ นาม

เพือการสร ้างขวัญกาลังใจแก่ทหาร

ดังทีปรากฏในบทประพั ่ าวถึงพิธโี ขลนทวารซึงเป็
นธ ์ทีกล่ ่ นพิธบ
ี ารุงขวัญทหารก่อ
นออกศึกเหล่าทหารต่างฮึกเหิมและมีกาลังใจเพราะมีพระสงฆ ์สวดพระพุทธมนต ์แล
ะประพรมน้าพระพุทธมนต ์ให ้ ดังนี ้
“...พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข ้าโขลนทวาเรศ
สงฆ ์สวดชเยศพุทธมนต ์ ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามตารารับราชรณยุทธ ์
โบกกบีธุ่ ชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรัง่ คังคั
่ บขอบคงคา
แลมหาเหาฬาร ์พันลึก อธึกทอ้ งแถวธาร...”

3. ่ าไปใช ้ในการดาเนิ นชีวต


สะท ้อนข ้อคิดเพือน ิ
ลิลต ่ คณ
ิ ตะเลงพ่ายได ้แสดงคุณธรรมด ้านต่างๆ ทีมี ุ ค่าต่อการดาเนิ นชีวต
ิ เช่น
ความร ับผิดชอบต่อหน้าที่ ความเมตตา ความนอบน้อม การให ้อภัย เป็ นต ้น
โดยสอดแทรกอยู่ในบทประพันธ ์
ผูอ้ า่ นจะสามารถซึมซับคุณธรรมเหล่านี ผ่้ านความงามของภาษา

สามารถจรรโลงใจผูอ้ า่ นได ้ เช่น ตอนทีพระเจ ้านันทบุเรง
ทรงสอนการศึกสงครามแก่พระมหาอุปราชา
่ คณ
ก็เป็ นข ้อคิดทีมี ่ อการดาเนิ นชีวต
ุ ค่ายิงต่ ิ ทุกยุคสมัย ตัวอย่างเช่น

่ ้พยุหเศิกไสร ้
หนึ งรู สบสถาน

เจนจิตวิทยาการ กาจแกลว้

รู ้เชิงพิชยั ชาญ ชุมค่าย ควรนา


17
อาจรักรอนรณแผ้ว แผกแพ้พงั หนี

ฯลฯ

่ ้บาเหน็ จให้
หนึ งรู ขุนพล

อันสมรรถมือผจญ ้
จืดเสียน

อย่าหย่อนวิรยิ ยล อย่างเกียจ


แปดประการกลเทียร ถ่องแทท้ างแถลง

18
บรรณานุ กรม

19

You might also like