Professional Documents
Culture Documents
ตามรอยพ่อสอน
ตามรอยพ่อสอน
2
เป็ น การส่ ง ต่ อ แรงบั น ดาลใจจากพระองค์ ท่ า น โดยกลุ่ ม คนซึ่ ง มี ห น้ า ที่ ส ร้ า ง
แรงบั น ดาลใจให้ กั บ สั ง คม ซึ่ ง ก็ คื อ ‘ศิ ล ปิ น ’ ที่ พ ร้ อ มใจกั น ทำ � ด้ ว ยหั ว ใจ ถวายแด่
พระองค์ผู้ทรงงานอย่างหนักเพื่อชาวไทยตลอดมา ...นี่คือเหตุผลที่เราตั้งชื่อหนังสือ
happening เล่มนี้ว่าฉบับ ‘heart work’
ในระหว่างการค้นข้อมูล เราค้นพบว่าสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา-
ภู มิ พ ลอดุ ล ยเดชทรงทำ � เพื่ อ เหล่ า พสกนิ ก รนั้ น มี ม ากมายเกิ น กว่ า ที่ เ ราจะบอกเล่ า
ได้ด้วยการแบ่งออกเพียง 70 บท มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่านอีกมากมายที่เรายัง
ไม่เคยรู้ (แม้ว่าเราเคยคิดว่าเรารู้เรื่องของพระองค์มาไม่น้อยแล้วก็ตาม) หลายสิ่งที่
ท่านทรงทำ�ก็ลึกซึ้งและมีความบูรณาการจนยากยิ่งที่จะเล่าด้วยการแบ่งเป็นบทๆ หรือ
บอกเล่าในพื้นที่อันจำ�กัด ดังนั้นในบทบรรณาธิการนี้ ผมจึงจำ�ต้องออกตัวว่า หนังสือ
เล่มนี้เป็นเพียงการบอกเล่าในมุมของพวกเรา และด้วยวิธีของเราเท่านั้น แน่นอนว่า
มันจะไม่ใช่วธิ ที ด่ี ที สี่ ดุ แต่เราก็หวังเป็นอย่างยิง่ ว่าหนังสือเล่มนีจ้ ะทำ�ให้ผอู้ า่ นได้ความรู้
ได้แรงบันดาลใจ และคงจะเป็นเรือ่ งดีอย่างยิง่ ถ้าแรงบันดาลใจนัน้ หมายถึงการทีผ่ อู้ า่ น
ของเราจะลองลงมือค้นคว้า ลองไปสัมผัส ลองไปเห็น ‘สิง่ อันเป็นประโยชน์’ ทีพ ่ ระองค์
ทรงสร้างไว้ด้วยสายตาของตัวเอง และอาจถึงขั้นลงมือบอกเล่า หรือกระทั่งสานต่อ
สิ่งนั้นด้วยตัวเองบ้าง ไม่มากก็น้อย
ในระหว่างการประสานงานและการทำ�งานหนังสือเล่มนี้ เราค้นพบนํา้ ใจอันมากมาย
จากมวลมิตรและจากคนที่เราไม่เคยรู้จัก ที่ช่วยกันสนับสนุนให้หนังสือเล่มนี้แล้วเสร็จ
ไปได้ด้วยดี ศิลปินหลายท่านตอบตกลงและทำ�งานศิลปะให้เราทันที และยังยินดี
มอบค่าแรงร่วมสมทบทุนมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนาด้วย มิตรหลายคนส่งต่อข่าวว่าเรา
กำ�ลังทำ�หนังสือเล่มนี้ หลายองค์กรช่วยกันสนับสนุนต้นทุนในการผลิตหนังสือเล่มนี้
อย่างเต็มอกเต็มใจ ในสายธารแห่งนํ้าใจนั้น เรารับรู้ได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใน
หัวใจของทุกๆ คนที่มีส่วนร่วมกับงานชิ้นนี้
เรารับรูว้ า่ ทุกคนกำ�ลังทำ�เพือ่ ร่วมน้อมรำ�ลึกถึงพระราชาทีจ่ ะทรงประทับอยูใ่ นหัวใจ
ของพวกเราไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
และอย่างไม่มีข้อสงสัย เรารู้ได้เต็มหัวใจว่าทุกคนอยากสื่อสารและลงมือทำ�เรื่อง
ที่ดีงาม และเป็นประโยชน์
เป็นการก้าวตามรอยพระบาทที่พระองค์เสด็จฯ นำ�ทางแก่พวกเรามาแล้ว 70 ปี
เรากำ�ลังจะตามรอยนั้นไปด้วยกัน
ด้วยความสำ�นึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
วิภว์ บูรพาเดชะ
และทีมงาน happening
เพลงพระราชนิพนธ์
หากนี่ ไ ม่ ใ ช่ เ รื่ อ งราวของพระมหากษั ต ริ ย์ ผู้ ก ลายเป็ น จะพระราชทาน แสงเที ย น ออกมาเป็ น เพลงลำ � ดั บ ที่ 3
ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนทั้งประเทศแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็น โดยบรรเลงในงานลีลาศที่สวนอัมพร โดยมีวงดนตรีของกรม
เรือ่ งราวของนักดนตรีและนักแต่งเพลงทีย่ อดเยีย่ มทีส่ ดุ คนหนึง่ โฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์ขณะนัน้ ) และมี เอือ้ สุนทรสนาน
เท่าที่ประเทศเราเคยมี (หัวหน้าวงดนตรีสุนทราภรณ์) เป็นผู้ควบคุมวง
อย่างที่ เบนนี กู๊ดแมน (Benny Goodman) นักดนตรีแจ๊ซ ต่ อ มาพระองค์ พ ระราชนิ พ นธ์ บ ทเพลงออกมาอย่ า ง
ชื่อดังชาวอเมริกันเคยกล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทร- ต่ อ เนื่ อ งสิ ริ ร วมได้ ถึ ง 49* บทเพลง โดยมี บ ทเพลงสำ � คั ญ ๆ
มหาภูมิพลอดุลยเดชว่า “ผมมั่นใจว่าหากพระองค์ไม่ได้ดำ�รง อย่าง พรปีใหม่ ที่พระองค์พระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม
ตำ�แหน่งกษัตริย์อย่างที่เป็นอยู่ พระองค์จะต้องประสบความ พ.ศ. 2494 และกลายเป็นบทเพลงประจำ�ช่วงเทศกาลปีใหม่
สำ�เร็จในฐานะหัวหน้าวงดนตรีแจ๊ซและสวิงอย่างแน่นอน” ของประเทศไทยเรือ่ ยมา เพลงสำ�หรับใช้เป็นเพลงประจำ�องค์กร
แต่นไี่ ม่ใช่เรือ่ งของนักดนตรีชอื่ ก้องโลก หากแต่เป็นเรือ่ งราว และมหาวิทยาลัย เช่น เพลง มหาจุฬาลงกรณ์ ของจุฬาลงกรณ์
ของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มหาวิทยาลัย, เพลง ยูงทอง ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
เพียงแต่เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยเสียงดนตรีเท่านั้นเอง เพลง เกษตรศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น
พระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดช จนกระทั่งถึงเพลงลำ�ดับสุดท้าย เมนูไข่ * ข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ จำ � น ว น บ ท เ พ ล ง
สนพระราชหฤทัยในดนตรีตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เครื่องดนตรี พระองค์ พ ระราชนิ พ นธ์ เ พลงนี้ ขึ้ น มา พระราชนิพนธ์จากเดิมที่เข้าใจกันว่ามีทั้งสิ้น
48 บทเพลง ล่าสุดเมือ ่ วันที่ 25 ตุลาคม 2559
ชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือแอคคอร์เดียน พอพระชนมพรรษาได้ จากโคลงสี่ ข องสมเด็ จ พระเทพรั ต นราช ดร.ภาธร ศรี ก รานนท์ หนึ่ ง ในสมาชิ ก วง
ดนตรี อ.ส. วั น ศุ ก ร์ ได้ ชี้ แ จงไว้ ใ นรายการ
14 พรรษา ก็ได้ทรงใช้เงินออมส่วนพระองค์รวมกับเงินของ สุ ด าฯ เพื่ อ พระราชทานเป็ น ของขวั ญ ต่างคนต่างคิด ทางช่ อ งอมริ น ทร์ ที วี ว่ า
แท้ที่จริง บทเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งหมดนั้น
สมเด็จพระบรมราชชนนีอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อซื้อแซกโซโฟนมือสอง วันคล้ายวันประสูติครบ 72 พรรษา ให้แด่ มี ด้ ว ยกั น 49 เพลง โดยเพลงที่ ห ายไปคื อ
เพลง ราชวั ล ลภ ซึ่ ง เป็ น เพลงที่ มี เ นื้ อ ร้ อ ง
มาหั ด เล่ น พอพระชนมพรรษาได้ 18 พรรษา พระองค์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เมื่อปี 2538 และทำ � นองคล้ า ยคลึ ง กั บ เพลง มาร์ ช ราช-
วั ล ลภ ที่ เ ป็ น เพลงบรรเลง จึ ง ทำ � ให้ ห ลาย
พระราชนิพนธ์บทเพลง แสงเทียน เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ไม่น่าแปลกใจที่ เบนนี กู๊ดแมน ผู้เคย คนเข้ า ใจผิ ด ว่ า เป็ น บทเพลงเดี ย วกั น โดย
ดร.ภาธร ได้ทราบข้อมูลนี้หลังจากได้ทูลถาม
อันดับแรก แต่เนื่องด้วยพระราชประสงค์ที่จะทรงแก้ไขทำ�นอง มี โ อกาสเล่ น ดนตรี กั บ พระองค์ จ ะกล่ า ว พระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ล-
อดุ ล ยเดช พระองค์ ท รงมี รั บ สั่ ง กลั บ มาว่ า
กับคอร์ดบางตอนในบทเพลง จึงยังไม่โปรดเกล้าฯ พระราชทาน เช่นนั้น แต่ทว่าพระองค์ก็ทรงเลือกแล้ว ทั้ ง 2 บทเพลงเป็ น ‘คนละเพลงเดี ย วกั น ‘
โดยพระองค์ได้พระราชนิพนธ์เพลง ราชวัลลภ
ให้ นำ � ออกมา เพลง ยามเย็ น กั บ สายฝน จึ ง เป็ น บทเพลง ที่ จ ะเป็ น พระมหากษั ต ริ ย์ ที่ ท รงงานเพื่ อ ขึ้นมาเป็นลำ�ดับแรก ต่อมาจึงแก้ไขบางส่วน
ให้เป็นเพลงบรรเลงจนกลายเป็นเพลง มาร์ช
พระราชนิพนธ์ 2 เพลงแรกที่พสกนิกรได้รับฟัง ก่อนที่พระองค์ ปวงชนชาวไทย ...อี ก ทั้ ง ยั ง เป็ น กษั ต ริ ย์ ราชวัลลภ
ที่ ท รงดนตรี แ ละมี ผ ลงานเป็ น ที่ ป ระจั ก ษ์ แ ล้ ว ระดั บ โลกไป
heart work พร้ อ มกั น ดั ง พระราชดำ � รั ส ของพระองค์ ที่ พ ระราชทานแก่
คณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2524
ไว้ดังนี้
ทุกครั้งที่ฟังเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยู่ หั ว รั ช กาลที่ 9 เราจะรู้ สึ ก เหมื อ นได้ รั บ การ์ ด อวยพรที่ เ ต็ ม
“...การดนตรีจึงมีความหมายสำ�คัญสำ�หรับประเทศชาติ
ไปด้ ว ยกำ � ลั ง ใจ ความหวั ง และแง่ คิ ด ซึ่ ง เป็ น สิ่ ง เรี ย บง่ า ยแสน สำ�หรับสังคม ถ้าทำ�ดีๆ ก็ท�ำ ให้คนเขามีก�ำ ลังใจจะปฏิบตั งิ านการ
ธรรมดาแต่ส�ำ คัญอย่างมากต่อการใช้ชว ี ต
ิ โดยเฉพาะท่วงทำ�นอง
อ่อนหวานและลูกเล่นทางดนตรี ยังทำ�ให้จต ิ ใจสงบ สนุกและสดชืน ่
ก็เป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่ให้ความบันเทิง ทำ�ให้คนที่กำ�ลังท้อใจ
จึงอยากถ่ายทอดความรู้สึกนั้นผ่านภาพพระอัจฉริยภาพด้าน มีกำ�ลังใจขึ้นมาได้ คือเร้าใจได้ คนกำ�ลังไปทางหนึ่งทางที่ไม่
ดนตรีอน ั หลากหลาย อิงกับสัญลักษณ์จากเพลง อาทิ ดอกจามจุรี ถูกต้องก็อาจจะดึงกลับมาในทางที่ถูกต้องได้ ฉะนั้น ดนตรีก็มี
ดอกยู ง ทอง ดอกนนทรี ลมหนาว สายฝน อาทิ ต ย์ ย ามเย็ น
ใบหน้ า ยิ้ ม สู้ ข องผู้ พิ ก ารทางสายตา หมวกทหาร นก ไก่
ความสำ�คัญอย่างหนึ่ง จึงพูดได้กับท่านทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง
เกาะในฝัน ฯลฯ กับการดนตรีในรูปการณ์ต่างๆ ว่ามีความสำ�คัญและต้องทำ�ให้
พิมพ์รัก ชัยกุล
อายุ 35 ปี, ชาวสมุทรปราการ
ถูกต้อง ต้องทำ�ให้ดี...”
นักเขียน, ครีเอทีฟ
8 9
สถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต
11
วงดนตรีของพ่อ
12 13
เ รื่ อ ง สั้ น : วั น เ ข้ า ก รุ ง
โ ด ย : วิ น ท ร์ เ ลี ย ว ว า ริ ณ
พระราชทานปริญญาบัตร
-1- แกลุกขึน้ เมื่อเสียงคุยของคนเงียบลง เห็นขบวนรถแล่นเข้ามา ผูค้ นยืน
เมืองนี้มีรถมากจริง เพิ่งเห็นรถติดเป็นครั้งแรกในชีวิต แกคิดขณะยืน สำ�รวม ใจเต้นแรงขึ้นเมื่อรถยนต์แล่นไปที่หน้ามุขของหอประชุม
รอรถที่ป้ายรถเมล์... ไม่นึกว่าจะมีรถมากขนาดนี้ ติดกันตั้งแต่เช้าตรู่ แกจ้องตาไม่กะพริบ เห็นคนคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ แต่ภาพนั้น
แกอายุหกสิบสาม มาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกในชีวิต ตื่นแต่เช้าตรู่ ถูกคนบัง เห็นเงาร่างนั้นก้าวเข้าไปในหอประชุมเพียงแวบหนึ่ง ภาพนั้น
และแต่งตัวรอ ลูกสัพยอกว่า “พ่อตื่นเต้นหรือ?” ก็ถูกคนบังอีก
ช่วงเวลาเพียง 10 วินาทีของเหล่าบัณฑิต เป็นช่วงเวลาเดียว แล้ว ยังทรงวิ่งบริหารพระวรกายตามปกติอีกด้วย!
ครั้งแรกของทุกอย่างก็ต้องตื่นเต้นไม่ ใช่หรือ? แกประนมมือขึ้นเหนือหัว
ที่ทำ�ให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ผู้ครองแผ่นดิน “ทรงเคยเล่าว่า ในเวลาพระราชทานปริญญาบัตรเช่นนั้น
ตื่นเต้นตั้งแต่เตรียมกระเป๋าเดินทาง ยืมชุดสูท ซื้อรองเท้าคู่ ใหม่
ผ่านการได้รบั พระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ ...ถือเป็น ทรงสังเกตและทอดพระเนตรเห็นทุกอิรยิ าบถของบัณฑิตทุกคน
จัดของอยู่หลายวันก่อนเดินทาง -4-
ช่วงเวลาสำ�คัญที่ควรจดจำ�ไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น เมื่อใครชะงักหรือช้าและยังไม่ยื่นมือออกไปรับ
ทิ้งงานที่บ้าน ปิดร้าน นั่งรถไฟชั้นสามมายี่สิบชั่วโมง ลูกออกจากหอประชุมตอนเกือบเย็น แกถามลูก “จะได้รูปเมื่อไหร่?
การพระราชทานปริญญาบัตรนับเป็นพระราชกรณียกิจ พระราชทาน พระเจ้ า อยู่ หั ว ก็ จ ะทรงถื อ ปริ ญ ญาบั ต รรอไว้
ถึงกรุงเทพฯ แล้ว ลูกมารับ พาพ่อไปที่ห้องพัก เพื่อนร่วมห้องของลูก ทันพ่อกลับไหม?”
ต่อสาธารณะลำ�ดับแรกๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร- และยังไม่พระราชทานจนกว่าบัณฑิตผู้นั้นจะยื่นมือออกไป
กลับไปต่างจังหวัด จึงมีเตียงให้แกนอน “พ่อจะกลับเมื่อไหร่ครับ?”
มหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดชหลั ง เสด็ จ นิ วั ต ประเทศไทย ทรงเริ่ ม เอางานแล้วนั่นแหละ พระเจ้าอยู่หัวจึงจะพระราชทาน”
“พรุ่งนี้เย็น”
พระราชทานปริญญาบัตรแก่สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ของรัฐ ซึง่ สาเหตุทที่ �ำ ให้พระองค์มพี ระกิรยิ าสมํา่ เสมอนัน้ เนือ่ งจาก
-2- “ไม่ทันหรอกพ่อ ร้านบอกว่าต้องใช้เวลาอาทิตย์นึง แล้วผมจะส่ง
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา ในการเสด็จพระราชทานแต่ละ ทรงนำ�วิธีการทำ�สมาธิมาใช้ประยุกต์ในการประทับนั่งในเวลา
ลูกชายพาพ่อขึน้ รถเมล์ คนแน่นรถ แกสังเกตว่าหลายคนมองลูกด้วย ไปให้ทันทีที่ ได้”
ครั้งนั้น พระองค์ต้องประทับนั่งตรงนิ่งอยู่เป็นเวลานานหลาย หลายชั่วโมงนั่นเอง หมายความว่า พระองค์ทรงตระหนักได้ถึง
ความแปลกใจ แต่บางคนก็ยิ้ม ไม่ทุกวันที่พวกเขาเห็นคนสวมชุดครุย “เสียดาย นึกว่าจะเอากลับไปพร้อมกัน”
ชั่วโมงเพื่อพระราชทานปริญญาบัตรให้บัณฑิตที่จบการศึกษา ความปวดเมือ่ ยและไม่สบายพระวรกาย แต่ทรงปล่อยความรูส้ กึ
ขึ้นรถเมล์ แกหวังเพียงว่าชุดครุยจะไม่ยับเพราะเบียดเสียดกัน “พ่ออยากดูวัดพระแก้วไหม? หรือวัดอรุณ? ยักษ์วัดแจ้ง หรือจะดู
นับพันคน นั้นไป ไม่ให้ยึดติดกับความรู้สึกนั้น
ระยะทางจากที่พักไปมหาวิทยาลัยห่างกันแค่สองป้ายรถเมล์ แก พระนอนที่ ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย พ่อไม่เคยมากรุงเทพฯ”
พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร ซึ่งเคยอารักขาพระบาทสมเด็จ ตามธรรมเนี ย ม หลั ง จากพระราชทานปริ ญ ญาบั ต รแก่
บอกว่า “แค่นี้เดินไปก็ ได้” แต่ลูกบอกว่า “ขาพ่อไม่ดี ขึ้นรถเมล์ดีกว่า” “ไม่ล่ะ”
พระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 9 เป็นเวลากว่า 11 ปี เขียนเล่าในหนังสือ เหล่าบัณฑิต พระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาทเสมอ
ลูกเข้ากรุงเมื่อห้าปีก่อนเพื่อมาเรียนต่อ เกือบจะต้องสละสิทธิ์แล้ว ไม่ ได้มาเทีย่ ว มาเพื่อดูลกู ในชุดครุย ถ่ายรูปคูก่ บั พระองค์ และถ้าโชคดี
รอยพระยุคลบาท ว่า พระองค์จะทรงรับปริญญาบัตรทีเ่ จ้าหน้าที่ ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นข้อความเตือนสติผู้สำ�เร็จการศึกษาให้
หากมิ ใช่เพราะได้รับทุนการศึกษา อาศัยข้าวก้นบาตรต่อชีวิต จนเทอม ได้เห็นพระพักตร์สักแวบ ก็พอใจแล้ว เข้ากรุงครั้งนี้ก็สมหวังทั้งสองอย่าง
ทูลเกล้าฯ ถวาย และพระราชทานให้แก่บัณฑิตด้วยพระกิริยา ตระหนักในภาระหน้าที่ที่คอยอยู่ หลายโอกาสก็เป็นพระบรม-
สุดท้าย งานวิทยานิพนธ์หนักมาก จึงมาเช่าห้องอยู่กับเพื่อน แกไม่เคย ถึงจะเห็นแค่เงาร่างพระองค์เพียงแวบเดียวก็เป็นบุญแล้ว
สมํ่าเสมอ ไม่เปลี่ยนพระอิริยาบถ ไม่มีวี่แววของความง่วง ราโชวาทที่ทรงคุณค่าและสะท้อนถึงความรอบรู้อันลึกซึ้งใน
ส่งเสียลูกสักบาทเดียว ลูกหาเงินมาเรียนเองโดยตลอด พรุ่งนี้ ได้เวลากลับบ้าน
และความเมื่อยล้าเลย มิหนำ�ซํ้าเมื่อเสด็จกลับถึงพระตำ�หนัก ศาสตร์ต่างๆ ของพระองค์เอง
วันที่ลูกบอกว่าเรียนจบแล้ว ลูกบอกว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีรับปริญญา
ใน พ.ศ. 2530 มี ผู้ ร วบรวมสถิ ติ ม าว่ า พระองค์ ท รงเริ่ ม
เพราะจะได้ประหยัดเงิน แกบอกว่า “ครั้งนี้อย่าประหยัดเลย ขอสักครั้ง
พระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2493 เมื่อนับรวม
เถอะลูก” -5-
ถึงปี พ.ศ. 2529 คำ�นวณได้ว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
ลูกวิ่งมาที่สถานีรถไฟ ยื่นถุงกระดาษให้พ่อ แกดึงสิ่งของภายในถุง heart work 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน
-3- ออกมา เป็นรูปถ่าย กรอบรูปเป็นไม้เรียบๆ ไม่มีลวดลาย
470,000 ครั้ง นํ้าหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมนํ้าหนัก
หน้ามหาวิทยาลัยมีคนมากมาย ดอกไม้กับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะกับ “ไหนว่าเสร็จไม่ทันไง”
ผมอยากเล่ า เรื่ อ งพระราชทานปริ ญ ญาบั ต รในมุ ม มอง ทั้งหมด 141 ตัน
เสียงนับ “1-2-3” ตอนถ่ายรูป แกสวมสูทที่ยืมมาจากกำ�นัน ใส่แล้วรู้สึก “ผมขอร้องเจ้าของร้านช่วยเร่งให้เมื่อคืน บอกเขาว่าพ่อจะเอารูป ของคนธรรมดา คนเล็กๆ มุมเล็กๆ ฉากเล็กๆ เพื่อแสดงให้เห็น
เรื่องที่น่าทึ่งก็คือ นี่ยังไม่ใช่สถิติล่าสุด! เนื่องจากพระองค์
แปลกๆ เป็นอีก ‘ครั้งแรกในชีวิต’ กลับต่างจังหวัดไปติดฝาบ้าน พูดเท่านี้เขาก็รับปาก ทำ�เสร็จจนได้” พลั ง ของหนึ่ ง ในพระราชกรณี ย กิ จ ของในหลวงต่ อ ชาวบ้ า น
ธรรมดา โครงเรื่ อ งสะท้ อ นเรื่ อ งจริ ง ของผู้ เ ขี ย น และเชื่ อ ว่ า เสด็จพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระองค์เองจนถึงปี พ.ศ.
ลูกยืมกล้องถ่ายรูปเก่าจากเพื่อนคนหนึ่ง วานให้เพื่อนๆ ถ่ายรูปคู่ รถไฟเคลื่อนออกจากสถานี มือจับรูปถ่ายในมือและครุ่นคิดไปตลอด เป็นเรื่องจริงของคนจำ�นวนมากในประเทศนี้เช่นกัน 2540 นั บ รวมเป็ น เวลากว่ า 50 ปี ก่ อ นจะโปรดเกล้ า ฯ ให้
กับพ่อ หน้าคณะที่เรียน ทาง จะติดบนฝาผนังทีห่ น้าบ้าน หรือบนกำ�แพงห้องนอน หรือบนขื่อตำ�แหน่ง
พระราชวงศ์เสด็จแทนพระองค์ในเวลาต่อมา
ครั้นหลังเที่ยง ลูกกับเพื่อนๆ เข้าไปรอในหอประชุม แกนั่งรอใต้ต้นไม้ ใต้พระบรมฉายาลักษณ์... เดี๋ยวก็รู้
วินทร์ เลียววาริณ
ใหญ่ข้างนอก เสียงคุยของคนกลุ่มใหญ่ลอยมาแผ่วๆ แกมองไปรอบตัว อายุ 60 ปี, ชาวสงขลา/กรุงเทพฯ
ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์, นักเขียนรางวัลซีไรต์
ที่นี่ร่มรื่นดี ไม่เคยฝันว่าวันหนึ่งลูกของแกจะไต่มาถึงจุดนี้ ได้
14 15
ถนนห้วยมงคล
17
พระราชกรณียกิจ
เสด็จเยือนต่างประเทศ
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย-
เดชทรงขึ้ น ครองราชสมบั ติ พระองค์ เ สด็ จ พระราชดำ � เนิ น
เยือนต่างประเทศเพื่อการเจริญพระราชไมตรีระหว่างประเทศ
หลายครั้ง เป็นพระราชกรณียกิจเพื่อความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และยังเพื่อเป็นการทำ�ให้ประเทศ
ของเราเป็ น ที่ รู้ จั ก ของชาวโลกอย่ า งกว้ า งขวางมากขึ้ น ด้ ว ย
โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2503 ที่ทรงเริ่มต้นด้วยการเสด็จไปเยือน
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย (8-16 กุมภาพันธ์), พม่า
(2-5 มีนาคม) ก่อนจะเสด็จฯ ข้ามไปยังโลกฝัง่ ตะวันตกทีป่ ระเทศ
สหรัฐอเมริกา (14 มิถุนายน-14 กรกฎาคม), เยอรมนี (25
กรกฎาคม-2 สิงหาคม), อังกฤษ (19-23 กรกฎาคม), โปรตุเกส
(22-25 สิงหาคม), สวิตเซอร์แลนด์ (29-31 สิงหาคม), เดนมาร์ก
(6-9 กันยายน), นอร์เวย์ (19-21 กันยายน), สวีเดน (23-25
กันยายน), อิตาลีและกรุงวาติกัน (28 กันยายน-1 ตุลาคม),
เบลเยี่ยม (4-7 ตุลาคม), ฝรั่งเศส (11-14 ตุลาคม), ลักเซมเบิร์ก
(17-19 ตุลาคม), เนเธอร์แลนด์ (24-27 ตุลาคม) และปิดท้าย
ที่ประเทศสเปน (3-8 พฤศจิกายน) นับเป็นตารางการเดินทาง
ที่ ย าวนานและเหน็ ด เหนื่ อ ย แต่ ก็ ชั ด เจนว่ า เป็ น การเสด็ จ ฯ
heart work ไปเพื่อทรงประกอบพระราชกรณียกิจอย่างแท้จริง
แต่พอหลังจาก พ.ศ. 2510 พระองค์ก็มิได้เสด็จฯ เยือน
พระราชกรณียกิจเสด็จพระราชดำ�เนินเยือนต่างประเทศ ต่างประเทศอีก ยกเว้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2537 ที่เสด็จฯ
ของในหลวง เพื่ อ เจริ ญ สั ม พั น ธไมตรี คื อ ส่ ว นหนึ่ ง ที่ ทำ � ให้ เยื อ นประเทศลาวเพื่ อ ทรงเป็ น ประธานในการเปิ ด สะพาน
ทุกวันนี้คนไทยเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ เปรียบเสมือน
เส้นทางทีพ่ ระองค์ได้เตรียมไว้เพือ
่ ให้ชาวไทยได้เข้าสูค่ วามเป็น
มิ ต รภาพไทย-ลาวเท่ า นั้ น แต่ พ ระองค์ ยัง โปรดเกล้ า ฯ ฟให้
สากล ดั ง นั้ น จึ ง วาดออกมาในรู ป ของแผนที่ แ สดงเส้ น ทาง พระราชโอรสและพระราชธิดาเสด็จฯ ไปเยือนต่างประเทศแทน
การเสด็จฯ เยือนแต่ละประเทศของพระองค์ เพื่อแลกเปลี่ยนวิทยาการใหม่ๆ และวัฒนธรรมต่อไป
นลพัฐร์ ลี้สมประสงค์
อายุ 20 ปี, ชาวกรุงเทพฯ
นักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์
25
เขาชะงุ้ม
วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์
อายุ 45 ปี, ชาวราชบุรี
ศิลปินศิลปาธร สาขาการออกแบบ ปี 2553,
ศิลปินเซรามิก
103