Professional Documents
Culture Documents
5 D 5 Eb 3 B 3 C 2 CDD 446 e 2 e 2
5 D 5 Eb 3 B 3 C 2 CDD 446 e 2 e 2
การอ่านและพิจารณาวรรณคดีเรือ ่ ง สามัคคีเภทคาฉันท์
โดย
เสนอ
อ.พนมศักดิ ์ มนูญปรัชญาภรณ์
การอ่านและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
1. เนื้อเรือ่ ง
พระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์ผป ู้ กครองแคว้นมคธ ทีม ่ ีราชคฤห์เป็ นเมืองหลวง
ทรงมีพระประสงค์จะขยายอาณาจักรให้กว้างขวาง
โดยหมายตาแคว้นวัชชีของกษัตริย์ลจิ ฉวี
อันปกครองและตัง้ มั่นอยูใ่ นธรรมทีเ่ รียกว่า อปริหานิยธรรม คือ
ธรรมอันไม่เป็ นทีต ่ ง้ ั แห่งความเสือ ่ ม ซึง่ เน้นความสามัคคีเป็ นหลัก
ดังนัน ้ การจะทาสงครามจึงต้องใช้ปญ ั ญามิใช่กาลัง
อย่างไรก็ตามพระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีปุโรหิตทีป ่ รึกษาคนสนิทชือ ่
วัสสการพราหมณ์ เนื่องด้วยวัสสการพราหมณ์
เป็ นผูร้ อบรูด ้ า้ นศิลปศาสตร์และมีสติปญ ั ญาอันเฉี ยบแหลม
ทัง้ สองจึงปรึกษาเพือ ่ หา
กลอุบายทาลายความสามัคคีของกษัตริย์ลจิ ฉวีโดยการเนรเทศวัสสการพราหม
ณ์ ออกจากแคว้นมคธเพือ ่ เดินทางไปยังเมืองเวสาลี
ด้วยความเป็ นทีเ่ ป็ นผูม ้ ีวาทศิลป์ รูจ้ กั ใช้เหตุผลโน้มน้าวใจ
จึงทาให้เหล่ากษัตริย์รบ ั วัสสการพราหมณ์ ไว้ในราชสานัก
โดยให้ทาหน้าทีพ ่ จิ ารณาคดีความและถวายพระอักษรเหล่าพระกุมารทัง้ หลาย
จนเป็ นทีไ่ ว้ใจ ครัน ้ ได้โอกาสคาดคะเนว่าพวกกษัตริย์ไว้วางใจตน
ก็เริม ่ ทาอุบายให้ศษ ิ ย์แตกร้าวกัน จนเกิดการวิวาท
แล้วนาความนัน ้ ขึน ้ กราบทูลชนกของตน
เมือ ่ เป็ นเช่นนัน ้ ความร้าวรานก็ลามไปถึงบรรดากษัตริย์ทเี่ ชือ ่ ถ้อยคาโอรสของ
ตนโดยปราศจากการไตร่ตรองใดๆ จนกระทั่งผ่านไป ๓ ปี
สามัคคีธรรมในหมูก ่ ษัตริย์ ลิจฉวีก็สูญสิน ้ ไป เมือ
่ นัน
้
พระเจ้าอชาตศัตรูจงึ ได้กรีธาทัพสูเ่ มืองเวสาลี
สามารถปราบแคว้นวัชชีลงได้อย่างง่ายดาย
2. โครงเรือ ่ ง
ในครัง้ โบราณกาล
กษัตริย์องค์หนึ่งมีพระประสงค์จะขยายอาณาจักรออกไปยังแคว้นทีม ่ ีความเข้ม
แข็งเพราะมีคณ ุ ธรรมในความสามัคคี
พระองค์จงึ ส่งปุโรหิตคนสนิทเข้าไปยุแหย่ให้เหล่ากษัตริย์ผป
ู้ กครองแคว้นเกิด
ความแตกแยกและขัดแย้งกัน ท้ายทีส ่ ุดแล้วแผนการก็สาเร็จ
3. ตัวละคร
พระเจ้าอชาตศัตรู
2
จากเรือ
่ งสามัคคีเภทคาฉันท์
ตอนพระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาตีแคว้นวัชชี
ชี้ให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีความเฉลียวฉลาด มีความแข็งแกร่ง
รูจ้ กั ใช้คนทีท
่ าให้ความต้องการทีจ่ ะแผ่พระบรมเดชานุภาพของตนเองสาเร็จผ
ล
“จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี
ธาสูวสิ าลี นคร
โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร
ฤารอจะต่อรอน อะไร”
บทประพันธ์นี้แสดงให้เห็นว่าเมือ ่ จอมทัพแห่งแคว้นมคธกรีฑาทัพเข้าเมื
องเวสาลี ประตูเมืองนัน
้ ก็เปิ ดอยูโ่ ดยไม่มีผค
ู้ นหรือทหารต่อสูป
้ ระการใด
เพราะความละเอียดรอบคอบเช่นนี้
ทาให้การยึดแคว้นวัชชีเป็ นไปอย่างง่ายดาย
โดยทีท่ พ
ั ของตนไม่ตอ
้ งเสียเลือดเสียเนื้อ หรือเปลืองแรงในการต่อสู้
พระองค์มีความสามารถในการนารบ
เมือ
่ ปราบปรามแล้วก็เสด็จยังเมืองราชคฤห์อน ั ยิง่ ใหญ่ดงั เดิม
“ไป่ พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย
แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์
ราบคาบเสร็จ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต
ดมเขตบุเรศดุจ ณ เดิม”
วัสสการพราหมณ์
เป็ นผูท
้ ยี่ อมเสียสละ
ออกจากบ้านเมืองมายาวนานและเสีย่ งไปอยูใ่ นหมูศ
่ ตั รู
ต้องใช้ความอดทนและรักษาความลับเพือ ่ ให้อุบายสัมฤทธิผ์ ล
เพราะจากคาประพันธ์ขา้ งต้นแผนการนี้ยาวนานถึง ๓ ปี
เป็ นผูท
้ ม
ี่ ีความรอบคอบไม่ประมาท เมือ ์ ล
่ แผนการคาดว่าจะสัมฤทธิผ
เพราะสังเกตเห็นความแตกแยกและต้องการตรวจสอบว่ากษัตริย์ลจิ ฉวีแตกสา
มัคคีกน
ั อย่าแท้จริง จึงลองตีกลองนัดประชุม
3
ปรากฏว่าไม่มีกษัตริย์องค์ใดเข้ามาประชุมเลย
จึงทาให้ม่น
ั ใจได้วา่ แต่เหล่ากษัตริย์ตา่ งมีความขุน
่ เคืองให้อีกฝ่ ายอย่างแท้จริง
“วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน
ทุกไท้ไป่ เอาภาร ณ กิจเพือ่ เสด็จไป
ต่างทรงรับสั่งว่า จะเรียกหาประชุมไย
เราใช่คนใหญ่ใจ ก็ขลาดกลัวบกล้าหาญ”
จากนัน้ รีบกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู
แสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัตท
ิ น
ี่ ่ ายกย่องด้านการจงรักภักดีตอ
่ พระเจ้าอชาตศัตรู
และบ้านเมือง
“เห็นเชิงพิเคราะห์ชอ่ ง ชนะคล่องประสบสม
พราหมณ์ เวทอุดม ธ ก็ลอบแถลงการณ์
ให้วลั ลภ ชน คม ดลประเทศฐาน
กราบทูลนฤบาล อภิเผ้า มคธไกร”
เหล่าโอรสของกษัตริย์ลจิ ฉวี
ไม่เชือ่ ใจซึง่ กันและกัน และสามารถถูกยุแหย่ได้งา่ ย
สามารถเห็นได้จากการทีพ ่ ระโอรสองค์อืน ่ ๆไม่เชือ ่ ระโอรสองค์หนึ่งที่
่ สิง่ ทีพ
ถูกเรียกเข้าไปคุยกับวัสสการพราหมณ์ พูด
แม้สงิ่ ทีต
่ รัสมาเหล่านัน ้ จะเป็ นเรือ
่ งจริงทุกประการ
“กุมารนัน
้ สนองสา รวากย์วาทตามเลา
เฉลยพจน์กะครูเสา วภาพโดยคดีมา
กุมารอืน
่ สงสัย มิเชือ่ ในพระวาจา
สหายราช ธ พรรณนา และต่างองค์ก็พาที
ไฉนเลยพระครูเรา จะพูดเปล่าประโยชน์ มี
เลอะเหลวนักละล้วนนี รผลเห็น บ เป็ นไป”
กษัตริย์ลจิ ฉวี
เป็ นตัวอย่างของหมูเ่ หล่าทีม ่ ีความสามัคคีและตัง้ มั่นในอปริหานิยธรรม
ประดุจกิง่ ไม้ทรี่ วมกันเป็ นกา ซึ่งยากทีใ่ ครจะหักทาลายลงได้
ดังคาประพันธ์ทีว่ า่
เหล่ากษัตริย์รว่ มกันปกครองแคว้นวัชชีมานาน
ทรงมีฐานะเสมอกันและยกย่องให้เกียรติกน ั เสมอ
ก่อนกระทากิจใดๆย่อมต้องมีการปรึกษาหารือ จนมีพละกาลังดั่ง “มัดกากิง่ ไม้”
ถึงแม้จะรักษาความสามัคคีมาช้านาน
เมือ
่ วัสสการพราหมณ์ ดาเนินการยุยงเหล่าโอรส
“ขุน
่ มนเคือง เรือ่ งนฤสาร
เช่นกะกุมาร ก่อนก็ระดม
เลิกสละแยก แตกคณะกลม
เกลียว บ นิยม คบดุจเดิม”
จากบทประพันธ์ขา้ งต้น
เป็ นฉากหลังเสร็จสิน ้ การเรียนกับวัสสการพราหมณ์ เหล่ากุมารก็ปรึกษาหารือ
ถามไถ่วา่ พระอาจารย์พูดเรือ ่ งอะไรบ้าง ต่างตอบตามความจริง
แต่ไม่เชือ ่ กันเพราะคิดแล้วไม่สมเหตุสมผล
แต่ละองค์เริม ่ เคืองใจซึง่ กันและกัน
่ ขุน
และไม่สนิทสนมกลมเกลียวกันเหมือนแต่กอ ่ น
ทัง้ นี้เกิดเป็ นจุดเริม่ ต้นของความขัดแย้ง จนกระทั่ง
“ต่างองค์นาความมิงามทูล พระชนกอดิศรู
แห่ง ธ โดยมูล ปวัตติค์ วาม
แตกร้าวกร้าวร้ายก็ป้ายปาม ลุวรบิดรลาม
ทีละน้อยตาม ณ เหตุผล
ฟั่นเฝื อเชือ่ นัยดนัยตน นฤวิเคราะหเสาะสน
สืบจะหมองมล เพราะหมายใด”
5
โอรสแต่ละองค์นาเรือ
่ งกราบทูลชนกของตน
ความแตกสามัคคีคอ ่ ยๆลามไปถึงบรรดากษัตริย์
ทีต
่ า่ งขาดวิจารณญาณและเชือ ่ ในคาของโอรสอย่างไร้ขอ
้ กังขา
จนท้ายทีส ่ ุดเมือ
่ พระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมา
เหล่ากษัตริย์ลจิ ฉวีก็มาถึงซึง่ ความล่มจม เหตุเพราะความแตกแยก
ยึดมั่นในความคิดและทิฐข ิ องตน จนขาดปัญญาทีจ่ ะพิจารณาไตร่ตรอง
ดังคาประพันธ์เมือ ่ ตอนทีพ่ ระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาตีแคว้นวัชชี กล่าวว่า
“เหี้ยมนัน
้ เพราะผันแผก คณะแตกและต่างมา
ถือทิฐม
ิ านสา หสโทษพิโรธจอง
แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิน
้ บ ปรองดอง
ขาดญาณพิจารณ์ ตรอง ตริมลักประจักษ์ เจือ”
4. ฉากท้องเรือ ่ ง
สามัคคีเภทคาฉันท์เป็ นเรือ
่ งราวจากอินเดีย
ซึง่ มีเค้าโครงเรือ่ งจากพระไตรปิ ฎกในสมัยพระเจ้าอชาตศัตรูแห่งแคว้นมคธ
กวีของอินเดียจึงพรรณนาฉากให้เข้ากับบ้านเมืองในสมัยนัน ้
อย่างไรก็ตามเมือ ่ ไทยรับวรรณคดีเรือ่ งนี้เข้ามา นายชิต บุรทัต
้ งึ่ เป็ นกวีไทย ได้ปรับแต่งฉาก ให้มีความเป็ นไทย
ผูซ
ตัวอย่างฉากจากวสันตดิลก ฉันท์ ๑๔
“ภาพเทพพนมวิจต ิ ระยิง่ นรสิงหะลายอง
ครุฑยุตภุชงค์วยิ ะผยอง และเผยอขยับผัน”
บทร้อยกรองข้างต้นพรรรณนาถึงความสวยงามของภาพบนผนัง
่ ระหนึ่งว่ากาลังขยับบินอย่างองอาจ
มีการกล่าวถึงนรสิงห์และครุฑยุดนาคทีป
“โดยรอบมหานคระเล่ หะสิเนรุปราการ
มั่นคงอรินทระจะราญ ก็ระย่อแล้วท้อหนี”
โดยรอบมหานครมีกาแพงเมืองทีม
่ ่น
ั คงดั่งเขาพระสุเมรุลอ
้ มรอบอยู่
“สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
ช่อฟ้ าตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆมั พร”
มีการกล่าวถึง “ช่อฟ้ า”
ซึง่ เป็ นสิง่ ทีอ
่ ยูบ
่ ริเวณยอดสุดของหน้าบันในสถาปัตยกรรมไทย
เนื่องจากช่อฟ้ าเป็ นนัยทีห ่ มายถึงการบูชาพระรัตนตรัย และทวยเทพบนสวรรค์
เหตุนี้พญานาคจึงถูกใช้เป็ นส่วนต่างๆในศิลปะการก่อสร้างของไทย
เนื่องจากมีความเชือ ่ ทีว่ า่ เป็ นสัตว์ทค
ี่ ม
ุ้ ครองพระพุทธศาสนา
มีการกล่าวถึงหน้าต่างไทยทีไ่ ด้รบ
ั การสลักอย่างสวยงาม
อีกทัง้ ยังมีดวงดาวต่างๆบนเพดานเหมือนในวัดไทย
นอกจากนี้ยงั มีการบรรยายฉากถึงความวุน ่ วายเมือ
่ แคว้นของพระเจ้าอช
าตศัตรูเดินทางมาถึงเมือง
เวสาลี ประชาชนต่างแตกตืน ่ และหลบเข้าป่ า
มีสว่ นทาให้ผอ ู้ า่ นคล้อยตามและสัมผัสถึงความหวาดกลัวทีแ ่ ผ่กระจายไปทั่วทัง้
เมือง ชาวบ้านต่างพากันอพยพครอบครัวเพือ ่ หนีภยั
ทิง้ บ้านเรือนเข้าไปหลบหนีในป่ า
“ข่าวเศิกเอกอึง ทราบถึงบัดดล
ในหมูผ่ ค
ู้ น ชาวเวสาลี
แทบทุกถิน ่ หมด ชนบทบูรี
อกสั่นขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป
ตืน่ ตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย
หลบลี้หนีตาย วุน
่ หวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย
เข้าดงพงไพร ทิง้ ย่านบ้านตน”
5. บทเจรจาหรือราพึงราพัน
“เอออุเหม่นะมึงชิชา่ งกระไร
ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน ก็มาเป็ น
ศึกบ่ถงึ และมึงก็ยงั มิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด
อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยัน้ มิทนั อะไร ก็หมิน
่ กู”
7
“ต่างทรงรับสั่งว่า จะเรียกหาประชุมไย
เราใช่เป็ นใหญ่ใจ ก็ขลาดกลัว บ กล้าหาญ
ท่านใดทีเ่ ป็ นใหญ่ และกล้าใครมิเปรียบปาน
พอใจใคร่ในการ ประชุมชอบก็เชิญเขา
ปรึกษาหารือกัน ไฉนนัน้ ก็ทาเนา
จักเรียกประชุมเรา บ แลเห็นประโยชน์เลย”
บทร้อยกรองข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการตัดพ้อ
และการประชดประชันของเหล่ากษัตริย์ทแ ี่ ตกความสามัคคีกน
ั
ทุกพระองค์ตา่ งทรงรับสั่งว่า
จะเรียกประชุมเพือ
่ อะไรในเมือ ่ เราไม่ได้เป็ นใหญ่
ใครคิดว่าตัวเองใหญ่ไม่มีใครเปรียบเทียบได้ก็จงประชุมไป
ถึงตัวเราจะไปก็ไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์ใดๆ
6. แก่นเรือ
่ ง
เเก่นหลักของเรือ
่ งสามัคคีเภทคาฉันท์คอ ื โทษของการเเตกความสามัคคีซงึ่
ทาให้เกิดความหายนะในหมูค ่ ณะ
แก่นเรือ
่ งรอง อืน
่ ๆทีส
่ นับสนุนเเก่นเรือ
่ งหลักให้เด่นชัดมีหลายประการ
ได้เเก่
การรูจ้ กั เลือกใช้บุคคลให้เหมาะสมกับงานจะทาให้งานสาเร็จด้วยดี
“ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ
กษัตริย์ลจิ ฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย
เหมาะแก่การณ์ จะเสกสรร ปวัตน์ วญ
ั จโนบาย
มล้างเหตุพเิ ฉทสาย สมัครสนธิส์ โมสร”
การใช้สติปญ
ั ญาเอาชนะฝ่ ายศัตรูโดยไม่ตอ
้ งเสียเลือดเนื้อ
“ไป่ พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย
แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์
ราบคาบเสร็จ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต
ดมเขตบุเรศดุจ ณ เดิม”
จากบทประพันธ์ขา้ งต้นเเสดงให้เห็นว่ากลอุบายของวัสสการพราหมณ์
ทาให้ฝ่ายกษัตริย์ลจิ ฉวีแตกความสามัคคีกนั
เมือ
่ กองทัพของพระเจ้าอชาตศัตรูมาถึงก็สามารถยึดครองแคว้นได้อย่างง่ายดา
ย โดยไม่ตอ ้ งเสียเลือดเสียเนื้อ
การถือความคิดของตนเป็ นใหญ่และทะนงตนว่าดีกว่าผูอ
้ ืน
่ ย่อมทาให้เกิดความ
เสียหายต่อส่วนรวม
“เหี้ยมนัน
้ เพราะผันแผก คณะแตกและต่างม
ถือทิฐม
ิ านสา หสโทษพิโรธจอง
แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิน
้ บปรองดอง
ขาดญาณพิจารณ์ ตรอง ตริมลักประจักษ์ เจือ”
จากบทประพันธ์ขา้ งต้นเเสดงให้เห็นถึงการเเตกสามัคคี
ต่างคนต่างยึดมั่นในความคิดของตน ซึง่ นามาซึง่ ความพินาศของบ้านเมือง
การอ่านและพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
1. การสรรคา
เลือกใช้คาให้เหมาะสมกับเรือ
่ งและฐานะของบุคคลในเรือ
่ ง
“ราชาลิจฉวี ไป่ มีสกั องค์
อันนึกจานง เพือ่ จักเสด็จไป
ต่างองค์ดารัส เรียกนัดทาไม
ใครเป็ นใหญ่ใคร กล้าหาญเห็นดี”
9
เลือกใช้คาให้เหมาะสมแก่ลกั ษณะของคาประพันธ์
“เอออุเหม่นะมึงชิชา่ งกระไร
ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน ก็มาเป็ น
ศึกบ่ถงึ และมึงก็ยงั มิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด
อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยัน ้ มิทนั อะไร ่ กู”
ก็หมิน
“อาพนพระมนทิรพระราช สุนิวาสน์วโรฬาร์
อัพภันตรไพจิตรและพา หิรภาคก็พงึ ชม
เล่ห์เลือ่ นชะลอดุสติ ฐา นมหาพิมานรมย์
มารังสฤษฏ์พศ ิ นิยม ผิจะเทียบก็เทียมทัน
สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
ช่อฟ้ าตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆมั พร
บราลีพลิ าศศุภจรูญ นภศูลประภัสสร
หางหงส์ผจงพิจต ิ รงอน ดุจกวักนภาลัย”
มีการใช้คาทีม
่ ีลีลานุ่มนวลในการแต่งบทชมต่างๆเพือ
่ พรรณนาภาพอันง
ดงาม ดังเช่น บทชมเมืองราชคฤห์ในแคว้นมคธของพระเจ้าอชาตศัตรูขา้ งต้น
10
เลือกใช้โดยคานึงถึงเสียง
- คาเลียนเสียงธรรมชาติ
“วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน
ทุกไท้ไป่ เอาภาร ณ กิจเพือ่ เสด็จไป”
จากบทประพันธ์ขา้ งต้น มีการใช้คาเลียนเสียงธรรมชาติ ซึ่งก็คอ ื เสียง
“กระหึม” ตอนตีกลองเรียกประชุมเป็ นคาทีก่ อ
่ ให้เกิดความรูส้ ก
ึ ฮึกเหิม
- คาทีเ่ ล่นเสียงสัมผัส
ผูป
้ ระพันธ์เลือกสรรถ้อยคาแล้วนามาเรียงร้อยอย่างดี
ทัง้ นี้ทาให้เกิดเสียงอันไพเราะเนื่องจากการเล่นเสียงสัมผัสใน
อีกทัง้ เสียงสัมผัสพยัญชนะและสัมผัสสระ เช่น
“แตกร้าวกร้าวร้ายก็ป้ายปา ลุวรบิดรลาม
ทีละน้อยตาม ณ เหตุผล
ฟั่นเฝื อเชือ่ นัยดนัยตน นฤวิเคราะหเสาะสน
สืบจะหมองมล เพราะหมายใด”
“สะพรึบสะพรั่ง ณ หน้าและหลัง
ณ ซ้ายและขวา ละหมูล่ ะหมวด
ก็ตรวจก็ตรา ประมวลกะมา
สิมากประมาณ”
- คาพ้องเสียงและคาซ้า
“สามยอดตลอดระยับระยับ วะวะวับสลับพรรณ
11
2. การเรียบเรียงคา
1. เรียงข้อความทีบ ่ รรจุสารสาคัญไว้ทา้ ยสุด
ผูเ้ ขียนต้องการเน้นยา้ ถึงใจความสาคัญของเรือ ่ งทีว่ า่
ความหวาดระแวงเป็ นสิง่ สาคัญทีจ่ ะทาให้แผนการยึดครองแคว้นวัชชีของพระ
เจ้าอชาตศัตรูสาเร็จ
จึงขึน ้ ต้นด้วยแผนอันชาญฉลาดของวัสสการพราหมณ์ เพราะเป็ นสิง่ ทีจ่ ะส่งผลใ
ห้ความสามัคคีนน ้ ั เหือดหายไป
“ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ
กษัตริย์ลจิ ฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย”
“ต่างทรงสาแดง ความแขงอานาจ
สามัคคีขาด แก่งแย่งโดยมาน
ภูมศิ ลิจฉวี วัชชีรฐั บาล
บ่ ชุมนุมสมาน แม้แต่สกั องค์”
ผูป
้ ระพันธ์ใช้คาว่า “สาแดง” “ความแขงอานาจ” และ “สามัคคีขาด”
ตามลาดับ เนื่องจากทุกคาส่งผลไปในเชิงลบ และมีความหมายเท่ากันๆ
เพราะคาว่าสาแดงหมายถึง การแสดง หรือทาให้เห็นฤทธิข ์ องตน
เป็ นการไม่ยอมกันเหมือนความแขงอานาจ
หรือถืออานาจทีต ่ นเองเป็ นใหญ่ไม่ผอ
่ นปรนให้กน
ั
เหล่ากษัตริย์ตา่ งแสดงความเพิกเฉย ปราศจากความสามัคคี
ปรองดองในจิตใจ
3.
้ ไปตามลาดับดุจขัน
เรียบเรียงประโยคให้เนื้อหาเข้มข้นขึน ้ บันไดจนถึงขัน
้ สุดท้
ายทีส
่ าคัญทีส
่ ุด
“เหี้ยมนัน
้ เพราะผันแผก คณะแตกและต่างมา
ถือทิฐม
ิ านสา หสโทษพิโรธจอง
12
้ ไปตามลาดับแต่คลายความเข้ม
4.เรียบเรียงประโยคให้เนื้อหาเข้มข้นขึน
ข้นลงในช่วงหรือประโยค สุดท้ายอย่างฉับพลัน
“อย่าติและหลู่ ครูจะเฉลย
เธอน่ ะเสวย ภัตกะอะไร
ในทินนี่ ดี ฤ ไฉน
พอหฤทัย ยิง่ ละกระมัง”
3. การใช้โวหาร
อุปมาโวหาร
“กุมารลิจฉวีขตั ติย์ ก็รบั อรรถอออือ
กสิกเขากระทาคือ ประดุจคาพระอาจารย์”
จากบทร้อยกรองข้างต้นเป็ นฉากทีพ
่ ระกุมารลิจฉวีก็รบ
ั สั่งเห็นด้วยว่าชา
วนาก็คงจะกระทาดังคาของพระอาจารย์ซงึ่ ก็คอ ื วัสสาการพราหมณ์
ในทีน
่ ี้เป็ นการเปรียบเทียบว่าการกระทาประดุจดังคาพระอาจารย์
“ขุน
่ มนเคือง เรือ่ งนฤสาร
เช่นกะกุมาร ก่อนก็ระดม
เลิกสละแยก แตกคณะกลม
เกลียว บ นิยม คบดุจเดิม”
จากบทร้อยกรองข้างต้นพระกุมารลิจฉวีตา่ งระแวงใจในกันและกัน
ต่อมาก็แตกความสามัคคีและไม่มีเป็ นน้าหนึ่งน้าใจเดียวกันเหมือนแต่กอ ่ น
ในทีน
่ ี้เป็ นการเปรียบเทียบว่าความสามัคคีนน
้ ั ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
บุคคลวัต
“วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน
ทุกไท้ไปเอาภาร ณ กิจเพือ่ เสด็จไป”
14
สัญลักษณ์
“แม้มากผิกงิ่ ไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง
มัดกากระนัน
้ ปอง พลหักก็เต็มทน
เหล่าไหนผิไมตรี สละลี้ ณ หมูต
่ น
กิจใดจะขวายขวน บ มิพร้อมมิเพียงกัน”
อติพจน์
“ตืน
่ ตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย
หลบลี้หนีตาย วุน
่ หวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย
เข้าดงพงไพร ทิง้ ย่านบ้านตน”
การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรม
1. คุณค่าด้านอารมณ์
“พวกราชมัลโดย พลโบยมิใช่เบา
ดหัตถแห่งเขา ขณะหวดสิพงึ กลัว
บงเนื้อก็เนื้อเต้น พิศเส้นสรีร์รวั
ทั่วร่างและทัง้ ตัว ก็ระริกระริวไหว
15
แลหลังละลามโล หิตโอ้เลอะหลั่งไป
เพ่งผาดอนาถใจ ระกะร่อยเพราะรอยหวาย
เนื่องนับอเนกแนว ระยะแถวตลอดลาย
เฆีย่ นครบสยบกาย สิรพ
ิ บั พะกับคา”
2. คุณค่าด้านคุณธรรม
ความแตกสามัคคี
ทาให้บา้ นเมืองไม่สงบสุขเเม้วา่ จะทากิจอันใดก็ยอ
่ มไม่ประสบผลสาเร็จ เช่น
16
ความแตกสามัคคีกน
ั ในราชวงศ์ทาให้บา้ นเมืองไม่สงบและทาให้ขา้ ศึกโจมตีไ
ด้งา่ ย
บรรณานุกรม