Professional Documents
Culture Documents
Robert Jorgensen
Robert Jorgensen
นางสาวนิศาชล บังคม
วิทยานิพนธ์น!ีเป็ นส่วนหนึ*งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาดนตรีศกึ ษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ศกึ ษา
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปี การศึกษา 2553
ลิขสิทธิ 7ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
THE DEVELOPMENT OF EAR TRAINING ACTIVITY PLANS BASED ON KODÁLY’S
APPROACH FOR BEGINNER PIANO STUDENTS.
กิ ตติ กรรมประกาศ
ขอขอบพระคุณรองศาสตราจารย์ ดร. ณรุทธ์ สุทธจิตต์ ทีป รึกษาวิทยานิพนธ์หลัก ทีใ ห้
ความกรุณาถ่ายทอดความรู้ความรู้ดา้ นดนตรีศกึ ษา แนวคิดในการสอนดนตรีแบบโคดาย รวม
ไปถึงการทุ่มเทเวลาในการตรวจวิทยานิพนธ์ จึงทําให้วทิ ยานิพนธ์ฉบับนี/สาํ เร็จลุล่วงไปได้ดว้ ยดี
ข้าพเจ้ามีความซาบซึง/ ต่อพระคุณทีอ าจารย์มอบให้ศษิ ย์เสมอมา
ขอขอบพระคุณอาจารย์ดร.ดนีญา อุทยั สุขในการถ่ายทอดความรูใ้ นการวิจยั ในดนตรี
ศึ ก ษา ให้ ข้ า พเจ้ า ได้ มี โ อกาสและประสบการณ์ ด้ า นดนตรี ศึ ก ษา ขอขอบพระคุ ณ
รองศาสตราจารย์อรวรรณ บรรจงศิล ป ทีใ ห้ความช่ว ยเหลือ ให้คํา แนะนํ า ในด้า นดนตรีและ
วิ ท ย านิ พน ธ์ ซึ ง ทํ า ใ ห้ วิ ท ยา นิ พ นธ์ ฉ บั บ นี/ ออ กม าสม บู ร ณ์ ยิ ง ขึ/ น ขอ ขอบ พร ะคุ ณ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พงษ์ลดา ธรรมพิทกั ษ์กุล ทีใ ห้ความรูใ้ นเรืองกิจกรรมในดนตรีศกึ ษาและ
ขอขอบพระคุ ณ รัง สิพ ัน ธุ์ แข็ง ขัน สํ า หรับ ปรัช ญาดนตรีที ม อบให้ เ ป็ น แนวคิด ในการทํ า
วิทยานิพนธ์ และการเล่นดนตรี
ขอขอบพระคุณครอบครัวของข้าพเจ้าทีใ ห้การสนันสนุ นด้านการศึกษาของข้าพเจ้ามา
โดยตลอด ขอขอบคุณ นางสาวภัทรภร ผลิตากุล อาจารย์ผสู้ อนทักษะเปี ยโนและความรู้ด้าน
ดนตรีแก่ขา้ พเจ้า ตลอดจนให้คาํ แนะนําดี ๆ อยูเ่ สมอ
ขอขอบพระคุณ อาจารย์วิภาวรรณ จําเนียรพัน ธุ์ อาจารย์ดวงกมล บางชวดและ
อาจารย์พรรษวัชร พุธวัฒนะทีสละเวลาในการเป็ นผูท้ รงคุณวุฒใิ นการตรวจสอบเครืองมือการ
วิจยั และสุดท้ายนี/ขอขอบคุณบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ทีม อบทุนอุดหนุ น
วิทยานิพนธ์สาํ หรับนิสติ ให้แก่ผวู้ จิ ยั
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย………………………………………………………………………… ง
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ................................................................................................ จ
กิตติกรรมประกาศ...................................................................................................... ฉ
สารบัญ...................................................................................................................... ช
สารบัญตาราง............................................................................................................. ฌ
สารบัญภาพ............................................................................................................... ญ
บทที%
1 บทนํา............................................................................................................... 1
ความเป็ นมาและความสําคัญของปญั หา............................................................. 1
คําถามการวิจยั ............................................................................................................... 2
วัตถุประสงค์ของการวิจยั ............................................................................................... 2
สมมุตฐิ านการวิจยั ........................................................................................... 3
ขอบเขตของการวิจยั .................................................................................................... 3
นิยามศัพท์....................................................................................................................... 3
ประโยชน์ทค%ี าดว่าจะได้รบั ............................................................................................ 4
2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ% กีย% วข้อง.......................................................................... 5
ตอนที% 1 การสอนโสตทักษะ.............................................................................. 6
ความหมายการสอนโสตทักษะ............................................................. 6
ความสําคัญของการฝึกโสตทักษะ......................................................... 7
ตอนที% 2 วิธกี ารสอนดนตรีตามแนวคิดโคดาย.................................................... 8
ตอนที% 3 การสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์ดและโคดาย................................... 11
การสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์ด.................................................... 11
การสอนโสตทักษะของโคดาย.............................................................. 12
ตอนที% 4 ดนตรีกบั พัฒนาการของเด็ก................................................................ 13
พัฒนาการทัวไปและพั % ฒนาการทางดนตรีของเด็ก................................. 13
พัฒนาการด้านดนตรีของเด็กในเรื%องของการฟงั ................................... 16
ตอนที% 5 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ............................................................ 17
ความหมายของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู.้ .................................... 17
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูว้ ชิ าดนตรีท ั %วไป..................................... 18
ซ
บทที หน้า
ตอนที% 6 เจตคติ................................................................................................ 20
ความหมายของเจตคติ......................................................................... 20
องค์ประกอบของเจตคติ...................................................................... 21
วิธกี ารวัดผลเจตคติ............................................................................ 22
ตอนที% 7 งานวิจยั ทีเ% กีย% วข้อง............................................................................. 23
ตอนที% 8 กรอบการวิจยั ..................................................................................... 23
3 วิธดี าํ เนินการวิจยั .............................................................................................. 26
4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล........................................................................................ 33
ตอนที% 1 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดาย
สําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชันE ต้น....................................................... 33
ตอนที% 2 ผลสัมฤทธิ Fทางการเรียนในภาพรวม (ด้านการฟงั และความรู)้ และราย
ด้านจากการทดลองแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตาม
แนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชันE ต้น ก่อนและหลังการ
ทดลอง................................................................................................ 38
5 สรุปผลการวิจยั อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ.................................................... 51
สรุปผลการวิจยั .................................................................................................. 53
อภิปรายผล........................................................................................................ 55
ข้อเสนอแนะสําหรับการวิจยั ............................................................................... 59
รายการอ้างอิง............................................................................................................ 61
ภาคผนวก.................................................................................................................. 65
ภาคผนวก ก..................................................................................................... 66
ภาคผนวก ข..................................................................................................... 68
ภาคผนวก ค..................................................................................................... 233
ประวัตผิ เู้ ขียนวิทยานิพนธ์........................................................................................... 251
ฌ
สารบัญตาราง
ตารางที หน้า
1 พัฒนาการด้านดนตรีของเด็กในเรื องของการฟงั ……………………………… 16
2 สรุปกลุ่มตัวอย่าง………………………………………………………………... 28
3 สรุปการใช้เครื องมือวิจยั ในแต่ละสัดาห์......................................................... 31
4 เปรียบเทียบระหว่างแผนการจัดการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดาย
สําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน6 ต้นและแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ น
โสตทักษะแบบปกติ Ear Without Fear Volume 2…………………………… 37
5 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ Jทางการเรียนในภาพรวม
(ด้านการฟงั และความรู)้ ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมก่อนการทดลอง 39
6 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ Jทางการเรียนในภาพรวม
(ด้านการฟงั และความรู)้ ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมหลังการทดลอง 40
7 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ Jทางการเรียนด้านการฟงั
ระหว่างกลุม่ ทดลองและกลุ่มควบคุมก่อนการทดลอง………………………… 40
8 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ Jทางการเรียนด้านการฟงั
ระหว่างกลุม่ ทดลองและกลุ่มควบคุมหลังการทดลอง………………………… 41
9 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ Jทางการเรียนด้านความรู้
ระหว่างกลุม่ ทดลองและกลุ่มควบคุมก่อนการทดลอง………………………… 41
10 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ Jทางการเรียนด้านความรู้
ระหว่างกลุม่ ทดลองและกลุ่มควบคุมหลังการทดลอง………………………… 42
11 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ Jทางการเรียนด้านเจตคติ
ระหว่างกลุม่ ทดลองและกลุ่มควบคุมหลังการทดลอง………………………… 42
12 ผลการวิเคราะห์คา่ เฉลีย จากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในภาพรวม (ด้านปญั ญา ด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ และด้าน
ความรับผิดชอบ) ……………………………………….................................. 43
13 ผลการวิเคราะห์คา่ เฉลีย จากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในด้านปญั ญา………………………………………............... 44
14 ผลการวิเคราะห์คา่ เฉลีย จากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ …………………………………..... 44
15 ผลการวิเคราะห์คา่ เฉลีย จากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในด้านความรับผิดชอบ…………………………………......... 45
ญ
สารบัญภาพ
ภาพที หน้า
1 สัญญาณมือประกอบการร้องโน้ต ซอล-ฟา.................................................... 9
2 สัญลักษณ์เป็ นภาพ...................................................................................... 9
3 สัญลักษณ์แทนจังหวะตัวโน้ต....................................................................... 10
4 กรอบแนวคิดในการวิจยั ............................................................................... 25
5 กรอบการดําเนินการวิจยั .............................................................................. 26
6 การเปรียบเทียบค่าเฉลีย ของผลสัมฤทธิ :ทางการเรียนในภาพรวม ด้านการฟงั
ความรูแ้ ละเจตคติ หลังการทดลอง...................................................................... 46
7 การเปรียบเทียบค่าเฉลีย พฤติกรรมการเรียนระหว่างการทดลอง.................... 47
8 การเปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ :ทางการเรียนในภาพรวม (การฟงั และ
ความรู)้ ก่อนและหลังการทดลอง........................................................................ 48
9 การเปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ :ทางการเรียนด้านการฟงั ก่อนและหลัง
การทดลอง......................................................................................................... 49
10 การเปรียบเทียบค่าเฉลีย ผลสัมฤทธิ :ทางการเรียนด้านความรูก้ อ่ นและหลังการ
ทดลอง.............................................................................................................. 50
1
บทที 1
บทนํา
ความเป็ นมาและความสําคัญของปัญหา
หลักสูตรเปี ยโนฮอลลีโอนาร์ด (Hal Leonard Student Piano Library) เป็ นหลักสูตรทีผ* ่าน
การศึกษาวิจยั และพัฒนามาอย่างสมบรูณ์ และเป็ นทีแ* พร่หลายมากทัง; ในยุโรป และอเมริกา รวมทัง;
ในประเทศไทยซึ*งมีการนํ ามาใช้ในโรงเรียนดนตรีเอกชนต่างๆ เช่นโรงเรียนดนตรีมฟี ้ า โครงการ
ศึกษาดนตรีสําหรับบุคคลทัวไป * วิทยาลัยดุรยิ างคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรงเรียนดนตรีจนิ ตการ
และในการเรียนการสอนเปี ยโนตามบ้านครูผู้สอน ในการทําวิจยั ครัง; นี;กลุ่มตัวอย่างเป็ นนักเรียน
เปียโนทีเ* รียนกําลังเรียนแบบเรียนเปียโนชุด Hal Leonard Student Piano Library Book 2
ดนตรี เกิดขึน; จากเสียงที*จดั เรียงอย่างเป็ นระเบียบ และมีแบบแผนโครงสร้าง ซึ*งการรับรู้
เสียงของมนุ ษย์นนั ; จะเริม* เมือ* วัตถุสนสะเทื
ั* อนทําให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของคลื*นเสียงส่งไปยัง
หูซ*งึ เป็ นอวัยวะสําคัญของระบบโสตประสาท ดังนัน; การฝึ กโสตประสาทนับเป็ นหัวใจของการเรียน
ดนตรี เพราะเป็ นเครือ* งมือในการพัฒนาการเป็ นนักดนตรี และผูฟ้ งั ทีด* ใี นอนาคต
การฝึกโสตประสาทมีความสัมพันธ์กบั การเรียนการสอนดนตรี ดังจะพบว่าหลักสูตรทัง; ใน
ประเทศไทยและต่ างประเทศมีว ิชาการฝึ ก โสตประสาทเพราะเป็ นกระบวนการฝึ กความสามารถ
ทางด้านการฟงั เกี*ยวกับองค์ประกอบทางดนตรีในด้านทํานอง ระดับเสียง ลักษณะเสียง ขัน; คู่เสียง
ชนิดและลักษณะคอร์ด เสียงประสาน จังหวะ อัตราจังหวะ และยังช่วยพัฒนาความสามารถในการ
ร้องเพลง และการเขียนโน้ต ทีเ* รียกว่า dictation การฝึ กโสตประสาทจะช่วยพัฒนาผูเ้ รียนให้เป็ นผูม้ ี
ความสามารถในด้านการฟงั และมีทกั ษะดนตรีดา้ นอื*นดีขน;ึ (จุฑารัตน์ มณีวลั ย์, 2551; ธวัชชัย นาค
วงษ์, 2543; Karpinski, 2000; Randel, 1996)
โคดาย (1882-1967) นัก ประพันธ์เ พลง นัก ดนตรีว ิทยาและนัก ดนตรีศึกษาชาวฮัง การีม ี
แนวคิดการสอนดนตรีควรเริม* ต้นจากเสียงก่อนสัญลักษณ์เพราะดนตรีเป็ นเรื*องของเสียง สัญลักษณ์
เป็ นเพียงภาษาเพื*อถ่ายทอดเสียง นอกจากเรียนรูเ้ รื*องเสียงแล้วเด็กควรได้เรียนรูเ้ นื;อหาดนตรีท*มี ี
คุณค่าด้วย การเรียนรูด้ นตรีทด*ี ที ส*ี ุดคือการใช้เครื*องมือทีม* มี าแต่กําเนิด ได้แก่ เสียงร้อง (Choksy,
1999 อ้างถึงในพงษ์ลดา นาควิเชียร, 2537) และโคดายกล่าวว่าการพัฒนาการได้ยนิ ภายในเป็ น
ความจําเป็ นสูงสุด นักดนตรีทุกคนควรมีความสามารถในการอ่านโน้ ตดนตรีเป็ นเสียงในความคิด
หรือเปลีย* นเสียงทีเ* กิดขึน; ในความคิดเป็ นโน้ตดนตรีได้อย่างทันทีโดยไม่ต้องพึง* การเล่นเครื*องดนตรี
(ณรุทธ์ สุทธจิตต์, 2537; OAKE, 1987 อ้างถึงใน ธวัชชัย นาควงษ์, 2547) และนี*คอื ความจําเป็ นที*
ต้องฝึกโสตประสาท
2
คําถามการวิ จยั
1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปียโนระดับ
ชัน; ต้นมีลกั ษณะอย่างไร
2. นักเรียนทีเ* รียนด้านโสตทักษะจากแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิด
โคดายมีผลสัมฤทธิ jด้านทักษะการฟงั ด้านความรูแ้ ละมีเจตคติเพิม* ขึน; หรือไม่ อย่างไร
วัตถุประสงค์ของการวิ จยั
1. เพื*อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียน
เปียโนระดับชัน; ต้น
2. เพื*อศึกษาผลสัมฤทธิ jทางด้านทักษะการฟงั ด้านความรูแ้ ละศึกษาเจตคติทม*ี ตี ่อการเรียนจาก
การทดลองแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียน
เปียโนระดับชัน; ต้น
3
สมมุติฐานการวิ จยั
กลุ่มทดลองที*ได้รบั การทดลองแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโสตทักษะตามแนวคิด
โคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน; ต้นจะมีผลสัมฤทธิ jทางการเรียนด้านทักษะการฟงั และด้าน
ความรู้ และมีเจตคติสงู กว่ากลุ่มควบคุมทีไ* ด้รบั การทดลองแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบปกติ
ขอบเขตของการวิ จยั
1. ประชากรทีศ* กึ ษา ได้แก่ นักเรียนทีม* ชี ่วงอายุ 7 - 12 ปี ทีเ* รียนเปี ยโนเดีย* วในระดับ
ชัน; ต้นกับผูว้ จิ ยั จํานวน 16 คน แบ่งเป็ นกลุ่มทดลอง 8 คนและกลุ่มควบคุม 8 คน
2. ตัวแปรทีศ* กึ ษา ประกอบด้วย
2.1 ตัวแปรต้น คือ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิด
โคดายสําหรับนักเรียนเปียโนระดับชัน; ต้น
2.2 ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ jทางด้านทักษะการฟงั และด้านความรู้ และเจตคติ
3. ระยะเวลาทีใ* ช้ในการทดลองเป็ นการสอนรายบุคคลในระยะเวลา 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ
2 คาบ คาบละ 40 นาที รวม 8 คาบ/คน
นิ ยามศัพท์
แผนการจัดกิ จกรรมการเรียนรู้ หมายถึง เอกสารทีจ* ดั ทําขึน; เป็ นลายลักษณ์อกั ษรอย่าง
เป็ นระบบเพื*อเป็ นแนวทางในการสอนแต่ละคาบเรียนและมีความต่อเนื*องกับแผนการจัดกิจกรรม
การเรียนรูท้ ผ*ี ่านมา
โสตทักษะ หมายถึง วิชาที*ประกอบด้วยการเรียนการสอนด้านทักษะการฟงั เรื*องขัน; คู่
ได้แก่ คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 3 เมเจอร์ คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 4 เพอร์เฟค คู่ 5 เพอร์เฟค คู่ 6 เมเจอร์ และคู่ 8 เพอร์
เฟค
นักเรียนเปี ยโนระดับชัน- ต้น หมายถึง นักเรียนทีเ* รียนเปี ยโนทีก* ําลังเรียนแบบเรียนเปี ยโน
ชุด Hal Leonard Student Piano Library Book 2 และมีอายุระหว่าง 7 - 12 ปี
ผลสัมฤทธิ0 ด้ านทักษะการฟั ง หมายถึง ผลการเรียนที*คาดหวังด้านการฟงั ขัน; คู่ ได้แก่
คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 3 เมเจอร์ คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 4 เพอร์เฟค คู่ 5 เพอร์เฟค คู่ 6 เมเจอร์ และคู่ 8 เพอร์เฟค
ของผูเ้ รียนโดยวัดจากการทําแบบทดสอบทีผ* วู้ จิ ยั สร้างขึน;
ผลสัมฤทธิ0 ด้านความรู้ หมายถึง ผลการเรียนด้านความรูท้ างดนตรีทค*ี าดหวังของผูเ้ รียน
โดยวัดจากการทําแบบทดสอบทีผ* วู้ จิ ยั สร้างขึน;
4
ประโยชน์ ทีคาดว่าจะได้รบั
1. ได้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียน
เปียโนระดับชัน; ต้น
2. ทราบถึงผลสัมฤทธิ jทางด้านทักษะการฟงั ด้านความรู้ และเจตคติจากการใช้แผนการจัด
กิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปียโนระดับชัน; ต้น
5
บทที 2
เอกสารและงานวิ จยั ทีเกียวข้อง
การวิจ ยั เรื
อ งการพัฒ นากิจ กรรมการเรีย นรู้ด้า นโสตทัก ษะตามแนวคิด โคดายสํ า หรับ
นักเรียนเปี ยโนระดับชัน% ต้นเป็ นการศึกษาการพัฒนาแผนกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโสตทักษะและ
ศึกษาแนวคิดการสอนดนตรีของโคดาย ซึง
มีความสัมพันธ์กบั เนื%อหาสาระ ได้แก่ การสอนโสตทักษะ
อันเป็ นกระบวนการฝึ กความสามารถทางด้านการฟงั ที
ดขี ององค์ประกอบทางดนตรี วิธกี ารสอน
ดนตรีตามแนวคิดโคดายเป็ นทีน
ิยมและยอมรับกันทัวโลก
วิธกี ารสอนจะเน้นทีก
ารร้องเป็ นหลักและ
เรีย งลํา ดับจากง่ายไปยากโดยคํานึ ง ถึง พัฒนาการของเด็ก ในแต่ ล ะช่ ว งวัย ซึ
ง จากเนื% อ หาสาระ
ดังกล่าวผู้วจิ ยั จะนํ าไปพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื
อนํ ามาพัฒนาผลสัมฤทธิ 6ทางการ
ด้านทักษะการฟงั ด้านความรู้ และเจตคติดงั นัน% ผู้วจิ ยั จึงได้ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ที
เกี
ยวข้อง
เพื
อ เป็ นกรอบและแนวทางในการพัฒนากิจกรรมการเรีย นรู้ด้า นโสตทัก ษะตามแนวคิด โคดาย
สําหรับนักเรียนเปียโนระดับชัน% ต้น โดยแบ่งออกเป็ น 8 ตอน ดังนี%
ตอนที
1 การสอนโสตทักษะ
1.1 ความหมายการสอนโสตทักษะ
1.2 ความสําคัญของการฝึกโสตทักษะ
ตอนที
2 วิธกี ารสอนดนตรีตามแนวคิดโคดาย
ตอนที
3 การสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์ดและโคดาย
3.1 การสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์ด
3.2 การสอนโสตทักษะของโคดาย
ตอนที
4 ดนตรีกบั พัฒนาการของเด็ก
4.1 พัฒนาการทัวไปและพั
ฒนาการทางดนตรีของเด็ก
4.2 พัฒนาการด้านดนตรีของเด็กในเรือ
งของการฟงั
ตอนที
5 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ความหมายของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
5.2 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูว้ ชิ าดนตรีทวไป
ั
ตอนที
6 เจตคติ
6.1 ความหมายของเจตคติ
6.2 องค์ประกอบของเจตคติ
6.3 การวัดผลเจตคติ
6
ตอนที 1 การสอนโสตทักษะ
2.1 ความหมายการสอนโสตทักษะ
การสอนโสตทักษะ คือ การฝึ กความสามารถทางด้านการฟงั ในเรื
องคุณสมบัติของเสียง
ไม่ว่าจะเป็ นเรื
องจังหวะ อัตราจังหวะ ทํานอง เสียงประสาน ขัน% คู่เสียง รูปแบบทางดนตรี สีสนั และ
ลัก ษณะของเสีย งเพื
อ พัฒนาผู้เ รียนให้มคี วามสามารถทางด้า นการฟ งั และการได้ย ินที
ด ี และมี
พัฒนาการทางด้านทักษะทางดนตรีด้านอื
นๆ ดีข%นึ ด้วย แต่ จําเป็ นต้องมีการปฏิบตั อิ ย่างต่อเนื
อง
(จุฑารัตน์ มณีวลั ย์, 2551)
พจนานุ กรมของ “The Harvard Concise Dictionary of Music and Musicians” (Randel,
1996) ได้ให้ความหมายของการสอนโสตทักษะ (Ear training) ไว้ว่า การสอนโสตทักษะ คือ การฝึ ก
ให้มคี วามเข้าใจในความเป็ นดนตรีให้ดขี น%ึ รวมถึงมีความชํานาญ และมีความสามารถในการฟงั ที
ด ี
ในองค์ประกอบทางดนตรีในด้านทํานอง ขัน% คู่เสียง เสียงประสาน จังหวะ อัตราจังหวะ และรวมไป
ถึงความชํานาญในการร้องเพลง และการฝึกเขียนโน้ตทีเ
รียกว่า dictation
การสอนโสตทักษะเบื%องต้น คือ การมุ่งพัฒนาทักษะความสามารถในการได้ยนิ และการ
ตอบได้ถงึ คุณลักษณะของเสียงในด้าน 1) จังหวะ 2) ทํานอง รวมทัง% เสียงระดับต่างๆ เสียงลักษณะ
ต่างๆ และความดัง - เบา 3) เสียงประสาน เช่น ชนิดและลักษณะต่างๆ ของขัน% เสียง ชนิดและ
ลักษณะของคอร์ด (ธวัชชัย นาควงษ์, 2543)
จากความหมายของการสอนโสตทักษะดังที
กล่าวมาข้างต้น พอสรุปได้ว่า การสอนโสต
ทักษะ คือ กระบวนการฝึ ก ความสามารถทางด้านการฟ งั ที
ดขี ององค์ประกอบทางดนตรีในด้าน
ทํ า นอง ระดับ เสีย ง ลัก ษณะเสีย ง ขัน% คู่ เ สีย ง ชนิ ด และลัก ษณะคอร์ด เสีย งประสาน จัง หวะ
อัตราจังหวะ ความสามารถในการร้องเพลง และการเขียนโน้ ต ที
เรียกว่า dictation เพื
อพัฒนา
ผูเ้ รียนให้เป็ นผูม้ คี วามสามารถในด้านการฟงั และมีทกั ษะดนตรีดา้ นอื
นดีขน%ึ
7
ภาพที 2 สัญลักษณ์เป็ นภาพ
ทีมา: ณรุทธ์ สุทธจิตต์, 2544
10
• สัญลักษณ์แทนจังหวะตัวโน้ต
สัญลักษณ์ระบบโคดาย เสียง สัญลักษณ์ดนตรี
ภาพที 3 สัญลักษณ์แทนจังหวะตัวโน้ต
ทีมา: ณรุทธ์ สุทธจิตต์, 2540
ตอนที 3 การสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์ดและโคดาย
3.1 การสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์ด
ในการวิจยั ครัง% นี%การสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์เป็ นการสอนแบบปกติซง
ึ สอนควบคู่ไป
กันกับแบบเรียนเปี ยโนชุด Hal Leonard Student Piano Library เล่ม 1, 2, 3, 4 และ 5 มีหนังสือ
ประกอบการเรียนการสอนฟงั ทัง% หมด 3 เล่ม ได้แก่ Ear Without Fear Volume 1, 2 และ 3 มี
รายละเอียดดังนี%
1. Ear Without Fear Volume 1 (Preston and Hale, 2009a)
ปูพน%ื ฐานโดยแบบฝึกหัดการฟงั การร้องโน้ต (Sight Singing) และการเขียนโน้ตจาก
การฟงั (dictation)
2. Ear Without Fear Volume 2 (Preston and Hale, 2009b)
เนื%อหาหนังสือเล่มที
2 นี%ต่อเนื
องจากเล่มที
1 โดยมีเนื%อหาสาระดังนี%
- ใช้ระบบอักษรโรมัน (Letter Names) และเส้นน้อย (Ledger Lines)
- กุญแจซอล (Treble Clefs) และกุญแจฟา (Bass Clefs)
- เครือ
งหมายชาร์ปและแฟลต
- ใช้ระบบโดเคลื
อนที
(Moveable Do)
- ขัน% คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 3 เมเจอร์ คู่ 4 เพอร์เฟค คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 5 เพอร์เฟค
คู่ 8 เพอร์เฟค และคู่ 6 เมเจอร์ ตามลําดับ
12
3.2 การสอนโสตทักษะของโคดาย
การสอนโสตทักษะของโคดาย วิธกี ารสอนดนตรีตามแนวคิดโคดายนัน% จะสอนเสียงก่อน
สัญญลักษณ์และเน้นทีก
ารร้องเป็ นหลัก โดยแบบฝึกหัดการร้องเพลงของโคดายนัน% จะแบ่งเป็ นระดับ
ขัน% ต่างๆ ให้เหมาะสมกับผูเ้ รียนและเพลงร้องทีน
ํ ามาใช้จะอยู่ในบันไดเสียงเพนตาโทนิก มีการใช้โท
นิกซอล-ฟา (Tonic Sol - fa) และสัญญาณมือในกิจกรรมการสอน ซึง
สามารถฝึ กโสตประสาททาง
ดนตรีของผูเ้ รียนได้ทงั % เรือ
งจังหวะ ระดับเสียง และการประสานเสียง
จากการศึกษาการสอนโสตทักษะของฮอลลีโอนาร์ดและโคดายพบว่าการสอนโสตทักษะใน
เรื
องขัน% คู่นัน% ฮอลลีโอนาร์ดจะสอนเริม
จากขัน% คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 3 เมเจอร์ คู่ 4 เพอร์เฟค คู่ 3 ไมเนอร์
คู่ 5 เพอร์เฟค คู่ 8 เพอร์เฟค และคู่ 6 เมเจอร์ตามลําดับ โดยจะเริม
จากอธิบายเนื%อหาสาระก่อน
จากนัน% จะให้นักเรียนฟงั เสียงของขัน% คู่และฝึ กฝนการฟงั โดยการทําแบบฝึ กหัดการฟงั ได้แก่ การ
แยกแยะเสียง (Identify) การจับคู่ (Matching) การเขียนโน้ ตจากการฟงั (dictation) การร้องโน้ ต
(Sight Singing) และการบูรณาการ (Integration) ส่วนการสอนโสตทักษะของโคดายนัน% จะเน้ นที
การร้องและเพลงทีน
ํ ามาใช้จะอยู่ในบันไดเสียงเพนตาโทนิก ซึง
ในการวิจยั ครัง% นี%จะนํ าเอาแนวคิดโค
13
2. ช่วง 2-7 ปี
ในช่ ว งนี% เ ด็ก เริ
ม เรีย นรู้เ กี
ย วกับ ระบบของสัญ ลัก ษณ์ ใ นความคิด ของตนเอง เพื
อ แทน
เหตุการณ์หรือประสบการณ์ทต
ี นได้รบั ภายในความคิด (Preoperational Stage) เปี ยเจท์มคี วามเชื
อ
ว่ า เด็ก ในวัย นี% ม ีค วามคิด ตามที
ต นมีประสบการณ์ หรือ รับ รู้ เด็ก ไม่ ส ามารถรับ รู้ไ ด้ว่ า คนอื
น มี
ประสบการณ์ หรือ รับรู้ไม่เ หมือ นตน เด็กในวัยนี% มคี วามสามารถทางภาษาเพิม
มากขึ%น สามารถ
เรียนรูจ้ ดจําสิง
ต่างๆ ได้ เมื
อใช้ภาษาเป็ นสื
อ แนวความคิดยากๆ ทีเ
ป็ นรูปธรรมหรือนามธรรม เด็ก
ยังไม่สามารถเข้าใจได้ และยังไม่มแี นวคิดเกี
ยวกับความคิดคงที
ของจํานวนความจุแ ละปริมาณ
(Conservation of number and object) ฉะนัน% ความคิดในการแก้ปญั หาทีซ
บั ซ้อนจึงยังไม่มเี ด็กวัยนี%
ไม่ชอบอยู่เฉยมักเคลื
อนไหวตลอดเวลา แต่เหนื
อยง่าย ความสัมพันธ์ของการทํางานระหว่างมือกับ
ตายังไม่พฒ ั นามากนัก ชอบเพ้อฝนั คิดค้น เด็กผูห้ ญิงมักมีพฒ ั นาการเร็วกว่าเด็กผูช้ าย
พัฒนาการทางดนตรีของเด็กในวัยนี%คล้ายๆ กับวัยที
ผ่านมา คือ มีพฒ ั นาการด้านจังหวะ
และทํานอง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็ นการเรียนรูด้ า้ นจังหวะหรือทํานอง เด็กในวัยนี%ทําได้ดกี ว่า แต่
ไม่สมํ
าเสมอ กล่าวคือ การตบจังหวะมักเร็วบ้างช้าบ้าง ไม่สามารถรักษาความเร็วของจังหวะได้
สมํ
าเสมอ ไม่สามารถตอบสนองจังหวะทีซ
บั ซ้อนได้เลย ด้านทํานองเด็กสามารถร้องได้ดขี น%ึ แต่มกั
ร้องเพีย% น เนื
องจากแนวคิดเรือ
งระดับเสียงยังพัฒนาไม่เต็มที
ช่วงเสียงยังจํากัด และการรับฟงั ยังไม่
พัฒนาไปเท่าทีค
วร ส่วนการเคลื
อนไหวเพื
อตอบสนองกับดนตรีเป็ นกิจกกรมทีเ
ด็กในวัยนี%ชอบมาก
เพราะเป็ นวัยทีร
า่ งกายกําลังเจริญเติบโต มีพลังงานมาก การให้นงเฉยๆ ั
ฟงั เพลงเป็ นเวลานานๆ จึง
ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กในวัยนี% จะเป็ นการดีถ้าเด็กในวัยนี%ชมการแสดงดนตรีสด เพราะช่วยให้เด็กเกิด
ความสนใจ และฟงั เพลงได้นานขึน% เด็กในวัยนี%เริม
ชอบเคาะ ชอบทําจังหวะ ถ้ามีเครื
องประกอบ
จังหวะให้เล่น เด็กในวัยนี%จะชอบมาก การตอบสนองเกี
ยวกับเสียงประสานยังไม่มใี นเด็กวัยนี% แต่
สามารถรับรูเ้ รือ
งเสียงประสานได้ ถ้าผูส้ อนแนะนํ าหรืออธิบายให้ฟงั เด็กในวัยนี%เริม
มีความสามารถ
ตอบสนองทางดนตรีเกีย
วกับเรือ
งของความเร็ว-ความช้าของจังหวะและความดังค่อยของเสียง
3. ช่วง 7-11 ปี
พัฒนาการทางความคิดของเด็กในวัยนี%เจริญขึ%นเป็ นลําดับ เด็กสามารถคิดเกี
ยวกับด้าน
รูปธรรมอย่างมีเหตุผลได้ แต่แนวความคิดทางด้านนามธรรมยังไม่พฒ ั นามากนัก เด็กเริม
มองสิง
ต่างๆ ในหลายแง่มุม เปี ยเจท์ จึงเรียกวัยนี%ว่า Concrete Operational Stage เนื
องจากความคิด
เกีย
วกับด้านรูปธรรมพัฒนาเป็ นอย่างดีในเด็กวัยนี% เด็กมีแนวคิดเกีย
วกับความคงทีข
องจํานวนความ
จุปริมาณ สามารถจัดหมวดหมู่สงิ
ของ หรือสิง
ใดๆ สําเร็จ เด็กในวัยนี%ยงั ไม่สามารถคิดแก้ปญั หาใน
ลักษณะของการตัง% สมมติฐานได้
พัฒนาการทางดนตรีก้าวหน้ามากขึน% ได้ ความคงทีข
องจังหวะมีมากขึน% สามารถเล่นออสติ
นาโตได้ ร้องเพลงวนและแคนอน (round and canon) ได้ ซึง
แสดงว่าพัฒนาการด้านเสียงประสาน
เริม
ขึ%นในเด็กวัยนี% สมาธิในการฟงั มีมากขึ%น สามารถฟงั เพลงบรรเลงได้ดขี น%ึ ความเข้าใจในเรื
อง
15
ระดับ เสีย งมีม ากขึ%น การร้อ งเพลงเพี%ย นน้ อ ยลง สามารถเล่ น เครื
อ งทํ า นอง เช่ น คีย์บ อร์ด ได้
นอกเหนื อ ไปจากเครื
อ งประกอบจัง หวะต่ า งๆ การเคลื
อ นไหวเพื
อ ตอบสนองเสีย งดนตรีย งั มี
ความสําคัญ และใช้ในการพัฒนาแนวคิดต่างๆ ทางดนตรีได้ แต่ควรมีแบบแผนมากขึน% กว่าเด็กใน
วัยทีผ
่านมา
4. ช่วง 11-15 ปี
พัฒนาการทางความคิดของเด็กในวัยนี%จดั ได้ว่าได้พฒ ั นามาถึงจุดทีส
มบูรณ์ คือ สามารถคิด
แบบผู้ใหญ่ได้ ได้แก่ การคิดแบบตัง% สมมติฐาน เนื
องจากมีความเข้าใจเกี
ยวกับสิง
ต่างๆ ทางด้าน
นามธรรมมากขึน% เปี ยเจท์ เรียกพัฒนาการในวัยนี%ว่า Formal Operational Stage พืน% ฐานทาง
ความคิด ของเด็ก ในวัยนี% จะติด ตัว เด็ก ไปจนเป็ นผู้ใ หญ่ เป็ นวัยที
ส ามารถคิด สิ
ง ต่ างๆ ได้อ ย่างมี
เหตุผล สามารถใครครวญถึงผลได้ผลเสียทีจ
ะเกิดขึน% ในอนาคต อย่างไรก็ตามเด็กในวัยนี%เป็ นวัยที
เริม
ย่างเข้าสู่วยั รุน่ เริม
จะมีการเปลีย
นแปลงทางด้านร่างกายอย่างมาก ซึง
จะกล่าวต่อไปในเรื
องการ
พัฒนาการของวัยรุน่ นอกจากนี%พฒ ั นาการด้านอารมณ์ และสังคม เช่น การคบเพื
อน ความต้องการ
เข้ากับกลุ่มเพื
อนได้ ทําให้การตัดสินใจทําอะไรไม่เหมาะสมและขาดเหตุผลได้ในบางครัง% จึงเป็ นวัย
ทีต
อ้ งการการแนะนําดูแลจากพ่อแม่ และครูอาจารย์ แต่การให้คําแนะนํ าปรึกษาควรให้เหมาะสมกับ
โอกาส และอยูบ่ นรากฐานของความเข้าใจและสัมพันธภาพอันดีต่อเด็กเป็ นสําคัญ
พัฒนาการทางด้านดนตรีของเด็ก ในวัยนี% เริม
มีค วามลึกซึ%ง ทัง% ในด้านแนวคิด และทัก ษะ
ดนตรี เด็ ก สามารถแสดงความรู้ ส ึ ก ตามบทเพลงได้ ม ากขึ%น การเน้ น ความรู้ ส ึ ก ของเพลง
(expressions) ไม่ว่าในการร้องหรือเล่นเครื
องดนตรี เป็ นแนวคิดและทักษะทีเ
ด็กสามารถเข้าใจและ
ปฏิบ ตั ิไ ด้ การร้อ งเพลงมัก ไม่ค่ อ ยเพี%ยน มีค วามสามารถในการเล่ นเครื
อ งดนตรีต่ างๆ ได้ด ีข%ึน
การรับรูเ้ กี
ยวกับเสียงประสานสามารถพัฒนาไปได้อย่างดีในเด็กวัยนี% ทักษะด้านการฟงั มีมากขึ%น
สามารถฟงั เพลงยากๆ ทัง% เพลงร้อง และเพลงบรรเลงได้ เด็กทีช
อบดนตรีและได้รบั การสนับสนุ นมา
ตลอด เมื
อ ถึง วัยนี% ส ามารถเล่ น ดนตรี หรือ ขับ ร้อ งได้อ ย่ า งดี กล่ า วได้ว่ าในช่ ว งนี% เ ด็ก มีก ารรับ รู้
เกี
ยวกับแนวคิดด้านดนตรีครบถ้วน นัน
คือมีความเข้าใจเกี
ยวกับองค์ประกอบของดนตรีในเรื
อง
จังหวะ (Rhythm) ระดับเสียง (Pitch) รูปแบบ (Structure of Form) เสียงประสาน (Harmony)
รูปพรรณ (Texture) สีสนั (Tone Color) และลักษณะของเสียง (Characteristics of Sound)
จากการศึกษาพัฒนาการทัวไปและพั
ฒนาการทางดนตรีของเด็ก สรุปได้ว่า เด็กทีม
ชี ่วงอายุ
7 - 12 ปี มพี ฒ ั นาการที
สอดคล้องกับทฤษฎีพฒ ั นาการทางสติปญั ญาของเพียเจต์ในขัน% ที
3
(Concrete Operations) คือมีความเข้าใจเกีย
วกับสิง
ทีเ
ป็ นรูปธรรมมากขึน% และพัฒนาการทางดนตรี
ก้าวหน้ ามากขึน% ได้ ความคงที
ของจังหวะมีมากขึน% สามารถเล่นออสตินาโตได้ ร้องเพลงวนและแค
16
นอน (round and canon) ได้ ซึง
แสดงว่าพัฒนาการด้านเสียงประสานเริม
ขึน% ในเด็กวัยนี% การร้อง
เพลงเพีย% นน้อยลง ความเข้าใจในเรือ
งระดับเสียงมีมากขึน% รวมทัง% มีสมาธิในการฟงั มากขึน%
4.2 พัฒนาการด้านดนตรีของเด็กในเรืองของการฟั ง
พัฒนาการด้านดนตรีในเรือ
งของการฟงั และความเหมาะสมกับวัยของผูเ้ รียนนัน% เป็ นข้อควร
คํานึงหนึ
งที
สําคัญเกี
ยวกับการสอนฟงั ซึ
งการสอนฟงั ในแต่ ละวัยนัน% ผู้เ รียนจะมีสมาธิแ ละความ
พร้อมทีแ
ตกต่างกันดังนี%
ตารางที
1 พัฒนาการด้านดนตรีของเด็กในเรือ
งของการฟงั
ระยะเวลา
พฤติ กรรมีทีแสดงออกอย่างชัดเจน
(เดือน)
0–3 - แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดในเรือ
งความพอใจและไม่พอใจในความแตกต่าง
ของเสียงแต่ละชนิด
- ตอบสนองต่อเสียงทีม
รี ะดับเสียงค่อนข้างสูง
0 – 12 - เป็ นวัยทีม
คี วามสามารถในการฟงั อย่างน่ าแปลกใจ
- ชอบขัน% คู่ 4 เพอร์เฟค
- มีความสนใจในประโยคของเพลงทีซ
%าํ ไม่มกี ารเปลีย
นแปลงมากกว่าประโยคของ
เพลงทีม
กี ารเปลีย
นแปลง
- ชอบเสียงทีเ
ป็ นเมเจอร์เสียงทีใ
ห้อารมณ์เพลงไปในทางบวก เช่น สนุ กสนาน
- สนใจในเสียงร้องเพลงของแม่มากกว่าเสียงพูดของแม่
6–8 - จะร้องไห้เมือ
ได้ยนิ เสียงทีม
คี วามเข้มข้นและรุนแรง
9 – 14 - มีการตอบสนองต่อลักษณะเสียงของเครือ
งดนตรีทแ
ี ปลกใหม่
12 - 24 - มีความสนใจต่อเสียงดนตรีในระยะเวลาสัน% ๆ
24 - ตอบสนองต่อจังหวะของดนตรี โดยการเต้นตามเสียงดนตรี
36 - เริม
สนใจฟงั รูปแบบของจังหวะ และรูปแบบของเสียง
- มีความพร้อมทีจ
ะร้องเพลง หรือเล่นเครือ
งดนตรี ทีมเี สียงสัน% ๆ 2 – 4 เสียง
36 - 72 ั นาการฟงั ทางดนตรีได้ดที ส
ี ุด
- เป็ นช่วงทีม
พี ฒ
60 - สามารถแยกแยะอารมณ์เพลงแบบสนุ กสนาน และเศร้าตามจังหวะของเพลงได้
17
ตารางที
1 (ต่อ)
ระยะเวลา
พฤติ กรรมีทีแสดงออกอย่างชัดเจน
(เดือน)
60 - 84 - สามารถแยกประเภทของเครือ
งดนตรีได้ เช่น กลอง, ทรัมเป็ ต, ฟลุ๊ต หรือประเภท
ของเครือ
งดนตรี เช่น เครือ
งสาย, เครือ
งตี ได้
55 - แสดงให้เห็นถึงการชอบรูปแบบของดนตรีแบบหนึ
ง มากกว่าอีกแบบหนึ
ง
72 - สามารถแยกแยะการเปลีย
นแปลงของเสียงในระดับครึง
เสียงในขัน% คู่เสียง
- อายุ 6 – 8 ปีจะแสดงอารมณ์ เมือ
ได้ฟงั บทเพลงทีม
อี ารมณ์และจังหวะทีต
่างกัน
(Flohr, 2005 อ้างถึงใน จุฑารัตน์ มณีวลั ย์, 2551)
ตอนที 6 เจตคติ
เจตคติเป็ นสิง
หนึ
งทีผ
วู้ จิ ยั ต้องการศึกษาในการทําวิจยั ครัง% นี%เนื
องจากในการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ด้า นโสตทัก ษะตามแนวคิด โคดายสําหรับนัก เรียนเปี ยโนระดับชัน% ต้น นัน% ผู้เ รีย นจะต้อ งมี
ความสุขในการเรียนรู้ ในเบือ% งต้นจะขอกล่าวถึงความหมายของเจตคติ องค์ประกอบของเจตคติและ
วิธกี ารวัดเจตคติ
6.1 ความหมายของเจตคติ
การวัดผลทางการศึกษามีลกั ษณะทีส
าํ คัญอยู่ 3 ด้าน คือ ด้านการรูค้ ดิ (Cognitive Domain)
ด้านความรูส้ กึ (Affective Domain) และด้านการปฏิบตั ิ (Psychomotor Domain) ทัง% 3 ด้านเป็ น
การศึกษาคุณลักษณะของคน และด้านที
ยากที
สุดก็คอื ด้านความรู้สกึ เนื
องจากต้องเกี
ยวข้องกับ
พฤติก รรม ความคิด ความรู้ส ึก ของคน ซึ
ง มีค วามซับ ซ้อ น มีนัก การศึก ษาและนั ก จิต วิทยาให้
ความหมายของเจตคติไว้ดงั นี%
Allport (1954) กล่าวว่า เจตคติ หมายถึง สภาพความพร้อมของสมองและประสาทอันได้
จากประสบการณ์ และการตอบสนองทัง% ทางตรง และโดยอิทธิพลของแต่ ละบุคคลที
มตี ่ อสิง
ต่ างๆ
และสถานการณ์ทงั % หลายทีเ
กีย
วโยงกัน
Mehrens and Lehmann (1978) กล่าวว่า เจตคติ หมายถึง รูปแบบของความรูส้ กึ หรือ
พฤติกรรม ทีบ
ุคคลมีความโน้มเอียงทีจ
ะตอบสนองต่อวัตถุทางสังคม
Anastasi (1990) กล่าวว่า เจตคติ หมายถึง ความโน้มเอียงในการแสดงว่าชอบหรือไม่ชอบ
ต่อสิง
เร้าอย่างใดอย่างหนึ
ง เช่น กลุ่มชน ประเพณี หรือ สถาบันต่างๆ
ธีระวุฒ ิ เอกะกุล (2550) กล่าวว่า เจตคติ หมายถึง พฤติกรรมหรือความรูส้ กึ ทางด้านจิตใจที
มีต่ อ สิ
ง เร้าสิ
ง ใดสิ
ง หนึ
ง ในสัง คมรวมทัง% เป็ น ความรู้ส ึก ที
เ กิด จากการเรีย นรู้เ กี
ยวกับสิ
ง เร้า หรือ
ประสบการณ์ในเรือ
งใดเรือ
งหนึ
ง
21
6.3 วิ ธีการวัดเจตคติ
เนื
องจากเจตคติเป็ นความรูส้ กึ ทีอ
ยูภ่ ายในจิตใจ ดังนัน% จึงวัดได้ยากเมือ
เทียบกับการวัดด้าน
อื
น มีนกั จิตวิทยาหลายท่านได้หาวิธที ม
ี คี ุณภาพในการวัดเจตคติ (ธีรวุฒ ิ เอกะกุล, 2550; วรรณดี
แสงประทีปทอง, 2536; วรรณี แกมเกตุ, 2551; สุชรี า ภัทรายุตวรรตน์, 2545) ดังนี%
1. การสัมภาษณ์ (Interview) เป็ นวิธที ง
ี ่ายและตรงไปตรงมาทีส
ุด แต่มขี อ้ สียว่า ผูถ้ าม
อาจจะไม่ได้คาํ ตอบทีจ
ริงใจจากผูต้ อบ เพราะผูต้ อบอาจจะบิดเบือนคําตอบ วิธแี ก้ไขคือ
ผู้สมั ภาษณ์ต้องสร้างบรรยากาศในการสัมภาษณ์ให้เป็ นกันเอง ให้ผู้ตอบสบายใจ ไม่
เคร่งเครียดเป็ นอิสระ และแน่ใจว่าคําตอบของเขาจะเป็ นความลับ
2. การสังเกต (Observation) เป็ นวิธกี ารทีใ
ช้ตรวจสอบบุคคลอื
นโดยการเฝ้ามองและจด
บันทึก พฤติก รรมของบุ ค คลนัน% อย่างมีแ บบแผน ซึ
ง ข้อ มูล ที
ไ ด้นัน% จะถู ก ต้อ งและ
ใกล้เคียงกับความจริง หรือมีความน่ าเชื
อถือได้เพียงใดนัน% ขึน% อยู่กบั ตัวผูส้ งั เกตจะต้อง
ทําตัวเป็ นกลาง และควรสังเกตหลายๆ ช่วงเวลา ไม่ใช่สงั เกตเฉพาะเวลาใดเวลาหนึ
ง
3. การรายงานตนเอง (Self-Report) วิธนี %ีตอ้ งการให้ผถู้ ูกสอบวัดแสดงความรูส้ กึ ของ
ตนเองตามสิง
เร้าทีเ
ขาสัมผัส ซึง
สิง
ทีแ
สดงออกมาสามารถกําหนดเป็ นค่าคะแนนเจตคติ
ได้ เช่นแบบทดสอบหรือมาตรวัดของเธอร์สโตน (Thurstone) ลิเคิรท์ (Likert) ออสกูด
(Osgood) และกัทท์แมน (Guttman) เป็ นต้น
4. เทคนิคจิตนาการ (Projective Techniques) วิธนี %ีอาศัยสถานการณ์บางอย่างไปเร้า
ผูส้ อบ เช่น ประโยคไม่สมบูรณ์ ภาพแปลกๆ เรือ
งราวแปลกๆ เมือ
ผูส้ อบเห็นสิง
เหล่านี%
จะจินตนาการออกมาแล้วนํ ามาตีความหมาย จากการตอบนัน% จะทําให้รวู้ ่ามีเจตคติต่อ
เป้าเจตคติอย่างไร
5. การวัดทางสรีระภาพ (Physiological Measurement) การวัดด้านนี%อาศัยเครือ
งมือ
ไฟฟ้าในการสังเกตการเปลีย
นแปลงของร่างกาย แต่ไม่นิยมใช้เนื
องจากยังพัฒนาไม่ด ี
พอ
จะเห็นได้ว่าจากการศึกษาข้อมูลในการวัดเจตคตินนั % มีหลายวิธซี ง
ึ ขึน% อยู่กบั ความเหมาะสม
ในการเลือกนํามาใช้โดยต้องคํานึงถึงวัตถุประสงค์ ผูถ้ ูกทดสอบ และสถานการณ์ สําหรับในการวิจยั
ครัง% นี%ผูว้ จิ ยั จะใช้วธิ กี ารรายงานตนเอง (Self-Report) โดยให้ผู้เรียนทําแบบวัดเจตคติท
ผี ู้วจิ ยั สร้าง
ขึน% และใช้วธิ กี ารสังเกตผูเ้ รียนร่วมด้วย ทัง% นี%เพื
อสังเกตพฤติกรรรมของผูเ้ รียนได้อย่างละเอียด ซึง
สิ
ง ที
ค วรคํ านึ ง คือ การสร้างบรรยายกาศให้ผู้ถู ก ทดสอบรู้ส ึก สบาย ไม่ตึง เครีย ดและเป็ น กัน เอง
เพื
อทีจ
ะได้แสดงพฤติกรรมออกมาได้อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา รวมทัง% การตัง% คําถามควรกระชับ
รัดกุม เข้าใจง่ายเพื
อให้ผทู้ ดสอบสามารถแสดงเจตคติออกมาได้อย่างชัดเจน
23
4. การร้อง
5. การสร้างสรรค์
จากนัน% นํามาสังเคราะห์และสร้างแผนแผนการจัดกิจกรรมด้านโสตทักษะตามแนวคิดโคดาย
สําหรับนักเรียนเปียโนระดับชัน% ต้นโดยประยุกต์ใช้แนวคิดโคดาย ซึง
แผนจะประกอบไปด้วย แนวคิด
จุดประสงค์ เนื%อหา กิจกรรม สื
อการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผล เพื
อพัฒนาทักษะ
ทางด้านการฟงั ของนักเรียนซึง
ในการวิจยั นี%จะวัดผลสัมฤทธิ 6ทางการเรียน 2 ด้านได้แก่ ด้านการฟงั
และด้านความรู้ และเจตคติ ดังทีแ
สดงเป็ นกรอบแนวคิดในการวิจยั ดังต่อไปนี%
25
การสอนดนตรีตามแนวคิ ดโคดาย
1. โทนิกซอล-ฟา (Tonic Sol-fa)
2. สัญญาณมือ
3. สัญลักษณ์ของจังหวะ
4. การร้อง
5. การสร้างสรรค์ แผนการจัดกิจกรรม
ด้านโสตทักษะตาม
แผนการจัดกิ จกรรม แนวคิดโคดายสําหรับ
การเรียนรู้วิชาดนตรีทวไป
ั นักเรียนเปี ยโนระดับชัน% ต้น
(ณรุทธ์ สุทธจิ ตต์, 2544)
1. แนวคิด
2. จุดประสงค์
3. เนื%อหา
4. กิจกรรม
5. สื
อการเรียนการสอน
ผลสัมฤทธิB ทางการเรียน
6. การวัดและการประเมินผล
1. ด้านการฟงั
7. หมายเหตุ
2. ด้านความรู้
เจตคติ
ภาพที
4 กรอบแนวคิดในการวิจยั
26
บทที 3
วิ ธีดาํ เนิ นการวิ จยั
การวิจยั ครัง นีมวี ตั ถุประสงค์เพือพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ ้านโสตทักษะตาม
แนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน ต้นและเพือศึกษาผลสัมฤทธิ /ทางด้านทักษะการฟงั
ด้านความรูแ้ ละด้านเจตคติจากการทดลองแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิด
โคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน ต้น ในลักษณะการวิจยั แบบกึงทดลอง (Quasi-Experimental
Research) แบบศึกษาสองกลุ่มวัดสองครัง (The Two-Group Pretest – Posttest Design with
Nonequivalent Groups) โดยแบ่งขัน ตอนในการดําเนินการวิจยั ดังนี
1. ขัน เตรียมการ ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ทีเ กีย วข้อง
2. กําหนดประชากรและคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชัน (Stratified Random Sampling)
3. การสร้างเครือ งมือทีใ ช้ในการวิจยั
4. ขัน นําเครือ งมือไปใช้ในการทดลอง
5. ขัน การวิเคราะห์ขอ้ มูล สรุป อภิปรายผลและนํ าเสนอเป็ นวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์
ภาพที 5 กรอบการดําเนินการวิจยั
รายละเอียดของการดําเนินการวิจยั มีดงั นี
ขัน ที 1 เตรียมการ ศึกษาเอกสาร แนวคิ ด ทฤษฎี และงานวิ จยั ทีเกียวข้อง
ศึกษาข้อมูลพืนฐานโดยรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร งานวิจยั ทีเกียวข้องเพือสร้างกรอบใน
การวิจยั ในหัวข้อดังต่อไปนี
1.1 ศึกษาเรืองของการสอนโสตทักษะ ได้แก่ ความหมายของการสอนโสตทักษะและ
ความสําคัญของการฝึกโสตทักษะ
1.2 ศึกษาแนวคิดและวิธกี ารสอนดนตรีของโคดาย
1.3 ศึกษาเรืองของดนตรีกบั พัฒนาการของเด็ก ได้แก่ พัฒนาการทัวไปและพั
ฒนาการทาง
ดนตรีของเด็กและพัฒนาการด้านดนตรีของเด็กในเรือ งของการฟงั
1.4 ศึกษาการเขียนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ้ นการสอนดนตรีทวไป ั
1.5 ศึกษาการวัดและประเมินผลทางด้านการฟงั ความรูแ้ ละเจตคติ
1.6 ศึกษางานวิจยั ทีเ กีย วข้อง
28
ตารางที 2 สรุปกลุ่มตัวอย่าง
จํานวน (คน)
กลุ่ม รวม (คน)
ช่วงอายุ 7 – 9 ปี ช่วงอายุ 10 – 12 ปี
ทดลอง 4 4 8
ควบคุม 4 4 8
รวม (คน) 8 8 16
ขัน ที 5 การวิ เคราะห์ข้อมูล สรุป อภิ ปรายผลและนําเสนอเป็ นวิ ทยานิ พนธ์ฉบับสมบูรณ์
ในการวิจยั ครัง นีมวี ตั ถุประสงค์เพือพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตาม
แนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน ต้น และศึกษาผลสัมฤทธิ /ทางด้านการฟงั ความรูแ้ ละ
เจตคติ จากการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียน
เปียโนระดับชัน ต้น โดยมีการวิเคราะห์ขอ้ มูลดังนี
1. เปรียบเทียบความแตกต่างคะแนนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมก่อนและหลังการ
ทดลองโดยใช้ ก ารทดสอบสมมติฐ านของกลุ่ ม ตัว อย่ า ง 2 กลุ่ ม ทีเ ป็ น อิส ระจากกัน (t-test
independent) แล้วนําเสนอผลการวิเคราะห์ในรูปแบบตารางประกอบและความเรียง
2. วิเคราะห์ขอ้ มูลทีไ ด้จากแบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนทีใ ช้ประกอบกับแบบวัดเจต
คติเป็ นข้อมูลในการอภิปรายผล
3. สรุป อภิปรายผลและนํ าเสนอวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์
33
บทที่ 4
ผลการวิ เคราะห์ข้อมูล
การนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลในการวิจยั เรื่องการพัฒนากิจกรรมการเรียนรูด้ ้านโสต
ทักษะตามแนวคิดโคดายสาหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน้ ต้น โดยแบ่งการนาเสนอข้อมูลออกเป็ น
2
ตอนที่ 1 สาหรับนักเรียน
เปียโนระดับชัน้ ต้น
ตอนที่ 2 (ด้านการฟงั และความรู)้ และรายด้านจาก
การทดลอง สาหรับนักเรียนเปียโน
ระดับชัน้ ต้น ก่อนและหลังการทดลอง
ตอนที่ 1 สาหรับ
นักเรียนเปี ยโนระดับชัน้ ต้น
ในการนาเสนอข้อ มูล เรื่อ งการพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโสตทักษะตาม
แนวคิดโคดายสาหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน้ ต้นเป็ นการนาเสนอข้อมูลในลักษณะบรรยายเพื่อให้
ทรายถึงลักษณะและวิธกี ารสร้างแผนกาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโสตทักษะตามแนวคิดโคดาย
สาหรับนักเรียนเปียโนระดับชัน้ ต้นโดยแบ่งออกเป็น 3
1.1 สาหรับ
นักเรียนเปียโนระดับชัน้ ต้น
1.2 เนื้อ หาของ ส าหรับ
นักเรียนเปียโนระดับชัน้ ต้น
1.3 เปรียบเทียบแผนการจัดการเรียนรูด้ ้านโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสาหรับนักเรียน
เปียโนระดับชัน้ ต้นกับแผนการจัดการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะแบบปกติ Ear Without Fear Volume 2
1.1
สาหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน้ ต้น
กิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสาหรับนักเรียนเปียโนระดับชัน้ ต้นจะมี
ความต่ อ เนื่ อ งและเป็ น ระบบระเบีย บ ผู้ส อนต้อ งมีค วามรู้ใ นรูป แบบของการจัด ท าแผนการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น 7
1) แนวคิด
2) จุดประสงค์
34
3) เนื้อหา
4) กิจกรรม
5) สื่อการเรียนการสอน
6) การวัดและประเมินผล
7)
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นสามารถเขียนเป็นรูปแบบได้ดงั นี้
แนวคิด
........................................................
จุดประสงค์
........................................................
เนื้อหา
........................................................
กิจกรรม
........................................................
สื่อการเรียนการสอน
........................................................
การวัดและประเมินผล
........................................................
หมายเหตุ
........................................................
1.2.5.2 ขัน้ สอน กิจ กรรมในขัน้ นี้เ สนอหัว ข้อ และรายละเอียดของการปฏิบ ัติ
กิจกรรมแต่ละขัน้ ทีผ่ ู้เรียนจะเรียนรู้ ซึ่งกิจกรรมมีหลายรูปแบบไม่ได้เน้นเพียงทักษะฟงั เพื่อทาให้
ผูเ้ รียนไม่รสู้ กึ เบื่อ
1.2.5.3 ขัน้ สรุป กิจกรรมสุดท้ายของการเรียนการสอน ซึ่งจะทาการสรุปและ
อภิปรายร่วมกันระหว่างผู้สอนและผู้เรียน รวมทัง้ ทาแบบฝึกหัดหลังเรียน เพื่อเป็ นการประเมินผล
หลังเรียน
1.2.6 สื่อการเรียนการสอน ช่วยให้ลกั ษณะนามธรรมของดนตรีเป็ นรูปธรรมมากขึ้น ผู้
เรียนรู้ดนตรีไ ด้ใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สื่อที่ใช้ใ นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโสต
ทักษะตามแนวคิดโคดายสาหรับนักเรียนเปียโนระดับชัน้ ต้น มีดงั นี้
1.2.6.1 บทเพลง ควรเป็ นบทเพลงทีเ่ หมาะสมกับอายุและระดับชัน้ ของผูเ้ รียน และ
เป็นบทเพลงทีม่ เี นื้อหาสาระสอดคล้องกับสิง่ ทีจ่ ะเรียน
1.2.6.2 แผนภู ม ิเ พลง ควรมีข นาดใหญ่ อ่ า นง่ า ย และเห็น ชัด เจน ซึ่ง จะ
ประกอบด้วยสัญญลักษณ์ หรือโน้ตดนตรี และคาร้อง ผูเ้ รียนสามารถขีดเขียน เพื่อวิเคราะห์ขนั ้ คู่ได้
1.2.6.3 แผนภูมริ ูปแบบจังหวะ ควรมีขนาดใหญ่ อ่านง่าย และเห็นชัดเจน ซึ่งจะ
ประกอบด้วย สัญญลักษณ์ของจังหวะและเสียงทีใ่ ช้แทนสัญญลักษณ์จงั หวะนัน้
1.2.6.4 กระดานรูปคียเ์ ปียโน ควรมีขนาดใหญ่ เห็นชัดเจน เพื่อประกอบการ
อธิบายเรือ่ งขัน้ คู่
1.2.6.5 แผนภาพทิศทางการขึน้ ลงของทานอง ควรมีขนาดใหญ่ เห็นชัดเจน เพื่อ
ประกอบการอธิบ ายเรื่อ งทิศ ทางการขึ้น ลงของท านองจากโน้ ต ตัว หนึ่ ง ไปยัง โน้ ต ตัว ถัด ไป มี
3 ทิศทางขึน้ ทิศทางลง และทิศทางคงที่
1.2.6.6 บัตรภาพขัน้ คู่ ควรมีขนาดใหญ่ เห็นชัดเจน เพื่อประกอบการอธิบายเรื่อง
ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval)
1.2.6.7 เปียโน ควรเป็ นเปียโน Upright Grand Piano มี
คุณภาพและเหมาะกับการฟงั
1.2.6.8
ปริมาณ อายุผเู้ รียน และเวลาเรียน
1.2.7 การวัดและประเมินผล ควรมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ การวัดและประเมินผลที่
ใช้ในแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ ้านโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสาหรับนักเรียนเปี ยโนระดับ
ชัน้ ต้น มีดงั นี้
1.2.7.1 การสังเกต เป็ นสิง่ ทีผ่ ู้สอนสังเกตจากพฤติกรรมของผู้เรียนโดยผูเ้ รียนไม่
รูต้ วั เช่น สังเกตการร้อง สังเกตการตบจังหวะ สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่
37
ตารางที่ 4 (ต่อ)
เนื้ อหา
เรียนรู้ แผนการจัดกิ จกรรมการเรียนรู้
แผนที่
ด้านโสตทักษะแบบปกติ
สาหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน้ ต้น Ear Without Fear Volume 2
7 ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
8 ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค ทบทวน ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์
ทดสอบหลังการทดลอง ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟคและขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
ทดสอบหลังการทดลอง
5 ผลการทดสอบก่อนเรียน (ด้าน
การฟงั และความรู)้ ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
การเปรียบเทียบ N M SD t p
กลุ่มทดลอง 8 16.31 6.63 1.11 0.29
กลุ่มควบคุม 8 12.50 7.16
7 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการทดสอบก่อนเรียนด้านความรูร้ ะหว่างกลุ่ ม
ทดลองและกลุ่มควบคุม
การเปรียบเทียบ N M SD t P
กลุ่มทดลอง 8 10.38 4.21 0.93 0.37
กลุ่มควบคุม 8 8.38 4.37
จากตารางที่ 7 แสดงผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลการทดสอบก่อนเรียนด้าน
ความรูร้ ะหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม พบว่า ค่าเฉลี่ยผลการทดสอบก่อนเรียนด้านความรู้
ระหว่างกลุ่มทดลอง (M = 10.38, SD = 4.21) สูงกว่ากลุ่มควบคุม (M = 8.38, SD = 4.37)
เล็กน้อยแต่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ่รี ะดับ .05 แสดงว่า ผู้เรียนกลุ่มทดลองและ
กลุ่มควบคุมมีผลการทดสอบก่อนเรียนด้านความรูก้ ่อนการทดลองไม่แตกต่างกัน
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลการทดสอบก่อนเรียนในภาพรวม ด้าน
การฟงั และด้านความรู้ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทาง
สถิตทิ ร่ี ะดับ .05 ทัง้ ในทุกด้าน (ภาพรวม ด้านการฟงั และความรู)้
41
ตารางที่ 10 ผลการวิเ คราะห์เ ปรีย บเทียบค่ าเฉลี่ยผลสัม ฤทธิท์ างการเรีย นด้า นความรู้
ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมหลังการทดลอง
การเปรียบเทียบ N M SD t p
กลุ่มทดลอง 8 16.63 3.20 1.77 0.10
กลุ่มควบคุม 8 13.50 3.82
11 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ ์ทางการเรียนด้านเจตคติ
ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมหลังการทดลอง
การเปรียบเทียบ N M SD t p
กลุ่มทดลอง 8 32.75 2.25 5.49* 0.00
กลุ่มควบคุม 8 26.38 2.39
*P < 0.05
เกณฑ์การจัดระดับพฤติ กรรมการเรียน
คะแนนระดับพฤติกรรมการเรียน 1.00 – 1.66
คะแนนระดับพฤติกรรมการเรียน 1.67 – 2.34 ปานกลาง
คะแนนระดับพฤติกรรมการเรียน 2.35 – 3.00 สูง
ตารางที่ 12 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยจากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในภาพรวม (ด้านปญั ญา ด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ และด้านความรับผิดชอบ)
กลุ่มทดลอง ระดับ กลุ่มควบคุม ระดับ
พฤติกรรม
M SD พฤติกรรม M SD พฤติกรรม
1. ด้านปญั ญา 2.86 0.35 สูง 2.59 0.62 สูง
2. ด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ 2.66 0.52 สูง 1.93 0.68 ปานกลาง
3. ด้านความรับผิดชอบ 2.84 0.36 สูง 1.92 0.60 ปานกลาง
ภาพรวม 2.79 0.43 สูง 2.15 0.65 ปานกลาง
ตารางที่ 13 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยจากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในด้านปญั ญา
กลุ่มทดลอง ระดับ กลุ่มควบคุม ระดับ
ด้านปญั ญา
M SD พฤติกรรม M SD พฤติกรรม
1.1 ความเข้าใจเนื้อหา 2.91 0.29 สูง 2.66 0.71 สูง
1.2 การตอบคาถาม 2.81 0.39 สูง 2.50 0.56 สูง
1.3 ความสามารถในการฟงั 2.86 0.35 สูง 2.61 0.66 สูง
ค่าเฉลีย่ 2.86 0.35 สูง 2.59 0.62 สูง
ตารางที่ 14 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยจากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ
กลุ่มทดลอง ระดับ กลุ่มควบคุม ระดับ
ด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ
M SD พฤติกรรม M SD พฤติกรรม
2.1 มีความสุขในการเรียน 2.64 0.48 สูง 1.88 0.63 ปานกลาง
2.2 ความรูส้ กึ ต่อบทเพลง 2.64 0.57 สูง 1.91 0.66 ปานกลาง
2.3 ความรูส้ กึ ต่อครู 2.69 0.49 สูง 2.02 0.75 ปานกลาง
ค่าเฉลีย่ 2.66 0.52 สูง 1.93 0.68 ปานกลาง
ตารางที่ 15 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยจากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุมในด้านความรับผิดชอบ
กลุ่มทดลอง ระดับ กลุ่มควบคุม ระดับ
ด้านความรับผิดชอบ
M SD พฤติกรรม M SD พฤติกรรม
3.1 ด้านการเรียน 2.84 0.37 สูง 1.94 0.61 ปานกลาง
3.2 การให้ความร่วมมือใน 2.83 0.38 สูง 1.84 0.60 ปานกลาง
กิจกรรม
3.3 การแก้ไขปญั หา 2.86 0.35 สูง 1.98 0.60 ปานกลาง
ค่าเฉลีย่ 2.84 0.36 สูง 1.92 0.60 ปานกลาง
83.97
83.12
90
80
75
67.64
66.87
67.5
61.56
70
55.63
60
50 กลุ่มทดลอง
ร้อยละ
40 กลุ่มควบคุม
30
20
10
0
ภาพรวม การฟงั ความรู้ เจตคติ
95.31
94.79
92.88
100
88.54
86.28
90
71.67
80
64.41
64.06
70
60 กลุ่มทดลอง
ร้อยละ
50
40 กลุ่มควบคุม
30
20
10
0
ภาพรวม ั
ด้านปญญา ด้านอารมณ์ ด้านความ
ความรู้สึก รับผิดชอบ
35
30 30
25 24.63
20 ทดลอง
คะแนน
15 16.31 ควบคุม
12.5
10
5
0
ก่อ นเรียน หลังเรียน
16
14
13.38
12
11.13
10
ทดลอง
คะแนน
8
ควบคุม
6 5.94
4 4.13
2
0
ก่อ นเรียน หลังเรียน
18
16 16.63
14 13.5
12
คะแนน 10 10.38 ทดลอง
8 8.38 ควบคุม
6
4
2
0
ก่อนเรียน หลังเรียน
บทที 5
สรุปผลการวิ จยั อภิ ปรายผล และข้อเสนอแนะ
การวิจ ยั เรือ งการพัฒ นากิจ กรรมการเรีย นรู้ด้า นโสตทัก ษะตามแนวคิด โคดายสํ า หรับ
นักเรียนเปียโนระดับชัน& ต้น มีสาระสําคัญดังนี&
วัตถุประสงค์
1. เพือพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับ
นักเรียนเปียโนระดับชัน& ต้น
2. เพือศึกษาผลสัมฤทธิ 0ทางด้านทักษะการฟงั ด้านความรูแ้ ละมีเจตคติทดี จี ากการทดลอง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปียโน
ระดับชัน& ต้น
ขัน$ ที 5 การวิ เคราะห์ข้อมูล สรุป อภิ ปรายผลและนําเสนอเป็ นวิ ทยานิ พนธ์ฉบับสมบูรณ์
ในการวิจยั ครัง& นี&มวี ตั ถุประสงค์เพือพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตาม
แนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน& ต้น และศึกษาผลสัมฤทธิ 0ทางด้านการฟงั ความรูแ้ ละ
เจตคติ จากการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียน
เปี ยโนระดับชัน& ต้น โดยมีการวิเคราะห์ขอ้ มูลดังนี& 1. เปรียบเทียบความแตกต่างคะแนนของกลุ่ม
ทดลองและกลุ่มควบคุ มก่ อ นและหลังการทดลองโดยใช้การทดสอบสมมติฐานของกลุ่มตัวอย่าง
2 กลุ่ม ทีเ ป็ นอิสระจากกัน (t-test independent) แล้วนํ าเสนอผลการวิเคราะห์ในรูปแบบตาราง
ประกอบและความเรียง 2. วิเคราะห์ขอ้ มูลทีไ ด้จากแบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนทีใ ช้ประกอบ
กับแบบวัดเจตคติเป็ นข้อมูลในการอภิปรายผล และ 3. สรุป อภิปรายผลและนํ าเสนอวิทยานิพนธ์
ฉบับสมบูรณ์
สรุปผลการวิ จยั
ผลการทดลองเรืองการพัฒนากิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับ
นักเรียนเปียโนระดับชัน& ต้น สามารถสรุปผลการวิจยั ได้ดงั นี&
ตอนที 1 การพัฒ นาแผนการจัด กิ จ กรรมการเรี ย นรู้ด้ า นโสตทัก ษะตามแนวคิ ด
โคดายสําหรับสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน$ ต้น
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโสตทัก ษะตามแนวคิด โคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโน
ระดับชัน& ต้น ประกอบด้วย 7 หัวข้อดังนี&
1. แนวคิด เป็ นผลรวมของการเรียนหรือการมีประสบการณ์ กบั สิง ใดสิง หนึง ซึงเป็ น
นามธรรมมีอยู่ในความคิดของแต่ละบุคคล ซึงจะแตกต่ างกันออกไปแม้จะเป็ นเรืองเดียวกัน ทัง& นี&
ขึน& อยูก่ บั ประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
2. จุดประสงค์ คือพฤติกรรมทีผู้เรียนทีสามารถกระทําได้ หลังจากการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ ซึง ครูสามารถสังเกตได้
3. เนื&อหา ควรมีขอบเขตและความยากง่ายเหมาะสมกับช่วงอายุและระยะเวลาในการสอน
เนื&อหาควรมีความสัมพันธ์กบั แนวคิด จุดประสงค์ และกิจกรรม นอกจากนี&บทเพลง (เนื&อร้องและ
โน้ตเพลง) ทีใ ช้ประกอบกิจกรรมควรจัดเสนอไว้กบั เนื&อหาด้วย
54
สมมุติฐาน
การวิจ ยั ครัง& นี& ผู้ว ิจ ยั ตัง& สมมุ ติฐ านว่ า หลัง การทดลอง กลุ่ ม ทดลองทีไ ด้ร บั การทดลอง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดายสําหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน& ต้น
จะมีผลสัมฤทธิ 0ทางการเรียนด้านทักษะการฟงั และด้านความรู้ และมีเจตคติสูงกว่ากลุ่มควบคุมที
ได้รบั การทดลองแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ แต่ ผลการทดลอง สรุปได้ว่า หลังการ
ทดลอง กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีผลสัมฤทธิ 0ทางการเรียนในภาพรวมไม่แตกต่ างกันอย่างมี
นัยสําคัญทางสถิตทิ รี ะดับ .05 โดยกลุ่มทดลอง (M = 30.00, SD = 5.04) มีค่าเฉลีย สูงกว่ากลุ่ม
ควบคุม (M = 24.63, SD = 6.07) เมือพิจารณารายด้าน พบว่า กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมี
ผลสัมฤทธิ 0ทางการเรียนด้านการฟงั ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิตทิ รี ะดับ .05 โดยกลุ่ม
ทดลอง (M = 10.38, SD = 4.21) มีค่าเฉลีย สูงกว่ากลุ่มควบคุม (M = 8.38, SD = 4.37) ส่วน
ผลสัมฤทธิ 0ทางการเรียนด้านความรูไ้ ม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทรี ะดับ .05 โดยกลุ่ม
ทดลอง (M = 16.63, SD = 3.20) มีค่าเฉลีย สูงกว่ากลุ่มควบคุม (M = 13.50, SD = 3.82) แต่ใน
ด้านเจตคติกลุ่มทดลอง (M = 2.52, SD = 0.17) มีค่าเฉลียสูงกว่ากลุ่มควบคุม (M = 2.02,
SD = 0.18) แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิตทิ รี ะดับ .05 ซึง การวิจยั เป็ นไปตามสมมุตฐิ าน
บางส่วน
ข้อเสนอแนะสําหรับการวิ จยั
ข้อเสนอแนะในการนําผลการวิจยั ไปใช้
1. ครูผูส้ อนควรทําความเข้าใจกับแผนการจัดกิจกรรมทุกหัวข้อ ได้แก่ แนวคิด จุดประสงค์
เนื&อหา กิจกรรม สือการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล และหมายเหตุ เพือการเรียนการสอน
ทีม ปี ระสิทธิภาพ และสามารถปรับให้เหมาะกับผูเ้ รียนแต่ละบุคคลได้
2. ครูผสู้ อนควรร้องเพลงทีจ ะสอนให้ถูกต้องและไพเราะ เพือเป็ นตัวอย่างทีด ใี ห้กบั นักเรียน
อีกทัง& เป็ นการสร้างบรรยากาศทีด ใี นการเรียน
3. ครูผสู้ อนสามารถนํ าแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ผี วู้ จิ ยั สร้างขึน& ไปประยุกต์ใช้กบั การ
สอนเครือ งดนตรีประเภทอืนได้
4. ครูผสู้ อนควรคัดเลือกบทเพลงทีเ หมาะกับอายุของนักเรียน ซึง มีช่วงเสียงทีผ เู้ รียน
สามารถร้องได้ และมีสาระดนตรีทจี ะสอนครบถ้วน
2. ควรมีก ารวิ จ ัย กั บ กลุ่ ม ตั ว อย่ า งที ม ี ช่ ว งอายุ แ คบเช่ น อายุ 7 – 9 ปี เป็ น ต้ น เพื อ
จะทําให้เห็นถึงการวิจยั ในแนวลึกมากขึน&
3. ควรมีการวิจยั เกียวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโสตทักษะตามแนวคิดโคดายใน
เครือ งดนตรีประเภทอืน
61
รายการอ้างอิ ง
ภาษาไทย
จุฑารัตน์ มณีวลั ย์. 2551. การสอนโสตทักษะด้านทํานองในหลักสูตรเปียโนระดับชัน ต้นของ
สํานักพิมพ์อลั เฟรด: กรณีศกึ ษาโรงเรียนดนตรีปิน' นคร. วิทยานิพนธ์ปริญญา
มหาบัณฑิต สาขาวิชาดนตรี วิทยาลัยดุรยิ างคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. 2540. กิจกรรมดนตรีสาํ หรับครู. พิมพ์ครัง' ที( 2. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. 2537. หลักการของโคดายสู่การปฏิบตั .ิ พิมพ์ครัง' ที( 4. กรุงเทพมหานคร:
สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. 2541. จิตวิทยาการสอนดนตรี. พิมพ์ครัง' ที( 1. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. 2544. พฤติกรรมการสอนดนตรี. พิมพ์ครัง' ที( 3. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณัชชา พันธ์เจริญ. 2535. การฝึกโสตประสาทแบบตะวันตกสําหรับนักเรียนไทย. ทุนวิจยั
รัชดาภิเษกสมโภช. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เดชาชัย สุจริตจันทร์. 2549. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิท3 างการเรียนดนตรี เรือ' งการอ่านโน้ต
สากลเบืองต้นของนักเรียนชัน ประถมศึกษาปีที ' 3 ทีเ' รียนตามวิธกี ารสอนของโคดายกับ
วิธสี อนแบบปกติ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน
มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.
ธวัชชัย นาควงศ์. 2541. การสอนดนตรีสาํ หรับเด็กตามแนวของโคได. กรุงเทพมหานคร:
สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ธวัชชัย นาควงษ์. 2543. โคไดสู่การปฏิบตั .ิ พิมพ์ครัง' ที( 1. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ธวัชชัย นาควงษ์. 2547. การทดลองใช้หลักสูตรการสอนดนตรีสากลตามแบบของโคดายและ
ออร์ฟในระดับประถมศึกษา (ช่วงชัน ที ' 1 - 2) ทีโ' รงเรียนวัดหลักสี.' กรุงเทพมหานคร:
สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ธีรวุฒ ิ เอกะกุล. 2550. การวัดเจตคติ. พิมพ์ครัง' ที( 2. อุบลราชธานี: วิทยาออฟเซทการพิมพ์.
พงษ์ลดา นาควิเชียร. 2537. ผลสัมฤทธิใ3 นการเรียนดนตรีสากลขัน พืนฐานตามแนวคิดของ
โคดายของนักเรียนชัน ประถมศึกษาปีที ' 2 โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝา่ ย
ประถม.วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
62
ภาษาอังกฤษ
Allport, G. W. 1954. The Historical Background of Modern Socail Psychology.
Lindzey, G., (ed.), The Handbook of Social Psychology. pp. 3-56. Massachusetts:
Addison-wesley Publishing Company.
Anastasi, A. 1990. Psychological Testing. 6th ed. New York: Micmillan.
Bem, D. J. 1970. Beliefs, Attitudes, and Human Affairs. 1st ed. Belmont, California:
Brooks/Cole Publishing.
Brown, T. W. 1990. An Investigation of The Effectiveness of A Piano Course in Playing by
Ear and Aural Skills Development for College Students (Doctoral Dissertation,
University of Illinois at Urbana Champaign, 1990. Dissertation Abstracts
International. 51: 4052.
Campbell, P. S. and Scott-Kassner, C. 2006. Music in Childhood: From Preschool through
the Elementary Grades. 3rd ed. Belmont, CA: Thomson Schirmer.
Choksy, L. 1999. The Kodaly Method I. New Jersey: Prentice-Hall Inc.
Dalby, B. (n.d.). The Gordon Institute for Music Learning[Online]. Available from:
http://www.giml.org/AboutMLT.pdf[2010, November 8]
Gordon, E. E. 1989. Learning Sequences in Music. Chicago: GIA Publications.
Fishbein, M. and Ajzen, L. 1975. Belief, Attitude, Intention and Behavior: An Introduction to
Theory and Research. New York: Addison-Wesley.
Gallo, F. 2010. The Kodaly Concept in The Secondary Choral Classroom Increasing The
Use of Kodaly-Inspired Technique. Kodaly Envoy.
Hensley, S. E. 1981. A Study of the Musical Achievement of Elementary Students Taught by
the Memphis City Curriculum Guide and Students Taught by the Traditional
Approach. Doctoral Dissertation. The Louisiana State University and Agricultural
and Mechanical Col.
Insko, C. A. 1967. Theories of Attitude Change. 1st ed. New York: Appleton-Century-Crofts.
Karpinski, G. S. 2000. Aural Skills Acquisition. New York: Oxford University Press.
Katz, D. The Social Psychology of Organizations. 1978. 2nd ed. New York: John Wiley and
sons.
Krech, D., C., R. S. and Ballachey, E. L. 1962. Individual in Society. NY: McGraw-Hill.
Kodaly, Z. 333 Elementary Exercises. London: Boosey and Hawkes. 1965.
64
ภาคผนวก
66
ภาคผนวก ก
รายนามผูท้ รงคุณวุฒ ิ
67
รายนามผูท้ รงคุณวุฒิ
1. ผูเ้ ชีย่ วชาญในการตรวจสอบเครือ่ งมือการวิจยั
1.1 อาจารย์พรรษวัชร์ พุธวัฒนะ
หัวหน้าภาควิชาเปียโนและขับร้อง สถาบันดนตรียามาฮ่า
1.2 อาจารย์วภิ าวรรณ จาเนียรพันธุ์
อาจารย์ประจาสาขาดนตรีศกึ ษา วิทยาลัยดุรยิ างคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
1.3 อาจารย์ดวงกมล บางชวด
อาจารย์ประจาโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
68
ภาคผนวก ข
1. โครงการสอน
2. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะตามแนวคิดโคดาย
สาหรับนักเรียนเปี ยโนระดับชัน้ ต้น
3. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูด้ า้ นโสตทักษะแบบปกติ
Ear Without Fear Volume 2
69
โครงการสอน
เนื้ อหา
เรียนรู้ แผนการจบดกิ จกรรมการเรียนรู้
แผนที่
ด้านโสตทบกษดแนนีกติ
สาหรบนนบกเรียนเีี ยโนรดดบนชบน้ ต้น Ear Without Fear Volume 2
1 ทดสอบก่อนการทดลอง ทดสอบก่อนการทดลอง
ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ และแนะนาเรือ่ งขัน้ คู่ก่อนเริม่ เรียน
2 ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
3 ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
4 ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
5 ทบทวนขัน้ คู่ 2เมเจอร์ คู่ 3 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
คู่ 3 ไมเนอร์และคู่ 5 เพอร์เฟค
6 ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
7 ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
8 ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค ทบทวน ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์
ทดสอบหลังการทดลอง ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟคและขันคู ้ ่ 6 เมเจอร์
ทดสอบหลังการทดลอง
70
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คูเ่ ป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็ นพืน้ ฐานใน
แนวทานองและแนวประสาน
2. โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชัน้ ( ) เป็ นสัญญลักษณ์แทนอัตราจังหวะของโน้ตสากล
3. รูปแบบมีหลายลักษณะเกิดจากการสร้างสรรค์โดยการนาองค์ประกอบโครงสร้างของ
รูปแบบมาเป็ นตัวกาหนด
4. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลงหนูมาลีได้
3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์รปู แบบของเพลงหนูมาลีได้
4. นักเรียนสามารถตบจังหวะตามเพลงหนูมาลีได้
5. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ในเพลงหนูมาลีได้
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
7. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
8. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
9. นักเรียนทาแบบทดสอบความรูก้ อ่ นเรียน
10. นักเรียนทาแบบทดสอบการฟงั ก่อนเรียน
71
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพื้น ฐานของเสียงประสานในเพลงหนู มาลีมโี น้ตขัน้ คู่แบบเมโลดิก
เกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นัน้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยทีโ่ น้ตตัวบน
และโน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
ในเพลงหนู ม าลีมีโ น้ ต ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์เ กิด ขึ้นหลายตาแหน่ งด้ว ยกัน ซึ่ง โน้ ต ขัน้ คู่ 2
เมเจอร์ห่างกัน 2 ครึง่ เสียง (1 เสียง) ได้แก่ โด-เร และ เร-มี ดังคียเ์ ปียโน
X X X
72
เพลงหนูมาลี
เพลงหนูมาลีเป็ นเพลงสาหรับเด็กทีน่ าทานองมาจากเพลง Mary Had a Little Lamp
เป็ นเพลงพื้นเมือง ประพันธ์โดย Sarah Josepha Buell Hale (1788 - 1879) นักเขียนชาว
อเมริกนั ซึง่ นามาใส่เนื้อร้องภาษาไทยดังนี้
หนูมาลี
ทำนอง Mary Had a Little Lamp
เนื้อร้อง มล.มณีรตั น์ บุนนำค
C = do
m คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 2 เมเจอร์
สบญญาณมือ
โคดายดัดแปลงมาจากสัญญาณมือที่ จอห์น เคอร์เวน (John Curwen) คิดขึน้ มา การใช้
สัญญาณมือนัน้ จะใช้ควบคู่ไปกับการอ่านโน้ต เพื่อแทนระดับเสียงต่างๆ ช่วยให้ผเู้ รียนเรียนรู้
เรื่องระดับเสียง และช่วงห่างของระดับเสียงได้อย่างชัดเจน
และในเพลงหนูมาลีมกี ารใช้สญ
ั ญาณมือควบคูไ่ ปกับการอ่านโน้ต (โด, เร, มี และซอล)
ดังต่อไปนี้
ซอล
มี
เร
โด
74
สบญลบกษณ์ของจบงหวด
โคดายยังได้กาหนดเสียงใช้ในการเรียกสัญลักษณ์ ต่างๆ ไว้ เพื่อให้ผเู้ รียนใช้พูดแทน
การตบมือได้ด้ว ย ในเพลงหนู มาลีได้น าเอาสัญลักษณ์ ของจังหวะมาใช้ในรูป แบบจังหวะ A
ดังต่อไปนี้
ทีม - ริ – ที - ที - ที - ทา
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้า
โน้ตตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ากว่าแต่ถา้ โน้ตซ้าอยู่
ทีร่ ะดับเสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลงหนู มาลีมที ศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่
2 เมเจอร์: โด-เร) ทัง้ ขึน้ และลงเกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 นักเรียนทาแบบทดสอบความรูก้ อ่ นเรียน
1.2 นักเรียนทาแบบทดสอบการฟงั ก่อนเรียน
1.3 ครูรอ้ งเพลงหนูมาลีให้นกั เรียนฟงั แล้วถามนักเรียนว่าเคยฟงั หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลงหนูมาลีให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรือ่ งเนื้อเพลงและระดับ
เสียงให้ถกู ต้อง
2.2 ครูเล่าประวัตแิ ละผูแ้ ต่งเพลงหนูมาลีให้นักเรียนฟงั
2.3 ครูถามนักเรียนว่าในเนื้อเพลงหนูมาลีม ที ่อนใดทีเ่ หมือนกันหรือไม่ และให้นักเรียน
ยกมือขวาในเนื้อเพลงท่อนแรก และยกมือซ้ายในท่อนทีต่ ่างออกไป
2.4 แ ร่วมอภิปรายและสรุปเรื่องรูปแบบเพลงหนูมาลี ว่าเป็ น ปแบบไบ
นารี (Binary Form) คือ AA’
2.5 ครูรอ้ งโน้ตในเพลงหนูมาลีให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรื่องระดับเสียงให้
ถูกต้อง
2.6 นักเรียนร้องโน้ตเพลงหนูมาลี (โด, เร, มี และซอล) ตามสัญญาณมือทีค่ รูทา
2.7 บ ปแบบจังหวะ A หนูมาลีให้นกั เรียนตบมือตาม
2.8 บ ปแบบจังหวะ A และให้นักเรียนอ่านออกเสียง ทีม-ริ–ที- -ที-ที-ทา
75
การสอน
1. แผนภูมเิ พลงหนูมาลี
2. กระดานรูปคียเ์ ปียโน
3. แผนภาพทิศทางการขึน้ ลง 2 เมเจอร์
4. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 2 เมเจอร์
5. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์
6. เปี ยโน
7. กระดาษ
8. ดินสอ
9. แบบทดสอบความรูก้ อ่ นเรียน
10. แบบทดสอบการฟงั ก่อนเรียน
76
1. สังเกตการตบจังหวะของนักเรียน
2. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
3. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์
4. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์
5. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เเรือ่ งโน้ตขันคู้ ่ 2 เมเจอร์
6. การทาแบบทดสอบความรูก้ อ่ นเรียน
7. การทาแบบทดสอบการฟงก่ ั อนเรียน
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
77
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ (โด-เร) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 1 ครึง่ เสียง ข. 2 ครึง่ เสียง
ค. 3 ครึง่ เสียง ง. 4 ครึง่ เสียง
แนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ลง ()
1.
ทิศทาง
2.
ทิศทาง
3.
ทิศทาง
4.
ทิศทาง
79
เฉลยแนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ข. 2 ครึง่ เสียง แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ (โด-เร) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 1 ครึง่ เสียง ข. 2 ครึง่ เสียง
ค. 3 ครึง่ เสียง ง. 4 ครึง่ เสียง
X X
หรือ
X
X
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ขึ้น() แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ลง()
1.
ทิศทาง ขึ้น()
2.
ทิศทาง ลง()
3.
ทิศทาง ลง()
4.
ทิศทาง ขึ้น()
81
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การตนจบงหวด
1. ความถูกต้องของการออก
เสียงแทนสัญลักษณ์ของจังหวะ ออกเสียงได้ถูกต้อง ออกเสียงได้ไม่
และตรงตามจังหวะ ถูกต้อง และไม่ตรง
ตามจังหวะ
2. ความถูกต้องการตบจังหวะ
ตบมือได้ถกู ต้อง และ ตบมือไม่ถกู ต้อง
ตรงตามจังหวะทัง้ เพลง และไม่ตรงตาม
จังหวะ
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
82
แนวคิ ด
โน้ตขัน้ คู่เป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึ่งเป็ นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลง When the Saints Go Marching In ได้
3. นักเรียนสามารถตบจังหวะตามเพลง When the Saints Go Marching In ได้
4. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ ในเพลง When the Saints Go
Marching In ได้
5. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
7. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
8. นักเรียนสามารถเล่นเพลง When the Saints Go Marching In ได้อย่างถูกต้องและ
ตรงจังหวะ
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพืน้ ฐานของเสียงประสานในเพลง When The Saints Go Marching
In มีโน้ตขัน้ คูแ่ บบเมโลดิกเกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
83
X X
84
คู่ 3 เมเจอร์
สบญญาณมือ
เพลง When The Saints Go Marching In มีการใช้สญ
ั ญาณมือควบคู่ไปกับการอ่าน
โน้ต (โด, เร, มี, ฟา และซอล) ดังต่อไปนี้
ซอล
ฟา
มี
เร
โด
เครื่องหมายทาย
ทาย (Tie) คือ เครื่อ งหมายที่ม ีล ัก ษณะเป็ น เส้น โค้ง เชื่อ มต่ อ กัน ของหัว โน้ ต
2 บ ( ) เวลาเล่นให้รวมอัตราจังหวะของโน้ตทัง้ 2
ลบกษณดของรูีแนน (Form)
ปแบบไบนารี (Binary Form) คือ รูปแบบทีป่ ระกอบด้วย 2 ส่วนลักษณะเหมือนหรือ
คล้ายคลึงกัน คือ AA’ (A’ แสดงว่าเป็ นรูปแบบเดียวกับ A มีความแตกต่างในรายละเอียดบาง
ประการ)
86
สบญลบกษณ์ของจบงหวด
โคดายยังได้กาหนดเสียงใช้ในการเรียกสัญลักษณ์ ต่างๆ ไว้ เพื่อให้ผเู้ รียนใช้พูดแทน
การตบมือได้ด้ว ย ในเพลงหนู มาลีได้น าเอาสัญลักษณ์ ของจังหวะมาใช้ในรูป แบบจังหวะ B
ดังต่อไปนี้
ทา – ทา - ทา–อา-อ -อ -อา
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูรอ้ งเพลง When the Saints Go Marching In และถามนักเรียนว่าเคยฟงั หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลง When the Saints Go Marching In ให้นักเรียนร้องตามโดยครู
แนะนาในเรือ่ งเนื้อเพลงและระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.2 ครูเล่าประวัตแิ ละผูแ้ ต่งเพลง When the Saints Go Marching In ให้นักเรียนฟงั
2.3 ครูรอ้ งโน้ตในเพลง When the Saints Go Marching In ให้นักเรียนร้องตามโดยครู
แนะนานักเรียนในเรือ่ งระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.4 นักเรียนร้องโน้ตเพลง When the Saints Go Marching In (โด, เร, มี, ฟาและซอล)
ตามสัญญาณมือทีค่ รูทา
2.5 บ ปแบบจังหวะ B When the Saints Go Marching In
ให้นักเรียนตบมือตาม
2.6 บ ปแบบจังหวะ B และให้นักเรียนอ่านออกเสียง ทา-ทา-ทู-อู
2.7 ครูนาแผนภูมเิ พลง When the Saints Go Marching In ให้นักเรียนดู แล้วให้
นักเรียนบอกว่าช่วงใดทีม่ รี ปู แบบจังหวะเหมือนกับ ปแบบจังหวะ B
2.8 ครูกบั นักเรียนสนทนากันถึงลักษณะ ความหมายของเครื่องหมายทาย (Tie)
2.9 นักเรียนตบมือตามจังหวะทานองเพลง When the Saints Go Marching In ทัง้
เพลง
2.10 ครูถามนักเรียนว่าโน้ตโด-มี ห่างกันเท่าใด
2.11 ครูสรุปและอธิบายเรื่องโน้ตขันคู้ ่ 3 เมเจอร์ (โด-มี) ซึง่ ห่างกัน 4 ครึง่ เสียง (2 เสียง)
โดยใช้คยี เ์ ปี ยโน
2.12 นักเรียนปฏิบตั เิ ปียโนเพลง When the Saints Go Marching In
3. ขัน้ สรุป
3.1 นักเรียนทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
3.2 นักเรียนทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
3.3 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขันคู ้ ่ 3 เมเจอร์
87
การสอน
1. แผนภูมเิ พลง When the Saints Go Marching In
2. กระดานรูปคียเ์ ปียโน
3. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 3 เมเจอร์
4. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
5. เปี ยโน
6. กระดาษ
7. ดินสอ
1. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
2. สังเกตการตบจังหวะของนักเรียน
3. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
4. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 3 เมเจอร์
5. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
88
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 เมเจอร์
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ (โด-มี) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 1 ครึง่ เสียง ข. 2 ครึง่ เสียง
ค. 3 ครึง่ เสียง ง. 4 ครึง่ เสียง
แนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 เมเจอร์
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง
2.
ทิศทาง
3.
ทิศทาง
4.
ทิศทาง
90
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 เมเจอร์
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ง. 4 ครึง่ เสียง แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ (โด-มี) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 1 ครึง่ เสียง ข. 2 ครึง่ เสียง
ค. 3 ครึง่ เสียง ง. 4 ครึง่ เสียง
X X
หรือ
X
X
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 เมเจอร์
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ลง() แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง ลง()
2.
ทิศทาง ขึ้น()
3.
ทิศทาง ขึ้น()
4.
ทิศทาง ขึ้น()
92
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การตนจบงหวด
1. ความถูกต้องของการออก
เสียงแทนสัญลักษณ์ของจังหวะ ออกเสียงได้ถูกต้อง ออกเสียงได้ไม่
และตรงตามจังหวะ ถูกต้อง และไม่ตรง
ตามจังหวะ
2. ความถูกต้องการตบจังหวะ
ตบมือได้ถกู ต้อง และ ตบมือไม่ถกู ต้อง
ตรงตามจังหวะทัง้ เพลง และไม่ตรงตาม
จังหวะ
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
93
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คู่เป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึ่งเป็ นพืน้ ฐานใน
แนวทานองและแนวประสาน
2. รูปแบบมีหลายลักษณะเกิดจากการสร้างสรรค์โดยการนาองค์ประกอบโครงสร้างของ
รูปแบบมาเป็ นตัวกาหนด
3. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลงร่าเริงใจได้
3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์รปู แบบของเพลงร่าเริงใจได้
4. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ในเพลงร่าเริงใจได้
5. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
7. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ได้อย่างถูกต้อง
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพื้นฐานของเสียงประสานในเพลงร่าเริงใจมีโน้ตขัน้ คู่แบบเมโลดิก
เกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน
94
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นัน้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยทีโ่ น้ตตัวบน
และโน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
X X
95
เพลงร่าเริ งใจ
เพลงร่าเริงใจเป็ นเพลงสาหรับเด็ก ประพันธ์เนื้อร้องและทานองโดย ณรุทธ์ สุทธจิตต์ มี
เนื้อร้องและทานองดังนี้
เพลงร่าเริ งใจ
เนื้อร้อง-ทำนอง ณรุทธ์ สุทธจิตต์
C = do
m
คู่ 3 ไมเนอร์
คู่ 3 ไมเนอร์
สบญญาณมือ
เพลงร่าเริงใจ มีการใช้สญ
ั ญาณมือควบคู่ไปกับการอ่านโน้ต (โด, เร, มี, ซอล และลา)
ดังต่อไปนี้
ลา
ซอล
มี
เร
โด
เครื่องหมายซา้
D.C. al Fine (Da Capo al Fine) หมายถึง ให้กลับไปเล่นตัง้ แต่ตน้ จนถึงคาว่า Fine
ลบกษณดของรูีแนน (Form)
ปแบบเทร์นารี (Ternary Form) คือ รูปแบบทีป่ ระกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ ๆ โดยมี
ส่วนกลางทีแ่ ตกต่างไปจากส่วนต้นและส่วนท้าย คือ ABA อ ABA’
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้า
โน้ตตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ากว่าแต่ถา้ โน้ตซ้าอยู่
ทีร่ ะดับเสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลงร่าเริงใจมีทศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่ 3 ไม
เนอร์: มี- อ ) ทัง้ ขึน้ และลงเกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
97
ห้องที่ 1
ห้องที่ 5
ห้องที่ 10 และ 11
ห้องที่ 14 และ 15
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูรอ้ งเพลงร่าเริงใจให้นกั เรียนฟงั แล้วถามนักเรียนว่าเคยฟงั หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลงร่าเริงใจให้นกั เรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรือ่ งเนื้อเพลงและระดับ
เสียงให้ถกู ต้อง
2.2 ครูถามนักเรียนว่าในเนื้อเพลงร่าเริงใจมีท่อนใดทีเ่ หมือนกันหรือไม่
2.3 นักเรียนยกมือขวาในเนื้อเพลงท่อนแรก และยกมือซ้ายในท่อนทีต่ า่ งออกไป
2.4 แ นักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปเรื่องเครื่องหมายซ้า D.C. al Fine ทีม่ ใี น
เพลงร่าเริงใจ
2.5 แ ร่วมอภิปรายและสรุปเรื่องรูปแบบเพลงร่าเริงใจ ว่าเป็ น ปแบบเทร์
นารี (Ternary Form) คือ ABA
2.6 ครูรอ้ งโน้ตในเพลงร่าเริงใจให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรื่องระดับเสียงให้
ถูกต้อง
2.7 นักเรียนร้องโน้ตเพลงร่าเริงใจ (โด, เร, มี, ซอลและลา) ตามสัญญาณมือทีค่ รูทา
2.8 ครูถามนักเรียนว่าโน้ตมี-ซอล ห่างกันเท่าใด
2.9 ครูสรุปและอธิบายเรื่องโน้ตขันคู ้ ่ 3 ไมเนอร์ (มี-ซอล) ซึง่ ห่างกัน 3 ครึง่ เสียง (1.5
เสียง) โดยใช้คยี เ์ ปี ยโน
2.10 นักเรียนวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ ในแผนภูมเิ พลงร่าเริงใจ
98
การสอน
1. แผนภูมเิ พลงร่าเริงใจ
2. กระดานรูปคียเ์ ปียโน
3. แผนภาพทิศทางการขึน้ ลง
4. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 3 ไมเนอร์
5. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
6. เปี ยโน
7. กระดาษ
8. ดินสอ
1. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
2. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
3. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 3 ไมเนอร์
4. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
99
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 ไมเนอร์
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ (มี-ซอล) ห่างกันกีเ่ สียง
ก. 1 เสียง ข. 1.5 เสียง
ค. 2 เสียง ง. 3 เสียง
3. จากบทเพลงต่อไปนี้มขี นคู
ั ้ ่ 3 ไมเนอร์ กีต่ าแหน่ง
ก. 2 ตาแหน่ง ข. 3 ตาแหน่ง
ค. 4 ตาแหน่ง ง. 5 ตาแหน่ง
X
100
แนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 ไมเนอร์
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง
2.
ทิศทาง
3.
ทิศทาง
4.
ทิศทาง
101
เฉลยแนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 ไมเนอร์
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ข. 1.5 เสียง แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ (มี-ซอล) ห่างกันกีเ่ สียง
ก. 1 เสียง ข. 1.5 เสียง
ค. 2 เสียง ง. 3 เสียง
3. จากบทเพลงต่อไปนี้มขี นคู
ั ้ ่ 3 ไมเนอร์ กีต่ าแหน่ง
คู่ 3 ไมเนอร์
คู่ 3 ไมเนอร์
ก. 2 ตาแหน่ง ข. 3 ตาแหน่ง
ค. 4 ตาแหน่ง ง. 5 ตาแหน่ ง
X X
102
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 3 ไมเนอร์
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ลง() แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง ลง()
2.
ทิศทาง ขึ้น()
3.
ทิศทาง ขึ้น()
4.
ทิศทาง ลง()
103
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
104
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คูเ่ ป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็ นพืน้ ฐานใน
แนวทานองและแนวประสาน
2. โน้ตตัวขาว ( ) เป็ นสัญญลักษณ์แทนอัตราจังหวะของโน้ตสากล
3. รูปแบบมีหลายลักษณะเกิดจากการสร้างสรรค์โดยการนาองค์ประกอบโครงสร้างของ
รูปแบบมาเป็ นตัวกาหนด
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟคได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ได้
3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์รปู แบบของเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ได้
4. นักเรียนสามารถตบจังหวะตามเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ได้
5. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟคในเพลง Twinkle, Twinkle, Little
Star ได้
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
7. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพืน้ ฐานของเสียงประสานในเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star มี
โน้ตขัน้ คูแ่ บบเมโลดิกเกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน ดังบัตรภาพ
105
ในเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star มีโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค เกิดขึน้ หลายตาแหน่ ง
ด้วยกัน ซึง่ โน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค ห่างกัน 7 ครึง่ เสียง (3.5 เสียง) ได้แก่ โด-ซอล ดังคียเ์ ปียโน
X X
106
คู่ 5 เพอร์เฟค
จากการวิเคราะห์ขนั ้ คู่ทม่ี ใี นเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star พบว่ามีขนั ้ คู่ 5 เพอร์
เฟคทิศทางขึน้ (โด-ซอล) และมี ปแบบเป็ นเทร์นารี (Ternary Form) คือ รูปแบบทีป่ ระกอบด้วย
3 ส่วนใหญ่ ๆ โดยมีสว่ นกลางทีแ่ ตกต่างไปจากส่วนต้นและส่วนท้าย คือ ABA
107
สบญญาณมือ
เพลง Twinkle, Twinkle, Little Star มีการใช้สญ
ั ญาณมือควบคูไ่ ปกับการอ่านโน้ต (โด,
เร, มี, ฟา, ซอล และลา) ดังต่อไปนี้
ลา
ซอล
ฟา
มี
เร
โด
ลบกษณดของรูีแนน (Form)
ปแบบเทร์นารี (Ternary Form) คือ รูปแบบทีป่ ระกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ ๆ โดยมี
ส่วนกลางทีแ่ ตกต่างไปจากส่วนต้นและส่วนท้าย คือ ABA อ ABA’
สบญลบกษณ์ของจบงหวด
โคดายยังได้กาหนดเสียงใช้ในการเรียกสัญลักษณ์ ต่างๆ ไว้ เพื่อให้ผเู้ รียนใช้พูดแทน
การตบมือได้ดว้ ย ในเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ได้นาเอาสัญลักษณ์ของจังหวะมาใช้ใน
รูปแบบจังหวะ C ดังต่อไปนี้
ทา - ทา ทู – อู
108
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูถามนักเรียนว่าเคยฟงั เพลง Twinkle, Twinkle, Little Star หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาใน
เรื่องเนื้อเพลงและระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.2 ครูอธิบายความหมายของเนื้อเพลงพร้อมทัง้ เล่าประวัตแิ ละผูแ้ ต่งเพลง Twinkle,
Twinkle, Little Star ให้นักเรียนฟงั
2.3 ครูถามนักเรียนว่าในเนื้อเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star มีท่อนใดทีเ่ หมือนกัน
หรือไม่ และ นักเรียนยกมือขวาในเนื้อเพลงท่อนแรก และยกมือซ้ายในท่อนทีต่ า่ งออกไป
2.4 แ ร่วมอภิปรายและสรุปเรื่องรูปแบบเพลง Twinkle, Twinkle, Little
Star ว่าเป็ น ปแบบเทร์นารี (Ternary Form) คือ ABA
2.5 ครูรอ้ งโน้ตในเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนา
ในเรือ่ งระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.6 นักเรียนร้องโน้ตเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star (โด, เร, มี, ฟา, ซอลและลา)
ตามสัญญาณมือทีค่ รูทา
2.7 บ ปแบบจังหวะ C Twinkle, Twinkle, Little Star ให้
นักเรียนตบมือตาม
2.8 บ ปแบบจังหวะ C และให้นักเรียนอ่านออกเสียง ทา-ทา-ทู-อู
2.9 ครูนาแผนภูมเิ พลง Twinkle, Twinkle, Little Star ให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียน
บอกว่าช่วงใดทีม่ รี ปู แบบจังหวะเหมือนกับ ปแบบจังหวะ C
2.10 นักเรียนตบมือตามจังหวะทานองเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ทัง้ เพลง
แล้วครูกบั นักเรียนสนทนากันถึงลักษณะ ความหมายและค่าของโน้ตตัวขาว ( ) อ่านว่า ทู-อ มี
อัตราจังหวะ 2 จังหวะ
2.11 ครูถามนักเรียนว่าโน้ตโด และซอลห่างกันเท่าใด
2.12 ครูสรุปและอธิบายเรื่องโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค (โด-ซอล) ซึง่ ห่างกัน 7 ครึง่ เสียง
(3.5 เสียง) โดยใช้คยี เ์ ปี ยโน
2.13 นักเรียนวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟคในแผนภูมเิ พลง Twinkle, Twinkle, Little
Star
2.14 ครูกดโน้ตโด-ซอล บนเปี ยโนให้นกั เรียนฟงั ทัง้ แบบฮาร์โมนิก (Harmonic Interval)
และแบบเมโลดิก (Melodic Interval) ให้นักเรียนสังเกตความแตกต่างของขัน้ คู่ทงั ้ 2 แบบจาก
การฟงั แล้วอภิปราย
109
3. ขัน้ สรุป
3.1 นักเรียนทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
3.2 นักเรียนทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
3.3 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขันคู ้ ่ 5 เพอร์เฟค
การสอน
1. แผนภูมเิ พลง Twinkle, Twinkle, Little Star
2. กระดานรูปคียเ์ ปียโน
3. บัตรภาพขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
4. แบบฮาร์โมนิก (Harmonic Interval) และขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
5. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 5 เพอร์เฟค
6. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
7. เปี ยโน
8. กระดาษ
9. ดินสอ
1. สังเกตการตบจังหวะของนักเรียน
2. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
3. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
4. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 5 เพอร์เฟค
5. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
110
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
111
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค (โด-ซอล) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 4 ครึง่ เสียง ข. 5 ครึง่ เสียง
ค. 6 ครึง่ เสียง ง. 7 ครึง่ เสียง
2. จากบทเพลงต่อไปนี้มขี นคู
ั ้ ่ 5 เพอร์เฟคกีต่ าแหน่ง
ก. 1 ตาแหน่ง ข. 2 ตาแหน่ง
ค. 3 ตาแหน่ง ง. 4 ตาแหน่ง
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง
2.
ทิศทาง
3.
ทิศทาง
4.
ทิศทาง
113
เฉลยแนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ง. 7 ครึง่ เสียง แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค (โด-ซอล) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 4 ครึง่ เสียง ข. 5 ครึง่ เสียง
ค. 6 ครึง่ เสียง ง. 7 ครึง่ เสียง
2. จากบทเพลงต่อไปนี้มขี นคู
ั ้ ่ 5 เพอร์เฟคกีต่ าแหน่ง
5th Perfect
ก. 1 ตาแหน่ง ข. 2 ตาแหน่ง
ค. 3 ตาแหน่ ง ง. 4 ตาแหน่ง
X X
หรือ
X X
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง ขึ้น()
2.
ทิศทาง ลง()
3.
ทิศทาง ขึ้น()
4.
ทิศทาง ลง()
115
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การตนจบงหวด
1. ความถูกต้องของการออก
เสียงแทนสัญลักษณ์ของจังหวะ ออกเสียงได้ถูกต้อง ออกเสียงได้ไม่
และตรงตามจังหวะ ถูกต้อง และไม่ตรง
ตามจังหวะ
2. ความถูกต้องการตบจังหวะ
ตบมือได้ถกู ต้อง และ ตบมือไม่ถกู ต้อง
ตรงตามจังหวะทัง้ เพลง และไม่ตรงตาม
จังหวะ
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
116
แนวคิ ด
โน้ตขัน้ คู่เป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึ่งเป็ นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ 5 เพอร์เฟคได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลง Lightly Row ได้
3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์รปู แบบของเพลง Lightly Row ได้
4. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ 5 เพอร์เฟคใน
เพลง Lightly Row ได้
5. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์
และ 5 เพอร์เฟค ได้อย่างถูกต้องอย่างน้อย 2 ข้อ
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์
และ 5 เพอร์เฟค ได้อย่างถูกต้องอย่างน้อย 2 ข้อ
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพืน้ ฐานของเสียงประสานในเพลง Lightly Row มีโน้ตขัน้ คูแ่ บบเมโล
ดิกเกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
117
ในเพลง Lightly Row มีโน้ตขัน้ คู่ 2nd Major, 3rd Major, 3rd minor และ5th Perfect
เกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน ซึง่ โน้ตขัน้ คู่ 2nd Major, 3rd Major, 3rd minor และ5th Perfect ห่าง
กัน 2, 4, 3 และ 7 ครึง่ เสียง (1, 2, 1.5 และ 3.5 เสียง) ตามลาดับ ดังคียเ์ ปียโน
X X X X X
2 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์
3 เมเจอร์
5 เพอร์เฟค
118
Lightly Row
เนื้อร้อง-ทำนอง Tyrone DeMeaneoar
C = do
s
คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 2 เมเจอร์
คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 3 เมเจอร์ คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 3 ไมเนอร์
คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 3 เมเจอร์ คู่ 3 ไมเนอร์ คู่ 5 เพอร์เฟค
สบญญาณมือ
เพลง Lightly Row มีการใช้สญ
ั ญาณมือควบคูไ่ ปกับการอ่านโน้ต (โด, เร, มี, ฟา และ
ซอล) ดังต่อไปนี้
ซอล
ฟา
มี
เร
โด
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูถามนักเรียนว่าเคยฟงั เพลง Lightly Row หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลง Lightly Row ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรื่องเนื้อเพลง
และระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.2 ครูอธิบายความหมายของเนื้อเพลงพร้อมทัง้ เล่าประวัตแิ ละผูแ้ ต่งเพลง Lightly Row
ให้นักเรียนฟงั
2.3 ครูรอ้ งโน้ตในเพลง Lightly Row ให้นักเรียนร้องตามโดยคอยแนะนาในเรื่องระดับ
เสียงให้ถกู ต้อง
2.4 นักเรียนร้องโน้ตเพลง Lightly Row (โด, เร, มี, ฟาและซอล) ตามสัญญาณมือทีค่ รู
ทา
2.5 ครูทบทวนเรื่องขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ 5 เพอร์เฟคทีน่ ักเรียนเคย
เรียนมาแล้ว โดยใช้วธิ กี ารถามตอบ
120
การสอน
1. แผนภูมเิ พลง Lightly Row
2. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ 5 เพอร์เฟค
3. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ 5 เพอร์เฟค
4. เปี ยโน
5. กระดาษ
6. ดินสอ
1. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
2. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ 5 เพอร์เฟค
3. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ
5 เพอร์เฟค
4. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์และ
5 เพอร์เฟค
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
121
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์ แลด 5 เพอร์เฟค
คาสบง่ จงเขียนโน้ต บอกชนิดขัน้ คู่ (2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์ และ 5 เพอร์เฟค)
และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง() (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
1.
2.
3.
4.
แนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์ แลด 5 เพอร์เฟค
คาสบง่ จงเขียนโน้ตตัวบนของขัน้ คู่และบอกชนิดของขันคู ้ ว่ ่าเป็นฮาร์โมนิก (Harmonic Interval)
้ แ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval) (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
หรือขันคู
1.
ขัน้ คู่
2.
ขัน้ คู่
3.
ขัน้ คู่
4.
ขัน้ คู่
123
6.
เฉลยแนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์ แลด 5 เพอร์เฟค
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ชนิดขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ ทิศทาง ลง ()
แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ต บอกชนิดขัน้ คู่ (2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์ และ 5 เพอร์เฟค)
และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง () (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
1.
2.
ชนิดขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ทิศทาง ลง ()
3.
ชนิดขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ ทิศทาง ลง ()
4.
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์ แลด 5 เพอร์เฟค
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ฮาร์โมนิ ก (Harmonic Interval)
แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ตตัวบนของขัน้ คู่และบอกชนิดของขันคู ้ ว่ ่าเป็นฮาร์โมนิก (Harmonic Interval)
้ แ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval) (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
หรือขันคู
1.
2.
3.
4.
5.
C E D C G E
6.
E G C D C E
127
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ 3 ไมเนอร์ และ 5 เพอร์เฟค
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
3 ไมเนอร์ และ 5 เพอร์เฟค และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
128
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คูเ่ ป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็ นพืน้ ฐานใน
แนวทานองและแนวประสาน
2. เครือ่ งหมายกาหนดจังหวะ หมายถึง เลข 2 ตัวทีเ่ ขียนซ้อนกันในลักษณะ หรือ
บันทึกไว้ตอนต้นของบทเพลง หลังกุญแจประจาหลัก เพือ่ บ่งบอกว่าบทเพลงนัน้ เป็ น
บทเพลงในจังหวะใด
3. เครือ่ งหมายกาหนดจังหวะ หมายถึง ในหนึ่งห้องเพลงจะมี 3 และให้โนต
ตัวดา ( ) เป็ นเกณฑ์ตวั ละ 1 จังหวะ
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ ได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลง Lavender Blue ได้
3. นักเรียนสามารถตบจังหวะ ตามเพลง Lavender Blue ได้
4. นักเรียนสามารถก้าวเดินตามจังหวะ ในรูปแบบ ก้าว-ชิด-ยืด ได้
5. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ ในเพลง Lavender Blue ได้
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
7. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
129
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพืน้ ฐานของเสียงประสานในเพลง Lavender Blue มีโน้ตขัน้ คูแ่ บบ
เมโลดิกเกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นัน้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยทีโ่ น้ตตัวบน
และโน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
ในเพลง Lavender Blue มีโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ เกิดขึน้ หลายตาแหน่ งด้วยกัน ซึง่ โน้ตขัน้
คู่ 6 เมเจอร์ ห่างกัน 9 ครึง่ เสียง (4.5 เสียง) ได้แก่ โด-ลา ดังคียเ์ ปียโน
X X
130
C = do
คู่ 6 เมเจอร์
d
จากการวิเคราะห์ขนั ้ คู่ทม่ี ใี นเพลง Lavender Blue พบว่ามีขนั ้ คู่ 6 เมเจอร์ (โด- ) และ
อยูใ่ นอัตราจังหวะ
131
สบญญาณมือ
เพลง Lavender Blue มีการใช้สญ
ั ญาณมือควบคูไ่ ปกับการอ่านโน้ต (โด, เร, มี, ฟา,
ซอล และลา) ดังต่อไปนี้
ลา
ซอล
ฟา
มี
เร
โด
เครื่องหมายกาหนดจบงหวด
เครื่องหมายกาหนดจังหวะ เป็ นเครื่องหมายทีก่ าหนดว่ามีอตั ราจังหวะกีจ่ งั หวะในหนึ่ง
ห้องเพลงและใช้โน้ตตัวใดเป็ นเกณฑ์ตวั ละ 1 จังหวะ
เ ค รื่ อ ง ห ม า ย ก า ห น ด จั ง ห ว ะ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ตั ว เ ล ข 2 อ
บ อ อบ แจป
- เลขตัวบน หมายถึง จานวนจังหวะในหนึ่งห้องเพลง
- เลขตัวล่าง หมายถึง เลขประจาตัวโน้ตทีใ่ ช้เป็ นเกณฑ์ตวั ละหนึ่งจังหวะ
เครื่อ งหมายก าหนดจัง หวะ หมายถึง ในหนึ่ ง ห้อ งเพลงมี 3
แ ป 1
132
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูรอ้ งเพลง Lavender Blue ให้นักเรียนฟงั แล้วถามนักเรียนว่าเคยฟงั หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลง Lavender Blue ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรื่องเนื้อเพลง
และระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.2 ครูอธิบายความหมายของเนื้อเพลงพร้อมทัง้ เล่าประวัตเิ พลง Lavender Blue ให้
นักเรียนฟงั
2.3 อ Lavender Blue ครูเคาะจังหวะตบในอัตราจังหวะ นักเรียน
ฟงั และสังเกตการเคาะของครูว่ามีจงั หวะเป็ นอย่างไร (หนัก-เบา-เบา)
2.4 ตบในอัตราจังหวะ ในขณะทีค่ รูรอ้ งเพลง Lavender Blue
2.5 ครูเดินตามจังหวะ (ก้าว-ชิด-ยืด) เพือ่ เป็ นตัวอย่างให้กบั นักเรียนทาตาม
2.6 นักเรียนเดินตามจังหวะ (ก้าว-ชิด-ยืด) พร้อมไปกับครูรอ้ งเพลง
2.7 ครูสรุปและอธิบายเรื่องเครือ่ งหมายกาหนดจังหวะในเพลง Lavender Blue
2.8 ครูรอ้ งโน้ตในเพลง Lavender Blue ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรื่องระดับ
เสียงให้ถกู ต้อง
2.9 นักเรียนร้องโน้ตเพลง Lavender Blue (โด, เร, มี, ฟา, ซอลและลา) ตามสัญญาณ
มือทีค่ รูทา
2.10 ครูถามนักเรียนว่าโน้ตโด และลาห่างกันเท่าใด
2.11 ครูสรุปและอธิบายเรื่องโน้ตขันคู ้ ่ 6 เมเจอร์ (โด-ลา) ซึง่ ห่างกัน 9 ครึง่ เสียง
(4.5 เสียง) โดยใช้คยี เ์ ปี ยโน
2.12 นักเรียนวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ ในแผนภูมเิ พลง Lavender Blue
2.13 นักเรียนปฏิบตั เิ ปียโนเพลง Lavender Blue
3. ขัน้ สรุป
3.1 นักเรียนทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
3.2 นักเรียนทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
3.3 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขันคู ้ ่ 6 เมเจอร์
133
การสอน
1. แผนภูมเิ พลง Lavender Blue
2. กระดานรูปคียเ์ ปียโน
3. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 6 เมเจอร์
4. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
5. เปี ยโน
6. กระดาษ
7. ดินสอ
ด
1. สังเกตการตบจังหวะของนักเรียน
2. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
3. สังเกตการก้าวเดินของนักเรียน
4. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
5. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 6 เมเจอร์
6. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
134
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 6 เมเจอร์
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ (โด-ลา) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 7 ครึง่ เสียง ข. 8 ครึง่ เสียง
ค. 9 ครึง่ เสียง ง. 10 ครึง่ เสียง
2. จากบทเพลงต่อไปนี้มขี นคู
ั ้ ่ 6 เมเจอร์กต่ี าแหน่ง
ก. 1 ตาแหน่ง ข. 2 ตาแหน่ง
ค. 3 ตาแหน่ง ง. 4 ตาแหน่ง
3. อัตราจังหวะ หมายถึงข้อใด
ก. เลขตัวบนคือ 3 หมายถึง จานวนจังหวะในหนึ่งห้องเพลง
ข. เลขตัวล่างคือ 4 เลขประจาตัวโน้ตตัวขาว ( ) ซึง่ ใช้เป็ นเกณฑ์
ตัวละหนึ่งจังหวะ
ค. เลขตัวล่างคือ 4 เลขประจาตัวโน้ตตัวดา ( ) ซึง่ ใช้เป็นเกณฑ์
ตัวละหนึ่งจังหวะ
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูกต้อง
แนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 6 เมเจอร์
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง () (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง
2.
ทิศทาง
3.
ทิศทาง
4.
ทิศทาง
136
เฉลยแนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 6
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ค. 9 ครึง่ เสียง แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ (โด-ลา) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 7 ครึง่ เสียง ข. 8 ครึง่ เสียง
ค. 9 ครึง่ เสียง ง. 10 ครึง่ เสียง
ก. 1 ตาแหน่ง ข. 2 ตาแหน่ง
ค. 3 ตาแหน่ง ง. 4 ตาแหน่ ง
3. อัตราจังหวะ หมายถึงข้อใด
ก. เลขตัวบนคือ 3 หมายถึง จานวนจังหวะในหนึ่งห้องเพลง
ข. เลขตัวล่างคือ 4 เลขประจาตัวโน้ตตัวดา ( ) ซึง่ ใช้เป็นเกณฑ์ตวั
ละหนึ่งจังหวะ
ค. เลขตัวล่างคือ 4 เลขประจาตัวโน้ตตัวดา ( ) ซึง่ ใช้เป็นเกณฑ์ตวั
ละหนึ่งจังหวะ
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูกต้อง
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 6
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ขึ้น () แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง () เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
2.
3.
ทิศทาง ลง ()
4.
ทิศทาง ลง ()
138
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การตนจบงหวด
1. ความถูกต้องของการออก
เสียงแทนสัญลักษณ์ของจังหวะ ออกเสียงได้ถูกต้อง ออกเสียงได้ไม่
และตรงตามจังหวะ ถูกต้อง และไม่ตรง
ตามจังหวะ
2. ความถูกต้องการตบจังหวะ
ตบมือได้ถกู ต้อง และ ตบมือไม่ถกู ต้อง
ตรงตามจังหวะทัง้ เพลง และไม่ตรงตาม
จังหวะ
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การเคลื่อนไหวร่างกาย
1. การก้าวเดินในอัตราจังหวะ
เคลื่อนไหวร่ายกายใน เคลื่อนไหวร่ายกายใน
จังหวะ ได้ถูกต้อง จังหวะ ไม่ถกู ต้อง
เหมาะสมตามลักษณะ ตามลักษณะความ
ความหนัก-เบา-เบา หนัก-เบา-เบา ของ
ของอัตราจังหวะ อัตราจังหวะ
139
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
140
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คูเ่ ป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็ นพืน้ ฐานใน
แนวทานองและแนวประสาน
2. เครือ่ งหมายกาหนดจังหวะ หมายถึง เลข 2 ตัวทีเ่ ขียนซ้อนกันในลักษณะ หรือ
บันทึกไว้ตอนต้นของบทเพลง หลังกุญแจประจาหลัก เพือ่ บ่งบอกว่าบทเพลงนัน้ เป็ น
บทเพลงในจังหวะใด
3. เครือ่ งหมายกาหนดจังหวะ หมายถึง ในหนึ่งห้องเพลงจะมี 4
แ ( ) เป็ นเกณฑ์ตวั ละ 1 จังหวะ
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค ได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลง Over The Rainbow ได้
3. นักเรียนสามารถตบจังหวะ ตามเพลง Over The Rainbow ได้
4. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟคในเพลง Over The Rainbow ได้
5. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค ได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพืน้ ฐานของเสียงประสานในเพลง Over The Rainbow มีโน้ตขัน้ คู่
แบบเมโลดิกเกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน
141
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นัน้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตั วล่างโดยทีโ่ น้ตตัวบน
และโน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
ในเพลง Over The Rainbow มีโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค เกิดขึน้ หลายตาแหน่ งด้วยกัน ซึง่
โน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค ห่างกัน 12 ครึง่ เสียง (6 เสียง) ได้แก่ โด-โด’ ดังคียเ์ ปียโน
X X
142
C = do
เนื้อร้อง E.Y. Harburg
d
คู่ 8 เพอร์เฟค ทำนอง Harold Arlen
สบญญาณมือ
เพลง Over the Rainbow มีการใช้สญ
ั ญาณมือควบคูไ่ ปกับการอ่านโน้ต (โด, เร, มี, ฟา,
ซอล, ลา, ทีและโด’) ดังต่อไปนี้
โด’
ที
ลา
ซอล
ฟา
มี
เร
โด
เครื่องหมายกาหนดจบงหวด
เครื่องหมายกาหนดจังหวะ เป็ นเครื่องหมายทีก่ าหนดว่ามีอตั ราจังหวะกีจ่ งั หวะในหนึ่ง
ห้องเพลงและใช้โน้ตตัวใดเป็ นเกณฑ์ตวั ละ 1 จังหวะ
เ ค รื่ อ ง ห ม า ย ก า ห น ด จั ง ห ว ะ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ตั ว เ ล ข 2 อ
บ อ อบ แจป จา
- เลขตัวบน หมายถึง จานวนจังหวะในหนึ่งห้องเพลง
- เลขตัวล่าง หมายถึง เลขประจาตัวโน้ตทีใ่ ช้เป็ นเกณฑ์ตวั ละหนึ่งจังหวะ
เ ค รื่ อ ง ห มา ย ก า ห น ด จั ง ห ว ะ ห ม า ย ถึ ง ใ น ห นึ่ ง ห้ อ ง เ พ ล ง มี 4
แ ป 1
144
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูรอ้ งเพลง Over The Rainbow ให้นักเรียนฟงั แล้วถามนักเรียนว่าเคยฟงั หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลง Over the Rainbow ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาในเรื่องเนื้อ
เพลงและระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.2 อ Over the Rainbow ครูเคาะจังหวะตบในอัตราจังหวะ
นักเรียนฟงั และสังเกตการเคาะของครูว่ามีจงั หวะเป็ นอย่างไร (หนัก-เบา-หนัก-เบา)
2.3 ตบในอัตราจังหวะ ในขณะที่ครูร้องเพลง Over the
Rainbow
2.4 ครูสรุปและอธิบายเรื่องเครือ่ งหมายกาหนดจังหวะในเพลง Over the Rainbow
2.5 นักเรียนร้องโน้ตเพลง Over the Rainbow (โด, เร, มี, ฟา, ซอล, ลา, ที และโด’)
ตามสัญญาณมือทีค่ รูทา
2.6 ครูถามนักเรียนว่าโน้ตโด และโด’ ห่างกันเท่าใด
2.7 ครูสรุปและอธิบายเรื่องโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค (โด-โด’) ซึง่ ห่างกัน 12 ครึง่ เสียง
(6 เสียง) โดยใช้คยี เ์ ปี ยโน
2.8 นักเรียนวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟคในแผนภูมเิ พลง Over the Rainbow
2.9 นักเรียนปฏิบตั เิ ปียโนเพลง Over the Rainbow
3. ขัน้ สรุป
3.1 นักเรียนทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
3.2 นักเรียนทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
3.3 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขันคู ้ ่ 8 เพอร์เฟค
การสอน
1. แผนภูมเิ พลง 8 เพอร์เฟค
2. กระดานรูปคียเ์ ปียโน
3. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 8 เพอร์เฟค
4. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
5. เปี ยโน
6. กระดาษ
7. ดินสอ
145
1. สังเกตการตบจังหวะของนักเรียน
2. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
3. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
4. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 8 เพอร์เฟค
5. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
146
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค (โด-โด’) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 6 ครึง่ เสียง ข. 12 ครึง่ เสียง
ค. 4 ครึง่ เสียง ง. 8 ครึง่ เสียง
ให้นักเรียนดูบทเพลงแล้วตอบคาถามข้อ 2-3
แนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง () (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
ทิศทาง
2.
ทิศทาง
3.
ทิศทาง
4.
ทิศทาง
148
เฉลยแนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ข. 12 ครึง่ เสียง แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค (โด-โด’) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 6 ครึง่ เสียง ข. 12 ครึง่ เสียง
ค. 4 ครึง่ เสียง ง. 8 ครึง่ เสียง
ให้นักเรียนดูบทเพลงแล้วตอบคาถามข้อ 2-3
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ขึ้น () แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง () (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ขึ้น()
1.
2.
3.
4.
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การตนจบงหวด
1. ความถูกต้องของการออก
เสียงแทนสัญลักษณ์ของจังหวะ ออกเสียงได้ถูกต้อง ออกเสียงได้ไม่
และตรงตามจังหวะ ถูกต้อง และไม่ตรง
ตามจังหวะ
2. ความถูกต้องการตบจังหวะ
ตบมือได้ถกู ต้อง และ ตบมือไม่ถกู ต้อง
ตรงตามจังหวะทัง้ เพลง และไม่ตรงตาม
จังหวะ
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
151
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คูเ่ ป็ นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็ นพืน้ ฐานใน
แนวทานองและแนวประสาน
2. โน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชัน้ ( ) เป็ นสัญญลักษณ์แทนอัตราจังหวะของโน้ตสากล
3. รูปแบบมีหลายลักษณะเกิดจากการสร้างสรรค์โดยการนาองค์ประกอบโครงสร้างของ
รูปแบบมาเป็ นตัวกาหนด
4. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดีรดสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค ได้
2. นักเรียนสามารถร้องเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ได้
3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์รปู แบบของเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ได้
4. นักเรียนสามารถตบจังหวะตามเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ได้
5. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคในเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John)
ได้
6. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
7. นักเรียนสามารถทาแบบฝึกหัดการฟงั เรื่องโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
อย่างน้อย 2 ข้อ
8. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
9. นักเรียนสามารถทาแบบทดสอบหลังเรียนได้อย่างถูกต้องอย่างน้อย 15 ข้อ
10. นักเรียนทาแบบทดสอบความรูห้ ลังเรียน
11. นักเรียนทาแบบทดสอบการฟงั หลังเรียน
152
เนื้ อหา
ขบน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองที่
บ่งบอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึ่งโน้ ตขัน้ คู่ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน เรียกว่า ขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก
(Harmonic Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คูแ่ บบเมโลดิก (Melodic Interval)
นอกจากนี้โน้ตขัน้ คู่ยงั เป็ นพืน้ ฐานของเสียงประสานในเพลง แน่ ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) มี
โน้ตขัน้ คูแ่ บบเมโลดิกเกิดขึน้ หลายตาแหน่งด้วยกัน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นัน้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยทีโ่ น้ตตัวบน
และโน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
X X
153
จากการวิเคราะห์ขนั ้ คู่ทม่ี ใี นเพลงแน่ ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) พบว่ามีขนั ้ คู่ 4 เพอร์
เฟค ทิศทางขึน้ และลง (โด-ฟา)
154
สบญญาณมือ
เพลงแน่ ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) มีการใช้สญ
ั ญาณมือควบคูไ่ ปกับการอ่านโน้ต (โด,
ฟา, ซอล, ลา, ที, โด’ และเร’) ดังต่อไปนี้
เร’
โด’
ที
ลา
ซอล
ฟา
โด
สบญลบกษณ์ของจบงหวด
โคดายยังได้กาหนดเสียงใช้ในการเรียกสัญลักษณ์ ต่างๆ ไว้ เพื่อให้ผเู้ รียนใช้พูดแทน
การตบมือได้ดว้ ย ในเพลงแน่ ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ได้นาเอาสัญลักษณ์ของจังหวะมาใช้ใน
รูปแบบจังหวะ D ดังต่อไปนี้
ที - ที - ที - - ทา - ทา
155
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้า
โน้ตตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ากว่าแต่ถา้ โน้ตซ้าอยู่
ทีร่ ะดับเสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) มีทศิ ทางของ
ทานอง (โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค: โด-ฟา) ทัง้ ขึน้ และลงเกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูรอ้ งเพลงแน่ ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ให้นักเรียนฟงั แล้วถามนักเรียนว่าเคยฟงั
หรือไม่
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูรอ้ งเนื้อเพลงแน่ ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนาใน
เรื่องเนื้อเพลงและระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.2 ครูเล่าประวัตแิ ละผูแ้ ต่งเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ให้นักเรียนฟงั
2.3 ครูรอ้ งโน้ตในเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ให้นักเรียนร้องตามโดยครูแนะนา
ในเรือ่ งระดับเสียงให้ถกู ต้อง
2.4 นักเรียนร้องโน้ตเพลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) (โด, ฟา, ซอล, ลา, ที, โด’
และเร’) ตามสัญญาณมือทีค่ รูทา
2.5 บ ปแบบจังหวะ D แน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ให้
นักเรียนตบมือตาม
2.6 บ ปแบบจังหวะ D และให้นักเรียนอ่านออกเสียง ที-ที-ที- – ทา - ทา
2.7 ครูนาแผนภูมเิ พลงแน่ะฟงั ฟ้าลัน่ (Brother John) ให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนบอก
ว่าช่วงใดทีม่ รี ปู แบบจังหวะเหมือนกับรูปแบบจังหวะ D
2.8 นักเรียนตบมือตามจังหวะทานองเพลงหนูมาลีทงั ้ เพลง แล้วครูกบั นักเรียนสนทนา
กันถึงลักษณะ ความหมายและค่าของโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชัน้ ( ) อ่านว่า ที มีอตั ราจังหวะ 1/2
จังหวะ หรือโน้ตตัวเขบ็ตหนึ่งชัน้ 2 ( ) มีอตั ราจังหวะ 1 จังหวะ
2.9 ครูถามนักเรียนว่าโน้ตโด-ฟา ห่างกันเท่าใด
2.10 ครูสรุปและอธิบายเรื่องโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค (โด-ฟา) ซึ่งห่างกัน 5 ครึง่ เสียง
(2.5 เสียง) โดยใช้คยี เ์ ปี ยโน
156
การสอน
1. แผนภูมเิ พลง 4 เพอร์เฟค
2. กระดานรูปคียเ์ ปี ยโน
3. แผนภาพทิศทางการขึน้ ลง 4 เพอร์เฟค
4. แบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 4 เพอร์เฟค
5. แบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
6. เปี ยโน
7. กระดาษ
8. ดินสอ
9. แบบทดสอบความรูห้ ลังเรียน
10. แบบทดสอบการฟงั หลังเรียน
1. สังเกตการตบจังหวะของนักเรียน
2. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียน
3. สังเกตการวิเคราะห์โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
4. การทาแบบฝึกหัดความรูเ้ รือ่ งโน้ตขันคู
้ ่ 4 เพอร์เฟค
5. การทาแบบฝึกหัดการฟงั เรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
6. การทาแบบทดสอบความรูห้ ลังเรียน
7. การทาแบบทดสอบการฟงั หลังเรียน
157
หมายเหตุ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
158
แนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 4 เพอร์เฟคแลดทดสอนหลบงเรียน
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค (โด-ฟา) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 1 ครึง่ เสียง ข. 3 ครึง่ เสียง
ค. 5 ครึง่ เสียง ง. 7 ครึง่ เสียง
แนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 4 เพอร์เฟคแลดทดสอนหลบงเรียน
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง () (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ลง ()
1.
ทิศทาง
2.
ทิศทาง
3.
ทิศทาง
4.
ทิศทาง
160
เฉลยแนนฝึ กหบดความรู้
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 4 เพอร์เฟคแลดทดสอนหลบงเรียน
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ค. 5 ครึง่ เสียง แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค (โด-ฟา) ห่างกันกีค่ รึง่ เสียง
ก. 1 ครึง่ เสียง ข. 3 ครึง่ เสียง
ค. 5 ครึง่ เสียง ง. 7 ครึง่ เสียง
X X
เฉลยแนนฝึ กหบดการฟบง
เรื่องโน้ ตขบน้ คู่ 4 เพอร์เฟคแลดทดสอนหลบงเรียน
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น ขึ้น () แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
คาสบง่ จงเขียนโน้ต และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง () เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
(ตัวอย่าง)
ทิศทาง ลง ()
1.
2.
3.
ทิศทาง ลง ()
4.
แนนีรดเมิ นผลการเรียนรู้
แผนการสอนเรื่อง ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคและทดสอบหลังเรียน
การีรดเมิ น
พฤติ กรรม หมายเหตุ
ผ่าน ไม่ผ่าน
การตนจบงหวด
1. ความถูกต้องของการออก
เสียงแทนสัญลักษณ์ของจังหวะ ออกเสียงได้ถูกต้อง ออกเสียงได้ไม่
และตรงตามจังหวะ ถูกต้อง และไม่ตรง
ตามจังหวะ
2. ความถูกต้องการตบจังหวะ
ตบมือได้ถกู ต้อง และ ตบมือไม่ถกู ต้อง
ตรงตามจังหวะทัง้ เพลง และไม่ตรงตาม
จังหวะ
การร้อง
1. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องโน้ตระบบ ซอล-ฟา ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล- ร้อ งโน้ ต ระบบ ซอล-
ฟา ได้ต รงตามระดับ ฟา ไม่ต รงตามระดับ
เ สี ย ง แ ล ะ จั ง ห ว ะ ที่ เสี ย ง หรื อ จั ง ห ว ะ ที่
ถูกต้องทัง้ หมด ถูกต้อง
2. ความถูกต้อง ไพเราะในการ
ร้องเพลง ร้องเพลงได้ถูกต้องทัง้ ร้องเพลงไม่ถูกต้องทัง้
จังหวะ ทานอง การ จัง หวะ ท านอง การ
หายใจและลักษณะ หายใจและลั ก ษณะ
ของการออกเสียง ของการออกเสียงหรือ
ด้านใดด้านหนึ่ง
การวิ เคราดห์โน้ ตขบน้ คู่
1. ความถูกต้องการวิเคราะห์
ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคและทดสอบ วิ เ คราะห์ ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง วิ เ คราะห์ ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง
หลังเรียน และครบถ้วน หรือไม่ครบถ้วน
163
แนวคิ ด
โน้ตขัน้ คู่เป็ นโน้ต 2 เสียงที่เกิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึ่งเป็ นพื้นฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนทาแบบทดสอบความรูก้ ่อนเรียน
2. นักเรียนทาแบบทดสอบการฟงั ก่อนเรียน
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
กิ จกรรม
1. นักเรียนทาแบบทดสอบความรูก้ ่อนเรียน
2. นักเรียนทาแบบทดสอบการฟงั ก่อนเรียน
3. ครูเฉลยแบบทดสอบความรูแ้ ละการฟงั ก่อนเรียน
4. ครูแนะนาเรือ่ งขัน้ คู่ก่อนเรียน โดยครูเป็ นผูอ้ ธิบายให้ความรู้
การสอน
1. แบบทดสอบความรูก้ ่อนเรียน
2. แบบทดสอบการฟงั ก่อนเรียน
3. เปียโน
4. กระดาษ
5. ดินสอ
1. การทาแบบทดสอบความรูก้ ่อนเรียน
2. การทาแบบทดสอบการฟงั ก่อนเรียน
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
165
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คู่เป็นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
2. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคได้
2. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์และ
ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตช่อง (Space note) กับโน้ต
เส้น (Line note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์(d = A)
1 2
d r
A B
2 เมเจอร์
โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตเส้น (Line note) กับโน้ตเส้น
(Line note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ (d = G)
2 3
1
d m
G B
3 เมเจอร์
โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตเส้น (Line note) กับโน้ต
ช่อง (Space note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค (d = G)
1 2
3 4
d s,
G D
4 เพอร์เฟค
167
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้าโน้ต
ตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ ากว่าแต่ถ้าโน้ตซ้าอยู่ทร่ี ะดับ
เสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลง Looby Loo มีทศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์:
ซอล-ที) ทัง้ ขึน้ และลงเกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
3 3 3
เมเจอร์ เมเจอร์ เมเจอร์
168
ในเพลง Bridal Chorus มีทศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค: ฟา-ที) ขึน้ เกิดขึน้
ดังต่อไปนี้
4 4
เพอร์เฟค เพอร์เฟค
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสู่บทเรียน
1.1 ครูอธิบายเรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 3 เมเจอร์โดยใช้แผนภาพโน้ต
ขัน้ คู่ 2เมเจอร์ และขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ตามลาดับ
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 นักเรียนฟงั เพลง Looby Loo (CD Ear Without Fear Vol.2 track 12)
2.2 ให้นกั เรียนสังเกตทิศทางขึน้ ลงของเสียงขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ในเพลง Looby Loo
2.3 ครูอธิบายทิศทางการขึน้ ลงของเสียงจากเพลง Looby Loo ดังแผนภาพทิศทางการขึน้
ลงของเพลง Looby Loo
2.4 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดจาแนกเสียงขัน้ คู่ 2 เมเจอร์และขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ (CD Ear
Without Fear Vol.2 track 13)
2.5 ครูอธิบายเรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคโดยใช้แผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
2.6 นักเรียนฟงั เพลง Bridal Chorus (CD Ear Without Fear Vol.2 track 14)
2.7 ให้นกั เรียนสังเกตทิศทางขึน้ ลงของเสียงขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคในเพลง Bridal Chorus
2.8 ครูอธิบายทิศทางการขึน้ ลงของเสียงจากเพลง Bridal Chorus ดังแผนภาพทิศทางการ
ขึน้ ลงของเพลง Looby Loo
2.9 นั ก เรียนฟ งั และท าแบบฝึ ก หัดจ าแนกเสียงขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์แ ละ
ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค (CD Ear Without Fear Vol.2 track 15)
169
3. ขัน้ สรุป
3.1 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
การสอน
1. เพลง Looby Loo
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 12)
2. เพลง Bridal Chorus
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 14)
3. แผนภูมเิ พลง Looby Loo
4. แผนภูมเิ พลง Bridal Chorus
5. แบบฝึกหัดจาแนกเสียงขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 13)
6. แบบฝึกหัดจาแนกเสียงขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 15)
7. CD Ear Without Fear Vol.2
8. เครือ่ งเล่น CD
9. เปียโน
10. กระดาษ
11. ดินสอ
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.............................................................................................................................
170
แบบฝึ กหัดจาแนกเสียง
ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
คาสัง่ จงเขียนโน้ต บอกชนิดขัน้ คู่ (2 เมเจอร์ หรือ 3 เมเจอร์)
และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง ()
( CD Ear Without Fear Vol.2 track 13)
1. (ตัวอย่าง)
2 เมเจอร์
2.
3.
4.
5.
171
เฉลยแบบฝึ กหัดจาแนกเสียง
ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น 2 เมเจอร์
คาสัง่ จงเขียนโน้ต บอกชนิดขัน้ คู่ (2 เมเจอร์ หรือ 3 เมเจอร์)
และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง ()
( CD Ear Without Fear Vol.2 track 13)
1. (ตัวอย่าง)
2 เมเจอร์
2.
2 เมเจอร์
3.
3 เมเจอร์
4.
2 เมเจอร์
5.
3 เมเจอร์
172
แบบฝึ กหัดจาแนกเสียง
ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
คาสัง่ จงเขียนโน้ต บอกชนิดขัน้ คู่ (2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ หรือ 4 เพอร์เฟค)
และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง ()
( CD Ear Without Fear Vol.2 track 15)
1. (ตัวอย่าง)
2 เมเจอร์
2.
3.
4.
173
เฉลยแบบฝึ กหัดจาแนกเสียง
ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น 2 เมเจอร์
คาสัง่ จงเขียนโน้ต บอกชนิดขัน้ คู่ (2 เมเจอร์ 3 เมเจอร์ หรือ 4 เพอร์เฟค)
และบอกทิศทางของทานองว่าขึน้ () หรือลง ()
( CD Ear Without Fear Vol.2 track 15)
1. (ตัวอย่าง)
2 เมเจอร์
2.
2 เมเจอร์
3.
4 เพอร์เฟค
4.
3 เมเจอร์
174
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คู่เป็นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
2. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคได้
2. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ และ
ขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
โน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตช่อง (Space note) กับโน้ต
เส้น (Line note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ (d = A)
1 2
d r
A B
2 เมเจอร์
โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตเส้น (Line note) กับโน้ตเส้น
(Line note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์(d = G)
2 3
1
d m
G B
3 เมเจอร์
โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตเส้น (Line note) กับโน้ต
ช่อง (Space note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค (d = G)
1 2
3 4
d s,
G D
4 เพอร์เฟค
176
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้าโน้ต
ตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ ากว่าแต่ถ้าโน้ตซ้า อยู่ทร่ี ะดับ
เสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลง Looby Loo มีทศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่ 3 เมเจอร์:
ซอล-ที) ทัง้ ขึน้ และลงเกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
3 3 3
เมเจอร์ เมเจอร์ เมเจอร์
177
ในเพลง Bridal Chorus มีทศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค: ฟา-ที) ขึน้ เกิดขึน้
ดังต่อไปนี้
เพลง Bridal Chorus
4 4
เพอร์เฟค เพอร์เฟค
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสู่บทเรียน
1.1 ครูทบทวนเรื่องขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟคโดยให้นักเรียนฟงั
เพลง Looby Loo (CD Ear Without Fear Vol.2 track 12) และ Bridal Chorus (CD Ear Without
Fear Vol.2 track 14)
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดเรียงลาดับทานอง track 16 (CD Ear Without Fear
Vol.2 track 16)
2.2 นักเรียนร้องแบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 4 เพอร์
เฟค โดยครูแนะนาระดับเสียงให้ถูกต้อง
2.3 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดบันทึกโน้ตตามทีไ่ ด้ยนิ track 17 – 22 (CD Ear Without
Fear Vol.2 track 17 - 22)
3. ขัน้ สรุป
3.1 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์
และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
178
การสอน
1. เพลง Looby Loo
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 12)
2. เพลง Bridal Chorus
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 14)
3. แผนภูมเิ พลง Looby Loo
4. แผนภูมเิ พลง Bridal Chorus
5. แบบฝึกหัดเรียงลาดับทานอง track 16
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 16)
6. แบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
7. แบบฝึกหัดบันทึกโน้ตตามทีไ่ ด้ยนิ track 17 - 22
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 17 - 22)
8. CD Ear Without Fear Vol.2
9. เครือ่ งเล่น CD
10. เปียโน
11. กระดาษ
12. ดินสอ
1. การทาแบบฝึกหัดเรียงลาดับทานอง track 16
2. สังเกตการร้องโน้ตของนักเรียนแบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์
ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ และขัน้ คู่ 4 เพอร์เฟค
3. การทาแบบฝึกหัดบันทึกโน้ตตามทีไ่ ด้ยนิ track 17 - 22
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
179
1. D 2. B 3. E
1. C 5. F 6. A
181
d m d s, d
G B G D G
2.
m r r d r
B A A G A
3.
r d s, d m
A G D G B
4.
s, s, d r d
D D G A G
5.
m r d d s,
B A G G D
6.
d s, d r d
G D G A G
182
2.
m ____ ____ ____ ____ ____
3.
4.
5.
6.
m r d s, d
B A G D G
2.
r d m m r
A G B B A
3.
d r d s, d
G A G D G
4.
d r m d d
G A B G G
5.
m r r d r
B A A G A
6.
d r d s, s,
G A G D D
184
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คู่เป็นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
2. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ได้
2. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ได้อย่างถูกต้อง
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
โน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็นโน้ตเส้น (Line note) กับโน้ตเส้น
(Line note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ (d = G)
1 2 3
d l,
G E
3 ไมเนอร์
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้าโน้ต
ตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ ากว่าแต่ถ้าโน้ตซ้าอยู่ทร่ี ะดับ
เสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลง Rain, Rain Go Away มีทศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่
3 ไมเนอร์: มี-ซอล) ทัง้ ขึน้ และลงเกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
3 3 3 3 3 3
ไมเนอร์ ไมเนอร์ ไมเนอร์ ไมเนอร์ ไมเนอร์ ไมเนอร์
186
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสู่บทเรียน
1.1 ครูอธิบายเรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์โดยใช้แผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 นักเรียนฟงั เพลง Rain, Rain Go Away (CD Ear Without Fear Vol.2 track 23)
2.2 ให้นกั เรียนสังเกตทิศทางขึน้ ลงของเสียงขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ ในเพลง Rain, Rain Go Away
2.3 ครูอธิบายทิศทางการขึน้ ลงของเสียงจากเพลง Rain, Rain Go Away ดังแผนภาพทิศ
ทางการขึน้ ลงของเพลง Rain, Rain Go Away
2.4 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดจาแนกเสียงขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ (CD Ear Without Fear
Vol.2 track 24)
2.10 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดเรียงลาดับทานอง track 25 (CD Ear Without Fear
Vol.2 track 25)
2.11 นักเรียนร้องแบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ โดยครูแนะนาระดับเสียงให้
ถูกต้อง
2.12 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึ กหัดบันทึกโน้ตตามที่ได้ยนิ track 26 – 31 (CD Ear
Without Fear Vol.2 track 26 - 31)
3. ขัน้ สรุป
3.1 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
การสอน
1. เพลง Rain, Rain Go Away
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 23)
2. แผนภูมเิ พลง Rain, Rain Go Away
3. แบบฝึกหัดจาแนกเสียงขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 24)
4. แบบฝึกหัดเรียงลาดับทานอง track 25
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 25)
5. แบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์
6. แบบฝึกหัดบันทึกโน้ตตามทีไ่ ด้ยนิ track 26 - 31
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 26 - 31)
7. CD Ear Without Fear Vol.2
187
8. เครือ่ งเล่น CD
9. เปียโน
10. กระดาษ
11. ดินสอ
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
188
5. (ตัวอย่าง)
3 ไมเนอร์
6.
7.
8.
189
1. (ตัวอย่าง)
3 ไมเนอร์
2.
4 เพอร์เฟค
3.
2 เมเจอร์
4.
3 ไมเนอร์
190
2. D 2. F 3. C
2. A 5. E 6. B
192
d m r d l, s, d
G B A G E D G
2.
m d l, l, d r m
B G E E G A B
3.
r s, d m m r m
G D G B B A B
4.
l, d s, l, d m r
E G D E G B A
5.
s, d l, s, d m l,
D G E D G B E
6.
s, r m d l, s, d
D A B G E D G
193
2.
3.
4.
m ____ ____ ____ ____ ____
5.
6.
G E G B A D G
2.
s, l, s, l, d m r
D E D E G B A
3.
l, s, d l, m r d
E D G E B A G
4.
m r m l, d r d
B A B E G A G
5.
r m d s, l, m d
A B G D E B G
6.
l, d m r l, d m
E G B A E G B
195
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คู่เป็นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
2. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟคได้
2. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค ได้อย่างถูกต้อง
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
โน้ตขัน้ 5 เพอร์เฟค คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตเส้น (Line note) กับโน้ต
เส้น (Line note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค (d = G)
4 5
1 2 3 4 5
1 2 3
d s d s
G D G D
5 เพอร์เฟค 5 เพอร์เฟค
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้าโน้ต
ตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ ากว่าแต่ถ้าโน้ตซ้าอยู่ทร่ี ะดับ
เสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star มีทศิ ทางของทานอง (โน้ต
ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค: ซอล-เร’) ขึน้ เกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
5
เพอร์เฟค
197
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสู่บทเรียน
1.1 ครูอธิบายเรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค โดยใช้แผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 นักเรียนฟงั เพลง Twinkle, Twinkle, Little Star (CD Ear Without Fear Vol.2 track
32)
2.2 ให้นักเรียนสังเกตทิศทางขึน้ ลงของเสียงขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค ในเพลง Twinkle, Twinkle,
Little Star
2.3 ครูอธิบายทิศทางการขึน้ ลงของเสียงจากเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star ดัง
แผนภาพทิศทางการขึน้ ลงของเพลง Twinkle, Twinkle, Little Star
2.4 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดจาแนกเสียงขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค (CD Ear Without Fear
Vol.2 track 33)
2.10 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดเรียงลาดับทานอง track 34 (CD Ear Without Fear
Vol.2 track 34)
2.11 นักเรียนร้องแบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค โดยครูแนะนาระดับเสียงให้
ถูกต้อง
2.12 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึ กหัดบันทึกโน้ตตามที่ได้ยนิ track 35 – 40 (CD Ear
Without Fear Vol.2 track 35 - 40)
3. ขัน้ สรุป
3.1 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
การสอน
1. เพลง Twinkle, Twinkle, Little Star
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 32)
2. แผนภูมเิ พลง Twinkle, Twinkle, Little Star
3. แบบฝึกหัดจาแนกเสียงขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 33)
4. แบบฝึกหัดเรียงลาดับทานอง track 34
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 34)
5. แบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค
198
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
199
(ตัวอย่าง)
4 เพอร์เฟค
1.
2.
3.
4.
5.
200
(ตัวอย่าง)
4 เพอร์เฟค
1.
5 เพอร์เฟค
2.
3 เมเจอร์
3.
3 ไมเนอร์
4.
5 เพอร์เฟค
5.
3 เมเจอร์
201
3. D 2. C 3. E
3. B 5. F 6. A
203
m r d s, d s
B A G D G D
2.
s d r m s d r
D G A B D G A
3.
l, d s m r d
E G D B A G
4.
r d s, l, d m s
A G D E G B D
5.
s m d l, s, d
D B G E D G
6.
d s d s m d l,
G D G D B G E
204
2.
3.
4.
d ____ ____ ____ ____ ____
5.
6.
D E G A G D B
2.
r m s d l, s, d
A B D G E D G
3.
m s m r d l, r
B D B A G E A
4.
d r s, l, s, d s
G A D E D G D
5.
l, s, d s m r m
E D G D B A B
6.
m s d d l, s, r
B D G G E D A
206
แนวคิ ด
1. ระบบโดเคลื่อนทีเ่ ป็นระบบร้องโน้ตตัวแรกของบันไดเสียงหรือกุญแจเสียงด้วยโดเสมอไป
2. โน้ตขัน้ คู่เป็นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
3. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟคได้
2. นักเรียนสามารถอภิปรายเรือ่ งระบบโดเคลื่อนทีไ่ ด้อย่างถูกต้อง
3. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟคได้อย่างถูกต้อง
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
(do = G)
78 8
2 3 4 5 6 4 567
1 1 2 3
d d’ d d’
G G G G
8 เพอร์เฟค 8 เพอร์เฟค
(do = C)
4 5 6 78
78 1 2 3
2 3 4 5 6
1
d d’ d d’
C C C C
8 เพอร์เฟค 8 เพอร์เฟค
(do = F)
78 6 78
2 3 4 5 6 4 5
1 1 2 3
d d’ d d’
F F
F F
8 เพอร์เฟค 8 เพอร์เฟค
d s d s
G D C G
5 5
เพอร์เฟค เพอร์เฟค
d l, d l,
C A G E
3 3
ไมเนอร์ ไมเนอร์
209
d d s s l l s
F C D C
ตัวอย่างที่ 6
d d s s l l s
C G A G
ตัวอย่างที่ 8 do = C
210
ทิ ศทางของทานอง
การดาเนินทานองจากโน้ตตัวหนึ่งไปยังโน้ตตัวถัดไป มีอยู่ 3 ทิศทาง คือ ทิศทางขึน้ ถ้าโน้ต
ตัวหลังมีระดับเสียงสูงกว่า หรือทิศทางลงถ้าโน้ตตัวหลังมีระดับเสียงต่ ากว่าแต่ถ้าโน้ตซ้าอยู่ทร่ี ะดับ
เสียงเดิม ก็เรียกว่า ทิศทางคงที่ ในเพลง Over the Rainbow มีทศิ ทางของทานอง (โน้ตขัน้ คู่
8 เพอร์เฟค: ซอล-ซอล’ และ โด-โด’) ขึน้ เกิดขึน้ ดังต่อไปนี้
8 8
เพอร์เฟค เพอร์เฟค
8 8
เพอร์เฟค เพอร์เฟค
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสู่บทเรียน
1.1 ครูอธิบายเรือ่ งระบบโดเคลื่อนที่ (Moveable do) โดยให้นกั เรียนฟงั ดังต่อไปนี้
ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค อนที่ (Moveable do) โดยในตัวอย่างที่ 1 do = G
และตัวอย่างที่ 2 do = C (CD Ear Without Fear Vol.2 track 51)
ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ อนที่ (Moveable do) โดยในตัวอย่างที่ 3 do = C
และตัวอย่างที่ 4 do = G (CD Ear Without Fear Vol.2 track 52)
เพลง Twinkle, Twinkle, Little Star อนที่ (Moveable do) โดยใน
ตัวอย่างที่ 5 do = F และตัวอย่างที่ 6 do = C (CD Ear Without Fear Vol.2 track 53)
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 ครูสรุปเรือ่ งระบบโดเคลื่อนที่ (Moveable do) ให้นกั เรียนฟงั พร้อมทัง้ แสดง
แผนภาพขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค อนที่ (Moveable do) ตัวอย่างที่ 1 แ 2
แผนภาพขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ อนที่ (Moveable do) ตัวอย่างที่ 3 แ 4
211
การสอน
1. ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค อนที่ (Moveable do) ตัวอย่างที่ 1 และ 2
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 51)
2. ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ อนที่ (Moveable do) ตัวอย่างที่ 3 และ 4
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 52)
3. เพลง Twinkle, Twinkle, Little Star อนที่ (Moveable do)
ตัวอย่างที่ 5 และ 6 (CD Ear Without Fear Vol.2 track 53)
4. แผนภาพขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค อนที่ (Moveable do) ตัวอย่างที่ 1 และ 2
5. แผนภาพขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ อนที่ (Moveable do) ตัวอย่างที่ 3 และ 4
212
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
214
1.
2.
3.
4.
5.
6.
215
1.
8 เพอร์เฟค
2.
8 เพอร์เฟค
3.
4 เพอร์เฟค
4.
2 เมเจอร์
5.
5 เพอร์เฟค
6.
8 เพอร์เฟค
216
4. E 2. C 3. D
4. A 5. B 6. F
218
s, l, t, d m s m
D E F# G B D B
2.
d’ s m r t, d d’
G D B A F# G G
3.
l, d m r l, s, d
E G B A E D G
4.
d t, d r m s d
C B C D E G C
5.
s, d l, s, d m l,
D G E D G B E
6.
r d t, d m d s
D C B C E C G
219
2.
3.
4.
5.
6.
d t, l, d r m d
G F# E G A B G
2.
s m r d d’ s m
G E D C C G E
3.
m r d l, s, d d’
E D C A G C C
4.
d t, d s, l, r d
G F# G D E A G
5.
s, d r m l, d d’
C F G A D F F
6.
d d’ s m d t, d
G G D B G F# G
221
1.
2.
3.
222
1.
2.
3.
223
แนวคิ ด
1. โน้ตขัน้ คู่เป็นโน้ต 2 เสียงทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึง่ เป็นพืน้ ฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
2. ทิศทางของทานองอาจจะเคลื่อนไปในหลายทิศทาง เช่น ขึน้ ลง หรืออยูก่ บั ที่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถฟงั ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ได้
2. นักเรียนสามารถอภิปรายลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ได้อย่างถูกต้อง
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
โน้ตขัน้ 6 เมเจอร์ คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว ซึง่ เป็ นโน้ตเส้น (Line note) กับโน้ตช่อง
(Space note) ดังแผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
(d = G) (d = C) (d = F)
4 5 6 4 56 4 5 6
1 2 3 123 1 2 3
d l d l d l
G E C F F D
กิ จกรรม
1. การนาเข้าสู่บทเรียน
1.1 ครูอธิบายเรือ่ งโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์โดยใช้แผนภาพโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
2. การเรียนเนื้อหาสาระ
2.1 นักเรียนร้องแบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์ โดยครูแนะนาระดับเสียงให้
ถูกต้อง
2.2 นักเรียนฟงั และทาแบบฝึกหัดบันทึกโน้ตตามทีไ่ ด้ยนิ track 84 – 89 (CD Ear Without
Fear Vol.2 track 84 - 89)
2.3 นักเรียนทาแบบฝึกหัดบูรณาการ track 90 – 93 (CD Ear Without Fear Vol.2 track
90 - 93)
3. ขัน้ สรุป
3.1 ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายและสรุปลักษณะของโน้ตขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
การสอน
1. แบบฝึกหัด Sight-Singing ขัน้ คู่ 6 เมเจอร์
2. แบบฝึกหัดบันทึกโน้ตตามทีไ่ ด้ยนิ track 84 – 89
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 84 – 89)
3. นักเรียนทาแบบฝึกหัดบูรณาการ track 90 – 93
(CD Ear Without Fear Vol.2 track 90 - 93)
225
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
226
d s l s f r d
G D E D C A G
2.
m d r s, l, d d
E C D G A C C
3.
d l s f r d m
F D C B E D G
4.
m s f l s m d
E G F A G E C
5.
d l, s, d t, r d
F D C F E G F
6.
d l s f s t, d
G E D C D F# G
227
2.
3.
4.
5.
6.
d l d r m s d
C A C D E G C
2.
m f s m r d r
A B C A G F G
3.
m d s, d r m f
B G D G A B C
4.
s l s f m d s,
C D C B A F C
5.
d l, d m f r d
G E G B C A G
6.
d s l f m r d
C G A F E D C
229
1.
2.
3.
230
1.
2.
3.
231
แนวคิ ด
โน้ตขัน้ คู่เป็ นโน้ต 2 เสียงที่เกิดขึน้ พร้อมกันหรือเกิดขึน้ ทีละเสียงซึ่งเป็ นพื้นฐานในแนว
ทานองและแนวประสาน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนทาแบบทดสอบความรูห้ ลังเรียน
2. นักเรียนทาแบบทดสอบการฟงั หลังเรียน
เนื้ อหา
ขัน้ คู่
ขัน้ คู่ (Interval) คือ ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทัง้ สองทีบ่ ่ง
บอกทัง้ ระยะและลักษณะเสียงซึง่ โน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ พร้อมกันเรียกว่าขัน้ คู่แบบฮาร์โมนิก (Harmonic
Interval) และโน้ตขัน้ คู่ทเ่ี กิดขึน้ ทีละตัวเรียกว่าขัน้ คู่แบบเมโลดิก (Melodic Interval) นอกจากนี้โน้ต
ขัน้ คู่ยงั เป็นพืน้ ฐานของเสียงประสาน
ชนิดขัน้ คู่ม ี 5 ชนิด คือ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟค (Perfect) ดิมนิ ิชท์
(Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ซึง่ ใช้ตวั ย่อ M, m, P, d และ A ตามลาดับ การใช้
ตัวเลขแบ่งชนิดของขัน้ คู่นนั ้ ให้นับระยะห่างระหว่างโน้ตตัวบนและโน้ตตัวล่างโดยที่โน้ตตัวบนและ
โน้ตตัวล่างจะต้องถูกนับด้วย เช่น
กิ จกรรม
1. ครูทบทวนขัน้ คู่ทไ่ี ด้เรียนมาทัง้ หมด ได้แก่ ขัน้ คู่ 2 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 3 เมเจอร์ ขัน้ คู่ 4 เพอร์
เฟค ขัน้ คู่ 3 ไมเนอร์ ขัน้ คู่ 5 เพอร์เฟค ขัน้ คู่ 8 เพอร์เฟค
2. นักเรียนทาแบบทดสอบความรูห้ ลังเรียน
3. นักเรียนทาแบบทดสอบการฟงั หลังเรียน
การสอน
1. แบบทดสอบหลังเรียน
2. เปียโน
3. กระดาษ
4. ดินสอ
1. การทาแบบทดสอบความรูห้ ลังเรียน
2. การทาแบบทดสอบการฟงั หลังเรียน
หมายเหตุ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
233
ภาคผนวก ค
1. แบบทดสอบทักษะด้านการฟงั ก่อนและหลังการทดลอง
2. แบบทดสอบด้านความรูก้ ่อนและหลังการทดลอง
3. แบบวัดเจตคติ
4. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน
234
แบบทดสอบทักษะด้านการฟังก่อนและหลังการทดลอง
_______________________________________________________________________
คาชี้แจง
1. แบบวัดทักษะการฟงั ใช้วดั ก่อนและหลังการทดลอง
2. แบบวัดทักษะการฟงั แบ่งออกเป็น 3 ตอน
ตอนที่ 1 เขียนโน้ตตัวบนของขัน้ คู่ และบอกชนิดของขัน้ คู่ 10 ข้อ
ตอนที่ 2 จงเขียนโน้ต และบอกชนิดของขัน้ คู่
พร้อมทัง้ บอกทิศทางว่าขึน้ () หรือลง() 5 ข้อ
ตอนที่ 3 จงเขียนตัวโน้ตและชื่อโน้ตตามทีไ่ ด้ยนิ 5 ข้อ
รวม 20 ข้อ
3. ใน 1 ข้อมี 1 คะแนน รวมทัง้ หมด 20 คะแนน
235
1. 2. 3. 4. 5.
6. 7. 8. 9. 10.
ตอนที่ 2 จงเขียนโน้ต และบอกชนิดของขัน้ คู่ (คู่ 2 เมเจอร์, คู่ 3 เมเจอร์, คู่ 3 ไมเนอร์,
คู่ 4 เพอร์เฟค, คู่ 5 เพอร์เฟค, คู่ 6 เมเจอร์, คู่ 8 เพอร์เฟค)
พร้อมทัง้ บอกทิศทางว่าขึน้ () หรือลง () (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
1.
2.
3.
4.
5.
1. 2. 3. 4. 5.
เฉลยแบบทดสอบด้านความรู้ก่อนและหลังการทดลอง
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็ นตัวหนาและเอียง เช่น คู่ 3 เมเจอร์ แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
ตอนที่ 1 เขียนโน้ตตัวบนของขัน้ คู่ และบอกชนิดของขัน้ คู่ (คู่ 2 เมเจอร์, คู่ 3 เมเจอร์, คู่ 3 ไม
เนอร์,
คู่ 4 เพอร์เฟค, คู่ 5 เพอร์เฟค, คู่ 6 เมเจอร์, คู่ 8 เพอร์เฟค) (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
1. 2. 3. 4. 5.
คู่ 3 เมเจอร์ คู่ 5 เพอร์เฟค คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 8 เพอร์เฟค คู่ 3 เมเจอร์
6. 7. 8. 9. 10.
คู่ 4 เพอร์เฟค คู่ 6 เมเจอร์ คู่ 5 เพอร์เฟค คู่ 2 เมเจอร์ คู่ 6 เมเจอร์
ตอนที่ 2 จงเขียนโน้ต และบอกชนิดของขัน้ คู่ (คู่ 2 เมเจอร์, คู่ 3 เมเจอร์, คู่ 3 ไมเนอร์,
คู่ 4 เพอร์เฟค, คู่ 5 เพอร์เฟค, คู่ 6 เมเจอร์, คู่ 8 เพอร์เฟค)
พร้อมทัง้ บอกทิศทางว่าขึน้ () หรือลง () (เล่นให้ฟงั 2 ครัง้ )
1.
2.
3.
4.
5.
1. 2. 3. 4. 5.
C D F C’ C A
239
แบบทดสอบด้านความรู้ก่อนและหลังการทดลอง
_______________________________________________________________________
คาชี้แจง
1. แบบทดสอบด้านความรูใ้ ช้ทดสอบก่อนและหลังการทดลอง
2. แบบวัดด้านความรูแ้ บ่งออกเป็น 2 ตอน
ตอนที่ 1 ให้นกั เรียนเขียนคาตอบคาถามทีถ่ ูกต้องทีส่ ุดเพียงคาตอบเดียว 16 ข้อ
ตอนที่ 2 ให้นกั เรียนวงกลมล้อมรอบข้อทีถ่ ูกต้องทีส่ ุดเพียงคาตอบเดียว 4 ข้อ
รวม 20 ข้อ
3. ใน 1 ข้อมี 1 คะแนน รวมทัง้ หมด 20 คะแนน
240
2.1 คู่ 5 เพอร์เฟค 2.2 คู่ 3 ไมเนอร์ 2.3 คู่ 2 เมเจอร์ 2.4 คู่ 8 เพอร์เฟค
2.5 คู่ 3 ไมเนอร์ 2.6 คู่ 3 เมเจอร์ 2.7 คู่ 6 เมเจอร์ 2.8 คู่ 4
241
4.
เฉลยแบบทดสอบด้านความรู้ก่อนและหลังการทดลอง
หมายเหตุ ข้อทีม่ อี กั ษรเป็นตัวหนาและเอียง เช่น ก. 3 เมเจอร์ แสดงถึงคาตอบทีถ่ ูกต้อง
ตอนที่ 1 ให้นกั เรียนเขียนคาตอบคาถามทีถ่ ูกต้องทีส่ ุดเพียงคาตอบเดียว
1. ให้นกั เรียนบอกขัน้ คู่ต่อไปนี้ (คู่ 2 เมเจอร์, คู่ 3 เมเจอร์, คู่ 3 ไมเนอร์, คู่ 4 เพอร์เฟค,
คู่ 5 เพอร์เฟค, คู่ 6 เมเจอร์, คู่ 8 เพอร์เฟค)
1.1 คู่ 3 เมเจอร์ 1.2 คู่ 5 เพอร์เฟค 1.3 คู่ 3 ไมเนอร์ 1.4 คู่ 2 เมเจอร์
1.5 คู่ 3 เมเจอร์ 1.6 คู่ 3 ไมเนอร์ 1.7 คู่ 4 เพอร์เฟค 1.8 คู่ 6 เมเจอร์
2.1 คู่ 5 เพอร์เฟค 2.2 คู่ 3 ไมเนอร์ 2.3 คู่ 2 เมเจอร์ 2.4 คู่ 8 เพอร์เฟค
2.5 คู่ 3 ไมเนอร์ 2.6 คู่ 3 เมเจอร์ 2.7 คู่ 6 เมเจอร์ 2.8 คู่ 4
244
4.
แบบวัดเจตคติ
_______________________________________________________________________
คาชี้แจง
1. แบบวัดเจตคติใช้วดั ก่อนและหลังการทดลอง
2. แบบวัดเจตคติแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
2.1 องค์ประกอบด้านปญั ญา 2 ข้อ
2.2 องค์ประกอบด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ 7 ข้อ
2.3 องค์ประกอบด้านพฤติกรรม 4 ข้อ
รวม 13 ข้อ
3. ใน 1 ข้อ มี 3 คะแนน รวมทัง้ หมด 39 คะแนนโดยมีเกณฑ์การให้คะแนน
แบ่งเป็น 2 ส่วน
3.1 เห็นด้วย แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
ระดับมาก 3 คะแนน
ระดับปานกลาง 2 คะแนน
ระดับน้อย 1 คะแนน
3.2 ไม่เห็นด้วย 0 คะแนน
247
แบบวัดเจตคติ
ชื่อ........................................................ วัน...........................เวลา...................แผนที…
่ ….
แบบสังเกตพฤติ กรรมการเรียน
_______________________________________________________________________
คาชี้แจง
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนใช้ระหว่างการทดลองเพื่อช่วยในการวัดเจตคติ
2. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
2.1 ด้านปญั ญา 3 ข้อ
2.2 ด้านอารมณ์ ความรูส้ กึ 3 ข้อ
2.3 ด้านความรับผิดชอบ 3 ข้อ
รวม 9 ข้อ
3. ใน 1 ข้อ มี 3 คะแนน รวมทัง้ หมด 27 คะแนน
249
แบบสังเกตพฤติ กรรมการเรียน
ชื่อ......................................................... วัน...........................เวลา...................แผนที.่ ......